คานน้อย คอยรัก (จบแล้วค่ะ)
คานน้อย คอยรัก

ในลักษณ์นั้นว่าประหลาด…………….คนบนคานนั้นว่าน่าประหลาด
เป็นเชื้อชาตินักรบกลั่นกล้า…………...เป็นเชื้อชาตินักรักผู้หาญกล้า
เหตุไฉนย่อท้อรอรา…………………..เหตุไฉนย่อท้อรอเวลา
ฤาจะกล้าแต่เพียงวาที…………………ฤาไม่กล้าบอกรักใครสักที

เห็นแก้วแวววับที่ดับจิต…………………เห็นคานแก้วแวววับสดับจิต
ใยไม่คิดอาจเอื้อมให้ถึงที่……………...ใยไม่คิดปีนไปให้ถึงที่
เมื่อไม่เอื้อมจะได้อย่างไรมี……………อย่ามัวรอจงขึ้นมาเร็วรี่
อันมณีฤาจะโลดไปถึงมือ………………บนคานนี้มีรักให้ฝึกปรือ

อันของสูงแม้ปองต้องจิต………………..คานเราสูงไม่เป็นรองของใครอื่น
ถ้าไม่คิดปีนป่ายจะได้ฤา………………..อย่าได้ขืนลงไปให้เสียชื่อ
มิใช่ของตลาดที่อาจซื้อ………………….มิใช่ทองตามตลาดที่อาจซื้อ
ฤาแย่งยื้อถือได้โดยไม่ยอม……………..เพราะเราถือความพอใจจึงลงไป

ไม่คิดสอยมัวคอยดอกไม้ร่วง……………ไม่คิดสอยมัวคอยให้คานทับ
คงชวดดวงบุปผาชาติสะอาดหอม………..รอให้ดับคาคานหรืออย่างไร
ดูแต่ภุมรินเที่ยวบินตอม…………………..ฤาต้องคอยรักแท้จนแก่ใช่ไหม
จึงได้ออมอบกลิ่นสุมาลี…………………..เกาะคานน้อยคอยรักต่อไป
…………………..........จนกว่าจะเจอคนที่ใช่…ใช่ไหมคาน………………
(อ้างอิงกลอนจากบทละครเรื่องท้าวแสนปม)

มาดูเหตุผลของคนที่ยังไม่ลงจากคานกันค่ะ...
อาจจะมีเหตุผลมากมายที่ไม่อยากลงจากคาน
หรืออาจมีเพียงแค่หนึ่งเหตุผลง่ายๆก็คือ...

...ไม่ใช่คนที่ใช่ก็ไม่ใช่...

หรือว่า

...โดนข้อหาหลายใจ เพราะเคยมีแฟนหลายหน...

หรืออาจเป็นเพรา

...เขาบอกให้รอ เราก็รอ...

หรือจริงๆแล้ว

...ขออยู่รอคนสุดท้ายคนนั้นได้ไหม...

หรือลึกลงไป

...กำลังรอเจ้าชายในฝันอยู่อย่างอดทนได้ทุกอย่าง...

หรือกำลังปลอบใจตัวเองว่า

...ครึ่งหนึ่งของฉันยังมาไม่ถึง...ซึ่งสักวันเขาจะมาอยู่ข้างกัน...

หรือกำลังหลอกตัวเองด้วยการปกปิดว่า

...ไม่หวั่นไหว หัวใจไม่ปรารถนา...

ทั้งๆที่จริงๆแล้ว

...อยากรัก อยากฝัน แต่เพราะกลัว ก็เลยไม่กล้ารักใคร...

หรือว่าอาจจะเป็นเหตผลสุดท้ายที่ไม่ค่อยมีใครกล้ายอมรับดังๆว่า

...ไม่เคยมีใครมาจีบ ไม่มีใครสน เรามันคนธรรมดาๆ...

แต่ไม่ว่าจะเหตุผลใด...

เราก็ยังหวังและยังคงรอคอยปาฏิหาริย์ว่าจะได้เจอคนที่ใช่ในสักวัน...


Tags: ดราม่า หวานซึ้ง อบอุ่น หมอรัง สิ้นรัก วายุ ปองขวัญ

ตอน: ยกที่ 84 คำถามที่ต้องตอบ (100%)

ยกที่ 84 คำถามที่ต้องตอบ

เมื่อวันคลอดมาถึง…สิ้นรักกับอากิโกะถูกลากเข้าห้องคลอดในคลีนิกของรังสิมันต์ที่เกาะรังรัก
พร้อมกันในช่วงเวลากลางดึก
ราวกับเด็กทั้งคู่ได้นัดหมายกันเพื่อจะลืมตาออกมาสูดอากาศภายนอกพร้อมกัน

…รังสิมันต์คือแพทย์ที่กำลังหัวหมุนโดยมีพยาบาลคอยช่วย

ยิ่งเมื่อรับรู้ว่าน้องชายติดธุระด่วนตั้งแต่เมื่อวาน บัดนี้ยังกลับมาไม่ถึง
ยิ่งทำให้อดสงสารน้องสะใภ้ไม่ได้ ทว่าโชคดีที่มีพี่ๆน้องๆ
จากบ้านอาทิตยะคอยอยู่ให้กำลังใจ…

ส่วนทางฝั่งภรรยาของเขาก็มีแมงมุมที่หอบลูกมาอยู่ด้วยก่อนหน้านี้
อีกทั้งพ่อบันรวมทั้งเวนไตยและซาเนีย ทุกคนต่างเฝ้าคอยวันนี้กันมาเป็นเดือน

…และเหมือนลูกสาวของอากิโกะที่เลยกำหนดคลอดมานานแล้ว
จะยังพอใจกับการนอนรอลูกของเขาให้ออกมาก่อน

เนื่องจากปากมดลูกของอากิโกะยังไม่เปิด ทว่าของภรรยาของเขา
ใกล้เวลาคลอดแล้ว

“ทำใจดีๆ หายใจเข้า หายใจออก…”นายหญิงแพรวากำมือลูกสะใภ้ใหญ่เอาไว้
แล้วให้ดื่มน้ำที่มีดอกพระนางเฮาวาซึ่งเป็นดอกไม้สีขาวดอกเล็กๆ
กำลังบานสะพรั่งเต็มกะละมัง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้จะแข็งเหมือนหิน
และไม่ว่าจะแช่น้ำสักเท่าไหร่ก็ยังคงเกาะตัวกันราวกับเป็นหินที่ไร้ชีวิต
เหมือนเป็นต้นไม้ที่แห้งเหี่ยว ทว่า บัดนี้ ราวกับมันรับรู้ว่าจะมีคนใกล้คลอด
เมื่อนำเจ้าต้นพระนางเฮาวามาใส่ไว้ในกะละมังเท่านั้น…
กิ่งก้านที่เคยแข็งราวกับหินก็เหมือนจะมีชีวิตชีวา ค่อยๆยืดกิ่งก้านออกจนเต็มกะละมัง
ซ้ำยังมีดอกสีขาวบานให้เห็น…สร้างความประหลาดใจให้กับทุกๆคนเป็นที่สุด…

“ดื่มน้ำนี้ก่อนนะ…มันมีสรรพคุณช่วยให้คลอดง่าย…
เจ้ารังอุตส่าห์ไปตามหามาจากซาอุฯ เก็บเอาไว้ให้หนู
ตั้งแต่รู้ว่าจะได้แต่งงานกับหนูแล้วล่ะ…”สิ้นรักที่ปวดท้องจับใจ
พยายามข่มความเจ็บแล้วดื่มน้ำที่รสชาติไม่ได้แตกต่างจากน้ำทั่วไป
เพียงแต่จะรู้สึกกร่อยกว่าน้ำปกติ แล้วกล่าวขอบคุณแม่สามี
ก่อนจะหันไปทางรังสิมันต์ที่อยู่ในชุดหมอ ชุดที่เท่ที่สุดในความรู้สึกของเธอ
เธอชอบเขาในชุดนี้ที่สุด ชอบและหลงรักคนในชุดนี้
มาตั้งแต่ได้เจอกันวันแรกที่ได้พบเขาที่โรงพยาบาลจิตเวชโดยที่เขาไม่ทันสังเกตเธอ

…เพราะเหมือนจะเร่งรีบไปที่ไหนสักแห่ง…

“คุณอากิล่ะคะ…อุ้ย อุ้ย…”แม้จะเจ็บอยู่แต่ก็ยังไม่วายถามถึงอีกคน
ที่ร่วมชะตากรรมเดียวกันในตอนนี้…

“ยังไม่ถึงเวลาของอากิ แต่เธอ…พี่จะอยู่ตรงนี้ จนกว่าลูกของเราจะคลอดออกมา
เธอและลูกจะปลอดภัย พี่สัญญา…”รังสิมันต์ลูบศีรษะของภรรยา
แล้วก้มลงจูบที่หน้ากระหม่อมแล้วค่อยๆปาดเหยื่อให้กับเธอ

“พี่รัง รักเจ็บ เจ็บเหลือเกิน…โอ้ย…”

รังสิมันต์ได้ฟังน้ำเสียงและแววตาอันแสนเจ็บปวดของภรรยาที่รัก
ก็อยากจะแบกความเจ็บปวดนั้นมาไว้เสียเอง

“พี่รัง…ช่วยรักด้วย…รักเจ็บ…เจ็บ…โอ้ย…พี่รัง…ลูก…ลูก…”
สิ้นรักร้องโอดครวญด้วยความเจ็บที่ชั่วชีวิตนี้ไม่เคยพานพบมาก่อน

“ทำใจดีๆเอาไว้นะครับคนดีของพี่…พี่จะช่วยพาลูกของเราออกมา…
หายใจเข้าลึกๆ…ผ่อนลมหายใจ…”รังสิมันต์พยายามปลอบภรรยา
ที่ตกอยู่ในห้วงของความเจ็บปวด…

“พร้อมนะครับ…หายใจลึกๆ…อย่างนั้น…พอพี่บอกให้เบ่งก็เบ่งนะครับ…เบ่งครับ…อึดดด…”

แล้วเวลาแห่งความเจ็บปวดในชีวิตผู้หญิงก็เริ่มขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
ก่อนจะจบลงพร้อมกับเสียงร้องของเด็กน้อยที่ผู้เป็นแม่ทราบดีและรู้มาตลอด
ว่าเป็นเพศใดกำลังแผดเสียงก้องใสและกังวาน…


รังสิมันต์ตัดสายสะดื้อลูกน้อยแล้วทำความสะอาด และจัดการทุกๆขั้นตอน
ก่อนจะนำลูกน้อยมานอนข้างๆแม่ที่สลบเพราะหมดแรงไปแล้ว

หลังจากนั้นเขาก็ก้มลงที่หูข้างขวากล่าวบางอย่างกับลูกน้อย
เสร็จแล้วก็รีบหันไปทางมารดา…

“ผมได้ลูกชายครับแม่…ลูกของผมเป็นผู้ชายครับ…”

น้ำเสียงและสีหน้าตื้นตันและมีความสุขของลูกชายทำให้คนเป็นแม่
ระบายยิ้มออกมาก่อนจะรับหลานชายมาอุ้มเอาไว้

“หลานย่า…ช่างน่ารักเหลือเกิน…”นายหญิงแพรวาไม่อาจข่มความรู้สึกดังกล่าว
ยามที่ได้มองเด็กตัวน้อยๆที่แม้จะเพิ่งคลอดออกมา
ทว่าดวงตากลับกลมแบ๋ว มองเธอใหญ่เลย ซ้ำยังส่งยิ้มมาให้อีก

“ดูจะยิ้มเก่งเหมือนแม่นะเจ้ารัง คลอดออกมาไม่กี่นาทีก็ยิ้มเป็นแล้ว…
สงสัยจะเป็นเด็กร่าเริง…แม่ดีใจด้วยนะเจ้ารัง…ดีใจด้วยจริงๆ…
รู้มั้ยว่า ตอนเมียเราลืมตาดูโลก ก็ทำตาแบ๋วมองมาที่แม่แบบนี้แหล่ะ…”

รังสิมันต์มองลูกน้อยแล้วหันไปมองแม่ของลูกก่อนจะก้มลงปัดปอยผมให้ด้วยแววตาอ่อนโยน

“ขนาดผมทำให้เธอร้องไห้แค่ไหน แต่ลูกเหมือนจะรับรู้มาตลอด
ว่าพ่อเขาเองก็รักแกรักแม่ของแกแค่ไหน…”รังสิมันต์พึมพำด้วยแววตาสำนึกผิด
เขาผิดที่เคยทำร้ายจิตใจแม่ของลูกมาตลอด…

เขายังแปลกใจตัวเองอยู่ไม่น้อยที่เป็นไปได้ถึงขนาดนั้น…
เขาไม่เคยควบคุมตัวเองไม่ได้ขนาดนั้นมาก่อนเลยในชีวิต…

ทว่า แปลก…เพียงแค่ได้เห็นหน้าลูกชาย หัวใจของเขาก็พลันสงบนิ่ง
ดั่งสายน้ำที่เยือกเย็น ลุ่มลึก คลายร้อน สู่ความชื่นใจ…
หลังจากที่ไม่ได้สัมผัสกับความสงบในหัวใจเช่นนี้มาหลายเดือน
และเหมือนมันจะกินระยะเวลานานตั้งแต่วันที่ยัยตัวเล็กตั้งครรภ์

เขาไม่อยากจะคิดว่า อารมณ์หงุดหงิดงุ่นง่านและความผันผวนทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้นั้น
เป็นผลพวงมาจากอาการแพ้ท้องขั้นรุนแรงของเขา
เพราะอารมณ์พวกนั้นมันไม่น่าจะเกิดขึ้นกับเพศชายอย่างเขาเลย…
แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว…และเหมือนจะนึกถึงอีกคนขึ้นมา

“ผมฝากลูกเมียของผมด้วยนะครับ…”พูดจบก็หันไปทางอากิโกะ
ที่นอนอยู่เตียงข้างๆซึ่งเพิ่งถูกลากเข้ามา…

“ผู้ชายครับ…”รังสิมันต์ตอบหญิงสาวเมื่อเห็นแววตาคำถามจากเธอ

“ดีใจด้วยนะคะ…ว่าแต่รักยังมาไม่ถึงเลยค่ะ…”

อากิโกะนึกถึงสามีจับหัวใจ อยากให้เขามายืนอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างๆเธอ…
เธอเคยผ่านการคลอดมาแล้ว และรู้ว่ามันยิ่งใหญ่แค่ไหน…จนอดหวาดกลัวไม่ได้…

“เดี๋ยวก็คงจะมาถึงครับ…”

และเหมือนจะจริงดังคาด ร่างของฑยาวีย์ก็โผล่เข้ามาในห้องคลอดทันทีที่รังสิมันต์พูดจบ…
ทำให้คนใกล้คลอดถึงกับยิ้มออกมาด้วยความดีใจ

“ผมมาแล้วนะครับ…”ฑยาวีย์ที่รีบเข้ามาหาภรรยากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน…
แล้วลูบหัวภรรยาด้วยความรักใคร่…

“เหมือนลูกจะรอคุณเลย…ฉันปวดมาจนรุ่งสางแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ยอมออกมา…”
อากิโกะกล่าวออกมา เนื่องจากเธอปวดๆหายๆมาทั้งคืนแล้ว
ทว่าลูกน้อยเหมือนจะยังคงรอพ่อของตัวเองอยู่…
ฑยาวีย์ยิ้มกว้างก่อนจะหันไปทางพี่ชาย

“ช่วยเมียและลูกผมด้วยนะพี่รัง…ถ้าผมทำคลอดได้อย่างพี่ก็คงจะดีกว่านี้…
อิจฉาพี่รักจริงๆที่ได้สามีอย่างพี่ทำคลอดให้…ว่าแต่…”

“แม่เด็กหลับไปแล้ว สงสัยคงหมดแรง แต่ปลอดภัยดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
ส่วนลูกพี่เป็นผู้ชาย…แกคงเดาออกว่าพี่จะตั้งชื่อลูกคนนี้ของพี่ว่ายังไง…”
ฑยาวีย์ยิ้มให้พี่ชายก่อนจะหันไปทางมารดาที่กำลังยืนอุ้มหลานชายอยู่

“แม่กำลังรอหลานสาวอีกคนอยู่ จะได้พาออกไปสูดอากาศข้างนอกพร้อมกันเลยทีเดียว…”
นายหญิงแพรวากล่าวออกมา เนื่องจากรู้ดีว่าคนข้างนอกคงกำลังลุ้นกันตัวโก่ง
ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร…




ไม่นานนัก…ทารกเพศหญิงตัวน้อยก็ลืมตาดูโลกด้วยน้ำหนักตามเกณฑ์มาตรฐาน
ส่วนแม่เด็กยังพอมีแรงอีกเพียบด้วยเพราะมีประสบการณ์ในการคลอดลูกแฝด
ที่แสนจะยากลำบากมาก่อน เลยนอนมองลูกน้อยที่ถูกส่งมาให้จากมือของพี่ชายสามี
ผู้ทำคลอดให้เธอ

ฑยาวีย์ก้มลงที่หูข้างซ้ายของลูกสาวและกล่าวอะไรบางอย่าง
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าภรรยาที่อุ้มลูกเขาเอาไว้ในตักแล้วยิ้มออกมาด้วยสีหน้าเป็นสุข…

“ลูกแก้ว อัญมณีของพ่อ…”อากิโกะยิ้มกว้างกับชื่อที่พ่อของลูกกับเธอช่วยกันตั้งให้
ไม่คิดว่าเม่ือเจ้าตัวได้ยินชื่อแล้วจะยิ้มออกมา…

“ดูสิคะ ลูกเรายิ้มด้วย…สงสัยคงชอบชื่อนี้…”

“พี่ดีใจด้วยนะเจ้ารัก…”

“เช่นกันครับพี่รัง…”

และแล้วนายหญิงแพรวาที่อดไม่ไหว อยากอุ้มหลานทั้งสองพร้อมกันก็เดินเข้ามาหา

“แม่ยังไม่แข็งแรง อย่าเพิ่งเลยครับ เดี๋ยวผมขออุ้มเอง…”

“งั้นแม่ขออุ้มลูกแกออกไปข้างนอกนะเจ้ารัง…”รังสิมันต์พยักหน้า
ก่อนจะหันไปทางภรรยาที่นอนหลับอยู่ด้วยแววตาห่วงใย

“ผมขอไปดูยัยตัวเล็กก่อนนะครับแม่…ฝากลูกไอของผมด้วยนะครับ…”

“นี่อย่าบอกนะว่าเราจะตั้งชื่อหลานชายคนนี้ของแม่ว่า รังรักน่ะ…”รังสิมันต์พยักหน้า

“ก็เขาเป็นลูกของรังกับรักนี่ครับ…และชื่อเล่นของเขาในภาษาญี่ปุ่นก็แปลว่า ความรัก…
ไอจัง ลูกรักของผมไงครับแม่…”คนเป็นแม่พยักหน้า

เป็นอันว่า ตอนนี้หลานชายและหลานสาวของเธอมีชื่อให้ทุกคนที่รออยู่ข้างนอกเรียกแล้วน่ะสิ…

“นอนหลับพักผ่อนก่อนนะที่รัก…เรื่องลูกไม่ต้องห่วง…
ผมจะดูแลให้อย่างดีเลย…รับรองว่าตอนที่คุณตื่นมา ลูกของเราจะต้องหัวเราะได้แน่ๆ…”

ฑยาวีย์หันไปทางภรรยาที่นอนระบายยิ้มอยู่บนเตียงด้วยน้ำเสียงสดใส…
ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มแห่งความสุข…

นายหญิงแพรวากับฑยาวีย์จึงอุ้มเด็กทั้งสองออกไปสูดอากาศข้างนอก
โดยมีพยาบาลที่ทำหน้าที่เสร็จแล้วเดินตามไปด้วย
เพราะอยากสัมผัสกับบรรยากาศที่แสนจะครึกครื้นและอบอุ่นภายนอกกับเขาบ้าง

เหลือคนสามคนในห้องคลอด โดยที่อากิโกะที่แม้จะไม่หมดแรง
แต่ก็เพลียจนหนังตาเริ่มหนัก…จึงค่อยๆเอนหลังและหลับไป

รังสิมันต์เห็นดังนั้นก็ยิ้มบางก่อนจะเดินไปยังเตียงของภรรยา ลูบผมเธออย่างแผ่วเบา…

“พี่รักเธอนะยัยตัวเล็ก…ขอบใจเธอมากนะที่ทำให้พี่มีความสุขอย่างที่ไม่เคยสุขเช่นนี้มาก่อน…
ถ้าเธอตื่นมาได้เห็นหน้าลูก เธอจะรักเขาไม่น้อยไปกว่าพี่

…เขาไม่ดื้อ ไม่หัวแข็งเลย…
ตอนพ่อเขาบอกให้เขาค่อยๆเคลื่อนตัวออกมา เขาก็ออกมาอย่างว่าง่าย…
คลอดออกมาก็ยิ้มร่า…ลูกเราน่ารักเหลือเกินยัยตัวเล็ก…”

รังสิมันต์กุุมมือสิ้นรักมาไว้แนบแก้ม
ความรู้สึกผิดเกาะกินหัวใจจนยากจะบรรยาย…

“ที่พี่เคยบอกว่ารักเธอวันนั้น…แม้จะผ่านมานาน…แต่มันก็ยังจริงเสมอ…
พี่ขอโทษนะที่เป็นสามีให้เธอได้ไม่ดีเลย
แต่พี่ไม่เคยรักเธอน้อยลงเลยสักวัน เพราะเธอคือคนที่รักพี่จริง…
อดทนกับพี่ แม้สักคำเธอก็ไม่เคยบ่น…

พี่สัญญานะ ว่าจากนี้ พี่จะดีให้เหมือนที่เธอดีกับพี่…ขอแค่มีเธอ
แค่ขอมีเธออยู่กับพี่…พี่จะพยายามเป็นสามีที่ดีให้ได้…”

รังสิมันต์ก้มลงจุมพิตหน้าผากสิ้นรักที่กำลังหลับสนิทอยู่ด้วยรักและรู้สึกผิด

สำหรับเขา…นี่คือคำมั่นสัญญาว่าจากนี้ไป จะรักเธอให้ดีที่สุด…
จะทำให้เธอและลูกมีความสุขที่สุดเท่าที่ผู้ชายอย่างเขาจะทำได้…


ทว่า…เหมือนมันจะสายไปเสียแล้ว!!!


…เมื่อเวลาผ่านไปแค่หนึ่งสัปดาห์หลังคลอด
สิ้นรักก็ทิ้งจดหมายลาพร้อมขวดนมที่บรรจุน้ำนมอีกสามขวดเอาไว้บนหัวเตียงนอน…

รังสิมันต์หยิบมันขึ้นมาคลี่อ่านด้วยแววตาตกใจอย่างไม่คาดคิดว่าเธอจะทิ้งเขากับลูกน้อย
ที่มีอายุแค่เพียงหนึ่งสัปดาห์ไปได้ลงคอ…กับถ้อยคำสั้นๆที่เธอทิ้งไว้

“รักทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเสร็จสิ้นแล้ว…”


รังสิมันต์หมดเรี่ยวแรงจนทำกระดาษร่วงหล่นจากมือ แววตาเลื่อนลอย

…มันสายเกินไปแล้วหรือ ไม่คิดเลยว่าเธอจะด่วนตัดรอน
ทิ้งเขาและลูกน้อยที่ไม่รู้อิโหน่อีเหน่อะไรไปเช่นนี้…

…ยังไม่ทันได้พูดจากัน ยังไม่ทันได้เอ่ยคำลา เธอก็มาด่วนตัดสินใจจากไปอย่างไร้ร่องรอย
หรือลางบอกเหตุใดๆเลยแม้แต่นิดเดียว…

...ไม่คิดเลยว่า...การจากลาได้เดินทางมาถึงทั้งๆที่ยังไม่ทันได้เตรียมหัวใจเลยแม้แต่นิด
...ไม่คิดเลยว่า...การเอ่ยคำสั้นๆมันจะสายเกินไป...

เขายังจำเสียงร้องเพลงกล่อมลูกเข้านอนของเธอเมื่อคืนได้จับหัวใจ
เพลงที่เธอมักจะร้องกล่อมลูกให้หยุดงอแง
บทเพลงนั้นมันกลับมาดังก้องอีกครั้งในยามนี้…


守りもいやがる 盆から先にゃ
雪もちらつくし 子も泣くし

morimoiyagaru bonkarasakinya
yukimochiratsukushi komonakushi

ไม่ชอบเลยกับการดูแลเด็ก หลังเทศกาลเซ่นไหว้บรรพบุรุษผ่านไป
หิมะก็โปรยลงมา เด็กก็เอาแต่ร้องไห้

盆がきたとて なにうれしかろ
帷子(かたびら)はなし 帯はなし

bongakitatote naniureshikaro
katabirawanashi obiwanashi

ถึงแม้เทศกาลเซ่นไหว้บรรพบุรุษจะผ่านไปแล้ว
แต่ทำไมฉันถึงต้องดีใจด้วยล่ะ
คาทาบิระก็ไม่มี โอบิก็ไม่มี

この子よう泣く 守りをばいじる
守りも一日 やせるやら

konokoyounaku moriwobaijiru
morimoichinichi yaseruyara

การเลี้ยงดูเด็กน้อยขี้แยคนนี้เพียงแค่หนึ่งวัน
ก็ทำให้ผ่ายผอมลง

はよも行きたや この在所(ざいしょ)超えて
むこうに見えるは 親のうち

hayomoyukitaya konozaishyokoete
mukounimieruwa oyanouchi…

ฉันอยากจะกลับไปเร็วๆเหลือเกิน กลับไปยังบ้านเกิด
ที่ที่ฉันสามารถมองเห็นได้ตรงโน้น คือ บ้านพ่อแม่ของฉันเอง…

(จากบทเพลง takeda no komori no uta หรือแปลชื่อเพลงเป็นภาษาไทยได้ว่า
เพลงกล่อมเด็กแห่งเมืองทาเคดะ ซึ่งเมืองดังกล่าวตั้งอยู่ในจังหวัดเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น)


รังสิมันต์น้ำตาร่วงหนึ่งหยดเมื่ออุ้มลูกรักที่กำลังส่งเสียงร้องงอแงขึ้นมากอดเอาไว้แนบอก…
ก่อนจะหยิบขวดนมส่งเข้าปากลูกน้อย

ทว่า ลูกชายของเขากลับดื้อดึงไม่ยอมดื่มกิน…

รังสิมันต์กัดปากจนฮ้อเลือดเมื่อมองลูกรักในอ้อมกอด…

ร่างกายของชายร่างยักษ์กำลังสั่นสะท้าน น้ำตาไหลลงมา
อย่างไม่อายลูกน้อยที่กำลังร้องแข่งกับพ่อของเขาอยู่…

…ในชีวิตไม่เคยมีใครทำให้เขาร้องไห้ได้ขนาดนี้มาก่อน…

…น้ำตานี้เขาแน่ใจว่ามันไม่ได้เกิดมาจากความอ่อนแอ เขาแค่...แค่สงสารลูกน้อยในอก…

…ลูกน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่กี่วัน ก็ถูกพรากจากอกแม่
แล้วพ่ออย่างเขาจะหาน้ำนมที่ไหนมาให้ลูกได้ดื่มกิน…

น้ำนมที่แม่ของลูกบีบเอาไว้ให้ ลูกน้อยก็ไม่ยอมดื่มกิน…
เขาจนด้วยปัญญาจะทำให้ลูกน้อยหยุดร้องไห้ได้…เขาทำไม่ได้…

และเหมือนลูกของเขาจะยิ่งร้องไห้หนักเมื่อเขาโยกไปมา…

“พ่อขอโทษ พ่อผิดเอง…พ่อผิดเอง…”รังสิมันต์พยายามโยกลูกชายไปมา
หวังจะให้ลูกน้อยหยุดร้องไห้ ทว่ากลับไร้ผล…

จนทำให้นายหญิงแพรวาที่อยู่ด้านล่างต้องขึ้นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ทำไมหลานชายที่แสนเริงร่าได้เปลี่ยนเป็นเด็กขี้แยไปได้…

แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นตาแดงๆของลูกชาย…
นายหญิงแพรวาแน่ใจว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน…

“หนูรักไปไหน…ทำไมลูกร้องไห้ขนาดนี้แล้วยังไม่มาหาอีก…”

รังสิมันต์หันไปทางมารดาที่ยื่นมือมาเพื่อขอรับหลานไปอุ้ม…

“เธอไปแล้วครับแม่…เธอทิ้งผมกับลูกไปแล้ว…”แพรวาถึงกับตกใจ
แทบทำเอาหลานชายในมือตก…
ก่อนจะมองหน้าลูกชายราวกับจะย้ำให้แน่ใจว่า หูเธอไม่ได้ฝาดไป…

รังสิมันต์พยักหน้าเป็นการยืนยัน
เท่านั้นคนฟังก็ถึงกับคอแห้งผากก้มมองหลานชายในอ้อมกอดนิ่ง

“ทำไม เกิดอะไรขึ้น…แม่ไม่เชื่อหรอกว่า เมียเราจะใจดำทิ้งลูกที่น่ารักขนาดนี้ไปได้ลงคอ…
แม่ไม่มีทางเชื่อ…”นายหญิงแพรวาพูดไปก็น้ำตาไหลไปด้วยความสงสารหลานชายจับขั้วหัวใจ…
ไหนจะลูกชายของเธออีกเล่า…รายนี้แม้ภายนอกดูจะเข้มแข็งแค่ไหน
แต่ถ้าเจอเข้าแบบนี้ เธอก็ไม่แน่ใจว่ายังจะไหวอีกหรือเปล่า

ศึกนอกว่าหนักหนาแล้ว ทว่าลูกชายก็ยังต้องมาแบกรับศึกในอีก...

“แม่อย่าถามผมเลยว่าเพราะอะไร…ผมไม่อยากตอบ…
และผมจะไม่มีทางเชื่อ ผมไม่เชื่อว่าผู้หญิงที่ผมรักมาตลอดจะเป็นคนใจดำ…”

แล้วเสียงเด็กน้อยที่ยังร้องงอแงไม่ยอมหยุด
ก็เรียกให้แม่นมของสิ้นรักต้องขึ้นมาดูด้วยอีกคน ตามติดมาคือบันลือ

“ขอหลานให้ฉันแพรวา…”บันลือส่งมือมาเพื่อรับหลานชายไปอุ้ม
และก็เหมือนเป็นสิ่งมหัศจรรย์ เด็กน้อยหยุดร้องไห้ทันที…
ก่อนจะยิ้มให้บันลือตาแป๋ว…ทำเอาคนที่เห็นเหตุการณ์ถึงกับประหลาดใจ

“แม่เขาไปไหน…ทำไมไม่มาดูลูก…”บันลือพูดพลางมองหาลูกสาว
ทว่าหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ จนต้องหันไปถามด้วยสายตากับลูกเขย…
รังสิมันต์กลืนน้ำลายลงคอที่กำลังแห้งผาก แล้วนิ่งไปไม่ยอมตอบ…

“ใครตอบฉันได้บ้างว่าสิ้นรักหายไปไหน…”น้ำเสียงนั้นแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจ
เพราะปกติบันลือจะไม่เรียกลูกสาวด้วยชื่อเต็มๆแบบนี้
นอกเสียจากเวลาไม่พอใจลูกสาวจนสุดขีดเท่านั้น…

“เธอรู้มั้ยแพรวา…”เมื่อไม่ได้คำตอบจากลูกเขยเลยหันไปถามแม่ของลูกเขยแทน…
ทว่านายหญิงแพรวากลับพูดไม่ออกราวกับน้ำท่วมปาก…

เป็นแม่นมของสิ้นรักที่เห็นกระดาษตกอยู่บนพื้นจึงหยิบขึ้นมาดู
แล้วก็ได้เห็นบทความดังกล่าว ก่อนจะส่งมันให้บันลือ

บันลือพ่นลมหายใจออกมาแล้วขยี้กระดาษแผ่นนั้นราวกับจะให้แหลกคามือ
พ่นคำพูดที่ทำเอาคนฟังถึงกับสะท้านแทนอีกคนที่โดนคาดโทษ…

“โกรธพ่อเด็กแล้วพาลไม่ให้ลูกกินนม มันใช้ได้ซะที่ไหน อย่าให้เจอตัวนะ…”
บันลือก้มมองหลานชายแล้วก็ให้โกรธลูกสาว…

“หรือว่าผิดที่ฉัน…เพราะฉันเลี้ยงลูกไม่โตใช่มั้ยแพรวา...”

เสียงคำรามดังอยู่ในลำคอที่ตีบตัน…ไม่คาดคิดว่าลูกสาวจะกล้าทำกับลูกน้อยตาดำๆ
ที่เบ่งออกมาเองได้ลงคอ…

“บอกคนให้ออกตามหาให้ทั่ว…ลากตัวมารับโทษให้ได้…”
บันลือหันไปสั่งลูกเขยที่ยังคงยืนนิ่งราวกับหุ่นขี้ผึ้ง…

“ถ้าจะผิด…ก็คงเป็นผมที่ผิด…ผมผิดเองครับอาบัน…
ผมทำร้ายจิตใจเธอเอาไว้มาก มากจริงๆ
เธออาจจะสงสารผมถ้าเอาลูกไปด้วย เลยทิ้งลูกเอาไว้ให้ผม
ถ้าอาจะตามหาตัวเธอมาลงโทษ อาลงโทษผมเถอะ…
เพราะผมคือต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด…”

รังสิมันต์คุกเข่าลงต่อหน้าบันลือ
พ่อตาที่ตั้งใจฝากลูกสาวเอาไว้ให้เขาดูแล แต่เขากลับทำหน้าที่นั้นบกพร่อง
จนเธอหมดความอดทนที่จะใช้ชีวิตคู่กับสามีอย่างเขา…
ถ้าเธอเอาลูกน้อยไปด้วย เขาคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแน่ๆ…

บันลือมองภาพลูกเขยที่ออกหน้ารับโทษแทนลูกสาวก็ให้นึกถึงตอนเด็กๆ
ที่คนตรงหน้าเขารับผิดแทนลูกสาวของเขา
และยังเคยเอากายเข้าบังเพื่อออกรับไม้เรียวแทนลูกสาวของเขา...

“งั้นตอบฉันมาซิ ว่าฉันควรทำยังไงกับลูกเขยแย่ๆอย่างแกดี…”

บันลือก้มมองลูกเขยด้วยแววตาไม่ไหวติง ก่อนจะมองหลานชาย
ที่เหมือนจะจ้องเขาตาเขม็ง เห็นแล้วให้นึกสงสาร…

แววตาเจ้าหลานชายนี่มันไม่ต่างจากแววตาของพ่อของตัวเองเลยสักนิด
แม้ดูเผินๆจะกลมโตสุกใสเหมือนลูกกะตาของลูกสาวของเขาก็ตาม…

คิดไปคิดมา ก็ให้อ่อนอกอ่อนใจ จนแล้วจนรอด บันลือก็ต้องพ่นลมหายใจออกมา…

“ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุด…ก็คือ…ตามหาแม่นมมาให้หลานฉันก่อน
ส่วนลูกสาวไม่รักดีของฉัน ฉันจะจัดการตามล่าหาตัวมาให้ได้เอง…”

นายหญิงแพรวาได้ฟังดังนั้นก็ถึงกับโล่งอก ที่บันลือไม่ได้ทำอะไรลูกชายของเธอ
เนื่องจากรู้ดีว่าคนตรงหน้าเวลาเอาจริงขึ้นมาล่ะก็...เขาทำได้ไม่หยอกเลย....




.....................................................
.....................................................

“เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดค่ะพี่รัง ปองไม่เชื่อ…”

ปองขวัญที่ได้รับฟังข่าวของเพื่อนรักก็รีบเดินทางมายังเกาะรังรักทันที
พร้อมด้วยคุณสามีที่แม้จะยุ่งกับงานสักเพียงใดก็ยังต้องสลัดทิ้งไป
ด้วยนึกเป็นห่วงคนที่หายตัวไป…

“แกแน่ใจแล้วเหรอว่านาโนทิ้งแกไปจริงๆ…คือ…ฉันไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
วายุสบตาเพื่อนรักที่คบกันมานานตั้งแต่สมัยเรียนก็ให้เห็นใจ…
ยิ่งเห็นแววตาหมองๆคู่นั้นยิ่งให้สงสาร

“เพราะอะไรคะพี่รัง…ไอ้สิ้นถึงได้ทิ้งลูกน้อยตาดำๆไปแบบนี้…”

รังสิมันต์ได้แต่นั่งนิ่ง เขาไม่อยากจะตอบคำถามเหล่านี้เลย…
ตอนนี้เขาแทบจะเป็นบ้า…เกาะรังนกสองแห่งเพิ่งโดนมือดีลักลอบขโมยรังนกที่เก็บได้ไป
มูลค่ามิใช่น้อย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเท่ากับว่ากำลังมีคนในเป็นไส้ศึก…

ซ้ำคนงานยังลุกขึ้นมาประท้วงเรียกร้องที่พักอาศัย
หลังจากโดนวางเพลิงไปเมื่อไม่กี่วันก่อน…โดยที่ยังจับมือใครดมไม่ได้…

ไหนจะเรื่องโรงแรมที่ลูกค้าลุกขึ้นมาโวยวายว่ามีตัวเรือดในห้องพัก
ซึ่งที่ผ่านมาโรงแรมของตระกูลเขาไม่เคยมีสัตว์ดังกล่าว
เกาะอยู่ตามเตียงนอนเลย…นี่เป็นครั้งแรก และมันเป็นเรื่องจริง
ที่ต้องปิดห้องในโรงแรมอีกหลายห้องเพื่อกำจัดตัวเรือด…

กระแสข่าวที่โหมกระพือออกไปทำให้โรงแรมระดับห้าดาวที่มารดาของเขา
รักยิ่งกว่าสิ่งใดขาดลูกค้า…จนเข้าขั้นวิกฤต โชคดีที่ในส่วนนี้มีน้องชายคอยช่วยเหลือ
แม้เจ้าน้องชายของเขาจะยุ่งและดำเนินธุรกิจด้านสวนปาล์ม
และยางพาราเป็นหลักก็ตามที…

“แล้วน้องไอเป็นไงบ้างคะ…”ปองขวัญเห็นสีหน้าอดีตพี่รหัสไม่ค่อยจะสู้ดีนัก
จึงหันไปถามถึงเจ้าหลานชายแทน…

“ตอนนี้อยู่กับคุณตาของเขา…ไม่เอาใครสักคน…นมก็ไม่กิน…”

รังสิมันต์กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แววตานิ่งราวกับทะเลที่ไร้คลื่น
ซึ่งมันผิดวิสัยที่ทะเลจะไร้คลื่นเช่นนี้

“เอางี้มั้ยรัง…พอดีที่โรงแรมของฉัน มีแม่บ้านที่กำลังอยู่ในช่วงให้นมลูกอยู่คนนึง
แต่ลูกป่วยเป็นไข้สมองอักเสบ เพิ่งเสียชีวิตไปหมาดๆ ฉันจะลองไปคุยกับเธอให้
เผื่อว่าเธอสนใจจะมาเป็นแม่นมให้ลูกแก

เพราะดูท่าแล้วลูกแกคงไม่ยอมกินนมจากขวดนมแน่ๆ…
เหมือนลูกแฝดของฉันที่ก็ไม่ยอมกินนมจากขวด ต่อให้เป็นนมที่แม่ของเขา
บีบใส่เอาไว้ให้ก็ตาม…”ปองขวัญมองหน้าสามีแล้วยิ้มออกมา
ก่อนจะมองไปทางลูกน้อยที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเปล…

“ลองดูก็ดีเหมือนกันนะคะ ไม่แน่ว่าน้องไออาจจะยอมดื่มนมของแม่บ้านที่พี่ลมบอกก็ได้…”
รังสิมันต์มองปองขวัญแล้วหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทก่อนจะพยักหน้า แต่ก็ไม่วายกังวลใจ

“เขาจะยอมทิ้งบ้านมาอยู่ที่เกาะเหรอ…”วายุยิ้มบาง

“ฉันว่าไม่น่าจะมีปัญหานะ…เพราะเธอเป็นคนเร่ร่อนน่ะ
ไม่มีบ้านเป็นหลักเป็นแหล่ง ส่วนสามีก็ไม่มีแล้ว เห็นบอกว่าสามีเสียไป
ก่อนที่เธอจะรู้ว่าตั้งท้องด้วยซ้ำ…ตอนนี้เลยเหลือตัวคนเดียว…

ได้มาดูแลลูกแก ฉันว่าเธอคงจะยินดีมากกว่า…อีกอย่างเธอทำงานบ้านเก่ง
เป็นคนที่ไว้ใจได้…ไม่มือไว…เชื่อใจได้…”รังสิมันต์ไม่ขัดอะไร
เพราะไว้ใจสายตาเพื่อนว่ามองคนไม่ผิด…

“ว่าแต่เธออายุเท่าไหร่…”

“ก็ประมาณแกกับฉันนี่แหล่ะ…”

“งั้นก็แล้วแต่แก…รบกวนแกด้วยนะลม…และก็ขอบใจมากที่ช่วยฉัน…”

รังสิมันต์มองเพื่อนและอดีตน้องรหัสด้วยแววตาขอบคุณ

ในสภาวะเช่นนี้ สมองของเขามันตันจนคิดอะไรไม่ออก…
ร่างกายก็อ่อนล้าเกินกว่าจะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นก้าวไปยังวันพรุ่งนี้ได้…
มันหมดเรี่ยวหมดแรงตั้งแต่มองไปรอบบ้านแล้วไม่เจอร่างเล็กบาง
ที่คุ้นตา เตียงที่เคยคิดว่าแคบก็ดูจะกว้างเกินกว่าจะนอนคนเดียวได้…




เมื่อวายุกับปองขวัญลากลับไปแล้ว รังสิมันต์ก็พยุงร่างที่ไร้เรี่ยวแรง
ก้าวไปยังห้องลูกน้อยที่วันนี้ทั้งวันยังไม่ยอมกินอะไรเลยนอกจากน้ำเปล่า
คุณพ่อมือใหม่คุกเข่าลงมองลูกน้อยในเปลที่กำลังหลับใหลด้วยแววตาสงสาร…
พลันนึกไปถึงแม่ของลูก….

…ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอจะอยู่ที่ไหน และกำลังทำอะไรอยู่…
เธอจะคิดถึงลูก คิดถึงเขาเหมือนที่เขากำลังคิดถึงเธอหรือเปล่า…

“พี่คิดถึงเธอเหลือเกินยัยตัวเล็ก…ไม่ว่าเธอจะใจดำทิ้งพี่และลูกไป
แต่พี่ก็ยังคงรักเธอ…แม้จะได้พูดในวันที่มันสาย…พี่รักเธอนะ…

กลับมาได้ไหม…กลับมาอยู่ดูแลลูกด้วยกัน…ลูกต้องการเรา…
เขาไม่ได้ต้องการแค่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่เขาต้องการเรา…ต้องการพ่อและแม่…”

คืนนั้นกว่ารังสิมันต์จะข่มตาหลับลงได้ก็ใกล้สว่างและค่อนข้างโล่งใจ
ที่ลูกน้อยเป็นเด็กดี ไม่ตื่นขึ้นมาร้องไห้งอแงตอนดึกๆ…

เพียงแต่พอตึห้าเท่านั้น ลูกน้อยของเขาก็ปลุกให้เขาตื่น
ทั้งๆที่เขาเพิ่งพริ้มตาหลับไปได้ไม่กี่นาทีเอง…รังสิมันต์ตัดใจจากหมอน
และเตียงนอนลุกขึ้นดูลูก จึงรู้ว่าท่ีลูกกวนเพราะว่าอึเต็มผ้าอ้อมแล้ว…

คุณพ่อมือใหม่จึงต้องลงมือจัดการกับภาระตรงหน้า
เสร็จแล้วก็อาบน้ำประแป้งให้ลูกน้อย แล้ววางลูกชายเอาไว้บนเตียง
นั่งหยอกลูกชายที่ยิ้มแป้นให้เขาอย่างสบายอารมณ์…

สักพักเสียงมารดาของเขาเรียกเขาอยู่หน้าห้อง…
ก่อนจะเปิดประตูเข้ามารับตัวหลานชาย
พาไปยังด้านล่างที่มีคุณตานั่งรออยู่ที่ระเบียงบ้าน…



ยามสายของวันนั้นเอง ที่แม่บ้านที่นายลมเพื่อนของเขาพูดถึงก็เดินทางมาถึงเกาะ

หญิงร่างเล็ก หลังค่อมนิดๆ ซึ่งบ่งบอกว่าทำงานหนักและตรากตรำมาทั้งชีวิต
ใบหน้าที่ดูอมทุกข์ ทำให้ดูหม่นหมอง ไม่สดใส
ห่างไกลกับคำว่าอ่อนกว่าวัยอยู่หลายปี มีผ้าคลุมศีรษะ
ซ้ำยังคลุมมาถึงใบหน้าด้านข้าง เสื้อผ้าก็ดูหลวมๆ ปกปิดส่วนที่พึงสงวนอย่างมิดชิด
เรียบร้อย ไม่รัดรูปเดินเข้ามาหาเขา
พร้อมกับแนะนำตัวกับทุกๆคนด้วยกระดาษหนึ่งแผ่น…

นั่นจึงทำให้ทุกคนรู้ว่า เธอเป็นใบ้…


และขั้นตอนสุดท้ายที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกๆคนก็คือ…
ลูกชายตัวน้อยของเขาดูจะชอบแม่บ้านที่เพื่อนของเขาหามาให้เป็นแม่นม
และยอมกินนมจากเต้าของแม่นมคนดังกล่าว…

สร้างความปีติให้กับทุกคนที่กังวลและเป็นทุกข์กับเรื่องปากท้องของลูกชายตัวน้อยของเขา…

รังสิมันต์โล่งอกไปอีกหนึ่ง ซึ่งอย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องกังวล
ว่าลูกจะหิวระหว่างการตามหาแม่ของเขาให้กลับคืนรังอีกต่อไป…


“ขอบใจมากนะนีสรีน…ที่มาช่วยดูแลลูกชายตัวน้อยให้ฉัน…”
รังสิมันต์กล่าวเมื่อทุกคนต่างแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองกันหมด
เหลือเพียงเขากับแม่นมของลูกชายตัวน้อยที่กำลังนั่งพับเพียบบนตั่ง
โดยมีลูกของเขานอนอยู่บนตัก…และแม้จะไม่มีเสียงตอบรับ
ทว่า รังสิมันต์พอจะรู้ว่าคนตรงหน้าต้องการอยากจะรู้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมบ้าง

“ลูกชายตัวน้อยของฉันชื่อน้องไอ…แปลว่่า…ความรัก…เขาคือความรัก…
เพราะเขาเกิดจากความรัก…”รังสิมันต์พึมพำเบาๆในตอนท้ายๆ
ของประโยค ประโยคที่เขาอยากให้ภรรยาของเขารับรู้…
เพียงแค่เธอจะอยู่ฟังมันอีกครั้ง…แค่เพียงอีกสักครั้ง…

“ฉันเสียใจด้วยนะสำหรับเรื่องลูกชายของเธอ…”รังสิมันต์กล่าวด้วยน้ำเสียง
และแววตาที่แสดงออกอย่างชัดเจนกับสิ่งที่ผู้หญิงตรงหน้าเพิ่งเผชิญมา

การพลัดพรากมันช่างสร้างบาดแผลให้กับหัวใจอย่างสาหัสเพียงใด...เขารู้ดี…
จึงอดเห็นอกเห็นใจคนตรงหน้าไม่ได้…

“ฉันคงต้องฝากเรื่องปากท้องของลูกไอให้เธอดูแลด้วยนะ…
แต่ฉันจะขอเป็นคนนอนกับลูกเอง…เธอจะได้ไม่ลำบากลุกขึ้นมาตอนดึกๆดื่นๆ…”

รังสิมันต์กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
แม้เขาจะไม่มีน้ำนมให้ลูก แต่เขาก็อยากมีเวลาได้อยู่กับลูก ได้ใกล้ชิดลูก
แม้จะเป็นในยามหลับก็ตาม…

แล้วสักพักกระดาษก็ถูกส่งมายังเขา รังสิมันต์ยกมันขึ้นมาอ่าน

‘ถ้านายน้อยหิวนมตอนกลางดึกล่ะคะ…’

รังสิมันต์จึงตอบกลับเจ้าของกระดาษแผ่นนั้นไปว่า

“ไม่หรอก…ที่ผ่านมานายน้อยของเธอเขาไม่ลุกขึ้นมาร้องไห้งอแงตอนกลางดึกเลย…
แต่ถ้าตีห้าเมื่อไหร่ เขาจะตื่นขึ้นมาปลุกคนข้างๆให้ตื่นขึ้นมาจัดการอึให้เขา
อาบน้ำประแป้งให้เขาและนั่งเล่นกับเขาด้วย…และฉันอยากทำหน้าที่นี้เอง…”

คนตรงหน้าพยักหน้าอย่างเข้าใจ

บางทีการไม่มีปากมีเสียงของคนตรงหน้าก็เป็นเรื่องดีไปอีกแบบ
แม้การติดต่อสื่อสารจะค่อนข้างลำบากไปนิด แต่เขาคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา
เพราะลูกชายตัวน้อยของเขาดูจะเริ่มปรับตัวกับแม่นมคนใหม่ได้แล้ว…

“แต่ถ้าวันไหนที่ฉันไม่กลับมานอนที่บ้าน คงต้องฝากลูกไอไว้กับเธอ…
หากเธอต้องการอะไร ก็บอกกับฉันโดยตรงได้เลย…ไม่ต้องเกรงใจ...เข้าใจนะ…”

‘นอกจากดูแลนายน้อยแล้ว รีนต้องทำหน้าที่อะไรอีกมั้ยคะ…’

รังสิมันต์อ่านข้อความบนกระดาษที่ถูกส่งมาให้
แล้วก็ต้องยิ้มกับสรรพนามแทนตัวของคนตรงหน้า…

“แค่ดูแลนายน้อยเท่านั้น…เพราะแค่เท่านี้
ฉันก็คิดว่าเธอคงไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นแล้วล่ะ…รีน…”
รังสิมันต์ย้ำตรงคำสุดท้าย…พร้อมกับขออนุญาตเจ้าของชื่อ

“ฉันเรียกเธอว่ารีนเฉยๆได้ใช่มั้ย…”คนตรงหน้าเขาพยักหน้า
โดยที่ยังคงก้มหน้ามองลูกชายของเขาที่นอนหลับอยู่ในตักของตัวเอง…

“ชื่อเธอแปลว่าอะไรเหรอ…ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน…”
ไม่มีคำตอบใดๆ ไม่มีกระดาษถูกยื่นออกมา…

“เอาล่ะ…งั้นส่งลูกไอมาให้ฉัน เดี๋ยวฉันจะอุ้มเขาไปไว้ในเปลเอง เธอคงเมื่อยแล้ว…”

รังสิมันต์ว่าพลางก็ช้อนร่างของลูกน้อยอย่างเบามือ
เพราะเกรงว่าจะทำให้ลูกน้อยตกใจตื่นพร้อมกับพยายามไม่ให้โดนเนื้อตัวของอีกฝ่าย
ที่ดูจะเคร่งครัดศาสนา ซึ่งค่อนข้างระวังเนื้อระวังตัวเป็นพิเศษจนเขามองออกได้ไม่ยาก…

“เธอควรจะไปกินข้าวได้แล้วนะ…เอาไว้ทางนี้ฉันดูแลจัดการต่อเอง…”
คนตรงหน้าพนักหน้า หากก็ไม่วายหันมาทางลูกชายของเขาอย่างกังวล

“เริ่มเป็นห่วงลูกไอของฉันแล้วเหรอ…”รังสิมันต์ถามแกมหยอก
ที่เห็นอีกฝ่ายดูจะกังวลในสวัสดิภาพของลูกชายตัวน้อยของเขาที่กำลังหลับอยู่…

ทั้งๆที่นี่ก็ลูกชายของเขา มีหรือที่เขาจะปล่อยให้ลูกชายของตัวเองเป็นอะไรไปง่ายๆ…
แต่ก็นึกดีใจและคลายกังวลที่แม่นมของเจ้าลูกชายดูจะรักเด็ก…

อาจเป็นเพราะต้องการเติมเต็มส่วนที่ขาดหาย
เขาเองพอจะเข้าใจว่าเธอเพิ่งสูญเสียลูกชายไป ไม่แปลกถ้าจะรู้สึกรัก
และเป็นห่วงลูกของเขาราวกับลูกของตัวเอง…

เผลอๆเธออาจจะกำลังมองลูกของเขาเป็นลูกของตัวเองไปเสียแล้วก็ได้…
เนื่องจากท่าทางของเธอดูจะเอ็นดูลูกไอของเขาอยู่ไม่น้อย…

…คิดไปก็ให้นึกไปถึงแม่แท้ๆของลูกน้อย…

เขาไม่เข้าใจว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้ตัดใจทิ้งลูกของตัวเองไปได้ราวกับไร้เยื่อใย
ไร้ความรักความผูกพันใดๆ มันผิดวิสัยยัยตัวเล็กที่เขารู้จักมาทั้งชีวิต…

“สักพัก เขาก็จะเข้าไปอยู่ในใจเธอ…เธอจะรักเขาได้ไม่ยาก…”

รังสิมันต์กล่าวออกมาขณะมองลูกชายในอ้อมแขน…

…ขนาดยังไม่ทันข้ามวันที่ได้อยู่ด้วยกัน ลูกชายของเขา
ก็ทำเอาแม่นมหมาดๆถึงกับกังวลใจด้วยความเป็นห่วง
จนมองแล้วเหลียวหลังอีกกว่าจะตัดใจไปกินข้าวได้…

…ลูกของเขาไม่ค่อยงอแงขี้แยเลย…ดูจะเป็นเด็กดีและร่าเริงสดใส
นี่คือพรที่พระเจ้าประทานให้กับเขา
พรที่เขาหมั่นขอต่อพระองค์อย่างสม่ำเสมอ…

…เพียงแค่แม่ของลูกจะมาอยู่ข้างๆช่วยกันดูแลลูกด้วยกันกับเขา
เขาก็แน่ใจว่า ครอบครัวสุขสันต์คงจะเกิดขึ้นได้ไม่ยากในบ้านหลังนี้…

…รังสิมันต์แน่แก่ใจว่าภรรยาของเขาต้องคิดวางแผนการทำอะไรอยู่เป็นแน่แท้

เพราะเขาเชื่อว่า ต่อให้เธอจะโกรธหรือจะเกลียดเขามากแค่ไหน
แต่เธอจะไม่มีทางทิ้งลูกน้อยไปโดยขาดเหตุผล และเหตุผลดังกล่าวย่อมสำคัญยิ่ง
เธอถึงยอมแลกด้วยการทิ้งลูกน้อยไปเช่นนี้…

และเขาต้องรู้ให้ได้ว่า เหตุผลที่ว่านั้นคืออะไร!!!



....โปรดติดตามตอนต่อไป....


มาให้ครบ 100% แล้วนะคะ...นักอ่านที่กำลังติดตามอ่านอยู่
อาจจะมีตกใจที่อยู่ๆนิยายตอนล่าสุดหายไป
มิใช่เพราะอะไรเลยค่ะ เต่าโยนำมาแก้ไขเพิ่มเติมนิดนึงเท่านั้นค่ะ...

แต่ก็ยังไม่มีเวลาเกลาให้นิยายมันดูสมูทสักเท่าไหร่....

ปล.จากที่ตั้งใจไว้ว่าจะเข้ามาตอบเม้นท์นักอ่านแบบตัวต่อตัว คงจะพับเอาไว้(อีกแล้ว)ค่ะ
เพราะช่วงนี้ "หืดขึ้นคอ"ค่ะ งานทับถม...จิตก็ตก
เพราะเพื่อนร่วมงานมาขอแยกทาง
ลาออกกันไปตามแต่โจทย์ชีวิตของแต่ละคนไป
ซึ่งก็หลายคนอยู่ค่ะ...บรรยากาศในการทำงานจึงค่อนข้างวังเวง...
งานหลายๆอย่างจึงมากระจุกอยู่ที่เต่าโยที่ปกติก็ขาสั้นซอยได้ช้าอยู่แล้ว
เลยทำให้ช้าเข้าไปอีกค่ะ...

...แต่ไม่ว่าอย่างไร...เต่าโยก็จะพยายามสร้างสรรค์
และค่อยๆปั่นบทสรุปของหมอรังกับสิ้นรักมาให้นักอ่านอ่านกันต่อไปเรื่อยๆ
จนกว่าจะถึงเส้นชัยค่ะ...

ปล.อีกที...สิ่งที่ได้มาในช่วงนี้ที่หายหัวไปและอยากแชร์กับนักอ่านก็คือ...

...โจทย์ชีวิตของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน...จึงไม่แปลกที่บางครั้ง
เราก็ต้องปล่อยเขาไปตามทางที่เขาได้ตัดสินใจเลือกแล้ว
แม้จะไม่ได้อยากพรากจากกันและอยากจะรั้งไว้กับตัวก็ตาม...
เนื่องจากการจะรั้งไว้ ไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับเขาเท่ากับการปล่อยเขาไป ให้เขาได้โตขึ้น...
ถึงมันจะทำให้เรารู้สึกว่า...ทำไมเราต้องยอม...ในเมื่อมีร้อยพันวิธีที่จะรั้งเขาเอาไว้ได้...

...ความรักความหวังดี...จึงเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เราสามารถ"เสียสละ"ได้เพื่อ"บางคน"...
...และนั่นคือ...ความสุขที่ซ่อนตัวอยู่ในซอกหลืบของความทุกข์จากการพลัดพราก....

...เพราะมันคือ...การจากลา...เพื่อวันข้างหน้า...

สำหรับโย...ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย"หัวใจ"ของมนุษย์ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ท้าทายที่น่าค้นหาตลอดมา...


ขอบคุณนักอ่านทุกท่าน ขอบคุณทุกกำลังใจและขอบคุณทุกไลค์นะคะ...

แล้วเจอกันยกหน้าค่ะ...

...ราตรีสวัสดิ์ค่ะ...

"เต่าโย"






yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ม.ค. 2556, 23:00:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ม.ค. 2556, 00:33:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 5280





<< ยกที่ 83 มหาหึง   ยกที่ 85 เสียงที่ไม่ได้ยิน (50%) >>
violette 25 ม.ค. 2556, 00:15:49 น.
สมน้หน้านายรัก แต่ก็สงสารหนูไอ เพิ่งเกิดแท้ๆ รักหนีไปไหนเน้อ


goldensun 25 ม.ค. 2556, 00:29:53 น.
สิ้นรักทิ้งจริงหรือ ไม่น่าเลย เหมือนไม่ใช่สิ้นรัก ที่เคยบอกว่ารักหมอรังมากมาตลอด
แม้แต่ตอนที่หมอรังทำคลอดให้ จะหาตัวเจอมั้ย


หมีสีชมพู 25 ม.ค. 2556, 00:57:45 น.
สมน้ำหน้ารัง อยากให้สิ้นหนีไปไกลๆ ไม่ต้องมาทนกับความบ้าบอของรังอีก


sai 25 ม.ค. 2556, 05:34:44 น.
สงสารทั้งคู่เลย แต่สงสารเป็ดวามากกว่าอ่ะ แต่น่าจะเคลียร์กันก่อน หมอรังก้อน้าามาพูดนอนหลับใครเค้าจะรู้ค่ะ


ใบบัวน่ารัก 25 ม.ค. 2556, 06:52:38 น.
สงสารเด็กน้อย หิวนมแย่
ทำไมไม่เอาลูกไปด้วยใจดำ
น่าจพรักลูกให้มากกว่านี้


แว่นใส 25 ม.ค. 2556, 08:06:45 น.
หนีไปไหนนะ


supayalak 25 ม.ค. 2556, 09:17:22 น.
น้านนนน จัดหนักกันไปเลย สมน้ำหน้าบ้านักหนิ เป็นไงหล่ะน้องรักของเราลูกบ้าเที่ยวล่าสุดทำเอาทุกคนหงายเงิบไปเลยสมน้ำหน้าที่สุดสะใจมากก็คือพี่รังนั่นแหละดีให้เป็นอย่างนี้ไปสัก 2 ปี ถ้าจะดีเอาให้บ้ากันไปข้างนึง (วันนี้คนอ่านมาโหมดจัดหนักเหมือนกันนิ อารมณ์ร่วมมากไปปะนั่น)


บัวขาว 25 ม.ค. 2556, 09:35:06 น.
สมน้ำหน้า กะลาหัวเจาะ ...

@คุณโย .. มาน้อย แต่มาบ่อยๆ ก็ได้นะคะ

คิดถึงค่ะ
=^_^=


ตุ๊งแช่ 25 ม.ค. 2556, 10:43:36 น.
นึกว่าจะแฮปปี้เอนดิ้ง ที่ไหนได้ มีเรื่องอีกแล้วว


konhin 25 ม.ค. 2556, 12:25:08 น.
ว่าแล้วว่าชีแรง สงสารเด็กมากกว่า พ่อมันแรงมาแม่มันแรงไป ลูกซวยอยู่คนเดียว


Pat 27 ม.ค. 2556, 21:00:01 น.
ไม่รู้จะพูดอะไรเลยตอนนี้


Littlewitch 29 ม.ค. 2556, 15:53:45 น.
เป็นกำลังใจกับงานที่ทับถมอยู่นะคะ ไม่ต่างกันเท่าไหร่เลยคะ ตอนนี้ต้องตั้งรับกันอย่างมีสติ นิยายมาช้ากลายเป็นดีสำหรับแม่มดคะ มีเวลาละเลียดนานขึ้น


Littlewitch 29 ม.ค. 2556, 16:03:21 น.
อยากเดาว่าแม่นมคือสิ้นรัก ปลอมตัวมาจังคะ จะใช่มั้ยน้อ เรื่องนี้ถ้าตีพิมพ์ต้องประทับว่าดราม่าสุดๆ


supayalak 31 ม.ค. 2556, 17:12:20 น.
เศร้าจ่ายยยยมากมายกับน้องรักกะน้องไอ แต่ก็ยังสะใจม้ากกกกกกกะพี่รัง


pumkin 31 ม.ค. 2556, 21:51:12 น.
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะค่ะ^^


Littlewitch 14 ก.พ. 2556, 23:31:11 น.
สุขสันต์วันวาเลนไทน์คะ คิดถึงคานน้อยฯ อยู่นะคะ จะได้อ่านอีกทีเทศกาลไหนน้อ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account