หัวใจใกล้เกินเอื้อม by น้ำจันทร์
“เธอคิดว่านอนกับฉันแค่ครั้งเดียว มันจะพอรึเมธาวี คิดผิดกระมัง!...เพราะว่า...อย่างเธอ ต่อให้ นอนแบ ให้ฉันจนวันตายมันก็ไม่พอ!”
ฉาด!!! แก้มซีกขวาชาไปทั้งแถบ เขาหันกลับมาจะเอาเรื่อง แต่เจ้าหล่อนรู้ทางวิ่งไปที่ประตูเสียก่อน
“วาจาของคุณมัน ด้อยพัฒนา เหลือเกิน คุณภัทร ฝรั่งมังค่ามันสอนแต่ความรู้ในตำราหรืออย่างไร มันลืมสอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ ผู้มีใจสูงให้คุณหรือเปล่า จิตใจของคุณมันถึงได้ สกปรก โสมม ต่ำเตี้ย จนเรี่ยดิน” หล่อนวางระเบิดลูกย่อมๆ เอาไว้ภายในห้องก่อนจะก้าวออกมา ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกพ่นออกมาตามด้วยรอยยิ้มสาใจที่ได้เอาคืนแม้จะเล็กน้อย
ธีรภัทรมองประตูบานใหญ่ตาขวางเขาจะทำอย่างไรถึงจะปราบพยศยัยตัวแสบได้สักทีขนาดโดนเขาจัดชุดใหญ่ให้ยังไม่สำนึก‘พรุ่งนี้เธอเสร็จฉันแน่ยัยตัวแสบ’

Tags: Touch Publishing (Viva)

ตอน: บทที่ 4 ปะทะคารม 40%

หัวใจใกล้เกินเอื้อม / น้ำจันทร์

คลิกที่ชื่อเรื่อง สามารถสั่งซื้อนิยายได้ทันที


โดยไม่ต้องสมัครสมาชิกจ้า งานหนังสือพบกับหนูอัญ



ได้ที่บูธทัชวันที่ 18 ใครซื้อนิยาย หัวใจใกล้เกินเอื้อม


ในงานรับแม็กเน็ตกับที่คั่นฟรี และถ้าบูธไม่มีปก


พลาสติกให้ หนูอัญจะห่อปกพลาสติกให้เอง ฟรีๆๆๆๆ



จ้าาา ไปกันเยอะๆ น้าาา










ประตูหน้าตึกถูกธีรภัทรเปิดเข้ามาเงียบๆ ใกล้จะตีหนึ่งอยู่แล้ว คนในบ้านคงหลับสนิทกันหมด

“กลับซะดึกเชียวตาใหญ่” มารดาเขานั่นเองท่านลุกมาทำอะไรดึกดื่นป่านนี้แล้ว

“คุณแม่เป็นอะไรครับทำไมไม่เรียกใครมาดู” เขาถามด้วยความห่วงใย

“เปล่าจ้ะ น้องเล็กนะสิปวดท้องอีกแล้ว แม่ว่าจะเอากระเป๋าน้ำร้อนไปให้ พอดีแม่กิ่งไม่อยู่ กลับบ้านนอกตั้งแต่เย็นวาน วันศุกร์โน่นถึงจะกลับ” นางบ่นอุบถึงบุคคลที่สมควรจะอยู่กับบุตรสาวในเวลานี้

“แล้วทำไมแม่ไม่เรียกเด็กๆ ล่ะครับ นี่มันก็ดึกมากแล้วนะ” เขาติงอีกครั้งชักเริ่มเคืองคนป่วยที่หาเรื่องให้คนแก่ต้องลำบาก “โธ่...ป่านนี้หลับเป็นตายกันหมดแล้วแม่ขี้คร้านจะเรียก ขนาดน้องโทรเข้าเบอร์ที่ตึกตั้งหลายครั้งยังไม่มีใครได้ยิน จนต้องโทรเข้าเบอร์แม่ เอ่อ...เราเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ รีบขึ้นนอนซะไป แม่จะได้รีบไปดูน้อง” นางไล่บุตรชายกลายๆ ใจก็แล่นไปถึงคนป่วยที่อยู่เรือนหลังเล็กเพียงลำพัง

“ผมจะเอาไปให้เองครับ” เขาอาสา นึกแปลกใจตนเองอยู่ครามครันที่ทำอย่างนั้น

“อ่า...จะดีเหรอลูก” นางอิดออด

“ถ้าปล่อยให้คุณแม่เดินเข้าสวนตอนนี้สิครับไม่ดีแน่ๆ อีกอย่างลูกสาวคุณแม่คงจะดีใจหรอกนะครับถ้ารู้ว่าทำให้คุณแม่ต้องลำบาก เชื่อผมนะครับขึ้นบ้านนอนได้แล้ว ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้นนะครับ”

เขาใช้จิตวิทยาเล็กน้อยเพื่อบังคับมารดาให้ทำตามความต้องการของเขา

“จ้ะๆ ก็ได้ๆ เดินระวังๆ นะลูกไฟในสวนมันเสียยังไม่ได้ซ่อม”

“อย่างนั้นสิครับ คุณแม่จึงไม่สมควรไปอย่างยิ่ง”

“แม่รู้ๆ...ฝากน้องด้วยนะลูก แกอยู่ห้องเดิมของลูกนั่นแหละ” นางร้องส่งไล่หลังบุตรชายที่เดินหายไปในความมืด ธีรภัทรเดินเลียบไปตามทางเดินเล็กๆ ที่ทอดไปยังเรือนไทยไม้สักลัดเลาะไปตามขอบบึงบัวผ่านพิกุลต้นใหญ่ส่งกลิ่นหอมรวยรินติดจมูก จนเข้าสู่สวนมะม่วงรกครึ้ม

เรือนไทยหลังเดิมยังคงงดงามอยู่เสมอแม้จะดูทรุดโทรมลงไปบ้างตามกาลเวลา บนเรือนเงียบเชียบจนดูวังเวงน่าขนลุก มีแสงไฟส่องสว่างเพียงเล็กน้อยที่เชิงบันได เขาก้าวขึ้นไปเงียบๆ มองหาตำแหน่งที่เป็นที่ตั้งของห้องเดิมของเขา เพราะตัวเรือนหันด้านข้างให้กับตึกใหญ่เขาจึงสับสนเล็กน้อย

บานประตูถูกผลักเข้าไปข้างในเมื่อเขาเคาะอยู่นานแต่ไม่มีคนเปิด แสงไฟสลัวที่หัวเตียงทำให้เขารู้ว่าในห้องแทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ทั้งตู้โต๊ะเตียง หล่อนยังใช้ของเดิมต่อจากเขา

“นี่เธอ...เธอ ฉันเอาถุงน้ำร้อนมาให้” เขาพูดกับร่างบางที่นอนแบบอยู่บนเตียงใหญ่ ทว่าไร้วี่แววขานรับ มีเพียงเสียงครางฮือๆ กับเสียงลมหายใจติดขัดน่าอึดอัดแทนดังมาเป็นคำตอบ เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไปดู

“บ้าชิบ!” เสียงสบถเล็ดลอดจากริมฝีปาก สิ่งที่ธีรภัทรได้เห็นคือใบหน้าซีดเผือดของคนป่วย เมื่อเขาลองแตะที่แขนของหล่อนก็พบว่าร้อนจัดทีเดียว ‘ยัยบ้า! ทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองเป็นถึงขนาดนี้ฮะ’ เขาคิดอย่างพาลๆ ก่อนจะค่อยๆ เลิกผ้าห่มของเจ้าหล่อนขึ้นแล้ววางกระเป๋าน้ำร้อนไว้ที่หน้าท้องให้หล่อน

ชายหนุ่มจัดการหาน้ำหาผ้ามาเตรียมเช็ดตัวให้หล่อน ก่อนจะลงมือลอกคราบคนป่วยด้วยหัวใจสั่นไหว ผิวเนื้อหล่อนเนียนละเอียดลออไร้ที่ติ ทรวงอกชูชันไร้ไฝฟ้า เนินหน้าท้องแบนราบไร้ไขมัน และเลื่อนต่ำลงไปอีกนิด...ความงามของมันทำเอาร่างกายเขาแปรปรวน หมู่โลหิตสูบฉีดขึ้นลงทั่วร่างถี่แรงจนร้อนรุ่ม

เมธาวีได้สติ จะส่งเสียงประท้วง เมื่อรู้ว่ากายเปลือยเปล่าของตัวเองกำลังถูกถูไถด้วยผ้าผืนน้อยจากมือเขา “ถ้าไม่อยากให้ฉันทำมากกว่าเช็ดตัว...ก็นอนนิ่งๆ เพราะความอดทน! ของฉัน มันมีขีดจำกัด”

เขากัดฟันบอกเสียงพร่าไล้ผ้าผืนน้อยไปทั่วตัวหญิงสาว คนป่วยได้แต่มองตาปริบๆ ไม่กล้าขยับเขยื้อนและในที่สุดภารกิจของคนเฝ้าไข้จำเป็นก็สำเร็จลุล่วง โล่งใจกันทั้งสองฝ่าย

“อย่าได้คิดว่าฉันทำเพราะความเต็มใจ ถ้าแม่ไม่บังคับ...จ้างฉันก็ไม่มา” เขาย้ำชัดแม้ว่ามันจะไม่เป็นความจริงสักเท่าไหร่ มือเรียวรวบผ้าผืนน้อยลงในกะละมังแล้วนำไปเก็บในห้องน้ำ กลับมาอีกทีคนป่วยก็ชิงหลับหนีหน้าเขาไปซะแล้ว ธีรภัทรถอยออกมายืนอยู่ริมหน้าต่างขยับหัวเข็มขัดเล็กน้อยเมื่ออิทธิพลจากร่างเย้ายวนตาของคนป่วยยังวนเวียนรบกวนส่วนนั้นของเขา

“แม่...แม่จ๋า แม่...แม่...” เสียงครางสั่นเครือของคนป่วยปลุกคนที่กำลังจะเคลิ้มหลับให้ตาสว่าง หล่อนต้องการอะไรรึเปล่า เขาลุกจากเก้าอี้ไปพิจารณาหล่อนใกล้ๆ

“มะ...แม่...” เสียงแหบเครือพยายามเปล่งออกมาอีกครั้ง เขานั่งลงบนเตียงเบาๆ คนป่วยกำลังละเมอก่อนจะเปล่งเสียงสะอื้นผะแผ่วน้ำตารินเป็นทางทั้งที่ยังหลับตา แขนเรียวเล็กเริ่มปัดป่ายกลางอากาศอย่างน่าสงสาร ก่อนจะร้องเสียงหลงด้วยประโยคที่คนนั่งเฝ้าตัวชาดิก

“อย่านะ! พี่ใหญ่! อย่าทำอะไรเล็ก เล็กกลัวแล้วฮือออออ...” แล้วคนป่วยก็เงียบลงอีกครั้งเหลือเพียงเสียงสะอื้นดังบาดหัวใจเขาอยู่เนืองๆ ‘นี่ฉันร้ายกาจแม้แต่ในฝันของเธอหรือ เมธาวี’

เขาตัดสินใจลงนอนเคียงร่างคนป่วยเหนี่ยวรั้งหล่อนมาไว้ในอ้อมแขน บังคับศีรษะได้รูปของหล่อนให้มาซุกซบชิดแผ่นอกกว้างของเขา ริมฝีปากแดงเรื่อราวอิสตรีลอบสูดกลิ่นหอมของเส้นผมสีดำขลับฟอดใหญ่ก่อนจะผล็อยหลับตามคนป่วยไป ในที่สุด

เสียงนกร้องเซ็งแซ่ ภายในสวนมะม่วงรอบตัวเรือนนับเป็นบรรยากาศที่ไม่คุ้นชินสำหรับธีรภัทร คอนแทคเลนส์ที่สวมไว้คงอยู่ผิดตำแหน่งเขาจึงต้องจัดการให้มันเข้าที่ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง หมู่โลหิตพุ่งไปสุดปลายนิ้วเมื่อเขายกศีรษะทุยๆ ของหล่อนขึ้นจากต้นแขน มือเรียวรั้งผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้หล่อนเมื่อพบว่ามันร่นไปอยู่ที่ขาอ่อน เขาคงต้องเผ่นก่อนที่ใครจะบังเอิญผ่านมา แล้วพบว่าเขาอยู่ที่นี่ตลอดทั้งคืน

อาการปวดเมื่อยตามตัวทำให้เมธาวีขยับกายเล็กน้อย อาการปวดท้องเมื่อวานก็หายเป็นปลิดทิ้ง เธอกระชับอ้อมแขนกอดหมอนข้างแน่นขึ้นไปอีก ช่วยไม่ได้ก็หมอนข้างวันนี้มันอุ่นจริงๆ นี่นา เธอพูดกับตัวเองในความฝันครึ่งหลับครึ่งตื่น “เป็นตังเมรึไงฮึ ยัยตัวแสบเกาะซะแน่นเชียว”

ธีรภัทรเอ่ยกับตัวเองเบาๆ แต่คนที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นนั้นแทบตาสว่าง เมธาวีตาเบิกโพลงเมื่อสำเหนียกได้ว่าไอ้ที่กอดอยู่นี้ไม่ใช่หมอนข้างแต่เป็น ธีรภัทร ความอายพาหมู่โลหิตวิ่งพล่านไปทั่วร่าง เมธาวีรีบผละตัวเองออกจากอกกว้างพัลวัน หล่อนลงจากเตียงตรงไปห้องน้ำ ไม่กล้ามองหน้าเขา

“นี่เธอ...ใจคอจะไม่ขอบคุณฉันสักคำเลยรึไง ฉันอุตส่าห์เฝ้าไข้เธอทั้งคืน” เสียงเข้มตัดพ้อเมื่อเห็นหล่อนลนลานลุกหนี “ไม่ได้ขอให้มานี่ อยากมาเองช่วยไม่ได้” หล่อนตอบกลับ ถ้าจำไม่ผิดเขาบอกเองว่าโดนบังคับให้มาแล้วเขาจะอยากได้คำขอบคุณไปทำไม “เธอนี่มัน...เสียมารยาทจริงๆ” เขาว่าอย่างเหลืออดลุกลงจากเตียงเตรียมจะก้าวออกไปจากห้อง “ขอบคุณ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นในที่สุด

“อะไรนะ” เขาแกล้งทำไม่ได้ยิน “ก็บอกว่าขอบคุณไง ไม่ได้ยินเหรอหูหนวกรึไงฮ้า”

เธอหันกลับมาจะเอาเรื่องคนขี้แกล้ง แต่แผงอกกว้างที่เธอซุกอยู่เมื่อคืนทำเอาลิ้นอ่อนบางค้างแข็งพูดไม่ออก แผงอกอุดมด้วยกล้ามเนื้ออยู่ห่างจากเธอเพียงคืบ หัวใจเจ้ากรรมเต้นถี่ระรัว เลือดสาวฉีดพล่านทั่วร่างอย่างน่าละอาย เธอตัดสินใจหลุบหน้าลงต่ำเสมองที่พื้นไม้กระดานไม่กล้าสู้หน้าเขา



Lilly
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ต.ค. 2555, 12:32:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ต.ค. 2555, 12:39:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 2537





<< บทที่ 3 จุมพิตอันเผ็ดร้อนของธีรภัทร Vs. การเอาคืนเล็กๆ ของเมธาวี 100%   บทที่ 4 ปะทะคารม 60% >>
Lilly 4 ต.ค. 2555, 12:35:28 น.
เว็บนี้คลิกลิ้งก์มิได้น้าาาา


nutcha 4 ต.ค. 2555, 22:52:23 น.
น้องเล็กโตแล้วไม่หงอ สู้คน ชอบค่ะนางเอกแบบนี้


ใบบัวน่ารัก 5 ต.ค. 2555, 06:37:00 น.
อายจัง><


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account