~**~หัวใจลายรัก ~**~
จู่ๆ เพื่อนสมัยเรียนก็มาขอร้องแกมบังคับให้หญิงสาวเจ้าของฉายา 'แม่ชี' ประจำกลุ่มอย่าง ณฤทัย ไปเข้าคอร์สอบรมธรรมะให้ วโรตม์ คนรักของเจ้าหล่อน ซึ่งเป็นเจ้าของอาบอบนวด เจ้าของฉายา 'ภูติแห่งราตรี' ที่ทั้ง โหด เหี้ยม เจ้าชู้และอันตราย ก่อนเจ้าหล่อนจะพาวโรตม์ไปพบพ่อแม่ ซึ่งเป็นคนธรรมะธัมโมมาก

ณฤทัยตั้งท่าจะปฏิเสธ ทว่าน้องสาวคนเดียวของเธอกลับถูก 'ภูติแห่งราตรี' พาตัวไปไว้บำเรอที่บ้าน ณฤทัยจึงต้องเข้าไปตามตัวน้องกลับมา

แม่ชีน้อยจะช่วยน้องได้หรือไม่ จะทำให้ให้ภูติกลายเป็นคนดีได้หรือเปล่า หรือจะเป็นเธอเองที่ต้องตกอยู่ใต้มนตร์สะกดของภูติตนนี้

Tags: โรแมนติกคอมเมดี้,ภูติราตรี,แม่ชี,อาบอบนวด

ตอน: Chapter 1

คุณหมูอ้วน ดีใจจังเลยค่ะ ที่ชอบเจ้าพ่ออ่าง อิอิ

คุณน้ำแอ๊ปเปิ้ล จริงๆ แอบวางโครงเรื่องของนายคนนี้ไว้ก่อนนายดีอีก แต่มัวแต่รีๆ รอๆ อยู่ เลยไม่ได้เขียนซะที เลยแอบเอามาเผยโฉมนิดๆ หน่อยๆ ก่อน

คุณ nunoi มาแล้วค่ะ

คุณ wane สำหรับเจ้าพ่อคนนี้อาจเป็นโชค 555

คุณตุ๊งแช่ บทนี้เริ่มยาวแล้วค่ะ ^^



Chapter 1



สองอาทิตย์ต่อมา

ทันทีที่พระอาทิตย์สิ้นแสง ความมืดก็หอบเอาความคึกคักมาโปรยลงบนถนนเส้นนั้น

ไฟแสงสีที่เร่าร้อน เสียงเพลงสากลจังหวะรัวเร็วเนื้อหาร้อนแรง หญิงสาวในชุดรัดรึงกับรอยยิ้มยั่วยวน ล้วนเป็นตัวเร่งเร้าให้ชายหนุ่มมากหน้ามุ่งหน้ามายังถนนเส้นนี้ โดยไม่ระย่อต่อการจราจรที่คับคั่ง และบ้างก็ลืมที่จะนึกถึงจิตใจของคนเป็นภรรยา นึกถึงเพียงแต่ความอิ่มเอมใจที่จะได้รับจากหญิงสาวเหล่านั้นเท่านั้น

เบนซ์สีดำมันปลาบเลี้ยวเข้าไปจอดบริเวณด้านหน้าอาบอบนวดแห่งหนึ่ง อาบอบนวดซึ่งได้ชื่อว่าใหญ่ ทันสมัย หมอนวดหน้าตาสะสวย บริการถึงใจและราคาแพงที่สุดในย่านนี้

ประตูด้านหน้าทั้งสองบานถูกเปิดออกพร้อมกัน ก่อนที่ชายร่างยักษ์สองคนจะก้าวลงมา หนึ่งในนั้นรีบเดินไปยังประตูด้านหลัง เพื่อเปิดออกให้ใครบางคน ทว่าไม่ทัน คนข้างในเปิดออกเองเสียก่อนแล้ว แล้วชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผิวสองสี ดวงตาคมกล้าสีสนิมเหล็กแสนเฉยชา จมูกโด่งรับกันพอดีกับริมฝีปากได้รูปสีสดก็ก้าวลงมาอีกคน

เด็กรับรถโค้งคำนับร่างสูงนั้นครั้งหนึ่งแล้วรีบทำหน้าที่ของตน

ชายหนุ่มสูดลมหายใจยาวๆ คล้ายพยายามเรียกกำลังใจให้ตัวเอง จากนั้นจึงสาวเท้าเข้าไปข้างใน โดยมีชายฉกรรจ์ทั้งสองก้าวตามกระชั้นชิด พนักงานที่ยืนเฝ้าประตูโค้งศีรษะแทบจรดพื้นเมื่อร่างสูงใหญ่นั้นเดินผ่าน

เมื่อมาถึงด้านใน เขาก็หยุดเดินครู่หนึ่ง เพื่อกวาดตามองสภาพในห้องนั้น อันประกอบด้วยห้องโถงขนาดกว้าง จัดเป็นที่นั่งสำหรับแขก ถัดไปเป็นห้องอาหาร และด้านหนึ่งเป็นห้องใหญ่ติดกระจกยาว ภายในนั้นมีหญิงสาวจำนวนมากในชุดแต่งกายทั้งสั้นทั้งโป๊นั่งอยู่ เพื่อรอให้ลูกค้าเลือก บ้างก็นั่งยิ้มด้วยหวังให้ยิ้มนั้นสะดุดตาแขก บ้างก็นั่งทำหน้าเบื่อหน่าย แต่มีไม่น้อยที่หน้าตาตื่นระคนหวาดกลัว

ส่วนด้านหน้าตู้มีผู้ชายสามสี่คนกำลังเดินพิจารณา ‘สินค้า’ อย่างตั้งอกตั้งใจ โดยมีคนเชียร์แขกคอยอธิบายสรรพคุณของสินค้าจนน้ำลายแตกฟอง

ทั้งหมดนั้นทำให้เจ้าของร่างสูงต้องพ่นลมหายใจด้วยความรู้สึกหดหู่และเศร้าในอก

“นายกาย ไปเถอะครับ” หนึ่งในบอดี้การ์ดหน้าเข้มเข้ามาเอ่ยเตือน คนเป็นนายพยักหน้าน้อยๆ แล้วเดินเร็วๆ ไปยังบันไดซึ่งทอดตัวสู่ชั้นสอง อันเป็นห้องทำงานส่วนตัว

“เฮ้อ!” เมื่อประตูปิดลง ชายหนุ่มก็ถอนหายใจ พลางทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานด้วยสีหน้าไม่ชอบใจนัก โดยมีบอดี้การ์ดทั้งสองส่งยิ้มให้กำลังใจ แต่ยังไม่ทันที่ใครจะพูดหรือทำอะไร ประตูห้องก็ถูกเคาะขึ้นเสียก่อน จากนั้นก็เปิดเข้ามาโดยไม่ต้องรอให้คนข้างในเอ่ยอนุญาต

ผู้ที่เดินนำเข้ามาก่อนคือ ชายกลางคนร่างท้วม ศีรษะเถิก นัยน์ตาแพรวพราวตลอดเวลา ที่เมื่อครู่นี้คอยเชียร์แขกอยู่ด้านล่างนั่นเอง ที่ตามเขามาติดๆ คือเด็กสาวในชุดรัดรูปสีแดงสองคน คนหนึ่งถือถาดเครื่องเดิมซึ่งบรรจุด้วยโถใส่น้ำแข็ง น้ำเปล่า และเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ อีกคนถือถาดผ้าเย็นและของว่าง เห็นได้ชัดว่า เธอทั้งคู่มีอาการประหม่า ระคนหวาดหวั่น อันเดาได้ไม่ยากว่า เป็นเด็กใหม่ที่ยังไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อนนั่นเอง

“ต้อนรับการกลับมาทำงานครับ เฮียกาย” พูดจบชายร่างท้วมก็หันไปพยักหน้าให้เด็กสาวทั้งสอง ซึ่งก็รับคำเบาๆ แล้วหนึ่งในนั้นก็เดินเอาของมาวางบนโต๊ะด้วยการเดินที่ไม่มั่นคงนัก และนั่นก็ทำให้ขวดน้ำเปล่าหลุดมือหล่นลงบนโต๊ะเสียงดังตึ่ก

“อุ๊ย ขอโทษค่ะ” เจ้าตัวตัวงอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ขณะยกมือไหว้ ชายกลางคนหันไปทำหน้าดุและคาดโทษ ยิ่งทำให้ร่างนั้นยิ่งงอตัวลงไปอีก

“ไม่เป็นไรน่า คุณอารยะ” เจ้าของห้องเอ่ยเสียงเรียบ และพยักหน้าเรียกเด็กสาวอีกคนให้รีบเอาของมาวางเสีย เธอทำตามอย่างว่าง่าย จากนั้นทั้งคู่ก็เดินอ้อมโต๊ะมาหาเขาเพื่อบริการบีบนวด แต่ชายหนุ่มรีบโบกมือห้าม “ออกไป”

สองสาวชะงัก มองหน้ากันเลิกลัก ก่อนจะหันไปทางอารยะอย่างขอความเห็น เพราะคำสั่งที่ได้รับก่อนเข้ามาในนี้ก็คือ ต้องเอาใจ ต้องดูแลเจ้านายซึ่งเป็นเจ้าของที่นี่ให้ได้รับความพึงพอใจขั้นสูงสุด เพราะนั่นหมายถึง อนาคตที่สดใสระหว่างทำงานอยู่ที่นี่

“ไม่ถูกใจหรือครับ เฮีย นี่เป็นเด็กใหม่ เพิ่งมาทำงานวันนี้วันแรกนะครับ อาจจะทำอะไรขัดๆ เขินๆ ไปบ้าง แต่ผมรับรองว่า เรื่องความสด...”

“พอ!” คนเป็น ‘เฮีย’ ห้ามเสียงดังเกือบเป็นตวาด ยังผลให้ทั้งคนเชียร์แขก ทั้งเด็กใหม่สะดุ้ง โดยเฉพาะคนเชียร์แขกนั้นเคยเห็นฤทธิ์ตอนอีกฝ่ายโมโหมาแล้ว ว่าน่ากลัวแค่ไหน “ออกไปให้หมด ทั้งสามคนนั่นแหละ”

“เอ่อ แต่ว่า...”

“บอกให้ออกไปไง!” วโรตม์ชักหงุดหงิด จ้องตาอารยะอย่างเอาเรื่อง ชายเลยกลางคนรีบหลุบตาต่ำลงด้วยความเกรงกลัว ก่อนจะเงยหน้าไปพยักหน้าเรียกเด็กสาวให้รีบออกจากห้อง แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อโดนเรียกไว้อีกครั้ง “เดี๋ยว คุณอารยะ...ต่อไป ไม่ต้องพาใครขึ้นมาหาผมอีกนะ”

อารยะเงยหน้ามองคนพูดอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “ว่าไงนะครับ”

“ถ้าคุณพาเด็กมาให้ผมอีก ผมจะหักเงินเดือนคุณ” วโรตม์เน้นแต่ละคำช้าชัด
ชายเลยกลางคนรับคำแล้วเดินงงๆ ออกจากห้อง เพื่อพาเด็กสาวไปนั่งใน ‘ตู้’ ให้แขกเลือกต่อ

ทั้งสามคนสวนกับชายหนุ่มวัยยี่สิบตอนปลาย รูปร่างผอมสูง ผิวขาวจัด ท่าทางสำอางสำรวย แต่งตัวเนี้ยบหรูและใส่น้ำหอมกลิ่นฟุ้งตรงเชิงบันได ท่าทางเขาดูรีบร้อน แต่เมื่อเห็นทั้งสามก็หยุดทักด้วยความแปลกใจ

“อ้าว พี่ยะ เด็กไม่ถูกใจพี่กายเรอะ” เขามองไปที่เด็กสาวทั้งสองอย่างพิจารณา

“ไม่ใช่แค่ไม่ถูกใจ แต่ไม่เอาเลยต่างหากครับ” อารยะตอบเซ็งๆ เพราะการที่เจ้านายไม่เอา มันทำให้เขาพลาดเงินพิเศษ ตอนพาเข้าไปในห้อง วโรตม์จะให้เขาก่อนส่วนหนึ่ง และถ้าหากหลังจากเด็กๆ กลับออกมาแล้ว วโรตม์พอใจ เขาก็จะได้เพิ่ม อย่างน้อยก็พันหนึ่ง

“เฮ้ย พี่กายเนี่ยนะ” ชายหนุ่มทำหน้าไม่อยากเชื่อไปอีกคน “เป็นไปได้ยังไง”

“เป็นไปแล้วครับ...ผมว่า กลับมาคราวนี้ เฮียกายดูแปลกๆ ไปนะครับ คุณเขตต์ เหมือนไม่ใช่เฮียคนเดิม” อารยะตั้งข้อสังเกต แต่เขตต์หรือหลักเขตต์ไม่เห็นด้วย

“ไม่หรอกมั้ง คนบ้ากามอย่างพี่กายน่ะ ขาดผู้หญิงได้ที่ไหนกัน ผมว่าเพราะร่างกายยังไม่พร้อมมากกว่ามั้ง...” แล้วชายหนุ่มก็ตบบ่าคนร่างท้วมสองสามที ก่อนจะผละจากไป โดยมีจุดหมายอยู่ที่ห้องที่ฝ่ายนั้นเพิ่งจากมานั่นเอง

+ + + + + + + + + +

“พี่กาย มาแล้วเหรอพี่” หลักเขตต์กรากเข้าไปทักเจ้าของห้องอย่างดีใจ “ทำไมไม่บอกก่อนละครับว่าจะเข้ามาวันนี้ ผมจะได้ให้พนักงานไปรอต้อนรับ”

“จะทำให้มันยุ่งยากทำไมวะ” วโรตม์ย้อนกลับเสียงห้วน แต่สักพักก็เหมือนนึกอะไรได้ จึงแค่เพียงพยักหน้าแล้วบอกว่า “ยุ่งยาก เสียเวลาทำมาหากินเปล่าๆ”

“แล้วพี่หายดีแน่แล้วเหรอครับ แผลที่โดนยิงหายเป็นปกติแล้วเหรอ” ผู้มาใหม่ถามต่อพลางกวาดตาสำรวจใบหน้าและร่างนั้นอย่างพิจารณา

“ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนี่” วโรตม์ตอบเสียงเรียบเรื่อย หรี่ตาคมกริบเพื่อจับสังเกตอีกฝ่ายบ้าง

“โอ้โฮ โดนซะขนาดนั้นยังบอกว่าไม่เป็นอะไรมากอีก” เขาร้องเสียงทึ่งๆ แล้วทรุดกายลงนั่งตรงข้าม “แขนโดนยิงทั้งสองข้าง แถมกระดูกขายังแตกละเอียดอีก นี่พี่ฟื้นได้ภายในสองอาทิตย์ แถมยังเดินได้ปกติได้ยังไงน่ะ เหลือเชื่อจริงๆ”

พออีกฝ่ายพูดอย่างนั้น เจ้าของห้องก็อดนึกถึงเรื่องราวในวันนั้นอีกไม่ได้

คืนนั้น...นักฆ่าคนหนึ่งยังไม่ตายจริงๆ และมันก็ฝืนลุกขึ้นมาเพื่อจะยิงซ้ำ แต่ด้วยความอ่อนแรงของมัน กระสุนลูกนั้นจึงเฉียดจากแผ่นหลังกว้างไปที่แขนอีกข้าง แล้วตัวมันก็ล้มลง วโรตม์ตามไปซ้ำจนปืนหมดลูก แล้วรีบเดินออกจากตรงนั้น แต่ได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็ทรุดลงไปกองกับพื้นและไม่รับรู้อะไรอีกเลย จนคนเมาคนหนึ่งไปเจอเข้า เห็นว่า พอเห็นคนนอนตายถึงสี่ศพ ขานั้นก็หายเมาเป็นปลิดทิ้งก่อนจะวิ่งไปเรียกคนให้มาดูและช่วยเขา

แล้วเรื่องการลอบสังหาร ‘ภูติแห่งราตรี’ ก็กลายเป็นข่าวใหญ่ครึกโครมอยู่หลายวัน ก่อนจะค่อยๆ เงียบลง เมื่อ ‘ภูติ’ ไม่ปรารถนาจะปรากฏตัวต่อหน้าสื่อในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ ซ้ำสั่งห้ามคนในบ้านให้สัมภาษณ์กับสื่อใดๆ อีกด้วย

ส่วนเรื่องคดีนั้น ตำรวจมุ่งประเด็นไปที่คู่แข่งทางธุรกิจ ซึ่งตอนนี้ก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ชัดเจนที่สุด คือเสี่ยอรรคพล เจ้าพ่ออาบอบนวดอีกคนที่กำลังพยายาม ‘ทับเส้น’ เขาตลอดเวลา

แน่นอนว่า เสี่ยอรรคพลให้การปฏิเสธ และเนื่องจากนักฆ่าตายหมด จึงไม่สามารถสาวไปถึงตัวเขาได้ คดีจึงยังค้างอยู่แค่นั้น ทว่าเขารู้ดี ตอนนี้เสี่ยอรรคพลรวมทั้งคนในวงการต่างก็จับตารอคอยการเอาคืนจากเขาอยู่


“นายพูดยังกะไม่อยากให้ฉันกลับมาทำงานงั้นละ” เมื่อดึงตัวเองออกมาจากภวังค์ วโรตม์ก็สวมบทกวนประสาทอีกฝ่ายทันที

“เฮ้ย เปล่านะ พี่ ไม่ใช่อย่างนั้น” หลักเขตต์รีบปฏิเสธเสียงลั่น หน้าซีดไปเล็กน้อย “พี่กลับมาดูแลงานได้เหมือนเดิม ผมก็ดีใจ ผมจะได้มีเวลาไปลัลล้าข้างนอกบ้าง สองอาทิตย์ที่พี่ไม่อยู่ ผมเหนื่อยมากนะ พี่ไม่เห็นเหรอ ผมถึงไม่กลับไปนอนบ้านไง เลิกงานก็เหนื่อยจนแทบทรุด ต้องค้างที่นี่ตลอด”

“ขอบใจมาก แต่ตอนนี้ฉันกลับมาแล้ว นายก็ไปทำงานส่วนของนายเหมือนเดิม แล้วก็กลับไปนอนที่บ้านได้แล้ว ฉันได้ยินน้าแขบ่นถึงทุกวัน”

น้าแขที่วโรตม์ว่า คือ งามแข มารดาของหลักเขตต์ และเป็นน้าสาวแท้ๆ ของเขานั่นเอง ทั้งเขาและหลักเขตต์อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ของตระกูลด้วยกัน แถมยังเป็นเจ้าของอาบอบนวดแห่งนี้ร่วมกันด้วย เพียงแต่ในฐานะที่เป็นพี่ วโรตม์เลยได้เป็นผู้บริหาร

“อ้อ แล้วที่นายนอนค้างที่นี่น่ะ นอนห้องไหน ห้องฉันหรือเปล่า”

“เอ่อ...ครับ” หลักเขตต์ตอบไม่เต็มเสียงนัก

“งั้นจัดการเอาเสื้อผ้าของใช้ของนายออกไปให้หมด แล้วสั่งให้แม่บ้านเปลี่ยนผ้าปูใหม่ ใหม่ในที่นี้คือ ซื้อมาใหม่เลยนะ อ้อ เปลี่ยนผ้าม่านด้วย แล้วทำความสะอาดห้องทุกซอกทุกมุมอย่าให้เว้นแม้แต่ตารางนิ้วเดียว”

เป็นคำสั่งที่เรียกอาการขบกรามแน่นจากคนฟังได้ เพราะทั้งถ้อยคำ ทั้งน้ำเสียง บ่งบอกได้ว่า เจ้าของห้องรังเกียจเขามากแค่ไหน

“ครับ” หลักเขตต์รับคำเสียงห้วน ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้น แล้ววางสายตาไปทางบอดี้การ์ดทั้งสอง “เอ๊ะ พี่กายเปลี่ยนบอดี้การ์ดใหม่เหรอครับ ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

“อือ ก็ไอ้สองคนก่อนหน้านี้ทำงานห่วยแตกนี่หว่า เป็นบอดี้การ์ดประสาอะไรวะ ปล่อยให้เจ้านายโดนยิง ฉันก็เลยยิงมันทิ้งซะ เมื่อวานนี้เอง”

หลักเขตต์สะดุ้งไปเล็กน้อยกับความเหี้ยมโหดของฝ่ายนั้น ก่อนจะยิ้มแห้งๆ

“ก็จริงครับ เพราะพวกมัน พี่ถึงเจ็บปางตาย ก็สมควรแล้ว”

วโรตม์ยิ้มพอใจ แล้วเอ่ยว่า “รู้จักกันไว้ซะนะ ต่อไปนี้ ศักดิ์กับทูลจะมาทำหน้าที่ดูแลฉันแทนไอ้ห่วยสองตัวนั่น”

“ครับ พี่ งั้นผมไปทำงานก่อนนะครับ”

“ก็ไปสิ เออ เดี๋ยว เขตต์...ฉันลืมไปอีกอย่าง”

“ครับ?”

“ต่อไปนี้ ฉันจะเป็นคนคัดเลือกพวกผู้หญิงด้วยตัวฉันเอง”

“ว่าไงนะ” ญาติผู้น้องของเขาร้องเสียงหลง “แต่นั่นมันหน้าที่ผมนี่ ผมทำมาตั้งนานแล้ว พี่ก็เห็นว่า สายตาผมดีแค่ไหน เด็กๆ ของเราได้ชื่อว่าสวยกว่าเจ้าอื่นมาตลอดนะครับ”

“แต่หลังจากวันนี้ ฉันจะใช้สายตาของฉัน” วโรตม์เอ่ยเสียงเด็ดขาด และสบตาอีกฝ่ายเขม็ง และเมื่อทำอะไรไม่ได้ หลักเขตต์ก็ต้องจำใจพยักหน้ารับ จากนั้นจึงเดินกระแทกเท้าจากไป ตามมาด้วยเสียงปิดประตูดังปัง!

วโรตม์ยักไหล่อย่างไม่แคร์ ในขณะที่บอดี้การ์ดทั้งสองมีสีหน้าไม่สบายใจนัก

“นายครับ เอ่อ นายทำแบบนี้ จะทำให้คุณเขตต์ไม่พอใจนะครับ อาจจะทำให้อะไรๆ ยุ่งยากกว่าเดิมก็ได้” ศักดิ์เอ่ยเตือนขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรงใจ

“แล้วฉันต้องแคร์มันด้วยเหรอ” ผู้เป็นนายย้อนถามเสียงรวนๆ “มันโกรธสิดี จะได้แสดงพิรุธออกมาเยอะๆ ฉันจะได้จับมันได้ง่ายๆ หน่อย”

ทั้งสองคนหันสบตากันด้วยความประหลาดใจ “นี่นายยังคิดว่า คุณเขตต์อยู่เบื้องหลังเรื่องที่นายถูกยิงอีกเหรอครับ แต่ไอ้พวกที่ตามล่านายน่ะ เป็นคนของเสี่ยอรรคพลนะครับ”

“ฉันก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ใช่ฝีมือของเสี่ยอรรคพลนี่” วโรตม์เอ่ยเสียงขรึม ก่อนจะโบกมือเชิงห้าม “แต่ช่างเถอะ เรื่องนี้ เอาไว้เราค่อยๆ ดูกันไปดีกว่า ว่าระหว่างความมั่นใจของพวกนาย กับสัญชาตญาณของฉันใครจะถูกต้อง”

สิ้นคำพูดนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของวโรตม์ก็ดังขึ้น มือใหญ่รีบยกขึ้นมาดู แล้วก็ต้องชะงัก สีหน้าเครียดขึ้นมาเล็กน้อย กับชื่อ ‘เบบี๋’ ที่แสดงอยู่หน้าจอ

“ครับ เบบี๋” ที่สุดเขาก็กดรับและกรอกเสียงลงไป

“กาย คุณหายดีแล้วใช่มั้ยคะ โอย นีน่าดีใจจังเลย” เสียงใสๆ แล่นมาตามสาย แม้ไม่เห็นหน้าเขาก็รู้ว่าตอนพูดหล่อนกำลังยิ้มอยู่ด้วย “รู้มั้ยคะว่า นีน่ารู้สึกแย่แค่ไหน ที่ไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้ยินเสียงคุณตั้งสองอาทิตย์น่ะ ทำไมต้องห้ามนีน่าไปเยี่ยมคุณด้วยคะ”

“เอ่อ...มันเป็นสองอาทิตย์ที่วุ่นวายมากครับ นีน่า เล่นเอาผมหัวหมุนเลย แล้วสภาพผมในตอนนั้นก็ไม่น่าดูเท่าไรด้วย”

“โอ เค ค่ะ ช่างเถอะ เรื่องผ่านมาแล้ว แล้วตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนคะ ให้นีน่าไปหานะคะ คิดถึงจะแย่แล้ว”

“ผมอยู่ที่ทำงาน คุณอย่ามาเลย เดี๋ยวผมออกไปหาดีกว่า”


+ + + + + + + + +

เมื่อลงมาข้างล่างอีกครั้ง วโรตม์ก็พบว่า ขณะนี้นักเที่ยวหนาตาขึ้นกว่าเมื่อครู่มาก บ้างนั่งทานอาหารอยู่อย่างไม่รีบร้อน บ้างก็กำลังประคองสาวสวยเพื่อขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบน ในขณะที่อารยะยังทำหน้าที่อย่างเพลิดเพลินอยู่หน้าตู้ ซึ่งขณะนี้มีหมอนวดนั่งอยู่ไม่ถึงยี่สิบคน

ชายหนุ่มถอนหายใจยาวอีกครั้ง ขณะรีบก้าวออกไปข้างนอก เพราะ ‘เบบี๋’ กำลังรออยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งบนถนนเส้นเดียวกัน

แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงหวีดร้องด้วยความตกใจของหญิงสาวคนหนึ่งดังมาจากด้านหน้า

“ไอ้บ้า ปล่อยนะ ฉันไม่ใช่อย่างที่แกคิดนะ!”

วโรตม์หันสบตาบอดี้การ์ด แล้วทั้งสามก็รีบพุ่งไปยังที่มาของเสียง และภาพที่เห็นก็ทำให้กรามของ ‘ภูติแห่งราตรี’ ขบแน่น

...นักท่องเที่ยวฝรั่งร่างใหญ่คนหนึ่งกำลังกระชากลากถูหญิงสาวร่างแบบบางในชุดเสื้อกระโปรงแบบเรียบร้อยมิดชิดออกไปนอกร้าน หญิงสาวขัดขืนเต็มกำลัง ปากก็ร้องขอความช่วยเหลือน่าสงสาร โดยมีพนักงานเฝ้าประตูพยายามช่วยหล่อนอยู่ แต่ก็สู้แรงฝรั่งยักษ์ไม่ไหว

วโรตม์พยักหน้าให้คนของตน ซึ่งก็ไม่รอช้า กระโจนลงไปทันที นั่นทำให้คนเฝ้าประตูต้องถูกดีดออกมานอกวงโดยอัตโนมัติ

“เกิดอะไรขึ้น ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ดูเหมือนจะไม่ใช่คนของเราใช่มั้ย” ชายหนุ่มถามขึ้น ตาก็จับจ้องที่เหตุการณ์ตรงหน้าตลอดเวลา

“ครับ ไม่ใช่ น้องคนนั้นแกมาหาเพื่อน แต่เมื่อกี้ผมเข้าไปตาม เพื่อนแกรับแขกอยู่ แกเลยขอนั่งรอตรงเก้าอี้ที่ผมใช้นั่งพัก จู่ๆ ไอ้ฝรั่งบ้ามาจากไหนไม่รู้ เดินเข้าไปลากแกเฉยเลย แกปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นหมอนวด มันก็ไม่ฟัง จะลากออกไปข้างนอกท่าเดียว”

ภูติแห่งราตรีพยักหน้ารับรู้ แล้วก็ต้องคำรามด้วยความรำคาญ เมื่อเห็นว่าเจ้าฝรั่งยักษ์นั่นล้มยากล้มเย็น ขนาดทูลเข้าไปรวบลำตัวมันแล้วลากออกมา ศักดิ์ก็พยายามแกะมือมันจากแขนของหญิงสาว แต่ก็ยังแกะไม่ได้ มือมันเหนียวราวกับตีนตุ๊กแก ดังนั้นเอง พอทูลลากมันที มันก็ลากผู้หญิงมาด้วย ซ้ำยังเพิ่มแรงบีบอีกต่างหาก เพราะเขาเห็นเจ้าของแขนเล็กๆ นั้นนิ่วหน้าน้ำตาคลอ

วโรตม์เหลือกตามองด้านบนครั้งหนึ่งอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะก้าวเข้าไปช่วยศักดิ์ ด้วยการใช้สันมือแข็งแรงฟันฉับเข้าที่มือเจ้านั่น มันร้องโอ๊ยออกมาคำหนึ่ง และยอมปล่อยแขนเรียวนั่นทันทีแบบแรงๆ ร่างของหญิงสาวจึงเซไปข้างหลัง โชคดีที่เขารั้งเอวบางนั้นไว้ทัน ชายหนุ่มได้ยินเสียงสั่นๆ พึมพำขอบคุณ แต่ไม่ได้สนใจนัก เพราะยังลุ้นการต่อสู้ตรงหน้าอยู่

ครู่ต่อมาเขาก็ยิ้มพอใจ เมื่อเห็นเจ้าฝรั่งยักษ์สิ้นฤทธิ์อยู่ใต้ฝ่าเท้าของศักดิ์ จึงหันมามองมองหญิงสาวที่ตนช่วยเอาไว้ เป็นจังหวะเดียวกับที่หล่อนก็เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความซาบซึ้งใจเช่นกัน แต่ครู่ต่อมา หล่อนก็ชะงักไป ก่อนเบิกตากว้างด้วยความตกใจระคนหวาดกลัว แล้วก็รีบพาตัวเองออกให้ห่างเขา วโรตม์ขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ

ทำไมหล่อนต้องกลัวเขาด้วย? นี่เขาเป็นคนช่วยหล่อนไว้แท้ๆ นะ?

“เอายังไงครับนาย” เสียงของทูลทำให้วโรตม์ต้องหยุดคิดเรื่องแววตาของหญิงสาวไปก่อน แล้วเอ่ยถามเจ้าตัวว่า

“คุณจะแจ้งความหรือเปล่า”

หญิงสาวมองสภาพฝรั่งคนนั้นซึ่งขณะนี้ใบหน้าแหลกยับเพราะแรงหมัด มีเลือดออกบริเวณจมูกและปาก ครู่หนึ่งก็หันมาทางเขา

“ไม่ค่ะ ปล่อยเขาไปเถอะ ถือเสียว่า เขาเป็นเจ้ากรรมนายเวรที่ตามมาให้ฉันชดใช้ก็แล้วกัน”

เป็นคำตอบที่ทำให้วโรตม์ต้องหันมามองหน้าเจ้าหล่อนอีกครั้งอย่างชัดๆ แล้วก็ต้องยิ้มขำ เมื่อเพิ่งสังเกตว่า เจ้าหล่อนอยู่ในชุดทำงานสีครีมทั้งชุด รวบผมตึง แม้ตอนนี้จะหลุดลุ่ยไปบ้างก็ตาม ใบหน้ารูปไข่ที่ซีดเผือดบอกได้ว่าเจ้าตัวเป็นคนอ่อนโยน แววตาที่เมื่อครู่มองเขาอย่างหวาดกลัว ตอนนี้เต็มไปด้วยความเมตตาต่อผู้ที่กระทำมิดีมิร้ายต่อหล่อน

หล่อนเหมือนพวกแม่ชีที่ตกมาอยู่ในแดนนรกอย่างไรอย่างนั้น

“ตามใจแม่ชีเขาเถอะ” เจ้าของอาบอบนวดเอ่ยกับลูกน้องด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ เลยได้รับวงค้อนเล็กๆ จากดวงตากลมโตนั่นครั้งหนึ่ง แต่ชายหนุ่มจะสนใจก็หาไม่ กลับนึกสนุกที่จะได้ยั่วล้อคนตรงหน้าต่อ “ว่าแต่ แม่ชีเข้ามาในสถานที่แบบนี้ได้หรือครับ ไม่ผิดศีลหรือนี่”

“อย่าเอาคำว่าแม่ชีมาล้อเล่นแบบนี้นะคะ มันบาป อย่างน้อยแม่ชีก็รักษาศีลมากกว่าพวกคนบาปอย่างคุณ” เสียงนั้นยังคงระดับเนิบนาบแม้ถ้อยคำจะเชิงตำหนิก็ตาม “ฉันไม่ใช่แม่ชี เป็นแค่คนรักษาศีลตามหน้าที่ของพุทธศาสนิกชนที่ดีเท่านั้น”

วโรตม์ยิ้มแววตาเป็นประกาย ด้วยรู้สึกว่า หล่อนและคำพูดของหล่อน ไม่เข้ากับสถานที่นี้อย่างแรง

“เอาละ ผมว่าแม่ชี เอ๊ย คุณรีบออกไปจากที่นี่ดีกว่า ก่อนจะมีคนเข้าใจผิดคิดว่าคุณสวมบทบาทหญิงสาวแสนบริสุทธิ์เพื่อเรียกแขกอีก” น้ำเสียงชายหนุ่มจริงจังขึ้นมา

“ฉันก็ไม่ได้อยากเหยียบเข้ามานักหรอกค่ะ แต่มีธุระสำคัญจริงๆ” ตอนที่พูดประโยคนั้นหล่อนปรายตามองเขาด้วยสายตารังเกียจปนหวาดกลัวอย่างไรพิกล วโรตม์อ้าปากจะต่อคำ ทว่ากลับมีเสียงเรียกชื่อที่คาดว่าจะเป็นชื่อเจ้าหล่อนดังขึ้นเสียงก่อนด้วยความตกใจ

“ฤทัย!”

เห็นอย่างนั้น ชายหนุ่มก็หมุนตัวเดินดุ่มไปขึ้นรถ สองบอดี้การ์ดจัดการลากฝรั่งบ้าไปทิ้งทางหนึ่งเหมือนทิ้งเศษขยะสักชิ้น แล้วรีบตามเจ้านายไป ไม่นาน รถคันนั้นก็ทะยานออกจากตรงนั้น ก่อนเลี้ยวสู่ถนนใหญ่และกลืนหายไปกับความมืดและรถราที่คับคั่งบนท้องถนน

+ + + + + + + + +

คนที่มาเรียก ‘แม่ชี’ นั้นเป็นหญิงสาวร่างสูงเพรียว ในชุดรัดรูปสีดำ ความยาวของกระโปรงเลยแก้มก้นมานิดหน่อย ส่วนด้านบนก็รัดและเน้นหน้าอกจนแทบทะลักออกมา ผมซอยสั้น แต่งหน้าเข้มจัด ท่าทางกร้านโลก

ขณะนี้หล่อนทั้งสองยืนประจันหน้ากัน ความแตกต่างทางรูปลักษณ์ภายนอกจึงชัดเจน

“นี่ฤทัยมาได้ยังไง วันหลังมีอะไรก็โทรฯมาสิ ไม่ต้องเข้ามา ที่นี่ไม่เหมาะกับฤทัยหรอก” คนในชุดดำเอ่ยขึ้นก่อน พลางจับตามองใบหน้าอ่อนใสอย่างพิจารณา

หล่อนกับฤทัยเป็นคนบ้านเดียวกัน สนิทกันมาก แต่หลังจากจบมัธยมปลาย ชะตาชีวิตก็แยกให้ต้องห่างราวดินกับนรก ฤทัยได้เรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่วาดหวัง มีชีวิตที่ค่อนข้างดี ส่วนหล่อนเข้ากรุงเทพมาหางานทำเพราะที่บ้านยากจน ก่อนจะหักเหกลายเป็นเหมือนอย่างทุกวันนี้ แต่ก็ยังติดต่อกันอยู่บ้างทางโทรศัพท์ แม้จะนานๆ ทีก็ตาม

“ฤทัยร้อนใจ อยากมาเจอเวียงด้วยตัวเอง แล้วก็อยากมาพิสูจน์ด้วยตาตัวเองด้วย” สีหน้าของฤทัยเต็มไปด้วยความกังวลและเป็นทุกข์ “ฤดีมันทำงานที่นี่ด้วยใช่มั้ย เวียง”

เวียงหรือเวียงแก้วมีสีหน้าอึดอัดลำบากใจ หล่อนหันหลังให้ตอนที่ตอบปฏิเสธ “เปล่า คือ...มันเคยมาที่นี่ แต่ก็ไปแล้ว”

“ไปไหน ไปกับใคร” ฤทัยตามมาดักหน้าเพื่อส่งสายตาวิงวอน

“เอ่อ...” เวียงแก้วอึกอัก

“ฤทัยขอร้องละ เวียง นึกว่าเห็นแก่แม่ของฤทัยเถอะ ตั้งแต่ฤดีหนีออกจากบ้าน แม่ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ โทรฯหาฤทัยทุกชั่วโมง ให้ตามหาน้องให้เจอ” ฤทัยอ้อนวอนน่าสงสาร

“เราก็อยากช่วยนะ แต่เราไม่รู้ว่าฤดีอยู่ที่ไหน...เอาเป็นว่า ถ้ามันติดต่อมา เราจะรีบโทรฯบอกก็แล้วกัน” พูดจบเวียงแก้วก็ทำท่าจะเดินกลับเข้าไปข้างใน ฤทัยรีบวิ่งตามไปจับมือไว้

“เวียง ได้โปรด...เวียงคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยเราได้ เพื่อนฤดีบอกว่า ก่อนฤดีจะหนีมา มันพูดถึงเวียง เพราะมันไม่รู้จักใครในกรุงเทพแล้ว นอกจากเรากับเวียงเท่านั้น เมื่อมันไม่ได้มาหาฤทัย มันก็ต้องมาหาเวียง”

“แล้วทำไมถึงเพิ่งคิดตามหาน้องล่ะ ฤทัย ฤดีมันหนีมาตั้งสองอาทิตย์แล้วนะ” ที่สุดเวียงแก้วก็ยอมรับว่าข้อมูลที่ฤทัยพูดนั้นเป็นความจริง แล้วย้อนถามด้วยน้ำเสียงคล้ายตำหนิ

“คือ...ก่อนหน้านี้ ฤทัย...มีเรื่องไม่ค่อยสบายใจ เลยไปบวชชีพราหมณ์มาน่ะ แล้วปิดมือถือตลอดเลย ก็เลยเพิ่งทราบเรื่อง” ฤทัยสารภาพความจริงเสียงอ่อย ก่อนอ้อนวอนต่อ “นะ เวียง บอกฤทัยเถอะว่า ฤดีอยู่ที่ไหน ฤทัยจะพาน้องกลับบ้าน”

“เราไม่รู้จริงๆ” เวียงแก้วยืนยันเสียงจริงจัง ก่อนจะถอนหายใจยาวคล้ายตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้ว “ฤดีมันมาหาเรา แล้วก็ขอทำงานด้วย เราพยายามห้าม แต่มันไม่ฟัง แล้วความสวยของมันก็...สะดุดตาเจ้านาย เขาเลยเอามันไปอยู่ด้วย หลังจากนั้นมันก็ไม่เคยติดต่อหาเราอีกเลย”


(จบ chapter 1 ค่ะ)



ณสรวง
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ส.ค. 2555, 23:00:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ส.ค. 2555, 23:00:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 1478





<< บทนำ   Chapter 2 >>
wane 22 ส.ค. 2555, 23:31:43 น.
ฤทัยคงนึกว่าฤดีอยู่กับเฮียกายแน่ๆ เลย


น้ำแอปเปิ้ล 22 ส.ค. 2555, 23:58:10 น.
แว๊ก ต่างกันสุดขั้ว พระเอกกะนางเอก


nunoi 23 ส.ค. 2555, 09:19:09 น.
โอ้ววว ต่างกันยังกับ ฟ้า กะ เหว เลยเชียว


ตุ๊งแช่ 23 ส.ค. 2555, 09:26:39 น.
ฤดี คือ นีน่าหรือป่าวนี่ สองอาทิตย์ๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account