กุหลาบซ่อนกลิ่น (จบแล้ว)
นางเอกโตมาในไซด์งานก่อสร้าง ที่นั่นทำให้เธอรู้ว่า การแสดงตัวว่าเป็นหญิงเป็นเรื่องอันตราย ดังนั้นนางเอกจึงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเอง จนใคร ๆ มองว่าเป็นทอม แต่แท้จริงแล้ว เธอก็คือผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีรัก..และรักของเธอก็เป็นรักที่มีเวลามาเป็นตัวกำหนด....


Tags: โรแมนติก..

ตอน: 18.ม่าไม่ได้มาที่นี่เพื่อจับคุณสูรย์นะ

18
“หนูขอตัวก่อนดีกว่าค่ะ ..ได้เวลาทำงานแล้ว ลาเลยนะคะ” ว่าแล้วกุสุมาก็ยกมือไหว้ก่อนจะค้อมตัวไปยังประตู..

“ไปจริง ๆ หรือหนูออยู่คุยกันก่อน”

“ตามสะดวกเลยค่ะ ได้เวลางานหนูแล้วค่ะ”

พอเด็กสาวเปิดประตูออกไป พ่อกับแม่ก็หันมาจ้องหน้าลูกชาย แล้วคนเป็นพ่อก็เอ่ยขึ้นมา..

“คนนี้หรือที่เขาเอาไปคุยกัน”

“เขานี่ใครครับ” สูรย์ทรุดลงที่พื้นแล้วก็กอดขาของพ่อกับแม่โดยเอาหัวได้รูปนั้นวางเบา ๆ บนเข่าสัมผัสถึงความรักที่พ่อแม่มีให้เขาและพ่อกับแม่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่า เขามีความรู้สึกเช่นไรต่อเด็กคนที่เพิ่งออกไป

“น้าส้มลิ้มเขาห่วงลูกนะ เขาอยากให้ลูกได้คนที่ดีกว่านี้” คนเป็นแม่พูดตรง ๆ เพราะไม่อยากให้สูรย์มีปัญหากับคนที่เข้ามาขัดขวางความรักของเขา

“แล้วตามสายตาของพ่อกับแม่ เขาเป็นอย่างไรบ้างครับ”

“พ่อว่ายังเด็กไป..ไม่สวยด้วย”

“ถ้าเทียบกับวรรณพร แม่ว่าห่างกันเยอะเลย” ใช่ วรรณพรเป็นผู้หญิงอ่อนหวาน แค่ได้เห็นหน้ากิริยาท่าทางก็สบายใจแล้วว่าจะได้ ‘แม่พันธุ์’ ที่ดี ซึ่งแตกต่างจากกุสุมาอย่างลิบลับ กระโดกกระเดกแถมยังดูเป็นเด็กกว่าอายุจริงเสียด้วย

“ถ้าเทียบกับอรพิม พ่อพอใจอรพิมมากกว่า” อรพิมฉอเลาะเอาอกเอาใจผู้ใหญ่ทั้งสองท่านเป็น แม้จะรู้ว่า เด็กคนนั้นทำเพื่ออะไร แต่ว่า การกระทำของอรพิมก็ดูเป็นธรรมชาติเสียจนมองข้ามจุดมุ่งหมายในการแสดงออกนั้นไปได้

สูรย์ถอนหายใจเบา ๆ นิ่งฟัง ไม่เถียงเพราะรู้ว่าเถียงหรือไม่เถียง แก้ต่างแทนหรือไม่ สุดท้ายพ่อแม่ก็ตามใจเขา เพียงแต่ว่าที่มาที่นี่ก็เพราะต้องการให้คนที่ฟ้องนั้นรู้ว่าเต้นตามไปด้วยเท่านั้น...

“อ้าวหลับแล้ว” มือของพ่อลูบที่เส้นผมหยักศกของเขา

“เขาจะไปเมืองนอกเร็ว ๆ นี้แล้วครับ ผมจะทำอย่างไรดี” น้ำเสียงนั้นละห้อยละเหี่ย..จนคนเป็นพ่อกับแม่มองหน้ากัน..ลองอ้อนแบบนี้อย่างไรแล้วก็ขวางไม่ได้ เมื่อขวางไม่ได้ก็ต้องยุกันไป และเมื่อยุแล้ว คนอย่างสูรย์ก็ยังทำอะไรด้วยเหตุด้วยผลอยู่ดี และด้วยลูกชายเป็นคนอย่างนี้ ร้านอิ่มสุขสาขาสองจึงเกิดขึ้นโดยมีความรู้สึกเบาใจ เพราะมั่นใจว่าความละเอียดรอบคอบของลูกชายจะพาร้านให้เจริญรุ่งเรืองได้

“ก็ไม่ต้องให้ไป..ให้แม่ไปขอให้วันนี้เลยไหม”

“รู้จักกันยังไม่ถึงสิบวันเลยแม่”

“แต่ถ้าเรารู้สึกว่าเหมือนรู้จักกันมาสักสิบปี แม่ว่า มองข้ามกาลเวลาไปก็ได้นะ”

“ผมไม่อยากไปรั้งวันดี ๆ ของเขานะครับ อยากให้เขาไปเห็นโลกกว้าง ถ้าอยู่กับผม เขาก็มีแต่ร้านอาหาร แล้วก็ต้องมาเลี้ยงลูก”

สูรย์นั้นรักเด็กเป็นอย่างมาก แม้จะไม่ค่อยชอบพี่เขยที่เป็นตำรวจ แต่ถ้าหลานเอ่ยปากอยากได้อะไรเขาจะรีบหาให้ในทันที ดังนั้นหลานทั้งสองจึงรักน้าสูรย์เป็นอย่างมากเช่นกัน

“งั้นก็แต่งกับหนูอรพิมไปซะ รู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว” สรรเสริญมองหน้าทองสุขแล้วยิ้มให้กัน

“ไม่เอา ไม่แต่ง ผมไม่ได้รู้สึกพิเศษกับเขา”

“แล้วถ้าอีหนูมันไปเมืองนอกแล้วไปเจอคนใหม่..เอ็งไม่ต้องขึ้นคานเทียวรึ”
“นั่นสิ ..คนถูกใจอยากแล้วอยู่ด้วยทุกวัน ไม่ได้เจอง่าย ๆ เลย..” ว่าแล้วสูรย์ถอนหายใจเบา ๆ และสายตาก็มองไปยังจอโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดมาจากห้องครัว เขาเห็นกุสุมายืนนิ่งให้น้าส้มลิ้มพูด ๆๆๆ แม้ไม่ได้ยินเสียงเขาก็เดาว่า คงไม่ใช่เรื่องดี ๆ เป็นแน่


สรรเสริญกับทองสุขจำต้องออกจากห้องลูกชายไปทางหลังครัวเพราะอยากไปดูว่าส้มลิ้มคนที่โทรไปฟ้องว่ากุสุมาเป็นคนอย่างนั้นอย่างนี้จะทำอย่างไรกับเด็กสาว และที่สำคัญทั้งคู่ก็อยากรู้ว่า ‘ว่าที่’ ลูกสะใภ้ของตนนั้นจะมีน้ำอดน้ำทนถึงเพียงไหน และเมื่อเดินไปถึง คนในครัวต่างละมือมายกมือไหว้ นางส้มลิ้มเองก็รีบละงานเดินมาทักทาย..

“สบายกันดีนะพี่”

“ฉันกับแม่ทองสุขไม่สบาย คนทั้งโลกก็คงมีแต่ความทุกข์”

“จ๊ะ ..” ส้มลิ้มค้อนประหลับประเหลือให้

“เสียงใครตำน้ำพริก” เสียงนั้นดังมาจากหลังครัว แล้วส้มลิ้มก็ยิ้มเหี้ยม ๆ ให้ทองสุขคนที่เคยยากลำบากมาด้วยจนวันนี้ทองสุขเกษียณตัวเองไปแล้ว แต่ส้มลิ้มยังรักที่จะทำงานแม้จะมีหุ้นในร้านและเงินเก็บอยู่จำนวนไม่น้อย

“ว่าที่ลูกสะใภ้พี่นั่นแหละ”

สรรเสริญผละออกไปยังต้นเสียงทันที..

และเมื่อไปถึง เขาก็พบกุสุมานั่งบนม้านั่งตัวสูงเพียงคืบ มือก็ตำพริกในครกหิน ที่มีผ้าขี้ริ้วรองกันพื้นแตก และแรงตำระบายอารมณ์ของเด็กสาวนั้น ก็ทำให้เครื่องแกงกกระเด็นกระดอนออกจากครกจนเปรอะไปหมด

“อ้าว อีหนู..”

กุสุมาที่หน้าบึ้งเพราะถูกบ่นเรื่องที่เข้าไปประจ๋อประแจ๋กับสูรย์ในห้องจนกระทั่งสูรย์ต้องซื้อไก่ให้กิน แถมพอออกมาแล้วมือยังทันหายระบมจากหนามชะอมก็ต้องมานั่งตำพริกแกง ซึ่งตั้งแต่เกิดมา เธอก็เห็นแม่เคยตำบ้าง แต่พอไม่มีครกไม่มีสาก แม่ก็ซื้อพริกแกงที่เขาตำสำเร็จไว้แล้วมาทำอาหาร รสชาติก็อร่อยมันก็เผ็ดเหมือนกัน..เมื่อหงุดหงิดใจแรงมือจึงกระหนำเครื่องเคราในครกกระจายไปทั่ว

แล้วพอมีคนมาเห็น กุสุมาจึงรู้สึกผิดไม่น้อย..

“คะคือ..”

“ใครเขาตำพริกกันอย่างนั้นละ กระเด็นหมดแล้ว”

“ม่าตำไม่เป็น”

สรรเสริญนั่งยอง ๆ แต่ว่าด้วยอายุมากจึงนั่งได้ลำบาก กุสุมาจึงสละม้านั่งของตนไปให้แล้วตัวเองก็เปลี่ยนเป็นนั่งคุกเข่าแทน

“พริกแกง พ่อตำมาตั้งแต่” ‘พ่อ’ กุสุมาแทบไม่เชื่อหูตัวเองว่า พ่อของสูรย์จะกล่าวแทนตัวเองว่า ‘พ่อ’ กับเธอ “พ่อตำมาตั้งแต่จำความได้ จนกระทั่งแม่ทองสุขมาทำข้าวแกงขาย ก็ช่วยกันตำมาตลอด เมื่อก่อนนะ ก่อนไปทำงานต้องตื่นมาตำพริกแกง ทั้งแกงเผ็ด แกงส้ม แกงเขียวหวาน..พริกแกงสำเร็จมันไม่อร่อย ..บอกไม่ถูก รสชาติมันแปลก ๆ ลิ้น”

“ค่ะ”

“แล้วเวลาตำนะ ต้องค่อยปะเหลาะมัน ค่อย ๆ ทำให้มันผสมเป็นเนื้อเดียวกัน และที่สำคัญเครื่องเคราที่เขาใส่ไว้ในครกเนี่ยมันพอดีกันแล้ว กระเด็นหายไปหนึ่งส่วน ความอร่อยมันก็ลดลง แล้วเวลาตำน่ะใจเย็น ๆ อย่าเอาแรงโมโหใส่ลงไป แกงแล้วมันจะขม ขมเหมือนใจของเรานั่นแหละ เราไม่มีความสุข อาหารมันก็ไปฟ้องอยู่ในชาม”

พอเขาเอ่ยออกมาเหมือนมานั่งอยู่ในใจ กุสุมาก็รู้สึกผิดขึ้นมาเป็นทวีคูณ

“เครื่องแกงนี้แม่ส้มลิ้มหาให้ใช่ไหม” จริง ๆ แล้วครัวอิ่มสุขทั้งสองสาขาไม่ใช้เครื่องแกงจากตลาด แม้จะยังหาเครื่องแกงเอง แต่ทางร้านก็ใช้เครื่องบดไฟฟ้าแล้วมาโขกกับกะปิเก็บไว้ใช้วันต่อวัน และวันนี้ที่นังหนูตัวเล็ก ๆ มานั่งตำเหยง ๆ ก็คงเป็นฤทธิ์เดชของแม่ส้มลิ้มแน่ ๆ

“ป้าเขาหาให้” น้ำเสียงนั้นไม่รู้สึกเลยว่าผู้พูดมีความอาฆาตกับคนที่ทำให้ตัวเองลำบาก

“มีอะไรบ้าง หนูจำได้ไหม”

กุสุมาส่ายหัวทันที เพราะพอเขาให้ยกครกออกมานั่งตำที่หลังร้าน กุสุมาจับสากได้ก็กระหนำเสียจนลืมดูว่าในครกมีอะไรบ้าง

“อย่าว่าแม่ส้มลิ้มเขาร้ายเลยนะหนู..หัวใจของร้านอาหารก็คือความสะอาด ก่อนที่เราจะเอาอะไรไปใส่ในหม้อในกระทะให้คนกิน เราต้องดูให้ดี อย่าให้มีสิ่งแปลกปลอมเด็ดขาด และที่สำคัญ เราเอง เพิ่งเข้ามาลองทำงานในครัว เราก็ต้องเอาวิชาไปด้วย เราต้องดูว่ามันมีอะไรบ้าง มีมากแค่ไหนด้วย และถ้าเราจะรู้ให้ลึกไปกว่านั้นเราต้องรู้ว่า ตัวเครื่องแกงแต่ละตัวนั้นมีคุณสมบัติทางยาอย่างไร และคนที่กินไปแล้วจะได้ประโยชน์อะไรนอกจากความอิ่ม..”

“ต้องขนาดนั้นเลยเหรอคะ” กุสุมารู้สึกว่าเรื่องในครัวน่าสนใจยิ่ง ๆ ขึ้น

“ทุกเรื่องในครัวในสำคัญหมดแหละ ปัจจัยสี่ของคนเรา อาหารมาอันดับหนึ่ง อันดับสอง สาม สี่หนูคงรู้”

“เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค”

“เก่งนี่”

“ค่ะ เหมือนจะเก่ง แต่พอฟังคุณลุง”

“เรียกฉันว่าพ่อ”

“พะ พะ พ่อ..พอฟังพ่อแล้ว หนูรู้สึกว่า ที่ผ่านมาหนูเปล่ากลวงมากเลย เรียนก็เรียนไปอย่างนั้นไม่ได้สนใจอะไรจริง ๆ จัง ๆ สักอย่าง”

“อายุเท่าไหร่กัน”

“ยี่สิบค่ะ”

“ก็ยังไม่สายที่จะเริ่มต้น คนเรานะ หาสิ่งที่เราชอบจริง ๆ ให้เจอ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาทำสิ่งนั้น พ่อสอนลูกสองคนอย่างนั้น สูรย์เขาถึงชัดเจนว่า เขามีความสุขกับร้านอาหาร เขาก็ไม่ไปทำงานตามที่เขาเรียน พี่สาวเขาก็เหมือนกัน จบบัญชีมาจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ถ้าไปทำงานก็คงได้หลายหมื่น แต่เขาก็พอใจที่จะมาอยู่ที่ร้าน พอใจที่จะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ค้า ไม่สนใจเพื่อน ๆ จะไปทำอะไรกัน หนูเองก็เหมือนกัน มาเป็นลูกพ่อกับแม่แล้ว ก็ค้นหาตัวเองให้เจอ..หรือถ้ายังหาไม่เจอ ก็ตั้งใจในสิ่งที่ทำอยู่ให้ดีที่สุด อย่าให้ใครเอาไปว่าได้..ชีวิตของเราสนุกแบบเด็ก ๆ ได้ไม่กี่ปีหรอก งานที่เราทำนั่นแหละคือชีวิตจริง ๆ ของเรา เข้าใจที่พ่อพูดไหม”

“พอเข้าใจค่ะ ขอบคุณค่ะ” กุสุมายกมือพนม และสรรเสริญก็ยิ้มแย้มเมื่อเห็นว่า ที่แม่ส้มลิ้มว่าเหมือนม้าดีดกะโหลกนั้นเอาเข้าจริง ๆ ก็อ่อนหวานใช่น้อย ถึงตอนนี้ เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสูรย์ถึงได้หลงเสน่ห์ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันเพียงไม่กี่วัน เพราะดอกไม้ดอกนี้ซ่อนกลิ่นไว้นี่เอง


ด้วยนัดแนะกันไว้กับป้าส้มลิ้ม วันนี้อรพิมจึงลางานในภาคบ่ายเพื่อเข้าร้านเสริมสวย โดยระหว่างที่ขับรถไปร้านที่อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงาน เจ้าหล่อนก็โทรศัพท์นัดพ่อกับแม่ซึ่งทำงานอยู่ที่เดียวกันให้ขับรถไปเจอกันที่ร้านของสูรย์

“จะไปทำไม กินข้าวที่บ้านเราก็ได้” ผู้เป็นแม่ไม่อยากไปร้านสูรย์ เพราะรู้สึกได้ว่าหลังจากที่พี่วรรณพรแต่งงานไปแล้ว สูรย์นั้นอึดอัดใจที่มีอรพิมเข้าไปยุ่มย่าม

“ช่วยพิมหน่อยนะคะ วันนี้พ่อกับแม่ของพี่สูรย์มาที่ร้าน และคงจะอยู่ทานข้าวเย็นด้วย ไปหน่อย ผูกมิตรกันไว้ พิมจะอ้างว่าเราตั้งใจจะไปกินข้าวเย็นที่นั่นพอดี”

“ลูกก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจนะพิม”

“แม่คะ อย่าหาว่าพิมทำตัวเหมือนนางร้ายในละครเลยค่ะ แต่พิมเดินมาถึงขั้นนี้แล้วจะให้พิมถอยง่าย ๆ พิมไม่ทำหรอกค่ะ อีกอย่างป้าส้มลิ้มก็ถือหางพิมอยู่ด้วย คู่แข่งพิมก็แค่พี่ธัญรัตน์คนเดียว พี่สูรย์คงไม่มองหรอกค่ะพิมสวยกว่าตั้งเยอะ”

“ตามใจ ผิดหวังแล้วอย่าหาว่าแม่ไม่เตือนนะ”

วางสายจากแม่ อรพิมก็เข้าร้านเสริมสวยด้วยเชื่อเสมอว่าผู้ชายทุกคนชอบผู้หญิงที่สวยเหมือนนางงามบนเวทีประกวด


พอพ่อสรรเสริญลุกไปแล้วกุสุมาก็ยกครกเข้าไปในครัว..ใบหน้าที่บึงตึงนั้นเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้ม

“ป้าส้มลิ้มครับ..ม่าตำพริกละเอียดแล้วทำอย่างไรต่อ” นางส้มลิ้มทำเป็นง่วนทำงานไม่สนใจ กุสุมาจึงพูดซ้ำ

“ป้าส้มลิ้มคะ..ม่าตำพริกละเอียดแล้ว มีงานอะไรให้ม่าทำอีกไหม”

“เอากะปิตักใส่ไปสักครึ่งช้อน ..ช้อนโต๊ะ” กั๊กที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ปุ้ยปากไปที่กระปุกกะปิกุสุมาหยิบขึ้นมาใช้ช้อนตักแล้วใส่ลงไปในพริกแกง หลังจากนั้นก็ขยับสากคลุกเคล้ากะปิให้เข้ากับพริกแกงอย่างที่เคยเห็นยายทำที่บ้านนอก

“เสร็จแล้วก็ยกไปหน้าเตา พริกแกงครกนี้ ฉันจะทำแกงฝักทองหมูเนื้อสันให้พี่เสริญกับพี่สุขกิน ถ้าไม่อร่อย เธอก็รับไปแล้วกัน”

กุสุมายิ้มแหย ๆ ไม่ต่อปากต่อคำ

“ไปหยิบฟักทองที่หั่นแล้วมา..” กุสุมาเดินไปยังจุดเตรียมของ ปรากฏว่าฟักทองที่หั่นไว้แล้วหมด

“ป้าคะ ฟักทองหมด”

“เอาลูกเล็กปอกแล้วก็หั่นสำหรับทำแกง..”

กุสุมาพ่นลมหายใจเบา ๆ อยากจะยกมือขยี้เส้นผมอย่างที่เคยชิน ก็ทำได้เพียงสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเดินไปหยิบฟักทองลูกเล็กไปยืนปอก..ขณะที่ปอกก็ครุ่นคิดว่า แกงฟักทองนั้นใส่อะไรบ้าง พอนึกได้ว่ามีกะทิเป็นส่วนประกอบหลัก กุสุมาก็ครุ่นคิดว่า นี่เธอจะต้องนั่งขูดมะพร้าวด้วยไหม นึกถึงท่านั่งขูดมะพร้าว กุสุมาก็นึกถึง เรื่องภาพยนตร์ ‘แม่เบี้ย’ ที่นางเอกใช้ท่าขูดมะพร้าวอ่อยเหยื่อ จนกระทั่งซีนนั้นเป็นที่กล่าวขวัญ และพอปอกเปลือกฝักทองไปได้หน่อยหนึ่ง กุสุมาก็ร้อง ‘โอ๊ะ!!’ ...แค่นี้ คนที่อยู่รอบ ๆ ก็หันไปมอง พอเห็นกุสุมาใช้ปลายนิ้วมือข้างขวากดแผลที่มีเลือดไหล บางคนก็ตกใจ บางคนก็ส่ายหน้า ส่วนนางส้มลิ้มนั้นยิ้มเยาะอย่างดูแคลน..

“ไอ้กั๊ก พาน้องชายมึงไปทำแผลหน่อย แล้วฟักทองลูกนั้นก็ทิ้งไปเลย วันนี้คงไม่ได้แกงฟักทองให้ท่านกินแล้ว..นี่แหละหนา คนเรา จะทำอะไร ไม่ดูตัวเองก่อนว่าทำได้ไหม อยากทำ อยากเป็น อยากเข้ามาโดยมีจุดหมายอย่างอื่น เจตนามันไม่บริสุทธิ์มันก็เลยมีแต่เรื่อง”


ขณะที่พี่กั๊กทำแผลให้ น้ำตาของกุสุมาก็ไหลออกมาอย่างยากจะระงับ แผลนั้นไม่ได้เจ็บ แต่มันเจ็บใจที่ถูกเข้าใจผิด เจ็บใจที่ถูกเหน็บแนมเยาะเย้ยถางถาง และเจ็บใจตัวเองที่ไม่ระมัดระวังปล่อยให้มีดบาดมือจนเสียงานจนได้

“ร้องไปเลยม่าแล้วอย่าร้องอีก”

“ม่าผิดอะไรละพี่”

“ผิด ผิดที่ใกล้ชิดคุณสูรย์มากไปไง ป้าแกเขาถือหางคุณหนูอรพิมอยู่ แกมาเป็นคู่แข่งแบบนี้ก็ต้องเจอฤทธิ์เดชแม่กันหน่อย”

“ม่าไม่ได้มาที่นี่เพื่อจับคุณสูรย์นะ ม่าอยากได้ความรู้ติดตัวไปจริง ๆ”

“พี่เชื่อแกแล้วกัน..เอ้า เสร็จแล้ว..พี่ว่าแกกลับบ้านดีกว่า อย่าอยู่ต่อเลย”

“มันจะดีหรือพี่”

“ไปเหอะ..เดี๋ยวบอกคุณสูรย์ให้ หรือจะโทรบอกเขาก่อน ..แต่ว่าเขาติดแขกนะ”

กุสุมาครุ่นคิด สูดลมหายใจเข้าปอด เดินเลาะหลังร้านไปลานจอดรถแล้วก็ออกไปเรียกรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างกลับบ้าน แต่พอนึกได้ว่า มีเงินติดตัวมาไม่ถึงร้อยบาท กุสุมาก็ไล่ลมหายใจออกจากจมูกแรง ๆ

“งั้นม่ากลับก่อนนะพี่ อ้อ ขอบคุณนะฮะ”

“อืม ...เดินทางดี ๆ นะ กลับถึงบ้านแล้วก็กินยาแก้อักเสบสักเม็ดนะม่า เข้าลึกอยู่เหมือนกันนะ”


กุสุมาเดินผ่านหลังร้านมาถึงประตูเข้าห้องพักของสูรย์กุสุมาก็หยุดเดิน มือนั้นดึงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง ด้วยไม่อยากให้ป้าส้มลิ้มรำคาญลูกตา เธอจึงปิดเครื่องไว้ กุสุมาตัดสินใจกดปุ่มเปิดเครื่อง อึดใจหน้าจอก็พร้อมใช้งาน ใจหนึ่งอยากจะบอกเขาว่าเธอจะกลับบ้าน แต่อีกใจตอนนี้เขาอยู่กับพ่อกับแม่ ถ้าบอกไป สืบสาวราวเรื่อง ก็จะเป็นเรื่องกันขึ้นมาอีก..ระหว่างที่กุสุมาลังเลใจอยู่ในโทรศัพท์ในมือก็ดังขึ้น เป็นเพื่อนชายที่อยู่หอพักเดียวกับถมยาที่สั่งให้หา ‘ของ’ ไว้ให้

“กูโทรหามึงตั้งหลายรอบแล้วนะ…ของที่มึงอยากได้ มีแล้ว กูกำลังจะเอาไปให้ ..ตอนนี้กูอยู่เซเว่นหน้าปากซอย ทีแรกกูจะเอาไปให้มึงในร้าน มึงดันปิดโทรศัพท์กูก็กลัวไปแล้วฟาวก็เลยยังไม่เข้าไป..”

“เออ ๆ งั้นมึงขี่รถมาหากูที่หน้าร้านได้เลยนะ กูจะเดินไปรอ...เอ้อ ส่งกูกลับบ้านด้วยละ”

“รถมึงละ”

“เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง”


อรพิมยิ้มแย้มดวงตาเต็มไปด้วยความสุขที่พ่อแม่ของตนกับพ่อแม่ของสูรย์คุยกันถูกคอ

“พี่สูรย์อิ่มแล้วเหรอคะ ทำไมทานน้อยจังเลย”

“ปกติตอนเย็น ๆ พี่ก็แค่รองท้อง”

“หนักไปทางเครื่องดื่มละซิ”

“มีบ้าง”

“เดี๋ยวนี้ไม่เห็นไปตีเทนนิส”

“เพื่อนมันไม่ค่อยว่างกัน” ไม่ว่างเพราะงานรัดตัว กับไม่ว่างเพราะแต่งงานแล้วเรื่องในครอบครัวสำคัญกว่าเพื่อน

“กับพิมไงคะ พอแก้ขัดได้”

“พี่ไม่รบกวนดีกว่า”

“รบกวนอะไรกันคะ พิมเสียอีกอย่างออกกำลังกายหนัก ๆ บ้าง แต่ไม่มีคนพาไป..นะคะวันหลังพาพิมไปหน่อย”

ขณะที่คุยกับอรพิม สูรย์ที่นั่งหันหน้าออกไปนอกร้านก็เห็นว่ากุสุมากำลังเดินออกไปจากเขตรั้วของร้านซึ่งมีต้นลีลาวดีปลูกแซมกับไม้ประดับตระกูลเบิร์ดและเวลากลางคืนจะติดไฟระยิบระยับเพิ่มบรรยากาศ

“พี่ขอตัวไปห้องน้ำแป๊บ” ว่าแล้วสูรย์ลุกขึ้น เขาเดินไปทางห้องน้ำ แต่ก็เดินเลยไปทางรั้ว เลาะด้านข้างไปจนกระทั่งเห็นกุสุมายืนชะเง้อชะแง้เหมือนรอใคร แต่พอเขาเดินเข้าไปอีกสามก้าวก็มีรถมอเตอร์ไซค์มาจอด แค่หมอนั้นเปิดหน้าหมวก กุสุมาก็ซ้อนท้ายไปกับเขา สูรย์ถอนหายใจอย่างแรงนึกฉุนเด็กดื้อที่ทำอะไรโดยพละการอีกแล้ว


“กิ๊บ ระหว่าง อีม่ากับคุณพิมแกเชียร์ใคร” ตุ๊ดซี่เอ่ยถามเมื่อแอบมองดูครอบครัวของสูรย์กับครอบครัวของอรพิมนั่งรับประทานข้าวด้วยกัน และมื้อนี้คุณป้าส้มลิ้มก็ออกจากครัวมาร่วมโต๊ะด้วย และที่สำคัญ ทุกคนก็มีรอยยิ้มชื่นอยู่ในวงหน้า เหมือนกับว่า กำลังจะเป็นทองแผ่นเดียวกัน

“แล้วเจ๊ของพี่ละ เอาไปไว้ไหน”

“โอ้ย เจ๊เราน่ะ ฉันสั่งให้บายไปแล้ว จะมาดักด่านอยู่ทำไม อย่างไรคุณสูรย์เขาก็ไม่มองอยู่แล้ว สวยรึก็น้อยกว่าคุณพิม ดีอย่างเดียวตรงที่รวย แต่ว่าคุณสูรย์ก็ไม่ได้สนใจเรื่องรวยจน ฉันเลยเชียร์ให้เจ๊เอาเถ้าแก่ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าโน่น ได้ข่าวว่ามาป้อทุกวัน”

“ได้ผลไหมละ”

“คงได้คิดมั่งแหละ เหมือนแกไง คิดได้แล้วซิว่ารักไอ้วิชาญไปก็เปล่าประโยชน์..นี่นะกิ๊บซี่ เดี๋ยวฉันจะช่วยแกให้เต็มกำลัง ต่อไปฉันจะเชียร์แกให้พี่ซ้ง”

“อย่า ๆ ไม่ต้อง ไม่ต้องเลยนะ”

“ปากกับใจตรงกันหน่อย แกฟังฉันนะ แกน่ะทำตัวให้สวย ๆ เข้าไว้ ผมเผ้าก็ลงทุนทำสี สระไดร์มั่ง คิ้วก็กันให้เข้ารูป จะได้ดูเป็นสาวกว่านี้”

“ไม่เอา” กิ๊บซี่เสียงแข็ง

“แกต้องเอา..ฉันอยากให้แกเอากับคุณซ้ง ฉันชอบเขา”

“อ้าว ก็เอากับเขาเองซิ มายุ่งอะไรกับฉัน”

“บอกตรง ๆ นะ ถ้าฉันมีมดลูกเหมือนแก คุณสูรย์ คุณซ้ง ฉันจะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปสักคน”


หลังจากพนักงานกลับบ้านกันแล้วสูรย์ก็จะเดินตรวจตราร้านอีกรอบ และพอเขาเดินไปถึงลานจอดรถเขาก็เห็นว่ารถมอเตอร์ไซด์ของกั๊กยังจอดอยู่ หลังเลิกงานกั๊กอาจจะเข้าไปกินเหล้าเมายากับพนักงานที่พักอยู่หลังร้าน แต่พอเขาเดินไปทางหลังครัว ที่โต๊ะหินใต้ต้นขนุน เขาก็พบกั๊กนั่งดื่มเบียร์พลางสูบบุหรี่

“พี่กั๊กยังไม่กลับบ้านเหรอครับ”

“อีกเดี๋ยวครับ หมดกระป๋องก่อน กลับไปก็เหงาครับ”

สูรย์เข้าใจอารมณ์ของคนที่ถูกทิ้ง และวันนี้เขาเองก็ยังมีเรื่องของไอ้ตัวยุ่งมาครุ่นคิดเช่นกัน

“งั้น ผมขอตัวก่อนนะครับ จะกลับบ้าน” สูรย์จะหันหลังเดิน แต่ว่ากั๊กเรียกไว้

“คุณสูรย์ รู้เรื่องที่ไอ้ม่ามันถูกมีดบาดมือหรือเปล่าครับ”



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 พ.ค. 2554, 13:08:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 พ.ค. 2554, 13:08:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 2851





<< 17 เชฟหน้ากล้อง   19.ของขวัญวันเกิดจากคนเขียนนิยายครับ.. >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 16 พ.ค. 2554, 13:09:24 น.
หยุดตั้งหลายวัน ไปไหนกันมาบ้างครับ ..แต่ที่แ่น่ ๆ มีหลาย ๆคนมากด like ให้ไอ้ม่า..ขอบคุณจากทุก ๆ กำลังใจนะครับ..


saralun 16 พ.ค. 2554, 13:28:11 น.
ว้าาา..จบซะแล้ว...มาต่อนตอนต่อไปไว ๆ นะคะ


เจ้าชายน้อย 16 พ.ค. 2554, 14:45:01 น.
สั้นอ่ะะะะะะ อิอิ ละโมภโลภเว่อร์


boonja 16 พ.ค. 2554, 15:09:54 น.
ว๊ายยยยยย.......มาต่อด่วนนนนเลยค่ะ กำลังสนุกก >_<


Pat 16 พ.ค. 2554, 15:58:19 น.
(ทำงานๆคร๊าบ บ่ได้หยุดเลย ) พ่อกะแม่คุณสูรย์น่ารักจังเลย ม่าสู้สู้


loveleklek 16 พ.ค. 2554, 16:06:12 น.
ทำงานเหมือนกัน กัน like ให้ด้วยละ


niny 16 พ.ค. 2554, 17:19:06 น.
cheer up Kusuma....


แสมเสวต 16 พ.ค. 2554, 18:16:18 น.
ป้าส้มลิ้มนี่ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่เลย ทำตัวเหมือนเด็กๆ ไม่ชอบใครก็กลั่นแกล้ง อ่านแล้วหมั่นไส้


nutcha 16 พ.ค. 2554, 19:29:48 น.
ป้าส้มลิ้มแก่แล้วยังดูคนไม่เป็นอีกหรือว่าใครเสแสร้งหรือใครจริงใจ


มะดัน 16 พ.ค. 2554, 21:08:02 น.
like ม่า ^V^


คิมหันตุ์ 17 พ.ค. 2554, 00:17:00 น.
มีเรื่องตลอด


คนเหงา 18 พ.ค. 2554, 11:38:39 น.
ม่า ..งานเข้า


หมูบิน 19 พ.ค. 2554, 07:36:42 น.
ลืมเข้ามาอ่านค่าาาาแฮ่ๆ หนุกอ่ะ ชอบๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account