~**~หัวใจลายรัก ~**~
จู่ๆ เพื่อนสมัยเรียนก็มาขอร้องแกมบังคับให้หญิงสาวเจ้าของฉายา 'แม่ชี' ประจำกลุ่มอย่าง ณฤทัย ไปเข้าคอร์สอบรมธรรมะให้ วโรตม์ คนรักของเจ้าหล่อน ซึ่งเป็นเจ้าของอาบอบนวด เจ้าของฉายา 'ภูติแห่งราตรี' ที่ทั้ง โหด เหี้ยม เจ้าชู้และอันตราย ก่อนเจ้าหล่อนจะพาวโรตม์ไปพบพ่อแม่ ซึ่งเป็นคนธรรมะธัมโมมาก

ณฤทัยตั้งท่าจะปฏิเสธ ทว่าน้องสาวคนเดียวของเธอกลับถูก 'ภูติแห่งราตรี' พาตัวไปไว้บำเรอที่บ้าน ณฤทัยจึงต้องเข้าไปตามตัวน้องกลับมา

แม่ชีน้อยจะช่วยน้องได้หรือไม่ จะทำให้ให้ภูติกลายเป็นคนดีได้หรือเปล่า หรือจะเป็นเธอเองที่ต้องตกอยู่ใต้มนตร์สะกดของภูติตนนี้

Tags: โรแมนติกคอมเมดี้,ภูติราตรี,แม่ชี,อาบอบนวด

ตอน: Chapter 2

คุณ wane อันนี้ต้องติดตามนิดหนึ่งค่ะว่าไปอยู่กับกายหรือกับใครกันแน่
คุณน้ำแอ๊ปเปิ้ล อิอิ ต่างกันทุ้กกกอย่างเลยด้วยค่ะ ดูซิว่า เขาจะปรับตัวกันยังไง
คุณ nunoi...เคยได้ยินว่า สิ่งที่ตรงข้ามกันมักดึงดูดกันค่ะ มาลองลุ้นคู่นี้ดูหน่อยเนอะ ว่าจะดึงดูดหรือเปล่า
คุณตุ๊งแช่...เอ ไม่น่าจะใช่นะ อิอิ

Chapter 2

วโรตม์มองหญิงสาวที่มีเครื่องหน้าสวยเก๋ไปทุกส่วนด้วยแววตาชื่นชม รอยยิ้มพึงพอใจแตะแต้มมุมปากสีสด ในขณะที่หญิงสาวเองก็มองตอบเขาด้วยดวงตาเฉี่ยวคมของตน ดวงตาซึ่งประกาศความรักความคิดถึงที่ชัดแจ้ง

“ไม่เจอกันตั้งนาน ไม่มีอะไรจะพูดกับนีน่าหน่อยหรือคะ กาย” นีน่าหรือนีรนุช นางแบบสาวอันดับต้นๆ ของเมืองไทยเอ่ยขึ้นก่อน พลางกระแซะร่างระหงแทบจะปลิวลมนั้นเข้าใกล้เขาอีกนิด

ขณะนี้ทั้งคู่อยู่ในร้านอาหารหรูภายในโรงแรมระดับห้าดาว ซึ่งก่อนหน้านี้นี
รนุชอยู่กับเพื่อนนางแบบก่อนแล้ว พอรู้ว่าคนรักหล่อนจะมาหา เพื่อนๆ จึงขอตัว ด้วยรู้ว่าคู่รักที่มีเหตุให้ห่างกันถึงสองอาทิตย์ต้องการเวลาส่วนตัว

“ผมพูดไม่ออก คือ ผมดีใจที่ได้เจอคุณ เอ่อ...คือ ผมหมายความว่า ดีใจที่ได้กลับมาเจอคุณอีกครั้ง...ผมคิดว่า จะไมมีโอกาสอีกแล้ว”

“นีน่าก็เหมือนกันค่ะ กายรู้มั้ยคะ พอพ่อกับแม่นีน่ารู้ว่า คนของคุณไม่ให้นีน่าเข้าไปพบคุณ ท่านสมน้ำหน้านีน่าใหญ่เลย หาว่าคุณไม่ได้รักนีน่าบ้างล่ะ หาว่าคุณมีตัวจริงที่คอยดูแลอยู่แล้วจึงกีดกันไม่ให้นีน่าเข้าไปบ้างล่ะ” ประโยคท้ายๆ นั้น ไม่ใช่การบอกเล่า แต่มันแฝงนัยคำถามให้วโรตม์ต้องตอบ

“ผมเคยบอกคุณแล้ว นีน่า คุณคนเดียวเท่านั้นที่เป็นตัวจริงของผม และมาถึงวันนี้ผมก็ยังยืนยันคำเดิม”

หญิงสาวยิ้มกว้างอย่างพอใจ “ขอบคุณค่ะ กาย นีน่าจะได้ยืนยันกับคุณพ่อคุณแม่ด้วยความมั่นใจ ท่านจะได้รู้เสียทีว่าท่านมองคุณผิดไป”

ได้ยินอย่างนั้น ชายหนุ่มก็ถอนหายใจยาวหนักหน่วง ก่อนเปรยว่า

“คุณพ่อคุณแม่คุณไม่ยอมรับผมเพราะอาชีพของผม ต่อให้ผมรักคุณมากกว่านี้เป็นล้านเท่า ท่านก็คงไม่ยินดีให้เราคบกัน” แต่สักพักก็ถอนใจอย่างปลงๆ

“แต่ผมก็เข้าใจ ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากได้ลูกเขยเป็นเจ้าของอาบอบนวดหรอก ยิ่งคุณเป็นนางแบบด้วยแล้ว ชื่อเสียงเป็นสิ่งสำคัญ”

“กายอย่าพูดเหมือนจะเลิกกับนีน่าแบบนี้นะคะ” หญิงสาวทำเสียงตระหนก “นีน่าเคยบอกแล้วไงคะ ว่านีน่าไม่สนอะไรทั้งนั้น นีน่ารักคุณ คุณรักนีน่า เรารักกัน ก็พอแล้วนี่คะ”

“แต่คุณก็รู้ดีนีน่า ว่าในความจริง เราไม่ได้อยู่กันแค่สองคน” ชายหนุ่มพยายามเตือนสติหล่อน

นีรนุชเงียบไปคล้ายยอมจำนนต่อคำพูดนั้น ใช่ ในความจริงนั้นหล่อนมิอาจปฏิเสธว่า เรื่องของความรักไม่ได้หมายถึงแค่คนสองคน แต่มันรวมครอบครัวทั้งสองฝ่ายเข้าไปด้วย และโดยเฉพาะครอบครัวของหล่อน

ก่อนหน้านี้พ่อกับแม่ของหล่อนไม่ได้สนใจจะกะเกณฑ์เรื่องความรักของลูกๆ เลย จะมีเป็นห่วงเป็นพิเศษบ้างก็คือหล่อน เนื่องจากเป็นคนกลางแจ้ง อาจมีผู้ชายบางคนเข้ามาเพราะหวังผลประโยชน์ แต่เมื่อเห็นว่าที่ผ่านมาหล่อนดูแลตัวเองได้ ท่านทั้งสองจึงเบาใจขึ้น กระทั่งหล่อนมาคบกับวโรตม์นี่แหละ ปัญหาจึงเกิดตามมา

ลำพังคนทั่วไป ก็มีแนวโน้มสูงที่จะขัดขวางหล่อนกับเขาอยู่แล้ว แต่พ่อกับแม่หล่อนนั้นเป็นพวกธรรมะธัมโม เข้าวัดทำบุญกันทุกวันพระ การที่ลูกสาวมีคนรักเป็นเจ้าของอาบอบนวด มันจึงเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดในครอบครัว

‘ลูกคิดอะไรของลูกอยู่ นีน่า ถึงไปคบกับผู้ชายที่หากินบนเรือนร่างผู้หญิงแบบนั้น น่ารังเกียจยิ่งกว่าอะไร ที่สำคัญ เราจะพลอยเป็นคนบาปและแปดเปื้อนไปด้วย แม่รับไม่ได้ ร้อยรับไม่ได้ พันรับไม่ได้”

‘ใช่ พ่อไม่มีวันยอมให้ลูกของพ่อลงไปเกลือกกลั้วกับคนจิตใจหยาบช้าแบบนั้นเด็ดขาด ลูกต้องเลิกกับนายผีกลางคืนนั่น’

นอกจากพ่อกับแม่แล้ว พี่ๆ ของหล่อนก็ออกแรงต่อต้านเต็มกำลังเช่นกัน แม้ว่าพี่ชายบางคนจะเคยเข้าไปใช้บริการร้านของเขาก็เถอะ!


“แต่นีน่าจะทำให้คุณพ่อคุณแม่เห็นว่า จริงๆ แล้วคุณเป็นคนดี จิตใจดี ที่คุณจำเป็นต้องทำอาชีพนี้ เพราะมันเป็นงานของครอบครัว” นีรนุชเอ่ยเสียงมั่นอกมั่นใจ แต่คนฟังไม่มั่นใจไปด้วยเลย ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ทำลายความรู้สึกหล่อน

“ผมก็หวังอย่างนั้นเหมือนกัน”

นีรนุชยิ้มพอใจ ก่อนจะเอียงคอมองสำรวจหน้าตาเขาด้วยแววตาหวานฉ่ำจนอีกฝ่ายชักหายใจขัด

“ว่าแต่...แผลที่ถูกยิง หายดีแน่แล้วหรือคะ”

“หายแล้วครับ แล้วหมอก็ตบแต่งให้เรียบร้อย แทบไม่มีแผลเป็นให้เห็นเลยละ” ชายหนุ่มยิ้มเพื่อให้หล่อนสบายใจ

“แต่นีน่าไม่เชื่อ ขอตรวจเองได้มั้ยคะ” ว่าพลางนางแบบสาวก็เริ่มไล้นิ้วช้าๆ ไปตามท่อนแขนแข็งแรง ทำเอาเจ้าของแขนสะดุ้งน้อยๆ แล้วกลืนน้ำลายลงคอยากเย็น ด้วยเข้าใจนัยแห่งถ้อยคำและกิริยานั้นได้เป็นอย่างดี

“เราทานข้าวกันก่อนดีกว่านะ ผมหิวแล้ว” เขาจับมือหล่อนเอาไว้แล้วกระชับมั่น จากนั้นก็หันไปตักอาหารให้อย่างเอาใจ นีรนุชหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอายระคนน้อยใจ...อับอายที่ตนเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน แต่เขากลับปฏิเสธ นี่ถ้าหล่อนกับเขายังไม่เคยลึกซึ้งกัน หล่อนอาจจะพอทำใจคิดว่า เขาให้เกียรติ แต่นี่ไม่ใช่!

เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ วโรตม์คนที่หล่อนแค่เริ่มต้นนิดๆ หน่อยๆ ไฟก็ติดพรึ่บคนนั้นหายไปไหน!...

เสน่ห์ของหล่อนไม่เร้าใจเขาเหมือนเดิม หรือเขาหมดรักหล่อนแล้วกันแน่ เวลาสองอาทิตย์นั่น อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น...หรือจริงๆ จะเป็นอย่างที่พ่อกับแม่หล่อนพูดนะ เขามีตัวจริงอยู่แล้ว หล่อนก็ไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เขาใช้คำหวานร้อยรัดเอาไว้

นีรนุชลอบมองเสี้ยวหน้าคมคายด้วยความประหวั่นใจ วโรตม์เป็นคนหล่อจัด เจ้าชู้จัด บุคลิกที่ออกแนวแบดบอยทำให้เขายิ่งมีเสน่ห์น่าค้นหา จึงมีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่ปรารถนาจะปราบพ่อเสือให้อยู่หมัด แล้วก็เป็นความโชคดีที่อยู่ๆ เขาก็เดินเข้ามาให้หล่อนปราบ เขาทำให้หล่อนหลงเพริดกับเสน่ห์ของตัวเองว่ามันมากพอที่จะทำให้เขายอมหยุดทุกอย่าง แต่มาตอนนี้ หล่อนไม่แน่ใจจริงๆ

+ + + + + + + + +

ทานข้าวเสร็จแล้ว หากเป็นเมื่อก่อน เขาจะต้องพาหล่อนไป ‘ต่อ’ ที่คอนโดของเขาหรือไม่ก็ไปที่คอนโดส่วนตัวของหล่อน แต่วันนี้ เขากลับขอตัวไปสะสางงาน ไม่อินังขังขอบกับความคิดถึงและความปรารถนาของหล่อนแม้แต่น้อย นางแบบสาวเม้มปากแน่นด้วยความน้อยใจ สังหรณ์บางอย่างที่วูบเข้ามา ทำให้หล่อนเอื้อมมือไปหามือใหญ่

“กายคะ นีน่าจะพาคุณไปพบพ่อกับแม่ของนีน่าค่ะ”

คิ้วเข้มถูกยกขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจ “ได้หรือครับ พ่อแม่คุณจะยอมให้ผมเข้าพบหรือ”

“ท่านต้องยอมค่ะ นีน่าเชื่อว่า ที่สุดแล้ว ท่านก็ต้องอยากเห็นนีน่ามีความสุข และคุณก็เป็นความสุขของนีน่า”

วโรตม์มองหล่อนด้วยความซาบซึ้งใจในความรักอันหลากล้นนั่น เขากระชับมือตอบหล่อนแน่น

“ผมจะไม่ทำลายความเชื่อมั่นของคุณ นีน่า ขอบคุณครับ” จากนั้นเขาก็ก้าวไปเปิดประตูรถให้หล่อน แล้วสั่งว่า “คุณขึ้นรถเถอะ แล้วรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”

“มีอะไรหรือคะ” หญิงสาวทำหน้างง

วโรตม์ไม่ตอบอะไร นอกจากผลักร่างหล่อนให้เข้าไปในรถและปิดประตูให้ “ไปครับ!”

นีรนุชทำตามคำสั่งนั้นโดยอัตโนมัติ ไม่นาน เบนซ์สปอร์ตของหล่อนก็แล่นออกจากซองจอด ด้วยสีหน้าที่ยังเต็มไปด้วยความสงสัยว่า เขารีบไล่หล่อนกลับทำไม? และครั้นมองผ่านกระจกมองหลังแล้วเห็นว่าร่างสูงยังยืนอยู่ที่เดิม คล้ายรอใครสักคนอยู่

นาทีนั้น นางแบบสาวอกตัวเองว่า จะต้องรู้ให้ได้ว่า เขารอใคร จะใช่ผู้หญิงที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปหรือเปล่า

หญิงสาวมองหาซองจอด แต่ก็ช่างยากเย็น เนื่องจากเป็นคืนวันศุกร์ มีคนมาใช้บริการทั้งในส่วนโรงแรมและร้านอาหารเนื่องแน่น ลานจอดรถจึงเต็มเกือบทุกชั้น ในที่สุด ด้วยความกลัวว่าตนอาจจะพลาดความจริงไป หล่อนจึงตัดสินใจพุ่งหัวรถไปแทรกระหว่างรถสองคันซึ่งหันท้ายให้กันอยู่ข้างผนังด้านหนึ่ง เยื้องๆ ผนังคือลิฟต์ ตรงหน้าลิฟต์คือเส้นทางสำหรับรถวิ่งขึ้นชั้นบน และตอนนี้ท้ายรถของหล่อนก็กินเนื้อที่เส้นทางนั้นมานิดหน่อย

“ขอหน่อยล่ะกัน แป๊บเดียว” พูดกับตัวเองแล้ว หล่อนก็รีบลงจากรถทันที ก่อนที่ยามซึ่งเดินอยู่ด้านหนึ่งจะเห็นเข้า

ร่างระเหิดระหงตัดสินใจถอดรองเท้าส้นสูงสามนิ้วของตนออก เพราะต้องทำตัวเงียบเชียบที่สุด นาทีที่หิ้วรองเท้าแล้ววิ่งก้มๆ แทรกตัวไปตามรถคันต่างๆ นีรนุชรู้สึกว่าตัวเองเป็นสายลับสาวพราวเสน่ห์ที่กำลังตามหาความลับของเจ้าพ่อระดับโลกอย่างไรอย่างนั้น

ครู่ต่อมา นางแบบสาวก็มาค้อมตัวอยู่ข้างรถคันหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่วโรตม์ยืนอยู่สองคัน แล้วค่อยๆ โผล่ศีรษะออกไปจับภาพตรงหน้า ดวงตาคู่เฉี่ยวเบิกกว้างเมื่อเห็นว่า ขณะนี้คนรักของหล่อนกำลังยืนเผชิญหน้าอยู่กับชายวัยกลางคนร่างอ้วน หน้าตาเหมือนหมู มืออวบอูมนั้นโอบหญิงสาวคราวลูกที่แต่งตัวเซ็กซี่เอาไว้ เยื้องไปทางด้านหลังคือหนุ่มฉกรรจ์ร่างใหญ่ห้าคนที่อยู่ในท่าเตรียมพร้อมจะเข้าตะลุมบอนได้ทุกเมื่อ

นีรนุชดีใจที่ไม่มีเรื่องผู้หญิงอย่างที่คิด ขณะเดียวกันก็เป็นห่วงว่าจะมีเรื่องกับชายคนนั้น ซึ่งหล่อนจำได้ว่า เป็นคนแรกที่ถูกเพ่งเล็งว่าอาจมีส่วนกับการพยายามฆ่าเขาเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว

“คุณอึดกว่าที่ผมคิดเยอะเลย คุณวโรตม์ สมแล้วที่หนังสือพิมพ์ตั้งฉายา ‘เจ้าพ่อคนเหล็ก’ ให้” เสี่ยอรรคพลพูดยิ้มๆ ดวงตาเล็กหยีมองเขาอย่างท้าทายอยู่ในที

“ผมชอบฉายานี้มาก” เสียงห้าวๆ ของวโรตม์กลั้วด้วยเสียงหัวเราะ มองอีกฝ่ายด้วยแววตาชนิดเดียวกัน “แล้วก็ตั้งใจว่าจะเป็นเหล็กกล้าเนื้อดีเสียด้วย ชนิดที่ฟาด ‘หมา’ ตัวไหนเข้า มันต้องตายคาที่”

เสี่ยหน้าหมูหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธจัด เขากำมือแน่น แต่ครู่เดียวก็หัวเราะออกมาบ้าง

“ดี ผมชอบคนหนุ่มกล้าๆ แบบคุณนี่แหละ...วงการของเราจะได้คึกคัก...เอาละ ยินดีต้อนรับการกลับมานะ คุณวโรตม์ หวังว่าคงได้เจอกันอีก” แล้วเขาก็ยื่นมือมาตรงหน้า วโรตม์มองมือนั้นอย่างรังเกียจแว่บหนึ่งก็ยื่นมือไปจับ สองมือบีบกันแน่น ตาสบกันแน่วอย่างท้าทาย

“ผมว่าเสี่ยได้เจอผมแน่” วโรตม์เอ่ยเสียงดังฟังชัด แล้วกระตุกมือออก จากนั้นก็ผายมือเป็นเชิงเชิญให้อีกฝ่ายไปจากตรงนี้เสีย เสี่ยอรรคพลขบกรามแน่น แล้วโอบเอวหญิงสาวเดินจากไป ตามด้วยลูกน้องเป็นพรวน

นีรนุชถอนหายใจด้วยความโล่งใจที่ไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น จึงขยับตัวเพื่อจะออกจากตรงนั้น ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงหนึ่งในคนของวโรตม์เอ่ยขึ้นว่า

“นายทำได้ดีมากครับ ไอ้เสี่ยนั่นโกรธมาก หน้าแดงเหมือนหมูกำลังจะถูกเชือดเลย” แล้วบอดี้การ์ดทั้งสองก็หัวเราะขำ

“ต่อไป พวกเราต้องระวังตัวกันมากขึ้น ไอ้เสี่ยนี่มันทั้งเลวทั้งพาล เหมือนหมาบ้า ไม่มีคำว่าศักดิ์ศรี อะไรที่พอจะเล่นงานเราได้ มันไม่รอช้า...ตอนนี้ ฉันเป็นห่วงคนรอบๆ ตัวฉันมาก ไม่รู้มันจะเล่นงานเอาเมื่อไร โดยเฉพาะนีน่า”

เมื่อได้ยินชื่อของตน นางแบบสาวก็ชะงักและตั้งใจฟังต่อไป

“นายก็หาบอดี้การ์ดคอยคุ้มครองเธอสิครับ เหมือนที่...เคยทำ” ทูลเสนอความคิดเห็น

วโรตม์เงียบไปครู่หนึ่งก็เอ่ยด้วยท่าทีครุ่นคิดว่า “ถ้าทำแบบนั้นก็เท่ากับฉันดึงเธอลงมาเผชิญอันตรายอย่างเต็มตัว ฉันอยากให้เธอใช้ชีวิตอย่างอิสระ สบายใจ ไม่ต้องหวาดระแวงว่า จะโดนใครทำอะไรเมื่อไร”

“นายพูดเหมือนกับว่า...”

“บางทีฉันอาจต้องตัดสินใจเรื่องนีน่าใหม่...ให้เขาโกรธเกลียดฉัน ดีกว่าฉันจะต้องทนเห็นเธอเป็นอะไรไป”

จากนั้นทั้งสามคนก็เดินออกจากตรงนั้นไป แต่นีรนุชกลับตรึงร่างตัวเองอยู่กับที่ด้วยกำลังอึ้งกับความหมายที่ตีได้จากคำพูดของเขา

เขาจะเลิกกับหล่อน!

เขาเปลี่ยนไปจากเดิมมากจริงๆ ช่วงแรกๆ ที่คบกัน ก็ใช่ว่าหล่อนจะไม่รู้ว่าเขามีศัตรู แต่เขาก็ยืนยันหนักแน่นว่าจะดูแลปกป้องหล่อน

‘ใครก็แตะต้องผู้หญิงของภูติแห่งราตรีไม่ได้!’

แล้วเขาก็ทำได้อย่างที่พูด ด้วยการส่งคนขับรถและบอดี้การ์ดมาให้หล่อน ก่อนที่ทั้งหมดจะถูกเรียกตัวกลับหลังจากเขาประสบอุบัติเหตุ แล้ววันนี้เขาก็กลับมาพร้อมกับคำพูดที่แปลกไป

“คุณห่วงฉันจริงๆ หรือเพราะต้องไปปกป้องดูแลผู้หญิงคนอื่นแน่คะ กาย...” หญิงสาวพึมพำเสียงสั่น พร้อมกันนั้นก็ประกาศคำมั่นกับตัวเองว่า ไม่ยอม หล่อนจะไม่ยอมเลิกกับเขาง่ายๆ แน่!


นีรนุชชะงักไปเมื่อเดินไปใกล้ถึงที่ที่หล่อนยืมจอดรถชั่วคราว แล้วพบว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนกอดอกพิงกำแพงพลางจ้องที่รถหล่อนนิ่ง ท่าทางดูสงบจนหล่อนคิดว่าเขากำลังแผ่เมตตาให้รถหล่อนอยู่อย่างไรอย่างนั้น

เขาเป็นคนร่างสูง ผิวขาวจัด มองไกลๆ แบบนี้ สิ่งที่เด่นที่สุดบนใบหน้านั้นคือไรเขียวครึ้มข้างแก้มและริมฝีปากสีสด เขาใส่แว่นสายตากรอบเหลี่ยม ซึ่งต้องยอมรับว่ามันช่วยเสริมบุคลิกของเขาให้ยิ่งโดดเด่นขึ้นมาก

เขาขยับตัวยืดกายขึ้นตรงเมื่อเหลือบมาเห็นหล่อน หญิงสาวส่งยิ้มหวานๆ เชิงประจบไปให้ ด้วยคิดว่าเดาไม่ผิด ว่าเขาคงเป็นเจ้าของรถคันใดคันหนึ่งระหว่างสองคันที่รถหล่อนขวางอยู่แน่ๆ

“จะออกใช่ไหมคะ”

“ครับ” เขาตอบกลับมาสั้นๆ ไม่มียิ้มส่งกลับมาให้ และพอเข้าไปใกล้ นีรนุชก็พบว่า ดวงตาภายใต้กรอบแว่นนั้นคมจัดทีเดียว แถมยังเป็นดวงตาที่มีขนตาหนาและยาวจนผู้หญิงอย่างหล่อนนึกอิจฉาเสียด้วย

“แหะๆ ต้องขอโทษด้วยค่ะ พอดีฉันมีธุระด่วนแถวๆ นี้น่ะค่ะ” นางแบบสาวเอ่ยอย่างสำนึกผิด “แต่ก็จอดแค่แป๊บเดียวเองนะคะ ไม่นานเลย”

ชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า “ยี่สิบนาที”

นีรนุชหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย ก่อนจะกดรีโมทเพื่อปลดล็อก และก้าวขึ้นประจำที่คนขับ ส่วนเจ้าของรถคันนั้นก็เดินแยกไปที่รถซึ่งจอดอยู่ขวามือรถหล่อน นีรนุชนึกชมในใจที่เขาใจเย็น ไม่โวยวายอะไร นี่ถ้าหากเป็นหล่อน เจอคนไร้มารยาท เอ๊ย คนที่มีธุระด่วนแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะระงับอารมณ์ไม่ให้เหวี่ยงใส่ได้หรือเปล่า

แต่ก่อนที่หล่อนจะปิดประตู ชายหนุ่มกลับยื่นหน้ามาเอ่ยว่า

“ที่บ้านเมืองเราวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้ เพราะคนเราไม่ทำตามกฎกติกา นิยมความมักง่าย เห็นแก่ความสะดวกสบายของตัวเองเป็นหลัก โดยไม่สนว่า ใครเขาจะเดือดร้อน...คนพวกนี้นี่น่ารำคาญนะครับ”

นีรนุชตาค้าง ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความอายผสมโกรธ พอตั้งสติได้ หล่อนก็อ้าปากจะต่อปากต่อคำกับเขา แต่ปรากฏว่าเขาดันประตูปิดแรงๆ ให้หล่อนเสียก่อน จากนั้นก็ก้าวไปขึ้นรถของตนเสีย หญิงสาวเลยได้แต่อ้าปากค้าง หน้าเหวออยู่คนเดียว

“อ๊าย อีตาบ้า ไม่เปิดโอกาสให้ด่ากลับเลยนะ” หล่อนกรีดเสียงด้วยความขัดใจ “ไอ้ที่ฉันทำผิด ฉันขอโทษแล้วนะเว้ย ทำไมยังตามมาด่าอีกเนี่ย ฮึ่ย ฮึ่ย เจ็บใจ”

หญิงสาวเม้มปากแน่น แล้วก็คิดหาวิธีเอาคืนเขาได้ ด้วยการสตาร์ทเครื่อง แต่ไม่ยอมถอยรถออก คามันอยู่อย่างนั้นแหละ แล้วก็ยิ้มสะใจเมื่อได้ยินเสียงแตรขอทางจากเขา

“บีบให้ตายไปเล้ย จ้างให้ก็ไม่ถอยง่ายๆ หรอกย่ะ” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง ความเจ็บใจก่อนหน้าคลายลงไปบ้างแล้ว หล่อนจ้องที่รถคันนั้นเขม็ง ทำท่าเหมือนสะกดจิต “...มา เปิดประตูลงมาให้ฉันได้ด่าคืนเดี๋ยวนี้”

แต่นอกจากจะไม่ลงมาแล้ว ฝ่ายนั้นยังคงเก็บตัวเงียบอยู่ในรถอีกด้วย แล้ววินาทีต่อมา นีรนุชก็ต้องตาเหลือก ร้องลั่น เมื่อจู่ๆ เขาก็ถอยรถด้วยความรวดเร็ว เหมือนตั้งใจมาชนรถหล่อนอย่างไรอย่างนั้น

“ว้าย ไอ้บ้า ว้าย จะทำอะไรน่ะ” หญิงสาวรีบใส่เกียร์ถอยหลัง แล้วปล่อยเบรกทันทีโดยไม่ได้เช็คให้ดีก่อนว่ามีรถมาจากด้านหลังหรือเปล่า ดังนั้นเอง มันจึงเกือบชนเข้ากับรถอีกคันที่เพิ่งขึ้นมาจากชั้นล่าง ดีที่คนขับคันนั้นมองเห็นก่อน จึงหักหลบได้ทันพร้อมกดแตรเสียงยาว

“ปื๊นนนนนนน”

นีรนุชสะดุ้งรีบแตะเบรกทันควัน จนหัวคะมำโขกเข้ากับพวงมาลัย

“อูย...อูย...” หญิงสาวครางเบาๆ ก่อนจะก่นด่าผู้ชายขนตาหนา เจ้าของรถคันหน้าที่บังอาจหยอกหล่อนด้วยวิธีหวาดเสียวด้วยความโกรธจัด แต่ครั้นจะลงไปเอาคืนเขาอีกครั้งก็คาดว่าจะไม่ไหว ไม่รู้อีตาบ้านั่นจะมีวิธีอะไรมาทำให้หล่อนใจหายใจคว่ำอีก หล่อนจึงต้องยอมออกจากตรงนั้นโดยเร็วที่สุด พร้อมกับภาวนาว่า ขออย่าให้ได้พบได้เจอกันอีกเลย

ขณะเดียวกัน ภายในรถอีกคัน ธีรพลหัวเราะเบาๆ ดวงตาคู่คมเปล่งประกายระยับขัน ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความพึงพอใจบางอย่างพลางพึมพำ

“แสบกว่าที่คิดแฮะ...”

+ + + + + + + + + +

หลังจากอดทนนั่งรอวโรตม์อยู่นานนับชั่วโมงท่ามกลางอากาศที่เย็นชื้นและบรรดาผู้ชายที่เดินเข้าออกที่นี่ตลอดเวลา ฤทัยก็ยอมถอดใจ เมื่อพนักงานที่เพิ่งว่างจากการต้อนรับแขกเดินมาบอกว่า คืนนี้วโรตม์จะไม่กลับเข้ามาที่นี่เป็นที่แน่นอนแล้ว

“เมื่อกี้ไปถามเฮียยะให้แล้ว เฮียบอกว่า เจ้านายไปตรวจงานที่ร้านอื่นแล้ว กลับไปได้แล้ว”

จากความเห็นใจที่ถูกลวนลาม กลายเป็นความรำคาญที่หล่อนช่างอดทนจนน่าหมั่นไส้ ไล่เท่าไรก็ไม่ยอมกลับ อ้างแต่ว่าจะรอพบวโรตม์ท่าเดียว ถามว่าจะพบเรื่องอะไรก็ไม่ยอมบอก ตอนแรกเขานึกว่าหล่อนจะมาขอทำงานที่นี่เสียอีก ยังแนะนำไปเลยว่า ถ้าจะสมัครงานต้องไปพบคุณเขตต์ แต่หล่อนกลับบ่นพึมพำบทสวดภาษาบาลี แล้วมองเขาด้วยแววตาสงสารและให้อภัย นอกจากนี้หล่อนยังแสดงออกชัดว่ารังเกียจสถานที่แห่งนี้อีกด้วย

“แล้วพรุ่งนี้เขาจะมามั้ยพี่” ฤทัยถามต่ออย่างมีความหวัง

“ไม่รู้เหมือนกัน เอาแน่เอานอนไม่ได้หรอก น้อง เจ้านายเขาไม่ได้มีที่นี่ที่เดียวนี่ เฉพาะถนนเส้นนี้ ของเขาก็สี่แห่งเข้าไปแล้ว ไหนจะแถวพระรามเก้า แถวเพชรบุรีอีก ไป ไปได้แล้ว”

ฤทัยพึมพำขอบคุณเขา แล้วเดินออกมาโบกแท็กซี่ด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้าไปทั้งกายทั้งหัวใจ พักนี้ชีวิตหล่อนเหมือนโดนมรสุมกรรมพัดกระหน่ำ จนใจบางๆ แทบทานไม่ไหว

สามอาทิตย์ก่อน หล่อนจับได้ว่า ชายคนรักที่เพิ่งตกลงว่าจะแต่งงานกัน ไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น จึงลาพักร้อนเพื่อไปบวชชีพราหมณ์ เนื่องจากเขากับผู้หญิงคนนั้นทำงานอยู่ที่เดียวกับหล่อน ทั้งคู่สามารถปั้นหน้ายิ้มแย้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากความลับถูกเปิดเผย แต่หล่อนหน้าบางเกินกว่าจะทนสายตาสมเพชจากเพื่อนร่วมงานได้

ถึงกระนั้นก็ฝืนทำตัวให้เป็นปกติอยู่ได้ตั้งหนึ่งอาทิตย์ เพื่อรอเวลาให้ใบลาพักร้อนอนุมัติ แต่ปรากฏว่า เจ้านายหล่อนไม่ยอมเซ็นเสียที พร้อมพูดถึงความวุ่นวายของงานหากหล่อนไม่อยู่เสียคน

จากที่ตั้งใจว่าจะลาพักร้อนแค่สองสามวัน หล่อนจึงตัดสินใจลาออกเสียเลย เพราะไม่ใช่แค่ครั้งนี้เท่านั้นที่เจ้านายหล่อนแสดงให้เห็นถึงความไร้น้ำใจ

หล่อนใช้เวลาสองอาทิตย์ที่ผ่านมานั้นอยู่กับธรรมะของพระพุทธเจ้า จนหัวใจแข็งแรงขึ้น จึงกลับมาเพื่อเริ่มต้นหางานใหม่ แต่ก็ได้รับข่าวเรื่องน้องสาวคนเดียวเสียก่อน

หล่อนกับฤดี ห่างกันห้าปี ตอนเด็กๆ สนิทสนมกันดี เพราะหล่อนเป็นคนเลี้ยงฤดีแทนแม่ที่ต้องออกไปทำงาน พอหล่อนเข้ามาเรียนปริญญาตรีที่กรุงเทพ สองพี่น้องก็เริ่มห่างกัน ฤดีไม่ค่อยอยากคุยกับหล่อน ซึ่งตอนแรกน้องอ้างแต่ว่าเรียนหนัก กิจกรรมเยอะ แต่พอคุยกับแม่จึงได้รู้ว่า ฤดีติดเพื่อนและมีแฟน ทั้งที่เพิ่งอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หนึ่งเท่านั้น แล้วก็ไม่ค่อยสนใจเรียน

หล่อนเคยลงไปกำราบพร้อมสั่งห้ามเรื่องมีแฟน แต่ได้ผลแค่สองสามวันเท่านั้น พอหล่อนกลับกรุงเทพ น้องก็ทำตัวเหมือนเดิม แถมยังทำให้ช็อกมากกว่านั้นด้วยการหอบเสื้อผ้าไปอยู่บ้านแฟนอีกต่างหาก ก่อนจะซมซานกลับมาหลังจากถูกทิ้ง ฤทัยแทบคลั่งในสิ่งที่น้องเป็น หล่อนขอให้แม่ส่งน้องมาอยู่กับหล่อน หล่อนจะเป็นคนดูแลเอง แต่ฤดีไม่ยอมมา เพราะช่วงนั้นติดแฟนคนใหม่

ที่สุด ฤทัยก็ต้องพยายามทำใจยอมรับ เพราะทำอะไรมากกว่านั้นไม่ได้ เพียงแต่ย้ำเสมอว่า อย่าปล่อยให้ท้อง และอย่าลืมเรื่องเรียน ซึ่งฤดีก็รับคำ และทำตามคำสัญญาได้

แต่จู่ๆ ฤดีก็หนีออกจากบ้าน ทิ้งจดหมายไว้ให้แม่สั้นๆ ว่า ขี้เกียจเรียนแล้ว อยากหางานทำมากกว่า ทั้งที่เหลืออีกแค่ปีเดียวก็จะจบปริญญาตรีแล้ว

อะไรทำให้ฤดีตัดสินใจแบบนี้ และทำไมถึงมาหาเวียงแก้ว ทั้งที่ก็รู้ว่าเวียงแก้วทำงานแบบไหน

น้องสาวหล่อนตั้งใจจะทำงานนี้ตั้งแต่ต้นงั้นหรือ?

“ไม่ว่ายังไงก็ตาม พี่จะต้องเอาตัวเธอออกมาจากกรงทองของนายผีกลางคืนนั่นให้ได้ ฤดี พี่สัญญา”





ณสรวง
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.ย. 2555, 23:06:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ก.ย. 2555, 23:06:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 1269





<< Chapter 1   
ตุ๊งแช่ 7 ก.ย. 2555, 09:37:37 น.
มะใช่จริงๆด้วย แล้วฤดีไปอยู่ไหนน้อ


nunoi 7 ก.ย. 2555, 10:47:38 น.
อยากรู้จังทำไมคุณวโรตม์ ทำไมถึงนิสัยเปลี่ยนไปหลังจากโดนยิง หน่ำซ้ำเวลาแค่ 2 อาทิตย์จะฟื้นตัวเร็วได้ขนาดนั้นเลยเหรอ


หมูอ้วน 7 ก.ย. 2555, 14:55:23 น.
เหมือนเจ้าพ่ออ่าง จะมีใจให้หนูนีน่าเลย ใช่อ่ะป่าวค่ะ


Edelweiss 10 ก.ย. 2555, 00:48:43 น.
ธีรพลจะมาดีหรือมาร้ายละเนี่ย นีน่าฮามาก 555


เพาพะงา 24 ก.พ. 2556, 10:34:25 น.
กระดูกขาหักตามจริง 6-8 สัปดาห์ ถึงถอดเฝือกนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account