ในสวนศิลป์
พี่ต้นกล้า นาวาตรีจิรวัติ สุกปลั่งนั้น ไม่ใช่ปัญหาของกฤษณะอีกต่อไปแล้ว วันนี้เป็นวันวิวาห์ของเขากับพี่แพรวพรรณที่เพาะบ่มความรักดูใจกันตามที่แม่ของพี่แพรวพรรณต้องการมาถึงเกือบสองปี..
ปัญหาของกฤษณะก็คือพี่ต้นกล้วย เดชาพงษ์ ซึ่งจนบัดนี้ก็ดูไม่มีวี่แววว่าจะชอบพอกับผู้หญิงคนไหน แต่เธอก็มั่นใจว่าด้วยญาณหยั่งรู้ของที่ได้จับมือและได้ทำนายพี่ชายของเธอไปแล้วนั้น เขาจะต้องได้เจอกับเนื้อคู่ของเขาและลงเอยด้วยการแต่งงานกันอย่างแน่นอน..แต่ว่าเธอไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลานานแค่ไหน
เพราะคนเฉย ๆ อย่างพี่ต้นกล้วย เมขลาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ถึงคราวจะต้องจีบผู้หญิงจะทำอย่างไร..แต่เธอก็มั่นใจว่า พระพรหมท่านก็คงมีวิถีของท่าน..คงมีวิธีการที่ทำให้คนสองคนได้พบกันมีเรื่องทำด้วยกันและผูกพันจนกระทั่งรักกันในที่สุด..เหมือนคู่ของเธอกับกฤษณะ ที่เริ่มต้นจากการเดินชนกันที่สถานีรถไฟและสุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องจุดไต้ตำตอ..

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 23.1 "พี่จะไม่ทำให้อาจารย์ของนางกับสุอกหักหรอก กลัวโดนรุมตบ...”

ตอนที่ 23

เมื่อวิษณุจักรออกไปทำงานแล้ว อนงค์นางก็ขับรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน นางสำลีเปิดประตูต้อนรับหญิงสาวเพราะวิษณุจักรสั่งไว้ว่าอนงค์นางจะยังต้องมาวาดรูปที่นี่อีกหลายวัน และช่วงกลางวันให้นางสำลีอยู่เป็นเพื่อนอนงค์นางกระทั่งหญิงสาวกลับบ้านหรือว่าตนนั้นกลับมาจากที่ทำงานนางสำลีถึงจะกลับบ้านได้...

นอกจากนั้นนางสำลียังถูกใช้ให้เป็นหูเป็นตาจากแม่ของชายหนุ่ม...ด้วยผู้เป็นแม่นั้นเชื่อว่าบางทีลูกชายอาจจะกำลังนึกสนุกต้องการเอาชนะใจหวังครอบครองผู้หญิงคนนี้ตามวิสัยคนเจ้าชู้... เมื่อลูกชายบรรลุเป้าหมายแล้วก็อาจจะเลิกรากันไปในที่สุด

วันนี้ อนงค์นางลงจากรถเก๋งพร้อมกับถุงเครื่องทำครัวเพราะนางสำลีเห็นมีแป้ง มีน้ำตาล มีถุงอะไรต่อมิอะไรสารพัด...

“คุณนางซื้ออะไรมาเยอะเลย”

“ป้า สวัสดีค่ะ มาช่วยนางยกของหน่อย” พอนางสำลีออกไปแล้วจึงได้เห็นว่าในถุงมีอะไรบ้าง นอกจากนั้นที่ท้ายรถของอนงค์นางยังมีกระทะทองเหลือง อุปกรณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ รวมถึง ลังถึงขนาดย่อมอีกหนึ่งชุด..

“อะไรกันแม่คุณ”

“วันนี้ นางขออนุญาตคุณจักรใช้ครัวเขาค่ะ เพื่อนนางจะมาเรียนทำอาหารที่นี่”

“เพื่อน ใครเหรอ”

“คุณจรินนา คุณหนูลูกสาวคุณบรรจงเจ้าของโรงแรมที่คุณจักรไปคุมงานน่ะจ๊ะป้า”

“แล้วจะทำอะไรกัน”

“ทำขนมช่อม่วงค่ะ...แต่ตอนเช้านางจะวาดรูปก่อน ตอนบ่าย ๆ คุณหนูจรินนาถึงจะมา เข้าบ้านกันเถอะค่ะ”...

อันที่จริงเรื่องของอนุญาตวิษณจักรนั้นอนงค์นางยังไม่ได้ขอ แต่แผนที่วางไว้กับจรินนานั้นเป็นแผนที่จะใช้ป้าสำลีนั้นเป็นนกพิราบสื่อสารนำเรื่องนี้ไปบอกเล่าให้คุณแม่ของวิษณุจักรได้รับรู้...

รับรู้ว่าหนึ่งอนงค์นางเป็นเพื่อนกับคุณหนูจรินนา สองอนงค์นางนั้นมีฝีมือทำอาหารชนิดไม่เป็นสองรองใคร และเพียงเท่านี้ ใจของคุณนายวรนุชคงจะนึกเอ็นดูอนงค์นางขึ้นมาบ้าง...

อนงค์นางใช้เวลาช่วงเช้าทำงานอยู่ข้างบน ตอนเที่ยงนั้นหญิงสาวติดต้มยำปลาช่อน ผลไม้อีกสองสามอย่างมาจากบ้านและนำมาฝากนางสำลีด้วย อนงค์นางนางสำลีจึงไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม...

และระหว่างที่ทำงานนั้นวิษณุจักรก็โทรเข้ามาคุยด้วยเป็นระยะ...ถ้อยคำที่คุยนั้นก็หวานเสียจนลายเส้นที่อนงค์นางกำลังจารึกลงผนังนั้นอ่อนช้อยกว่าที่เคยทำ...
กระทั่งบ่ายสามโมง คุณหนูจรินนาที่ล่ำลือกันว่าสวยงามยิ่งหนักก็ปรากฏตัวที่หน้าบ้านของวิษณุจักร จรินนายกมือไหว้นางสำลีอย่างไม่ถือสา และเมื่ออนงค์นางออกไปรับเข้ามาในบ้านทั้งคู่ก็ขลุกกันอยู่ในครัว โดยมีนางสำลีคอยไม่เป็นลูกมือด้วย...

“นางเรียนคหกรรมมาจ้ะป้า ขนมยาก ๆ พวกนี้นางก็เลยได้ทำ...ป้าทำเป็นไหม”

“ป้าทำเป็นแต่บัวลอยไข่หวาน แบบนี้มันดูอลังการเกินไป”

“มันก็แค่ประณีตขึ้นอีกนิดเดียวเท่านั้น ฝึกสักทีมันก็ไม่มีอะไรยากแล้วค่ะ มาลองดูค่ะ มาหัดทำด้วยกัน”

อนงค์นางผัดไส้ไก่ กวนแป้ง ห่อขนม จับดอก อย่างคล่องแคล่ว ส่วนคุณหนูจรินนาที่มาฝากตัวเป็นลูกศิษย์นั้นก็ดูใส่ใจเรียนรู้กับงานตรงหน้าเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อสองสาวยืนเคียงกัน...นางสำลีก็มองเห็นว่าแม้จรินนานั้นจะผิวพรรณดีกว่า หน้าตาจิ้มลิ้มกว่า แต่ใช่ว่าจะข่มอนงค์นางที่คมเข้มน่ารักลงได้...

ขณะที่สองสาวกำลังง่วนอยู่ในครัว นางสำลีก็ตัวออกไปเก็บผ้าที่หลังบ้าน แต่กว่าจะเข้าบ้านมาได้นั้น ทั้งอนงค์นางและจรินนาก็ตามไปแอบฟังว่า บัดนี้แผนที่วางไว้นั้นเข้าเป้าแล้ว

...นางสำลีโทรไปรายงานแม่ของวิษณุจักรด้วยน้ำเสียงชื่นชม...

“วันนี้คุณหนูจรินนาลูกคุณบรรจงมาเรียนทำขนมด้วยค่ะ ขนมช่อม่วง หยิบจับตะหลิว กวนแป้งนวดแป้งคล่องแคล่วดีค่ะ...ไม่น่าเชื่อเลยว่าท่าทางกระโดกกระเดกจะทำขนมแบบนี้ได้..พรุ่งนี้แว่ว ๆ ว่าจะทำปั้นขลิบหรือปั้นสิบอะไรนี่แหละค่ะมันเป็นขนมที่เก็บไว้ได้หลายวันจะทำแจกมั้งคะ...”


ขณะยืนรอขนมช่อม่วงในลังถึงที่กำลังนึ่ง อนงค์นางที่รู้จากปากของจรินนาว่าเมื่อเช้าสุนันทาเป็นคนนำช่อดอกกุหลาบที่อาจารย์เดชาพงษ์สั่งไว้มาส่งด้วยตนตัวเอง และจรินนาก็อยากจะรับรู้ความรู้สึกของสุนันทาขณะที่ทำอย่างนั้น ดังนั้นอนงค์นางจึงต้องเป็นฝ่ายโทรกลับไปถาม...แต่ว่าคนอย่างอนงค์นางนั้นก็มีปฏิภาณไหวพริบพอตัวทีเดียว...

“พี่สุอยู่บ้านหรือเปล่าคะ”

“อยู่ มีอะไรรึ”

“วันนี้นางทำช่อม่วงค่ะ จะเอาเข้าไปฝาก”

“มันคงจะอร่อยมาก เอามาเยอะ ๆ นะ...”

“นางฝากไว้ให้พี่เกียรติด้วยนะคะ เลิกงานแล้วให้พี่เกียรติเข้าไปเอาที่ร้านพี่”

“แม่สื่อแม่ชักนะเรา” น้ำเสียงของสุนันทาส่อว่าอารมณ์ดี

“พี่เกียรติบอกว่าเมื่อเช้าพี่สุไปบ้านพี่จินพร้อมช่อดอกไม้ที่อาจารย์เดชาพงษ์สั่งให้

ไปส่ง...นางอยากทราบความรู้สึกค่ะ”

“เมื่อเขารักกัน พี่จะไปขัดขวางอะไรได้ พี่มันก็แค่แม่หม้ายลูกติด...แล้วอีกอย่างพี่ก็ไม่ได้โกรธไม่ได้เกลียดจินเขานี่...ไปเพื่อให้รู้ว่าพี่ก็แฟร์พอตัว และพี่ก็หวังว่าจินเขาจะรักคนที่พี่รักจริง ๆ ด้วย”

“โห..”

“ถ้าจินทำให้อาจารย์เจ็บ พี่เอาตายแน่ ฝากไปบอกเค้าด้วยนะ” สุนันทาหารู้ไม่ว่าจรินนาที่ยืนฟังอยู่ถึงกับแบะปาก

“ค่ะ แม่สื่อคนนี้จะจัดการให้ค่ะ...ถ้าพี่จินทำให้อาจารย์ของเราอกหัก นางก็จะลุยกับพี่จินเหมือนกัน”

“ดีมาก”

“แล้วกับคนที่ไปด้วยละคะ” อนงค์นางหมายถึงขจรเกียรติ

“ก็คงต้องอีกสักพัก...อย่างน้อยก็ให้พี่เกียรติเขาใช้หนี้อาจารย์ให้หมดก่อน...แล้วก็เก็บเงินเก็บทอง ถ้าพี่จะลงเอยกับเขามันก็น่าจะต้องแต่งงานเป็นการเป็นงาน ถึงมันจะเล็ก ๆ ก็ตามที”

“เย้...”

“ดีใจอะไร”

“พี่สุมีความสุขนางก็มีความสุขค่ะ....โอเคนะคะ เดี๋ยวขนมสุกแล้วนางเข้าไป...ล้างท้องรอไว้ได้เลย”

วางสายจากสุนันทาแล้วอนงค์นางก็ยิ้มให้จรินนาก่อนจะถามว่า “พี่จินได้ยินแล้วนะคะ”...

“อืม...”

“แล้วสรุปว่าไง”

“ของพี่ก็อีกสักพัก...แต่พี่สัญญากับนางแล้วกันว่าพี่จะไม่ทำให้อาจารย์ของนางกับสุอกหักหรอก กลัวโดนรุมตบ...”

อนงค์นางหัวเราะกับมุกของจรินนาก่อนจะถามว่า “แล้ว..จะแวะเอาขนมไปให้อาจารย์หน่อยไหมคะ ตอบแทนสำหรับดอกไม้หนึ่งช่อใหญ่ ๆ”

จรินนาส่ายหน้าแล้วก็บอกว่า “ขอเป็นปั้นขลิบ ในพรุ่งนี้ดีกว่านะ...วันนี้ขอทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่ดีใจไปก่อนแล้วกัน พี่ชอบเห็นคนกระวนกระวายใจเล่น ๆ นะ”

“เจ้าเล่ห์จริง ๆ เลยพี่จิน...”



‘ขอโทษนะคะที่ใช้สถานที่สอนพี่จินทำช่อม่วงโดยไม่ได้แจ้งให้เจ้าของบ้านทราบล่วงหน้า และเพื่อไม่ให้เจ้าของบ้านโกรธ นางก็เลยต้องจัดขนมช่อม่วงกับน้ำดอกอัญชันไว้รอท่า(อยู่ในตู้เย็น) อย่างไรก็จัดการซะให้หมดนะคะ แล้วพรุ่งนี้ก็ขออนุญาตซะตรงนี้ด้วยเลยแล้วกัน สาว ๆ จะมาทำขนมปั้นขลิบกันค่ะ ขนมชนิดนี้เก็บใส่ขวดโหลใส่ถุงไว้กินได้หลายวัน เหมาะกับการเป็นของฝากยิ่ง...ส่วนเจ้าของบ้านอยากกินอะไรเป็นพิเศษก็แจ้งให้ทราบได้นะคะ...คิดถึงมาก อนงค์นาง’

เมื่ออ่านจดหมายน้อยที่อนงค์นางวางไว้ข้างจานช่อม่วงที่มีฝาชีครอบไว้แล้ว วิษณุจักรก็ยิ้มกว้างและส่ายหัวเบา ๆ...เขาใช้ช้อนส้อมจิ้มชิ้นขนมแล้วคลุกกับกระเทียมเจียวก่อนจะส่งเข้าไปเคี้ยวไปสองสามทีแล้วตามด้วยผักกาดหอมที่แนมไว้ข้างจาน ก่อนจะหันไปเปิดตู้เย็น...แล้วพบน้ำดอกอัญชันอยู่ในแก้วมีก้านทรงสูงสำหรับใส่ไวน์ขาวไวน์แดงปากแก้วนั้นเสียบดอกอัญชันไว้พอให้ชื่นใจหายเหนื่อยไว้ด้วย...
และเมื่อกินขนมจนอิ่มท้อง...เขาก็ต่อสายถึงอนงค์นางทันที...

“นางจ๋า นางทำอะไรอยู่”

“นางอยู่บ้านพี่สุค่ะ ให้แม่พี่สุสอนทำแกงขี้เหล็ก นางทำไม่เป็น...” อนงค์นางไม่ยอมบอกว่าเอาขนมช่อม่วงมาให้สุนันทาเพราะยังไม่รู้ว่าเขาถึงบ้านหรือยัง เพราะถ้ายังไม่ถึง เรื่องที่จะเซอร์ไพร์สก็จะกลายเป็นว่าเสียเปล่าไป

“แกงขี้เหล็กนี่พี่ก็ชอบกินนะ...”

“เดี๋ยวทำเก่ง ๆ แล้วจะทำให้ลองชิมนะคะ แล้วกลับถึงบ้านหรือยัง”

“ขนมน้องนางอร่อยมาก พี่กินหมดแล้ว พรุ่งนี้ทำปั้นขลิบใส่โหลไว้สองโหลนะ พี่จะเอาไปฝากแม่พี่ด้วย...อยากให้แม่ได้ชิมฝีมือนาง แล้วนางก็ซื้อกับข้าวมาทำให้พี่ชิมด้วยสักอย่างหนึ่งได้ไหม เอาอะไรดี โชว์ฝีมือได้เต็มที่เลยจ้ะ...”

“แค่ขนมอย่างเดียวก็หมดไปครึ่งวันแล้วค่ะ” อนงค์นางแสร้งเล่นตัว

“พี่อยากกินแกงขี้เหล็กจังเลย ขอแม่คุณสุมาสักถุงได้ไหมแล้วเอามาให้พี่ที่บ้านค่ำนี้เลย พี่จะหุงข้าวไว้รอ”

“ป้าแกทำนิดเดียวค่ะ ไม่พอแบ่งหรอก”

อนงค์นางรู้ดีว่า ถ้าไปหาเขาในตอนค่ำ ๆ นี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง หญิงสาวจึงต้องหาข้ออ้าง

“คิดถึงนางจังเลย...ชิมรสมือแล้วอยากหอมหลังมือจังเลย” ตั้งแต่วันที่เขาบอกรักอนงค์นางก็ต้องคอยหลบจมูกและมือของเขาในยามที่อยู่กันตามลำพัง...เพราะอย่างไรแล้วอนางค์นางก็ยังไม่ไว้ใจในตัวเขาทั้งหมด...แต่ในขณะเดียวกันอนงค์นางก็ต้องชักจูงเขาไปสู่จุดหมายปลายทางที่เรียกว่าการแต่งงานให้จงได้ดังนั้นจริตมารยาหญิงที่ว่ากันว่ามีมากกว่าห้าร้อยเล่มเกวียนจึงต้องถูกเข็นออกมาใช้

“กินขนมแล้วล้างปากหรือยังคะ”

“ทำไมเหรอ”

“ปากหว้านหวาน...”

“ถ้ายอมให้พี่ชิมปากจะรู้ว่าหวานกว่าขนมช่อม่วงนี้อีก”

“แหวะ เลี่ยน”

“ก็ถ้าไม่หวานกับนาง พี่ก็อกแตกตายเลยนะซิ...”

“จ้า...ให้หวานกับนางคนเดียวตลอดไปแล้วกัน”

“เมื่อไหร่จะเชื่อใจพี่ซักทีนะ”

“หนทางพิสูจน์ม้ากาลเวลาพิสูจน์คนค่ะ...” เพราะเท่าที่อนงค์นางสืบมา ก่อนหน้านี้เขาเองก็ใช่ย่อยในเรื่องผู้หญิงเหมือนกัน...





จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ส.ค. 2555, 12:04:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ส.ค. 2555, 17:50:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 2366





<< 22.2 “สุต้องยินดีกับอาจารย์ด้วยใช่ไหมคะ”   23.2 “ผมไม่เคยคิดอะไรกับเขาเกินศิษย์กับครูครับ” >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 22 ส.ค. 2555, 12:04:53 น.
ของหวานมื้อเที่ยงฮะว์.... ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจเช่นเดิม....(ด้น เอาหน้า กันต่อไป)


ปอยอะนะ 22 ส.ค. 2555, 12:12:00 น.
ถูกใจอาหารมื้อเที่ยง ขอบคุณคนเสิร์ฟ


คิมหันตุ์ 22 ส.ค. 2555, 12:23:33 น.
ยังไม่ได้กินอาหารคาวเลย อาหารหวานเสิร์ฟก่อน..ห้าห้า


แว่นใส 22 ส.ค. 2555, 12:54:38 น.
หวานไปปะ


innam 22 ส.ค. 2555, 13:32:43 น.
ตามเป็นกำลังใจ


imsoul 22 ส.ค. 2555, 13:41:26 น.
หวานมาก น่ารักอ่ะ


หนอนฮับ 22 ส.ค. 2555, 16:17:01 น.
หิวเลย....


sai 22 ส.ค. 2555, 16:48:05 น.
อ๊าย นางน่ารักอ่ะ


nateetip 22 ส.ค. 2555, 17:41:27 น.
ชอบน้องนางค่ะ..น่ารักเชียว..


nunoi 22 ส.ค. 2555, 18:53:03 น.
แหมๆ คุณวิษณุจักร หวานมากไปป่ะค่ะ


konhin 22 ส.ค. 2555, 20:35:40 น.
แหมๆๆ แผนสูงจริงๆ


nutcha 22 ส.ค. 2555, 20:42:32 น.
หวานมากกกกกกก แล้วเมื่อไรพี่ต้นกล้วยจะได้หวานแบบนี้บ้าง


Zephyr 23 ส.ค. 2555, 00:12:41 น.
คุณเฟื่องทำเค้าอยากกินช่อม่วงงงงงงง
แกงขี้เหล็กอีก ไปหามากินดีกว่า


wii 23 ส.ค. 2555, 10:30:17 น.
ขนมช่อม่วงไม่เคยกินเเต่เคยเห็นรูป เเต่เเกงขี้เหล็กเนี่ยของโปรดเล๊ย พ่อชอบเเกงให้ทานนานๆครั้ง


Orathai 23 ส.ค. 2555, 10:48:26 น.
หวานเกินนน พ่อวิษณุจักรนี่


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account