เล่ห์สลับขั้ว
เมื่อความจำเป็นทำให้ต้องมาอยู่ร่วมรั้วบ้านเดียวกัน และรู้ว่าจะต้องโดนจับคู่ เธอจึงสร้างสถานการณ์ให้เขาเข้าใจผิด หวังให้เกลียด แต่ความใกล้ชิดทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปในทางตรงกันข้าม เธอชอบเขา และเขาก็ชอบเธอแม้ความจริงเรื่องชายไม่จริงหญิงแท้จะยังคลุมเครือเต็มทีก็ตาม และ...สิ่งที่เรียกว่ารักก็ทำให้เขายอมฝ่าฝันอุปสรรคหัวใจตัวเองและคู่ต่อสู้ได้ในทุกทางและอภัยได้ทุกอย่าง แต่สุดท้ายความจริงบางอย่างในอดีตต้องทำให้เธอคิดจะวิ่งหนีเขาเพื่อไปทำใจ...วิมวิพาหวังสักวันจะยอมอภัยในสิ่งที่ผิดพลาดครั้งเยาว์วัยของคฑาคินได้ด้วยคำว่า 'รัก'
Tags: น่ารัก

ตอน: ตอนที่ 31 เล่ห์สลับขั้ว

ตอนที่ 31
คฑาคินอ้ำอึ้ง เยื่อพรหมจรรย์สำหรับผู้หญิงเขารู้ แต่ไม่แน่ใจว่าผู้หญิงเช่นเธอจะคล้ายหรือเหมือนกันไหม ชายหนุ่มมองดวงหน้าสวยแดงก่ำ ราวอยากจะร้องไห้ เธอเสียใจซินะที่เขายังคงไม่เชื่อใจ และแม้ถึงขั้นลงมือพิสูจน์แล้วก็ตาม แต่ยังคงไม่มีข้อสรุปที่ดีได้อีก
“แต่วิมไม่ใช่...” เขานิ่งคิด ชั่งใจอยู่ครู่ก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป “วิมไม่ใช่ผู้หญิงจริง ๆ นี่หนา พี่เลยไม่แน่ใจ”
คนฟังความอ้าปากค้างน้อย ๆ ตั้งแต่เขาสารภาพว่าชอบเธอวันนั้น เธอก็นึกว่าเขารู้แล้วเสียอีกว่าเธอคือผู้หญิงแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ลืมไปด้วยแล้วซ้ำว่าเคยถูกมองว่าเป็นสาวประเภทสอง
“พี่คินมีอะไรกับวิม ทั้งที่คิดว่าวิมเป็น...ของเทียมนะเหรอคะ พี่คินไม่รังเกียจวิมเหรอ”
ชายหนุ่มคลายปมขมวดตรงหัวคิ้ว ก่อนกล่าวเสียงจริงใจและเพราะน่าฟังยิ่งว่า “พี่ไม่เคยรังเกียจวิม ตั้งแต่วันที่รู้ใจตัวเองว่าชอบวิม พี่ก็ทำใจไว้แล้วว่าจะยอมรับทุกอย่างที่เป็นตัววิมให้ได้ พี่ถึงได้โกรธนักไง ตอนที่มีข่าววิมกับผู้ชายคนอื่น”
วิมวิพายิ้มกว้าง ดีใจที่เขารักเธอจริงใจเช่นนี้ โดยไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอเป็นใคร ทว่าสิ่งที่เขาเข้าใจอยู่มันเป็นเรื่องผิด เธอสมควรจะบอกเขาให้รู้ในสิ่งที่ถูกต้องตอนนี้เลยดีไหม
“ถ้าอย่างนั้นวิมขอให้พี่คินคิด และแน่ใจในสิ่งที่พี่คินรับรู้เมื่อคืน ตามนั้นได้เลย” จ้องเขานัยน์ตาหวานหยด แล้วพูดเสียงอ่อย ๆ ในลำคอราวกับกลัวความผิด “คือ...วิมขอโทษนะคะ ที่ทำให้พี่คินเข้าใจผิด...”
คฑาคินนิ่วหน้า “ขอโทษ ? เรื่องเข้าใจผิด พี่เข้าใจผิดเรื่องอะไร ? ”
“เออ...คือ...” วิมวิพาอ้ำอึ้ง ขณะที่คฑาคินรอฟังอย่างใจจดจ่อ ทว่าเสียงกดออดและเสียงตะโกนอยู่หน้าบ้าน ทำให้หนุ่มสาวต้องรีบผลุนผลันเด้งตัวลุกนั่งโดยเร็ว
“สงสัยน้าแม่บ้านจะมา วิมไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวพี่ไปเปิดประตูให้เขาเอง” บอกพลางประคองร่างบางให้ลุกขึ้นจากเตียง หญิงสาวรีบคว้าผ้าห่มมาพันกายไว้ด้วยเขินอายกลัวว่าอีกฝ่ายจะจ้องเอา หากสุดท้ายเธอก็ต้องอับอายจนแก้มแดงปลั่งอยู่ดี ที่เห็นภาพหุ่นล่ำสันหน้าท้องสวยกับอะไรต่อมิอะไรในตัวของเขา ชัดเจนยิ่งกว่าเมื่อคืนเสียอีก
คฑาคินเดินไปหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำสีน้ำเงินเข้มมาสวม อันที่จริงเขาก็รู้สึกเขินกับสายตากลมจ้องปริบ ๆ อย่างอยากรู้ของแม่สาวเหมือนกัน
“มองอะไรหึ ! เมื่อคืนยังเห็นไม่พออีกเรอะ หรือว่าจะ...” เขาอมยิ้มเจ้าเล่ห์
“เปล่าสักหน่อย วิมไม่ได้อยากจะมอง แต่พี่คินโป๊ะเองนี่ค่ะ” ก้มหน้าส่ายปฏิเสธเร็ว ๆ แล้วผินหน้าเสมองทางอื่น “แล้วเสื้อผ้าพี่คินมีใส่เหรอ เมื่อคืนเปียกหมดแล้วนี่หนา”
“พี่ซักตากไว้แล้วที่ระเบียง ของวิมก็ด้วย แต่ไม่รู้ว่าจะแห้งทันใส่เช้านี้ไหมนะ” วิมวิพารีบมองออกไปด้านนอกระเบียง เห็นเสื้อผ้าตากไว้อย่างที่เขาบอกจริง ๆ น่าอายชะมัด เขาเป็นคุณหนูเกิดมามีแต่คนทำนั่นนี่ให้ แล้วนี่อะไร กลับมาซักผ้าให้เธอซะอย่างนั้น
“พี่คินซักของวิมทำไมละคะ วิมเป็นผู้หญิงมันไม่สมควร” เธอหันกลับมาถามเขาหากไม่กล้ามองหน้าตรง ๆ
“ตรงไหนที่เรียกว่าไม่สมควร หรือจะให้พี่ปลุกวิมมาซักเอง แต่เมื่อคืนวิมหลับเป็นตายเลยนะ” เขายิ้มอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก ตื่นขึ้นมาก็เจอหน้าสวย ๆ อาย ๆ ของเธอ ทำให้ใจชื้นมีความสุขเป็นบ้า ลืมแล้วเขาลืมเรื่องที่โกรธเธอไปแล้วชั่วขณะ “พี่จะลงไปข้างล่างแล้วนะ รีบอาบน้ำซะแล้วจะพาออกไปหาซื้อของข้างนอก”
***--***--***--***--***--***--***
แม้คฑาคินจะบอกไว้แล้วว่าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องอาหารการกินของเขากับวิมวิพา แต่คนดูแลบ้านก็ไม่วายทำตามหน้าที่อย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง ด้วยการส่งเสบียงอาหารเช้าให้ พอหญิงแม่บ้านเห็นคฑาคินหน้าตางัวเงีย หัวยุ่งเหมือนพึ่งตื่น แถมยังอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำ จากตอนแรกที่หล่อนคิดว่าจะเข้ามาเก็บกวาดบ้านพักด้วย จึงเปลี่ยนใจไม่กล้ามารบกวนเวลาส่วนตัวของคนเป็นนายจ้าง พอยื่นปิ่นโตอาหารเช้าให้ชายหนุ่มได้ ก็รีบขอตัวกลับไปในทันที
คฑาคินจัดการเทข้าวต้มหมูสำหรับสองที่ใส่ชาม วางไว้บนโต๊ะรับประทานอาหารเสร็จสรรพ รู้ว่าคนที่อยู่บนห้องนอนคงหิวไม่น้อย เพราะเมื่อคืนนอกจากวิมวิพาไม่ได้ทานอะไรเข้าไปเลย เธอยังโดนเขาทานตัวเธอไปมื้อใหญ่อีกต่างหาก
เขาทิ้งช่วงความเป็นส่วนตัวให้วิมวิพาได้อาบน้ำชะล้างตัวข้างบนห้องเพียงลำพัง ในระหว่างนั้นก็เปิดทีวีดูรายการนั่นนี่ฆ่าเวลา มือใหญ่เลื่อนรีโมตคอนโทลเปลี่ยนช่องไปเรื่อย ๆ หวังหารายการข่าวที่เขาพอจะชื่นชอบบ้าง ทว่าสิ่งที่ผ่านตาเขายามนี้คือรายการบันเทิงที่หยิบเรื่องดังเรื่องฉาวของดารานางแบบขึ้นมากล่าวถึง ซึ่งหนึ่งในเรื่องติดท็อปเท็นที่ได้รับความสนใจยามนี้ มีเรื่องของวิมวิพาด้วย นิ้วที่กดปุ่มบนรีโมตฯ ค้างเติ่ง ตาคมขยายกว้างขึ้นเมื่อข่าวของวิมวิพาได้มีคนออกมาให้สัมภาษณ์แทน และแถลงข่าวความเป็นไปเป็นมาที่แท้จริง
รอยยิ้มกว้างขวางของคฑาคินกระจ่างบนเรียวปากหนาทันใด ที่ทุกอย่างได้ปรากฏชี้ชัดว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างวิมวิพากับอาจารย์หนุ่มเป็นเรื่องที่คนคิดร้ายกลุ่มหนึ่งพยายามสร้างขึ้นเพื่อทำลายชื่อเสียงของเธอ ภาพกล้องวงจรปิดจากโรงแรมที่หญิงสาวถูกพาตัวเข้าไปทั้งสภาพไม่มีสติ เห็นว่าสองสาวที่ลากวิมวิพาเข้าไปในห้องโรงแรมนั้นเป็นใคร นักข่าวสงสัยว่าน่าจะใช่รัญดากับเรวริน แต่ก็ไม่กล้าจะสรุปออกมาเสียทีเดียว เพราะสองพี่น้องนั้นเป็นคนในสังคมชั้นดีจนใคร ๆ ไม่อยากจะคาดคิดว่าใช่
โปษัณที่ได้ติดตามไปช่วยจนเกิดเป็นข่าว เขาก็ออกมาให้ข่าวด้วย พยายามเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้กับสื่อมวลชนได้ฟังตามจริง และไม่ลืมที่จะขอบคุณขีโรชาผ่านทางสื่อ ที่สุดท้ายหล่อนก็ยอมให้ความร่วมมือโดยการให้เท็ปบันทึกจากกล้องวงจรปิดในโรงแรม มาเป็นหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ของเพื่อนรัก ที่ขีโรชาใจอ่อนครั้งนี้ เพราะว่าคำขอร้องจากโปษัณ ซึ่งโน้มน้าวจิตใจและขอให้หล่อนให้นึกถึงความสัมพันธ์อันดีครั้งเก่าก่อนที่เคยมีต่อเขากับวิมวิพาบ้าง นอกจากพยานและหลักฐานทั้งสองอย่างแล้ว ยังมีพนักงานทำความสะอาดโรงแรมไปเจอของอีกอย่าง ซึ่งหล่นอยู่ข้างเตียงนอนในห้องโรงแรมนั้น นั่นคือกระเป๋าสะพาย
ของด้านในกระเป๋ายังอยู่ครบถ้วน บัตรและเอกสารสำคัญต่าง ๆ ไม่ได้หายไป และบัตรพวกนั้นเองทำให้รู้ว่ากระเป๋านี้เป็นของวิมวิพา และด้วยบัตรประชาชน บัตรสำคัญต่าง ๆ อีกหลายใบ พวกนั้นนั่นแหละทำให้คฑาคินเห็นชื่อ นามสกุลจริง ๆ ของหญิงสาวชัดเจน ชื่อสกุลมันไม่ใช่สิ่งน่าแปลกและตกใจเท่าไหร่สำหรับชายหนุ่ม แต่คำนำหน้าว่านางสาวต่างหาก ของพวกนี้เขาไม่เห็นมาก่อน เพราะเคยคิดว่าถ้าขอดูมันคงเป็นเรื่องไม่สมควรและวิมวิพาคงจะอาย แต่ตอนนี้คำว่านางสาวชี้ชัดว่าเธอเป็นผู้หญิง เส้นผมบังภูเขาชัด ๆ นี่เขาควรต้องดีใจซินะ ที่ในที่สุดคนที่เขารักก็เป็นผู้หญิงจริง ๆ จนได้ มิหนำซ้ำเธอยังเป็นผู้หญิงของเขาโดยที่ไม่เคยผ่านมือใครมาก่อน ทั้งที่คิดเช่นนี้ แต่ทว่าทำไมถึงรู้สึกหัวเสียขึ้นมาก็ไม่รู้
ในเวลาเดียวกันคนบนห้องนอนก็เปิดทีวีเครื่องเล็กในห้องดูรายการเดียวกันนี้ด้วย วิมวิพากระโดดตัวลอยด้วยความดีใจเป็นที่สุด เธอจะได้กลับกรุงเทพแล้วซินะ และคนที่เธอจะไปหาและขอบคุณคือทุก ๆ คนที่ช่วยเธอให้หลุดพ้นจากข่าวฉาว ๆ พวกนี้ โดยเฉพาะขีโรชาเพื่อนสาว หล่อนยังคงเป็นเพื่อนรักที่แสนดีคนเดิม คนดีอกดีใจยิ้มร่า พอได้ยินเสียงประตูห้องนอนถูกเคาะเบา ๆ แล้วเปิดผางเข้ามา ก็รีบวิ่งปรี่เข้าไปกอดร่างสูงของคนที่เดินก้าวเข้ามาโดยเร็ว
“พี่คิน เห็นข่าววิมหรือยังคะ” เธอถามเสียงตื่นเต้นรัวเร็ว เห็นชายหนุ่มพยักหน้าเนิบ ๆ แต่เธอลืมสังเกตสีหน้าของเขา ว่าไม่ได้ดีใจร่วมกับข่าวดีของเธอสักเท่าไหร่ “คราวนี้ก็เชื่อวิมได้แล้วใช่ไหม ว่าวิมเป็นผู้หญิงของพี่คินคนเดียว”
“ไม่รู้ซิ” เขาพูดพลางปลดแขนเล็กจากเอว ผลักเธอออกห่างช้า ๆ เบี่ยงตัวขยับเดินผ่านเธอไปหยุดยืนหันหลังให้ และถามขึ้นทั้งที่ไม่หันมอง “ทำไมไม่บอกพี่ตั้งแต่แรก ว่าวิมเป็นผู้หญิง”
หญิงสาวสะดุ้งโหยง นั่นไงละเพราะข่าวเมื่อกี้ดันมาชิงตัดหน้าบอกความจริงไปก่อนเธอเรียบร้อยแล้ว มิน่าคฑาคินถึงทำหน้าตึง ๆ “เออ...เรื่องนั้น วิมไม่ได้ตั้งใจจะโกหกพี่คินนะคะ คือตอนแรก...เออ...”
“ตอนแรกทำไม เพราะอะไรถึงทำให้พี่เข้าใจผิดมาตลอดว่าวิมเป็น...”
“ที่พี่คินเข้าใจผิดตอนแรกมันเป็นความบังเอิญนะคะ แต่ว่า...ตอนหลัง ๆ มันเป็นความตั้งใจของวิมเอง” ท้ายประโยคน้ำเสียงผ่อนเบาลง พึ่งจะได้รับข่าวดีไม่ถึงสิบนาทีแท้ ๆ ตอนนี้เขาก็จะมาตั้งหน้าตั้งตาโกรธเธออีกแล้วเหรอนี้ “พี่คินไม่ดีใจเหรอคะที่วิมเป็นผู้หญิงจริง ๆ คราวนี้พี่คินก็จะเชื่อได้เต็มอกแล้วไงคะว่าเรื่องเมื่อคืนของเรา...” พูดได้แค่นั้นก็เม้มปากเข้าหากันแน่น เมื่อเขายังคงยืนหันหลังฟังเธอนิ่ง ๆ
“พี่อยากจะรู้เหตุผล ว่าเพราะอะไรถึงพยายามทำให้พี่เข้าใจผิด คิดว่าวิมไม่ใช่ผู้หญิง” คราวนี้คฑาคินหันมาประสานสายตา วิมวิพารีบหลบราวกลัวความผิด พูดเสียงเบาในลำคอว่า
“ก็ตอนแรกวิมกลัวโดนจับหมั้นกับพี่คิน” คนฟังทำหน้าสงสัย และเขาก็ได้ยินคำสารภาพจากหญิงสาวถึงเรื่องราวทั้งหมด ที่เคยได้ยินผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายตกลงกัน ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้เธอสร้างแผนทำให้เขาเกลียด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องหมั้นแล้วก็แต่งงานกับเขา
ยิ่งฟังเธอเล่า ชายหนุ่มก็ยิ่งมีอารมณ์กรุ่นโกรธเพิ่มขึ้นอีก “ไม่อยากจะหมั้นกับพี่ เพราะว่ามีไอ้อาจารย์นั่น อยู่ในหัวใจแล้ว...”
“นั่นมันเมื่อก่อน แต่ตอนนี้วิมเปลี่ยนความคิดไปหมดแล้วนะคะพี่คิน ตอนนี้ในใจวิมมีพี่คินคนเดียวจริง ๆ ”
“แต่ถ้าไม่บังเอิญอกหักจากนายพี่ปั้นนั่น วิมก็คงไม่มีวันรู้สึกอะไรกับพี่หรอกใช่ไหม”
วิมวิพานิ่งเงียบไปนาน เมื่อเธอไม่มีคำตอบเขาเลยเดินไปคว้าเสื้อผ้าหายเข้าไปในห้องน้ำ สักพักใหญ่คฑาคินก็ออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดเมื่อวาน วิมวิพาเดินมาจับแขนใหญ่ไว้แน่น ท่าทางกระสับกระส่ายร้อนใจ
“พี่คินจะออกไปข้างนอกเหรอคะ ให้วิมไปด้วยนะ”
“ไม่ต้องหรอก อยู่ที่นี่แหละ ข่าวเก่าไม่ทันจบเดี๋ยวจะกลายเป็นว่ามีข่าวใหม่กับพี่อีก” เขาตอบเสียงเรียบเย็น เสมองทางอื่น ไม่รู้จะโกรธเรื่องหลงเข้าใจผิดคิดว่าวิมวิพาเป็นสาวประเภทสองทำไม เป็นเพราะเสียหน้า อายที่ถูกหลอกกระมัง
“แต่เมื่อกี้พี่คินบอกจะพาวิมออกไปซื้อของนี่ค่ะ” เธอยังทู่ซี้ อยากจะง้อคนขี้งอน “ให้วิมไปด้วยนะ”
เขาเดินเลี่ยงแล้วตอบไปอีกทาง “มีอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะ ไม่ต้องรอว่าพี่จะกลับเมื่อไหร่ อารมณ์ดี ๆ แล้วพี่จะกลับมาเอง”
หญิงสาวเดินตามต้อย ๆ ไปส่งคฑาคินที่หน้าบ้าน เขาไม่หันมาเปลี่ยนใจชวนเธอไปด้วยจริง ๆ กักขังเธอให้เฝ้าบ้านเหมือนลูกหมาตัวน้อย ๆ ก็ไม่ปาน
เวลาผ่านไปจวบจนพระอาทิตย์คล้อยต่ำลงหายไปหลังภูเขาลูกใหญ่ แสงสีส้มยามนี้สวยงามเหลือเกิน แต่คนที่นั่งเท้าคางบนโต๊ะไม้ ตรงระเบียงด้านหลังของบ้าน หน้าตาไม่ได้ภิรมณ์ชื่นชมกับบรรยากาศสักนิด
น่าเบื่อชะมัด ! ที่จริงมาไกลถึงเขาค้อ เธอกับคฑาคินน่าจะมีโอกาสดื่มกินท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกด้วยกันบ้าง แต่นี่เขากลับงอนเธอแล้วหนีออกไปไหนก็ไม่รู้คนเดียว จะห่วงและคิดถึงจิตใจเธอบ้าง ว่าจะเหงาไหมก็ไม่มีสักนิด โทรศัพท์ไม่มี อินเตอร์เน็ตก็ไม่มี มีแค่รายการทีวี ซึ่งตอนนี้เธอก็เบื่อที่จะดูแล้วด้วย
“พี่คินเมื่อไหร่จะกลับมาสักที มืดแล้วนะคะ เงียบด้วยวิมกลัว” บ่นกับดินฟ้าอากาศ พลางยกแขนขึ้นกอดตัวเอง เวลาโพล้เพล้เช่นนี้วังเวงเงียบเหงาเสียเหลือเกิน
ส่วนคฑาคินที่ขับรถออกมาทำใจข้างนอกอยู่นาน เขาถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง ว่าการที่หนีออกมาเช่นนี้เขาต้องการอะไรกันแน่ โมโหเธอที่โกหกเก่งแล้วเขาจะตัดใจจากแม่สาวชอบปดอย่างเธอได้หรือ ขนาดตอนนี้เหม่อมองท้องฟ้าเห็นว่ามืดลงหน่อย เขาก็กลับเป็นห่วงวิมวิพา แถมยังคิดถึงเนื้อตัวนุ่มหอมของเธอแล้วเลย
ชายหนุ่มยกกระป๋องเบียร์ขึ้นจิบ มองจากศาลาชมวิวลงไปตรงด้านล่าง แล้วอดคิดไม่ได้ว่า ถ้ามาช่วงหน้าหนาวคงเห็นหมอกหนาขาวราวกับสวรรค์เลยแหละ มันสวยมากและถ้ามีโอกาสฤดูหนาวนี้คงได้พาวิมวิพามาด้วยกันเพราะเขาอยากจะให้เธอได้เห็น นึกมาถึงตอนนี้ก็น่าจะตอบหัวใจตัวเองได้เป็นอย่างดีแล้ว ว่าเขายังไม่พร้อมจะขาดเธอไป หรือไม่ก็ไม่อาจจะขาดเธอไปได้เลยทั้งชีวิต
“คิดถึงจัง” พึมพำเบา ๆ รอยยิ้มของความสุขผุดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ยามนึกถึงแม่สาวที่รัก โอกาสดีขนาดนี้เขาจะปล่อยให้ตัวเองมัวแต่โกรธและลงโทษกับความเข้าใจผิดที่ผ่านมาแล้วทำไมกันนะ ต้องดีใจซิ ดีใจที่จะได้ไปนอนกอดเธออย่างไม่ต้องมีปมคิดอะไรให้หนักใจอีก “กลับไปจะลงโทษให้หนักเลย ข้อหามาโกหกพี่”
คฑาคินตัดสินใจขับรถกลับไปหาแม่สาวเจ้าของหัวใจ ที่ความรู้สึกของเขาตอนนี้ร่ำร้องอยากจะกอด หอม ลงโทษเธออย่างที่ว่าเสียยิ่งนัก แต่ก่อนกลับเขาได้แวะหาซื้อของใช้ส่วนตัวของตัวเองและสำหรับเธอหลายอย่าง รวมถึงอาหารมื้อค่ำด้วย
***--***--***--***--***--***--***
“มีอะไรกินบ้างเนี้ย พี่คินใจร้ายชะมัด ปล่อยวิมอยู่คนเดียว หิวก็หิว” หญิงสาวบ่นกระปอดกระแปด ลุกเดินเข้าไปในห้องครัว เปิดตู้เย็นมองหาอะไรที่พอจะประทังความหิวได้บ้าง โชคดีเหลือเกินที่น้าแม่บ้านเก็บอาหารค้างเก่า ที่ทำรอเธอกับคฑาคินเมื่อวาน แต่ยังไม่ได้ทานใส่ตู้เย็นไว้
วิมวิพาเอากล่องพลาสติกที่ใส่อาหารง่าย ๆ อย่างผัดกระเพราหมูออกมาเทใส่จาน ในใจก็นึกชมความรอบคอบของแม่บ้าน ที่คงรู้ว่าเก็บไว้ในตู้เย็นนี้ เวลาเธอหรือคฑาคินหิวหาอะไรทานไม่ได้ อาหารพวกนี้ก็คงพอจะช่วยประทังความหิวให้หายได้เหมือนกัน หญิงสาวยิ้มให้กับมื้อค่ำของวัน ซึ่งแน่นอนว่าทำให้เธอรอดตายจากท้องไส้ปั่นปวนได้แน่ ตากลมสอดส่ายมองหาไมโครเวฟเพื่ออุ่นอาหาร แต่พึ่งนึกได้ว่าที่นี้เป็นบ้านพักตากอากาศ ไม่มีใครมากันบ่อย ๆ หรอก ดังนั้นของให้ในบ้านจึงใช้ว่าจะมีครบครัน ทว่าพอมองรอบ ๆ ทั่วห้องครัวอีกนิด ก็ไม่โชคร้ายเสียทีเดียว เพราะในเมื่อแม่บ้านทิ้งอาหารไว้ให้เช่นนี้ คงพอมีวิธีอุ่นด้วยเตาแก๊สนี่แหละ
หญิงสาวนำกระทะขนาดไม่ใหญ่นักที่แขวนอยู่ ไปล้างทำความสะอาดก่อนจะตั้งบนหัวเตา ทำการเปิดแก๊สแล้วนำผัดกระเพราหมูเย็น ๆ ในจานเทลงไปในกระทะที่เริ่มร้อนแทน เธอรู้สึกว่าตอนแรก ๆ กลิ่นผัดกระเพราะที่เริ่มร้อนก็หอมดี แต่หลัง ๆ กลิ่นที่โชยเข้าจมูกแหลม ทำให้วิมวิพาถึงกับสูดจมูกฟุดฟิด กลิ่นมันเพี้ยนไปและกลิ่นที่ได้รับตอนนี้ก็เหมือนจะเป็นกลิ่นจากก๊าซ !
‘แก๊สรั่วเหรอ’ นึกในใจไม่ทันถึงเสี้ยวนาที ก็เกิดประกายไฟตรงสายส่งจากถังก๊าซไปยังตัวเตา และเรื่องที่คนยืนตื่นตะลึงกลัวที่สุดก็เกิดต่อหน้าต่อตารวดเร็วแบบตั้งตัวไม่ติด ไฟจากหัวเตาแล่นวูบไปติดเป็นเปลวไฟตรงสายนำก๊าซ ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างไฟต้องลามไปถึงถังแน่ และถ้าเป็นเช่นนั้นอันตรายเกิน แค่นึกก็กลัวมากจนขนลุกเกรียวแล้ว
วิมวิพากรี๊ดเสียงดังสุดชีวิต ตะโกนขอความช่วยเหลือ ทั้งที่แถวนั้นไม่มีบ้านใกล้เรือนเคียงแม้แต่หลังเดียว หญิงสาวเนื้อตัวสั่นเทา หน้าซีดเซียวทำอะไรไม่ถูก เธอหันรีหันขวางหาวิธีดับไฟ จะเอื้อมมือไปปิดตรงไหนก็กลัวว่ามันจะระเบิดไปเสียหมด ที่สุดแล้วก็ต้องตัดสินใจหยิบผ้าเช็ดมือใกล้ ๆ ฟาดลงไปดับไฟที่วิ่งตามสายนำก๊าซนั้น หากไฟกลับติดเข้ากับผ้าจนเธอต้องรีบสะบัดออกแรง ๆ เศษของผ้าเช็ดมือผืนนั้น ติดไฟปลิวลอยขึ้นไปค้างอยู่ตรงขอบหน้าต่างซึ่งทำจากไม้ ยิ่งส่งผลให้เธอขวัญกระเจิงไปกันใหญ่ ปากก็ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือไม่หยุด แม้สติจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่เธอก็หวังว่าจะหยุดไฟได้ก่อนลุกลามไปใหญ่ เพราะถ้าถังก๊าซระเบิดจริง ๆ นั่นหมายถึงบ้านหลังนี้และตัวเธอคงไม่รอด
“ไม่นะ พี่คินช่วยวิมด้วย !” คนที่หน้าตาตื่นเรียกหาชายหนุ่มดังลั่น เธออยากร้องไห้ก็ร้องไม่ออก เวลานี้ต้องเอาตัวรอดบอกตัวเองให้คิดหาทางออกที่จะช่วยได้ หันซ้ายหันขวาวิ่งเข้าไปเปิดน้ำใช้ชามที่วางบนชั้นรองน้ำ แล้วสาดเข้าไปหาไฟที่เริ่มมีเปลวขยายกว้างเรื่อย ๆ สาดน้ำติดกันไม่ยั้ง ไฟที่ติดตรงสายนำก๊าซเริ่มดับ แต่ทว่าสายนั้นกลับหลุดจากหัวต่อกับถังเสียดื้อ ๆ ทำเปลวไฟที่มีอยู่ก่อนแล้ว วิ่งพรวดไปติดกับหัวถังก๊าซซึ่งปล่อยก๊าซออกมาตามแรงอัดเต็มกำลัง ไฟร้อนสว่างวาบและลุกรุนแรงมากขึ้นตามก๊าซที่พ่นออกมา วิมวิพายืนเบิกตาอ้าปากค้าง ความสั่นกลัวแล่นไวราวกับไฟที่เริ่มโหมกระพือเต็มห้องครัว เมื่อรู้ตัวว่าจนปัญญาถ้าเล็กที่แทบจะไม่มีเรี่ยวแรงยืนจึงค่อย ๆ ลากถอยหลัง หวังจะวิ่งหนีออกไปให้ไกลก่อนทุกอย่างจะสาย แต่แล้วเสียงหนึ่งที่ดังมานั้น ราวกับแสงสว่างจากสวรรค์เปิดออก
“วิมหลบ ! ” ใครสักคนที่ตะโกนมาจากด้านหลังเธอบอกได้เลยว่าช่างเหมือนกับความฝัน
หญิงสาวหันไปมอง เห็นคฑาคินถือถังดับเพลิงตรงรี่มา คว้าแขนเล็กดึงถอยห่างออกไปจากเพลิงไฟ ก่อนที่ตัวเองจะใช้ถังดับเพลิงสีแดงในมือฉีกผงขาว ๆ ดับไฟตรงหน้า วินาทีสำคัญของชีวิตเลยทีเดียว แต่ชายหนุ่มก็มาช่วยได้ทัน ไฟที่ติดตรงถังดับลงได้รวดเร็วพอสมควร แต่ใช่ว่าจะปลอดภัยเสียทีเดียว ตราบใดที่ยังไม่ได้ปิดถังและหัวเตา เพราะยังคงเหลือประกายไฟที่เป็นเชื้อสามารถทำให้ลุกไหม้ขึ้นได้อีกครั้ง ชายหนุ่มถอดเสื้อมาพันมือไว้หนา ๆ ก่อนตรงไปปิดหัวเตาและวาวตรงถังให้สนิท เปลวไฟเล็ก ๆ ค่อย ๆ ดับและสงบลง จะเหลือก็แค่คราบขาวจากน้ำยาถังดับเพลิง และน้ำเปียกชื้นเต็มพื้น พร้อมกับภาพความเสียหายตรงหน้า
“พี่คินไฟไหม้หน้าต่าง ! ” วิมวิพาร้องบอก ชี้ไม้ชี้มือสั่น ๆ ไปยังหน้าต่างบานใกล้เตาแก๊ส ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองขอบหน้าต่างช่วงด้านบนที่เกิดไฟไหม้ ประกายแสงจ้าที่แวบเข้าในดวงตา มีบางอย่างเป็นภาพซ้อนแล่นวูบประดุจดั่งว่าเขาเคยพานพบเหตุการณ์เช่นนี้มาจากที่ไหนสักแห่ง แต่ทว่าปัจจุบันทำให้เขาสามารถดึงสติกลับมาได้ พร้อมกันนั้นก็ใช้ถังดับเพลิงในมืออันเดิมฉีดเข้าไปกับเพลิงไฟด้านหน้าต่างนั้น
โชคดี โชคดีเหลือเกินที่เขามาทัน ถ้าไม่อย่างนั้นหญิงสาวที่เขารักจะเป็นเช่นไร ไม่รู้ว่าเธอจะตัดสินใจแก้ไขปัญญาอย่างไร และมันอาจไม่ใช่เรื่องดีนัก ถ้าเขามาช้าแค่เพียงวินาทีเดียว คฑาคินวางถังดับเพลิงในมือลงกับพื้นกระเบื้องที่เปียกเปื้อน เมื่อแน่ใจแล้วว่าจะไม่มีไฟจากไหนประทุร้อนขึ้นมาอีก เขาเดินมาหาร่างบางที่ยืนตัวเปียกสั่นเป็นเจ้าเข้า ดึงเธอเข้าไปโอบไว้แน่นในอ้อมแขนเพื่อคุ้มครองและปลอบขวัญ
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ชายหนุ่มถามเสียงสั่นเครือไม่น้อย ใจหายตอนที่ได้ยินเสียงร้องและเห็นแสงสีส้มแวบ ๆ จากในครัว พอวิ่งเข้ามาก็เจอเห็นการณ์ร้าย ๆ นี้ แต่ก็ยังถือว่าดีที่เขามีสติพอจะจำได้ว่าถังดับเพลิงอยู่ตรงด้านประตูเข้าห้องครัว
“วิมขอโทษ ขอโทษ ที่ทำตัวซุ่มซ่ามอีกแล้ว” เธอซบหน้ากับอกกว้างแสนอบอุ่นนั้น พร่ำพูดและร้องสะอึกสะอื้น “วิมมันแย่ที่สุดเลย สร้างเรื่องให้พี่คินอยู่เรื่อย...”
“ช่างมันเถอะเลิกโทษตัวเอง วิมไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” เขาจูบเบา ๆ ลงกลางเรือนผมที่ยุ่งกระเซิง “ออกไป เราออกไปจากตรงนี้กันเถอะ เดี๋ยวพี่จะโทร.บอกให้คนเขามาจัดการเอง”
***--***--***--***--***--***--***
คฑาคินโทร.ไปหาน้าแม่บ้านพร้อมข่าวร้าย ไม่นานหล่อนก็เข้ามาพร้อมกับสามีของหล่อนและผู้ชายอีกสองสามคนที่มาช่วยซ่อมแซมและเก็บกวาดสิ่งของจากไฟเมื่อสักครู่ พวกเขาเลือกที่จะซ่อมหน้าต่างที่ไฟไหม้แบบพอจะซ่อมได้ในเวลานี้ไปก่อน เพราะถ้าจะต้องละเอียดและให้กลับมาในสภาพเดิมคงต้องมาทำต่อในเช้าพรุ่งนี้ ทุกคนช่วยกันเช็กความปลอดภัย และเมื่อแน่ใจว่าทุกอย่างเข้าที่ไม่น่าเป็นห่วงจึงพากันขอตัวกลับ
“ขอบคุณมากนะครับน้า ๆ พรุ่งนี้ต้องเข้ามาซ่อมในครัวอีกใช่ไหมครับ ถ้ายังไงค่าใช้จ่ายผมจ่ายพรุ่งนี้เลยทีเดียวแล้วกันนะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอก มีอะไรช่วยกันได้ก็ช่วยกันไป คุณสองคนพากันขึ้นไปนอนเถอะจะเที่ยงคืนแล้ว” น้าแม่บ้านบอกอย่างใจดี เธอยิ้มเป็นมิตรตามประสาชาวบ้าน “สงสัยแม่หนูจะตกใจแย่ซินะ เอาเป็นว่ากับข้าวกับปลาไม่ต้องทำเองหรอกนะแม่หนู อยากกินอะไรบอกฉันเดียวฉันจัดการหามาให้”
วิมวิพายกมือไหว้ให้กับน้ำใจของหล่อน “ขอบคุณค่ะน้า วิมขอโทษจริง ๆ ที่ทำให้เดือดร้อนกันไปหมด”
“ขอทง ขอโทษอะไรกัน เรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้มันเกิดสักหน่อย ไป ไป้ นอนเถอะ ฉันกับพวกกลับก่อนนะ พรุ่งนี้จะแวะเอาข้าวเช้ามาส่ง” หล่อนบอก ก่อนจะตามขึ้นไปนั่งคู่คนขับรถกะบะ ที่มีพวกผู้ชายนั่งรอกันท้ายกะบะรถเรียบร้อยแล้ว
หนุ่มสาวมองไฟสีส้มดวงเล็กจากรถกะบะกึ่งเก่ากึ่งใหม่หายลับไปในความมืด ก่อนจะหันมามองหน้ากัน มือใหญ่อบอุ่นคว้าร่างเพรียวบางที่ดูจะขะมุกขะมอมเข้ากอดแนบข้างกาย
“ต่อไปพี่จะไม่ทิ้งวิมไว้คนเดียวอีกแล้วนะ รู้แล้วว่าเด็กคนนี้ชอบทำตัวให้พี่เป็นห่วงมากแค่ไหน” เขาบีบจมูกเธอโยกเบา ๆ ก่อนจูบขมับเล็กไปที “มอมแมมจัง ไปอาบน้ำกันดีกว่านะ เออ...ใช่พี่ซื้อของใช้มาให้วิมด้วย”
ชายหนุ่มเดินไปมองหาถุงเสื้อผ้า และของใช้ส่วนตัวที่เขาโยนทิ้งกลางห้องโถงบ้านด้วยความตกใจเมื่อครู่ เขาหยิบมันขึ้นมาถือไว้ แล้วเดินกลับมาประคองเอวบางเดินคู่กันไปชั้นบน วิมวิพาน้ำตาคลอเบ้า นอกจากคฑาคินไปโกรธเรื่องเก่า ๆ แล้ว เขาก็ยังไม่โกรธที่เธอเกือบจะทำบ้านพักตากอากาศหลังสวยของเขามอดไหม้เหลือแต่ตออีกด้วย
“พี่คินวิมขอโทษนะคะ” เธอกล่าวคำขอโทษขอโพยอีกครั้ง น้ำเสียงสำนึกผิดสั่นเครือจนเกือบจะกลายเป็นฟูมฟาย แล้วก็ได้เห็นสายตาของอีกฝ่ายมีรอยยิ้มวาววาบกลับมา
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ วันนี้พี่จะลงโทษให้หนักเลย สำหรับทุกเรื่องที่ตัวยุ่งอย่างวิมทำไว้” มือใหญ่ลูบลงกลางกระหม่อมกลมอย่างทะนุถนอม เขาเปิดประตูห้องนอนดุนหลังเธอให้ก้าวเข้ามา พอปิดประตูห้องนอนสนิทก็ดันร่างบางให้หลังติดกับประตู ใช้สองแขนขังเธอไว้ แล้วลดริมฝีปากหนาอุ่นจูบเร็ว ๆ หยอกล้อกับเรียวปากอิ่ม ๆ ที่ซีดสั่น ก่อนจะเลื่อนมากระซิบเสียงแหบพร่าข้างแก้มเนียน “พี่ไม่โกรธไม่ต้องขอโทษพี่อีกแล้วนะครับ ต่อไปจะไม่โกรธเรื่องไม่เป็นเรื่องและจะไม่หนีวิมไป ให้วิมต้องอยู่คนเดียวอีกแล้ว”
เธอโผเข้ากอดเอวสอบแน่น ซบหน้ากับอกเขา “จริง ๆ นะคะ พี่คินไม่โกรธวิม ให้อภัยวิมหมดทุกเรื่องจริง ๆ นะคะ”
“จริงซิครับ แต่ต้องสัญญานะ ว่าต่อไปนี้วิมจะไม่โกหกอะไรพี่อีกแล้ว ทุกเรื่องเกี่ยวกับวิมสำหรับพี่ต้องมีแต่ความจริงเท่านั้น” เธอพยักหน้าเนิบ ๆ กลางอก และได้ยินเสียงเขาพูดเบาหวิวข้างหู และประโยคนั้นเรียกเลือดฝาดแดงฉานเต็มสองแก้ม “แต่คืนนี้จะยอมให้พี่ลงโทษสักกี่ทีดี ห้ามขัดใจพี่ด้วยนะ ถ้ายังงั้นพี่ยังไม่หายโกรธวิมแน่”
***--***--***--***--***--***--***
บนเตียงนอนกว้างที่ร้อนเร่าเสียมากตอนนี้ ไม่มีเพลิงไฟใด ๆ ปะปนนอกจากไฟสวาทของคู่รัก ร่างกายที่สะอาดหอมจากกลิ่นครีมอาบน้ำใหม่ ๆ และไม่มีเสื้อผ้าอาภรณ์อันใดปิดกั้นให้เสียอารมณ์ กอดก่ายนัวเนียกันพัลวัน ความสุขใดเล่า จะเท่าความสุข ได้อยู่กับคนอันเป็นที่รักอย่างยามนี้ไม่มีอีกแล้ว ปากหนาไล่พรมจูบทั่วหน้าและเนื้อตัวหอม ๆ ของหญิงสาว ทุกรอยจุมพิตทุกการเคลื่อนไหวร่างกายและฝ่ามือของเขาที่ลากผ่านแผ่วเบา สร้างความสยิวซ่านแล่นไหว ท้องไส้บิดเกลียวราวคลื่นทะเลคลั่งอยู่ในตัวของเธอ

“พี่คินใจเย็น ๆ ซิคะ วิมตั้งรับพี่คินไม่ทัน” เธอกระซิบเสียงกระสั่น แต่เขายังระดมจูบซุกไซ้ทุกซอกมุม อย่างหิวกระหาย ปากและลิ้นแสนชำนาญหยอกเย้าทั่วผิวบางนุ่มจนเริ่มเกิดรอยแดงจาง ๆ


“ไม่ต้องตั้งรับอะไรหรอกคนดี แค่ปล่อยตัวปล่อยใจตามพี่ ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ” เขาเงยหน้าบอกแค่นั้นแล้วก้มลงครอบครองดอกบัวคู่สวยด้วยสองมือ ฟ้อนเฟ้นคลึงเคล้าเรียกเสียงครางบอกรับความพึงพอใจตอบกลับ ก่อนส่งดอกบัวชูชันดอกหนึ่งสู่โพรงปากชื้นแฉะ ดูดดึงและขบเม้นเบา ๆ เท่านั้น ก็รู้ว่าหญิงสาวถูกใจกับการกระทำของเขาแค่ไหน เมื่อเธอเบียดกายแอ่นอกตอบรับอย่างเข้าที “วิมน่ารักขนาดนี้แล้วจะให้พี่ใจเย็นได้ยังไงกันละครับ” เขาพูดกับอกสวย ก่อนย้ายปากอุ่นลงลิ้นกับอกนิ่มอีกข้างคล้ายกัน บอกตัวเองในทุกจังหวะรักว่าผู้หญิงคนนี้เป็นของเขาและมีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เธอจะยอมมอบทั้งกายใจให้

ร่างบางซาบซ่านสั่นระรัวทั่วศีรษะจรดปลายเท้า เกร็งเยือกเมื่อจุดอ่อนไหวทุกส่วน ถูกเขาประทับจับจองอย่างถือสิทธิ์มากกว่าคืนแรกเสียอีก เขากระซิบบอกรักครั้งแล้วครั้งเล่า และชักนำเธอไปตามทางที่เขาเป็นผู้ปูเอง เมื่อร่างกายและหัวใจเธอยอมตามไปแต่โดยดีและพร้อมแล้วสำหรับเขา จึงรู้สึกถึงแกนกายแข็งแกร่งที่ทาบทับลงมาตรงผิวอ่อนนุ่ม ความเจ็บแปลบทำเธอสะดุ้งเฮือกคล้ายอยากจะหลบหนี มันไม่ได้ต่างจากครั้งแรกสักเท่าไหร่เลย แต่ด้วยเขาตรึงสะโพกของเธอไว้และเบียดกายซึมลึกอีกครั้ง ความเจ็บปวดที่รู้สึกในตอนแรกค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านหวานหอมแทนที่ ความวาบหวามแล่นทุกอณูรูขุมขน และเธอก็ขยับโยกอย่างหารู้ตัวไม่ตามจังหวะรักที่ก่อตัวเริ่มบรรเลงเป็นทำนองพร้อม ๆ กับเขา เสียงบางอย่างบอกว่าความสุขที่รอคอยอยู่ไม่ไกลและเธอก็ขับเคลื่อนไวขึ้นตามแรงชักพา ก่อนความร้อนในกายจะไหลรวมตัวอย่างเครียดขึงตรงจุดที่ทั้งสองร่างสอดประสานกันไว้ เรียวปากอิ่มเม้มแน่นกั้นเสียงครางเล็ดลอด หากเมื่อสิ่งที่รอพบพานใกล้เข้ามาทุกทีก็ยากจะหยุดเสียงแห่งความสุขนั้นได้ และเมื่อถึงสุดขีด เธอและเขาก็ทะยานสูงคล้ายกับล่องลอยขึ้นไปแตะสายรุ้งสวยตรงขอบฟ้า ก่อนจะพากันร่วงหล่นลงมาอย่างนุ่มนวลช้า ๆ ในที่สุด

คฑาคินตระกองกอดร่างนุ่มหอมไว้ในอ้อมแขน จูบเธอและกระซิบบอกรักอีกครั้ง เธอกอดและจูบตอบเขาอย่างทันทีเช่นกัน ขอบคุณเขาที่มอบสิ่งดี ๆ ที่เรียกว่าความสุขที่สุดในชีวิตให้แก่เธอ ขอบคุณที่รักเธอและให้อภัยทุกอย่าง และ...สองร่างก็ผล็อยหลับด้วยความอ่อนเพลียในอ้อมแขนกันและกัน...

ในความมืดมิดจู่ ๆ ก็บังเกิดแสงเพลิงไฟสีส้มสว่างจ้าโชติช่วง ความร้อนของมันรอบตัวทุกทิศทาง ควันหมอกเต็มในอากาศกำลังจะทำให้เด็กน้อยขาดอากาศหายใจ เสียงร้องขอความช่วยเหลือที่แหบแห้งเต็มที ดวงตาที่ใกล้จะปิดมืดลงท่ามกลางเพลิงร้อนนั้น หากยังมีเสียงหวานเสียงหนึ่งของผู้หญิง ร้องเรียกดังขึ้นมาจากมุมมืดด้านในสุดของห้อง

‘คุณคิน คุณคิน ทางนี้ค่ะ ทางนี้ มาทางนี้ซิคะ เร็ว ๆ เข้า’

‘ช่วยด้วย น้า...น้าครับ ช่วยด้วย’ เสียงเด็กชายร้องได้แค่นั้น ก่อนจะเห็นคานไม้ที่ติดไฟล่วงหล่นทับร่าง หล่อนร้องเสียงเจ็บปวดโหยหวน ตะเกียกตะกายออกจากคานที่ทับช่วงตัวไว้จนนอนยาว มันหนักอึ้งเกินที่หล่อนจะหลุดรอดออกมาได้ แต่ก็ไม่วายตะโกนร้องบอกอย่างห่วงใยให้เด็กน้อยอีกครั้ง

‘ออกไป รีบออกไป...กรี๊ด !’ เสียงกรีดร้องสุดท้ายของหล่อนดังก้องในห้องสีเหลี่ยม เมื่อฝ้าเพดานติดไฟพังครืนล่วงลงสู่ร่างนั้นอย่างไม่มีทางหลบหนี

“ช่วยด้วย ช่วยด้วย ! ” คฑาคินละเมอเสียงหลง เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นเต็มใบหน้าคมคร้าม เขาเด้งตัวลุกนั่ง แล้วยกมือลูบหน้าปาดเหงื่อชื้นเปียกออก “ฝันไปหรือนี่ เหมือนจริงชะมัด”

“พี่คิน ฝันร้ายหรือค่ะ” คนที่นอนเคียงข้าง ตกใจตื่นเพราะเสียงละเมอดังนั้น เธอขยับตัวลุกขึ้นนั่งมองหน้าอีกฝ่ายงง ๆ ยกมือเรียววางบนต้นแขนใหญ่เบา ๆ รู้สึกถึงความชุ่มเปียกตามกายของเขาได้ดี “เหงื่อเต็มเลย สงสัยว่าคงฝันร้ายมากจริง ๆ”

“ก็แค่ความฝันน่า” พูดราวกับปลอบตัวเอง ก้มจูบแก้มเนียนของคนที่จ้องตาปริบ ๆ ไปที “ขอโทษทีนะที่ทำให้ตกใจตื่น”

หญิงสาวส่ายหน้า แล้วเอนตัวเข้าสู่อ้อมกอดของเขา “ไม่เป็นไรค่ะ แล้วพี่คินฝันว่าอะไร เล่าให้วิมฟังได้ไหมคะ เพื่อว่าเล่าแล้วจะได้สบายใจนอนหลับสนิทขึ้น”
ชายหนุ่มยิ้มหวาน เขาไม่คิดจะเล่ายามนี้ แต่กลับอ้อนเสียงอ่อน “ถ้าอยากให้พี่หลับสนิท วิมนอนกอดพี่ดีกว่าครับ มีวิมนอนกอดทั้งคืนพี่ไม่ฝันร้ายอีกแน่นอน”



กันเหงา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ก.ค. 2555, 19:07:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ก.ค. 2555, 19:07:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1396





<< ตอนที่ 30 เล่ห์สลับขั้ว   ตอนที่ 32 เล่ห์สลับขั้ว >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account