ชื่นหัวใจ กลิ่นอายรัก
เศร้า เคล้า โรแมนติก
Tags: โรแมนติกดราม่า

ตอน: ตอนที่ 8/1

ตอนที่ 8
ไกรวิทย์และรมณขับรถมาจอดหน้าบ้านวิริยะอนันต์ โดยแอบอยู่หลังกำแพงรั้วเพื่อดูลาดเลา หลังจากที่เดินทางจากโรงแรมจุลภักดิ์มาที่นี่เพื่อมาส่งข่าวเกี่ยวกับทนายและพินัยกรรมให้อ้วนกับนพพลรับรู้พร้อมทั้งได้โทรศัพท์นัดแนะกันในวันนี้เพื่อไปพบทนายและช่วยกันวางแผนอีกที ไกรวิทย์และรมณมองลอดรั้วเข้าไปในคฤหาสน์เพื่อมองหาคนที่เขานัดไว้ว่าออกมาตามนัดหรือยัง
ไกรวิทย์ยกข้อมือมาเพื่อดูนาฬิกาอยู่ สองสามครั้ง และแล้วเขาก็เห็นคนที่เขานัดเดินออกมาแล้ว
“นั่นไง ป้าอ้วน กับนพพลออกมาแล้ว!” ชายหนุ่มชี้ให้รมณเพื่อนสาวมอง ก่อนจะเปิดประตูรถลงไปต้อนรับเมื่อพวกเขามาถึง
“เป็นไงบ้างป้าคุณนงลักษณ์กับคุณพัฒน์สงสัยอะไรไหม” ไกรวิทย์เอ่ยถามทันทีเมื่อทั้งสองเดินมาที่รถ
“ทางสะดวกค่ะวันนี้ คุณพัฒน์กับคุณนงไม่อยู่บ้าน ส่วนคุณหนูแอลก็นอนยังไม่ตื่นเลยค่ะ” อ้วนบอกเบาๆแทบกระซิบกลัวใครจะได้ยิน
“โห! นี่บ่ายแล้วนะยังไม่ตื่นอีกเหรอ” รมณพูดอย่างแปลกใจว่าทำไมตื่นสายขนาดนี้
“หึ จะไม่ให้ตื่นสายได้ไงล่ะ ก็เที่ยวซะดึก กลับมาเมื่อตอนตี 5 นี่เองเมาแอ๋กลับมาเลย ป้าล่ะงงจริงๆไม่รู้ขับรถมาได้ยังไง” อ้วนตอบตามที่เธอได้เห็นเพราะเลอลักษณ์นั้นกลับมาบ้านในเวลาเดียวกับที่หล่อนตื่นมาจัดแจงทำครัวพอดี
“แล้วคุณล่ะ นพพล โทรหาพ่อเลี้ยงอินทัชหรือยัง” ไกรวิทย์หันมาถามนพพลบ้าง
“โทรแล้วนะ แต่พ่อเลี้ยงไม่รับสายเลย สงสัยคงยุ่งเรื่องงานอยู่น่ะครับ แต่ไม่เป็นไรหรอกครับเดี๋ยวพ่อเลี้ยงว่างคงโทรกลับมา”นพพลตอบเสียงเครียด อ้วนได้ฟังแล้วก็รู้สึกเครียดเช่นกันเพราะคุณหนูของเธอก็ยังไม่ติดต่อมาเลย
“คุณหนูทับทิมจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้นะคะ ไม่โทรหาป้าเหมือนกันแต่ป้าก็ดีใจมากแล้วนะคะที่เจอคุณทนายแล้วก็พินัยกรรมเสียที”อ้วนบอกน้ำเสียงดีใจ
“ใช่แล้วค่ะพวกเราก็ดีใจ แต่ตอนนี้พวกเรารีบไปกันก่อนเถอะค่ะเดี๋ยวใครจะมาเห็นเข้าเสียก่อน” รมณเชิญชวนปนเร่งไปด้วย จากนั้นทุกคนก็พากันขึ้นรถยนต์ของไกรวิทย์ และรถก็เคลื่อนพ้นไปจากคฤหาสน์หลังงามนั้นไป แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่าทุกคำพูดและทุกการกระทำของพวกเขาเมื่อครู่นี้นั้น มีผู้ที่ไม่ได้รับเชิญคนหนึ่งรับรู้ ได้เห็นและได้ยินหมดแล้ว!!!

ณ บ่อนการพนันชื่อดังแถบชานเมือง
นักพนันมากหน้าหลายตาทั้งหนุ่มทั้งสาวทั้งแก่มีครบในที่แห่งนี้ ต่างคนต่างอารมณ์เพราะแต่ละคนได้บ้างเสียบ้างปนกันไป แม้จะค่อนข้างคับแคบเพราะเพิ่งจะย้ายมาจากที่เก่าที่กว้างขวางและหรูหรากว่ามาที่นี่ เหตุที่ย้ายเพราะถูกนายชูวุฒินักการเมืองชื่อดังเล่นงานโดยการนำคลิปในบ่อนที่มีผู้แฝงตัวเข้ามาเล่นไปเผยแพร่ในสภาทำให้เจ้าของบ่อนและนายตำรวจที่รู้เห็นทำการขนย้ายอุปกรณ์และย้ายสถานที่มาที่นี่ ถึงกระนั้นเหล่ามิตรรักแฟน(ผี)พนันที่รู้ข่าวก็ยังตามมาเสี่ยงดวงอย่างไม่นึกกลัวเกรง
พิพัตน์และนงลักษณ์ก็เป็นแฟนคลับตัวยงของบ่อนนี้เช่นกัน ทว่าวันนี้ทั้งครู่เริ่มดวงไม่ดีเสียแล้ว
“โอ๊ย! วันนี้มันวันอะไรกันวะเนี่ย” พิพัฒน์สบถอย่างโมโหหลังจากที่เขาเห็นหน้าไพ่แล้วสะบัดลงบนโต๊ะอย่างไม่ใยดี และแล้วชิปกองสุดท้ายที่อยู่กับเขาก็ถูกฝ่ายกินแต้มกวาดไปเรียบร้อยแล้ว เขาจึงหันไปนงลักษณ์ที่โต๊ะข้างๆซึ่งกำลังหน้าดำคร่ำเครียดลุ้นไพ่ตัวโก่งเช่นกัน
และแล้วเมื่อหล่อนเปิดหน้าไพ่ออก ก็เหมือนถูกถีบตกเหว
“โธ่เว้ย! บอดอีกแล้ว” นงลักษณ์ครวญอย่างหงุดหงิดที่วันนี้เสียหมดตัวเลย หล่อนหันไปหาสามี ซึ่งยืนมองหล่อนอย่างไม่สบอารมณ์ก็พอเดาได้ทันที ว่าทางสามีก็.....หมดตัวเช่นกัน
“ไปกลับกันเถิดคุณ วันหลังค่อยมาเล่นใหม่”พิพัฒน์ชวนหลังจากที่เห็นภรรยาเดินหน้าหงิกมาหา
“ไม่ ฉันต้องเอาทุนคืนให้ได้ เอ้า คุณไปกดเงินให้ฉันที” นงลักษณ์บอกอย่างไม่ยอมพร้อมกับยื่นบัตรเอทีเอ็มให้พิพัฒน์
“จะดีเหรอคุณ นี่หมดไปหลายแสนแล้วนา..” พิพัฒน์บอกด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเมียตัวเองจะเล่นอีก ตั้งแต่ร่วมกันฉ้อโกงเงินของบริษัทมาในตอนที่ภากรยังมีชีวิตอยู่หล่อนก็ไม่เคยพอใจเลย เนื่องจากมาลงที่บ่อนกับใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเสียเป็นส่วนใหญ่ ถึงตอนนี้พวกเขามีมรดกมากมายมหาศาลก็ยิ่งทำให้เหิมเกริมใช้จ่ายกันแทบไม่ลืมหูลืมตาทีเดียว
ทว่ายังไม่ทันที่นงลักษณ์จะขยับปาก เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น หล่อนมองหน้าสามีหัวเสียที่มีคนโทรมาขัดจังหวะจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหน้าจอก็พบว่าเป็นลูกสาวของตัวเองหล่อนจึงกดรับ
“ว่าไงยัยแอล มีอะไรก็รีบพูดๆมานะตอนนี้แม่กำลังเครียด”นงลักษณ์กรอกเสียงลงไปอย่างหงุดหงิด ฝ่ายเลอลักษณ์เมื่อได้ยินเสียงแม่พูดเช่นนั้นบวกกับเสียงอื้ออึงโหวกเหวกปะปนอยู่จึงรู้ทันทีว่าผู้เป็นแม่อยู่ที่ไหนและกำลังเครียดเรื่องอะไร
“คุณแม่อ่ะ มัวแต่เล่นอยู่ได้ไพ่อ่ะ รู้ไหมว่าไอ้นพพลกับยายอ้วนมันรวมหัวกันหักหลังแม่แล้ว” เลอลักษณ์รีบเล่าอย่างร้อนรน และคำบอกเล่าของเธอนั้นทำเอานงลักษณ์แทบหยุดหายใจ หล่อนจึงรีบย้อนถามกลับไปทันควัน
“หา ! นี่แกหมายความว่าไงยัยแอล ไอ้นพกับนังอ้วนมันหักหลังอะไรแม่” คำพูดที่นงลักษณ์ย้อนถามไปหาลูกสาวนั้นทำเอาพิพัฒน์ที่ยืนฟังอยู่หูผึ่งขึ้นมาทันที
“คุณแม่ วันนี้เพื่อนนังทับทิมมันมาหาไอ้นพพลกับยัยอ้วน แล้วมันก็นัดแนะกันกันไปคุยเรื่องพินัยกรรมกับเรื่องทนายอะไรนี่แหละแม่ ที่สำคัญมันบอกว่ามันเจอพินัยกรรมแล้วอ่ะแม่ ทำไงดีคะ พวกมันต้องเอาตำรวจมาลากคอพวกเราแน่เลย” นงลักษณ์แทบเป็นลมเมื่อได้ฟังคำบอกเล่าจากลูกสาวก่อนจะกำหมัดแน่นอย่างแค้นใจ
“แล้วลูกรู้ได้ไง!” นงลักษณ์ตะคอกถามไปอย่างร้อนรน
“ก็เมื่อตอนบ่ายๆแอลรู้สึกอยากอ้วกก็เลยลุกไปเข้าห้องน้ำแล้วก็เข้าไปอ้วก รู้สึกไม่ค่อยสบายกะจะโทรหาคุณพ่อคุณแม่ฝากซื้อยามาให้หน่อย เสร็จแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าลืมโทรศัพท์ไว้ในรถก็เลยลงไปเอา แล้วแอลก็เห็นพวกนั้นมันยืนคุยลับๆล่อๆกันอยู่ข้างรั้ว แอลสงสัยก็เลยไปแอบฟังอ่ะแม่” เลอลักษณ์เล่าได้แค่นั้นผู้เป็นแม่ก็กดวางสายทันที ก่อนหันไปจองหน้าพิพัฒน์ตาเป็นมัน ด้วยอารมณ์โมโหแบบสุดๆ
“เกิดอะไรขึ้นหรือคุณ!” พิพัฒน์ถามอย่างใจร้อนเมื่อเห็นสีหน้าภรรยา เพราะเขาก็เดาได้ว่าคงเกิดเรื่องแน่ๆเพราะนงลักษณ์ทำหน้าเครียดยิ่งกว่าเสียไพ่หลายเท่านัก

ที่ไร่บริรักษ์ศักดา
ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นคนงานในไร่กำลังสาละวนอยู่กับการเก็บขวดสารเคมีที่เขาเคยใช้ฉีดเพื่อฆ่าแมลงในไร่ใส่กระสอบใบใหญ่เพื่อนำไปทิ้งให้ไกล เนื่องจากพักนี้พ่อเลี้ยงอินทัชเข้มงวดเป็นพิเศษเกี่ยวกับการใช้สารเคมี และกำลังหาคนที่แอบนำสารเคมีมาใช้เพื่อมาลงโทษ
“ยะอิหยังอยู่นายปั้น” เสียงเข้มดังขึ้นด้านหลัง นายปั้นสะดุ้งโหยง พร้อมกับเหงื่อเม็ดเล็กๆที่ผุดขึ้นโดยไม่ได้นัดหมาย ก่อนจะหันไปมอง และสิ่งที่เขาเห็นนั้นทำเอาปั้นตกใจจนหน้าซีดเมื่อชายเจ้าของเสียงเข้มเมื่อครู่นี้คืออำพล และที่ยืนอยู่ข้างๆอำพลไม่ใช่ใครที่ไหน พ่อเลี้ยงอินทัชที่เอง ปั้นผวาแทบหงายหลัง ขวดสารเคมีที่อยู่ในมือร่วงลงสู่พื้นทันที
“เฮาสงสัยพฤติกรรมของตั๋วมาเมินแล้วเน้อ ว่าแล้วเชียวชอบมาทำลับๆล่อๆตี้โรงเก็บของนี่ ตั๋วนี่เองตี้แอบใช้สารเคมี ยะหยังถึงขัดคำสั่งป้อเลี้ยง!” อำพลส่งเสียงใส่อย่างโมโหแทนอินทัช ที่ถูกคนงานลอบใช้สารเคมี ทั้งที่อินทัชบอกตลอดว่าไร่นี้เป็นไร่ออแกนิกส์ แถมปีนี้ผลิตภัณฑ์แปรรูปก็ได้รับรางวัลด้วย แต่คนงานของเขามาทำเสียแบบนี้ ไม่น่าให้อภัยจริงๆ
“แกเอาสารเคมีพวกนี้ไปฉีดพ่นที่ไหนบ้าง บอกมา!” อินทัชถามเสียงกึกก้องดูมีอำนาจ นายปั้นสะดุ้งอย่างหวาดกลัวและล้มตัวลงนั่งคุกเข่าต่อหน้าอินทัชอย่างสำนึกผิด
“สุมาเต๊อะเจ้า ป้อเลี้ยง ข้าเจ้าผิดนักแล้ว แต่ข้าเจ้าบ่ได้ไปฉีดกันแมลงที่ไร่ชาเน้อ แต่ข้าเจ้าไปฉีดที่แปลงพืชสวนครัวตี้เฮาส่งไปขายอย่างเดียวเจ้า” อินทัชได้ฟังแล้วก็เลือดขึ้นหน้าด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง ถึงแม้ไม่ได้ใช้กับไร่ชาที่เป็นหัวใจสำคัญของไร่ แต่พืชผักสวนครัวจากไร่ของเขาก็นับว่าเป็นหน้าเป็นตาของไร่เขาเช่นกัน โดยเฉพาะคำว่าปลอดสารเคมีที่ลูกค้าเชื่อมั่นและไว้ใจ แต่กลับมีสารเคมีปนเปื้อน แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าปลอดสารเคมีได้อย่างไร
“แกต้องถูกลงโทษให้สาสมกับความเสียหายที่ฉันได้รับ พักงาน สามเดือน แล้วเอาไอ้สารเคมีบ้าๆนี่ไปทิ้งให้หมดด้วย อย่าให้หลงเหลือแม้แต่หยดเดียว” อินทัชออกคำสั่งเสียงเฉียบขาด ทำเอาปั้นถึงกับเข่าอ่อนกับบทลงโทษที่เขาได้รับ ซึ่งไม่คุ้มเลยกับการที่เขาเป็นเพียงคนที่ถูกสั่งให้ทำอีกที กับการที่ต้องขาดรายได้ไปถึงสามเดือน และก่อนที่อินทัชและอำพลจะหันหลังกลับ ปั้นจึงร้องขี้นเสียงสั่น
“หากป้อเลี้ยงจะลงโทษเฮากะต้องลงโทษผู้ที่ใช้หื้อเฮายะโต้ยเน้อ” ได้ยินเท่านั้นอำพลกับอินทัชจึงหันกับมาด้วยความแปลกใจกับคำที่ปั้นพูด ซึ่งนั่นหมายความว่าเรื่องนี้มีผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง
“ใครเป็นคนสั่งให้นายทำ!” อินทัชส่งคำถามไปอย่างเคร่งเครียด อีกฝ่ายก็เต็มใจตอบอย่างยินดีด้วยหวังว่าตัวเองจะพ้นโทษ
“แม่ใบบัวเจ้า!” และคำตอบนี้ก็ทำให้อินทัชและอำพลต้องอ้าปากค้างด้วยความไม่คาดคิด




พราวเพชร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ก.ค. 2555, 16:01:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ก.ค. 2555, 16:01:45 น.

จำนวนการเข้าชม : 1160





<< ตอนที่ 7/3   ตอนที่ 8/2 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account