มนตรามายารัก

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทนำ

เสียงพูดคุยเพียงแผ่วเบาระหว่างชายหญิงคู่หนึ่งยังคงดังต่อเนื่องอยู่ที่ข้างหู ขณะที่เปลือกตาทั้งสองข้างของร่างที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงคนไข้มาหลายชั่วโมง ค่อยๆ เผยอขึ้นอย่างยากลำบาก ประหนึ่งว่ามีใครจงใจกดทับมันไว้ไม่ให้เปิดออกมาพบเห็นหรือรับรู้สิ่งใดในเวลานี้ แต่ด้วยความสงสัยใคร่รู้ และเพื่อหาคำตอบให้กับคำถามที่ติดอยู่ในใจว่า เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงของใคร? และสิ่งที่คนทั้งคู่คุยกันมันหมายความว่าอย่างไร? แต่เท่าที่พอจะจับใจความได้ก็คือ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเขาและผู้หญิงอีกคนอย่างไม่ต้องสงสัย แต่คำตอบที่เขาอยากรู้มากที่สุดคือ...ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?
ช่วงขณะที่เปลือกตาทั้งสองข้างเปิดกว้างขึ้น เสียงนั้นก็หายไปในทันที แสงสว่างเจิดจ้าของแดดยามสายจากภายนอกที่ลอดผ่านแนวผ้าม่านสีฟ้าอ่อนผืนยาวจากพื้นจรดเพดานที่เปิดแง้มอยู่เข้ามากระทบนัยน์ตา ทำให้ภาพที่ปรากฏตรงหน้าดูพร่าเลือนไปหมด จนเจ้าตัวต้องหยีตา เพื่อปรับสภาพการมองเห็นให้สามารถรับภาพได้ชัดเจนขึ้น เมื่อการรับรู้เป็นปกติ เจ้าของดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มภายใต้แพขนตางอนยาวก็หันมองไปรอบๆ ตัวทันที แต่สิ่งที่เห็นคือความว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ในห้องเลยแม้แต่คนเดียว...
มันจะเป็นไปได้ยังไง!
คำถามใหม่ผุดขึ้นในใจในบัดดล คิ้วโก่งโค้งบนใบหน้ารูปไข่เรียวเล็กขมวดเข้าหากัน สมองสั่งการให้มองเลยโซฟาตัวยาวชิดผนังสีขาวนวลไปที่ประตู แต่ก็พบว่ามันปิดสนิท ไม่มีร่องรอยที่ทำให้รู้สึกได้ว่าเพิ่งมีคนเปิดมันออกไป และเมื่อเจ้าตัวหันกลับไปยังทิศทางตรงกันข้าม สายตามองลอดแนวผ้าม่านออกไปที่ด้านนอกระเบียงห้อง สิ่งที่เห็นมีเพียงยอดไม้ของจามจุรีต้นใหญ่ที่โอนเอนไปตามแรงลมอยู่ไกลๆ ทำให้พอเดาได้ว่า ห้องนี้อยู่สูงจากระดับพื้นดินไม่ต่ำกว่าชั้นที่สาม จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครปีนออกไปทางระเบียงอย่างที่เจ้าตัวเผลอคิด แล้วเจ้าของเสียงที่ได้ยินหายไปไหนได้ยังไงในเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที
เสียงเปิดประตูดังขึ้น ปลุกให้คนที่กำลังสงสัยใคร่รู้ตื่นจากภวังค์ความคิดของตัวเอง หันกลับไปมองทางที่มาของเสียงอีกครั้ง
“ตื่นแล้วเหรอคะ”
คำกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พร้อมรอยยิ้มแสนหวานบนใบหน้าสวยใสของสาวแรกรุ่นร่างเล็กบอบบางในชุดเครื่องแบบสีขาว ส่งผลให้แววตาสงสัยใคร่รู้ของคนที่นอนอยู่บนเตียงเปลี่ยนเป็นเจ้าชู้กรุ้มกริ่มขึ้นมาในทันที แต่เมื่อเจ้าตัวจะขยับลุกขึ้น ความรู้สึกเจ็บแปลบที่ศีรษะก็แล่นสู่ประสาทการรับรู้ จนต้องเอนตัวกลับลงไปนอนตามเดิม มือข้างหนึ่งยกขึ้นแตะหน้าผากด้านขวาที่มีผ้าตาข่ายสีขาวทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดครึ่งฝ่ามือแปะอยู่ตรงแนวไรผมที่ล้อมกรอบดวงหน้าซีดเซียว แต่ถึงกระนั้นดวงตาคู่สวยก็ยังคงจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของนางพยาบาลสาวไม่วางตา จนกระทั่งหล่อนเดินไปดึงผ้าม่านให้กว้างออก คนบนเตียงถึงได้ค่อยๆ พลิกตัวลงมายืนอยู่ที่พื้น และในจังหวะเดียวกับที่หญิงสาวหันกลับมานั้น
“โอ๊ย!”
ร่างเพรียวระหงโอนเอนจวนเจียนจะล้มลงไป ดีที่ได้สองมือจากเจ้าของร่างเล็กเข้ามาพยุงไว้ได้ทัน
“เป็นอะไรคะคุณ แล้วลงมาจากเตียงทำไมคะเนี่ย” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเจือความห่วงใยมากกว่าจะตำหนิ จุดประกายพอใจขึ้นในดวงตาที่ซ่อนแววเจ้าเล่ห์เอาไว้ไม่มิด แต่นางพยาบาลสาวไม่มีโอกาสได้เห็น เพราะมัวใส่ใจกับการช่วยประคองคนไข้ให้กลับขึ้นไปบนเตียงตามเดิม เจ้าของแววตาซุกซนยกมือข้างหนึ่งพาดโอบไหล่สาวร่างเล็กแทนหลักยึดให้ยืนอยู่ได้ เมื่อเห็นหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามอง คนร่างสูงกว่าก็แสดงสีหน้าเจ็บปวด ยกมืออีกข้างขึ้นแตะบริเวณที่มีผ้าพันแผลปิดไว้ พร้อมส่งเสียงโอดครวญได้อย่างสมบทบาท
“เอ่อ ผมอยากไปเข้าห้องน้ำ ช่วยพาไปหน่อยได้ไหมครับ คุณพยาบาลคนสวย” คนพูดยื่นหน้าเข้ามากระซิบที่ข้างหูจนจมูกโด่งเรียวเล็กเฉียดใบหน้าสวยใสของหญิงสาวไปเพียงแค่ปลายเล็บ แถมยังแกล้งทิ้งน้ำหนักตัวเข้าไปเบียดเรือนร่างเล็กบอบบางอย่างตั้งใจ แต่แทนที่จะได้เห็นท่าทีเขินอายจากอีกฝ่ายอย่างที่คิดไว้ กลับกลายเป็นอาการตระหนกตกประหม่า มองมาด้วยสายตาฉงนสนเท่ ทำให้คนที่เคยภูมิใจในเสน่ห์ของตัวเองเป็นนักหนาอดรู้สึกไม่ได้ว่า คำพูดและการกระทำของตัวเองมันผิดประหลาดตรงไหนกันหรือ

ประตูห้องน้ำปิดลง แต่สีหน้าผิดคาดยังค้างอยู่บนใบหน้าเรียวเล็ก แต่ความใส่ใจต่อปฏิกิริยาของคนด้านนอกก็มีอยู่แค่ไม่กี่วินาที ก่อนร่างเพรียวระหงในชุดคนไข้จะยืดตัวตรงบิดขี้เกียจให้คลายความเมื่อยล้า ไม่เหลืออาการของคนที่เจ็บปวดทรมานหรืออ่อนปวกเปียกเหมือนเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้แม้แต่นิดเดียว ขณะที่เอี้ยวบิดตัวไปมาอยู่นั้น หางตาก็เหลือบไปเห็นว่ามีใครคนหนึ่งยืนอยู่ไม่ห่างจากตนนัก และเมื่อเขาหันกลับไปมองเต็มตา ก็ถึงกับต้องอึ้งไปชั่วขณะ เพราะคนที่ยืนอยู่ห่างกันไม่ถึงหนึ่งเมตรคือหญิงสาวแสนสวย เจ้าของใบหน้าคมเข้ม เรือนร่างเพรียวระหง ผิวพรรณผุดผ่อง ที่ทำให้เลือดในกายสูบฉีดให้รู้สึกกระชุ่มกระชวยได้ในชั่ววินาที ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในทันที
‘นางพยาบาลที่นี้สวยทุกคนเลยโว้ย แบบนี้มันค่อยน่าป่วยหน่อย’
ธีรเดชจ้องมองสาวสวยตรงหน้าไม่วางตา รอยยิ้มพรายพร้อมประกายตาพราวระยับส่งออกไปเพื่อหยั่งเชิง เมื่อเห็นว่าหล่อนเองก็ยิ้มและส่งสายตาตอบกลับมาด้วยกิริยาท่าทางไม่ต่างกัน เขาก็ไม่รอช้า รีบขยับเข้าไปให้ใกล้ยิ่งขึ้น จนหน้าของทั้งคู่แทบจะชนกัน ชั่วขณะนั้นเองที่เขาฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ สองเท้าค่อยๆ ถอยห่างออกไปทางด้านหลัง เพื่อให้มองเห็นหญิงสาวตรงหน้าได้ถนัดตาขึ้น สิ่งที่รับรู้ได้ในทันทีคือ หล่อนไม่ใช่นางพยาบาล แต่เป็นคนไข้เหมือนอย่างเขา ด้วยชุดเสื้อและกางเกงผ้าฝ้ายสีฟ้าอ่อนบนตัวหล่อนเหมือนกับที่เขาสวมอยู่ แถมยังมีผ้าปิดแผลแปะอยู่ที่หน้าผากเหมือนกันอีกต่างหาก แม้แต่ตำแหน่งจุดเลือดที่ซึมผ่านร่องตาข่ายของผ้าออกมาก็ไม่ต่างกัน แต่ที่ทำให้เขาประหลาดใจที่สุดก็ตรงที่ไม่ว่าเขาจะขยับเขยื้อนเคลื่อนย้ายตัวไปทางไหนหรือแสดงอาการอย่างไร หล่อนก็ทำเช่นเดียวกันกับเขาชนิดไม่ผิดเพี้ยนประหนึ่งเงาตามตัว ความผิดปกติที่เกิดขึ้นทำให้เขาหยุดนิ่งอยู่กับที่ จังหวะนี้เองที่ทำให้เขาสังเกตเห็นว่า มีบางอย่างกั้นกลางระหว่างเขากับหล่อนให้ห่างกัน และมันคือ...กระจก!
ความรู้สึกเสียวสันหลังวาบเกิดขึ้นกับเขาในฉับพลันนั้นเอง ใบหน้าเรียวยาวหันมองไปรอบตัวอย่างหวาดระแวง ก่อนหันกลับมาจ้องมองกระจกบานยาวจากพื้นจรดเพดานตรงหน้าอีกครั้ง
ไม่ผิดแน่!...หล่อนเป็นเงาสะท้อนของตัวเขาเอง!
และเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดหรือสติฟั่นเฟื่อน ธีรเดชจึงค่อยๆ ก้มลงมองร่างกายของตัวเอง สิ่งที่เห็นทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้าง อ้าปากค้าง ก่อนจะร้องลั่นออกมาสุดเสียง
“เฮ้ย! อะไรกันวะเนี่ย!”
ร่างเพรียวระหงถอยกรูดไปด้านหลังจนชิดผนังห้องด้วยอาการตกใจสุดขีด หัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก ลมหายใจถูกสูดเข้าปอดแรงๆ หลายครั้ง เพื่อเรียกสติให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว สายตายังจ้องเขม็งอยู่ที่เงาสะท้อนในกระจกไม่วางตา เมื่อสภาวะร่างกายเริ่มกลับเข้าสู่สภาพปกติ เขาก็ก้มลงมองสำรวจเรือนร่างของตัวเองอีกครั้ง ท่อนแขนที่เคยแข็งแรงกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ อย่างคนที่ออกกำลังกายอยู่สม่ำเสมอกลายเป็นเรียวเล็กบอบบางผุดผ่องนวลเนียน เขาค่อยๆ ยกมือขึ้นจับปลายผมสีน้ำตาลอ่อนที่ม้วนเป็นคลื่นลงมาคลอเคลียอยู่ที่เนินอก ปลายนิ้วที่สัมผัสโดนสิ่งที่ดันตัวเสื้อให้นูนออกมาทั้งสองข้าง ทำให้ชายหนุ่มถึงกับขนลุกซู่ แผงอกหนาบึกบึนของเขากลายเป็นก้อนเนื้ออ่อนนุ่มนิ่มไปเสียแล้ว
ธีรเดชจ้องมองเงาร่างหญิงสาวที่กำลังยืนกุมหน้าอกของตัวเอง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเขาเองต่างหากที่เป็นคนกุมมันเอาไว้แน่น ชายหนุ่มสะดุ้งโหยง รีบเอามือออกจากหน้าอกอวบอิ่มนั้นทันที เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ในชีวิตคาสโนว่าที่ผ่านสมรภูมิรักมานักต่อนัก ได้สัมผัสเรือนร่างและก้อนเนื้อนวลเนียนมาแล้วทุกรูปแบบจากบรรดาสาวสวยที่หมุนเวียนมาเป็นคู่ควงของเขาจนนับไม่ถ้วน จะรู้สึกรังเกียจหน้าอกของผู้หญิงได้มากเหมือนอย่างตอนนี้ ตอนที่มันมาอยู่บนร่างกายของเขาเอง แต่แล้วฉับพลัน เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่า
‘ไม่ใช่สิ...เราไม่ได้มีก้อนเนื้องอกออกมาที่หน้าอก แต่เราเข้ามาอยู่ในร่างของผู้หญิงคนนี้ต่างหาก...แต่ว่า...มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงวะ!?’

ไกลออกไปอีกฟากหนึ่งของถนน ภายในห้องสีขาวสะอาดตาขนาดยี่สิบกว่าตารางเมตรบนตึกสูงสี่ชั้น เป็นสถานที่ที่เจ้าของใบหน้าสวยคมเข้ม เรือนร่างเพรียวระหงกำลังยืนอยู่หน้ากระจกบานยาวที่วางพิงอยู่กับผนังด้านหนึ่งของห้อง สายตาจับจ้องอยู่ที่เงาสะท้อนของตัวเองด้วยอาการตกตะลึงพรึงเพริด ก่อนเสียงกรีดร้องจะดังลั่นไปทั่วบริเวณ
กรี๊ดดด...
“ไม่จริง! เป็นไปไม่ได้!!”
รัชวินบอกตัวเองด้วยประโยคเดิมซ้ำๆ อย่างนี้เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็เกินจะนับได้ และสิ่งที่ตามมาหลังการฟูมฟายอย่างคนเสียสติ คือการพร่ำภาวนาอยู่ในใจขอให้สิ่งที่หล่อนเห็นตรงหน้าเป็นแค่เพียงภาพลวงตาหรือภาพความฝันเท่านั้น แต่ไม่ว่าหล่อนจะหลับและลืมตาขึ้นมาอีกสักกี่ครั้ง ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม จนหล่อนต้องยอมจำนนต่อสิ่งที่เห็นว่ามันคงเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่ภาพฝันอย่างที่หล่อนอยากให้เป็น
‘มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกับฉัน ทำไมฉันถึงมาอยู่ในร่างนี้ได้...แล้วร่างฉันล่ะ!?...ร่างของฉันหายไปไหน!!’
คำถามมากมายที่หาคำตอบไม่ได้ยังคงดังก้องอยู่ในหัว และแม้เวลาจะผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้ว แต่หล่อนก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมราวกับถูกสาปให้ต้องอยู่อย่างนั้นไปชั่วกาล

สองหนุ่มสาวต่างกำลังสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับสภาพร่างกายของตัวเอง และพยายามคิดหาคำตอบที่คงยากยิ่งกว่าการงมเข็มในมหาสมุทร อยู่ในสถานที่ที่ห่างกันไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร แล้วคำพูดที่ว่า ‘สติมา ปัญญาเกิด’ ก็ใช้ได้ผลกับทั้งคู่ เมื่อต่างคนต่างคิดได้ และเปลี่ยนจากการฟูมฟายอย่างคนบ้า มาใช้เวลากับการตั้งสติคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ปล่อยให้นาฬิกาชีวภาพในร่างกายค่อยๆ ทำงาน เรียกภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้หมุนย้อนกลับมาปรากฏขึ้นในความทรงจำของทั้งคู่อีกครั้งอย่างรวดเร็วเหมือนลูกข่างที่กำลังหมุนติ้วลอยคว้างอยู่กลางอากาศ จนกระทั่งไปหยุดอยู่ ณ เวลาขณะหนึ่งพร้อมๆ กัน
...24 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น...



เดือนช่วง
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ส.ค. 2555, 10:12:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ส.ค. 2555, 10:12:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 1171





เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account