ลิขิตพราย โดย วงแหวนดาวเสาร์ สนพ.อรุณ
ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินทางรอนแรมไปในหนทางมืดมิด
มีเพียงเสียงหริ่งเรไรและหิ่งห้อยนำทาง
เขากำลังหนีจากสังคม ผู้คน มาเพื่อตามหาสิ่งหนึ่งซึ่งถูกซุกซ่อนเอาไว้ในป่าลึก... “บ่อพราย”
ตำนานเล่าขานกันว่าหากใครได้ส่องดูเงาตนเองที่บ่อในคืนเดือนมืด คนผู้นั้นจะมองเห็นสิ่งที่ตนตามหา

พี่นนท์คนใหม่กลายเป็นอีกคนที่เพลงพิณไม่รู้จัก จากผู้ชายขี้แพ้ สุภาพ อ่อนโยน ไม่สู้คน
กลายเป็นกระด้าง ปราดเปรียว สนุกกับชีวิตในเวลาที่ได้เอาชนะทุกสิ่งด้วยแววตาทรงพลังจนน่าขนลุก
ชั่วเวลาไม่กี่เดือนสรานนท์กลับกลายจากคนหมดตัวไปเป็นตากล้องมาแรงที่สุดในขณะนั้น
เขาเปิดนิทรรศการภาพถ่ายชวนพิศวงและดูสูงค่าจนเหล่าเศรษฐีแทบจะเหยียบกันเพื่อแย่งชิงไปไว้ในครอบครอง
ด้วยแรงดึงดูดแปลกประหลาดราวกับไม่ใช่พลังจากน้ำมือมนุษย์
Tags: สรานนท์ เพลงพิณ ธิติ พล กมลณัฐ บ่อพราย

ตอน: เปลี่ยนชื่อบทเก่าแล้วนะคะ ขอขึ้นบทที่ ๔ สัญญาพิษ(ตอนแรก)

สรุปว่าตอนที่แล้วคือจบบท
แล้วก็เปลี่ยนชื่อเป็น บทที่ 3 พรายปรารถนา
ส่วนบทที่ 4 สัญญาพิษ ที่เพิ่งเริ่มตอนนี้(จะลงสองครั้งจบ)
อย่าเพิ่งงง ย้อนไปแก้ชื่อบทสองตอนก่อนหมดละ
-..- ตอนนี้รีบเขียนหัวขวิดมากค่ะ ขอรวบไปตอบคอมเม้นต์คราวหน้า...
ยังไงก็ของคุณสร้อยที่แวะมาเจิม
คุณเรือใบที่กลับมา(แถมบอกคำผิด)
แล้วก็คุณอะมีราห์ที่เริ่มมองเห็นเหมือนคนเขียนว่าเหมือนณัฐเป็นนางเอก

ตอนใหม่จะมาราวๆ ไม่พฤหัสก็ศุกร์ ขอบคุณสำหรับทุก Like ด้วยนะคะ <3




บทที่ ๔ สัญญาพิษ


“เรื่องที่พี่นนท์จะเข้ามาเป็นผู้บริหารของอารยกิจการพิมพ์ เพลงก็แปลกใจเหมือนกันแหละค่ะ
ว่าทำไมตัวเองเพิ่งได้รู้ แถมดูเหมือนว่าพี่ชายเพลงจะมีส่วนรู้เห็น ดีนะคะ ไม่เข้าหาคนใกล้
เล่นเส้นคนไกล มีอะไรก็อุบอิบไว้ไม่บอกกัน...” เพลงพิณเข่นเขี้ยวคล้ายจะพูดเล่น
แต่กมลณัฐเห็นแววน้อยใจฉายออกมารำไร

“ณัฐไม่ได้ว่านะคุณเพลง แต่เอ่อ พี่นนท์เขาจะทำได้เหรอคะ ปกติเห็นหงิมๆ ”

“ทำไมคะ พี่นนท์เขาก็เหมาะออก” เพลงพิณตอบออกไปแล้วก็แปลกใจ
โดยไม่รู้ว่าเป็นกมลณัฐหรือตนเองที่เข้าใจผิด ทำไมกมลณัฐถึงคิดว่าคนอย่างพี่นนท์
จะทำไม่ได้ แต่พออีกฝ่ายพูดเธอก็เริ่มรู้สึกตาม พี่นนท์เมื่อก่อนนี้ไม่น่าจะทำได้
การเป็นผู้นำ แค่พูดในที่ประชุมเขายังเขิน

“เอ่อ แต่รู้สึกเขาแปลกไปนะคะ ดูเท่าที่เจอวันนี้ก็น่าจะทำได้จริงอยู่หรอก” กมลณัฐนึกถึง
ท่าทางมั่นใจที่ตนเองได้เห็นเมื่อเช้าแล้วก็ต้องยิ้มออกมา

จบคำพูดลูกน้องสาวของเพลงพิณไม่ทันไรคนผู้กำลังเป็นที่กล่าวถึงก็เปิดประตูกระจก
เข้ามายังห้องนั้นพร้อมกับผู้ใหญ่อีกสองคน เห็นได้ว่าทั้งหมดมาเพื่อประชุมกับคุณเพลง
เป็นการส่วนตัว สายตาแปลกอกแปลกใจหลายคู่มองตามร่างสูงเป็นตาเดียวเมื่อเขาหยุดยืน
ข้างเพลงพิณ ปล่อยให้ผู้ใหญ่ที่มาพร้อมกันเดินนำไปก่อนราวกับจะหยุดรอให้เธอเดินไปด้วยกัน

เพลงพิณยิ้ม แต่สรานนท์มองเห็นในดวงตาคล้ายแมวน่ารักนั้นว่าหญิงสาวกำลังงอนเขา
มือบอบบางล้วงลงในเสื้อสูทเข้ารูป ก่อนหยิบกล่องแว่นตาส่งให้สรานนท์

“เพลงหากล่องเหลือๆ เอาในบ้านน่ะค่ะ ไม่ใส่แว่นแล้วไม่ปวดหัวแย่หรือคะ” เพลงพิณยังอด
แสดงความกังวลแทนไม่ได้เพราะเมื่อก่อนพี่ชายคนนี้มักบ่นเสมอเวลาต้องถอดแว่น

“อ้อ ที่พี่ลืมไว้ในห้องนอน”

คนพูดคล้ายหลุดปากเบาๆ ออกมามากกว่าอื่น แต่ด้วยความที่อยู่ใกล้กมลณัฐที่ได้ยินเข้าจึงหูผึ่งขึ้นทันที

“พี่ไปทำเลสิกมาช่วงที่หายหน้าไป แต่สายตายังไม่เป๊ะอย่างที่ต้องการ จะไปคุยกับหมออีก
ก็ยังไม่มีเวลา ตอนนี้ยังสั้นอยู่นิดหน่อย หาแว่นใหม่เร็วกว่า”

เพลงพิณเองนั้นสะดุดตั้งแต่ประโยคแรกที่เขาหลุดมา หญิงสาวยืนอึ้งจนสรานนท์
พูดต่ออีกยาว แต่ชายหนุ่มผู้ไม่รู้ตัวยังไม่ทันเอื้อมไปรับแว่นก็เห็นหญิงสาวหน้าแดง
หมุนตัวเดินงุดๆ หนีไปยังห้องทำงานส่วนตัว สรานนท์ที่เหมือนจะเพิ่งรู้ตัวขยับก้าวตาม
เข้าไปทันที คนนอกที่แอบเกาะติดการสนทนาอยู่จึงหมดสิทธิ์ได้ฟังฉากต่อจากนั้นไปโดยปริยาย...


“เฮ้ยเจ้าปลา”

“ขา พี่ณัฐ” คนตอบขานเสียงหวาน

“ได้ยินอย่างที่ฉันได้ยินไหมวะ พี่นนท์ลืมแว่น”

“ค่ะ”

“ไว้ในห้องนอน”

“ค่ะ เต็มสองรูหูเลย”

“เฮ้ย ได้ไง...ห้องนอนใครวะ คุณเพลงหรือว่าห้องพี่นนท์” กมลณัฐเกาศีรษะ
แต่ไม่ว่าจะห้องแบบไหนฟังแล้วก็ชวนให้ใจหวิว จินตนาการเตลิดไปไกลได้ทั้งสองแบบ
ไม่ใช่หรือไง แต่เธอเองเชื่อใจคุณเพลงว่าไม่ใช่คนปล่อยตัว ข้างพี่นนท์เองก็ยิ่งไม่ใช่ผู้ชาย
ที่จะทำแบบนั้นได้ง่ายๆ ทว่าจะไปลืมไว้อีท่าไหน ไปถึงห้องอีกฝ่ายกันทำไมนี่สิ
มันน่าสงกะสัยอยู่มากเชียวละ

“ทำไมอะไรๆ มันดูแปลกไปหมดนะหมู่นี้” หญิงสาวคำรามอย่างฉงนใจ

“เอ่อ ปลาว่าพี่ณัฐกังวลเรื่องงานที่กำลังจะไม่ทันส่งโรงพิมพ์ดีไหมคะ”

“เออๆๆ ทำงานก่อนก็ได้ นี่ก็เสียเวลาไปครึ่งวันแล้ว ไม่รู้อะไร หล่อนนั่นแหละยายปลา
เอาแต่พูดๆๆ มาตั้งกะเช้า” กมลณัฐเริ่มพาล

ปลาอมยิ้มขำ ยามอารมณ์ดีพี่สาวสุดห้าวจะเรียกปลาว่าเธอ ถ้าเมื่อไรเรียกแก
จะออกไปทางจริงจัง แต่ยามขึ้นหล่อน แปลว่าอีกฝ่ายกำลังเริ่มค่อนแคะเข้าให้แล้ว
นี่ก็คงหวงคุณเพลงเลยพาลแน่ๆ เรื่องแว่นตาของพี่นนท์ที่ลืมไว้นั่น
เด็กปลาพยายามชะเง้อมองชายหนุ่มหญิงสาวที่หายเงียบเข้าไปในห้องทำงาน
ของเพลงพิณซึ่งกั้นไว้ด้วยกระจกมัว อยากรู้เหลือเกินว่ากำลังมีอะไรเกิดขึ้นภายในนั้น




“เพลง...” พี่หลุดไปไม่ทันคิด ลืมไปว่าเจ้าปลากับณัฐเป็นพวกหูไวเสียด้วย

“พี่นนท์อะพูดออกมาได้ อายคนเขานะ” เพลงพิณบ่นอู้อี้เหมือนเด็กๆ เวลาอายจน
ลืมตัวเธอจะออกอาการกระเง้ากระงอดหน้าตาแดงแบบนี้ทุกที จนต้องพาตัวเองหนีเข้าห้อง
จะได้เฉ่งคนที่เป็นต้นเหตุกวนอารมณ์ได้เต็มที่

“พี่ขอโทษ ลืมคิดไป” สรานนท์บอกด้วยสีหน้าสบายๆ อย่างที่ดูก็รู้ว่ามิได้รู้สึกรู้สาอะไร
มากมายอย่างคำพูด “ก็ตอนนั้นเพลงอยากมาแกล้งพี่ ถอดแว่นพี่ออกเอง”

“หา เพลงทำ...ไม่จริงมั้ง” หญิงสาวหันหนีอีกครั้ง ส่ายหน้าจนผมหางกระรอกด้านหลัง
โบกไหวยั่วสายตาคนมอง

สรานนท์หัวเราะทุ้มในคอ ยื่นมือไปเตะเจ้าหางดุ๊กดิ๊กโทนสีน้ำตาลนุ่มนั้นเบาๆ
...แต่ก่อนแต่ไรมาแล้ว แม้จะในสมัยที่เขายังเป็นนนท์คนเดิม แต่ถ้าไม่ได้อยู่ในสายตาคนนอก
เขากับเพลงพิณก็เหมือนพี่สาวน้องชาย อาจเพราะเล่นหัวกันมาตั้งแต่เพลงพิณยังตัวเล็กนิดเดียว

“อืม” สรานนท์คลี่ยิ้มมุมปาก กระตุกพวงหางเจ้ากระรอกขี้งอนเล่นเบาๆ อีกฝ่ายน่ารัก มาก...
จนเขารู้สึกอยากรังแก “คืนแว่นพี่มาซะ เดี๋ยวคุณอาสองคนในห้องประชุมรอแย่ ก่อนนี้บอกกันไว้ว่า
จะขอมาหยิบเอกสารแป๊บเดียวไม่ใช่เหรอ”

เพลงพิณหันมายื่นแว่นตาให้สรานนท์ แววน้อยใจที่เขาไม่ยอมบอกเรื่องจะเข้ามาเป็นผู้บริหารที่นี่
เริ่มจางหายไปหลายส่วนเมื่ออีกฝ่ายจับผมเธอเล่นแสดงถึงความสนิทสนมกันอย่างที่แล้วมา
เขาคงมีเหตุผลที่ไม่บอกเธอเสียแต่เนิ่นๆ

“ใส่แว่นคืนให้พี่เลย เป็นคนถอดของเขานี่” ยามเอ่ยถ้อยคำสรานนท์จ้องตาเพลงพิณ
นิ่ง นาน คล้ายท้าทายทีเล่นทีจริง

หญิงสาวไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเธอถึงเดินเข้าไปใกล้เข้าตามคำขอนั้นอย่างว่าง่าย
และเพราะเหตุใดมือของเธอจึงค่อยๆ ประคองแว่นขึ้นมา
เธอกำลังเข้าไปใกล้เขามากๆ สบตากันในระยะนี้มันเหมือนกับคืนนั้นที่เธอเมาจน
จำอะไรแทบไม่ได้ แต่ยังจำแววตานี้ได้ ว่าพี่นนท์เข้ามาอยู่ใกล้ชิดมากแค่ไหน
มือขาวบอบบางสั่นน้อยๆ เมื่อขาแว่นแตะใบหน้าได้รูปชวนมองของคนตัวสูง

เขา...ดูไม่เหมือนพี่ชาย เวลานี้ เขา...เป็นผู้ชายคนหนึ่ง

เพลงพิณไม่เข้าใจว่าความรู้สึกนั้นแวบผ่านมาได้อย่างไร ทำไมตนรู้สึกอะไรอย่างนี้ได้
แต่หญิงสาวก็ประคองแว่นตาสอดสวมให้เขาอย่างช้าๆ ขณะที่อีกฝ่ายค่อยๆ แย้มยิ้มบางเบา
ส่งให้ใบหน้าที่เคยขรึมเย็นเป็นนิจนั้นดูมีชีวิตชีวาจับใจ สรานนท์แตะมือซ้อนบนหลังมือขาว
ยามหญิงสาวค่อยๆ ลดมือลง เพลงพิณหายใจสะดุด ผงะถอย ก่อนจะหันไปยังโต๊ะทำงาน
เร่งหยิบแฟ้มเอกสารในลิ้นชักออกมา

“ไปกันเถอะค่ะ พวกคุณอารอแย่แล้ว”




เมื่อเจ้านายสาวกับว่าที่ผู้บริหารคนใหม่ออกมาจากห้องทำงานและเข้าไปในห้องประชุม
เรียบร้อยแล้วกมลณัฐก็ถอนใจใหญ่ รีบขจัดความอยากรู้อยากเห็นหันมาจดจ่อกับงานตรงหน้า
ทว่าก็ต้องเส้นกระตุกอีกครั้งเมื่อเสียงของเจ้าปลาเด็กช่างกวนอารมณ์ดังทำลายความเงียบขึ้นอีก

“พี่ณัฐ”

“อะไรอีกล่ะ”

“ปลาว่าสีมันแปลกๆ นะ ปกนิยายที่พี่กำลังทำ”

“ยังไง”

“เรื่องนี้ถ้าจำไม่ผิด มันชื่อ ‘สื่อรักร้านขนม’ อะไรสักอย่างไม่ใช่เหรอ แต่สีแดงๆ
ที่พี่ณัฐละเลงอยู่ ปลาว่ามันดูเหมือนสีเลือดๆ นะ ขนมสีสยองแบบนี้ใครจะกิน”

“เฮลบลูบอยสีแดงไง...” กมลณัฐแสยะยิ้มแยกเขี้ยวอย่างนึกขำเมื่อเริ่มจะเห็นจริงตามคำติ
“เฮอะ อารมณ์คนทำมันเดือด ช่วยไม่ได้”

“บังคับต่อมขับความหวานออกมาหน่อยน่า ปลารู้ว่าพี่มีซ่อนไว้เยอะ
ดีกว่ารอให้โดนสั่งแก้นะ ยิ่งรีบๆ กันอยู่”

“เออๆๆๆ เดี๋ยวปรับ” กมลณัฐทันรู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไปจึงชิงกลับลำ ก่อนที่กรรมจะ
ไปตกอยู่กับนักเขียนตาดำๆ เจ้าของนิยายเรื่องนี้ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วยสักนิดเลย






คืนนั้นสรานนท์นอนหลับไปอย่างไม่ยากเย็น ช่วงนี้เขาเหนื่อยง่าย กับสิ่งใหม่ๆ ที่ต้องคิด
ที่ต้องทำ แม้มันจะสนุกก็ตามที ในช่วงเวลาครึ่งหลับครึ่งตื่น ความเจ็บแปลบที่ข้อมือค่อยๆ
จุดขึ้นโดยไร้สาเหตุ เหมือนเป็นการเตือนย้ำถึงบางอย่างที่หลงลืมไป

ราวกับว่าเกิดเป็นรอยมีดกรีด เปิดผิวให้เลือดไหลหยด แผลบนข้อมือ...
เขาไม่เคยมีแผลที่ตรงนั้น ไม่เคยโดนอะไรบาด ไม่เคย จริงหรือ...


‘เพื่อนแท้ ต้องกรีดเลือดสาบาน’
มันเริ่มมาจากคำพูดของพล ตอนนั้นพวกเขาอยู่ประถมห้า
เขาและธิติไม่ได้สนใจนักในทีแรก แต่เพื่อสนองความต้องการทำเท่อย่างแรงกล้าของเพื่อน
ที่อยากทำอะไรก็มักเซ้าซี้จนสำเร็จ ในที่สุดวันนั้นก็กลายเป็นความจริง

ธิติถือมีดแกะสลักผลไม้ซึ่งใช้กันในวิชาเรียนไว้ในมือด้วยสีหน้าไม่ยิ้มแต่ก็ไม่เชิงว่าบึ้ง
พลที่ถือถ้วยรออยู่มีสีหน้าซีดลงทุกที สรานนท์ได้แต่มองปลงๆ กึ่งสมน้ำหน้า อยากชวน
เพราะเห็นเป็นสนุก ตัวต้นคิดจะมาถอดใจตอนนี้ก็สายเสียแล้ว ลูกผู้ชายแม้จะเด็กแค่ไหน
ก็เรียกว่าลูกผู้ชาย ในขณะที่ธิติบ้าพอจะทำตาม เขาเองที่พวกมันคิดว่าน่าจะมีความกลัว
เหนือกว่าใครเพื่อนก็กลับเฉยๆ คนอื่นว่าอะไรก็ว่าตามนั้น มีแต่เจ้าพลนี่แหละที่ป๊อด...
ไอ้คนไม่รู้จักตัวเอง

เลือดของเด็กสามคนรวมกันในถ้วย ผลัดกันจิบเพื่อให้ดูเป็นพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์
แม้จะดูเหมือนโรคจิตไม่เข้าท่า แต่ครั้งหนึ่งเชื่อว่าหลายคนก็เคยเชื่อในอะไรสักอย่างแบบแรงกล้า
เมื่อมามองย้อนไปมันก็แค่การกระทำของเด็ก แต่เวลานั้นสรานนท์กลับรู้สึกขนลุกเมื่อคาวเลือด
แตะลิ้นเขาเป็นคนที่สอง ก่อนส่งต่อให้พลที่คล้ายจะร่ำๆ เป็นลมลงไปได้ตั้งแต่ตอนกรีดแขน
ให้เลือดหยดลงมา

จังหวะที่ภาพอดีตค่อยๆ ชัดเจนเหมือนย้อนมาอีกครั้งในความฝัน แผลที่ข้อมือก็เจ็บ
เหมือนมีอะไรเต้นตุ้บๆ อยู่ตรงปากแผลที่ถูกคมมีดกรีดเลือดสาบานออกมา บ้าชะมัด
นานป่านนี้แล้ว ทำไมยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้ดี

‘เราสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนแท้ เป็นเพื่อนกันตลอดไป ใครผิดคำสาบาน ใครทรยศเพื่อนขอให้...’
พลซึ่งเสียงแหบแผ่วชะงักค้าง ทำหน้าคล้ายนึกไม่ออกว่าจะเอ่ยอะไรจากนั้นเพราะไม่ได้เตรียม
บทพูดมาล่วงหน้า

‘ไม่ตายดี’ ธิติสบตาอีกฝ่ายพลางเสริม ก่อนแสยะยิ้มคะนองมากกว่าคิดจริงจัง

สรานนท์มองหน้าพลที่หน้าซีดสลับแดงก่ำแต่พยายามรักษาท่าทีเอาไว้เต็มกลั้น
ก่อนกระดกเลือดในถ้วยเข้าปากไปเป็นคนสุดท้าย

รสเลือดของตัวเองและเพื่อนรวมกัน มันช่างจำติดลิ้น ความเจ็บปวดของแผลที่กรีดเลือดสาบาน
ยังเต้นระริกอยู่ตรงข้อมือ เจ็บปวดรุนแรงจนคล้ายว่าเลือดยังรินไหลไม่หยุด

ชายหนุ่มลืมตาโพลงในความมืด ผุดลุกมาเปิดไฟที่หัวเตียง รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง
กับฝันอันกระจ่างชัด แต่ตอนนี้ที่ควรจะกังวลยังเป็นภารกิจที่จะต้องทำให้ลุล่วงมากกว่า


เขาเองแลกอำนาจบางอย่างมาจากป่า...เพราะต้องการจะรู้และเข้าใจสิ่งที่พลาดไปในชีวิต
บางทีความต้องการนั้นอาจหนักหนากว่าเรื่องที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองไปสู่เส้นทางที่สูงขึ้น
ถ้าได้คำตอบของเรื่องที่เคยผิดพลาด เขาอาจแข็งแกร่งขึ้นมาได้โดยไม่ต้องพึ่งพาอำนาจใด

อำนาจของสิ่งมีชีวิตเร้นลับในป่าทรงพลังยากจะหยั่งถึง แต่เมื่อใดหลังจากเขาได้ใช้อำนาจนั้น
จิตจะอ่อนแอลง ต้องนอนพักจึงจะทุเลาและตื่นมาด้วยพลังที่ฟื้นคืน

‘จิตพรายจะพักพร้อมจิตเรายามหลับ...’ นั่นคือสิ่งที่ปู่เขียนเอาไว้ในบันทึกถึงสัญญาที่ปู่มีกับพวกพราย
เพื่อแลกเอาอำนาจมาไว้ในมือ อำนาจที่บันดาลให้ชีวิตเป็นไปตามปรารถนา

แล้วเขาเองล่ะ...

ด้วยสัญญาที่แลกเอาอำนาจนั้นมา เขาอาจต้องเดือดร้อนเพราะมันทีหลัง แต่สรานนท์ไม่กลัว
คนจนตรอกไม่มีอะไรจะเสีย อย่างมากก็แค่ตาย... ไม่เจ็บไปกว่ามีชีวิตอยู่อย่างฝืนทน

จุดเริ่มต้นของความต้องการอำนาจมาจากการที่เขาอยากรู้ความจริงเพียงข้อเดียวที่ทำให้ทุกอย่าง
คล้ายพังลงตรงหน้า ทำให้เขาอ่อนแอจนไม่อยากจะสู้ต่อไป เพียงเพราะไม่เข้าใจ ยิ่งกว่าเรื่องคนรัก
ที่ทิ้งไป ยิ่งกว่าเรื่องงาน

คือเรื่องของใจคน...



เขาเป็นคนเจอศพทั้งสองศพ มันเกิดขึ้นที่ตึกหลังเก่า ก่อนนั้นไม่นานพ่อยังถามเขา
คำถามที่น่าสงสัย คำตอบของเขาเองอาจเป็นตัวผลักดันให้พ่อไปถึงจุดนั้น การเป็นฆาตกร...
แต่ใจหนึ่งก็ยังอยากเชื่อว่าพ่อไม่ได้ทำ

‘แกคิดว่าคนเราจะฆ่าคนอื่นได้เมื่อไร คนอ่อนแอธรรมดาอย่างเราๆ ’

‘เมื่อจนตรอกมังครับ’

นั่นไม่ใช่วิสัย พ่อต้องถูกบีบคั้น อะไรที่ทำให้คนคนหนึ่งทุกข์หนักถึงเพียงนั้น เขาได้แต่เดา
ไปเรื่อยเปื่อย แล้วเขาก็ไม่เข้าใจเหตุผล ทั้งของพ่อ และลุงกำธรผู้เป็นบิดาธิติ ว่าทำไม คนเราถึงได้...

‘กำธรเป็นเพื่อนตายของพ่อ’ คำนั้นในอดีตยังติดหู ยามพ่อเอ่ยถึงเพื่อนที่ให้พ่อทุกอย่าง
ทั้งความสำเร็จอย่างที่สุด ไปจนความล้มเหลว เหลวแหลกในชีวิตเมื่อถูกดึงเข้าสู่ทางอบาย
พ่ออาจทั้งรัก ทั้งแค้น จนถึงกับฆ่าอีกฝ่ายด้วยมือของพ่อเอง

แล้วตัวเขาล่ะ วันหนึ่งถ้าเขาถูกกดดันจนถึงที่สุดด้วยความแค้น หรืออะไรก็ตาม
วันไหนที่เขาจะฆ่าเพื่อนได้ไหม หรือรอแค่วันที่เขาสามารถพอจะทำ


เขาต้องหาคำตอบและสิ่งที่เกิดขึ้นกับพ่อให้ได้ ไม่ว่ามันจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม
ทั้งคืนนี้ และในคืนต่อๆ ไป เขาก็ยังต้องออกไปหาความจริงนั้นด้วยตัวเอง เพียงลำพัง...



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ส.ค. 2555, 01:57:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ต.ค. 2557, 07:30:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 1372





<< บทที่ ๓ กล่องแห่งความทรงจำ(ต่อ-จบบท) + แจ้งเรื่องการลงตอนพิเศษมายาไฟฯ   บทที่ ๔ สัญญาพิษ(ต่อ-จบบท) >>
อสิตา 7 ส.ค. 2555, 02:01:24 น.
เอา Like มาน้า เอามาหน่อยนา กดหน่อยน่า กดนะจ๊ะ ชอบชั้นซิ อุ๊อิ๊ๆ ๆ


shadha 7 ส.ค. 2555, 02:25:04 น.
อ่าว แอบจิกฝ่ายอาร์ตซะงั้น!!


อสิตา 7 ส.ค. 2555, 04:07:07 น.
ใคร ใคร๊ ใคร จิกครายยย(ไหนว่าปั่นงานหัวขวิด) ขอมาระบายความเครียดหน่อย
แต่ว่าตอนหน้าพี่พลออกโรงแล้วน้า ไม่รู้จะแย่งความเป็นพระเอกจากตานนท์ไหม
ถ้าแย่งได้ก็เปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น "ลิขิตพล" เลยละกัน


หมูอ้วน 7 ส.ค. 2555, 05:57:57 น.
like แย้วค่าา


lovemuay 7 ส.ค. 2555, 06:10:49 น.
ฮืม รอชมความหล่อของพี่พลค่ะ อิอิ


ameerahTaec 7 ส.ค. 2555, 08:26:58 น.
โอ๊ะ ยังจะมี ผช หล่อๆปรากฏกายอีกหรอ รอดูพี่พลดีกว่า


sai 7 ส.ค. 2555, 08:58:34 น.
อ่านพี่นนท์ตอนนี้ นึกถึงตอนดูพี่ติ๊กเรื่อง I miss U เลยอ่ะแบบว่าตาต้องหวานแน่ๆเลยตอนที่จ้องเพลงใส่แว่นให้อ่ะ


goldensun 7 ส.ค. 2555, 09:04:47 น.
ออกฉากแต่เสียงมาตั้งนาน ตอนหน้าโผล่หน้าแล้ว พี่พล
พรายจะได้อะไรตอบแทนจากที่ช่วยนนท์นะ แลกกับอะไรกัน
แผลเตือนนนท์เรื่องสาบานแล้ว แต่ธิติล่ะ ได้รับการเตือนบ้างรึเปล่า


patok 7 ส.ค. 2555, 11:17:34 น.
นิยายคุณอสิตา ยิ่งอ่านก็ยิ่งลึกลับ และก็อดใจไม่ไหว ต้องค้นหากันต่อไป ---มันเป็นหยั่งงี้จริงๆนะ 55+


เรือใบ 7 ส.ค. 2555, 11:37:20 น.
แหะๆ ตามอ่านอยู่นะคะ แต่ส่วนใหญ่อ่านในมือถือเลยไม่ค่อยได้เมนต์ >____<


ling 7 ส.ค. 2555, 11:48:47 น.
ลึกลับซับซ้อนจัง


shadha 8 ส.ค. 2555, 10:53:03 น.
ลิขิตพล สาวณัฐเป็นนางเอก อิอิ


ฮอบบิท 8 ส.ค. 2555, 20:21:42 น.
ไลค์แล้ว กดแล้ว จะติดตาม ตามติดทุกตอนไป ล่องลอย ล่องลอย


Zephyr 9 ส.ค. 2555, 14:37:40 น.
แง่มๆ มะม้าเริ่มเขียนให้พี่นนท์น่า....กลัว ละ เอ้ยยยย น่าค้นหา หุหุ
แต่อิ๊ เด็กๆสามคนเล่นไรกัน แหวะ เหม็นคาวแย่เลยง่า
พี่นนท์มาดใหม่นี่พูดชวนจิ้นอ่ะ น่ารักอ่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account