กลิ่นรัก...อบอวลหัวใจ
หญิงสาวผู้มาดมั่นเลือกการงานมากว่าเรื่องรักใคร่ๆหรือต้องมาข้องแวะเกี่ยวหัวใจให้ชายคนไหน
กับชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่ไม่เคยคิดจะจริงจังพันใจกับผู้หญิงใดๆ ทั้งคู่จะมาบรรจบรักกันได้เช่นไร
โปรดคอยติดตามนะคะ

แนะนำตัวละคร

พระเอก
นายธารานนท์ เตชโชติ เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ รวมทั้งเจ้าของโรงแรมรีสอร์ทในเครือมากมายล้นฟ้า แต่ไร้คู่ครองเคียงข้าง เมื่อไม่เคยเจอผู้หญิงที่จะทำให้อิ่มเอมทั้งชีวิตโดยไม่รู้สึกเบื่อ หญิงสาวคู่ครองสักคนของเขาคงจะไม่มีในโลกนี้ แต่เมื่อได้มาทำงานในต่างจังหวัดและพื้นที่อำเภอท้องถิ่นเล็กๆ แห่งหนึ่ง โดย ได้พบกับส.ส. นรินศาสาวมั่นแสนสวย แต่ไม่ไร้สมอง ทั้งเก่งเอาตัวรอดโดยไม่ต้องขอความช่วยจาก ใครๆก็ได้ ทำให้ชายหนุ่มเพลินเพลิดไปกับเธอ ไม่ว่าเธอจะมาพบเจอเขาด้วยอย่างความบังเอิญหรือในสถานที่ไม่คาดถึงก็ตามทุกครั้ง แต่หัวใจของเขากลับอบอุ่นร้อนทั้งโหยหา มีแต่ความคิดถึงให้เธอทั้งกลางวันและกลางคืนที่นอนหลับฝัน รวมทั้งยังเข้าไปเจออุปสรรคด้านการเมืองการทำของเธอ ซึ่งชายหนุ่มนั้น ทั้งแสนชิงชังอาชีพการเมืองของพ่อผู้ให้กำเนิดนัก

นิสัย : การพูดทั้งจริงจังอย่างมาก ทั้งพูดเล่นกับคนที่ถูกชะตา เจ้าชู้ไม่เคยจริงใจกับผู้หญิงคนไหนๆเลย แต่จริงๆแล้ว ส่วนมากผู้หญิงจะเป็นฝ่ายชอบวิ่งเข้าหา เขาจึงต้องตอบรับบรรดาผู้หญิงเหล่านั้น ในใจลึกๆ เขากำลังต้องการผู้หญิงที่จะมาเป็นแม่ของลูก ไม่ใช่ชอบเขาเพียงแค่เงินตราอันมหาศาลของเขา ด้านการทำงานไม่มีที่ติและเขาต้องทำให้จนสำเร็จ แม้ว่า ฝ่ายตรงข้ามจะต้องล้มละลายเขาก็ไม่สนใจ

นางเอก
นางสาว นรินศา อัณณ์ศญา หญิงสาวผู้มีใจรักในบ้านเกิดของตนเองยิ่งชีวิต อยากให้บ้านเกิดของตนเองมีความสุข ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขตามแบบประเพณีวิถีชีวิตดั่งเดิมในรัชสมัยๆที่ผ่านๆมา จึง ขอก้าวเข้ามาเป็นตัวแทนของราษฎร และประชาชน เพื่อนำความสุขมาสู่บ้านเกิดของตนเอง แต่อุปสรรค์มากมายทั้งภายในไม่ลงรอยกับนักการเมืองในพรรค ทั้งภายนอกด้านการมีเส้นสายที่คอยจะคดโกงกินแผ่นดิน กว่าจะเปลี่ยนความคิดให้รู้จัก คำว่า “สามัคคี” อีกครั้ง มันคงทำให้เธอใช้ความรู้และสามารถ ทั้งหัวใจยิ่งชีวิต บนเส้นทางวิถีดำเนินชีวิตปัจจุบันที่มีเล่ห์เหลี่ยมชักจูงหวาดล้อมมากมาย รวมทั้งบนเส้นทางแห่งความรักที่ก่อเกิดโดยไม่รู้ตัว เพราะความอวดดีอวดเก่งของชายหนุ่มเจ้าของรีสร์อทคนใหม่ ที่มีหัวใจแบบคนโกง เจ้าชู้ จนครบทุกรูปแบบเป็นผู้ชายที่หญิงสาวแสนเกลียดนัก และจะไม่ยอมแต่งงานกับผู้ชายพันธุ์นี้เด็ดขาด

นิสัย : สาวมั่น ผู้มีอุดมการณ์ของตนเองสูง การพูดจาจะนิ่งหนักแน่น จะอ่อนหวานเฉพาะคนเป็นพ่อกับแม่และเพื่อนสาวคนสนิทเท่านั้น

แล้วกลิ่นรักที่คุกรุ่นหมองหม่น ในใจของชายหนุ่มธารานนท์กับท่ามกลางธรรมชาติท้องทุ่งนาแสนอันจะใกล้กลับคืนมาให้สมบรูณ์อีกครั้ง...ด้วยหัวใจอันรักยิ่งแห่งบ้านเกิดของหญิงสาวนรินศานี้จะจบลงได้เช่น ไร ในเวลาไม่ช้านี้ ตะวันที่รอทอแสงรุ่งอรุณให้สดใสกำลังจะพิสูจน์ความรักของทั้งคู่...
Tags: รักโรแมนติก,รักหวานแหวว,หวานน่ารัก,แนวรักสบายๆ

ตอน: บทที่ 7 วางหมาก(ต่อ)…

อริฌา : Talk หลังจากได้นอนพักมาสองวัน ร่างกายดีขึ้นนิดหน่อย >< ไปหาหมอมาแล้ว ผลที่ได้ก็ไม่เกี่ยวกับกระดูกมั้งๆ(งงๆ กับหมอเช่นกัน หรือเราบอกอาการผิดก็ไม่รู้) อิอิ แต่ได้ดันยาโรคกะเพาะมาแทน แบบว่าเหมือนมีแก็สในกะเพาะ ทำให้มันดันลามไปจนปวดหลังจนนั่งไม่ได้ ก้มก็ไม่ได้ O_O ตกลงมันก็ไม่ดีสักเท่าใดนัก T^T และอริฌาลองๆ ไปหาข้อมูลนิดๆ อาการมันออกไปทางหมอนรองกระดูกเลื่อนชัดๆ T__T สงสัยต้องดูอาการต่อไปค่ะ

ดังนั้น อริฌาก็จะพยายามทนมาเขียนนิยายเรื่องนี้ให้ได้เท่าที่ได้ค่ะ รอเพื่อนสาวที่เขียนเรื่องของกอหญ้า ซึ่งตอนนี้ขอตัวไปเรียนโทจนหายหัวจากนิยายแบบไม่อัพสักบทT^T ปล. แต่อริฌาจะเขียนเรื่อง รอยร้าย แสนรักให้จบ ค่ะ แล้วค่อยพักผ่อน หวังว่าคงไม่เดี้ยงไปก่อนนะ 555555



บทที่ 7 วางหมาก(ต่อ)…

ตะวันทอแสงสู่น่านท้องนภาของวันใหม่ รถคันแกร่งโตโยต้าฟอจูนเนอร์สีบรอนซ์เงินแล่นเข้ามาจอดบ้านหลังโตตามที่ได้นัดหมายนัดพบเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวาน พอประตูรั้วเลื่อนเปิดออก รถของธารานนท์ โดยมีพี่กิตดาเป็นพลขับนำทางพามาก็เข้าจอดในโรงรถของบ้านคุณหญิงนริศรา แวบแรกที่ได้เห็นรถตู้คันโตอันคุ้นๆ ตา ธารานนท์แทบใจเต้นตึกตักเลยทีเดียว ก่อนจะยิ้มกริ่มๆ จนแก้มบานปิดไม่มิด พี่กิตดาเห็นถึงกับหัวเราะขบขันในลำคอเบาๆ

“เซอร์ไพรส์ดีไหมครับ รถตู้คันโตๆ แบบนี้มีคันเดียวในพื้นที่แห่งนี้แหละครับ คุณนนท์” พี่กิตดาเอ่ยบอกเจ้าหน้านายหนุ่มที่อากัปกริยาตอนนี้ดูจะกระปรี้กระเปร่ากระตือรือร้นมาทานอาหารเช้ากับคุณหญิงนริศราแล้วล่ะมั้ง

“พี่บอกแล้วว่า คุณนนท์โชคดีที่คุณหญิงปลื้มเข้าน่ะครับ” สิ้นเสียงการเอ่ยบอกของพี่กิตดา ธารานนท์ก็หยักไหล่ให้แล้วก็ตอบว่า

"ผมชักเริ่มหิวแล้วสิครับ" ว่าจบก็เดินนำหน้าพี่กิตดาไปอย่างว่องไว จนพี่กิตดาส่ายหน้าไปมาให้ตามหลัง เพราะคุณธารานนท์คงอยากจะเจอใครบางคนโดยเร็วแน่ๆ แล้วถ้าจีบติดนะ พี่กิตดาคิดว่าคุณธารานนท์สละโสดชัวร์ เนื่องจากด้วยทว่าคุณหญิงจะไม่ปล่อยชายหนุ่มที่ปลื้มๆ ให้หลุดมือไปง่ายๆ หรอก

"สวัสดีครับคุณหญิง" ธารานนท์ทักทายและยกมือไหว้คุณหญิงนริศราที่ออกมาต้อนรับแขกด้วยตนเอง ซึ่งเช้าวันนี้คุณหญิงโฉมยังรูปร่างามสวมเสื้อสีขาวนวลลายลูกไม้เนื้อบางกับกระโปรงผ้าไหมมัดหมี่ดอกไม้ไฟสีน้ำเงินดำงดงามตา

"สวัสดีจ๊ะ มาตรงเวลาพอดี เดี๋ยวแม่จะตั้งโต๊ะทานข้าวเช้าเลยนะ" คุณหญิงนริศราบอกด้วยรอยยิ้มแจ่มใส วันนี้ช่างเป็นวันที่นางอารมณ์ดีที่สุด ไม่ใช่เป็นวันที่ต้องมาทำหน้าหงิกหน้างอ เพราะคำพูดกวนประสาทของสามีและลูกสาวในดวงใจ

"อีกอย่าง น้องกำลังลงมาทานข้าวด้วยเช่นกัน" คุณหญิงเริ่มเอ่ยชักเรือเข้ามาประเด็นที่ตนเองต้องการ และเพียงแค่ธารานนท์กับพี่กิตดาก้าวเข้ามาในห้องรับทานอาหารก้าวเดียวเท่านั้น สองหนุ่มก็ต้องมองหน้ากันจนหยุดชะงักเดิน

"น้องเหรอครับ" ธารานนท์ร้องถามก่อนด้วยความแปลกใจ กับการเรียกขานของคุณหญิงนริศรา ว่ากำลังหมายถึงใคร

"ใช่ๆ ชื่อน้องนรินศาจ๊ะ ถ้าไม่มาตอนเช้าๆ นะ พ่อหนุ่มนนท์ก็คงไม่ได้เจอะเจอน้องหรอก"

"หะ...เหรอครับ" ธารานนท์ขานรับอึ้งๆ ส่วนที่กิตดาก็ร้องบอก ‘ว่าแล้วเชียว’ เสียงคิดในใจ ที่แท้ก็อยากให้มาดูตัวนี่เอง ซึ่งการทำงานท่านส.ส. นรินศาคงเยอะมากมาย เวลาอื่นๆ คงไม่มีทางตามตัวเจอได้หรอก ต้องมาดักพบหน้าตอนช่วงเช้าๆ แบบนี้แหละ มันคงเป็นสิ่งที่คุณหญิงคงคิดเอาไว้แล้วสินะ

"ก็แม่อยากให้เจอน้องก่อนจ๊ะ เวลาไปทำงานในเมืองหรือที่ไหนๆ ก็จะได้ช่วยเหลือกันไงจ๊ะ" คุณหญิงนริศราเอ่ยน้ำเสียงอารมณ์ดีมากๆ กับการบอกความเห็นของตัวเอง ยิ่งทำให้สองหนุ่มแห่งแมกไม้กอหญ้ามองหน้ากันอย่างอ้ำอึ้งจนมึนงุนงงเพราะกำลังทำตัวไม่ถูกที่

"ครับ" ธารานนท์จึงตอบรับอย่างมึนๆ แบบไม่ได้ขัดความประสงค์ของคุณหญิงนริศรา และแล้วคุณพ่อศาตราก็ลงมาจากชั้นบนของบ้านพอดิบพอดี ด้วยการสวมเสื้อโปโลสีขาวยี่ห้อ Fred Perry กางเกงขายาสีดำ บางทีพวกท่านคงจะพากันออกไปวัดวาอารามล่ะมั้ง

"มาๆ พ่อหนุ่มทั้งสอง ทานข้าวกันเถอะ วันนี้เป็นโจ๊กปลานะ" วันนี้แสดงว่าอยากให้มาทุกวันอย่างงั้นแหละ ธารานนท์คิดในใจ แต่ก็ยิ้มตอบให้อย่างแห้งๆ

"คุณแม่" ร่างบางเดินลงมาพร้อมเสียงหวานร้องทักทวงขึ้น ในชุดสวมสูททำงานก็โผล่ออกมา ดวงตาเล็กเบิกโตก่อนปรับเปลี่ยนสายตาขัดเคืองและมีสีหน้าใบนั้นบึ้งนิ่งๆ เมื่อเห็นแขกมาพบคุณแม่ และคุณพ่อแต่เช้าวันใหม่ คิ้วเรียวสวยของเธอขมวดชนกันเลยทีเดียว ริมฝีปากบางเผลอเม้นเข้าหากัน ก่อนจะยกมือไหว้สวัสดีสองหนุ่มแขกของคนเป็นแม่และคนเป็นพ่อ

"สวัสดีค่ะ คุณกิตดา แล้วก็คุณ...ธารานนท์"

"สวัสดีคร้าบ ท่านนรินศา" พี่กิตดาแทรกเอ่ยพูดก่อน ปากของเจ้านายหนุ่มหล่อหน้าใสจะขยับเอื้อมเอ่ย ทำให้หนุ่มธารานนท์หันควับมาจ้องใบหน้าพี่ชายผู้ร่วมงานในรีสอร์ทอย่างเคืองๆ หัวใจ พี่กิตดาก็แค่ยักคิ้วดกหนาให้หนึ่งทีเป็นก่อกวนเล็กน้อย เพราะเจ้านายหนุ่มสุดหล่อของพี่กิตดา ดันเผลอจับจ้องมองใบหน้านวลอันแสนน่ารักท่านส.ส.นรินศาละห้อยนานเกินไปหน่อย ก่อนที่จะเอ่ยทักทาย

"ขอรบกวนอาหารเช้าด้วยนะครับ” พี่กิตดายังเอ่ยพูดต่อ จนธารานนท์เริ่มเขม่นถลึงตาใส่ แต่ก็ร้องในใจว่า ‘แบ่งช่องว่างให้ผมพูดบ้างสิครับ พี่กิตดา’

“รินจ๊ะ พอดีว่าแม่ชวนพ่อหนุ่มธารานนท์และคุณกิตดามาทานข้าวเช้า เพื่อตอบแทนที่พวกเขาได้ช่วยเหลือแม่ตอนข้อเท้าพลิกแพลง เมื่อวานนี้น่ะจ๊ะ”

"ค่ะ งั้นรินขอตัวไปทำงานเลยกัน คุณแม่เชิญรับแขกตามสบายนะคะ” ลูกสาวแห่งดวงใจเอ่ยบอกจบ หน้าคนเป็นแม่แทบหุบยิ้มและหงิกลงทันตาเห็น

‘เสียมารยาทยัยลูกคนนี้นี่ อุตส่าห์ให้มาดูตัว ดันจะชิงหนีไปทำงาน’ คุณหญิงนริศราค้อนบ่นพึมพำในใจ ก่อนจะส่งสายตาจิกๆ ไปทางคนเป็นสามีให้ช่วยพูดกับลูกแสนรักแทนหน่อยสิ

"พ่อว่าทานข้าวก่อนเถอะ ลูกรัก ถ้าขาดมื้อเช้าแล้ว มันจะไม่ดีต่อสุขภาพนะ" ถ้าคุณพ่อเอ่ยขอร้องลูกสาวคนเก่งด้วยตนเอง มีหรือคนเป็นลูกแห่งรักจะกล้าขัดความประสงค์ของท่าน สองหนุ่มแห่งแมกไม้กอหญ้าจึงได้ยิ้มรับอย่างสบายๆ สักที

ในที่สุดอาหารเช้าก็ถูกลำเลียงออกมา และก็เริ่มด้วยเสียงของคุณหญิงนริศราซักประวัตินายธารานนท์อย่างรู้ลึกรู้จริง จนพี่กิตดาต้องทำช้อนโจ๊กตกพื้น เพราะเพิ่งจะรู้ว่าชายหนุ่มหล่อวัยอายุน้อยกว่าพี่กิตดาคนนี้เป็นใครใน เตชโชติกรุ๊ป อันร่ำรวยล้นฟ้า

"ขอโทษครับ ผมเพิ่งจะทราบ เพราะคุณนนท์...เอ่อ...ไม่ได้บอก" พี่กิตดาเอ่ยน้ำเสียงติดขัดๆ บอกตามความรู้สึกเต็มๆ จนอึ้งค้างไปเลยด้วย คุณหญิงนริศราแทบทำตาปรี่ๆ เพราะอยากรู้ประวัตินายธารานนท์มากไปหน่อย จนลืมถึงการมาอย่างเป็นการส่วนตัวหรือแบบไม่เปิดเผยให้พนักงานของรีสอร์ทแมกไม้กอหญ้ารับรู้ด้วย

"ครับ ผมต้องขอโทษพี่กิตต์ด้วย ที่ผมไม่ได้แนะนำตัวจริงๆ แฮะๆ” แต่ว่าคุณหญิงต่างหากรู้ได้ไงกัน เขามาแบบเงียบๆ สนิทด้วยนะ ก่อนจะเสยไปสบตากับพ่อศาตราเป็นคำถาม

"พอดีว่า เมื่อคืนรุ่นน้องของพ่อโทรมาหาน่ะ เจ้าธาราฤทธิ์ บอกว่าขอฝากให้ดูแลลูกชายสักหน่อย พอเอ่ยชื่อลูกชายมา พ่อก็ไม่คิดว่าจะเป็นพ่อหนุ่มนนท์เข้านั่นสิ มันช่างบังเอิญจังเลยนะ คนกันเองแท้ๆ ว่าไหมพ่อนนท์?" แสดงว่าพ่อของเขารู้แล้วสินะว่าเขามาเทียวเล่นที่ไหน และไม่เกินสองเดือนต้องมีคนแห่มารับเขากลับบ้านแน่ๆ

“เอ่อ...ครับ” ธารานนท์ขานรับด้วยความจริง ปิดบังตัวตนไป สักวันก็ต้องมีคนรู้อยู่ดีนั่นแหละ

"อิ่มแล้วค่ะ รินของตัวนะคะ" นรินศาทำเป็นไม่สนใจกับการสนทนาของคุณพ่อและคุณแม่ที่คุยกับแขกสองหนุ่มในเช้าวันนี้

"ไม่คิดจะคุยกับพี่เขาสักคำหน่อยเหรอลูก..." คนเป็นแม่หันมากระซิบถามลูกสาวใกล้ๆ เพราะนี่ก็วางหมากบนกระดาน โดยการให้ชายหนุ่มนายจอมทุนกระเป๋าหนักล้นฟ้ามาใกล้ชิดถึงบ้านแล้วนะ

"ขอตัวไปทำงานนะคะ" กวนมากท่านส.ส.คนเก่ง คนเป็นแม่แทบคิ้วย่นใส่กันจนเส้นเลือดปุดๆ ที่ขมับด้วย ช่างไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลยลูกสาวคนนี้ ก่อนนางจะลงมือจัดการเองดีกว่า

"วันนี้ให้พี่...นนท์ เขาไปส่งนะลูก แม่ขอยืมตัวลุงเข้มไปวัดไหว้พระเสียหน่อย"

"อะไรนะคะ คุณแม่!" ลูกสาวร้องเสียงหลงทันที ตั้งท่าปฏิเสธเต็มตัว

"พ่อขี้เกียจขับรถน่ะลูกรัก ปวดหลังบวกเจ็บข้อมือยังไงไม่รู้" เหตุผลของคุณพ่อ ช่างดีมากเลยจริงๆ

“แล้วลูกรักจะให้แม่ขับเองหรือจ๊ะ แม่ก็ข้อเท้าพลิกแพงอยู่นะ ขับรถไม่ได้หรอก” คนเป็นแม่ก็เสริมปิดท้ายอีกหน

"ไม่เป็นไรค่ะ งั้นรินเอารถเล็กขับไปเองก็ได้ค่ะ" สุดท้ายลูกสาวคนเก่งก็ขอสรุปแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างดีดีเยี่ยม ไม่ต้องพึ่งพาบุคคลอื่นๆ หรือแขกของคนเป็นแม่และพ่ออีกต่างหาก

“ไม่ได้” เสียงท่านศาตราและคุณหญิงนริศราร้องห้ามปรามประสานเสียงกัน จนชายหนุ่มสองคนที่ฟังอยู่ได้สะดุ้งตัวโหยงๆ อย่างแปลกใจ

“พ่อไม่อยากให้ลูกขับไปเองนี่นา มันอันตรายนะ ลูกก็ย่อมรู้ดี” คนเป็นพ่อเอ่ยพูดเป็นนัยๆ ด้วยอาชีพการเมืองและเป็นผู้หญิงมันไม่ได้เป็นนักการเมืองง่ายๆ เลย อีกอย่างยังมีภัยอันตรายรอบด้านตลอดเวลา

“แค่ไปส่งที่สำนักงานหรือครับ ผมอาสาไปส่งให้ก็ได้ครับ ทางผ่านพอดีด้วย” ธารานนท์รีบเสนอตัวอย่างทันควัน ก็พอจะเข้าใจในสิ่งที่คุณพ่อศาตราเอ่ยบอกความเป็นห่วงของลูกสาวคนเดียวอยู่หรอกนะ การเล่นเมืองมันมักจะแฝงการมีอิทธิพลมาด้วยล่ะมั้ง ผู้หญิงสาวที่เล่นการเมืองถึงว่าเสี่ยงและท้าทายเหมือนกัน ถ้าไม่มีพวกพ้องที่นับถือและคนหนุนหลังดีกรีน่าเชื่อถือที่ต้องเป็นรู้จัก มีชื่อเสียงในประเทศก็ไม่ได้เป็นนักการเมืองง่ายๆ เช่นกัน

“ให้พี่เขาไปส่งเถอะลูก แม่จะได้หายเป็นห่วงด้วยนะ คนกันเองทั้งนั้นแหละ” งั้นเหรอคะ คนกันเอง เพิ่งจะรู้จักกันเมื่อวานเองนะ คุณพ่อ คุณแม่ดันไว้ใจเขาเสียแล้ว นรินศาคิดค้านในใจด้วยรับใบเรียบนิ่งเฉยไร้รอยยิ้ม

“ก็ได้ค่ะ” ได้ยินคำตอบจากนักการเมืองสาวแค่นั้น ธารานนท์ก็ยิ้มแก้มปริ หัวใจก็พองโตแปลกๆ แค่จะได้ไปส่งสาวแสนจะถูกอกถูกใจที่ทำงาน ก็หลงดีใจจนออกหน้าแบบนี้เชียว แถมกว่าจะได้ตัวเธอมานั่งรถคันแกร่งอย่างโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ก็ถูกคุณหญิงยืนกอดร่ำลาอย่างกับลูกสาวออกเดินทางไปทำงานต่างจังหวัดหรือเมืองนอนนานเป็นปีอย่างงั้นแหละ ในที่สุดสาวจ้าวแสนน่ารักซอยสั้นนั่งที่เบาะหลังนิ่งๆ ส่วนธารานนท์ก็นั่งด้านข้างคนขับรถอย่างพี่กิตดา ในใจก็อย่างไปนั่งข้างๆ เธออยู่นะ แต่เจอสายตาดวงเล็กจ้องดุๆ สาดใส่ จนไม่กล้าเข้าชิดใกล้เลย เอาเถอะนี่ก็แค่ก้าวแรกๆ แต่ต่อไปเขาจะรุกก้าวเข้าหาให้มากกว่านี้อีก รถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์คันโตแล่นมาถึงที่ทำงานของนริศาอย่างสงบสุขไร้เรื่องภัยอันตรายน่าตื่นเต้นใดๆ ทั้งสิ้น

“เชิญครับท่าน” ธารานนท์รีบลงจากรถและชิ่งมาเปิดประตูเบาะหลังให้นรินศา เธอก้าวออกจากรถแบบไม่พูดไม่จาสักคำ ผิดกับชายหนุ่มธารานนท์ที่ยิ้มแย้มอย่างกวนๆ ระบบประสาทของหญิงสาว

"คนผิดสัญญา!" ตุบ! ทันใดนั้น จู่ๆ ร่างแกร่งกำยำของธารานนท์เบี่ยงมารวบร่างบางเต็มอ้อมกอด พลันเข้ามาขวางกั้นป้องกัน จนต้องถูกสิ่งที่ได้รับเต็มๆ คือ แผ่นหลังแกร่งปะทะกับก้อนหินโตๆ เท่ากำปั้นมือ!

"โอ๊ย!" ได้ยินเสียงร้องอุทานแค่นั้น ก็เกิดความโกลาหลอลหม่าน เป็นภาพแห่งความฉับไวแล่นเข้ามาเป็นฉากๆ คนปริศนาที่บุกมาทำร้าย ในวินาทีถัดไป ก็มีรถมอเตอร์ไซด์ผาดโผนบิดเสียงกระหึ่มดังกัมปนาทมารับซ้อนท้าย แล้วบิดขับชิ่งหนีไปอย่างชั่วพริบตา

"คุณ!" นรินศาร้องอุทานขึ้นด้วยความตื่นตกใจในวงอ้อมกอดของเขา กับเหตุการณ์อันฉับพลันในนาทีที่ผ่านมา ธารานนท์ร้องอุทานทั้งจุก ทั้งรู้สึกเจ็บหลัง จนใบหน้าหล่อเริ่มซีดเซี่ยวลงเล็กน้อยด้วยความเจ็บปวด หลังเขาจะหักหรือเปล่าหน่อ... และไม่นานเลือดก็ซึมไหลออกมาเปราะเปื้อนเสื้อสีน้ำตาลเข้มคอวี เขารู้สึกเหมือนว่ากำลังปวดแสบๆ บริเวณหลัง ที่คนร้ายตั้งใจจะปาใส่แบบไม่เต็มแรงล่ะมั้ง แต่ก็แค่อยากให้เธอหัวแตกเล่นๆ พอควร

“เจ้านายไปโรงพยาบาลดีกว่าครับ" พี่กิตต์พึ่งจะได้ก้าวเท้าออกจากรถ รีบมาประคองร่างเจ้าหนุ่มแทนท่านนรินศา ด้วยอาการตื่นๆ ตัวกับเหตุการณ์นี้มาก

"ไม่ค่ะ อย่าไปโรงพยาบาลนะ เข้าไปที่ออฟฟิศดีกว่าค่ะ" แต่ จู่ๆ เสียงหวานก็ร้องห้ามด้วยสีหน้าตระหนกหวาดหวั่นเช่นกัน แต่ก็ไม่อยากให้ธารานนท์ไปโรงพยาบาลด้วยเหตุผลของเธอ

"ทำไมล่ะครับ" พี่กิตดาถามกลับหน้าเครียดอย่างไม่ยอมเช่นกัน

"ริน ขอร้องนะคะ คุณกิตดา" นรินศาวิงวอนด้วยแววตาอ่อนลง

"ทำตามที่ท่านบอกเถอะ พี่กิตต์ ผมไม่เป็นอะไรมากครับ" ธารานนท์ขอทำตามเธออีกต่างหาก พี่กิตดาถอนหายใจอย่างแรงๆ ก่อนจะรับแทรกตัวมาพยุงประคองร่างเจ้านายหนุ่มเข้าไปยังออฟฟิศของท่าน ส.ส.สาวคนเก่งโดยเร็วไว และนรินศาก็ดำเนินการติดต่อขอความช่วยเหลือจากเพื่อนสาวพยาบาลในโรงพยาบาลศูนย์ให้มาที่ออฟฟิศเธอ โดยเร่งด่วน ธารานนท์นอนควบตัวลงโซฟาใหญ่รับแขกประจำที่ทำงานของเธอ และชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้นก็ถูกลำเลียงออกมาตั้งเรียงรายพร้อมรอ ราตรีรสพยาบาลเพื่อนสาวของนรินศา ไม่เกินสิบนาทีเพื่อนสาวดังกล่าวก็มาถึงออฟฟิศด้วยรถยนต์ส่วนตัว พร้อมกับแฟนหนุ่มรูปหล่อใสเป็นคุณหมออินเทอร์น (Intern) ปีสุดท้ายก่อนจะไปเรียนต่อด้านสาขาเฉพาะทาง คุณหมอวรุจ ตรวจอาการและเริ่มเย็บแผลไม่กี่เข็ม ไม่ถึงห้านาทีก็เรียบร้อย

"โชคดีนะครับที่ไม่ได้กระทบกระเทือนส่วนอื่นๆ แผลที่หลังอาจจะอักเสบนานหลายวันนะครับ เดี๋ยวผลจะสั่งยาให้และให้รสนำเอามาส่งนะครับ”

"ขอบคุณค่ะ คุณหมอวรุจ" นรินศาบอกขอบคุณคุณหมอวรุจที่ออกพื้นที่มาช่วยพยาบาลแฟนสาว

"เอ่อ รินไม่คิดแจ้งตำรวจหรือไง" ราตรีรสเอ่ยถามขึ้นด้วยความกังวล เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่พอควรอยู่ด้วยนะ ราตรีรสได้ทำเคสนอกรอบแบบนี้อยู่บ่อยๆ เช่นกัน แต่ส่วนมากจะเป็นการเจ็บตัวเล็กๆ น้อยๆ ของยัยกอหญ้านายน้อยจอมบู๊แทนท่านนักการเมืองสาวมากกว่า

"ริน ขอไม่ให้ใครล่วงรู้ดีกว่าค่ะ" เกิดเครื่องหมายคำถามจากทุกคน แต่ก็พอจะเดาสรุปได้ว่า ท่านนรินศาคงไม่อยากตกเป็นข่าวสายการเมืองหรือเปล่า

"เฮ้อ...แสดงว่าชายหนุ่มคนนี้ก็ต้องเจ็บตัวฟรีๆ นั่นสิ แต่ว่าเขามีสิทธิแจ้งความนะ เอ๊ะ ชื่ออะไรหรือคะ" ราตรีรสทำแผลให้เสร็จ แต่ยังไม่รู้จักชื่อเรียงนามของชายหนุ่มรูปร่างล่ำๆ คนนี้เลย

"ผมชื่อ ธารานนท์ครับ" ธารานนท์ตอบ และพยายามจะลุกนั่ง พี่กิตดาและราตรีก็ช่วยกันพยุงให้จนสามารถนั่งโซฟาได้เรียบร้อย แม้หน้าตาจะดูซีดๆ ก็ตาม ราตรีรสได้เห็นรูปโครงหน้าของชายหนุ่มที่เอาตัวเข้ามาช่วยปกป้องเพื่อนสาวนักการเมืองคนเก่ง

"รู้จักกับยัยรินแบบนี้ ระวังเจ็บตัวบ่อยๆ นะคะ" ราตรีรสเอ่ยบอกธารานนท์ด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร กับเสียงหัวเราะคิกๆ จึงทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดลดลงบ้าง

"ยัยรส!" แต่ดันเจอเสียงหวานเข้มของท่านนักการเมืองสาวคนเก่งร้องขัด ซึ่งนั่งฟังอยู่โซฟาเดี่ยวตรงข้าม ราตรีรสก็แต่ยิ้มกริ่มๆ ตอบเพื่อนสาวนักการเมือง เพราะนานๆ ทีจะเจอชายหนุ่มใจกล้าเข้ามาเกี่ยวข้องแวะอยากเกี่ยวหัวใจถึงถิ่นท่าน ส.ส.คนเก่ง

"ผมเต็มใจครับ" คำตอบของธารานนท์ก็ยิ่งทำให้ราตรีรสมั่นใจที่สุด อยากจะร้องกรี๊ดเลย

"นี่คุณ!" คราวนี้ท่านนรินศาหันควับมาจ้องเขม็งใส่คนบาดเจ็บที่เข้ามาปกป้องเธอ

"ท่านต้องรับผิดชอบผมนะ และบอกผมด้วยว่าทำไมถึงไม่คิดจะแจ้งความ จริงๆ แล้วผมเป็นผู้เสียหาย ผมมีสิทธิที่สามารถแจ้งความอยู่ อีกอย่างตอนที่โดนทำร้ายผมได้ยินมันตะโกนพูดว่า คนผิดสัญญา ท่านคงไม่คิดจะแจ้งความเพราะอาจจะสาวไส้ไปในสิ่งท่านไม่คิดจะทำตามสัญญาให้พวกมันหรือเปล่าครับ" นายธารานนท์เอ่ยพูดจนเกือบถูกต้องจนหมด

"นี่นาย!" จึงทำให้ท่านนรินศาจะนั่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้ การเรียกสรรพนามชายหนุ่มก็เปลี่ยนไปด้วย

“หึๆ ผมเดาถูกสินะ หวังว่ามันคงไม่ใช่เรื่อง...ที่ข่าวหนังสือพิมพ์หรือเปล่า" ธารานนท์ยิ่งพูดก็ยิ่งตรงประเด็นตามที่ท่านนรินศาคิดไว้ไม่มีผิดเพี้ยน

"มันงานของดิฉัน นายไม่เกี่ยว" เสียงหวานปนน้ำเสียงแข็งกระด้างเหมือนกัดฟัน ดันตอบออกไปอย่างปัดๆ

"เหรอครับ ไม่เกี่ยวจริงๆ เหรอครับ" แล้วยิ่งได้ยินเสียงทุ้มๆ กวนๆ ของธานานนท์ นรินศาตอนนี้ อยากจะร้องเรียกตามตัวถึงนายน้อยแห่งบ้านสินพสุธรมาช่วยเหลือโดยด่วนที่สุดชะมัด เพราะเธออยากจะบีบคอคนกวนประสาท!

"พอเถอะครับคุณนนท์ ท่านนรินศาโกรธแล้วนะครับ" พี่กิตดาแทรกเอ่ยเข้ามาร้องห้ามทัพ เนื่องจากทนรังสีอันแผ่กระจายด้วยความร้อนๆ หนาวๆ จากสายตาของท่านนรินศาไม่ได้ ผู้หญิงอะไรใบหน้าหวานน่ารัก แต่สายตาดุชะมัดเลย

"ขอบคุณค่ะ ที่ช่วยรับก้อนหินแทน ก่อนที่มันจะเด้งใส่หัวดิฉันนะคะ" นรินศากำลังกัดฟันพูดด้วยความอดทนกับการมีน้ำโหของตนเอง

“และทำแผลเรียบร้อยแล้ว ก็เชิญกลับไปรีสอร์ทของพวกคุณได้แล้วค่ะ”

"รินใจเย็นๆ น่า" ราตรีรสเพื่อนพยาบาลเข้ากระซิบและเกาะแขนนรินศาเพื่อห้ามความร้อนใจ พยายามจะทำให้หัวของท่านส.ส.สาวคนเก่งเย็นลง ถ้านรินศาโมโหขึ้นมาเมื่อไหร่ ใครๆ ก็เอาไว้ไม่อยู่หรอก และคนจะห้ามทัพได้ทันมืออย่างทันเหตุการณ์มีเพียงยัยกอหญ้าเท่านั้นแหละ รู้งี้โทรศัพท์ไปบอกกอหญ้าเอาไว้ด้วยดีกว่า ราตรีรสบ่นในใจเพราะหายใจไม่ทั่วท้องกับอารมณ์ของขึ้นของเพื่อนสาวนักการเมือง

"ขอบใจนะรสและขอบคุณคุณหมอรุจมากนะคะ ส่วนค่ารักษาพยาบาล เดี๋ยวรินจัดการเองค่ะ ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณกับนายทุนจอมหน้าเลือดชอบกินเลือดเนื้อชาวบ้าน!" น่าโมโหจริงๆ นรินศาทำตัวหลุดอาการโกรธเกี้ยวใส่นายธารานนท์ ต่อหน้าคนอื่นๆ ตั้งหลายคน ซึ่งบางคนที่ไม่เคยเห็นอย่างต้องยืนดูอึ้งๆ แม้แต่เลขามือซ้ายขวาสองหนุ่มสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาดูสถานะการณ์ยังต้องตะลึงมองหน้ากัน ส่วนธารานนท์ เสยใบหน้าขึ้นตวัดดวงตาคมๆ มาสบตากับหญิงสาวนักการเมืองคนเก่งอย่างทันควัน จนเกิดแสงสายฟ้าแลบๆ วิ่งชนกัน

"ชไมพร พี่อาณัฐ ช่วยส่งแขกทั้งหมดให้ด้วยนะคะ" สองหนุ่มสาวเลขาที่ถูกขานชื่อ ถึงกับต้องสะดุ้งตัวโหยงใจหล่นไปตามๆ กัน

"คุณหมอครับ เรื่องค่ารักษาของผมน่ะ ผมจะจ่ายเองนะครับ เพราะผมยังอยากเป็นเจ้าหนี้บุญคุณจากท่านส.ส.คนดีของประชาชน" ธารานนท์ก็ไม่ยอมลงง่ายๆ เนื่องจากเจ็บตัวฟรีๆ แล้ว จะปล่อยให้ท่านนรินศาชดใช้หนี้บุญคุณนี้จบเร็วได้ไง เขายังอยากต่อกรกับเธอนานๆ อยู่นะ ตลอดไปยิ่งดีมันให้หัวใจเขามีความสุขอย่างไงไม่รู้

"นี่นาย คิดจะเอาเรื่องหรือไง!"

"หึๆ ครับผม" ธารานนท์ว่าจบ นรินศาหลงกำมือแน่นด้วยความโกรธ แต่ก็ลุกเดินหันหลังปัดก้นดิ่งไปยังห้องทำงานของตนเอง เพื่อขอระงับอารมณ์เดือดๆ ของตนเอง ปล่อยให้เลขาสองหนุ่มสาวรับหน้าที่ส่งแขกทั้งหมดกลับบ้านแทน

รถโตโยต้าฟอจูนเนอร์สีบรอนซ์เงินแล่นออกจากสำนักงานของท่านนรินศาได้สักระยะ เสียงทุ้มปนเกือบจะแหบแห้งด้วยอาการของแผลที่หลังจากธารานนท์ก็เอ่ยพูดพี่กิตดา

"พี่กิตต์ครับ ผมจะช่วยเหลือเธอได้ทางไหนบ้างครับ”

“อะไรนะครับ คุณนนท์กำลังจะทำอะไรนะครับ” พี่กติดาเริ่มไม่แน่กับสิ่งที่ตนเองได้ยินจึงถามทวนเจ้านายหนุ่มอีกครั้ง

“ผมอยากคอยปกป้อง ท่านนรินศาจากอันตรายพวกคนเหล่านี้”

“ง่ายมากครับ ไปสมัครเป็นบอดี้การ์ดของท่านสิครับ” พี่กิตดาบอกด้วยรอยยิ้มปริ่มๆ ที่แท้เจ้านายหนุ่มของพี่กิตดาก็เป็นห่วงเป็นใยหญิงสาวตัวเล็กๆ คนนี้จนเอาตัวเข้าไปเสี่ยงอันตราย ก็เพราะว่ากำลังตกหลุ่มรักเข้านี้เอง

“โธ่! พี่กิตต์ อย่าพูดล้อเล่นกับผมแบบนี้ครับ ผมจริงจังนะ” ธารานนท์พูดด้วยความเป็นห่วงสาวจ้าวในหัวใจจริงๆ จนลืมตัวไปว่าได้ทำตัวนิสัยแย่ๆ อะไรไว้ให้เธอบ้าง แถมเธอคงเกลียดขี้หน้าเขาอย่างเข้าไส้ไปแล้วแหละ

“งั้นลองไปยื่นข้อแลกเปลี่ยนกับท่านสิครับ คุณนนท์” พี่กิตดายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ หวังจะช่วยเจ้านายหนุ่มอย่างเต็มที่ แม้จะเพิ่งรู้จักกับธารานนท์ไม่นานนัก พี่กิตดาถึงกับยอมรับว่าชายหนุ่มเจ้านายปัจจุบันคนนี้เป็นคนดีแน่นอน ติดนิสัยจะเจ้าชู้ไปหน่อยก็จริง แต่ว่าถ้าทำให้ชายหนุ่มเจ้าสำราญคนนี้สมหวังในเรื่องรักกับหญิงสาวคนเก่งที่ไม่เคยสนใจในเรื่องรักใคร่ๆ จากผู้ชายคนไหนๆ สักคน งานนี้ข่าวใหญ่แน่!

หันกลับมาทางห้องทำงานของท่านนรินศาที่ตอนนี้ หญิงสาวคนเก่งอาการยังเดือดๆ อยู่ พอได้นั่งนิ่งๆ ระงับอารมณ์ได้สักพัก จู่ๆ ก็เผลอปล่อยให้น้ำตาไหลคลอเบ้าดวงตาเล็กด้วยความอ่อนล้าและอ่อนแอ แถมนายธารานนท์ก็ทำให้เธอต้องเสียน้ำถึงสองครั้งแล้ว ครั้งแรกก็คือ ทำให้งานของเธอผิดพลาดหลังจากรับปากว่าจะช่วยชาวบ้านที่เดือดอย่างเต็มกำลัง ส่วนน้ำตาครั้งที่สองนี้ดันเป็นเธอความรู้สึกอันอัดอั้นของเธอเอง ที่พ่ายแพ้วาจาต่อผู้ชายคนนี้ เธอปล่อยให้เขาเข้ามามีอิทธิพลเหนือความรู้สึกเธอได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้



โปรดติดตามตอนต่อไป

บทที่ 8 ข้อแลกเปลี่ยนหัวใจ

>_< เขียนบทนี้นานมากๆ เกือบสองสัปดาห์เลยพร้อมอาการป่วยที่เริ่มจะหายไปบ้างค่ะ




Aricha
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.ย. 2555, 08:23:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ก.ย. 2555, 08:23:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 1455





<< บทที่ 6 วางหมาก (รัก)   บทที่ 8 ข้อแลกเปลี่ยนหัวใจ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account