พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว # จุฬามณี (ลิขสิทธิ์ สนพ.มายดรีม)
เรื่องย่อ พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว

เป็นเรื่องราว ของ มาลี สาวน้อยวัย 20 ปี ลูกกำพร้าพ่อซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง มาลี กับแม่และน้องชาย มารุต อาศัอยู่กับญาติห่าง ๆ ข้างพ่อ ซึ่งทำรีสอร์ตและการท่องเที่ยงท้องถิ่นอยู่ที่อุ้มผาง..

วันหนึ่ง กลยุทธและคณะไปเที่ยวล่องแก่งน้ำตกทีลอซู แล้ว เขาชอบมาลีจึงสานความสัมพันธ์ ส่วนมาลีนั้น เจอลูกทัวร์จีบจนชาชิน แต่กลยุทธก็ทำให้มาลีหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..

หลังจากคณะของกลยุทธกลับไป..ทางป้า ก็บีบบังคับให้มาลีไปเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่กับนันทาลูกสาว เพราะว่าต้องการให้อนันต์ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับคนที่รวยกว่า..

มาลีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ชัชชัย เพื่อนของนันทา ซึ่งเคยไปหาข้อมูลเขียนหนังสือมารับที่แม่สอด(ชัชชัยอ้างว่ามาธุระแถวนั้นพอดี)..มาลีกับชัชชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา เพราะตอนที่ชัชชัยมาอยู่อุ้มผางเพื่อหาข้อมูลเขียนสารคดี ตามคำแนะนำของ นันทา (ชัชชัยเป็นเพื่อนกับนันทา) มาลีแกล้งชัชชัยเพราะว่าไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาวกับปากไม่ค่อยดี..

ที่บ้านทาวเฮ้าส์ของนันทานั้นอยู่หมู่บ้านเดียวกับกลยุทธที่มีน้องสาวชื่อกุลกัญญา และช่วงที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ต่อที่รามคำแหงมาลีก็ได้คำแนะนำจากศรีวรรณเพื่อนข้างบ้านของนันทาให้ให้ไปทำงานฆ่าเวลาเป็นแม่บ้านบนตึกสูงกลางเมือง มาลีที่อยู่กับนันทาแบบคนใช้ (นันทากดไว้เพราะมาลีมาด้วยทุนของแม่) ที่คิดเบื่อบ้านจึงไปทำงานตามคำแนะนำของศรีวรรณ

และบนตึกสูงนั้น มาลีก็ได้รู้ว่าเธอทำงานในตำแหน่งแม่บ้านซึ่งมีกลยุทธทำงานที่นั่นด้วย และมาลีก็ได้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัวของกลยุทธมากขึ้น มาลีรู้ว่ากลยุทธเป็นที่หมายปรองของรมมณีย์ลูกสาวของเจ้าของประธาน
บริษัทฯ

กลยุทธนั้นอึดอัดกับความรักที่รมณีย์มีให้ เพราะเขาทนกับปากของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เขาสานความสัมพันธ์กับมาลีมากขึ้น จนกระทั่งรมณีย์ที่เป็นเพื่อนกับชัชชัย ต้องดึงชัชชัยมาช่วยทำให้มาลีกับกลยุทธเข้าใจผิดกัน...

ชัชชัยนั้นชอบมาลีเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอาอกเอาใจมาลีสารพัด แต่มาลีคิดว่า ชัชชัยนั้นเป็นคู่รักของนันทา ทำให้มาลีไม่เปิดใจให้ชัยชัย..

และมาลีจะเลือกใครระหว่างกลยุทธกับชัชชัย..

Tags: รักสามเส้า เราสามคน

ตอน: 27.“กลัวไม่ได้เบียดใช่ไหมล่ะ”

27.

เช้าวันรุ่งขึ้นวิจักษ์รีบตื่นนอนมาตั้งแต่ตีสี่ เขาเองก็อยากเห็นหน้าพี่ตรีทศเหมือนกัน อยากรู้ว่า พี่เขาร้องไห้เรื่องอะไร ตรีทศเองก็แปลกใจที่ลงมาจากชั้นบนแล้วเห็นวิจักษ์ยืนอยู่หน้าเตาไมโครเวฟ

“ทำอะไรแต่ค่อนรุ่ง”

“อุ่นอาหารครับ”

วิจักษ์รีบแสดงให้ตรีทศเห็นว่า ‘อาหารของพี่นั้นสำคัญกับผมนะ’

“เมื่อคืนทำไมไม่กิน”

แล้วตรีทศก็เข้าเรื่องของตนเองจนได้ จริงๆ เขาต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวออกจากบ้านไปยังสนามบิน แต่เห็นว่าเสียเวลาตรงนี้สักสิบนาทีก็ยังได้ เขาจึงปรี่ไปยังมุมกาแฟ ทั้งที่ปกติเขาจะต้องไปดื่มบนเครื่องบิน

เมื่อได้ยืนอยู่ใกล้ๆ กัน วิจักษ์จึงได้เห็นว่า พี่ตรีทศที่ก้มหน้าก้มตาตักกาแฟ น้ำตาลและคอฟฟี่เมตใส่แก้วกาแฟสีดำนั้น มีดวงตาปูดบวม

“เมื่อคืนทำไมไม่กินข้าว” ตรีทศถามซ้ำ

วิจักษ์อ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบอย่างไร ถ้าตอบไปตามจริงพี่ตรีทศก็จะเสียใจ..แต่ว่าเขาก็เลี่ยงความจริงไม่ได้แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมดในทันที

“ทานจากข้างนอกมาแล้วครับ มีคนเลี้ยง” ท้ายประโยคนั้นเขาอยากบอกให้รู้ว่าเขาไม่ได้ฟุ่มเฟือยนะ

“คนที่ไหนหรือ”

“ที่ทำงานครับ”

“หญิงหรือชาย” ตรีทศใช้น้ำเสียงคล้ายกับว่าไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ถามๆ ไปอย่างนั้นเอง

“ผู้หญิงครับ”

เมื่อได้ยินคำตอบ ตรีทศก็คนกาแฟจนได้ที่พอดี

“คือ”

วิจักษ์อยากเล่า แต่เมื่อเห็นสีหน้าของอีกคนแล้ว เขาจำต้องสงบปาก พอดีกับเสียงไมโครเวฟดังขึ้น เขารีบกดเปิด มือจะเอื้อมเข้าไป แต่ไอความร้อนแผ่ออกมาจนเขาผงะ

“รอสักนิดก็ได้ อย่างไรอาหารในนั้นมันก็ไม่หนีไปไหนอยู่แล้ว”

พูดจบตรีทศก็วางแก้วกาแฟที่น้ำสีดำออกน้ำตาลพร่องไปเพียงนิดเดียว แล้วรีบเดินขึ้นชั้นบน


ขณะที่มาลีกำลังขัดห้องน้ำอยู่นั้นโทรศัพท์มือถือที่ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นร้องเรียก มาลีละมือจากแปรงแล้วดึงหูฟังมาเสียบที่หู

“ทำอะไรอยู่” เป็นเสียงของชัชชัยที่ดูสดชื่นเหลือเกิน

“ทำงานซิ”

มาลีตอบตามตรง อันที่จริงเธออยากจะบอกว่า ‘ขัดห้องน้ำอยู่’ แต่ถ้าขืนบอกไปอย่างนั้น ทางปลายสายคงจะบ่นเรื่องที่เธอทำตัวตกต่ำเป็นแน่

“เหนื่อยไหม”

เขาถามย้ำ มาลีรู้ว่า ถ้าตอบว่า ‘เหนื่อย’ แล้วเขาจะพูดอะไรต่อ เขาจะต้องบอกว่า ถ้าเหนื่อยก็ลาออก เขาจะหางานใหม่ให้ทำ แต่วันนี้มาลีพอใจที่จะอยู่ตรงนี้ อยู่เพื่อดูใจคนสักคน อยากรู้เหมือนกันว่า จุดลงเอยระหว่างตนกับคุณกลยุทธที่ฟ้าบันดาลให้มาพบกันจะเป็นอย่างไร

ปลายสายยังถามคำถามเดิม

“มีธุระอะไรหรือ” มาลีรีบเปลี่ยนเรื่อง

“ยังไม่ได้เล่าเรื่องกุลกัญญาเลยนะ”

“กุลเขาไปตกหลุมรักไอ้นิวเพื่อนฉัน คนอุ้มผางเหมือนกัน เจอกันที่สวนจตุจักร ที่นี้วันนั้น ฉันพบไอ้นิวมากับหญิงอื่น ไม่อยากให้เห็น ไม่อยากให้กุลช้ำใจ”

“แล้วบอกกุลไปหรือเปล่า”

“ไม่กล้า” มาลีบอกตามตรง

“มาลีน่าจะบอกเขานะ ถ้าปล่อยให้รู้เอง เขาจะแย่ในภายหลังได้ แล้วไอ้นิวมันว่าอย่างไรบ้าง”

“มันก็บอกว่าคบเผื่อเลือก” พูดจบแล้วมาลีก็ถอนหายใจออกมา

“แต่ผมไม่ได้คบหามาลีแบบเผื่อเลือกนะ รักจริงหวังแต่ง”

เมื่อได้ยินถ้อยคำจากปลายสายมาลีเงียบกริบ

“ฟังอยู่หรือเปล่า”

มาลีไม่ตอบรับใดๆ หญิงสาวก้มหน้าก้มตาขัดห้องน้ำ ให้เสียงน้ำกับเสียงแปรงเป็นคำตอบสำหรับ ถ้อยคำหวานหูนั่น

“มาลี ผมไม่ได้พูดเล่นนะ มันออกจากใจผมจริงๆ นะ”

“แค่นี้นะ ฉันต้องทำงานต่อ”

มาลีกดตัดสัญญาณทิ้ง เงยหน้าพลางถอนหายใจ พอดีกับสายตาของเธอ สบเข้า
กับสายตาของกลยุทธที่ยืนนิ่งเข้าจังๆ เช่นกัน ด้วยคิดว่าเขาจะไปยังโถปัสสาวะ มาลีจึงเลี่ยงหลังหลบออกมาด้านนอก แต่กลยุทธนั้นดึงแขนมาลีไว้
มาลีรีบมองออกไปยังด้านนอกเห็นว่าไม่มีใคร หญิงสาวจึงยืนนิ่ง

“ทำไมไม่รอมาพร้อมกัน”

เขาหมายถึงว่า ทำไมเมื่อเช้า เมื่อวานและวันนี้มาลีไม่คอยนั่งรถเข้ามาเหมือนเคย
เขาไปยืนรอ ร้องเรียกจนกระทั่งพี่สาวของมาลีเปิดหน้าต่างร้องบอกด้วยความหงุดหงิด จริงๆ เขาอยากจะมาเคลียตั้งแต่วันจันทร์ อังคาร แต่คุณรมณีย์ก็ชวนเขาออกไปธุระด้วยจนหาเวลาไม่ได้

“คุณยุทธ ฉันงานยุ่ง ขอตัวก่อนนะ”

มาลีไม่อยากตอบคำถามนั้น เขาน่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่า เธอคิดอะไรอยู่ พนักงานทำความสะอาด กับ จีเอ็มสาวสวยดีกรีนักเรียนนอกลูกสาวเจ้าของบริษัท ถ้าเขาเลือกเธอ ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ


กลยุทธเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานด้วยสีหน้าไม่สดชื่นนัก วรรณาเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสารแล้วแลสบตากับสมศักดิ์ เรื่องที่มีคุณรมณีย์ กลยุทธ และมาลี กับชายหญิงอีกสองคนที่โรงหนังกลายเป็นหัวข้อพิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่เมื่อวันจันทร์ อังคารที่ผ่านมา

ใครจะคิดว่า คุณรมณีย์เองจะยอมลดตัวเองทำตัวสนิทสนมใกล้ชิดกับเด็กทำความสะอาด เพราะต้องการชิงผู้ชายของตัวเองคืนมา

เมื่อได้ยินทีแรกวรรณาไม่อยากจะเชื่อนัก แต่เมื่อซักถามแล้ว กลยุทธพยักหน้า เธอจำต้องตั้งวง นั่งดูละครฉากสำคัญนี้กันต่อไป

“เย็นนี้ตกลงคุณวรรณไปนะครับ” สมศักดิ์กระซิบถามเบาๆ
วรรณาเงยหน้าทำสีหน้าครุ่นคิด หลายสัปดาห์แล้วที่ทั้งคณะไม่ได้ออกไปร้องคาราโอเกะในเวลาหลังเลิกงานด้วยกัน

“เจ้านายเราก็ไปนะ” สมศักดิ์หมายถึงกลยุทธ ซึ่งถ้าอ้างแบบนี้รับรองเลยว่า วรรณาไม่ปฏิเสธแน่นอน

“ทำไมต้องเอาเขามาอ้างด้วย” วรรณาถามคืน

“ก็ถ้ามันไม่ไป คุณก็ไม่ยอมไป”

“ต่อไปถึงไม่มีเค้า วรรณก็จะไป” เมื่อได้ยินคำตอบสมศักดิ์ยิ้มกริ่มออกมา

“หมายความว่า คุณวรรณตัดใจจากมันได้แล้ว”

“มันน่ะหัวหน้างานเรานะคะ”วรรณาโต้กลับ

“ผมพอมีหวังแล้วใช่ไหมครับ”

สมศักดิ์ถามประโยชน์ของตน วรรณาไม่ตอบ หญิงสาวก้มลงทำงาน แล้วเงยหน้าถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นแล้วไปสะกิดจริญญาที่นั่ง
อยู่โต๊ะด้านหน้า

“คุณอ๋อหายไปไหน โทรมาลางานหรือเปล่า”

“โทรมาแล้ว เห็นว่ามีปัญหากับคุณเอก”

“เรื่องอะไร” สุชินที่นั่งอยู่ด้านหน้าเหลียวหลังมาถาม

“คุณเอกมีเมียอยู่แล้ว”

วรรณายกมือทาบอกทันที

“อุวะ ทำไม หลอกกันทำไม”

สุชินดูมีอารมณ์เป็นเดือดเป็นแค้นขึ้นมา สมศักดิ์ที่เดาสถานการณ์ออกว่าในวงสนทนาคงมีเรื่องไม่ดีแน่ จึงรีบลุกขึ้นมาสมทบ แล้วสุชินก็ระบายความคั่งแค้นออกมาให้สมศักดิ์ได้รับรู้

“แล้วคุณอ๋อทำไง” น้ำเสียงของสมศักดิ์ดูเป็นห่วงเพื่อนร่วมงานเช่นกัน

“ช็อกซิ ดีนะไม่มีลูกด้วยกันไม่งั้น ทางบ้านคุณอ๋อคงเสียใจกันมากกว่านี้” พูดจบจริญญาก็ถอนหายใจออกมา

วรรณาเองก็ถึงกับพ่นลมหายใจออกทางปาก แล้วกลับมายังโต๊ะทำงานของตน หญิงสาวหันไปมองหน้าสมศักดิ์ เหมือนเจ้าตัวจะรู้ดีว่าในนั้นมีคำถามอะไร?

“ผมโสดสนิทนะครับ ไม่มีซุกซ่อนที่ไหน ถ้าไอ้ชินนะไม่แน่”

“เฮ้ย ตรูเคลียได้หมดโว้ย ไม่เคยหลอกลวงใครแบบนี้หรอก พูดกันตรงๆ หมด ไอ้เอกนี่มันน่าเตะจริงๆ เลย นึกแล้วเป็นห่วงคุณอ๋อ ตกลงเย็นนี้ พวกเราไปกันหมดไหมเนี่ย เจ้านายมึงไปไหม” สุชินถามซ้ำ

สมศักดิ์มองผ่านบังตาเข้าไป เห็นเจ้านายมีสีหน้าบอกบุญไม่รับเช่นกัน

“มึงถามดูเองละกัน กูไม่อยากเสือก”

ว่าแล้วสมศักดิ์ก็เดินกลับมายังโต๊ะทำงาน แต่ยังไม่ทันจะคีย์ข้อมูลลงคอมพิวเตอร์ หูของเขาก็ได้ยิน เสียงสุชินโทรพูดคุยกับอรชุมา ด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย แล้วสมศักดิ์ก็อดนึกไม่ได้ว่า สุชินนั้นห่วงอรชุมาอย่างเพื่อน หรือ มากกว่านั้น และถ้าคนสองคนจะเดินหน้าไปด้วยกัน มันจะเป็นไปได้ไหม ผู้ชายที่เจ้าชู้ กับผู้หญิงที่เคยถูกผู้ชายเจ้าชู้หลอก เป็นไปได้ไหม?


ด้วยพอรู้ใจเจ้านายหนุ่ม วรรณาจึงต้องเดินไปชวนมาลีให้ไปมิตติ้งด้วยกันในคืนนี้ด้วย

“คนละเท่าไหร่คะ” มาลีถามตามตรง

“หารเท่ากับจำนวนคนที่ไป”

“แล้วคนกินเหล้า” มาลีแกล้งพูดเอาประโยชน์ตน

“หารเท่ากันหมด ไม่ต้องคิดอะไรมาก ไปนะ ไปด้วยกัน ไม่ได้ชวนเข้ากลุ่มง่ายๆ นะมาลี”

“ไม่รังเกียจหรือคะ ฉันแค่พนักงานทำความสะอาดเท่านั้น”

“ถ้าเจ้านายไม่รังเกียจเธอ พวกฉันก็ไม่รังเกียจ มีอะไรกันหรือเปล่า เล่าให้ฟังบ้างซิ”

“แล้วพี่วรรณคิดว่า น่าจะมีหรือเปล่า”

“มีอยู่แล้วแหละมาลี ถอนตัวได้ก็ถอนนะ พี่อยากให้เธอออกจากตรงนี้ไปเสีย ถ้าตำตาตำใจกันอยู่อย่างนี้ คุณรมณีย์เธอก็คงยอมไม่ได้เช่นกัน ไปๆ มาๆ จะทำให้คุณยุทธเขาเดือดร้อนด้วยนะ”

“อย่างไรคะ” มาลียังตีหน้าซื่อซักถาม

“ถ้าคุณยุทธเลือกเธอ อะไรจะเกิดขึ้น”

“ทำไมคุณถึงมั่นใจว่าเขาจะเลือกฉัน”

“ตั้งแต่รู้จักกันมา เขาไม่เคยเป็นแบบนี้กับใคร เขาไม่แคร์ใคร แต่เขาแคร์เธอนะ เธอมีอะไรดีนะมาลี”

คนถามมองหน้าที่มีดวงตากลมโตใต้หมวกคลุมผมสีเหลือง มาลีจ้องตากลับ เพื่อให้คุณวรรณาค้นหาคำตอบนั้นอย่างเต็มที่

“เธอมั่นใจว่าเขาเลือกเธอ เธอต้องการให้เขาพิสูจน์ตัวเอง
พิสูจน์รักแท้ เธอมีคนอื่นอยู่ในใจด้วย เธอยังไม่ได้รักเขาสุดหัวใจ”

วรรณาพูดไปเรื่อยๆ จนมาลียิ้ม กลั้นขำออกมา

“เป็นหมอดูลูกตาหรือพี่”

“เปล่า แต่ความรู้สึกมันบอกออกมาอย่างนั้น ตกลงเย็นนี้ พวกฉันรอที่ลานจอดรถชั้นล่างนะ เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยล่ะไม่ต้องคิดพิสูจน์รักแท้นะจ๊ะนางซิน”



เมื่อได้เวลาเลิกงาน มาลีจึงลงมาที่สำนักงานของพนักงานทำความสะอาด แจ้งให้พี่ศรีวรรณรับทราบว่าวันนี้จะไม่กลับบ้านด้วย หลังจากที่อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองแล้วก็มาหยิบนิตยสารแนวซุบซิบดารา ที่เพื่อนพนักงานวางไว้บนโต๊ะมานั่งอ่านรอเวลา

มือของมาลีพลิกไปทีละหน้าจนกระทั่ง ถึงหน้าที่มีรูปชัชชัยในข่าวสังคมพร้อมพ่อของเขา ในเนื้อข่าวนั้นทำนองว่า เขาเป็นหนุ่มเนื้อหอมที่คุณพ่อขยันพาออกงานเพื่อให้เป็นที่รู้จักในวงธุรกิจ และท้ายข่าวก็แซวถึงอนาคตนักบริหารงานรุ่นใหม่ผู้มีอารมณ์ศิลปินว่ามันจะเป็นอย่างไร

เมื่ออ่านจบแล้วเพ่งมองดูรูปของเขาในชุดสูทสากล มาลีถึงกับระบายลมหายใจออกมา ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่า ระบายลมหายใจด้วยเรื่องของใครกันนะ
เมื่อได้เวลา โทรศัพท์มือถือของเธอสั่นเตือนขึ้น ด้วยคิดว่าเป็นวรรณา เมื่อรับแล้วมาลีจึงตอบกลับไปทันทีว่า “กำลังจะออกไปค่ะ”

“ไปไหน” ปลายสายถามกลับ มาลีจึงเบี่ยงโทรศัพท์มาดูชื่อคนที่โทรเข้ามา “จะไปข้างนอกกับพี่ๆ เขา คุณชัชมีอะไรหรือคะ”

“นึกว่าว่าง จะชวนไปหาอะไรอร่อยๆ กิน เออไปกันที่ไหนหรือ”

“ไม่รู้เหมือนกัน”

“มีใครไปบ้างล่ะ มีหนุ่มหรือเปล่า”

“หลายคน” มาลีแกล้งรวนกลับไป

“พี่ยายกุลด้วยหรือเปล่า” น้ำเสียงขุ่นกลับมาทีเดียว

“มั้ง น่าจะมี แค่นี้นะคะ เขาโทรตามกันแล้ว” มาลีตัดสัญญาณทิ้งอย่างเสียมารยาท แล้วรีบเดินออกจากสำนักงานไปยังจุดคอยรถที่ลงจากชั้นบน

รถเก๋งคันนั้นเป็นของสมศักดิ์ มีกลยุทธ นั่งมาด้วย ส่วนอีกคันที่ตามหลังมาเป็นของสุชิน ซึ่งมีวรรณากับจริญญาเป็นผู้โดยสาร มาลีลังเลไม่รู้จะเลือกไปคันไหน หากเธอไปคันที่จอดอยู่ข้างหน้า เธอก็จะต้อง

พูดคุยกับเขา แล้วมาลีก็ตัดสินใจวิ่งไปเปิดประตูรถคันที่ต่อท้าย
เมื่อนั่งในรถเรียบร้อย จริญญากับวรรณามองหน้ากัน

“มีอะไรกันหรือเปล่า”

“ยังไม่มีอะไร แต่อาจจะมีในเวลาต่อไปก็ได้ค่ะ” มาลีตอบกวนๆ คนฟังถอนหายใจ
ออกมาแล้วยิ้มให้กัน

“ตกลงในวงพนันเขาว่ากันอย่างไรนะคุณสุชิน” วรรณารีบเปิดประเด็นทันที

“ส่วนใหญ่เขาว่ามาลีต้องพ่าย ผมเองอยากจะเชียร์มาลี แต่ผมก็ไม่กล้าต่อรองกับเขาหรอก ขอดูอย่างเดียวดีกว่า”

“เอาเรื่องของฉันไปพนันขันต่อหรือคะ” มาลีมีสีหน้าแปลกใจเมื่อได้รับรู้ความจริง

“ดังยิ่งกว่าข่าวบันเทิงเขียนอักษรย่อในหน้าไทยรัฐ” จริญญาช่วยเสริม
มาลีมองออกไปนอกรถแก้เก้อ ขณะที่วรรณากดโทรศัพท์หา อรชุมา คุยกันสามสี่ประโยค วรรณาก็รายงานเพื่อนร่วมเดินทาง

“ถึงแล้ว สงสัยจะเบื่อบ้านมากๆ เลยรีบออกมาเร็ว”

“ตอนแรกจ๊ะก็เตือนแล้ว แต่คุณอ๋อไม่เชื่อ” จริญญาพูดถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในชีวิตลูกผู้หญิงที่ไม่อาจหวนคืน

“ของอย่างนี้มันต้องเจอกับตัวเองถึงจะรู้สึก ก็แหมใครจะคิดว่า ผู้ชายหน้าตาดีๆ อย่างคุณเอกจะกลายเป็นซาตานผลาญพรหมจารี จะว่าไปวรรณเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะไปพลาดท่าใครเขาบ้างหรือเปล่า”

“คงไม่หรอกครับ คุณวรรณเก่งอยู่แล้ว” สุชินหยอกให้

“เก่งอย่างไร” วรรณาแหวเขาใส่ทันที

“ก็ เอาตัวรอดเก่งครับ แต่ถ้าหาใครไม่ได้จริงๆ อย่าลืมเพื่อนผมละกัน ไอ้ศักดิ์มันรักคุณวรรณจริงๆ นะ ให้โอกาสมันบ้าง มองคนที่เขามองคุณดีกว่า มองคนที่เขาไม่ได้รักคุณ”

“แหวะ แหวะ แหวะ”

ทั้งวรรณา จริญญา และมาลี ต่างพร้อมใจกันส่งเสียงทำลายบรรยายของคำคมนั่น


เมื่อรถถึงลานจอดรถ มาลีก็รีบเกาะแขนคุณจริญญาเข้าไปในร้านอาหารแบบมีห้องคาราโอเกะ โดยไม่ได้สนใจสายตามองมาของกลยุทธเลยสักนิด สมศักดิ์ที่ล็อกรถแล้วเดินตามมาตบไหล่เพื่อนเป็นเชิงปลอบใจ

“ทะเลาะอะไรกัน” สุชินที่ยืนรออยู่ถามขึ้นมาบ้าง กลยุทธส่ายหน้าช้าๆ

“อยากเล่าค่อยเล่าก็ได้ แต่ตอนนี้ ไปกินเหล้ากันไป”

สุชินเดินนำหน้าสองหนุ่ม ตามสามสาวไปยังห้องคาราโอเกะห้องเดิมที่เคยมา ซึ่งอรชุมานั่งรถแท็กซี่ออกจากคอนโดมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว

เมื่อเปิดประตูเข้าไป เสียงดนตรีพร้อมเสียงร้องในบทเพลงแสนเศร้าก็ดังเข้ามากระทบโสตประสาท แต่เมื่อเห็นหน้าเพื่อนๆ อรชุมาก็ทิ้งไมโครโฟนแล้วโผเข้ากอดจริญญาทันที น้ำตาเท่านั้นเป็นคำตอบว่าเจ็บเพียงไหน และฝ่ามือนุ่มของวรรณากับจริญญาก็เป็นเครื่องยืนยันว่า เธอยังมีเพื่อน เพื่อนจะอยู่เคียงข้าง จะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าเพื่อนจะแข็งแรง

สามหนุ่มเปิดประตูตามมา กลยุทธมองมาลีที่มีสีหน้าอีหลักอีเหลื่อ สมศักดิ์ดิ่งไปยังรีโมทเลือกเพลง ส่วนสุชินนั่งลงแล้วพลิกดูเมนูเพลง โดยทุกคนนั้นทำเป็นไม่สนใจภาพที่ผู้หญิงทั้งสามคนกำลังปลอบประโลมกัน พนักงานบริการเข้ามาหา กลยุทธจึงเดินลงไปนั่งที่โซฟาแล้วหยิบเมนูออกมาสั่งอาหารและเครื่องดื่ม

บริกรออกไปแล้ว สามสาวนั่งลงเรียงกัน แต่มาลียังยืนดูภาพวิวที่ทางร้านติดไว้ที่ผนัง โดยทำทีเหมือนกับมาสังเกตการณ์มากกว่ามาหาความสุข

“ไปนั่งด้วยกัน” กลยุทธลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วมากระซิบกับใกล้ๆ ใบหู

“งอนอะไรผม” เขายังเพิ่มดีกรีของความหวาน

มาลีหันไปสบตาของเขา ริมฝีปากบางได้รูป จมูกโด่งเป็นสัน รวมถึงผมรองทรงที่ดูสุภาพ เขาคนที่มีตานัยน์ตาหวานที่จ้องมองดูเธอในอุ้มผาง วันนี้เขาได้กลายมาเป็นคู่รักของเธอได้จริงๆ หรือ

“ตกลงกันได้แล้วก็มานั่งตรงนี้” เป็นเสียงของสุชินที่แทรกขึ้นมา

มาลีรีบผละไปยังที่นั่งข้างสุชิน กลยุทธเดินตามไปนั่งข้างๆ อย่างประกาศให้ทุกคนรู้ว่ามาลีเป็นคนรักของเขา ยิ่งเห็นคู่ของมาลีกับกลยุทธมีทีท่าว่าจะหวาน อรชุมาก็ร้องไห้ขึ้นมาอีก

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ดีขึ้น ทนๆ หน่อย เดี๋ยวก็ดีขึ้น” พูดจบ จริญญาก็ลุกขึ้นแล้วดึงแขนอรชุมาให้ลุกตามมา

“ไปล้างหน้ากันก่อนดีกว่านะ เติมแป้งสักหน่อย”

เมื่อสองสาวออกไป วรรณาถอนหายใจออกมา วันนี้เธอไม่มีอารมณ์จะร้องเพลงเลยจริงๆ สมศักดิ์รู้ว่าวรรณาชอบเพลงอะไร เขาจึงรีบเลือกให้ พอถึงคิวเพลงนั้นไมค์ก็มาจ่ออยู่ตรงริมฝีปากของวรรณทันที

‘…เมื่อเธอรู้ว่าฉันรัก ก็อย่าทำให้ฉันหลง บอกมาเลยตามตรง นี่เรื่องจริงหรือฉันเพ้อ ตอนนี้ยังพอทำใจ ถ้าสิ่งที่ได้เจอ คือฝันคือละเมอ และไม่จริง ...เก่งมาจากไหน ก็แพ้หัวใจอย่างเธอ เมื่อไหร่ที่เผลอ ยังนึกว่าเธออยู่ในฝัน ยังมีอีกหรือ รักแท้ที่เคยเสาะหา มานาน วันนี้เป็นไงเป็นกัน จะรักเธอ...’

เพลงแพ้ใจ ของ ใหม่ เจริญปุระ ทำให้มาลีถึงกับพลอยร้องคลอแก้เขินที่มีกลยุทธนั่งอยู่ข้างๆ จนกระทั่งถึงเพลงที่กลยุทธขอไว้ นั่นก็คือ ‘ทำไมต้องเธอ’ ของเบิร์ด ธงไชย ดังขึ้น เขาจึงคว้าไมค์ลอยที่อยู่ข้างๆ สมศักดิ์มาร้องเพลงพลางหันมาสบสายตากับมาลี

‘...เมื่อไหร่ที่อยู่ใกล้เธอ ฉันรู้สึกราวกับเคลิ้มไป ไม่เป็นตัวเองไม่เหมือนเคย แต่พอเธอห่างหายไป คิดจะลืมยังไม่ได้เลย ทำไมต้องเป็น(เธอ)ไม่เข้าใจ…’

เธอใช่สำหรับเขา ด้วยอะไรบ้างนะ มาลีนึกทวนดูข้อดีของตัวเอง ผู้ชายสักคนจะรักผู้หญิงแค่หน้าตาอย่างนั้นหรือ นิสัยใจคอของเธอล่ะ มีอะไรบ้างที่พอจะบอกว่าไปกับเขาได้ ความอดทน ความขยัน

แล้วมาลีก็นึกถึงภาพที่เขาเดินเคียงคู่ไปกับคุณรมณีย์ มันช่างเหมาะเจาะกันเสียเหลือเกิน หากเธอยอมถอย แน่นอนเลยว่า กลยุทธจะมีความสุขเพียงใด
หรือเธอไม่ได้รักเขา อย่างที่ใจส่วนหนึ่งมันบอก

เมื่อเพลงจบ สุชินก็ดึงไมค์ไปร้อง เป็นเพลง ‘ฟั่นเฟือน’ ของพงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ตามด้วยเพลง ‘ไม่รู้นี่หว่า’ ของนักร้องคนเดียวกัน หลังจากเพลงจบสมศักดิ์ก็ร้องเพลง ‘ไม่ต้องมีคำบรรยาย’ ของมิสเตอร์ทีม สไตล์ขอความรักจากวรรณา ที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้โดยการตักอาหารเข้าปากอย่างสบายใจ

จริญญากับอรชุมากลับมาจากไปล้างหน้าเติมแป้ง ดวงตาที่แดงช้ำของอรชุมาดูสดชื่นขึ้น เมื่อเพื่อนพร้อมอกพร้อมใจพยายามทำให้เธอนั้นเป็นผู้เป็นคนขึ้นมา แต่ถึงกระนั้นอรชุมาก็ยังยกแก้วเบียร์เข้าปากอยู่เรื่อยๆ โดยไม่ฟังเสียงทัดทานของใครทั้งนั้น สุชินเองด้วยเป็นคนคอยคีย์เพลงหากใครขอเพลงที่เกี่ยวกับอกหัก เขาจะไม่คีย์ให้ แต่จะคีย์ให้เฉพาะเพลงที่สนุกสนานเท่านั้น


ค่ำคืนมิตติ้งระหว่างเพื่อนร่วมงานผ่านไปสองชั่วโมง มาลียอมรับกับตัวเองว่ามีความสุขกับพวกเขามากทีเดียว และก็บ่อยครั้งที่เธอเผลอเอนกายที่เหนื่อยล้าไปอิงแอบที่แผ่นหลัง ซึ่งกลยุทธพยายามพลิกตัวกลับให้เป็นหน้าอก แต่มาลีเองที่กระซิบบอกเขาว่า ‘ได้คืบอย่าเอาศอก’ ซึ่งกลยุทธก็หันมากระซิบกระซาบบอกกับมาลีว่า ‘แค่นี้ถือว่าน้อยไปกับคำว่าคู่รัก’

ไออุ่นจากเรือนกายกำยำของเขาทำให้มาลีรู้สึกอบอุ่น แต่ถึงอย่างไร เสี้ยวหน้าและสายตาของชัชชัยก็ยังหลอนให้มาลีได้สติ

ถึงไม่ได้รัก แต่เธอก็ไม่อยากทำตัวให้เขาผิดหวัง เขาคงหวังเห็น

เธอเป็นเด็กดี รู้จักรักนวลสงวนตัว แต่อำนาจของธรรมชาติบางครั้ง มาลีก็แยกไม่ออกว่า ความอุ่นใจจากความมั่นใจในความมั่นคงของกลยุทธนี้ เป็นสิ่งที่เธอเลือกแล้วหรือไม่

เมื่อยังมีความละอายและความกลัวสีข้างที่แนบติดกับแผ่นหลังของเขา จึงเหมือนมีแรงผลักเข้ามา แรงผลักนั้นไม่ได้เกิดจากตัวเธอคนเดียว มันมีสายตาของวรรณาที่ก็ยังบอกถึงความเจ็บแปลบประหนึ่งมีเข็มทิ่มแทงผิวหัวใจ วรรณายังตัดใจจากกลยุทธไม่ได้จริงๆ หรือ

มาลีแลเหลือบไปมองสมศักดิ์ที่ง่วนตักอาหารเข้าปาก ลักษณะการกินที่มูมมามหรือวิธีการเคี้ยวที่ดูไม่สุภาพนี่หรือเปล่า ที่ทำให้วรรณาไม่สามารถเปิดใจรับผู้ชายคนนี้ได้ไม่เต็มที่

สเปคของวรรณาสูงส่งแค่ไหน มาลีดื่มเบียร์ไปพอประมาณด้วยไม่อยากทำตัวแตกต่าง และอีกส่วนหนึ่งเธอมั่นใจว่ากลยุทธจะพาเธอกลับถึงบ้านได้อย่างแน่นอน เขาเองก็ดื่มไม่มาก เหตุผลนั้นคือ จะต้องนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินกลับไปขับรถมอเตอร์ไซค์กลับบ้านอีก สุชินก็แซวทันทีเช่นกัน

“กลัวไม่ได้เบียดใช่ไหมล่ะ”

“เขาเรียกไม่ประมาทโว้ย”

มาลีถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขาเป็นคนรอบคอบทำอะไรคิดหน้าคิดหลังมีเหตุมีผล หากเธอฝากชีวิตไว้กับเขา มันจะกลายเป็นการเพิ่มภาระให้กับเขาหรือเปล่านะ






จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ต.ค. 2555, 07:48:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ต.ค. 2555, 07:48:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 1743





<< 26.2 “ขึ้นรถ” นันทาคะยั้นคะยอ   28.“มีอะไรหรือเปล่ามาลี” >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 5 ต.ค. 2555, 07:48:25 น.
ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจนะครับ


saralun 5 ต.ค. 2555, 08:45:09 น.
เป็นกำลังใจให้ค่า ^^


nateetip 5 ต.ค. 2555, 09:11:26 น.
เลือกใครดี


รอให้เป็นเล่ม 5 ต.ค. 2555, 12:19:42 น.
จะมาอวดโฉมบนแผงหนังสือกับสำนักพิมพมายดรีมเดทอนพฤศจิกายนนี้ใช่มั๊ยคะ


จุฬามณีเฟื่องนคร 5 ต.ค. 2555, 22:47:01 น.
บก.พี่โป่ง ว่าจะคลอดประมาณ ปลายเดือน พ.ย. ปีนี้ครับ อดใจรอสักนิดครับ


อ้อย 6 ต.ค. 2555, 04:52:07 น.
มาลีนี่ยังไงนะ สงสาร ชัชชัย นะทำแบบนี้


evelover 7 ต.ค. 2555, 09:22:15 น.
รอลุ้นการตัดสินใจของมาลี


Orathai 8 ต.ค. 2555, 13:38:18 น.
ไม่เลือกทั้งคู่เลยดีไหม...ทอดเวลาออกไปก่อน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account