เล่ห์สลับขั้ว
เมื่อความจำเป็นทำให้ต้องมาอยู่ร่วมรั้วบ้านเดียวกัน และรู้ว่าจะต้องโดนจับคู่ เธอจึงสร้างสถานการณ์ให้เขาเข้าใจผิด หวังให้เกลียด แต่ความใกล้ชิดทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปในทางตรงกันข้าม เธอชอบเขา และเขาก็ชอบเธอแม้ความจริงเรื่องชายไม่จริงหญิงแท้จะยังคลุมเครือเต็มทีก็ตาม และ...สิ่งที่เรียกว่ารักก็ทำให้เขายอมฝ่าฝันอุปสรรคหัวใจตัวเองและคู่ต่อสู้ได้ในทุกทางและอภัยได้ทุกอย่าง แต่สุดท้ายความจริงบางอย่างในอดีตต้องทำให้เธอคิดจะวิ่งหนีเขาเพื่อไปทำใจ...วิมวิพาหวังสักวันจะยอมอภัยในสิ่งที่ผิดพลาดครั้งเยาว์วัยของคฑาคินได้ด้วยคำว่า 'รัก'
Tags: น่ารัก

ตอน: ตอนที่ 32 เล่ห์สลับขั้ว

ตอนที่ 32
เช้าวันใหม่ในฝั่งเมืองกรุงเทพฯ
“เพลี้ยะ ! ” เสียงตบฉาด ทำให้หน้าเรียวเล็กสะเทือน หันตาแรงฝ่ามือใหญ่ในทันที
รัญดายกมือกุมแก้มข้างซ้าย มันชาวูบร้อนวาบก่อนความเจ็บปวดจะปรากฏรอยแดงปื้นชัดเจน หากความเจ็บกายไม่เท่าความแค้นและเจ็บข้างในใจ เธอกัดฟันแน่น ถลึงตาโตวาวราวแม่เสือ มองอดีตผู้ชายของตัวเอง

“ชวินคุณกล้าตบรัญเลยเรอะ ! ” ไม่อยากจะเชื่อผู้ชายที่แสนดีน่ารัก กล้าทำร้ายร่างกายหญิงสาวตัวเล็กกว่าอย่างเธอได้ลง เคยคิดว่าเวลาชวินโกรธคงน่ากลัวมากก็จริง แต่เธอไม่รู้เลยว่าเขาจะน่ากลัวเกินกว่าวาดไว้เช่นนี้ “คุณมันเฮงซวย กล้าตบหน้าผู้หญิงไอ้ผู้ชายทุเรศ”

ชายหนุ่มยืนกำหมัดแน่น ตะเบงเสียงดังลั่นบ้านของหญิงสาว อย่างไม่ได้กลัวว่าเขาเป็นแขกมาเยือนเลยสักนิด อาจจะถูกเจ้าของบ้านตามตำรวจมาลากตัวและโดนข้อหาทำร้ายร่างกายด้วยก็เป็นได้ “ผมกล้าทำมากกว่าที่คุณคิดอีก ถ้าคุณยังไม่เลิกยุ่งกับน้องวิม”

“ตบหน้ารัญเพราะยายเด็กนั่น รักมันมากซินะ”

“ใช่รักมาก” กระชากเสียงใส่หน้าสวย “แล้วถ้าคุณยังไม่เลิกเล่นวิธีสกปรก ๆ อย่างที่เคยทำอีกละก็ อย่าหาว่าผมไม่เตือน ผมฆ่าคุณแน่”

“ถึงภาพในกล้องวงจรนั่นอาจจะเหมือนรัญ แต่มันไม่ใช่รัญ” เธอปฏิเสธเสียงแข็ง

“โทษนะรัญ ผมไม่ได้ตาบอด ถึงคุณกับน้องสาวจะมีเงินฟาดหัวใครต่อใครให้กลายเป็นคนโง่ ปิดหูปิดตาได้ แต่ไม่ใช่สำหรับผม แล้วถ้าคุณยังเล่นไม่เลิก เรื่องนี้ผมก็จะเอาความอย่างถึงที่สุดเหมือนกัน” สายตาดุดันวาวโรจน์ ไม่อีกแล้วผู้หญิงคนนี้จะไม่มีวันเป็นได้แม้แต่เพื่อนของเขาอีกต่อไป จบทุกอย่างสำหรับมิตรภาพเก่า ๆ “ถ้าอยากให้เรื่องเงียบ ไม่ต้องข้องเกี่ยวกันอีก โดยเฉพาะน้องวิม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามอย่าคิดจะทำร้ายเธออีก” เขาชี้นิ้วขู่

“ทำมาบอกว่าตัวเองไม่ได้ตาบอด แล้วที่หลงยายเด็กนั่นหัวปักหัวปำ เรียกว่าอะไรหรือคะชวิน” เธอยิ้มหยัน “กี่คนแล้วก็ไม่รู้ ไม่นับรวมญาติผู้น้องของคุณ ฉันว่านังเด็กนั่นผ่านมาหลายสนามแล้วละมั้ง แล้วคนที่บังคับให้ทุกอย่างมันเป็นอย่างนี้ก็เพราะชวิน เพราะคุณคนเดียว”

“เธอจะผ่านมาสักกี่สนามมันก็ไม่ใช่เรื่องของคุณ แล้วถ้าสิ่งที่คุณทำเพราะผมเป็นต้นเหตุ ผมบอกไว้ตรงนี้เลยว่าหยุดซะ ผมกับน้องวิมเราไม่ได้เป็นอะไรกันอีกแล้ว ผมไม่ใช่คนที่เธอรัก คุณไม่ต้องดิ้นรนหาวิธีที่จะแยกผมกับเธออีก เพราะตอนนี้ผมก็กลายเป็นแค่ผู้ชายถูกทิ้งคนหนึ่งเท่านั้น”

รัญดานิ่วหน้าแปลกใจไม่นาน ก่อนหัวเราะร่วนราวกับคนเสียสติ “สมน้ำหน้า ถูกทิ้งแล้วไงละ รู้สึกบางหรือยัง ว่าคนถูกสลัดรักเป็นยังไง”
ชวินจ้องตาอีกฝ่ายเขม็ง “คนอย่างคุณเคยรักใครด้วยรึ เจ็บเป็นด้วยรึ”
“แน่นอนละ ถึงฉันจะไม่เคยบอกรักใคร แต่คุณก็เป็นคนที่ฉันถูกใจมากที่สุดเท่าที่คบมา และบางทีฉันก็คิดว่าฉันน่าจะรักคุณ”
เขานิ่งก่อนยิ้มเย็น ไม่รู้สึกรู้สมกับคำบอกรักของเธอแม้แต่น้อย “แต่ผมเลือกที่จะไม่รักผู้หญิงจิตใจหยาบอย่างคุณหรอก เมื่อก่อนอาจจะชอบความเร่าร้อนบนเตียง แต่ตอนนี้แค่เห็นหน้าคุณ ผมก็สะอิดสะเอียด ทานต่อไปลง” เขาเน้นเสียงหนักตอนท้าย เหน็บแนมจนรัญดาหน้าร้อนผ่าว เธอกระทืบเท้าเร่าอย่างที่เรวรินผู้เป็นน้องสาวชอบทำ กรีดร้องลั่นบ้านจนเด็กรับใช้วิ่งกรูเข้ามายืนดูเก้ ๆ กัง ๆ
“ออกไป ออกไปจากบ้านฉันนะชวิน คุณดูถูกฉันมากเกินไปแล้ว ฉันอุตส่าห์เลือกคุณให้เป็นที่หนึ่ง แต่คุณมันโง่ แล้วคุณจะรู้ว่าความโง่ของคุณสร้างความเดือดร้อนให้คนที่คุณบอกว่ารักมากแค่ไหน”
“ผมเตือนคุณแล้วนะ ว่าอย่าคิดทำอะไรน้องวิมอีก...”
“รักกันมากหรือคะ” เธอปรับเสียงเหี้ยมเย็นเยียบ หากแววตาฉายแววอาฆาตแรงกล้า “แลกด้วยชีวิตได้ไหม ! ”
***--***--***--***--***--***--***
เสียงกระเซ้าเย้าแหย่ของหนุ่มสาวในห้องน้ำเรียกเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายสลับกันไปมาอยู่นานสองนาน กว่าการอาบน้ำที่แสนอ้อยอิ่งเนิ่นนานที่สุดในชีวิตจะเสร็จสิ้นลงก็ปาเข้าไปเกือบสายโด่งมากแล้ว
คฑาคินอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับอีกฝ่ายที่อยู่ในชุดคล้ายกัน เขาประคองวิมวิพาให้เดินตัวติดไม่ยอมปล่อยเธอห่างแม้นาที ร่างสูงหย่อนตัวนั่งลงกับเก้าอี้ตัวหนึ่งใกล้เตียงนอน แล้วดึงร่างบางให้นั่งบนตักของตัวเอง วิมวิพายกแขนคล้องคอใหญ่อย่างไม่เกี่ยงงอน เธอมองเขาด้วยสายตาเปี่ยมรัก รู้ตัวว่ามีความสุขมากแค่ไหนที่ได้อยู่ใกล้เขาเช่นนี้และคฑาคินก็คงมีความรู้สึกเช่นเดียวกัน
“พี่คินรักวิมมากแค่ไหนคะ”
เขาจุมพิตหน้าผากมนเบา ๆ แล้วกระซิบกับปากอิ่ม “จะให้พี่ตอบยังไงดีละครับ เท่าชีวิตของพี่พอไหม” สองแขนโอบรอบร่างบนตักกระชับแน่น พลางพูดออดอ้อน “ไม่อยากจะกลับกรุงเทพฯเลย อยากจะอยู่อย่างนี้ต่อนาน ๆ ตลอดชีวิตก็ได้”
“ตลอดชีวิต แน่ใจหรือคะ วิมกลัวว่าพี่คินจะเบื่อวิมซะก่อนนะซิ”
“ไม่มีทางหรอกครับ ความรู้สึกของพี่ที่มีต่อวิม พี่ไม่เคยมอบให้ใครมาก่อนเลย วิมเป็นคนแรกและจะเป็นคนสุดท้าย พี่รักวิมมากจริง ๆ นะครับ”
“ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่ารูปหล่อพ่อรวยอย่างพี่คินจะไม่เคยรักใคร” เธอยิ้มหวาน ยื่นจมูกแหลมหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ “ช่างเถอะจะจริงหรือเปล่าวิมก็ไม่สนแล้วแหละ ถึงยังไงต่อไปนี้วิมก็จะไม่ยอมให้พี่คินไปปากหวานบอกรักผู้หญิงคนอื่นได้อีกแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องยอมแต่งงานกับพี่นะ คุณพ่อคุณแม่ของพี่กับวิมคงดีใจมากแน่นอน ถ้าเราสองคนไปบอกพวกท่านว่าจะแต่งงานกัน” เขาพูดขึ้นมาราวกับจะมัดมือชก นี่เป็นการขอแต่งงานอย่างนั้นรึ วิมวิพาก้มหน้าแดงระเรื่อซ่อนยิ้ม เธอเงียบโดยที่เขาก็ไม่รู้ว่าความเงียบนั้นหมายถึงอะไร “เออ...ถ้าวิมคิดว่ามันเร็วไป วิมยังไม่อยากแต่ง พี่ไม่เร่งวิมก็ได้ครับ วิมพึ่งเรียนจบ คงอยากจะทำงาน เป็นนางแบบดังมากกว่าจริงไหมละ ถ้าพวกดารานางแบบเขาแต่งงานชื่อเสียงในวงการก็คงจะลดน้อยลง” เสียงเขาอ่อนลงคล้ายน้อยใจเล็ก ๆ
หญิงสาวยิ้ม ยามเห็นแววตาของเขาหม่นเศร้าลง “บางทีวิมก็อยากจะอยู่สบาย ๆ บ้างคงดีนะคะ มีคนเลี้ยงดูทั้งชีวิตโดยไม่ต้องทำงานให้เหนื่อย”
แววตาหม่นหมองของคฑาคินเมื่อครู่มีประกายสว่างขึ้นเป็นเงายิบหยี “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรีบแต่งเลย แน่นอนว่าถ้าแต่งแล้วพี่ไม่มีทางยอมให้วิมไปทำงานเป็นนางแบบอีกแน่ ไม่อยากให้วิมไปใส่ชุดแหวกหน้าแหวกหลังโชว์ผู้ชายคนอื่น”
“ถ้ายังงั้นก็รอไปอีกสักพักก่อนแล้วกันนะคะ วิมชอบให้พี่คินหึง” เธอยิ้มทะเล้นน่าหมั่นเคี้ยว แกะมือใหญ่ออกหลวม ๆ พลางขยับตัวลุกจากตักกว้าง “ไปแต่งตัวดีกว่าค่ะ วิมหิวข้าวแล้ว”
ชายหนุ่มมองตามร่างเพรียวบางที่ยืดตัวยืนอยู่เหนือศีรษะ คว้ามือข้างหนึ่งของเธอไว้ ในขณะที่มืออีกข้างควานหาเสื้อผ้าที่เขาไปเลือกซื้อมาให้เมื่อวาน

“จะหนีไปไหนมานี่ก่อน ชอบให้พี่หึงแล้วไม่กลัวพี่จะหึงโหดเหรอ”
“อยากเห็นค่ะ” เธอลอยหน้าลอยตาตอบ คฑาคินนึกหมั่นเขี้ยวอยากจะจับปล้ำจูบอีกสักยกเสียจริง
“มานี่ดีกว่าพี่มีอะไรจะให้ดู” ชายหนุ่มชูเสื้อตัวจิ๋วสีสดสวยในมือขึ้นสูง วิมวิพามองตามอ้าปากค้างนิด ๆ ก่อนสีแก้มใสจะเปลี่ยนชมพูจัด “ที่นี่ไม่มีห้างฯ พี่ก็เลยได้ของพวกนี้มาจากตลาด ราคาถูก ๆ นางแบบคนสวยของพี่จะใส่ได้ไหมน้า”
“พี่คินนี่มันของผู้หญิง ไปซื้อมาไม่อายคนขายเขาเหรอคะ” เธอบอกเนียมอาย ยื่นมือจะไปคว้ายกทรงบราจากเขามาเสีย ทว่ากลับถูกเขาดึงมือให้นั่งลงตรงตักอย่างเดิม
หลังบางที่แนบกับอกแกร่งขยับห่างนิด ยามถูกรุกรานจากสองมือที่สอดเข้ามาทางใต้รักแร้ วิมวิพาก้มมองเห็นบราที่ชายหนุ่มพยายามจะยัดเยียดใส่ให้ทั้งยังไม่ถอดเสื้อคลุมอาบน้ำเช่นนั้น
“อายซิครับ แต่พี่ให้คนขายเขาช่วยเลือกให้ เขาเก่งจังนะครับเลือกได้พอดีเลย แค่พี่ทำมือให้เขาดูนะเนี้ย ว่าของแฟนพี่ใหญ่ประมาณไหน” เขาพูดยิ้ม ๆ มือยังคงสาละวนอยู่กับหน้าอกอวบอิ่มใต้ชุดคลุมอาบน้ำไม่ยอมห่าง
“ปล่อยเลยค่ะ วิมจะเอาไปใส่เอง ไม่ต้องมาช่วยใส่ให้วิมหรอก” สะบัดตัวเขิน ๆ ดึงสองมือใหญ่ออกจากร่างกายนิ่ม ๆ ของตัวเอง ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง พร้อมกับโน้มหน้าขึงตาดุใส่ตาคมกริบ “ถ้าจับได้ว่าพี่คินไปทำทะลึ่งแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่นละก็ วิมจะตัดมือพี่คินให้ขาดเลย”
“ไม่กล้าหรอกครับ พี่จะกล้านอกใจสุดที่รักของพี่ได้ยังไงกันละ” เขาออดอ้อน ลุกยืนและรวบตัวเธอมากอดอีกครั้ง ต่อให้เกิดอะไรขึ้นก็ตาม สัญญาว่าเขาจะไม่นอกใจเธอเป็นแน่

***--***--***--***--***--***--***
ข่าวคราวของวิมวิพาที่เริ่มซาลง และถูกแทนทีด้วยข่าวน่าสนใจกว่าของดารานางแบบคนอื่น ๆ ที่โลดแล่นโด่งดังอยู่ในวงการมากกว่าเธอ ทำให้เพียงสามวันต่อจากนั้นคฑาคินก็พาแฟนสาวกลับกรุงเทพฯ ถึงแม้จะเสียดายเวลาความสุขส่วนตัวที่อาจจะต้องหายไปบ้างก็เถอะ แต่หนุ่มสาวเชื่อว่า กลับบ้านครั้งนี้ข่าวดีของพวกเขาจะทำให้ความสุขเพิ่มขึ้นอีกเป็นกองพะเนินท้วมบ้านมาตจักรกราน

ทุกคนในบ้านออกมาต้อนรับการกลับมาของหนุ่มสาวด้วยความดีใจและสบายใจเป็นที่สุด ยิ่งคฑาคินเข้ามาปรึกษาบิดามารดา เรื่องอยากจะขอหมั้นหมายวิมวิพาด้วยแล้วก็ เหมือนโลกทั้งใบของคนในครอบครัวกลายเป็นสีสดใสกันถ้วนหน้า อาจจะมีบ้างที่อิงอรรู้สึกสงสารชวินผู้เป็นบุตรชายจับใจ คนที่ไม่เคยรับรู้รสชาติของคำว่าอกหัก หากคราวนี้เขากลับรับความขมขื่นนั้นไว้เต็ม ๆ ชวินมาเที่ยวหาญาติผู้น้องและวิมวิพาเพียงวันแรกที่พวกเขากลับมาจากเพชรบูรณ์เท่านั้น และหลังจากนั้นเป็นอาทิตย์ก็ไม่เคยแวะเข้ามาทานข้าวร่วมกับครอบครัวอีกเลย แต่คฑาคินก็เจอหน้าชวินทุกวันที่ทำงาน สองหนุ่มได้พูดคุยกันอย่างเคย และมีเรื่องหนึ่งที่ตั้งแต่กลับมา คฑาคินเอามาปรึกษาญาติผู้พี่เกือบทุกวัน นั่นคือฝันร้าย...

ผ่านมาเกือบอาทิตย์กว่าแล้วที่กลับมาจากบ้านพักตากอากาศ เรื่องอุบัติเหตุไฟไหม้ที่เกิดที่นั่น ส่งผลให้ทุกคืนคฑาคินฝันซ้ำ เรื่องเดิมบ่อย ๆ เขาฝันเห็นตัวเองตอนเด็กที่ติดอยู่ในกองเพลิงและผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเขาก็ไม่เห็นหน้าว่าเป็นใคร และทุกครั้งเขาจะต้องตกใจตื่นตอนที่เห็นหล่อนโดนไฟคลอกและกรีดร้องเสียงทรมาน

“พี่คินแอบคิดถึงผู้หญิงคนอื่นอยู่เหรอคะ” วิมวิพาที่เดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน เห็นคฑาคินนั่งพิงพนักโซฟาในห้องนั่งเล่นตาลอย ๆ เธอจึงตะโกนหยอกเย้าเขาจากด้านหลัง คนที่สมองกำลังขบคิดเรื่องบางอย่างอยู่สะดุ้งเฮือก
“เปล่า พี่จะกล้าคิดถึงใครได้ยังไงกันละครับ เดี๋ยววิมก็ดึงหูพี่ยานพอดี” เขาหันไปยิ้มให้ร่างบาง ซึ่งมานั่งเบียดอยู่ข้างกายเรียบร้อยแล้ว ยื่นมือโอบไหล่เธอและหอมแก้มใสเบา ๆ วิมวิพาค้อนด้วยหางตาเล็ก ๆ พูดทีเล่นทีจริง
“ถ้านอกใจไม่ใช่แค่ดึงหูยานหรอกค่ะ จะเจื๋อนด้วย” ยิ้มเจ้าเล่ห์ก้มมองของรักของหวงของแฟนหนุ่ม คฑาคินอ้าปากเหวอ ถึงรู้ว่าถูกขู่เล่น ๆ แต่ก็อดหวั่นไม่ได้ เขายกมือขยี้ผมยาวสลวยของเธอเบา ๆ ทำเสียงดุไม่จริงจัง

“ทะลึ่งนี่เรา” แล้วฉุดแขนเล็กของแฟนสาวให้ลุกขึ้นยืนตาม “ไปกันเถอะเดี๋ยวเพื่อนวิมก็รอนานหรอก”
“ขอบคุณนะคะที่ยอมไปเป็นเพื่อนวิม กว่าวิมจะนัดเข็มกับพี่ปั้นพร้อมกันเวลาเหมาะ ๆ ได้ เล่นเอารอตั้งหลายวัน สองคนนี่ไม่ค่อยว่างตรงกันเลยนะคะ” ปากอิ่มเจื้อยแจ้ว ระหว่างที่เดินเกาะแขนใหญ่ของคฑาคินเดินออกจากบ้าน

ตั้งใจว่ากลับมาจากเพชรบูรณ์ก็จะไปพบขีโรชาและโปษัณทันที เพื่อขอบคุณเรื่องที่ช่วยเคลียร์ข่าวของเธอให้ ทว่าใช้ความพยายามอยู่หลายวันกว่าจะนัดเจอคนทั้งสองแบบพร้อมหน้าพร้อมตาได้อย่างคืนนี้ ก่อนหน้านี้เธอก็เลยได้แค่โทร.ไปขอบคุณเท่านั้น ยอมรับว่ารู้สึกละอายใจอยู่ไม่น้อยที่เคยมีเรื่องทะเลาะเข้าใจผิดกับขีโรชาตั้งนาน หากไม่ใช่เพราะเรื่องข่าวฉาวของเธอที่เกิดขึ้นวันนั้น วันนี้เธอก็คงไม่มีโอกาสได้มิตรภาพดี ๆ คืนมา

ร้านอาหารหรูติดแม่น้ำใหญ่ คฑาคินและวิมวิพาเดินตามบริกรเข้ามานั่งยังโต๊ะที่โทร.มาจองไว้ ระหว่างนั่งรอเพียงไม่ถึงห้านาทีก็เห็นหนุ่มสาวที่นัดไว้เดินตามบริกรชายคนเดิมเข้ามา โปษัณกับขีโรชาก้มศีรษะน้อย ๆ ทักทายคฑาคินอย่างมีมารยาท แล้วนั่งลงตามคำเชื้อเชิญของผู้มาถึงก่อน วิมวิพาทำหน้าที่แนะนำคนทั้งสามให้รู้จักกัน ที่สำคัญเธอไม่ลืมจะบอกความสัมพันธ์ของเธอกับคฑาคินว่าอยู่ในฐานะไหน เพราะสถานการณ์ความไม่สนิทใจระหว่างเธอกับขีโรชายังไม่ได้คลี่คลายเป็นที่เรียบร้อยดีนัก ดังนั้นการแนะนำให้ขีโรชารู้เสียว่าคฑาคินคือผู้ชายคนที่เธอมอบหัวใจให้ไปเรียบร้อยแล้ว คงอาจจะทำให้เรื่องราวความรักของขีโรชาและโปษัณกลับมาเหมือนเดิมได้ง่ายยิ่งขึ้น

บรรยากาศบนโต๊ะอาหาร ดูอึดอัดเพราะต่างฝ่ายต่างประหม่า แม้ความเข้าใจกันจะมีเพิ่มขึ้นแล้วก็ตาม แต่ประเด็นที่กินใจมาก่อนนี้ทำให้วิมวิพาและขีโรชายังไม่สามารถพูดคุยกันสนิทสนมอย่างเคยได้ ระหว่างรอให้อาหารที่สั่งไปมาพร้อม วิมวิพาจึงขออนุญาตชายหนุ่มทั้งสองออกไปคุยกับขีโรชาตามลำพังเพื่อปรับความเข้าใจ ช่วงด้านนอกของร้าน

ออกมาด้านลานจอดรถของร้านอาหาร พอลับตาจากคฑาคินและโปษัณได้ วิมวิพาก็โผเข้ากอดเพื่อนสาวแน่น น้ำตาซึม ๆ ขังอยู่ในหน่วยตา ก่อนจะค่อยไหลช้า ๆ พร้อมเสียงพูดสั่นพร่า
“เข็มขอบใจแกมากนะที่แกยอมมาพบฉันวันนี้ ขอบใจสำหรับทุกอย่าง และก็ขอโทษกับความงี่เง่าของตัวฉัน...”


“ที่ชวนออกมาข้างนอก เพราะจะมาทำซึ้งแบบนี้เองนะเหรอ พอเถอะวิม แกขอบใจฉันหลายรอบแล้วนะ” ขีโรชาผลักตัวเพื่อนที่กอดเธอแน่นออกช้า ๆ แม้จะปลอบวิมวิพาเช่นนี้แต่ว่าเธอก็อดจะมีน้ำตาซึมออกมาไม่ได้เหมือนกัน “ถึงแม้จะเคยคิดว่าจะไม่สนใจแก แกจะเป็นจะตายก็ไม่ใช่เรื่องของฉัน แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ฉันก็ทำไม่ได้อยู่ดี ยิ่งเรื่องที่แกเป็นข่าวกับพี่ปั้นฉันรู้อยู่เต็มอกว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง จะทำไม่แยแสไม่รู้ไม่ชี้ ก็ยิ่งทำไม่ได้”

“เพราะแกรักเพื่อนมากยังไงละ แต่ฉันซะอีกที่เห็นความรักของแกเป็นเรื่องเห็นแก่ตัว ฉันไม่เข้าใจแกเอาซะเลย” กรีดน้ำตาออกจากสองแก้ม มองเพื่อนรักคนเดิมที่ได้กลับมาอีกครั้ง “แต่ยังไงซะ เรื่องที่แกพยายามจะให้ฉันสมหวังกับพี่ปั้น ฉันก็ไม่สามารถรับพี่ปั้นของแกไว้ได้อยู่ดี พี่ปั้นเขารักแกนะเข็ม”

ขีโรชายิ้มแห้ง ๆ “รู้แล้วน่า ต่อไปสำหรับแกพี่ปั้นก็ตกกระป๋อง เพราะแกมีพี่คินมาคุมเข้มอยู่ทั้งคนใช่ไหม” เธอจับมือวิมวิพามากุมไว้และบีบเบา ๆ ก่อนพูดต่อว่า “เรื่องของฉันกับพี่ปั้นแล้วแต่พรหมลิขิตเถอะ แต่สำหรับเรื่องแกกับฉัน เราสองคนยังเป็นเพื่อนรักกันเหมือนเดิม เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมใช่ไหม”

“ถ้าแกให้อภัยฉัน ฉันก็อยากจะให้มันเป็นอย่างนั้น”
“ไอ้บ้าเอ้ย...ฉันก็ต้องให้อภัยแกอยู่แล้วละ” ขีโรชายิ้ม น้ำตารื้น “ฉันก็ต้องขอโทษแกด้วยที่ปกปิดเรื่องฉันกับพี่ปั้นตั้งแต่แรก มันเลยยุ่งยากกันไปหมด” สองสาวโผกอดกันสะอื้นพร้อมน้ำตาจากความดีใจ ที่ได้มิตรแท้กลับมาอีกครั้ง

ส่วนทางด้านชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในร้านอาหาร โปษัณก็กล่าวคำขอโทษที่ทำให้คฑาคินต้องเข้าใจวิมวิพาผิดเช่นกัน พร้อมกับคืนมือถือของวิมวิพาให้คฑาคินเก็บไว้ และคฑาคินที่เข้าใจอะไรท่องแท้มากขึ้นมาก่อนแล้ว ก็ไม่ติดใจเอาความ นอกจากขอบคุณกลับไปให้แก่ความมีน้ำใจ เรื่องที่ช่วยแก้ข่าวให้วิมวิพาพ้นจากคำคารหา
และ...ด้วยความที่สองหนุ่มไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันมาก่อน พวกเขาจึงคุยอะไรกันไม่มากนัก ประจวบกับมีชุดการแสดงโชว์ประจำวันของร้านอาหาร ต่างคนจึงต่างหันไปให้ความสนใจดูโชว์นั้นเสีย การโชว์ชุดนี้ทั้งสวยงามและหวาดเสียวรวมกันอยู่ เพราะเป็นการโชว์ควงกระบองไฟ ที่ผู้โชว์ต้องมีความชำนาญเป็นอย่างมาก ไม่เช่นนั้นคงได้รับบาดเจ็บจากไฟที่จุดตรงปลายทั้งสองข้างของกระบองเป็นแน่

คฑาคินจับจ้องอย่างให้ความสนใจ หากไฟที่หมุนกวัดแกว่งอยู่นั้นจู่ ๆ ก็ทำให้เขาใจหายวาบ ภาพความฝันส่วนหนึ่งที่เป็นเพลิงลุกไหม้สูง ปรากฏแวบฉายชัดรวดเร็วในหัวสมอง ทำให้เขาถึงกับมือไม้สั่น เหงื่อผุดผายเต็มสองมือ และซึมข้างขมับ
“พี่คินคะ เป็นอะไรไปหรือเปล่า” เสียงแหลมหวานที่ดังกรอกเข้าโสตประสาท ทำให้ที่นั่งหน้าซีดใจกระตุกวาบ เขายกมือปาดเหงื่อที่ไหลเป็นทางข้างขมับทั้งสอง เสยิ้มเจื่อน ๆ ให้แฟนสาว
“กลับมาแล้วเหรอ”

“ค่ะ ว่าแต่พี่คินเป็นอะไร วิมเห็นพี่คินนั่งตัวเกร็งเชียว เหงื่อไหลเต็มหน้าเลย ร้อนหรือคะ หรือว่าตื่นเต้นเพราะการแสดงโชว์นั่น” บุ้ยใบ้ปากไปยังนักแสดงชายตรงเวทีที่ยังคงหมุนกระบองไฟและต่อตัวโชว์กันอย่างสวยงาม
คฑาคินส่ายหน้า ก่อนเบือนหนีจากการแสดงนั่น แล้วหันมาสนใจอาหารบนโต๊ะที่เริ่มทยอยมาเสิร์ฟแทน ทั้งสี่ทานอาหารหน้าตาวิลิศมาหราน่ารับประทาน สมราคาอย่างใจเย็น แต่กระนั้นก็ยังไม่ได้ทำให้คฑาคินรู้สึกสบายใจขึ้น มันเหมือนมีบางอย่างพยายามจะผุดออกจากหน่วยความจำของเขาอยู่ตลอดเวลา ความทรงจำที่เนิ่นนานของวันวาน...
***--***--***--***--***--***--***

สถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลายเข้าสู่ปกติ ทุกคนออกจะมีความสุขมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ แต่จะมีก็เพียงคฑาคินที่ยังฝันร้ายแปลก ๆ ไม่ยอมหาย เช้าวันนี้ก็เช่นกัน ชายหนุ่มตื่นมาพร้อมกับเสียงหลุดร้องละเมอดังลั่นห้องนอน เขาลุกขึ้นอาบน้ำชำระร่างกายหวังให้ผ่อนคลายลง แต่กระนั้นสีหน้าคร่าตาก็ยังคงบ่งบอกความไม่สบายใจอยู่ดี หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยก็เดินไปแวะรับประทานอาหารมื้อเช้ากับครอบครัวที่ตึกใหญ่อย่างเช่นทุกครั้ง แต่คงด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเหมือนอดหลับอดนอนทั้งคืนกระมัง ทำให้บิดามารดาพากันเอ่ยถามด้วยความห่วงใย

“ช่วงนี้คินไม่ค่อยสบายหรือเปล่าลูก หน้าตาซูบโทรมลงไปนะ” ผู้เป็นมารดาเอ่ยถามขึ้น ก่อนบิดาจะเสริมทัพล้อเลียน
“ดูเหนื่อย ๆ ถ้าพึ่งแต่งงานใหม่ พ่อก็พอจะเข้าใจอยู่หรอกนะเจ้าคิน แต่นี่หมั้นก็ยังไม่ได้หมั้นเลยไม่ใช่เหรอ” คำแซวของผู้อาวุโสทำวิมวิพาแก้มแดง และตามมาด้วยเสียงหัวเราะเบา ๆ จากทุกคนบนโต๊ะอาหาร

หากอิงอรได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ ร่วมด้วยเท่านั้น การที่บุตรชายของหล่อนไม่เข้ามาที่บ้านใหญ่หลายวันเช่นนี้ ก็พอรับรู้ได้ดีว่าชวินกำลังอยู่ในช่วงทำใจ หล่อนก็ช่วยทำอะไรให้ดีกว่านี้ไม่ได้ จะทำได้ก็เพียงแต่ หวังไว้ว่าชวินจะหายจากอาการอกหักเร็ววัน
“คุณพ่อก็พูดไปนั่น” คฑาคินพูดยิ้ม ๆ “ช่วงนี้ผมแค่ฝันร้ายบ่อย ๆ ก็เลยชอบตกใจตื่นกลางดึกน่ะครับ”
“ฝันร้าย ? ”มารดาเสียงสูง “บนโต๊ะอาหาร โบราณเขาถือห้ามเล่าเรื่องความฝัน เอาไว้เย็นนี้คินกลับจากทำงาน เข้ามาเล่าให้แม่ฟังก็ได้ เพื่อจะได้ช่วยกันแก้ความฝันร้ายให้กลายเป็นดี”

“คงไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับคุณแม่ เพราะผมฝันแบบเดิมติดกันมาหลายคืนแล้ว ถ้าจะเกิดเรื่องร้ายจริง ๆ คงเกิดไปแล้วละครับ ผมว่าคงติดภาพมาจากวันนั้น...” บุตรชายรีบหุบปากนิ่ง เมื่อรู้ตัวว่าเขาเกือบเผลอเล่าเรื่องไฟไหม้ ที่บ้านพักบนเขาค้อเสียแล้ว ซึ่งได้ตกลงกับวิมวิพาไว้ว่าจะไม่เล่าเรื่องที่ผ่านมาให้คนที่บ้านรู้ จนต้องเกิดเป็นกังวลตามหลังขึ้นมาอีก เขารีบเปลี่ยนเรื่องทันทีที่เห็นสายตาจากบิดา มารดาและอิงอรผู้เป็นป้ามีเครื่องหมายคำถามปรากฏอยู่ “เออ...วิม วันนี้วิมมีธุระออกไปไหนหรือเปล่า ไปเที่ยวที่บริษัทกับพี่ไหม”
หญิงสาวกะพริบตาปริบ มองเขาอย่างตามไม่ทัน “ก็เมื่อคืนวิมบอกพี่คินแล้วนี่คะ ว่าวันนี้วิมมีซ้อมเดินแบบ”
“ออ...ใช่ พี่ลืม วิมบอกว่าจะมีเพื่อนมารับ อย่างนั้นใช่ไหม”
“ค่ะ เดี๋ยวพี่ฟีน่าจะมารับ” พยักหน้างึกงัก รู้ว่าช่วงนี้ไปไหนมาไหนลำพังไม่ได้ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้คฑาคินเป็นห่วงมาก จะว่าไปทุกคนในบ้านเลยก็ว่าได้ ที่พากันเป็นห่วง จึงกลายเป็นว่าเธออยากจะไปไหนทีต้องมีผู้คอยติดตามเสมอ

***--***--***--***--***--***--***
ร่างสูงบางของวิมวิพาเดินออกมาจากห้องบอลลูนโรงแรมดัง ห้องสำหรับจัดงานแฟชั่นโชว์เพื่อการกุศลที่จะมีขึ้นอีกสามวันข้างหน้า การซักซ้อมเดินแฟชั่นร่วมกับนางแบบหน้าใหม่และหน้าเก่า ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีอย่างไร้ปัญหา พอเสร็จจากงานซ้อมเดินแบบ วิมวิพาก็นัดเจอกับกลุ่มเพื่อนสนิท ซึ่งทุกคนก็มาตามนัดแต่โดยดี รวมถึงขีโรชาด้วย หลังจากร่ำเรียนจบมหาวิทยาลัย นี่อาจถือว่าเป็นครั้งแรก ที่ห้าสาวแท้เทียมได้มีโอกาสมาพบกันครบพร้อมเช่นนี้ เพราะหลังจากแยกย้ายกันไปรับผิดชอบหน้าที่การงานตามทางของแต่ละคน ก็ใช่ว่าจะหาเวลาว่างมาพบปะกันง่าย ๆ เสียงสาว ๆ ประสานพูดคุยหัวเราะครื้นเครงกันอย่างวันวาน กลับมาอีกครั้งในร้านอาหารประจำที่สมัยเรียนมานั่งกันบ่อย ๆ

“พวกแกคืนนี้ไปแด้นซ์กันต่อดีไหม” นินิวเอ่ยชวน เพื่อนสาวเทียมอย่างฟีน่าและแซลลี่พร้อมใจกันพยักหน้าเห็นด้วยทันควัน ขณะที่วิมวิพากับขีโรชาหันมองตากันปริบ ๆ ก่อนวิมวิพาจะยิ้มแหยพร้อมบอกปฏิเสธ

“ไปกันเถอะ ฉันคงต้องขอตัว ไปไม่ได้เดี๋ยวพี่คินจะว่า คุณลุงคุณป้าจะเป็นห่วง”

“แหม...เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปแยะนะยะ อยู่ในโอวาทซะด้วย...”

“นินิวแกก็แซวมันจัง” ขีโรชาสกัดขึ้น “วิมมันไม่ใช่ชาวบ้านอย่างเรา ๆ แล้วนะ จะไปไหนทำอะไรก็ต้องเซฟตัวเอง ไม่อย่างนั้นเกิดเรื่องอย่างคราวก่อนอีกจะลำบาก”

“ก็จริง เกิดเรื่องอีกครั้งก็ไม่รู้ว่าจะจับคนทำได้หรือเปล่าด้วย ถ้าเหมือนคราวที่ผ่านมานังวิมก็เจ็บตัวฟรี” ฟีน่าเสริม แม้ทุกคนจะรู้แก่ใจดีว่าเรื่องข่าวอื้อฉาวของวิมวิพาแท้จริงเป็นฝีมือใคร แต่เมื่อเงินของฝ่ายนั้นปิดปาก ก็สามารถทำข่าวเงียบเฉียบได้รวดเร็วไม่น้อย กระนั้นทุกคนก็หวั่นใจอยู่เหมือนกัน ว่าคนที่กล้าเสี่ยงสร้างเรื่องพวกนี้ขึ้นมาได้ แต่กลับไม่บรรลุผลอย่างที่พวกเขาต้องการ บางทีอาจจะไม่ยอมวางมือง่าย ๆ และยิ่งวิมวิพากลับมามีงานและมีชื่อเสียงขึ้นเช่นนี้แล้วด้วย เธอก็สมควรต้องระวังตัวให้มาก “งั้นพวกเราก็ไปต่อกันสามคนละกัน ส่วนนังวิมไล่ให้กลับบ้านไปซบอกพี่คินของมันซะ อ้อ...นังเข็มในฐานะที่แกคงไม่อยากจะไปต่อกับพวกฉัน ถ้าอย่างนั้นฝากไปส่งนังวิมให้ด้วยก็แล้วกัน” ช่วงท้ายประโยคฟีน่าหันไปบอกขีโรชา โยนหน้าที่ให้เสร็จสรรพ
ระหว่างที่ความสุขเล็ก ๆ เริ่มก่อตัวขึ้นในกลุ่มเพื่อน ทุกคนเพลิดเพลินกับการทานและพูดคุยอย่างออกอรรถรสเมามันกันอยู่ ได้มีสายตาเคียดแค้นของผู้ไม่ยอมแพ้เฝ้ามองตลอดเวลา จากมุมในสุดของร้านอาหาร และดูเหมือนคน ๆ นี้ได้ลอบสะกดรอยตามวิมวิพามาตั้งแต่ที่โรงแรมแล้ว !



กันเหงา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ก.ค. 2555, 19:12:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ก.ค. 2555, 19:12:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 1414





<< ตอนที่ 31 เล่ห์สลับขั้ว   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account