เพทุบายรัก
เพทุบายรัก ประพันธ์โดย นรีนาท
***หมายเหตุ***
เดิมชื่อเรื่องเจมส์...สุภาพบุรุษยอดนักรัก
(ฉบับรีไรท์ที่ปรับเปลี่ยนบทใหม่ทั้งหมดเพื่อความเหมาะสม)
(เปิดให้ทดลองอ่านเพียงบางส่วนเท่านั้น)
***หมายเหตุ***
เดิมชื่อเรื่องเจมส์...สุภาพบุรุษยอดนักรัก
(ฉบับรีไรท์ที่ปรับเปลี่ยนบทใหม่ทั้งหมดเพื่อความเหมาะสม)
(เปิดให้ทดลองอ่านเพียงบางส่วนเท่านั้น)
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 1
ท่ามกลางผู้คนคลาคลำในอาคารผู้โดยสาร คนที่ได้รับตำแหน่งใหม่อย่างไม่คาดฝันให้ดูแลบุตรชายของท่านประธานบริษัทฯ ยืนชะเง้อชะแง้คอยาวบริเวณประตูผู้โดยสารขาเข้า ขณะกำลังเบียดเสียดกับผู้คนที่มารอรับญาติพี่น้องอยู่นั้นเองก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง
ตายล่ะ...
หล่อนลืมขอรูปตาหนูเจมส์จากท่านประธานฯ แล้วจะรู้ไหมว่าเด็กคนไหนคือบุตรชายของท่าน
คนครุ่นคิดรีบหยิบปากกากับกระดาษออกจากกระเป๋าสะพายมาเขียนคำว่า ‘ตาหนูเจมส์’ แล้วยกขึ้นโบกไปมา ครั้นยืนอยู่สักพักก็ใจไม่ดี เพราะเท่าที่สังเกตผู้โดยสารที่มากับเที่ยวบินนี้ล้วนแต่เป็นผู้ใหญ่ จะมีเด็กเล็กอยู่บ้างประปราย แต่ส่วนใหญ่ก็มากับบิดามารดา หรือว่าจะหลงตา...
ตาย ๆ นี่ถ้าตาหนูเจมส์หายไปละก็ หล่อนต้องถูกไล่ออกแน่ ๆ
“โธ่เอ้ย! ยัยมาตี้ ทำไมเธอถึงได้โง่แบบนี้นะ ตาหนูเจมส์เรียนที่อังกฤษมาตั้งแต่เล็กหรือเปล่าก็ไม่รู้ บางทีเด็กนั่นอาจจะอ่านภาษาไทยไม่ออกเลยก็ได้” คนนึกตำหนิตัวเองอยากจะตีอกชกหัวตายกับความโง่เขลาของตนเอง คิดดังนั้นก็หมุนตัวกลับตั้งใจจะเดินไปติดต่อประชาสัมพันธ์ให้เขาช่วยประกาศหา ทว่าในจังหวะนั้นเองก็ได้ยินน้ำเสียงทุ้ม ๆ ดังขึ้นเบื้องหลัง
“คุณมารับผมไม่ใช่เหรอ แล้วนั่นจะเดินไปไหน”
มารตีชะงักปลายเท้าพลางหันมอง ก็พบว่าเบื้องหลังมีชายร่างสูงมาดนิ่งในกางเกงยีนส์สีเข้มเข้ากับแจ๊คเก็ตผ้าแขนยาวสีน้ำตาลที่สวมทับเสื้อเชิ้ตสีขาวเผยแผงอกกว้างด้านในด้วยการปลดกระดุมออกสองสามเม็ด บนใบหน้ามีแว่นตาสีดำสนิทปกปิดดวงตา ทว่าริมฝีปากของเขากำลังยิ้มให้หล่อน
“คุณพูดกับฉันเหรอ?”
“ก็ใช่นะสิ ถ้าผมไม่พูดกับคุณแล้วจะพูดกับใคร ก็ตรงนี้มีใครที่ไหนกัน”
“ฉันว่าคุณคงเข้าใจผิดแล้วล่ะ ฉันมารับตาหนูเจมส์ ไม่ใช่คุณ!” มารตีพูดจบก็หันหลังกลับ ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก เพราะคิดว่านั่นเป็นลูกไม้ตื้น ๆ ของพวกผู้ชายที่ชอบมาทำกะลิ้มกะเหลี่ย ทว่าอีกฝ่ายกลับคว้าแขนหล่อนไว้แล้วบอกออกมาด้วยเสียงไม่เบานัก
“ผมนี่แหละ...ตาหนูเจมส์!”
“หา!!...”
มารตีหน้าเหวออ้าปากค้าง มองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าตาปริบ ๆ ก่อนหน้านี้หล่อนยังคิดอยู่เลยว่าตาหนูเจมส์บุตรชายสุดที่รักของท่านประธานเป็นเด็กอายุประมาณสักเจ็ดแปดขวบ หน้าตาน่ารักน่าหยิก อาจจะอ้วนนิด จ้ำม้ำหน่อย ผมสีทอง ตาสีฟ้า ผิวขาว แก้มแดง ทว่า...
เพล้ง!!
มโนภาพในความคิดของหล่อนแตกละเอียดยิบ เมื่อพบว่าตาหนูเจมส์ไม่ใช่เด็กอย่างที่คิด หากแต่เป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ทางเพศร้อนแรงอยู่ในตัว รูปร่างสูงใหญ่ของเขาเต็มไปด้วยเลือดเนื้อของบุรุษ เครื่องหน้าที่กอปรขึ้นเป็นใบหน้าคมเข้มแลหล่อเหลาสะดุดตาจนสาว ๆ หลายต่อหลายคนต้องเหลียวมอง
ยามเจ้าตัวถอดแว่นเผยนัยน์ตาสีนิลแลกรุ้มกริ่มแฝงแววขี้เล่นที่เปล่งประกายร้อนแรงคู่นั้น มารตีก็ตกอยู่ในห้วงแห่งมนต์สะกด ได้แต่ยืนมองเพลย์บอยตัวพ่อคนนี้ด้วยใจที่เต้นแรงและรัวเสียงยิ่งกว่ากลองเพล
คนบ้าอะไรเนี่ย! ทำไมถึงได้หล่อเพอร์เฟกต์ขั้นเทพขนาดนี้
“อ้าว...มองอยู่ได้ ไม่เคยเห็นคนหล่อหรือยังไง”
คนหลุดจากภวังค์ค้อนขวับ ก็ดูหมอนั่นพูดเข้าสิ รู้แล้วล่ะน่าว่าหล่อ แต่เขาไม่จำเป็นต้องพูดออกมาก็ได้ คนอะไร...หล่อแล้วยังรู้ตัวอีก แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อยากยอมรับความจริงในข้อนั้น เพราะกลัวเสียฟอร์ม
“ไหน...ใครมองคุณ ไม่มีสักหน่อย”
“ก็เห็นอยู่ว่ามอง ยังจะปฏิเสธอีก ยอมรับมาดีกว่าว่าคุณมองผม”
“ก็ได้ แต่ที่ฉันมองก็เพราะคุณมีขี้ตาติดอยู่ต่างหาก”
“จริงเหรอ” คนถูกหลอกหน้าตื่นรีบหันมองกระจกที่อยู่ในบริเวณนั้น สำรวจหน้าตาตัวเองด้วยกลัวจะเสียลุคหนุ่มหล่อมาดเท่ นั่นทำให้คนกุเรื่องหลุดเสียงหัวเราะออกมาอย่างนึกขำที่อีกฝ่ายหลงกลอย่างง่ายดาย
“นี่คุณกล้าหลอกผมอย่างนั้นเหรอ” คนรู้ตัวว่าถูกหลอกคำรามเสียงแข็ง ทว่าอีกฝ่ายกลับลอยหน้าลอยตาตอบกลับอย่างไม่กลัวเกรง
“ช่วยไม่ได้ ก็คุณอยากหลงเชื่อเองทำไมล่ะ”
“นี่คุณหาว่าผมโง่อย่างนั้นเหรอ”
“ฉันยังไม่ได้พูดสักคำ มีแต่คุณเองนั่นแหละที่พูดเองเออเองทั้งนั้น” หญิงสาวยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ซึ่งท่าทางกวนประสาทนั้นก็ทำให้คนหัวเสียเริ่มจะกรุ่นโกรธขึ้นมาตงิด ๆ แต่ถึงกระนั้นก็พยายามสงบสติอารมณ์
“โอเค ผมอาจจะเข้าใจผิดไปเอง แต่ทีหลังอย่ามาล้อเล่นแบบนี้อีก เพราะผมไม่ชอบ” คนชักหน้าตึงเอ่ยเสียงเรียบแล้วออกเดิน ทว่าอีกฝ่ายกลับคว้าแขนเขาไว้
“เดี๋ยวสิ แล้วถ้าเกิดฉันเผลอล่ะ”
“ผมก็จะเตือนคุณด้วยวิธีของผม”
“แบบไหนเหรอ?”
เจมส์มองคนทำตาแป๋วแล้วกลอกตา ให้ตายสิ! นี่หล่อนไม่รู้จริง ๆ หรือแกล้งโง่กันแน่ถึงได้ถามออกมาอย่างพาซื่อ เขาไม่มีวันเชื่ออย่างเด็ดขาด เพราะผู้หญิงยุคดิจิตอลไม่ใช่สาวอ่อนโลก แล้วมีหรือที่หล่อนจะไม่รู้ว่าผู้ชายมีวิธีจัดการกับผู้หญิงยังไง
นี่คงคิดจะกวนประสาทกันล่ะสิท่า
คิดดังนั้น เจมส์ก็รั้งตัวหญิงสาวมาแนบชิดแล้วโน้มหน้าลงบดจูบกลีบปากอิ่ม ไม่เปิดโอกาสให้หล่อนได้ล้อหลอกเขาอีก หากแต่สั่งสอนอีกฝ่ายจนแทบหลอมละลายกับจุมพิตวาบหวามแสนร้อนแรงของเขา ครั้นลิ้มลองความหอมหวานจนพอใจก็ถอนริมฝีปากออก
“คราวนี้คงรู้แล้วนะว่าผมจะจัดการยังไง ถ้าคุณเผลอเมื่อไหร่ละก็ ผมจะจูบให้ขาดใจตายไปข้างหนึ่งเลย” คนเอ่ยทิ้งท้ายหยักยิ้มแล้วก้าวออกจากอาคารผู้โดยสาร ปล่อยให้คนอ่อนประสบการณ์ยืนขาสั่นใจเต้นโครมครามไปหมด เพราะถูกเสือผู้หญิงอย่างเขาขโมยจูบแรกในชีวิตไปหน้าตาเฉย...
ตายล่ะ...
หล่อนลืมขอรูปตาหนูเจมส์จากท่านประธานฯ แล้วจะรู้ไหมว่าเด็กคนไหนคือบุตรชายของท่าน
คนครุ่นคิดรีบหยิบปากกากับกระดาษออกจากกระเป๋าสะพายมาเขียนคำว่า ‘ตาหนูเจมส์’ แล้วยกขึ้นโบกไปมา ครั้นยืนอยู่สักพักก็ใจไม่ดี เพราะเท่าที่สังเกตผู้โดยสารที่มากับเที่ยวบินนี้ล้วนแต่เป็นผู้ใหญ่ จะมีเด็กเล็กอยู่บ้างประปราย แต่ส่วนใหญ่ก็มากับบิดามารดา หรือว่าจะหลงตา...
ตาย ๆ นี่ถ้าตาหนูเจมส์หายไปละก็ หล่อนต้องถูกไล่ออกแน่ ๆ
“โธ่เอ้ย! ยัยมาตี้ ทำไมเธอถึงได้โง่แบบนี้นะ ตาหนูเจมส์เรียนที่อังกฤษมาตั้งแต่เล็กหรือเปล่าก็ไม่รู้ บางทีเด็กนั่นอาจจะอ่านภาษาไทยไม่ออกเลยก็ได้” คนนึกตำหนิตัวเองอยากจะตีอกชกหัวตายกับความโง่เขลาของตนเอง คิดดังนั้นก็หมุนตัวกลับตั้งใจจะเดินไปติดต่อประชาสัมพันธ์ให้เขาช่วยประกาศหา ทว่าในจังหวะนั้นเองก็ได้ยินน้ำเสียงทุ้ม ๆ ดังขึ้นเบื้องหลัง
“คุณมารับผมไม่ใช่เหรอ แล้วนั่นจะเดินไปไหน”
มารตีชะงักปลายเท้าพลางหันมอง ก็พบว่าเบื้องหลังมีชายร่างสูงมาดนิ่งในกางเกงยีนส์สีเข้มเข้ากับแจ๊คเก็ตผ้าแขนยาวสีน้ำตาลที่สวมทับเสื้อเชิ้ตสีขาวเผยแผงอกกว้างด้านในด้วยการปลดกระดุมออกสองสามเม็ด บนใบหน้ามีแว่นตาสีดำสนิทปกปิดดวงตา ทว่าริมฝีปากของเขากำลังยิ้มให้หล่อน
“คุณพูดกับฉันเหรอ?”
“ก็ใช่นะสิ ถ้าผมไม่พูดกับคุณแล้วจะพูดกับใคร ก็ตรงนี้มีใครที่ไหนกัน”
“ฉันว่าคุณคงเข้าใจผิดแล้วล่ะ ฉันมารับตาหนูเจมส์ ไม่ใช่คุณ!” มารตีพูดจบก็หันหลังกลับ ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก เพราะคิดว่านั่นเป็นลูกไม้ตื้น ๆ ของพวกผู้ชายที่ชอบมาทำกะลิ้มกะเหลี่ย ทว่าอีกฝ่ายกลับคว้าแขนหล่อนไว้แล้วบอกออกมาด้วยเสียงไม่เบานัก
“ผมนี่แหละ...ตาหนูเจมส์!”
“หา!!...”
มารตีหน้าเหวออ้าปากค้าง มองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าตาปริบ ๆ ก่อนหน้านี้หล่อนยังคิดอยู่เลยว่าตาหนูเจมส์บุตรชายสุดที่รักของท่านประธานเป็นเด็กอายุประมาณสักเจ็ดแปดขวบ หน้าตาน่ารักน่าหยิก อาจจะอ้วนนิด จ้ำม้ำหน่อย ผมสีทอง ตาสีฟ้า ผิวขาว แก้มแดง ทว่า...
เพล้ง!!
มโนภาพในความคิดของหล่อนแตกละเอียดยิบ เมื่อพบว่าตาหนูเจมส์ไม่ใช่เด็กอย่างที่คิด หากแต่เป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ทางเพศร้อนแรงอยู่ในตัว รูปร่างสูงใหญ่ของเขาเต็มไปด้วยเลือดเนื้อของบุรุษ เครื่องหน้าที่กอปรขึ้นเป็นใบหน้าคมเข้มแลหล่อเหลาสะดุดตาจนสาว ๆ หลายต่อหลายคนต้องเหลียวมอง
ยามเจ้าตัวถอดแว่นเผยนัยน์ตาสีนิลแลกรุ้มกริ่มแฝงแววขี้เล่นที่เปล่งประกายร้อนแรงคู่นั้น มารตีก็ตกอยู่ในห้วงแห่งมนต์สะกด ได้แต่ยืนมองเพลย์บอยตัวพ่อคนนี้ด้วยใจที่เต้นแรงและรัวเสียงยิ่งกว่ากลองเพล
คนบ้าอะไรเนี่ย! ทำไมถึงได้หล่อเพอร์เฟกต์ขั้นเทพขนาดนี้
“อ้าว...มองอยู่ได้ ไม่เคยเห็นคนหล่อหรือยังไง”
คนหลุดจากภวังค์ค้อนขวับ ก็ดูหมอนั่นพูดเข้าสิ รู้แล้วล่ะน่าว่าหล่อ แต่เขาไม่จำเป็นต้องพูดออกมาก็ได้ คนอะไร...หล่อแล้วยังรู้ตัวอีก แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อยากยอมรับความจริงในข้อนั้น เพราะกลัวเสียฟอร์ม
“ไหน...ใครมองคุณ ไม่มีสักหน่อย”
“ก็เห็นอยู่ว่ามอง ยังจะปฏิเสธอีก ยอมรับมาดีกว่าว่าคุณมองผม”
“ก็ได้ แต่ที่ฉันมองก็เพราะคุณมีขี้ตาติดอยู่ต่างหาก”
“จริงเหรอ” คนถูกหลอกหน้าตื่นรีบหันมองกระจกที่อยู่ในบริเวณนั้น สำรวจหน้าตาตัวเองด้วยกลัวจะเสียลุคหนุ่มหล่อมาดเท่ นั่นทำให้คนกุเรื่องหลุดเสียงหัวเราะออกมาอย่างนึกขำที่อีกฝ่ายหลงกลอย่างง่ายดาย
“นี่คุณกล้าหลอกผมอย่างนั้นเหรอ” คนรู้ตัวว่าถูกหลอกคำรามเสียงแข็ง ทว่าอีกฝ่ายกลับลอยหน้าลอยตาตอบกลับอย่างไม่กลัวเกรง
“ช่วยไม่ได้ ก็คุณอยากหลงเชื่อเองทำไมล่ะ”
“นี่คุณหาว่าผมโง่อย่างนั้นเหรอ”
“ฉันยังไม่ได้พูดสักคำ มีแต่คุณเองนั่นแหละที่พูดเองเออเองทั้งนั้น” หญิงสาวยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ซึ่งท่าทางกวนประสาทนั้นก็ทำให้คนหัวเสียเริ่มจะกรุ่นโกรธขึ้นมาตงิด ๆ แต่ถึงกระนั้นก็พยายามสงบสติอารมณ์
“โอเค ผมอาจจะเข้าใจผิดไปเอง แต่ทีหลังอย่ามาล้อเล่นแบบนี้อีก เพราะผมไม่ชอบ” คนชักหน้าตึงเอ่ยเสียงเรียบแล้วออกเดิน ทว่าอีกฝ่ายกลับคว้าแขนเขาไว้
“เดี๋ยวสิ แล้วถ้าเกิดฉันเผลอล่ะ”
“ผมก็จะเตือนคุณด้วยวิธีของผม”
“แบบไหนเหรอ?”
เจมส์มองคนทำตาแป๋วแล้วกลอกตา ให้ตายสิ! นี่หล่อนไม่รู้จริง ๆ หรือแกล้งโง่กันแน่ถึงได้ถามออกมาอย่างพาซื่อ เขาไม่มีวันเชื่ออย่างเด็ดขาด เพราะผู้หญิงยุคดิจิตอลไม่ใช่สาวอ่อนโลก แล้วมีหรือที่หล่อนจะไม่รู้ว่าผู้ชายมีวิธีจัดการกับผู้หญิงยังไง
นี่คงคิดจะกวนประสาทกันล่ะสิท่า
คิดดังนั้น เจมส์ก็รั้งตัวหญิงสาวมาแนบชิดแล้วโน้มหน้าลงบดจูบกลีบปากอิ่ม ไม่เปิดโอกาสให้หล่อนได้ล้อหลอกเขาอีก หากแต่สั่งสอนอีกฝ่ายจนแทบหลอมละลายกับจุมพิตวาบหวามแสนร้อนแรงของเขา ครั้นลิ้มลองความหอมหวานจนพอใจก็ถอนริมฝีปากออก
“คราวนี้คงรู้แล้วนะว่าผมจะจัดการยังไง ถ้าคุณเผลอเมื่อไหร่ละก็ ผมจะจูบให้ขาดใจตายไปข้างหนึ่งเลย” คนเอ่ยทิ้งท้ายหยักยิ้มแล้วก้าวออกจากอาคารผู้โดยสาร ปล่อยให้คนอ่อนประสบการณ์ยืนขาสั่นใจเต้นโครมครามไปหมด เพราะถูกเสือผู้หญิงอย่างเขาขโมยจูบแรกในชีวิตไปหน้าตาเฉย...
นรีนาท
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ส.ค. 2555, 23:53:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ส.ค. 2555, 23:53:58 น.
จำนวนการเข้าชม : 1077
<< บทนำ |