ความทรงจำในผืนทราย(My Last Memory)
บทสวดแห่งความตายนำวิญญาณของฟาโรห์หนุ่มให้คืนชีพ
ทว่า แผ่นดินที่เขายืนอยู่หลังจากมีชีวิตอีกครั้ง กลับไม่ใช่อาณาจักรของตน
หากเป็นห้องพักของนักศึกษาสาวคนหนึ่ง
ความอลเวง วุ่นวายและภยันตราย
สร้างรักแท้ร้อยรัดมัดคุณหนูผู้เอาแต่ใจและฟาโรห์หนุ่มไว้ด้วยกัน
แต่เมื่อความทรงจำเริ่มเรียกหาบุรุษจากอดีตกาล
เธอจะทำเช่นไรเพื่อรักษาความรักนี้ไว้
ไม่ให้หายไปกับ....ผืนทราย
Tags: รัก,ฟาโรหื

ตอน: บทที่ 3 คาเฟร

บทที่ 3

คาเฟร

แป้งเปิดน้ำเพื่อล้างเลือดที่ไหลซึมออกมาไม่ขาดสายขณะที่ปากบ่นพึมพำถึงความซุ่มซ่ามของตัวเองไม่หยุด เธอเอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่แขวนไว้เหนืออ่างล้างหน้ามาพันรอบมือเอาไว้แน่นแล้วรีบเปิดตู้เพื่อหยิบกล่องปฐมพยาบาลออกมา เสียงของหนักตกกระทบพื้นที่ดังมาจากห้องนั่งเล่นทำให้หญิงสาวต้องชะงักและขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกแปลกใจแต่ไม่ได้วิตกกังวลอะไรมากนักเนื่องจากห้องที่เธอพักอยู่นั้นอยู่ชั้นสูงสุดและทางขึ้นก็มีแต่การใช้ลิฟท์เพียงอย่างเดียวซึ่งผู้ที่สามารถขึ้นมาหาเธอได้ก็มีแค่คุณพ่อ คุณแม่กับตัวของเธอซึ่งมีกุญแจพิเศษสำหรับช่องใส่รหัสเท่านั้น เรื่องที่จะมีขโมยย่องเข้ามาหยิบฉวยข้าวของจึงตัดไปได้

“สงสัยขวดอะไรกลิ้งตกลงมาจากชั้นอีกแน่ๆ”

แป้งพูดกับตัวเองและก้มหน้าก้มตาใส่ยาพร้อมกับเริ่มลงมือพันแผลที่มืออย่างระมัดระวัง เธอต้องหยุดอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเหมือนใครบางคนกำลังทุบพื้นอย่างแรง หญิงสาวนิ่วหน้าและมองหาของที่พอจะนำมาเป็นอาวุธได้ซึ่งก็มีเพียงกรรไกรขนาดเล็กอันเดียวเท่านั้น แป้งฉวยมันมากำเอาไว้แน่นและจรดปลายเท้าไปที่ประตูห้องน้ำพร้อมกับเปิดออกอย่างเบามือที่สุด สายตาที่มองผ่านบานประตูออกไปกวาดไปทั่วห้อง เธอรู้สึกโล่งใจที่ไม่พบร่างของผู้ใดนอกจากโถศิลาสีขาวสะอาดที่ล้มกลิ้งอยู่บนพื้น หญิงสาวถอนหายใจขณะที่ลดอาวุธจำเป็นในมือลงและเดินไปยังโถคาโนปิคพลางก้มตัวเพื่อจะเก็บมันขึ้นมาวางไว้บนชั้นตามเดิม รอยเลือดที่เปรอะเปื้อนรอบปากโถทำให้แป้งต้องบ่นออกมาอย่างหงุดหงิดและแปรเปลี่ยนไปเป็นคำอุทานด้วยความตระหนก มือที่กำลังเอื้อมลงไปแตะโถชะงักและถูกดึงกลับอย่างรวดเร็วเมื่อพบว่ารอดเลือดที่เธอเห็นนั้นเริ่มขยายวงกว้างขึ้นทุกขณะคล้ายโถคาโนปิคใบนั้นกำลังหลั่งโลหิตออกมาด้วยตัวของมันเอง

“นี่มันอะไรกัน”

แป้งครางออกมาและก้าวถอยห่างออกไปจนกระทั่งแผ่นหลังไปชนกับผนังห้อง ดวงตายังคงจับจ้องเลือดที่ไหลรินออกมาจากโถศิลาสีขาวไม่ขาดสาย ฝาปิดรูปหัวเหยี่ยวที่เผยออ้าออกถูกดันจนหลุดกลิ้งไปอีกด้าน หญิงสาวอ้าปากค้างเมื่อสังเกตเห็นรอยเปื้อนสีดำบริเวณปากโถกำลังเคลื่อนไหวผสมผสานกับเลือดและเริ่มก่อตัวกลายเป็นก้อนโลหิตสีแดงสด มันเริ่มขยับและเต้นเป็นจังหวะไปตามเสียงบทสวดดังกระหึ่มมาจากโทรทัศน์ที่แป้งเปิดไว้ เจ้าก้อนเลือดเลื่อนไหลหลุดออกจากโถคาโนปิคและขยายตัวเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จากลิ่มโลหิตขนาดเท่ากำปั้นแปรสภาพเปลี่ยนไปเป็นร่างมนุษย์สีแดงสดเพียงชั่วไม่กี่อึดใจ ผิวเนื้อสีเข้มเริ่มแผ่ออกมากปกคลุมร่างกาย แป้งยกมือขึ้นอุดปากของตนเองด้วยความหวาดกลัวขณะที่จ้องร่างสยองซึ่งเริ่มมีรูปลักษณ์เหมือนคนมากขึ้นทุกขณะ เรือนผมสีดำสนิทงอกยาวออกมาจนปกคลุมแผ่นหลังกว้าง เสียงหอบหายใจอย่างหนักคล้ายคนเพิ่งสูดอากาศหลังโผล่ขึ้นมาจากน้ำดังมาจากร่างที่คู้กายอยู่ตรงหน้า มันพยายามยันตัวเพื่อลุกขึ้น ศีรษะหันมองไปโดยรอบคล้ายกำลังงุนงงต่อสถานที่ เสียงอุทานของแป้งทำให้ร่างนั้นชะงักและหันขวับมามองเธอทันที ดวงตาสีทองแดงจ้องหญิงสาวเขม็ง แป้งรู้สึกเหมือนทั่วทั้งร่างแข็งเกร็งไปในทันทีราวกับถูกอำนาจอันทรงพลังจากผู้ที่อยู่ตรงหน้าสะกดไว้ ร่างเปลือยเปล่าค่อยๆลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า มือข้างหนึ่งยื่นออกมาข้างหน้าพร้อมกับเปล่งเสียงออกมาด้วยภาษาที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน

“เซ!”

น้ำเสียงทุ้มแต่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดดุดันเรียกสติที่กำลังกระเจิดกระเจิงของแป้งให้กลับคืนมา เธอปัดมือที่พยายามจะยื่นเข้ามาแตะใบหน้าพร้อมกับผลักร่างเปลือยของบุรุษที่อยู่ตรงหน้าออกไปโดยแรงจนเขาเซถอยออกไปสองสามก้าว หญิงสาวรีบฉวยโอกาสนั้นวาดปลายเท้าในลีลาของเทควันโด้ที่เธอเคยเรียนมาเข้าใส่ปลายคางของอีกฝ่ายจนใบหน้าของเขาสะบัดไปอีกด้าน แรงปะทะจากฝ่าเท้าของแป้งทำให้ร่างสูงหงายหลังล้มลงนอนแน่นิ่งไปในทันที หญิงสาวรีบคว้ากระเป๋าถือของเธอและหมุนตัววิ่งออกจากห้องตรงไปยังลิฟท์และกดปุ่มสองสามครั้งด้วยกิริยาตื่นเต้น แป้งหันกลับไปมองประตูห้องซึ่งยังคงปิดสนิทด้วยความวิตกเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เสียงกริ่งของลิฟท์ดังขึ้น หญิงสาวก้าวเข้าไปภายในและรีบกดปุ่มเพื่อปิดประตูก่อนจะถอยหลังไปชิดผนังด้านหนึ่งพลางหอบหายใจ

“นี่มันอะไรกัน” เธอพึมพำด้วยความตระหนกขณะนึกถึงชายที่ยังคงนอนหมดสติอยู่บนห้อง “หมอนั่นเป็นตัวอะไรกันแน่แล้วเขามาอยู่ในห้องของฉันได้ยังไง”

แป้งถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาและก้าวออกจากลิฟท์อย่างรวดเร็ว ครั้งแรกเธอตั้งใจจะออกไปจากคอนโดแต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงลุงผัน ยามรักษาความปลอดภัยร้องทักด้วยน้ำเสียงแสดงความแปลกใจ

“จะรีบร้อนไปไหนกันหรือครับคุณปานตา” เขามองมือที่ยังคงมีเลือดไหลซึมของแป้งและอุทานด้วยความตกใจ “เกิดอะไรขึ้นครับทำไมคุณถึงมีเลือดออกแบบนั้น”

แป้งยกมือของตัวเองขึ้นและจ้องรอยแผลที่เกิดจากการถูกแก้วบาด หญิงสาวขมวดคิ้วขณะที่พยายามรวบรวมสติที่กำลังกระเจิดกระเจิง

“แค่แก้วบาดเท่านั้นเองค่ะลุงผัน” เธอตอบเสียงแผ่วขณะมองตรงไปยังลิฟท์ “พอดีพลาสเตอร์ปิดแผลในห้องหมดเลยจะรีบออกไปซื้อจนลืมเช็ดเลือดนี่”

“แย่จริง แล้วแผลลึกมากไหมครับ” ลุงผันถามขณะกุลีกุจอหยิบกุญแจไปเปิดตู้ใบใหญ่ที่อยู่ทางด้านหลังและหยิบกล่องปฐมพยาบาลออกมา “จะไปโรงพยาบาลไหมครับผมจะได้เรียกรถให้”

“แผลเล็กน้อยเท่านั้นเองค่ะลุงผัน” แป้งตอบและยิ้มพลางกล่าวคำขอบคุณเมื่อยามรักษาความปลอดภัยผู้สูงวัยยื่นห่อพลาสเตอร์กับยาใส่แผลให้

“ถ้าอย่างนั้นรีบกลับไปทำแผลดีกว่านะครับ” ลุงผันเตือนด้วยความเป็นห่วง เขาขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกสงสัยเมื่อเห็นแป้งยังคงยืนนิ่งราวกับลังเลใจที่จะกลับขึ้นห้อง “มีอะไรหรือเปล่าครับคุณปานตา”

“ม...ไม่มีอะไรค่ะ” หญิงสาวตอบอย่างเร็วก่อนจะหันไปมองลิฟท์ที่เปิดค้างไว้ “ถ้าอย่างนั้นขอตัวขึ้นไปทำแผลก่อนนะคะลุงผัน ขอบคุณสำหรับยากับพลาสเตอร์นี่ค่ะ”

เธอก้าวไปหยุดยืนที่หน้าประตูลิฟท์และนิ่วหน้าพลางพูดพึมพำ

“บางทีหมอนั่นอาจจะยังนอนหมดสติอยู่ รีบกลับขึ้นไปแล้วมัดเขาไว้ก่อนดีกว่า ส่วนที่ว่าเขาเป็นตัวอะไรนั้นค่อยถามกันอีกที”

หญิงสาวก้าวเข้าไปในลิฟท์และกดปุ่มปิดประตู มือข้างหนึ่งควานเข้าไปในกระเป๋าและหยิบมีดพกออกมากำแน่น เธอเดินออกจากลิฟท์และหยุดยืนอยู่หน้าห้องก่อนตัดสินใจเปิดมันออกและชะโงกหน้าเข้าไปกวาดตามองอย่างระมัดระวัง แป้งถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นว่าอาคันตุกะแปลกหน้ายังคงนอนหมดสติอยู่บนพื้น หญิงสาวค่อยๆจรดฝีเท้าก้าวเข้าไปด้านในและจ้องร่างที่กำลังนอนหมดสติอยู่อีกด้านหนึ่งไม่วางตา เธอรีบเดินผ่านเขาตรงไปยังห้องนอนและคว้าผ้าแพรผืนหนึ่งออกมาพร้อมกับเชือกฟางขดโต แป้งโยนผ้าคลุมร่างเปลือยที่นอนนิ่งพร้อมกับสาวเชือกพลาสติกพันรอบข้อมือของชายผู้นั้น

“ไม่ว่าจะเป็นตัวอะไรก็ตาม คงต้องมัดเอาไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย”

*/*/*/*/*/*

เสียงร้องตะโกนเอะอะโวยวายที่ดังสนั่นลั่นห้องทำให้แป้งต้องยกมือขึ้นปิดหูและนิ่วหน้าด้วยความรู้สึกโมโห เธอมองบุรุษแปลกหน้าที่กำลังดิ้นรนเพื่อให้หลุดออกจากพันธนาการเชือกฟางที่มัดเอาไว้จนแน่น ใบหน้าคมเข้มนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธเกรี้ยว แป้งมองกรามที่ถูกบดจนนูนเป็นสันขณะที่ดวงตาสีทองแดงตวัดมาทางเธอ คำพูดในภาษาที่ไม่คุ้นหูไหลพรั่งพรูออกมาอีกครั้ง ซึ่งหญิงสาวคิดว่ามันคงไม่ใช่คำชมเชยเธออย่างแน่นอน

“รู้ไหมว่าเสียงของนายน่ะดังคับห้องไปหมดแล้ว”

แป้งตะโกนบอกคนที่อยู่ตรงหน้า เขาโต้กลับมาทันควันพร้อมกับคำพูดตามมาอีกยาวเหยียดจนหญิงสาวต้องลุกขึ้นและเดินไปหยิบแผ่นเพลงมาเปิดพร้อมกับเร่งเสียงให้ดังมากที่สุด ดูเหมือนการกระทำของเธอจะเพิ่มความโกรธให้กับอีกฝ่าย ชายผู้นั้นตะเบ็งเสียงดังลั่นมากขึ้นกว่าเก่าพร้อมกับเพิ่มแรงดิ้นรนหนักกว่าเดิม

“แรงมากจริง” หญิงสาวเดินไปนั่งที่เก้าอี้และจ้องร่างกำยำที่สะบัดไปมา “แต่ทำแบบนี้อีกไม่นานก็คงจะสิ้นฤทธิ์” เธอเอนตัวพิงพนักขณะมองชายหนุ่มที่กำลังแยกเขี้ยวใส่ด้วยท่าทางคุกคาม

“อยากรู้จริงว่านายจะมีแรงทำท่าแบบนั้นต่อไปได้อีกกี่ชั่วโมง”

หลังจากทั้งดิ้นรนและก่นด่าติดต่อกันนานกว่าสามชั่วโมง เสียงของชายผู้นั้นจึงเบาลงแต่ดวงตาคมที่ฉายแวววาววับขณะมองแป้งทำให้หญิงสาวรู้ว่าเขายังไม่หมดฤทธิ์ไปเสียทีเดียว เธอแกล้งยิ้มให้กับเขาอีกฝ่ายกลับสะบัดหน้าเมินหนีไปอีกด้านด้วยใบหน้าโกรธขึ้งแป้งจึงลุกขึ้นและเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบขวดน้ำออกมารินใส่แก้วจากนั้นจึงยกขึ้นดื่ม เธอชำเลืองตามองอีกฝ่ายที่กำลังจ้องการกระทำของตนเองเขม็งพลางทำท่ากลืนน้ำลายลงคออย่างกระหายขณะที่มองแก้วน้ำในมือของหญิงสาว แป้งยิ้ม

“เฮ้อ....ชื่นใจจัง” เธอพูดและวางแก้วลงบนโต๊ะพร้อมกับรินน้ำใส่จนเกือบเต็ม “แหมนั่งฟังคนอื่นพูดนี่ก็ทำให้คอแห้งได้เหมือนกันนะ” ดวงตาปรายไปทางบุรุษแปลกหน้าขณะที่ยกแก้วใบนั้นขึ้นมาอีกครั้ง เสียงคำรามที่ดังมาจากอีกฝ่ายทำให้หญิงสาวชะงัก แป้งหันไปทางเขาและยิ้ม

“ดื่มไหม”

หญิงสาวถามพร้อมกับกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นอีกฝ่ายสะบัดหน้าเมินหนีไปอีกทางอย่างไว้ตัว เธอลุกขึ้นและเดินตรงไปหาเขาพร้อมกับยื่นแก้วน้ำให้

“รู้นะว่านายคอแห้ง” แป้งพูด ใบหน้าคมเข้มหันกลับมาถลึงตาจ้องเธอ หญิงสาวเลิกคิ้วสูงเมื่อเห็นอีกฝ่ายขบกราม เธอถอยออกเล็กน้อยก่อนจะพูดเสียงไม่ดังนัก

“ดูเหมือนนายจะยังไม่อยากกิน” แป้งแกล้งเทน้ำลงไปในแจกันข้างตัว เสียงร้องของชายหนุ่มทำให้เธอกระตุกยิ้มและหันไปมอง “ท่าแบบนั้นไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด”

หญิงสาวรินน้ำเติมลงไปในแก้วอีกครั้งและยื่นไปจรดไว้ที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย เขาเบี่ยงหน้าหลบขณะทำท่าเหมือนกับจะขอให้หญิงสาวปลดพันธนาการที่มัดตนเองออก แป้งสั่นหน้า

“ขนาดมัดเอาไว้นายยังแผลงฤทธิ์ได้มากขนาดนี้” เธอกวาดตามองข้าวของที่หล่นเกลื่อนด้วยฝีมือของบุรุษหนุ่ม “ขืนปล่อย นายจะได้หักคอฉันปะไร เอ้านี่น้ำ ดื่มเสียสิ”

แป้งยื่นแก้วในมือออกไปอีกครั้งแต่ชายหนุ่มกลับเม้มปากแน่นและเบือนหน้าหนี หญิงสาวนึกฉุนกับกิริยายะโสของเขาจึงลุกขึ้น

“ตามใจนายก็แล้วกัน”

เธอหมุนตัวและทำท่าจะเดินหนีเสียงอีกฝ่ายพูดขึ้นไม่ดังนัก

“เอบา” สายตามองแก้วน้ำในมือแป้ง “มิว”

หญิงสาวแอบอมยิ้มและย่อตัวลง

“นายพูดอะไร” เธอมองหน้าเขา “จะขอกินก็ต้องพูดเป็นภาษาไทย” เสียงค่อนข้างเข้มพร้อมกับยื่นแก้วน้ำไปตรงหน้า

“นี่น่ะเขาเรียกว่า น้ำ” หญิงสาวกล่าวเน้นคำ “น้ำ”

คิ้วเข้มของอีกฝ่ายขมวดมุ่นเข้าหากัน เขาระบายลมหายใจพลางเปล่งเสียงตามคำของแป้ง

“นะ...น่ำ”

“น้ำต่างหาก” หญิงสาวพูดกลั้วหัวเราะพลางจรดแก้วไว้ที่ริมฝีปากของชายหนุ่ม เขาดื่มอย่างกระหายจนหมดและพูดอะไรบางอย่างออกมาเบาๆ แป้งเดาเอาเองว่านั่นคือคำขอบคุณ

“นายเป็นใครกัน” เธอเริ่มถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสงบลงมากกว่าเดิม หญิงสาวมองดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของอีกฝ่ายแล้วถอนหายใจ

“ฉันชื่อแป้ง” นิ้วชี้หน้าของตัวเองและกล่าวย้ำ “แป้ง”

“แปง”

“แป้งต่างหาก” หญิงสาวสวนทันควันและหันปลายนิ้วไปที่เขา “แล้วนายล่ะชื่ออะไร”

ชายหนุ่มนิ่งไปเล็กน้อย คิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันคลายออกคล้ายเข้าใจในสิ่งที่แป้งกำลังถาม เขาตอบเธอด้วยน้ำเสียงทุ้มน่าฟัง

“คาเฟร”

“คาเฟร” หญิงสาวย้อนถามเสียงรัว หัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความตื้นเต้น “โอรสของ
ฟาโรห์คูฟูน่ะเหรอ”

ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจคำพูดทั้งหมดของแป้ง เขาสั่นหน้าพร้อมกับกล่าวตอบด้วยประโยคยาวยืดและลงท้ายด้วยคำว่า คาเฟร ดุจจะเป็นการย้ำชื่อของตนเองอีกครั้ง หญิงสาวขมวดคิ้วครุ่นคิดขณะหันหน้าไปมองโถคาโนปิคซึ่งบัดนี้ถูกวางอยู่บนโต๊ะรับแขกและนึกถึงรอยลบพระนามเจ้าของอวัยวะที่บรรจุในโถใบนั้น

“คงไม่ใช่คาเฟร ฟาโรห์ที่ยิ่งใหญ่พระองค์นั้นแน่ๆ เพราะพระนามของเขายังคงปรากฏอยู่บนข้าวของเครื่องใช้ที่ขุดค้นพบ แต่สำหรับโถใบนี้” เธอหันกลับมามองชายหนุ่มที่นั่งตรงหน้าอีกครั้ง

“เห็นได้ชัดว่าชื่อของเขาถูกลบออกอย่างจงใจ บางทีผู้ชายคนนี้อาจจะเป็นฟาโรห์นิรนามที่ยังไม่มีใครเคยพบมาก่อนเลยก็ได้”

เสียงบ่นที่ดังมาจากบุรุษผู้มีนามว่าคาเฟรทำให้ความคิดทั้งหลายของแป้งต้องหยุดลง เธอมองกิริยาท่าทางที่แสดงความอึดอัดของเขาขณะที่พยายามหาทางแก้เชือกฟางที่มัดรอบตัวออกด้วยความรู้สึกเห็นใจ

“ฉันจะแก้มัดนี่ให้ถ้านายสัญญาว่าจะไม่สร้างปัญหา” หญิงสาวพูดขึ้น คาเฟรหยุดดิ้นและมองหน้าของเธอ สายตางุนงงของเขาทำให้แป้งต้องพูดย้ำขึ้นมาอีกครั้ง

“ฉันจะปล่อยเธอ แต่เธอต้องรับปากว่าจะไม่หาทางหนีออกไปจากที่นี่ ไม่ก่อความวุ่นวายให้กับฉัน ตกลงไหม” หญิงสาวทำท่าทางประกอบการพูด อีกฝ่ายพยักหน้ารับ

“เอาเป็นว่านายเข้าใจ” แป้งหันไปหยิบกรรไกรและเดินอ้อมไปด้านหลังของเขา “ฉันจะเตะนายให้ร่วงอีกครั้งถ้าขืนทำอะไรไม่เข้าท่า” เธอกำชับเสียงเข้มขณะตัดเชือกฟางจนขาด คาเฟรรีบลุกขึ้นยืนและสะบัดแขนของตัวเองคล้ายต้องการขับไล่ความปวดเมื่อยที่ต้องถูกมัดอยู่นาน แป้งก้าวถอยหลังออกไปยืนมองเขาอยู่ห่างๆอย่างไม่ไว้วางใจ เธออึ้งไปเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายหันหน้ามากล่าวอะไรบางอย่างคล้ายกับที่เคยพูดหลังดื่มน้ำ

“ขอบใจ” แป้งสอนเขาและยิ้มเมื่อคาเฟรกล่าวตามอย่างตะกุกตะกัก

“ขอบ...ใจ แป้ง”

*/*/*/*/*

เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วที่ดังออกมาจากนาฬิกาปลุกซึ่งตั้งอยู่บนหัวนอนของแป้งดังขึ้น หญิงสาวบ่นพึมพำสองสามคำก่อนจะเอื้อมมือไปกดปุ่มปิด เธออ้าปากหาวและบิดตัวไปมาขณะที่สมองเริ่มทบทวนความทรงจำของเมื่อคืน ภาพเหตุการณ์ประหลาดที่อยู่ๆก็มีชายหนุ่มหลุดออกมาจากโถคาโนปิคทำให้แป้งเบิกตากว้างและลุกพรวดขึ้นพร้อมกับก้าวออกจากห้องนอน เธอกวาดตามองรอบห้องนั่งเล่นและขมวดคิ้วเมื่อพบว่ามันว่างเปล่าปราศจากเงาของผู้ใด

“สงสัยเราจะฝันไป” แป้งยกมือขึ้นกุมขมับของตัวเองก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังสวนหย่อมอีกด้าน ภาพชายหนุ่มร่างสูงซึ่งกำลังยืนจ้องน้ำตกจำลองทำให้หญิงสาวต้องเบิกตากว้างอีกครั้ง

“คาเฟร”

อีกฝ่ายหันหน้ามาตามเสียงเรียก ใบหน้าขรึมมีแววฉงนเล็กน้อยขณะที่มองข้าวของเครื่องใช้รอบตัว เขาเดินตรงมาหาแป้งพร้อมกับชี้นิ้วไปรอบๆพร้อมกับพูดอะไรออกมาสองสามคำ แป้งเดาว่าชายหนุ่มจากอดีตคงกำลังถามถึงข้าวของเครื่องใช้ที่เขาไม่เคยพบมาก่อน หญิงสาวเดินไปที่โต๊ะชงกาแฟและจัดแจงหยิบแก้วออกมาสองใบ

“นี่คือแก้ว” แป้งชูช้อนขึ้น “และนี่คือช้อน ส่วนนี่เรียกว่ากาแฟ มันเป็นเครื่องดื่มทำให้ตาสว่างในตอนเช้าน่ะ” หญิงสาวพูดพลางตวงกาแฟใส่ถ้วยและเติมน้ำตาลกับครีมเทียมตามลงไป หลังจากกดน้ำร้อนใส่และชงเรียบร้อยแล้วเธอจึงยื่นส่งให้คาเฟร เขารับมาถืออย่างระวัง

“ดื่มสิ” เธอยกถ้วยของตัวเองขึ้นดื่มด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย ชายหนุ่มมองถ้วยในมือของตนและยกมันขึ้นมาดม เขาเบ้หน้าเล็กน้อยเมื่อสัมผัสกลิ่นของกาแฟที่โชยขึ้นมาปะทะจมูก คาเฟรมองแป้งอีกครั้งก่อนตัดสินใจยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่มตาม เขาชะงักและพ่นของเหลวสีดำออกมาจากปากทันที

“อา!” เสียงร้องอุทานดังลั่นตามมาด้วยเสียงบ่นอีกยาวเหยียด คาเฟรวางแก้วลงบนโต๊ะและส่ายหน้าในขณะที่แป้งกลั้นหัวเราะ

“ขมเหรอ” เธอยกมือขึ้นปิดปากเมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายก่อนจะพยายามปรับให้ดูเคร่งขรึม “ดูสิเลอะหมดเลย” หญิงสาวชี้นิ้วไปยังรอยเปื้อนที่ชายหนุ่มทำไว้

“นายต้องเช็ดถูให้สะอาดเดี๋ยวนี้เลยนะคาเฟร”

อีกฝ่ายทำหน้าไม่เข้าใจ แป้งเดินไปหยิบผ้าเช็ดโต๊ะชุบน้ำและส่งให้กับเขา

“เช็ด”

ดูเหมือนคราวนี้ชายหนุ่มจะพอเข้าใจในคำสั่งของหญิงสาว คาเฟรสั่นหน้าและถอยหลังพร้อมกับยืนกอดอกนิ่ง แป้งมองเขาอย่างนึกฉุน

“นายเป็นคนทำบ้านเลอะนะคาเฟร ดังนั้นต้องทำความสะอาด” หญิงสาวยัดผ้าใส่มือของเขาและลากมาที่โต๊ะ “เช็ด!”

คาเฟรดึงมือกลับและพูดอะไรออกมาสองสามคำ กิริยาท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความไว้เนื้อและถือตัว แป้งมองชายหนุ่มนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงเดินไปเปิดตู้เย็นและหยิบขนมปังออกมานั่งกินอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่พูดอะไรจนหมด เธอชำเลืองตามองอีกฝ่ายที่กำลังกลืนน้ำลายและยิ้ม

“ขนมปังหมดแล้วนะ” แป้งแบมือทั้งสองข้างและชี้ไปที่คราบกาแฟที่ชายหนุ่มทำหกไว้ “ถ้านายไม่ทำความสะอาดก็ไม่ต้องกิน”

สีหน้าของคาเฟรเข้มขึ้นทันที เขาเดินตรงไปที่ตู้เย็นและเปิดออกตามที่หญิงสาวทำ ชายหนุ่มดึงของทุกอย่างที่อยู่ภายในออกมาและบ่นเสียงดังเมื่อพบว่าไม่มีอะไรที่กินได้เลยสักอย่าง
คาเฟรหันหน้าไปมองแป้งที่กำลังยืนยิ้ม

“เก็บให้หมด แล้วนายจะได้กิน”

เธอชี้นิ้วไล่ไปตามสิ่งของที่ชายหนุ่มรื้อออกมาก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ ภาพฟาโรห์หนุ่มกำลังก้มหน้าก้มตาเช็ดพื้นและเก็บข้าวของที่เกลื่อนกลาดห้องทำให้หญิงสาวอดหัวเราะออกมาไม่ได้

“ไม่ยักรู้ว่าฟาโรห์ก็น่ารักดีเหมือนกัน” แป้งมองชายหนุ่มที่กำลังบิดผ้าขี้ริ้วด้วยใบหน้าโกรธจัดโดยสายตาชำเลืองกลับมาที่เธอคล้ายจะบอกว่า อยากจะจับหญิงสาวแล้วบิดให้เป็นแบบนี้ด้วยเหมือนกัน แป้งใจหายวาบพลางถอยห่างออกจากเขาอย่างระแวง

“ฉันจะไปอาบน้ำ” หญิงสาวแอบหยิบมีดทำครัวมาถือไว้ในมือโดยพยายามซ่อนไม่ให้เขาเห็นก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อคลุมและก้าวหายเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายอยู่ราวครึ่งชั่วโมงแป้งจึงเปิดประตูและก้าวออกจากห้องน้ำอย่างระมัดระวัง เธอกวาดตามองนอกห้องอย่างระแวงและถอนหายใจด้วยความรู้สึกโล่งอกเมื่อไม่พบชายหนุ่มยืนอยู่ในบริเวณนั้น แป้งหันไปทางห้องครัวและเลิกคิ้วสูงด้วยความรู้สึกทึ่งเมื่อพบว่าข้าวของที่ตกเกลื่อนเมื่อครู่ถูกเก็บจนเรียบร้อย แม้แต่รอยกาแฟบนโต๊ะก็ถูกเช็ดจนสะอาด เธอหันไปมองคาเฟรที่กำลังยืนหน้าบึ้งอยู่อีกด้านหนึ่ง

“เหลือเชื่อว่านายจะทำได้” หญิงสาวเดินไปเปิดตู้เก็บของในห้องครัวและดึงกล่องขนมปังกรอบออกมาพร้อมกับรินนมใส่แก้วส่งให้เขา “ทานเสียสิ”

ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอื้อมมือออกมารับแก้วนมที่แป้งส่งให้ เขายกขึ้นดื่มรวดเดียวหมดจากนั้นจึงรับกล่องขนมปังมาเปิดออกแล้วหยิบใส่ปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย เพียงไม่กี่อึดใจขนมปังกรอบซึ่งเคยมีอยู่เต็มกล่องก็หมดลง คาเฟรยกแก้วน้ำขึ้นดื่มในขณะที่แป้งเลิกคิ้ว

“กินจุแบบนี้ไม่ไหวแน่” เธอบ่นขณะดึงแก้วมากจากมือของเขาแล้วจัดแจงล้างจากนั้นจึงเก็บของทุกอย่างกลับเข้าที่และหันไปทางชายหนุ่มที่กำลังยืนมองการกระทำทุกอย่างของเธอไม่วางตา

“ฉันต้องไปเรียน” แป้งพูดทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่เข้าใจแน่ “เย็นๆถึงจะกลับ ระหว่างนี้ห้ามเธอออกไปไหนอย่างเด็ดขาด” หญิงสาวเอื้อมมือไปหยิบรีโมตมากดปุ่มเปิดโทรทัศน์ เสียงโห่ร้องตะโกนของภาพยนต์ต่างประเทศที่เกี่ยวกับสงครามในอดีตดังลั่น คาเฟรอุทานเสียงดังและก้าวถอยหลังในท่าระวังตัว แป้งพยายามกลั้นหัวเราะกับภาพตื่นตกใจของชายผู้มาจากอดีตกาล

“มันเป็นแค่หนังเท่านั้น อย่าตกใจไปเลย” เธอเคาะนิ้วลงบนหลังเครื่องรับโทรทัศน์สองสามครั้ง “มายืนใกล้ๆสิ” หญิงสาวกวักมือเรียกคาเฟร อีกฝ่ายมองเธออย่างระแวง

“มันฆ่าเธอไม่ได้หรอกน่า” แป้งพูดอย่างนึกรำคาญและเดินไปคว้ามือของเขามายืนใกล้ๆโทรทัศน์ “ลองจับดูสิ แค่กล่องสี่เหลี่ยมที่มีภาพเคลื่อนไหวอยู่ข้างในเท่านั้นเอง เห็นไหม” เธออธิบายราวกับผู้ใหญ่กำลังสอนเด็ก

“แล้วนี่ ถ้านายไม่อยากดูช่องนี้ก็กดปุ่มที่นี่ มันจะเปลี่ยนไปช่องอื่นให้” พูดพลางกดปุ่มสาธิต คาเฟรมองการกระทำของแป้งอย่างสนใจ เขารับรีโมตมาจากมือของหญิงสาวและเริ่มกดปุ่มทีละอัน

“ถ้าหิวน้ำก็ไปเปิดตู้เย็นนะ” แป้งทำท่ายกน้ำขึ้นดื่มและชี้นิ้วไปที่ตู้เย็น “ห้ามรื้อค้นข้าวของในห้องฉันเป็นอันขาด จะเข้าไปนั่งเล่นในห้องสมุดก็ได้แต่ห้ามแตะอะไรทั้งนั้น เข้าใจไหม”

คาเฟรพยักหน้ารับคำทั้งที่ไม่เข้าใจคำพูดของหญิงสาวเลยสักอย่าง เขากดปุ่มเลือกช่องรายการไปมาอย่างอยากรู้อยากเห็นจนแทบไม่สนใจสิ่งรอบตัว แป้งมองเขาอย่างนึกเอ็นดูขึ้นมา

“อย่าไปจำคำพูดในละครมาล่ะ” แป้งเตือนพลางเดินไปจัดแจงแต่งตัวและเตรียมอุปกรณ์การเรียน “มันจะทำให้นายกลายเป็นคนไร้สมองได้”

คาเฟรทำเสียงในลำคอทั้งที่ดวงตายังคงจับจ้องสารคดีเกี่ยวกับอียิปต์ในโทรทัศน์ แป้งมองเขาด้วยความรู้สึกทั้งเป็นห่วงและระแวงก่อนจะจัดแจงแต่งตัวและคว้ากระเป๋าของเธอเดินไปที่ประตู หญิงสาวหันหน้ากลับไปมองชายหนุ่มอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจก้าวออกจากห้องและกดรหัสปิดล็อคเพื่อป้องกันมิให้ผู้ที่เธอคิดว่าเป็นฟาโรห์จากอดีตสามารถออกมาได้ แป้งยืนมองประตูห้องของตัวเองนิ่งอยู่ครู่หนึ่งพลางพูดพึมพำ

“นายเป็นอะไรกันแน่ แล้วทำไมอยู่ๆถึงมาปรากฏตัวในห้องฉัน” เธอระบายลมหายใจก่อนจะหมุนตัวหันไปยังลิฟท์ ความคิดอันสับสนวิ่งวนอยู่ในสมองขณะที่หญิงสาวกดปุ่มเพื่อเรียกลิฟท์ให้ขึ้นมา

“และถ้าหากนายคือเจ้าของโถคาโนปิคนั่น อะไรกันที่ทำให้นายฟื้นขึ้นมาจากความตาย”

แป้งตั้งคำถามกับตัวเองเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ประตูลิฟท์เปิดออก หญิงสาวรีบก้าวเข้าไปโดยสายตายังคงจับจ้องที่ห้องของตนจนบานประตูโลหะเลื่อนปิดสนิท ลิฟท์เคลื่อนที่ลงสู่ชั้นล่างอย่างเชื่องช้าและเปิดออกเมื่อถึงชั้นล่างสุด แป้งเอ่ยคำทักทายลุงผันเหมือนดังเช่นทุกวันจากนั้นจึงเดินทางออกจากคอนโดมุ่งหน้าตรงไปยังมหาวิทยาลัยของเธอซึ่งตั้งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำเจ้าพระยา

*/*/*/*/*



นางเอกพบกับพระเอกแล้วนะคะ แต่คนจากอดีตจะเข้ากับหญิงสาวยุคปัจจุบันได้หรือไม่ อันนี้ก็คงต้องติดตามกันต่อไป
ตอบคำถามกันค่า ^0^
Pulala – คาเฟรโผล่มาให้กรี๊ดแล้วค่ะ
หนอนฮับ – ขอบคุณมากค่ะ ถึงจะตามไปอ่านในเด็กดีแต่ก็ขอฝากนิยายเรื่องนี้ ที่นี่ด้วยนะคะ



มุนีรัตน์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.ย. 2555, 19:04:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ก.ย. 2555, 19:04:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 1278





<< บทที่ 2 บทสวดแห่งความตาย   บทที่ 4 การเรียนรู้ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account