หัวใจใกล้เกินเอื้อม by น้ำจันทร์
“เธอคิดว่านอนกับฉันแค่ครั้งเดียว มันจะพอรึเมธาวี คิดผิดกระมัง!...เพราะว่า...อย่างเธอ ต่อให้ นอนแบ ให้ฉันจนวันตายมันก็ไม่พอ!”
ฉาด!!! แก้มซีกขวาชาไปทั้งแถบ เขาหันกลับมาจะเอาเรื่อง แต่เจ้าหล่อนรู้ทางวิ่งไปที่ประตูเสียก่อน
“วาจาของคุณมัน ด้อยพัฒนา เหลือเกิน คุณภัทร ฝรั่งมังค่ามันสอนแต่ความรู้ในตำราหรืออย่างไร มันลืมสอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ ผู้มีใจสูงให้คุณหรือเปล่า จิตใจของคุณมันถึงได้ สกปรก โสมม ต่ำเตี้ย จนเรี่ยดิน” หล่อนวางระเบิดลูกย่อมๆ เอาไว้ภายในห้องก่อนจะก้าวออกมา ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกพ่นออกมาตามด้วยรอยยิ้มสาใจที่ได้เอาคืนแม้จะเล็กน้อย
ธีรภัทรมองประตูบานใหญ่ตาขวางเขาจะทำอย่างไรถึงจะปราบพยศยัยตัวแสบได้สักทีขนาดโดนเขาจัดชุดใหญ่ให้ยังไม่สำนึก‘พรุ่งนี้เธอเสร็จฉันแน่ยัยตัวแสบ’

Tags: Touch Publishing (Viva)

ตอน: บทที่ 3 จุมพิตอันเผ็ดร้อนของธีรภัทร Vs. การเอาคืนเล็กๆ ของเมธาวี 80%

ท้องฟ้ากลางกรุงวันนี้มืดมิดไร้แสงเดือนดาวเมธาวีแหงนหน้ามองอย่างเศร้าใจ “คิดอะไรอยู่คะคุณน้องเล็ก” พี่เลี้ยงคนดีเอ่ยถาม “วันนี้...คุณแม่ทิพย์กับคุณป้าแขดูมีความสุขมากกว่าทุกวันจริงๆ นะคะ”
กิ่งแก้วรับรู้ถึงความว้าเหว่เปลี่ยวเหงาในน้ำเสียงของนายสาว “น้องเล็กรู้สึกว่าตัวเองเป็น ส่วนเกิน ” น้ำเสียงเหงาหงอยสร้อยเศร้ายังไม่เท่าใบหน้าที่สลดลง “อย่าคิดมากสิคะ โตแล้วนะคะไม่ใช่เด็กๆ เป็นถึงท่านประธานใหญ่จะมามัวน้อยใจอะไรกับเรื่องเท่านี้”
กิ่งแก้วให้กำลังใจหยิบแปรงมาแปรงผมให้นายสาวก่อนเข้านอนเหมือนที่เคย
“นั่นสินะ...มีอีกหลายชีวิตที่เล็กต้องดูแล เล็กไม่สมควรอ่อนแอเหมือนที่พี่กิ่งว่า”
“ไม่หรอกค่ะ อย่างน้อยเราก็ยังรู้ว่าเราอ่อนแอ ทำใจให้เข้มแข็งซะสิคะ คุณน้องเล็กของพี่กิ่งเก่งอยู่แล้ว มีแต่คนโง่นะที่ทำร้ายใจตัวเอง พี่รู้ดีค่ะว่าคุณน้องเล็กของพี่เป็นคนฉลาด” กิ่งแก้วพูดแล้วยิ้ม
พี่เลี้ยงคนดีมีวิธีพูดให้เธอยอมจำนนเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกันถ้าหากสลัดความอ่อนแอไม่พ้น คงไม่แคล้วได้กลายเป็นคนโง่ให้พี่เลี้ยงคนดีเหน็บแนมไม่เลิกรา
“พี่ว่าคุณใหญ่กลับมาคราวนี้เปลี่ยนไปเยอะนะคะ...ไม่ร้ายเหมือนเมื่อก่อนเลย ดูแกโตขึ้น สุภาพขึ้น ความหล่อนี่ก็ยังหล่อเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนค่ะ พี่ว่าหล่อกว่าเดิมอีก” ท้ายเสียงออกชื่นชมคนเป็นนายจนออกนอกหน้า “พี่กิ่งจะเปลี่ยนฝ่ายย้ายข้างรึ!” เมธาวีถามงอนๆ ใบหน้าสวยงอเง้า
“โถๆๆ ไม่มีทางหรอกค่ะ พี่ก็พูดไปตามที่เห็นถ้า แกดีมาพี่ก็ดีตอบแต่ถ้าเกิด ดีแตก เมื่อไหร่...ก็ตัวใครตัวมันล่ะ” กิ่งแก้วออกตัว “ทำไมพี่ถึงคิดว่าคุณใหญ่เธอเปลี่ยนไปละคะ ทั้งที่พี่ก็ไม่ค่อยมั่นใจ”
เมธาวีลุกจากขอบหน้าต่างที่เธอใช้ตั่งเตี้ยๆ ปีนขึ้นไปนั่งชมจันทร์อยู่ทุกวัน โดยไม่รู้คนที่ลอบมองเธออยู่ไกลๆ ต้องเปล่งเสียงฮึดฮัดในลำคออย่างขัดใจ
“ก็ที่โต๊ะอาหารเมื่อตอนกลางวันไงคะ พี่รู้นะ คุณเล็กจงใจแกล้งตักน้ำพริกกะปิให้แกเสียเต็มจานเห็นแล้วยังเสาะท้องแทน แต่แกกลับไม่ว่าอะไรสักคำ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะไม่อยากจะคิดเลย” กิ่งแก้วนึกสยอง
“ผมสวยๆ ของคุณน้องเล็กสิคะคงได้นุ่มสลวยเพราะเซรั่มกลิ่นกะปิ คุณใหญ่เธอคงชโลมให้กับมือทีเดียวค่ะ คิกๆๆ” กิ่งแก้วหลุดเสียงหัวเราะออกมาเลยทำให้คนเป็นนายอดขำตามไม่ได้
‘คุณเปลี่ยนไปจริงๆ คุณภัทร เปลี่ยนไปเยอะจนฉันชักกลัวแล้วสิ’
ธีรภัทรตัดสินใจเข้านอนบ้าง จะทำยังไงได้ก็อาหารตาแสนสวยไม่อยู่ให้ลอบมองเสียแล้ว ใบหน้าเนียนสวยยังชัดเจนในห้วงคำนึง เขาคงเป็นเอามากที่กำลังคิดถึงศัตรูตัวฉกาจในแบบที่ไม่ควรคิดเลย เพียงแค่หลับตาลง ใบหน้าหวานของหล่อนก็ผุดขึ้นในสมองอีกจนได้

เมธาวีเดินหน้าตูมนำหน้าคนตัวโตไปขึ้นรถ เปิดฉากทำงานวันแรกเธอก็งานเข้าจนได้ น่าแปลกจริงๆ รถเขาเพิ่งซื้อ มันทำไมเครื่องรวน เธออยากรู้แต่ไม่อยากถามให้มากความ
“คุณภัทรไม่มีอะไรจะพูดมั่งรึไง มีอะไรก็พูดๆ มาสักทีสิ” เมธาวีโพล่งออกไปในที่สุด
“เธอคิดว่าฉันจะมีอะไรอย่างนั้นหรือ” เขาตอบเสียงราบเรียบ กวนประสาท “ก็เรื่องรถของคุณนั่นไง ไม่มีทางที่รถหรูราคาสิบยี่สิบล้าน มันจะสตาร์ทไม่ติด”
“จะไปรู้เหรอ...ไม่ใช่ช่างซ่อมเนื้อตัวสกปรก” เขาว่าแล้วหันมายิ้มที่มุมปากเย้ยเธอนิดหนึ่ง
“ก็เพราะว่าไม่ใช่ไงล่ะ คุณถึงได้ทำตัวเป็นภาระฉัน แล้วนิสัยชอบดูถูกชาวบ้านนี่ กี่สิบปีก็ยังไม่เปลี่ยนเลยนะ” เมธาวีย้อนเสียงเขียว “ฉันจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของฉัน!” ธีรภัทรเริ่มเดือดเมื่อโดนพาดพิง เขาคว้าข้อมือบางมาบีบไว้แน่น ตอนนี้เมธาวีจึงจับพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียว เธอเลียบรถจอดข้างทางทันที
“ถ้าคิดว่าฉันเป็นภาระล่ะก็...เธอก็ควรพิจารณาตัวเองให้ถ้วนถี่เมธาวี เธอต่างหากที่เป็นภาระให้แม่ฉันมาตั้งสิบกว่าปีจำใส่สมองกลวงๆ ของเธอไว้ซะ!” ท้ายประโยคเมธาวีถูกเขากระชากเข้าหาจนเจ็บร้าวไปทั้งแขน คำว่าสงสารเห็นใจมันไม่มีในหัวใจของเขาบ้างหรืออย่างไร หล่อนสลัดจนหลุดออกจากการเกาะกุม ใบหน้าคมเข้มยามนี้อยู่ในอารมณ์โกรธขึ้งสุดขีด สำนึกส่วนดีย้ำเตือนว่าไม่ควรต่อกรกับเขา เพราะถ้าทำอย่างนั้น คนที่เจ็บตัวคงมีเพียงเธอ

ห้องประชุมใหญ่ภายในโรงแรมทิพย์ธารา เมธาวีกล่าวเปิดตัวธีรภัทรต่อหน้าบรรดาหุ้นส่วนและผู้บริหารทั้งหลาย ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี ธีรภัทรให้คำมั่นว่าจะนำพา ทิพย์ธารา ให้ขึ้นสู่ระดับ เจ็ดดาว ให้ได้ภายในกลางปีหน้า ในตอนแรกหุ้นส่วนบางรายไม่เห็นด้วยที่ธีรภัทรจะเข้ามาบริหารแบบเต็มตัว เนื่องด้วยพวกเขาต่างมั่นใจและยอมรับในตัวเมธาวี พวกเขาเห็นว่า การเปลี่ยนตัวท่านประธานใหญ่อาจทำให้เกิดความไม่มั่นคงต่อการบริหารในสายตาของคนนอก หรือแม้แต่พนักงานเอง
เมธาวีชี้แจงไปว่า เธอก็ยังมีหน้าที่ไม่ต่างไปจากเดิม เพียงแต่อำนาจการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับธีรภัทรเท่านั้น หุ้นส่วนเหล่านั้นก็สบายใจ นั่งนับวันรอโรงแรมของพวกเขา ก้าวขึ้นสู่ระดับเจ็ดดาวอย่างที่ท่านประธานคนใหม่ได้ประกาศเอาไว้
“นี่มันหมายความว่าอะไรคุณภัทร!” เมธาวีร้องถามอย่างหัวเสีย หล่อนบุกเข้าห้องทำงานของตัวเอง เมื่อเห็นโต๊ะทำงานกระเด็นออกมาอยู่แทนที่โต๊ะเลขา “ผมต่างหากต้องถามคุณ เข้าห้องเจ้านายทำไมไม่เคาะประตูมิทราบ...คุณเลขา” น้ำเสียงยียวนกวนโมโหตอกกลับเนิบๆ ไม่อินังขังขอบต่อโทสะของอีกฝ่าย
“ฉันไม่ใช่เลขานะ ฉันเป็นที่ปรึกษาของคุณ ทำแบบนี้เสียการปกครองกันพอดี พนักงานจะคิดยังไงที่จู่ๆ ฉันโดนลดไปทำตำแหน่งเลขา ทั้งที่ไอคิวของฉัน มันทำอะไรได้มากกว่ารับโทรศัพท์กับชงกาแฟ”
“มันก็คล้ายๆ กันล่ะน่า หรือว่า...หวงเก้าอี้ท่านประธาน จมไม่ลงว่าอย่างนั้นเถอะ” เขาแดกดัน
“ฉันไม่ได้หวง แต่คุณจงใจแกล้งฉัน ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้นั่งเก้าอี้ตัวที่คุณนั่งอยู่ แต่คุณควรให้เกียรติฉันบ้าง อย่างน้อยตอนที่คุณไม่อยู่ฉันก็ได้รับความเคารพนับถือจากทุกคนทีนี่ พวกเขายอมรับในความสามารถของฉัน แต่กำลังลดบทบาทหน้าที่ของฉันให้ต่ำเกินความเป็นจริง...กรุณาชี้แจงให้กระจ่างด้วยค่ะท่านประธาน” เมธาวีหอบหายใจเมื่อใส่เขาเป็นชุด พยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด
“ไม่มีคำชี้แจงหรือคำอธิบายใดๆ ทั้งสิ้น คุณเลขา ทุกอย่างจะเป็นไปตามนั้น ถ้าหากไม่พอใจก็เชิญไปฟ้องคุณแม่ทิพย์ของคุณได้เลย ถนัดมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้วนี่” เขายังประชดประชันไม่เลิก เมธาวีหัวเสียหล่อนไม่สามารถต่อกรกับเด็กพาลอย่างเขาได้ รู้ทั้งรู้ว่าแม่ตัวเองเป็นโรคหัวใจจะให้เธอเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องไปเรียนให้ท่านทุกข์ใจได้อย่างไร “ก็ได้! ถ้าคุณต้องการให้เป็นตามนั้น” ธีรภัทรมุ่นคิ้วด้วยความคาดไม่ถึง นี่หล่อนกล้าเอาเรื่องขี้ปะติ๋วนี่ไปทำให้แม่เขายุ่งยากใจเชียวหรือ
“เรื่องแค่นี้ ทำไมต้องทำให้คุณหญิงไม่สบายใจด้วย” เขาย้อนถามเสียงห้วนจัด
‘รู้เหมือนกันนี่’ หญิงสาวคิดในใจ ก่อนจะโพล่งออกไปว่า
“ฉันหมายถึง เรื่องที่คุณต้องการให้ฉันอยู่หน้าห้องต่างหาก” หล่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เปิดสนามรบวันแรกเธอก็แพ้ยับเยินเสียแล้ว ธีรภัทรยิ้มหยันสะใจเมื่อได้ฟังคำตอบที่ต้องการ เขาลุกขึ้นยืนกระชับสูทให้เข้าที่ก่อนจะผายมือข้างหนึ่งไปที่ประตู
“ไม่ต้องเชิญ ฉันออกไปแน่ แค่ต้องใช้อากาศหายใจร่วมกันกับคุณ ฉันก็เวทนาตัวเองเต็มทน! อ้อ...กี่ปีกี่ปี คุณก็ไม่เปลี่ยนไปเลยคุณภัทร เห็นแก่ตัว ใจแคบ เจ้าคิดเจ้าแค้นแล้วก็พาลเป็นเด็กไม่รู้จักโต” เมธาวีเหยียดยิ้มอย่างสะใจ ก่อนจะเปิดประตูก้าวออกไปจากห้อง มันอดแขวะไม่ได้เมื่อเขากล้าเอาความรักที่เธอมีต่อมารดามาเป็นเครื่องต่อรอง
ธีรภัทรกัดกรามกรอดๆ สักวันเถอะเขาจะเอาคืนหล่อนให้จงได้



Lilly
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ต.ค. 2555, 23:43:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ต.ค. 2555, 23:43:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 1701





<< บทที่ 3 จุมพิตอันเผ็ดร้อนของธีรภัทร Vs. การเอาคืนเล็กๆ ของเมธาวี 60%   บทที่ 3 จุมพิตอันเผ็ดร้อนของธีรภัทร Vs. การเอาคืนเล็กๆ ของเมธาวี 100% >>
nutcha 3 ต.ค. 2555, 23:47:02 น.
เชียร์น้องเล็กสุดใจค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account