ทิวาเลือน
เรื่องราวของการสืบหาความจริงที่ยังคลุมเครือของการเลิกราของเมฆาและเริ่มทิวาจนนำไปสู่อุบัติเหตุที่คร่าชีวิตฝ่ายหญิง

โดยรวี ที่อยากจะช่วยญาติให้หลุดพ้นความเศร้าโศก ชักชวน อรุณงามญาติฝ่ายหญิงให้มาช่วยกันสืบด้วยความไม่เต็มใจนัก

ยิ่งสืบยิ่งยุ่ง อะไรหนอหรือใครกันที่เป็นสาเหตุอันแท้จริง


Tags: ชิตา ทิวาเลือน รักโรแมนติค

ตอน: ๑๒

สองหนุ่มสาว ออกมาจากห้องหอไม่นานจากนั้น แต่ก็เดินทางไปพักที่รีสอร์ทอันสวยงามขึ้นชื่อ ไม่ไกลนักจากบ้าน สานต่อความสัมพันธ์สวาทที่ยังสดใหม่และหอมหวนรัญจวนชวนมัวเมา จนรุ่งขึ้นตอนเย็นย่ำ เมฆาจึงขับรถมาส่งเริ่มทิวาที่หน้าบ้าน มีคนสามคนนั่งอยู่ตรงม้าหินอ่อน ป้ารุ้งแพงทำตาขวางไม่พอใจ อรุณงามนั้นแค่ยิ้ม ส่วนตะวันฉายนั้นสีหน้านิ่งมาก

เมฆายกมือไหว้ผู้ใหญ่

“ผมขอโทษครับ ผมผิดเอง รถเสียน่ะครับ ทำให้ต้องค้าง”

“จนป่านนี้แล้ว จะมาแก้ตัวอะไรก็ได้ทั้งนั้น กลับไปซะ ฉันมีเรื่องจะพูดกับหลานสาวฉัน” ป้ารุ้งแพงไล่ ซึ่งเมฆาก็ยอมแต่โดยดี ก่อนจากก็ส่งสายตามีความหมายมาให้เริ่มทิวา รายนั้นก็ก้มหน้างุดเดินไปส่งที่รั้ว แล้วเดินกลับมา

“ตามป้าไปที่ห้อง” ป้ารุ้งแพงสั่ง

“ตายแน่ทิวาเอ๋ย” อรุณงามพึมพำเบาๆ กับพี่ชาย ซึ่งตะวันฉายก็ไม่ได้โต้ตอบ จ้องมองไปยังเริ่มทิวาที่เดินตามป้าไปอย่างว่าง่าย

ไม่มีความรู้สึกผิดในแววตาของหล่อน มีแต่ความรักฉายแสงล้นปรี่ เริ่มทิวาเอ๋ย เป็นของเขาเสียแล้วหรือนี่




คนที่รักกัน จะแต่งงานกันในเดือนสองเดือน หากว่าจะพลั้งเผลอมีความสัมพันธ์กันทางกายกันก่อนวันวิวาห์ในสมัยนี้จะถือว่าผิดไหม ชิงสุกก่อนห่ามหรือเปล่า ก็ตอบยาก หลายคู่ เขาก็อยู่กันมาจนแก่เฒ่าโดยไม่ได้ตบไม่ได้แต่ง ผู้ชายบางคนก็ไม่ถือเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่อีกต่อไป ค่านิยมของผู้หญิงสมัยใหม่เปลี่ยนไปแล้ว ถ้าไม่ได้ปิดหูปิดตา

แต่คนแก่อย่างป้ารุ้งแพงคงรับไม่ได้ แม้เขาจะไม่ได้ยอมรับ(ก็ใครจะบ้าสารภาพ) แต่ก็ไม่มีใครพูดออกมาให้ทิวาเสื่อมเสีย ด้วยผู้รู้ก็มีแค่คนในครอบครัวเท่านั้น และคงจะเทศนาเริ่มทิวาจนคู่หมั้นของเขาทำตัวห่างเหินในครั้งต่อมาที่ไปรับไปส่งกัน

แรกเริ่มก็เข้าใจว่าคงอาย เขาก็ไม่เซ้าซี้ อีกสองเดือนก็จะได้อยู่ด้วยกันแล้ว อดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่า แต่อาการเหม่อลอยเป็นอาทิตย์ๆ ของเริ่มทิวาคงไม่ได้มีสาเหตุมาจากเรื่องวันนั้นเป็นแน่แท้

“ทิวา เป็นอะไรไปอีก คุณป้ายังโกรธอยู่หรือ”

“อะไรนะคะ” หล่อนหันกลับมามองคู่หมั้น ดวงตาหม่นแสง

เมฆาจับมือหล่อนบีบเบาๆ

“ป้ายังโกรธอีกหรือ ท่านดุด่าคุณว่าไงมั่ง บอกให้ผมฟังได้ไหม จริงๆ แล้ว ถามว่าเราทำผิดไหม ในสายตาท่านก็คงคิดว่าผิด แต่เราจะแต่งงานกันอยู่แล้วนี่นา ท่านก็ไม่น่าดุทิวา จนทิวาเศร้าอย่างนี้”

“มันจบแล้วค่ะ เรื่องนั้น”

“ป้าไม่ต่อว่าทิวาแล้วใช่ไหม งั้นทำไมดูทิวามีเรื่องให้คิดมากอย่างนี้”

“คุณเมฆค่ะ ถ้า ถ้าเกิดสักวันหนึ่ง ทิวาทำเรื่องให้คุณเสียใจ คุณเมฆยกโทษให้ทิวานะคะ”
เมฆาหัวเราะ

“ผมสิ ต้องเป็นคนพูดคำนั้น ถ้าเกิดแต่งงานกันไป แล้วทำให้ทิวาเสียใจ ทิวาต้องบอกต้องเตือนผมนะว่า ผมทำผิด ผมทำไม่ถูก”

“โธ่ คุณเมฆ ไม่มีวันทำให้ทิวาเสียใจหรอกค่ะ สิ่งที่เกิดขึ้นวันนั้น ทิวาก็ไม่ได้เสียใจสักนิดเดียว” เสียงหล่อนเข้มขึ้น แต่สีหน้ายิ่งหมองลง

“งั้นเป็นอะไรหรือ หรือว่ากังวล เรื่องงานแต่ง”

“เปล่าค่ะ”

“หรือว่ากังวลที่จะต้องจากคุณป้ามาอยู่กับผม”

“เปล่าค่ะ”

“เอ งั้นเป็นอะไร”

“ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น พาทิวากลับเถอะค่ะ นะคะ”

ปากบอกไม่ได้เป็นอะไร แต่สีหน้าแววตาแตกต่าง แต่เพราะงานวิวาห์ที่ใกล้เข้ามา และความเชื่อมั่นที่มีต่อหล่อน เขาเลยไม่เอะใจ ไม่สงสัยไม่ระแวงใดๆ ทั้งสิ้น คงจะเป็นความไม่สบายใจที่ต้องจากอกป้า มาอยู่กับอดีตเสือผู้หญิงอย่างเขา

จวบจนอีกประมาณสองอาทิตย์จะถึงวันแต่ง ป้ารุ้งแพงกับตะวันฉาย ก็เดินทางมาขอพบพ่อเลี้ยงเอนกกับเขาอย่างเป็นการเป็นงานที่บ้าน แจ้งข่าวร้ายว่าเริ่มทิวาขอถอนหมั้นเขา พร้อมคืนของหมั้นทุกอย่าง

เหมือนฟ้าฟาดลงมากลางใจ เหมือนใครเอาค้อนทุบกลางศีรษะ เมฆานิ่งสนิท หลังจบคำพูดของป้ารุ้งแพง และเขาก็อาละวาดหลังจากที่ป้าและญาติของหล่อนกลับไป

ไม่มีใครรู้สาเหตุว่าทำไม เริ่มทิวาคิดและตัดสินใจยกเลิกการแต่งงานด้วยตัวของหล่อนเอง สิ่งที่เกิดขึ้นไม่มีที่มาที่ไป ไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่เป็นเพราะเรื่องการมีความสัมพันธ์ก่อนแต่งงานแน่นอน ไม่ใช่เรื่องหญิงอื่น ก็เขาเคลียร์ตัวเองเรียบร้อย หลังจากวันที่ดาเรศมาหาวันนั้น ก็ไม่ได้มีการติดต่อกันอีก แล้วมันเรื่องอะไรเล่า

เมฆาขับรถตรงดิ่งไปยังบ้านของหล่อน ขอพบเริ่มทิวา แต่หล่อนก็ไม่อยู่ และไม่มีใครต้อนรับ อรุณงามถึงกับพูดใส่หน้าเขาว่า

“คิดว่ากลับตัวได้ ที่ไหนได้ สุดท้ายก็ทำให้ทิวาช้ำใจ”

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย เมฆาตะโกนในใจ เขาโทรศัพท์หาหล่อนก็ไม่ติด ตามหาหล่อนแทบจะทุกที่ ที่ทำงานก็ปรากฏว่าหล่อนลาออกแล้ว บ้านเพื่อน ของหล่อนที่เขาไปตาม ทุกคนรุมประนามเขาหมดว่า เขามันเลว ทำให้ทิวาเสียใจ ก็เขาไปทำอะไรให้หล่อนเล่า เขาถึงขนาดไปหาดาเรศขู่หล่อนให้บอกว่า ดาเรศไปสร้างเรื่องอะไรให้เริ่มทิวาเข้าใจผิดหรือไม่ แต่ก็ไร้ประโยชน์ สมองเขากลายเป็นสีดำ คิดอะไรไม่ออก ความผิดหวังคับอก จนแทบจะระเบิด ข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ถึงกับแซวว่า กรรมตามทันหลานชายพ่อเลี้ยงดังโดนคู่หมั้นทิ้ง เขาตามหาหล่อนเหมือนคนบ้า แต่หล่อนก็หนีหน้าซ่อนตัวได้อย่างไร้ร่องรอย

อยู่ที่ไหนเล่า ทิวาของผม

ออกมาพูดกันให้รู้เรื่องดีกว่า

อย่าได้หนีหน้าผม

โกรธ เกลียดไม่พอใจอย่างไร ก็บอกผม ผมจะได้ปรับปรุงตัว อย่าทำให้ผมเหมือนตกนรกอย่างนี้

“นายไปทำอะไรไว้” รวีเคยถามเมื่ออดรนทนไม่ได้

“ไม่ได้ทำอะไรโว้ย อย่าถามฉันแบบนี้อีก นายนั่นแหละ พอจะรู้บ้างไหมว่าทิวาจะหนีไปไหนได้อีก”

รวีสั่นศีรษะ พยายามช่วยญาติอีกทางแต่ก็ไร้ผล





“ป้าพูดอย่างนั้นจริงหรือ”

อรุณงามถามย้ำเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง เมื่อเขาเล่าว่าป้ารุ้งแพงเก็บความลับอันใดไว้

“ผมจะหลอกคุณทำไม” หล่อนยกช้อนค้าง ก่อนจะวางบนจานข้าวอย่างอ่อนแรง

“แสดงว่ามีฉันคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ทิวาคงจะท้องจริงๆ แล้วนายเมฆาไม่ยอมรับ”

“เมฆไม่รู้แน่ว่าทิวาท้อง เขาไม่บอกผมกับลุง ตอนนี้ผมคงต้องคุยกับลุงก่อน แล้วค่อยคุยกับเมฆ”

“มันจะไม่ช้าไปหน่อยหรือ”

“ไม่หรอก เค้นความจริงจากมันต้องหาหลักฐานแน่นหนา เราต้องหาข้อมูลมากกว่านี้ ทางป้าคุณคงจะไม่ยอมร่วมมือแน่ๆ เราต้องหาทางอื่น”

“หาจากที่ไหน”

“รายชื่อที่คุณเขียนให้ผมตอนอยู่โรงพยาบาลไง แต่ผมคิดว่าเราควรเพิ่มแฟนเก่าเจ้าเมฆอีกสักคนสองคน”

รุ่งขึ้น รวีไปทำงาน อรุณงามก็มีหน้าที่ติดต่อหาเพื่อนเก่าของเริ่มทิวา พยายามหาเบอร์โทรและขอนัดพบ หากเป็นเพื่อนเมฆาก็เป็นหน้าที่ของรวีที่จะมาจัดการ สองสามวันแรก นัดพบคนไปแล้วสามคน คว้าน้ำเหลวทั้งสามครั้ง ส่วนวันนี้อรุณงามให้ความหวังว่า น่าจะได้เบาะแสอะไรบ้างเพราะคนที่จะไปพบเป็นเพื่อนที่ตามรักตามหลงทิวามานานปี

“ร้านนี้แหละ” รวีบอกอรุณงามพร้อมจอดรถตรงหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง เขาลางานครึ่งวันมารับอรุณงามมาตามนัด

“เอาล่ะ ลงรถไปพบผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งของคุณ”

“ของเราย่ะ”

“แต่ผมว่า ไม่น่าใช่นา” รวีเอ่ยลอยๆ

อดีตคนเคยรักเริ่มทิวาอีกคนหนึ่ง ชื่ออนุชา คนนี้ตามจีบมาตั้งแต่สมัยเรียน จนกระทั่งทิวาหมั้น เขาก็ยังวนเวียนมาหาเสมอ และเคยชกกับเมฆาครั้งหนึ่ง หลังงานหมั้นไม่นาน จากนั้นเขาก็เหมือนจะตัดใจได้ และถอยห่างออกไปจากชีวิตของเธอ ตอนรวีนัดอนุชา ตอนแรกเขาทำท่าปฏิเสธ แต่พอบอกว่ามีเรื่องจะขอร้องเกี่ยวกับเริ่มทิวา และขอให้เห็นแก่หล่อนมาพบพวกเขาหน่อยได้ไหม สุดท้ายอนุชาจึงตกลง

รวีและอรุณงามลงจากรถ เข้าไปในร้านอาหารโดยไม่รู้ว่ามีใครคนหนึ่งขับรถตามมาห่างๆ
ใครคนหนึ่งที่ไม่พอใจพฤติกรรมการื้อรคดี เริ่มทิวา – เมฆา เป็นอย่างยิ่ง

อนุชานั่งรออยู่คนเดียว เมื่อเห็นสองหนุ่มสาวเดินมา เขาก็ลุกยืนต้อนรับอย่างมีมรรยาท

“เชิญนั่งแล้วพูดธุระคุณมา ผมต้องรีบไป”

“คุณอนุชา สบายดีนะคะ” อรุณงามฝืนยิ้มทักทาย

“ก็เรื่อยๆ พวกคุณจะพูดอะไรก็รีบพูด” ไม่มีการรักษามารยาทให้เสียเวลา

รวีกระแอมเบาๆ ก่อนจะเล่าเรื่องโกหก

“ก่อนอื่นผมขอบคุณคุณมาก ที่เสียเวลามาพบผม สิ่งที่จะขอร้องคุณก็คือผมขอยืม รูปภาพ จดหมายหรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเริ่มทิวา ถ้าคุณมีอยู่”

อนุชาหน้าเปลี่ยนสีนิดหนึ่ง ก่อนจะถาม

ทำไม เรื่องของผมกับเริ่มทิวามันจบไปนานแล้ว คุณต้องการไปทำไม”

“คุณมีหรือเปล่าเล่า” อรุณงามถาม ทำเนียนตามรวีไปก่อน แม้จะไม่เข้าใจเพราะไม่ได้เตี๊ยมกันมา

“บอกผมก่อนว่าทำไม”

“คือว่า” รวีกระแอมพยายามทำสีหน้าให้เหมือนว่าลำบากใจที่จะพูดที่สุด

“อุบัติเหตุคราวนั้น ทำให้เมฆาไม่เหมือนเดิม”

“สมน้ำหน้ามัน” อนุชาโพล่งขึ้นมา รวีทำเป็นไม่ได้ยิน

“เขาเสียใจมาก ไปอยู่เมืองจีนคนเดียวสองปี ทำให้จิตใจไม่ปกติจะเรียกว่าเป็นโรคจิตอ่อนๆ ก็ได้ พวกเราเพิ่งมารู้เมื่อเขากลับมาบ้านอาทิตย์ก่อน ถ้าเวลาปกติเขาก็เหมือนคนธรรมดา แต่จะมีช่วงหรือสองช่วงในวันหนึ่งที่เขาจะมีอาการซึมเศร้า ถามหาเริ่มทิวา ถ้าไม่มีใครตอบว่าทิวาไปไหน เมฆาจะอาละวาด ขว้างปาข้าวของ หมอบอกว่าเป็นเพราะเขาหมกหมุ่นคิดเรื่องเริ่มทิวาอยู่คนเดียว ไม่ได้ระบายความทุกข์กับใคร ทำให้เมื่อกลับมาเจอสภาพแวดล้อมเดิม ทำให้จิตใจเขาสับสนคิดว่าทิวายังไม่ตาย”

เขาไม่ได้โกหก แค่เพิ่มสีสันให้มันเยอะขึ้น

“แล้วไง” อนุชาถามห้วนๆ

“เราต้องช่วยกันโกหกว่าทิวาไปเรียนต่อเมืองนอก และหลอกให้ดูรูปเก่าๆ ว่าเป็นรูปที่ทิวาส่งมาให้ ผมถึงต้องไปขอความช่วยเหลือจากทางบ้านทิวา” เขาหันมามองที่อรุณงาม หล่อนรับมุขทันที

“ใช่ ทางเราเองยังคงไม่พอใจเมฆาที่ทำให้ทิวาต้องตายมาก แต่ทำให้ไงได้ วิญญาณทิวาคงจะโกรธถ้าเราไม่ช่วยเมฆา ฉันจึงหารูปเท่าที่มีให้คุณรวีไป”

“แล้วป้าคุณไม่ว่าหรือ”

“ว่าค่ะ แล้วก็ไล่ฉันออกจากบ้าน”

“จริงหรือนี่”

“ท่านคงโกรธ ที่ผมกับอรุณคบหากันด้วย แต่นั่นแหละ ความรักมันไม่เข้าใครออกใคร ผมจึงบากหน้ามาขอร้องคุณ หากว่าพอจะมีรูป จดหมาย หรืออะไรก็ตาม”

“คุณสองคนคบกันหรือ” อนุชาถามแบบไม่น่าเชื่อ

“ค่ะ”

“ไม่กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยหรือไง”

“ใครๆ ก็พูดอย่างนี้ แต่ผมกับเมฆาเป็นคนละคน อรุณงามเธอเชื่อมั่นในตัวผมดี ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ช่วยผมถึงขั้นโดนไล่ออกจากบ้านหรอก แล้วคุณว่าอย่างไร พอจะช่วยเราได้ไหม”

“ถ้าเขารักทิวาขนาดนั้นทำไมถึงถอนหมั้นเธอ” อนุชาเปลี่ยนเรื่อง

“ทิวาเป็นฝ่ายถอนหมั้นไม่ใช่เมฆา”

“งั้นหรือ” อนุชาเลิกคิ้ว ท่าทีเฉยเมย ค่อยๆ หายไป

“เรื่องนี้ล่ะครับ ทำให้ญาติสองฝ่ายกล่าวหากันไปมา ความรักของเราสองคนถึงไม่ราบรื่น ใครๆ ก็หาว่าเมฆาทิ้งทิวา แต่เมฆาก็บอกว่าเขาไม่ผิด ทำให้บางทีผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่า หรือทิวาจะมีใครใหม่ เพราะทนความเจ้าชู้ของเมฆาไม่ไหว”

“ผมว่าไม่เห็นแปลก”

“คุณหมายความว่ายังไง”

“หลังจากตัดใจได้ ผมก็ห่างๆ เธอไป ไม่นานก็ได้ข่าวว่าทิวาถูกถอนหมั้น ผมเข้าใจว่าเมฆาคงมีคนใหม่ และเธอก็คงทนไม่ได้ วันที่เธอเสีย ผมเห็นเธอกับผู้ชายคนหนึ่งที่ร้านอาหาร”
รวีและอรุณงามมองหน้ากัน

“ท่าทางเธอเศร้ามาก แล้วผู้ชายคนนั้นก็กอดเธอ แต่ทิวาผลักออก”

“ใครกัน คุณจำหน้าได้ไหม แล้วตอนนั้นซักกี่โมง”

“ผมเห็นหน้าไม่ชัดเพราะอยู่ไกล แต่จำทิวาได้แม่น รุ่งขึ้นได้ข่าวว่าทิวาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ยังคิดว่าอยู่กับผู้ชายคนนั้นหรือเปล่า แต่กลับกลายเป็นเมฆา”

“คุณเคยเห็นหนเดียวหรือ”

“ใช่ หนเดียว”

“เอ่อ แล้วคุณพอจะรู้บ้างไหมว่า ระหว่างหมั้น มีผู้ชายคนไหนมาติดพันทิวาอีก”

เมฆาที่เพิ่งหาที่จอดรถได้และเดินตามหารวีกับอรุณงามทันได้ยินคำว่าทิวาอีก แค่นั้น เขาก็ถลันดึงแขนรวีให้ลุกขึ้นมาจับคอเสื้อ เสียงขู่กร้าวกระด้าง

“กูบอกแล้วใช่ไหม ว่าอย่าเสือกเรื่องทิวา”

พนักงานในร้านรีบจะเข้ามาห้าม ลูกค้าหันมามองอย่างสนใจ รวีและอรุณงามตกตะลึงไม่แพ้กัน

“เมฆาใจเย็นๆนะ พวกเราแค่อยากช่วยนาย” อรุณงามกล่าวเสียงปลอบโยน

“อย่ามายุ่ง อรุณงาม ฟังอีกครั้งนะรวี แกจะรักใครชอบใครฉันไม่ว่า แต่อย่ามาขุดคุ้ยเรื่องทิวา เพื่อเอาไปเป็นข้องอ้างเรื่องความรัก”

“เมฆา ฉันหวังดีจริงๆ ถ้าแกจะคิดอีกอย่างก็ตามใจ แต่ฉันจะไม่หยุด”

“มึงจะมาเสือกเรื่องของกูทำไม มึงจะมาขุดคุ้ยทำบ้าอะไรอีก กูบอกให้หยุด ได้ยินไหม” เขาตะโกนลั่น ใครหน้าไหนก็อย่าบังอาจมาแตะต้องหรือก้าวล่วงเรื่องของหล่อน เริ่มทิวาจะจ้องเป็นเริ่มทิวาผู้บริสุทธิ์ผุดผ่องงงดงามตลอดไป ใครยังกล้ามาขุดคุ้ย ญาติก็ญาติเถอะ จะได้เห็นดีกันแน่

“ฉันจะไม่หยุด จนกว่าแกจะได้สติ และถ้าแกยังทำท่าเหมือนหมาบ้าแบบนี้ ฉันก็จะหาสาเหตุให้ได้ว่าจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้นวันนั้น” น้ำเสียงรวีนิ่งและสงบ เมฆาเลยจ้องหน้าลูกพี่ลูกน้องราวกับคนไม่ได้โตมาด้วยกัน

“เออ แล้วเราจะได้เห็นกัน”

คนบ้าดีเดือด พลักรวีให้ก้นกระแทกพื้น ก่อนจะกระแทกเท้าเดินออกไป

“ขุดคุ้ยหรือ หมายความว่าอย่างไร” อนุชาถามหลังจากหายตะลึง

“นอกจากจะเสียใจจนแทบบ้าแล้ว บางครั้งเขาก็มีสติรู้ว่าทิวาตายแล้วก็อาละวาด คิดว่าคุณรวีตามขุดคุ้ยเรื่องอุบัติเหตุ คงฝังใจเพราะสำนึกผิดน่ะค่ะ” อรุณงามรีบพูดแก้ระหว่างที่เข้าไปประคองรวี

.................................................................

วันอาทิตย์ที่แสนสดใส อากาศแถวบ้านดีมากๆ เลยค่ะ

ขอบคุณผู้อ่านและคอมเมนต์ที่มีให้


ชิตา




โดย : ชิตา วันที่ : [ 20 มี.ค. 2554 ] 15:46:32 น.




>> ความคิดเห็นที่ 1

ตอนนี้สงสัยอีตาตะวันฉายที่สุดเลย
แล้วถ้าตะวันเป็นคนร้ายจริงนะ
คนที่สุดใจที่สุดก็ต้องเป็นงามสิ
โดย : an-o [ 20 มี.ค. 2554 ] 17:07:54 น.




>> ความคิดเห็นที่ 2

ที่นี้ก็อากาศดีนะค่ะ นั่งอ่านนิยายคุณชิตาอย่างมีความสุขเชียวค่ะ แอบมีเครียดนิดหน่อยด้วยฮ่าๆ
โดย : หมูบิน [ 20 มี.ค. 2554 ] 19:51:56 น.




>> ความคิดเห็นที่ 3

^
^
^
อยากให้ตะวันฉายเป็นแค่เป้าหลอกอะ
เพราะไม่งั้นคง so sad น่าดู
โดย : lovely [ 20 มี.ค. 2554 ] 19:57:52 น.




>> ความคิดเห็นที่ 4

ตื่นมาเจอโพสนี้ ดีใจค่ะลุ้นตลอด
โดย : NTe [ 20 มี.ค. 2554 ] 20:21:17 น.




>> ความคิดเห็นที่ 5

ไม่ได้เข้ามาไม่กี่วัน ไปหลายตอนแล้วนะ
จะตามทันไหมเนี่ย....

สงสัยนายตะวันเหมือนกัน อย่าใช่เลยนะ
โดย : แมงปอ [ 21 มี.ค. 2554 ] 18:59:57 น.




>> ความคิดเห็นที่ 6

บรรยากาศแบบเครียดดดดดดดดดดดดดดดดด
โดย : black-sheep [ 26 มี.ค. 2554 ] 02:07:38 น.






ชิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 เม.ย. 2554, 21:46:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 เม.ย. 2554, 21:46:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 1805





<< ๑๑   ๑๓ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account