ซูเปอร์สตาร์ยาหยี
ซูเปอร์สตาร์...สุดยอดดวงดาวในวงการบันเทิง ใครเล่าจะนึกฝัน วันหนึ่งเขาในดวงใจคนนั้นจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าแถมบอกว่ารักกันซะด้วย แบบนี้จะทำตัวยังไงดีล่ะเนี่ย >//<

Tags: หวานแหวว, ฟุ้งฝัน

ตอน: 1. หัวใจสั่น ๆ



1.

ฝนโปรย.

ลายมือหวัดแกมบรรจงบนกระดาษปอนด์ปิดท้ายด้วยจุดหนึ่งจุดสร้างรอยยิ้มให้เจ้าของชื่ออยู่ไม่น้อย ฝนโปรยมองชื่อตัวเองที่ปรากฏตรงมุมขวาล่างของกระดาษด้วยดวงตาเป็นประกายแล้วยิ้มไปยิ้มมาไม่หุบ ไม่ใช่เพราะหลงใหลชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้แต่เกิดนี้จนเพี้ยน
ผลงานต่างหาก...เธอออกแบบชุดแต่งงานสำเร็จอีกชุดหนึ่งแล้ว

ภาพสเก็ตจากดินสอดำนั้นคือภาพจำลองหญิงสาวในชุดแต่งงานกรุยกราย อลังการเสียจนฝนโปรยแทบนึกจินตนาการเห็นภาพเจ้าสาวยิ้มหวานยามสวมใส่ ผู้หญิงทุกคนอยากมีรักที่ดี มีงานแต่งงานแสนหวาน เป็นเจ้าหญิงสุดสวยในวันสำคัญนั้น...เธอก็เช่นกัน

อาจเป็นเพราะเรา...คู่กันมาแต่ชาติไหน จะรัก...รักเธอตลอดไป เป็นลมหายใจของกันและกัน

ฝนโปรยวางกระดาษร่างแบบไว้บนโต๊ะ ลุกขึ้นเดินมาปิดวิทยุพลางถอนใจ เพลงหวานซึ้งมีไว้ให้คนมีความสุขมีความรักฟังเท่านั้น สำหรับคนไร้คู่อย่างเธอฟังไปมีแต่ปวดใจเปล่า ๆ

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ไฟสัญญาณสีแดงเหนือกระบอกโทรศัพท์แบบไร้สายกะพริบถี่ทำให้ฝนโปรยต้องหยุดฝีเท้า รับสาย

“โหล ๆ มีใครอยู่มั้ย”

คำทักทายจากปลายสายดังขึ้นก่อนฝนโปรยพูดด้วยซ้ำ เธออมยิ้ม รับมุกตอบ

“ไม่มีค่ะวันหลังติดต่อมาใหม่นะคะ”

“แล้วนั่นแมวที่ไหนพูด”

“แมวเหมียวสุดแสนน่ารักน่ะสิ” เพราะเป็นเพื่อนสนิท เห็นกันตั้งแต่ใส่กระโปรงแดงเรียนชั้นอนุบาล ถ้าเป็นกับคนอื่นฝนโปรยคงไม่กล้าเล่นมุกน่าอับอายแบบนี้

“ยี้กล้าพูด” พู่แพรส่งเสียงแหลม “พอละมัวแต่ปล่อยมุกไม่ได้พูดเข้าเรื่องสักที”

“ฉันก็ว่า”

“ย่ะ!” กระแทกเสียง

“ว่าไงล่ะ” ถามพลางดูนาฬิกา ทุ่มกว่า...พู่แพรคงเพิ่งเลิกงาน

“กินข้าวกัน”

“แฟนก็มีทำไมไม่ชวน”

“อยากกินกับเพื่อน บรรณก็ไปด้วย เสร็จงานรึยังเดี๋ยวขับรถไปรับ”

“อื้อ มาเลยจะรอ”

ฝนโปรยวางสาย ใบหน้ายังคงเปื้อนยิ้ม เธอรีบเก็บของเพราะคาดว่าอีกไม่เกินสิบห้านาทีรถคันเก่งของเพื่อนรักทั้งสองจะมาถึง

เมื่อไม่มีเสียงเพลง เสียงพูดคุย แถมไฟบางดวงถูกปิดไว้เพื่อประหยัดพลังงาน เวดดิงสตูดิโอจึงทั้งเงียบและค่อนข้างมืด ฝนโปรยไม่กลัวความมืดเพียงแต่เกิดความเหงาขึ้นมาวูบหนึ่ง ปกติเวดดิงสตูดิโอนี้คึกคักด้วยเสียงพูดคุยตั้งแต่เช้ายันค่ำซึ่งเป็นเวลาปิดร้าน คงเพราะจำนวนคนที่นอกจากเธอแล้วยังมีพี่สาวกับพี่เขยผู้เป็นเจ้าของร้าน กับพนักงานชายหญิงอีกคู่หนึ่ง วันนี้พี่สาวกับพี่เขยติดธุระเรื่องลูก ๆ ส่วนอีกสอง ลาป่วยหนึ่ง ติดงานนอกอีกหนึ่ง

แต่เดี๋ยวเถอะพอพู่แพรกับบรรณมาถึงร้านเงียบ ๆ จะถูกเปลี่ยนบรรยากาศเป็นตรงข้ามทันที

ไม่เกินสิบห้านาทีจริงดังฝนโปรยคาด รถคันเก่งของพู่แพรก็มาจอดเทียบริมบาทวิถีหน้าร้าน ชายหญิงคู่หนึ่งลงจากรถ ใครมองเผิน ๆ อาจนึกว่าคู่รักแต่เปล่าเลย...ทั้งคู่เป็นเพียงคนสองคนที่บังเอิญได้เป็นเพื่อนกันเพราะมีเธอเป็นตัวกลาง

พู่แพรส่งยิ้มสว่างไสวเหมือนเด็กทำให้ชุดยูนิฟอร์มเคร่งขรึมไม่สามารถทำร้ายเจ้าตัวให้ดูแก่กว่าวัยได้ บรรณเดินอ้อมมาหยุดยืนใกล้พู่แพร ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสแล็คส์สีดำเรียบ ๆ บรรณก็ยังดูดีสมกับที่ฝนโปรยเคยยุให้ไปสมัครเป็นดาราแต่เจ้าตัวปฏิเสธแข็งขัน

“วันนี้ยึดอำนาจหรือไง” พู่แพรแซวขณะบรรณรับอาสาปิดร้านให้ฝนโปรย

“พี่ป่านกับพี่รัฐคงยอมหรอก” ฝนโปรยหมายถึงสายป่านกับรัฐศาสตร์ พี่สาวและพี่เขยของเธอ “ทำไมมาคันเดียว รถบรรณล่ะ”

พู่แพรเป็นเพื่อนซี้ของฝนโปรยตั้งแต่เรียนชั้นอนุบาล ส่วนบรรณเป็นเพื่อนร่วมคณะตอนเรียนมหาวิทยาลัยซึ่งก็รวมถึงพู่แพรด้วยนั่นล่ะ ทั้งสามจบปริญญาตรีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี หลังเรียนจบพู่แพรกับบรรณสมัครเข้าทำงานได้ที่เดียวกัน ส่วนฝนโปรยแทนที่จะเป็นพนักงานบัญชีอย่างเพื่อนกลับถูกพี่สาวขอร้องให้มาช่วยงานที่ร้าน ดูแลทุกเรื่องตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ ไม่ได้เป็นอย่างเดียวคือเจ้าของร้าน แรก ๆ ฝนโปรยรับปากเพราะเห็นไม่เสียหาย กะทำฆ่าเวลาระหว่างรองานที่สมัครทิ้งไว้ แต่พอได้เริ่มทำ เธอตกหลุมรักเวดดิงสตูดิโอแห่งนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น เวลาเห็นคู่รักจูงมือเข้าร้านมาด้วยหน้าตาเป็นสุขเธอพลอยมีความสุขไปด้วย ยิ่งตอนหลังค้นพบว่าตัวเองสามารถออกแบบชุดแต่งงานได้ไม่เลวทั้ง ๆ ไม่เคยร่ำเรียนการออกแบบก็ยิ่งสนุก ไม่คิดเปลี่ยนงาน

จนเดี๋ยวนี้ฝนโปรยยังสนุกกับงานในร้านเช่นเดิม ไม่สนใจว่าเพื่อน ๆ เงินเดือนพุ่งทะยานไปถึงไหนต่อไหนระดับถอยรถคนละคันสองคันได้สบาย พอเห็นแต่รถพู่แพร ฝนโปรยจึงอดถามไม่ได้

“น้องที่บริษัทยืมไป” บรรณตอบแบบถามคำตอบคำไม่ผิดเพี้ยนจากคำนินทาแรก ๆ ของพู่แพรตอนรู้จักกับชายหนุ่มใหม่ ๆ

“สงสัยคำพูดเป็นเงินเป็นทอง ถามทีตอบที ขี้เก๊กเป็นบ้า”

“ใจดีตลอดเลยนะ” ฝนโปรยแซว นี่แหละเสน่ห์ของบรรณ เขาเป็นคนใจดีอย่างเหลือเชื่อ ชอบช่วยเหลือคนนู้นคนนี้จนบางครั้งตัวเองเดือดร้อน

“คุยบนรถได้มั้ย หิวอ่ะ ไส้จะขาด” พู่แพรโอดครวญ ลากแขนฝนโปรยมาที่รถแล้วรุนหลังให้นั่งข้างคนขับ ตัวเองเปลี่ยนมานั่งด้านหลังพลางบอกกับบรรณง่าย ๆ “เมื่อย ขับแทนหน่อยนะ”

“ฮื่อ” บรรณพยักหน้า


“ทำไมวันนี้มาด้วยกันได้” ฝนโปรยชวนคุย แปลกใจอยู่เหมือนกันที่เห็นพู่แพรมากับบรรณ พู่แพรมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแถมขี้หึงไม่ใช่เล่นเสียด้วย บรรณรู้ข้อนี้ดี หลัง ๆ มาจึงไม่ค่อยยอมอยู่กับพู่แพรตามลำพัง

บรรณขยับตัวอึดอัด เหลือบมองฝนโปรย คนถูกมองไม่เห็นเพราะปากถามแต่ตามองทางคนเห็นคือพู่แพร...ทั้งเห็นทั้งเข้าใจ

พู่แพรแอบย่นจมูกหมั่นไส้ชายหนุ่ม กระนั้นยังอธิบายให้ฝนโปรยเข้าใจอย่างละเอียด “ประหยัดพลังงานไง แกกับฉันนัดกินข้าวกันตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้วลืมใช่ไหมล่ะถึงนัดบรรณเขาวันเดียวกัน ตอนเลิกงานเห็นยืนรอแท็กซี่เลยถามดู พอรู้ว่านัดแกเหมือนกันก็ลากมาด้วยนี่แหละ ไม่มีอะไร”

“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ไม่เห็นต้องตอบซะยาวเลย” ฝนโปรยหัวเราะไม่รู้อิโหน่อิเหน่กับใครทั้งสิ้น พู่แพรเสียอีกที่ทันเห็นสีหน้าบรรณหม่นไปวูบหนึ่ง

“ช่างไม่รู้อะไรเลยนะแกเนี่ย” พู่แพรพึมพำ

“แกว่าอะไรนะ” คงสงสัยเต็มที่ฝนโปรยถึงกับหันกลับมาถาม

“เปล่า ฉันบ่นว่าหิวเมื่อไหร่จะถึงร้านสักที”

“เป็นงั้นไป” ฝนโปรยขำ

พู่แพรลอบส่ายศีรษะให้กับความซื่อบื้อของเพื่อน จังหวะนั้นบรรณมองกระจกหลังและสบตาเธอแวบหนึ่ง เห็นนัยน์ตาเศร้า ๆ แบบนั้นพู่แพรทั้งสงสารทั้งหมั่นไส้ คนอะไร ชอบเขาแต่อมพะนำอยู่นั่น ชาตินี้คงได้แอ้มหรอก!


“ผมแกะให้” บรรณแย่งจานกุ้งเผาตรงหน้าฝนโปรยจัดการแกะให้โดยไม่ลืมเผื่อแผ่ความใจดีด้วยการหย่อนกุ้งตัวโต ๆ ใส่จานพู่แพรด้วย

“ขอบใจ แกะให้แต่ยายฝนเถอะฉันไม่ชอบกินกุ้ง”

บรรณพยักหน้ารับรู้อย่างไม่สนใจมากนักในความชอบหรือไม่ชอบของพู่แพร ฝนโปรยเป็นฝ่ายชะงักนิดหนึ่งทันทีด้วยความแปลกใจ

“แกเนี่ยนะพู่ไม่ชอบกุ้ง โม้ชัด ๆ” ถ้าไม่อย่างนั้นพู่แพรคงไม่ชวนมาร้านบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดตั้งแต่อาทิตย์ก่อนหรอก

พู่แพรไม่มองหน้าบรรณ ไม่อยากรู้ว่าเจ้าตัวกำลังแสดงสีหน้าแบบไหน เธอตีหน้าตายตอบ “กินมาทั้งชาติเบื่อแล้ว แกเหอะกิน ๆ เข้าไป คุณบรรณเขาแกะกุ้งไวยังกะลิงเต็มจานแกแล้วนั่น”

ฝนโปรยหัวเราะ “บ้าไปว่าเขา พอแล้วล่ะบรรณ มัวแต่แกะให้ฝนตัวเองไม่เห็นกินอะไร”

“ผมดูฝนกินก็อิ่มแล้ว”

บรรณไม่ได้พูดหวาน น้ำเสียงเรียบฟังธรรมดา แต่แววตาเป็นประกายอบอุ่นแทบว่าจะละลายน้ำจิ้มซีฟู้ดให้กลายเป็นน้ำเชื่อมได้...แต่ฝนโปรยไม่รู้สึกเช่นเคย

“ได้ไง แบบนั้นฝนเขินแย่ พอได้แล้ว บรรณกินเลยเยอะ ๆ ฝนจัดการเอง รู้อะไรไหมบรรณ ในร้านนี้สาว ๆ สวย ๆ เยอะเลย ถ้าขืนบรรณมัวแต่ห่วงเพื่อนแบบนี้สาว ๆ เขาจะเข้าใจผิดเอาว่ามากับแฟน อย่างนี้เมื่อไหร่จะหาแฟนได้ล่ะ” ฝนโปรยเตือนด้วยความหวังดี คนน่ารักอย่างบรรณไม่น่าเปล่าเปลี่ยว แสนดีอย่างนี้ใจดีขนาดนี้ใครได้ลองคบต้องรักเขาแน่ ๆ ปัญหาเท่าที่ฝนโปรยคิดออกคือบรรณติดเพื่อนมากไป พ้นจากเวลางานบรรณขลุกอยู่กับเธอและพู่แพรเป็นส่วนมากทำให้ไม่มีเวลาจีบสาว ในฐานะพนักงานคนหนึ่งของเวดดิงสตูดิโอ เห็นแล้วว่าคนมีความรักมีความสุขแค่ไหน เธอก็อยากให้เพื่อนมีความสุขเช่นนั้นด้วย พู่แพรนั้นหายห่วงได้เพราะเจอคนของตัวแล้ว เหลือก็แต่บรรณ

สิ้นสุดคำพูดของฝนโปรย ทั้งโต๊ะเงียบกริบ พู่แพรลอบมองปฏิกิริยาบรรณแวบหนึ่งก่อนพยายามถลึงตาใส่ฝนโปรยให้หยุดพูดแต่อีกฝ่ายกลับไม่เข้าใจสัญญาณ

บรรณนั่งนิ่ง ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดยังไงแม้แต่ตอนที่ตอบเรียบ ๆ ว่า

“ผมไม่อยากหา”


“เป็นอะไรหรือเปล่าคุณ” พู่แพรเอ่ยถามบรรณทันทีที่ฝนโปรยขอตัวเข้าห้องน้ำ จริง ๆ ถ้าเป็นเพื่อนผู้หญิงด้วยกันเธอคงดึงเพื่อนเข้ามากอดปลอบ แต่นี่...อย่างนั้นมันมากไป

บรรณสบตาเธอ สีหน้าไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่หลายตาทีก่อนแต่ดวงตาหม่นแสงลงอย่างเห็นได้ชัด “ผมสบายดี”

“งี่เง่าเนอะ” พู่แพรเขี่ยกระดองปูในจานไปมา ไม่มองหน้าบรรณ แต่เห็นจากหางตาว่าเขาขยับตัวทันทีอย่างกับโดนใครเอาเข็มทิ่ม

“คุณจะพูดอะไร” เสียงบรรณเข้มขึ้น เป็นน้ำเสียงอย่างที่พู่แพรเชื่อว่าฝนโปรยไม่มีวันได้ยิน

“น่าจะรู้ตัว”

“วันนี้คุณหงุดหงิดมาจากไหนถึงต้องคอยหาเรื่องผม” บรรณหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด

พู่แพรรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นถ่านติดไฟที่ถูกเขี่ยปุ๊บไฟก็ลุกพรึ่บขึ้นทันที เธอสบตาบรรณตรง ๆ “เปล๊า แค่สงสาร ชอบเขาก็บอกไปซี่ กั๊กอยู่ได้น่ารำคาญ”

“...”

หญิงสาวยิ้มเยาะท่าทางตกตะลึงของบรรณ ถามรุกไล่ “ตกใจเหรอ ฉันไม่ได้ตาบอดถึงไม่เห็นว่าคุณชอบเพื่อนฉัน ยายฝนถึงไม่ได้สวยปานนางฟ้าแต่น่ารักจะตาย ถ้ามัวแต่ช้าอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”

“มันไม่เกี่ยวกับคุณ” น้ำเสียงมึนตึงแต่อ่อนลงกว่าเมื่อครู่ ฟังดี ๆ จะรู้สึกได้ว่าติดจะเขินนิดหน่อย

“ฉันไม่ใช่เพื่อนคุณเลยเหรอ” นาน ๆ พู่แพรจะทวงถามเรื่องนี้ บรรณรู้สึกผิดขึ้นมาทันที

“เป็นสิ ทั้งคุณทั้งฝน”

“เหรอ” พู่แพรเบือนหน้าหนี บรรณจะคิดยังไงทำอะไรก็ช่างเธอไม่น่างี่เง่าเข้าไปยุ่งด้วยเลย


เพื่อนเธอคงกินยาเกินขนาดทั้งคู่ฝนโปรยคิด วันนี้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารจึงแปลก ๆ เรียนด้วยกันมาตั้งสี่ปี ฝนโปรยคิดหาสาเหตุไม่ออกเลยว่าทำไมพู่แพรกับบรรณจึงสนิทสนมมากกว่าที่เป็นไม่ได้สักที

เสียงปรบมือโห่ร้องและเป่าปากดังมาจากมุมหนึ่งของร้านใกล้กับทางไปห้องน้ำดึงความคิดฝนโปรยออกจากภวังค์ เธอมองตามเสียงนั้นแล้วอมยิ้ม หยุดยืนซึมซับภาพนั้นอยู่หลายนาที

ท่ามกลางคนนับสิบ ชายหนุ่มคนหนึ่งคุกเข่ายื่นช่อดอกไม้ให้หญิงสาวที่ยืนยิ้มเขินบิดไปมา ทางด้านหลังชายหนุ่ม เพื่อน ๆ ของเขาชูป้ายกระดาษแผ่นโตเขียนข้อความ แต่งงานกันเถอะ

คนทั้งร้านเฝ้ามองลุ้นตามว่าหญิงสาวผู้ถูกขอแต่งงานจะตอบว่าอย่างไร แม้แต่ฝนโปรยยังเผลอประสานมือไว้หว่างอกเสียแน่นราวกับเป็นฝ่ายถูกขอแต่งงาน วินาทีที่ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้า รับช่อดอกไม้ไว้ในอ้อมอกฝนโปรยน้ำตาไหล

“ดีใจด้วยนะคะ” ฝนโปรยพึมพำ ดีใจด้วยแม้ไม่รู้จักพวกเขา

หลังทำธุระเสร็จ ฝนโปรยจ้องมองเงาตัวเองในกระจกบานใหญ่ ใบหน้าเธอไม่มีเครื่องสำอางใดแต่งแต้มนอกจากลิปสติกสีอ่อน ผมสีอ่อนตามธรรมชาติถูกมัดรวบไว้เป็นหางม้าอย่างธรรมดาที่สุด มันอาจดูจืดชืดเกินไปกระมังสำหรับชายหนุ่มสักคนหนึ่ง หญิงสาวถอนใจยาว...คนหน้าตาขี้เหร่กว่านี้ยังหาคู่ได้ อย่างเธอ ตลอดชีวิตนี้จะไม่มีเลยให้มันรู้ไป กามเทพคงไม่ใจร้ายนักหรอก ฝนโปรยปลอบใจตัวเอง

ออกจากห้องน้ำ ฝนโปรยเริ่มคิดหาวิธีทำให้บรรยากาศระหว่างเธอกับเพื่อน ๆ ดีขึ้น มัวแต่คิดจนไม่ทันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินสวนมาทรุดฮวบลงกระทั่งเงาดำของใครคนหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“คุณ!”

นั่นล่ะฝนโปรยจึงเห็นว่าผู้หญิงคนหนึ่งหน้ามืดแทบจะล้มลงตรงหน้าอยู่แล้ว โชคดีมีคนใจดีรับไว้ได้ ผู้ชายคนนี้แข็งแรงน่าดูถึงโอบพยุงคนป่วยไว้ได้ด้วยแขนข้างเดียว ผู้หญิงคนนั้นท่าทางยังไม่หมดสติเสียทีเดียวเพราะฝนโปรยเห็นยังมีแรงเดินมานั่งที่เก้าอี้ซึ่งชายใจดีลากมาให้เร็วราวกับเสก

“ขอบคุณค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นพึมพำ เงยหน้าซีด ๆ ขึ้นมองหน้าชายหนุ่มแล้วอ้าปากค้าง อึกอักเหมือนเห็นผี “คะ...คุณ”

ฝนโปรยที่กำลังควานหายาดมในกระเป๋าถือพลอยมองหน้าชายหนุ่มด้วยความสนใจ เขาแตะสันนิ้วที่ริมฝีปากห้ามไม่ให้อีกฝ่ายพูดพลางขยิบตาอย่างขี้เล่น ภาพที่เห็นทำเอามือไม้ฝนโปรยอ่อนเปลี้ยจนแม้แต่ยาดมยังพลัดหลุดมือร่วงกลับลงกระเป๋า หัวใจหวิวสั่นราวกับจะเป็นลมเสียเอง

มองจากด้านข้างฝนโปรยเห็นสันจมูกชายหนุ่มโด่งสูง คิ้วดกหนา ปาก ดวงตา ทุกอย่างที่ประกอบกันได้อย่างลงตัวส่งให้ใบหน้านั้นหล่อเหลาบาดจิตบาดใจที่สุด แต่อะไรก็ไม่ร้ายเท่าตอนเขาหันมาสบตาเธอตรง ๆ วินาทีนั้นถ้าไม่ฝืนไว้เธอคงได้ตัวอ่อนพับ

“กำลังต้องการ ขอบคุณครับ”

ยาดมจากมือฝนโปรยถูกส่งต่อให้ชายหนุ่มโดยเจ้าตัวแทบไม่รู้สึก เธออาจตาฝาดก็ได้ที่เห็นเหมือนเขาคนนั้นยิ้มมุมปากขบขัน...เขาขำเธองั้นหรือ เพราะอะไร หรือว่า...

ฝนโปรยสะดุ้ง นึกได้ว่าเผลอมองเขาเป๋งอยู่นานหลายนาที...น่าอายจริง ๆ

จะเป็นเพราะนั่งพักจนพอ ยาดม หรือด้วยกำลังใจดี ๆ จากชายหนุ่มไม่ทราบ ผู้หญิงคนนั้นอาการดีขึ้นทันตา เธอกล่าวขอบคุณด้วยท่าทางเขิน ๆ
แน่ล่ะ มีหนุ่มหล่อแสนดีช่วยไว้แบบถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้ไม่เขินก็แปลก...ฝนโปรยคิด ไม่รู้ตัวเลยว่าปักหลักยืนนิ่งเพราะชายหนุ่มคนนั้นผู้เดียว

“คืนครับ” ชายหนุ่มยื่นยาดมคืน ฝนโปรยเพิ่งได้สติรับคืนด้วยท่าทางเงอะงะ ยืนงงต่ออีกพักใหญ่หลังชายหนุ่มทิ้งท้ายไว้ว่า “คุณคนใจดีอย่าบอกใครนะครับว่าเห็นผมผ่านมาทางนี้”


ฝนโปรยเดินตัวลอย ๆ กลับมาที่โต๊ะ ไม่ได้ยินเสียงทักถามชวนคุยของเพื่อนกระทั่งบรรณแตะท่อนแขนเขย่าเบา ๆ

“ฝน ไม่สบายหรือเปล่า”

“เปล่า” หัวใจฝนโปรยเต้นช้าลงแล้ว แต่ยังอุ่นและสั่นไม่หาย เวลาอย่างนี้บรรณที่เป็นผู้ชายอาจไม่เข้าใจ เธอเลือกพูดกับพู่แพร คนมีความรักอย่างพู่แพรคงเข้าใจไม่ยาก “พู่ ตอนเจอแฟนครั้งแรกแกรู้สึกยังไงบ้าง”

พู่แพรสบตาบรรณนิดหนึ่ง “หกล้มในห้องน้ำหรือเปล่าแก กลับมาถึงถามอะไรแปลก ๆ”

“ตอบมาก่อนสิ”

“เฉย ๆ เจอก็คือเจอไม่พิเศษ”

“ไม่จริง แกโกหก” ฝนโปรยไม่อยากเชื่อ ถ้าเฉย ๆ ไม่รู้สึกพิเศษจะรักกันได้อย่างไร แต่พู่แพรก็ยืนยัน

“ไม่เชื่อก็ตามใจแก แล้วนี่แกถามทำไม” พู่แพรถาม บรรณกลั้นใจฟัง ฝนโปรยยิ้มเขิน

“แค่อยากรู้ว่าแกเป็นเหมือนฉันไหม...พู่ ถ้าคนที่ใช่คือคนที่ทำให้เราใจสั่นแทบตายได้ตั้งแต่แรกเจอ ฉันว่าฉันเจอแล้วล่ะ”

...................................
หายไปนานกับการอัพนิยาย ฝากติชมด้วยเน้อ (^___^)



akani
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.ค. 2555, 03:18:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.ค. 2555, 03:18:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 2007





   2. วรรษชล >>
คิมหันตุ์ 27 ก.ค. 2555, 09:07:31 น.
สงสารคุณบรรณ


imsoul 27 ก.ค. 2555, 09:15:14 น.
ใช่สงสารคุณบรรณ


nunoi 27 ก.ค. 2555, 14:06:12 น.
นั่นซิค่ะ สงสารคุณบรรณ แอบรักเพื่อนมานานแล้วหล่ะซิ


ปอรินทร์ 27 ก.ค. 2555, 14:19:28 น.
น่าสงสารคุณบรรณเนอะ เฮ้อ


หนอนฮับ 27 ก.ค. 2555, 19:18:41 น.
กรี๊ดดดดดด น่ารักอ่ะ อิอิ มาติดตามมมม


Setia 27 ก.ค. 2555, 19:47:41 น.
เพื่อนรักรักเพื่อนสนิท


Zephyr 29 ก.ค. 2555, 01:15:16 น.
อ่าว ฉัวะ ลงมีดต่อหน้าบรรณเลยนะ เฮ้อ


น้องแสตมป์ 29 ก.ค. 2555, 17:32:50 น.
แล้วบรรณผู้แสนดีล่ะ รักเธอแต่เธอไม่รู้


grazioso 29 ก.ค. 2555, 18:02:13 น.
แง้วววว สงสารนายบรรณจังค่ะ... แต่..ยังไงก็รอลุ้นคู่พระนางต่อ ว่าจะมาเจอกันอีกรอบยังไง.. หุหุหุ


nutcha 29 ก.ค. 2555, 22:10:27 น.
สงสารบรรณจัง


Amata 30 ก.ค. 2555, 13:25:55 น.
เห็นชื่อเรื่องและได้อ่านตอนแรกก็ น่าสนุกค่ะ จะติดตามตอนต่อไปนะคะ


ทองหลาง 2 ส.ค. 2555, 05:52:04 น.
รอตอนต่อไป


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account