บ่วงร้อยรัก
ชีวิตที่ถูกร้อยรัดไว้ด้วยหนี้บุญคุณและความแค้น หญิงสาวจะทำอย่างไร เมื่อบ่วงรักที่หล่อนเข้าใจ กลับกลายเป็นบ่วงมารที่ฆ่าหล่อนให้ตายทั้งเป็น
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บ่วงร้อยรัก ตอนที่ 14

กลับมาแล้วค่ะ หายไปนานเลย
ไม่มีข้อแก้ตัวแล้วละ่ค่ะ 555+
จะพยายามลงสม่ำเสมอเหมือนเดิมนะคะ
และรับรองว่าลงจนจบแน่ๆ ค่ะ

***
คุณหมูอ้วน -- ขอบคุณที่ติดตามค่ะสำหรับตรีประดับ คงต้องให้คำนิยามว่าคนเรารู้หน้าไม่รู้ใจค่ะ
คุณแม่ลูกสอง -- ขอบคุณที่ชอบงานเขียนของบุรีวาดนะคะ ช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วยค่ะ

***
++++ ความเดิมตอนที่แล้ว ++++

“ มาทำไม ”

“ มาดูคนเจ็บไงล่ะ เจ็บมากไหมอุ่น ”

“ จะถามทำไม ฉันก็เจ็บเท่าที่เธออยากให้เจ็บนั่นแหละ ”

“ ถ้าอย่างนั้น... ” ตรีประดับคลี่ยิ้ม ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ทำเอาคนฟังต้องตัวสั่นด้วยความโกรธ “ เธอก็ควรจะเจ็บไปอีกนาน ๆ นะลี่ ”

***

ตอนที่ 14


“ คิดจะทำอะไรกันแน่ ”

เรือนอรุณถามเสียงเย็น มองหญิงสาวที่ครั้งหนึ่ง ละลินตาเคยแนะนำให้รู้จักและขอให้หล่อนสนิทสนมไว้ด้วยแววตาผิดหวัง พี่สาวของมิ่งโมรี คนที่คนอ่อนวัยกว่านับถือและไม่เคยกล่าวถึงในแง่ร้าย แท้จริงแล้วหัวใจกับคำพูดเป็นไปคนละทิศทาง หญิงสาว...ที่ครั้งหนึ่งเรือนอรุณกระตือรือร้นอยากพบ พูดคุย และช่วยเหลือตอบแทน กลายเป็นคนแปลกหน้าที่แม้กระทั่งมิ่งโมรีคงไม่รู้จัก และเพราะเป็นพี่ที่น้องอย่างมิ่งโมรีให้ความรักอย่างสุดหัวใจ เลยทำให้เรือนอรุณหวังสุดใจว่าแม้ในยามยากลำบากที่สุด ‘ คนในครอบครัว’ ที่มิ่งโมรีเฝ้ายึดเหนี่ยวไว้จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ โอบอุ้มประคับประคองให้อีกฝ่ายผ่านพ้นคืนวันเหล่านั้นไปได้อย่างไม่เจ็บปวดนัก

แต่ทุกอย่างกลายเป็นความเข้าใจผิด ตรีประดับไม่เคยปกป้องน้องสาว ไม่เคยกางแขนเพื่อรับอีกฝ่ายเข้าสู้อ้อมกอด ไม่แตะต้อง ไม่ปริปากแม้ข่าวที่เห็นกับมิ่งโมรีจะปรากฏอยู่ตรงหน้า ดวงหน้าหวานสนิทเคลือบรอยชาเฉย เรือนอรุณในตอนนั้นเข้าใจว่า นั่นเพราะคนละนามสกุล นั่นเพราะไม่ใช่พ่อแม่เดียวกัน ทุกอย่างจึงเป็นไปอย่างคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกัน แต่เปล่าเลย ทุกอย่างเป็นไปเพราะตรีประดับไม่รัก ไม่เคยรัก แต่เป็นความเกลียดชังที่แฝงอยู่ในถ้อยคำอ่อนหวาน ห่วงใยต่างหาก

“ รู้นี่ว่าจะทำอะไร ”

“ งั้นก็จะบอกไว้ เธอทำไม่สำเร็จหรอกตรีประดับ ”

ละลินตาเอ่ยเสียงเย็น จ้องตาตอบอย่างไม่หวั่น ไหว ถ้ามิ่งโมรีมีสิ่งสำคัญต้องปกป้อง เรือนอรุณก็มีสิ่งนั้นเช่นกัน แม้ไม่มีใครรู้ หล่อนก็จะทำเหมือนที่มิ่งโมรีทำทั้งที่ไม่มีใครรู้ !

“ จะเชื่อดีไหม ฉันคือคนที่ถูกรักนะอุ่น ส่วนเธอน่ะมีกี่คนล่ะที่รัก ”

ตรีประดับเย้ยหยัน กับเรือนอรุณหล่อนไม่จำเป็นต้องปิดบังตัวตนอะไร หญิงสาวที่เคยถามหล่อนว่า ทำไมถึงไม่รักมิ่งโมรี ทำไมถึงได้พูดจาทำร้ายอีกฝ่ายลับหลัง หญิงสาวที่ทำเหมือนรู้ถึงความสัมพันธ์ภายในกุลชาติเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในนั้น และแม้ตรีประดับจะยิ้มแย้มตอบ กลบเกลื่อนความจริงสักเท่าไหร่ หากแววตาที่เรือนอรุณมองมาบอกชัด หญิงสาวตรงหน้าไม่เชื่อในคำพูดที่หล่อนอ้างว่าเพราะอะไร ทำไม ถึงต้องกลายเป็นเช่นนั้น

เรือนอรุณมองหล่อนเหมือนเห็นตัวประหลาด เป็นใครสักคนที่ไม่น่าเกิดมาบนโลกใบนี้แล้วมีชีวิตอยู่อย่างดีแสนดี ความอิจฉาเป็นทุนเดิมที่อีกฝ่ายได้ดี มีครอบครัวหนุนหลังอยู่แล้วถูกทับถม เรือนอรุณกลายเป็นคนที่ก้าวไปยืนฝั่งตรงข้าม คอยเหยียบย่ำทำลายหล่อน เช่นเดียวกับที่ผู้เป็นบิดาเคยกระทำ หญิงสาวที่แค่มองมาอย่างรู้เท่าทันโดยไม่แย้มริมฝีปากต่อว่า กลับทำตรีประดับตัวสั่นได้ด้วยความโกรธยิ่งกว่าถูกทำร้ายซึ่งหน้า ยิ่งกว่าถูกกลั่นแกล้งลับหลัง ตรีประดับเลยหมายมั่นสาบานไว้ในใจ หล่อนจะแย่งทุกความสุขทุกอย่างของคนตรงหน้า ทั้งตำแน่งหน้าที่การงาน โดยเฉพาะความรักที่เรือนอรุณมีให้ใครก็ตาม หล่อนจะไม่ยอมแพ้แม้อีกฝ่ายจะมีอำนาจกึ่งหนึ่งในสถานีโทรทัศน์ก็ตาม

“ เรารักกันเพราะเรารักกัน ไม่ใช่รักเพราะเห็นว่ามีผลประโยชน์ร่วมกัน ฉันถึงได้บอกว่าเธอโชคดีเกินไปไงตรีประดับ ส่วนคนอื่นก็โชคร้ายเกินไป”

“ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว เธอพูดแต่ว่า รัก รัก รัก แต่ฉันไม่เห็นห้องนี้แสดงว่ามีคนที่รักเธออยู่เลยอุ่น ”

“ สิ่งของ...บางครั้งก็แสดงออกว่าเรารักใครหรือมีใครรักเราบ้างไม่ได้หรอกนะตรีประดับ ถมเถไปที่ความรักถูกแสดงออกในทางตรงกันข้าม แต่พูดไปเธอก็คงไม่เข้าใจ เพราะเธอไม่เคยรักใครนี่นะ ”

อีกแล้ว น้ำเสียงเรือนอรุณแสดงถึงความสมเพชหล่อนอีกแล้ว ตรีประดับกำมือแน่น จิกเล็บลงบนฝ่ามือจนเจ็บ หล่อนไม่ใช่คนน่าสงสารอย่างที่ผู้เป็นมารดาฟูมฟายบอก ไม่ใช่หมากตัวหนึ่งที่ผู้เป็นบิดาหยิบมาวางไว้เพื่อให้ตัวเองพ้นจากความผิด ดวงตาหญิงสาวแดงก่ำ เสียงที่เอ่ยสั่นเครือขึ้นมาทันที

“ ทำไมจะไม่เคยรัก อย่าทำเป็นรู้ดีนะอุ่น ”

“ รักยังไงล่ะ ”

เรือนอรุณย้อนถาม ไร้วี่แววขึ้งโกรธอย่างที่ควรจะเป็น

“ รักอย่างที่เธอรักน้องสาวเธอน่ะเหรอ รัก...แต่ไม่เคยพูดถึง ไม่เคยแก้ต่างให้ มีแต่สนับสนุนว่าเด็กคนนั้นทำอย่างนั้นจริง มิ่งโมรีไปกับผู้ชายบ่อย ๆ มิ่งโมรีกลับบ้านดึกทุกวัน มิ่งโมรีหนีออกจากบ้าน มิ่งโมรีเรียนไม่จบ สุดท้าย มิ่งโมรีแย่งคนรักเธอทุกคน ข่าวฉาวออกมาจากปากใครกันแน่ เธอคงเข้าใจคำว่ารักผิดแล้วล่ะตรีประดับ เพราะถ้ารัก... เราจะพูดถึงคนที่เรารักในแง่ร้ายต่อหน้าคนอื่นไหม หรือถ้าไม่รักเลย ก็คงไม่แม้แต่จะอยากพูดถึง เธอประจานการกระทำของน้องสาวด้วยน้ำตา ทำอย่างนี้เค้าเรียกว่าเกลียด ไม่ใช่เกลียดธรรมดาแต่เกลียดมาก แล้วก็อย่าอ้างว่าพูดแค่กับลี่ เธอพูดกับทุกคน แม้กับคนแปลกหน้าที่เข้ามารู้จักกันผิวเผิน เธอก็พูด ”

แม้จะเอ่ยถึงในแง่มุมของคนแปลกหน้าที่แสดงความคิดเห็นต่อข่าวที่ปรากฏ หากถ้อยคำของตรีประดับไม่มีคำใดเลยที่เป็นไปในด้านดี นอกเสียจากโหมกระพือให้ข่าวที่มิ่งโมรีสร้างกลายเป็นเรื่องจริงมากขึ้น เรือนอรุณเคยแกล้งถาม พาดพิงถึงตรีประดับว่ามีการร่วมมือกันระหว่างพี่น้องหรือไม่ หากมิ่งโมรีปฏิเสธทันควัน ทุกอย่างถูกปิดเป็นความลับ คนรู้เรื่องมีเพียงแค่สามคนเท่านั้น คือมิ่งโมรี อรรถ และคุณแม่บ้านอย่างนางละออง

เรือนตะวันที่ดูเหมือนจะเข้าใจความคิดของคนอ่อนวัยกว่าได้ดีที่สุด เลยให้คำนิยามสั้น ๆ เพื่อปลอบใจน้องสาวอย่างหล่อนว่า

‘ มิ่งไม่ใช่คนชอบโกหก แต่ถ้าไม่ถามก็ไม่พูด ทีนี้เข้าใจหรือยังว่าทำไมถึงได้ปิดเรื่องมาได้นานขนาดนี้ ’

นับว่าสี่เดือนของมิ่งโมรี ในการก้าวเข้ามาทำให้คนรอบตัวเชื่อว่าตัวเองเป็นรอยด่างสีดำของกุลชาติประสบความสำเร็จอย่างงดงาม แต่ก็บั่นทอนทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจของตรีประดับด้วย ถึงตอนนี้เรือนอรุณก็ฉุกใจคิด ทุกอย่างอาจไม่ได้เริ่มต้นจากสี่เดือนที่ผ่านมา แต่อาจเริ่มตั้งแต่การก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในกุลชาติ ของมิ่งโมรีต่างหากที่โหมกระพือให้จิตใจตรีประดับบิดเบี้ยวเพิ่มขึ้น

“ ก็แล้วจะทำไมล่ะอุ่น สมควรแล้วนี่ที่จะต้องถูกเกลียด สมควรแล้วที่จะต้องรับกรรม เด็กนั่นทำลายครอบครัวของฉัน ทำลายฉัน แย่งความรักทั้งคุณพ่อ ทั้งพี่หนึ่ง ความหวังของกุลชาติเหรอ ก็แค่ผู้หญิงแรด ร่าน ทำตัวเละเทะไปวัน ๆ ตกกลางคืนก็คอยคิดแต่ว่าจะนอนอยู่บนเตียงกับผู้ชายคนไหน ”

ตรีประดับยิ้มเยือกเย็น น้ำเสียงที่เอ่ยเย็นชา ไม่ทุกข์ร้อนต่อสายตาเรือนอรุณที่มองมาเหมือนหล่อนกำลังลงมือฆ่ามิ่งโมรีตรงหน้า ทุกอย่าง...สมควรลงเอยเช่นนี้แล้ว

“ เพราะฉะนั้น เพื่อให้สมกับที่พ่อรัก พี่หนึ่งรัก ฉันเลยปล่อยให้เด็กนั่นทำตามใจ รู้ไหมอุ่น...ถ้าเราอยากทำลายใครสักคนเราต้องปล่อยให้คน ๆ นั้นเป็นไปในแบบที่อยากเป็น อยากเที่ยว เที่ยวสิ อยากเลิกเรียนได้ อยากออกไปอยู่ข้างนอกไปเลย จะไปตายที่ไหนฉันก็ให้ไป ”

เรือนอรุณนิ่งอึ้ง หญิงสาวเข้าใจความหมายที่ตรีประดับเอ่ย คนตรงหน้าเลือดเย็นกว่าที่คิด แถมยังสั่งสมความเกลียดไว้เป็นแรงผลักดันให้มีตัวเองยังมีตัวตนอยู่ ที่สำคัญ อีกฝ่ายเอ่ยถึงความคิดตนได้โดยไม่สะทกสะท้าน ผลกระทบจากรุ่นพ่อ แม่ ตกถึงรุ่นลูกอย่างเที่ยงตรง แม้อรรถจะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้คนในครอบครัวต้องเจ็บปวด ด้วยการอุปการะมิ่งโมรีมาเป็นตัวตายตัวแทน หากการกระทำที่สั่งสม ท่าทีที่เมินเฉย เพื่อปกป้องครอบครัวที่ตัวเองรัก กลับพุ่งตรงเข้าทำร้ายตรีประดับทีละเล็กละน้อย แรก ๆ หญิงสาวตรงหน้าอาจทำทุกอย่างไปด้วยความน้อยใจเสียใจ แต่ต่อมาเมื่อทุกอย่างผันแปรไปจนยากเกินแก้ ตรีประดับก็เรียนรู้และอยู่กับมันโดยพลิกจากหญิงสาวผู้อ่อนเยาว์ต่อโลก เป็นตรีประดับที่รู้จักโลกนี้ดีจนเกินกว่าจะมองเห็นแง่มุมอันสวยงามใด ๆ

ผิดกับมิ่งโมรี คนอ่อนวัยกว่ารักตรีประดับอย่างไม่มีข้อแม้ ทั้งพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้าทำร้ายจิตใจ หญิงสาวเลือกออกจากบ้านมาอยู่กับหล่อน ใช้ชีวิตเงียบ ๆ ในโรงเรียนอนุบาลเล็ก ๆ กินนอนโดยไม่ยอมย่างกรายออกสู่โลกภายนอก จะติดต่อกับอรรถก็ผ่านทางโทรศัพท์เท่านั้น มิ่งโมรีไม่เคยรักใครมากเกินไปกว่าตรีประดับ และสี่เดือนที่ผ่านมา หญิงสาวจำเป็นต้องแสดงตัวเองเป็น กุลชาติ อีกครั้ง ต้องฝืนใจทำในสิ่งที่ตัวเองรังเกียจและปฏิเสธมาตลอด ลงมือทำร้ายคนที่หล่อนรักอย่างสุดหัวใจโดยห้ามมีข้อแม้ใด ๆ เพื่อ ‘ แสดง ’ ให้ฆนาคมเห็นว่าหล่อนเลวแค่ไหนและสาสมหรือไม่กับโทษทัณฑ์ที่อีกฝ่ายจะพิพากษา

“ แล้วมาบอกเรื่องนี้กับฉันทำไม ”

เรือนอรุณพยายามทำเสียงให้เป็นปกติ หญิงสาววางสีหน้าเฉยเพื่อไม่ให้ตรีประดับจับได้ว่าหล่อนกำลังอยากรู้ว่าเพราะอะไร อีกฝ่ายถึงพูดเรื่องนี้กับหล่อนโดยตรง แทนที่จะเป็นคนอื่น

“ อย่างเธอกับฉันมีอะไรต้องปิดบังกันด้วยเหรอ ออกจะรู้ใจกันไปหมดอย่างนี้ ”

ตรีประดับหัวเราะเบา ๆ ดวงหน้าหวานเจือสีสันสดใส แต่แววตากร้าวกระด้าง เริ่มต้นหญิงสาวอาจหงอยเหงาซึมเซาที่ถูกทอดทิ้ง จมอยู่กับคำถามว่าทำไมความรักของหล่อนถึงไม่ได้รับการสนองตอบ แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานวัน หล่อนเติบโตขึ้นเป็นต้นไม้ใหญ่แก่กล้า มีการงาน มีรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ ที่ไม่ได้เลวร้ายหรือด้อยไปกว่าใคร หล่อนมีทุกสิ่งที่เคยอยากได้ ไม่เว้นแม้แต่ความรักที่เคยโหยหา ยิ่งเป็นของคนอื่น ยิ่งมีเจ้าของ มีคนที่รักมาก จะจากใคร ของใคร ถ้าอยากได้หล่อนต้องได้

แต่ตอนนี้สิ่งที่ตรีประดับอยากเห็นที่สุดก็คือความสุขที่ดับวูบของเรือนอรุณ หญิงสาวทำตัวเสมือนไม่ใครเท่าเทียม แต่คอยดูให้ดีเถอะ...ทั้งหน้าที่การงาน ทั้งความรัก ตรีประดับจะแย่งมาให้หมด !

“ เพราะงั้นเลยบอก เพราะคิดว่าจะทำอะไรไม่ได้ใช่ไหม คิดตื้นไปนะตรีประดับ ฉันจะอยู่ที่ตรงนั้น ที่ที่เธออยากได้นั่นแหละ ถึงเธอจะปล่อยข่าวฉาว ถึงเธอจะนินทาฉันลับหลัง ตำแหน่งผู้อ่านข่าวตัวหลักเธอก็ได้แค่แตะๆ เท่านั้น”

เรือนอรุณย้อนเฉยเมย มิ่งโมรีคงไม่มีวันเชื่อ ถ้าหล่อนเล่าเรื่องวันนี้ให้คนอ่อนวัยกว่าฟัง แล้วหล่อนจะทำยังไง จะห้ามไม่ให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผน หรือปล่อยผ่านทุกอย่างไว้ให้เป็นไปแล้วแต่ชะตากรรม

“ มั่นใจเพราะว่ามีคนหนุนหลังใช่ไหม คิดว่าตัวเอง”

ตรีประดับถามเสียงกร้าว ท่าทางของหล่อนทำเอาเรือนอรุณส่ายหน้า เอ่ยอย่างอ่อนใจจนคนฟังหน้าแดงจัดว่า

“ ฉันมาจากความสามารถนะตรีประดับ เริ่มจากติดลบด้วยซ้ำ เธอคงมองว่าฉันโชคดีที่พ่อสร้างทุกอย่างไว้ให้ แต่ถ้าฉันไม่แสดงให้ทุกคนเห็นว่าฉันก็อยู่ได้ถ้าไม่มีพ่อ เธอคิดว่าฉันจะมาได้ไกลขนาดนี้ไหม อีกอย่าง หุ้นส่วนของฉัน ไม่ใช่คนที่ อะไรก็ ง่าย เข้าใจไหม อย่างเธอทำอะไรเค้าไม่ได้หรอก หรือจะต้องให้บอกว่าอะไรของเธอที่ว่าง่าย ”

เรือนอรุณเอ่ยเสียงเย็น มองตรงมาที่ตรีประดับอย่างต้องการให้รู้สำนึก ขณะที่คนถูกมองยิ้มรับอย่างไม่หวั่นไหว ดวงตาที่ฉาบรอยหวานอยู่เป็นนิจวาววับขึ้นด้วยแรงอิจฉา ก่อนวูบหายรวดเร็วเมื่อเอ่ยประโยคต่อมา

“ ฉันรู้นะอุ่น ว่าใครเป็นคนที่เธอรัก ทำให้เธอเจ็บ...ก็คงไม่เท่าทำให้คนที่เธอรักเจ็บ ใช่ไหม ? ”

“ งั้นฉันก็จะเตือนเธอไว้ตรีประดับ อย่ายุ่งกับคนที่ฉันรัก ไม่งั้นเธอตายแน่ ฉันจะทำให้เธอตายแน่ ๆ ”

เรือนอรุณย้ำเสียงเย็น สบตาหญิงสาวที่ตั้งตนเปิดเผยว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามแน่วแน่ ยืนยันคำพูดสุดท้ายของหล่อน หากคนยืนอยู่แตะต้องให้ใครก็ตามที่หล่อนรัก เจ็บช้ำแม้เพียงนิดเดียว เรือนอรุณพร้อมจะเอาคืนยิ่งกว่าให้สาสมกับที่ทำร้ายหัวใจหล่อน
ตรีประดับหุบรอยยิ้มดวงหน้าหวานแข็งกระด้างขึ้นทันที หญิงสาวมองเรือนอรุณด้วยแววตาสมเพช เยาะหยันด้วยน้ำเสียงบาดลึกกลับไปว่า

“ จะปกป้องอะไร ก็ดูสภาพตัวเองซะก่อนสิอุ่น แค่จะลุกเดินยังไม่มีปัญญา แค่นจะกางแขนดูแลคนอื่น !”

“ ก็มันแผนของเธอไม่ใช่เหรอ ”

เรือนอรุณย้อนเสียงเยาะ มองดูร่างโปรงระหงที่อยู่ในชุดน้ำเงินสดใสอย่างรู้เท่าทัน ขณะที่ตรีประดับกระตุกรอยยิ้ม มือที่ยกขึ้นกอดอกไว้เกร็งแน่น

“ อย่าใส่ความกันอย่างนั้นสิ ถ้าจะโทษ ควรโทษที่เธอไม่ระวังดีกว่า ”

“ ความจริงก็เป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ ”

“ ความจริงที่ว่าเธอถูกผลัก แต่ไม่มีใครเชื่อน่ะเหรอ ”

“ ฉันไม่ได้พูดสักคำนะว่าถูกผลัก ” เรือนอรุณสวนกลับ มองตรีประดับที่ชะงักแล้วยิ้มเยาะ “ อย่างนี้นี่เอง คนของเธอใช่ไหม อย่าปฏิเสธนะว่าไม่ใช่ ”

“ แล้วรู้ได้ยังไงล่ะว่าใช่ ” ตรีประดับทอดหางเสียงยาว มองตรงมาที่คนนอนเจ็บอย่างท้ายทาย “ ก็ข่าวออกมาว่าเธอตกลงไปเองนี่อุ่น ”

คนถูกย้อนกำมือแน่น ข่าวที่บอกออกไปเป็นไปในแง่ร้ายกว่าที่คิด เรือนตะวันพยายามปิดบัง แต่ยังไงก็ไม่พ้นสายตาน้องสาวอย่างหล่อนอยู่ดี ภาพลักษณ์ของหล่อนไม่ดีอยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่จะเอนเอียงเชื่อไปยังเนื้อหาที่ใส่สีตีไข่เสียจน... หญิงสาวกลายเป็นนางร้ายในแวดวงสื่อมวลชน ส่วนนางเอกก็คือคนที่นั่งหน้าซื่ออยู่ตรงหน้าหล่อน ประวัติเรือนอรุณถูกขุดคุ้ย เรื่องที่เคยกระทบกระทั่งกับตรีประดับถูกเปิดเผยออกมาเป็นอักษรย่อในเว็บข่าวเล็ก ๆ ที่เจนจัดเรื่องเสี้ยมให้คนตีกัน ข่าวเรื่องเรือนอรุณมีมูลแต่ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด หล่อนเกลียดตรีประดับนั่นเป็นเรื่องจริง แต่ไม่เคยคิดทำตัวเป็นหมาลอบกันทำร้ายอีกฝ่ายลับหลัง

“ คนของเธอ ของเธอแน่ ๆ คอยดูลายมือ กับอาหารที่มาส่ง ไม่มีที่มาที่ไปแบบนั้นตำรวจต้องสืบ แน่นอนเธอนั่งไม่ติดหรอกตรีประดับ ”

“ นี่อุ่น เมื่อสิบนาทีที่แล้วเธอยังฉลาดอยู่เลยนะ สิบนาทีหลังทำไมถึงโง่อย่างนี้ล่ะ แม้แต่ตำรวจที่เธอว่าสนิทใจเขาก็ยังไม่เชื่อเธอเลยนะ จะโทร. ไปถามใหม่ก็ได้ว่าเรื่องจะออกมาแบบไหน อีกเดี๋ยวคอยดู เรื่องจะต้องออกมาว่าเธอนั่นแหละที่เป็นคนโทร.สั่งอาหารให้ขึ้นไปส่ง ส่วนลายนิ้วมือ คงไม่มีใครโง่ทิ้งไว้หรอกน่า ”

“ เลว... ต่อหน้าแสนดีลับหลังล้านเลว ฉันมองเธอพลาดไปจริง ๆ ตรีประดับ ”

“ จะเอาผิดฉันก็ได้นะ โทร.ไปบอกคนของเธอสิ ว่าฉันเพิ่งมาสารภาพ ”

ตรีประดับหยิบโทรศัพท์ส่งให้ แววตาคาดหวัง หลายครั้ง... เรือนอรุณทำให้หล่อนรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าหลายฉาด คนที่มีพร้อมทุกอย่าง คนที่ไม่เคยต้องตะเกียกตะกายหาที่ยืนในบ้าน ไม่มีทางเข้าใจหัวอกหล่อนเด็ดขาด

“ นี่อะไร ? ”

คนเห็นรูปถ่ายหน้าจอของตรีประดับเงยหน้าขึ้นถาม บอกไม่ถูกว่ารู้สึกประหลาดใจหรือเปล่าที่เห็นรูปถ่ายของฆนาคมในสภาพชิดใกล้อีกฝ่ายอยู่ในนั้น

“ อ้าว...ไม่รู้เหรอ คนของเธอนี่ทำไมไม่บอกกัน หรือว่า...จะแตกหักกันแล้ว ”

“ จะยุ่งเรื่องนี้ใช่ไหม ”

เรือนอรุณแกล้งถาม เว้นจังหวะให้ตรีประดับเข้าใจว่าหล่อนเดือดร้อนเพราะรูปถ่ายที่เห็นขึ้นมาจริง ๆ คนถูกย้อนยิ้มเยาะ ตั้งแต่ได้ยินข่าวว่าชายหนุ่มแปลกหน้าที่หล่อนเจอคือ คู่ควงคนใหม่ของเรือนอรุณ ตรีประดับก็หมายมาด ทุกความสุขของคนตรงหน้าหล่อนต้องแย่งมาให้ได้ !

“ ก็อย่างที่บอก ถ้าฉันเจ็บ เธอต้องเจ็บกว่า ”

“ งั้นเธอก็ต้องเจ็บก่อนสิตรีประดับ ”

ตรีประดับกะจังหวะไว้แล้ว ตอนที่เรือนอรุณเอื้อมมือคว้าคอเสื้อหล่อนลงมา หญิงสาวที่ไม่ระมัดระวังตัว ไม่สิ... จงใจไม่ระวังตัว ถลาลงไปกับที่นอนตามแรงดึงของเรือนอรุณ ฟุบหน้าลงไปกับตัวของอีกฝ่ายเพื่อป้องกันตัวเองจากไว้ก่อน มองเผินหล่อนเหมือนถูกกระชาก แต่ความจริงแล้ว เรือนอรุณยังไม่ทันทำอะไรตรีประดับก็เซถลาลงไปเสียก่อน ภาพนั้นคนที่เข้ามาไม่เห็น แต่คนที่ตั้งใจทำอย่างเรือนอรุณเหลียวมองปกเสื้อของหญิงสาวที่อยู่ในมือทันที

“ อุ่น ! ทำอะไรน่ะ ปล่อยสองเดี๋ยวนี้นะ ”

คนที่ไปเอาน้ำแต่กลับเข้ามาเห็นภาพการทำร้ายกันตรงหน้าพอดีกระชากเสียงถาม เรือนอรุณแสยะยิ้มก่อนจะเงื้อมือตบลงบนใบหน้าของตรีประดับฉาดใหญ่ คนที่นิ่งตะลึงเพราะไม่คิดว่าเหตุการณ์จะบานปลายต่อเนื่องชาไปทั้งตัว ก่อนจะโดนคนเจ็บที่ยังมีฤทธิ์มากบนเตียงกระชากผมให้ก้มลงอีกครั้ง ตรีประดับหวีดร้องเสียงดัง พยายามดิ้นสะบัดให้หลุดจากเงื้อมือของเรือนอรุณ ทั้งหยิกทั้งข่วนหวังให้เจ็บเท่า ๆ กัน แต่กลับสู้แรงของอีกฝ่ายไม่ได้

“ อุ่น ! หยุดนะอุ่น บอกให้หยุด ! ”

ความตกใจ ทำให้ละลินตาตรงเข้าห้ามอย่างลืมตัว หญิงสาวพยายามเบียดตัวเองเข้าแทรกกลาง แต่การเข้ามาช่วยของหล่อนกลับ ยิ่งทำให้ตรีประดับเจ็บมากขึ้น

“ โอ๊ย ! ”

โปรดิวเซอร์สาวที่ถูกเหวี่ยงออกมา เซถอยหลังอย่างคนเสียหลัก ละลินตายกมือโอบประคองท้องโดยอัตโนมัติเมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะล้มเสียหลัก หากแทนที่จะล้ม หญิงสาวกลับถูกยึดไว้ด้วยมือผอมแต่แข็งแรงของชายหนุ่มในชุดสูทที่ก้าวเข้ามาจากไหนไม่รู้จับตัวหล่อนไว้ ก่อนที่เงาวูบของชายหนุ่มอีกคนจะก้าวผ่านหล่อนไป หยุดแขนของเรือนอรุณไว้

“ พอได้แล้วมั้งคุณ ”

ตรีประดับที่ก้มตัวงอขอบตาแดงก่ำได้สติเป็นคนแรก หญิงสาวมองมือของเรือนอรุณที่ถูกจับให้ชูขึ้นสูงแล้วหันมองคนที่ก้าวเข้ามาช่วยเหลือนิ่งงัน

“ เป็นอะไรหรือเปล่า ? ”

ดวงหน้าคร้ามที่ก้มลงถามอย่างใส่ใจ แค่เท่านั้นก็ทำให้ตรีประดับสะอื้นฮัก ทรุดตัวลงกองกับพื้นเหมือนคนเสียขวัญ ผิดกับเรือนอรุณ หญิงสาวพยายามสะบัดมือหนีจากฆนาคมแต่กลับยิ่งถูกจับไว้แน่น ผู้ประกาศข่าวสาวจ้องอีกฝ่ายตาวาว ขณะที่คนถูกทำท่าใส่เพียงถอนหายใจตำหนิ

“ รู้ไหมว่าทำอะไรลงไป ”

ฆนาคมขยับตัว เปิดทางให้คนอยู่บนเตียงมองเห็นละลินตาที่ถูกประคองไว้ด้วยมือของบุราณเลขาหนุ่มที่ตามติดเขามา ขอสัญญาแกมบังคับจากเรือนอรุณว่าจะไม่ทำอะไรตรีประดับ คนตกเป็นรองเพราะมีมือที่สามเข้ามาแทรกไม่ตอบ แต่สีหน้าท่าทางที่อ่อนลงบอกชัด หล่อนจะยอมลงให้ก็เพราะคำนึงถึงละลินตานั่นล่ะ

“ ถ้ารู้แล้ว ก็จะปล่อยมือล่ะนะ ”

ละลินตามองร่างสูงของชายหนุ่มที่ยืนเป็นปราการกั้นเรือนอรุณและตรีประดับไว้อย่างแปลกใจ ประหลาดใจ หากเมื่อฆนาคมปล่อยมือเรือนอรุณลง โปรดิวเซอร์สาวก็เข้าใจทันที พวกเดียวกัน !

“ คุณละลินตาไม่เป็นไรนะครับ ”

มือที่ประคองละลินตาไว้คลายออกอย่างสุภาพ ดวงตาดำคมภายใต้กรอบแว่นบางใสเหลือบมองท้องโต ๆ ของหล่อนอย่างเป็นห่วง

“ ขอบคุณค่ะ ไม่เป็นไรแล้ว สอง...เป็นไงบ้าง ลุกไหวไหม ? ”

โปรดิวเซอร์สาวฝืนตอบ พาร่างอุ้บอ้ายโผเข้าหาตรีประดับที่ยังก้มหน้าร้องไห้กับพื้น แตะมือลงบนไหล่บ้างที่สะท้านเฮือกเงยหน้าขึ้นมองอย่างเห็นใจ เจ็บใจแทน

“ ลี่...ลี่... ”

ตรีประดับไขว่คว้าหาคนเป็นเพื่อน ดวงหน้าหวานฉาบเครื่องสำอางไว้งดงามเลอะคราบน้ำตาจนดูไม่ได้ ละลินตากอดร่างโปร่งระหงไว้แน่น พยายามช่วยประคองอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นยืนแต่ทำได้ไม่ถนัดนักเพราะตรีประดับเหมือนคนหมดเรี่ยวแรงให้ความร่วมมือไม่ได้เลย

“ มา...ผมช่วยดีกว่า ”

ฆนาคมก้าวเข้าแทนที่ ชายหนุ่มยื่นมือเข้าช่วยประคองตรีประดับที่ยังสะอื้นให้หญิงสาวเกาะยึดเป็นหลักพิง เดินตามแรงจูงไปยังโซฟาที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม โดยมีเรือนอรุณมองตามไม่วางตา

“ สองไม่เป็นไรแล้วนะ นิ่งซะ ”

ละลินตาปลอบเสียงอ่อน ปาดน้ำตาออกจากดวงหน้าหวานของตรีประดับอย่างสงสาร จัดแจงขยับเสื้อผ้าอีกฝ่ายให้เข้าที่จนพอดูได้

“ น่าจะต้องให้หมอดู ” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างตัดสินใจหลังสำรวจดูใบหน้าขาว ๆ ที่แดงก่ำขึ้นอย่างพิจารณา “ บุก...”

ฆนาคมเรียกคนสนิท บุราณขยับตัวจะทำตามคำสั่ง หากตรีประดับรีบร้องบอก ห้ามไว้ไม่ให้เลขาหนุ่มไปไหน

“ ทำไมต้องเดี๋ยวล่ะสอง ”

“ ฉัน...ไม่ได้เป็นอะไรมาก ”

ฆนาคมมองมือบางที่จับมือเขาไว้แน่น ละลินตาที่นั่งลงข้างเพื่อนขมวดคิ้วมุ่น ไม่เห็นด้วยทันที

“ สภาพอย่างนี้ ยังจะบอกว่าไม่เป็นไรมากอีกเหรอ ”

“ ลี่...”

“ ก็ได้ ตอนนี้ยังก็ได้ ” ละลินตายกมือยอมแพ้ “ ว่าแต่เกิดอะไรขึ้น ทำไมเรื่องเป็นแบบนี้ ”

“ ไม่รู้ ฉันไม่รู้อะไรเลย จู่ ๆ ก็ถูกตบ ” ตรีประดับว่าเสียงเครือ ละลินตามองคนเจ็บแต่เก่งขนาดตบตีเพื่อนหล่อนได้อย่างขุ่นเคือง ต่อว่าเรือนอรุณเสียงแข็ง

“ ไม่มีเหตุผลเลยนะอุ่น ทั้งฉันและสองตั้งใจมาเยี่ยมแต่ทำไมทำแบบนี้ ”

“ กับคนแบบนั้นไม่ต้องมีเหตุผลหรอกลี่ ถ้าอยากตบฉันก็จะตบ ” เรือนอรุณลอยหน้าบอก ทำเอาละลินตายิ่งเดือดดาล

“ พูดอย่างนี้ได้ยังไงอุ่น ฉันคงยอมให้เธอทำร้ายคนอื่นแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ถ้าอยากให้เรื่องจบ ก็ไปคุยกันในศาลก็แล้วกัน ”

โปรดิวเซอร์ฉุดตรีประดับให้ลุกขึ้น หมดความรู้สึกจะพูดจาดี ๆ ด้วย แต่คนเป็น
เพื่อนกลับจับมือหล่อนไว้แน่น พึมพำบอกทั้งที่เพิ่งหยุดสะอื้นว่า

“ ไม่เอานะลี่ อย่ามีเรื่องกันเลยนะ พอ...พอแค่นี้ได้ไหม ? ”

“ พอ ? จะพอได้ยังไง หน้าเธอ ตัวเธอ เจ็บไปหมดอย่างนี้ ”

“ แต่แค่นี้...แค่นี้ก็อายมากแล้วนะลี่ ฉันไม่อยากอาย ไม่อยากเจ็บอีกแล้ว ” ตรีประดับอ้อนวอนเสียงพร่า ทำเอาละลินตาต้องร้องออกมาดัง ๆ

“ สอง ! ทำไมยอมแพ้ง่ายอย่างนี้ ”

“ ฉันไม่อยากทำ ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้นจริง ๆ นะลี่ เพื่อนนะ อุ่นเป็นเพื่อนเรานะลี่ จะทำอย่างั้นได้ยังไง ”

“ แต่เขาไม่เคยนับเธอเป็นเพื่อน ได้ยินไหมไม่เคยนับ ”

ละลินตาชี้นิ้ว ตรีประดับมองตาม ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง มีแต่เรือนอรุณเท่านั้นที่ยิ้มหยันมองการแสดงตรงหน้าด้วยอารมณ์อึ้ง ทึ่ง

“ ฉันน่าจะตบเธอให้หนักว่านี้นะสอง เผื่อหน้ากากที่เธอสวมไว้มันจะหลุดออกมาบ้าง ”

“ เห็นไหม ? ” โปรดิวเซอร์สาวเอ่ยเสียงสั่น “ เห็นไหมตรีประดับ ทำดียังไงเค้าก็ไม่เห็นความดีเธอหรอก ลุก ! ลุกเดี๋ยวนี้ตรีประดับ ออกไปจากห้องกันเดี๋ยวนี้ ”

ละลินตาคว้ากระเป๋าจากมือบุราณมาถือไว้อย่างฉุนโกรธ ฉุดร่างโปร่งระหงของตรีประดับให้ลุกตามแรงลาก ขณะที่ฆนาคมพยักหน้าให้บุราณตามไปดูหญิงสาว โดยมีเสียงเปาะแปะปรบมือชมเชยของเรือนอรุณไล่ตามหลัง ฆนาคมมองคนที่อยู่บนเตียงนอน เอ่ยอย่างอดไม่อยู่ว่า

“ รู้ไหม ถ้าตอนนี้ให้เลือกว่าผมควรจะสงสารใคร ผมสงสารตรีประดับมากกว่าคุณนะ ”
“ แล้วจะมาบอกฉันทำไม หรือจะตอกย้ำให้รู้ว่ายังไงก็ไม่มีวันเข้าข้าง ”

“ บอกให้รู้...ว่าคุณทำตัวเอง และที่ไม่เข้าข้างก็เพราะคุณมีส่วนทำให้เรื่องมันแย่ลง คนนอกอาจไม่รู้ ตรีประดับน่าสงสารกว่าที่คิด อีกอย่างชื่อเสียงคุณมี เอามาแลกกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ไม่ฉลาดเลย ”

คนกลางที่ก้าวเข้ามาถูกที่ถูกเวลาเตือนด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก ผู้ประกาศข่าวสาวเม้มริมฝีปากแน่น พยายามบังคับตัวเองไม่ให้พูด ไม่ให้เอ่ยอะไรที่เป็นการปกป้องมิ่งโมรี จะเข้าข้างก็เข้าข้างตรีประดับไป เพราะฆนาคมจะไม่มีวันได้รู้ความจริงเกี่ยวกับคนอ่อนวัยกว่าจากหล่อนเลยสักคำ สาบาน !

“ ก็เรื่องนี้ไม่มีพระเอก นางเอก มีแต่ตัวร้ายกับแพะรับบาป จะให้ฉันฉลาดอะไรนักหนาล่ะคุณ ”

เรือนอรุณย้อนทันควัน ฆนาคมชะงักไปนิดก่อนจะหลุดหัวเราะทั้งที่ไม่มีเรื่องอะไรให้ขำ

“ งั้นคุณก็คงเป็นคนเขียนบท เนื้อหาถึงได้ออกมาน่าสนใจขนาดนี้ ”

คนถูกย้อนกลับแสยะรอยยิ้มไม่ตอบ มองใบหน้าคมที่ยังกระจ่างด้วยรอยยิ้ม แต่แววตากลับกร้าวกระด้างขึ้นด้วยความรู้สึกสะใจ ฆนาคมถอนหายใจเล็กน้อยเอื้อมมือหยิบผ้าห่ม ห่มให้เรือนอรุณคล้ายหวังดี

“ ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องเข้าข้างตรีประดับให้มากกว่านี้ล่ะสิ ”

ร่างสูงก้าวออกจากห้องไปแล้ว แต่เรือนอรุณยังจ้องประตูเขม็ง พึมพำไล่หลังด้วยใจหมายมาด

“ ฉันขอให้คุณโง่อย่างนี้ตลอดไปละกัน เพราะถ้าฉลาดขึ้นมาเมื่อไหร่ มันจะเจ็บ ! ”

***

โปรดติดตามตอนต่อไป...



บุรีวาด
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ส.ค. 2555, 02:49:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ส.ค. 2555, 02:50:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 1669





<< บ่วงร้อยรัก ตอนที่ 13   
หมูอ้วน 20 ส.ค. 2555, 11:42:45 น.
หนูตรีประดับร้ายยยมากกก เลยค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account