ปล้นเจ้าสาวขโมยหัวใจ
ภาคต่อของแผนรักหักเหลี่ยมเจ้าพ่อ (เล่ห์รักหักเหลียม)
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 8


ตอนที่ 8
คุณหญิงอุลบลพกพาใบหน้าแคร่งขรึมโกรธจัดกลับมาบ้านใหญ่พร้อมนิราภรซึ่งมีใบหน้าหงิกงอหงุด
หงิดแค้นจัดจนอยากอาละวาดให้รู้แล้วรู้รอดไปแต่จำต้องเก็บกักอารมณ์ไว้เพราะรู้ว่าไม่ควรไปทำให้คนเป็นย่า
โกรธเธอมากไปกว่านี้ดังนั้นสองย่าหลานจึงพากันเงียบมาตลอดทางที่เดินเข้าบ้านใหญ่และพบกับคุณหญิงนิยตา
ที่เพิ่งกลับจากประชุมที่สมาคมพอดี

“คุณแม่ ยายแน็ท เกิดอะไรขึ้นหรือคะ ทำไม..” คุณหญิงนิยตายั้งคำถามไว้แค่นั้นเมื่อเห็นหน้าตา
ท่าทางแม่สามีกับบุตรสาว

“อยากรู้หรือแม่นิ ถ้าอยากรู้ก็ถามลูกสาวตัวดีเอง ทำฉันสียหน้าแถมถูกเด็กถอนหงอกอีก”
แม่สามีตอบด้วยน้ำเสียงขุ่นมัวยิ่งนักก่อนเดินหนีเข้าห้องไป กิริยาท่าทางแบบนี้บอกให้รู้ว่าโกรธจัดจนพูดไม่ออก
ก็ว่าได้เพราะแม้แต่หน้าหลานสาวคนโปรดยังไม่มองเลย

“ยายแน็ท บอกแม่มาไปทำอะไรให้คุณย่าโกรธ” คุณหญิงนิยตาคาดคั้นเอากับบุตรสาว ไม่บ่อยนัก
หรอกที่แม่สามีจะโกรธหลานสาวคนโปรดลงหากไม่ใช่เรื่องร้ายแรง

“คุณแม่มาคาดคั้นเอากับแน็ทไม่ถูกนะ คนก่อเรื่องคือนังพันซ์ต่างหาก ทำร้ายคุณภามจนหัวแตก
พอคุณย่าไปบอกยายแก่นั่นรีบกางปีกปกป้องหลานสาวแถมมีผู้ชายปากร้ายที่ไหนไม่รู้มาช่วยวกมันจนคุณย่า
โกรธจัดทนไม่ไหวต้องกลับมาสงบสติอารมณ์ที่บ้านก็เท่านั้นเองค่ะคุณแม่” นิราภรโยนความผิดทั้งหมดไปให้
คนอื่นไม่บอกความจริงทั้งหมด

“นังเด็กนั่นกล้าทำร้ายคุณภามเชียว เป็นไปได้ไง คุณภามตัวออกใหญ่จะถูกผู้หญิงตัวนิดเดียวทำร้าย
ได้อย่างไร แม่ไม่เชื่อ” คุณหญิงนิยตาไม่ค่อยเชื่อนัก คิดว่าภามคงคิดมิดีมิร้ายกับพิมพ์เนตรมากกว่า
คุณหญิงไม่ใช่คนโง่ที่จะมองคนไม่ออก

“แน็ทเห็นกับตาแถมพาคุณภามไปหาหมอด้วย คิดแล้วก็เจ็บใจคุณภามไม่หายถูกนังพันซ์ทำร้ายยังบอก
แน็ทว่าห้ามบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้ ไม่รู้จะรักจะหลงอะไรมันนักหนา ถ้ารู้ว่ามีหนุ่มอื่นมาคลอเคลียจะยังรักหลงมัน
อีกมั้ย” น้ำเสียงเจ็บใจของบุตรสาวนั้นทำให้มารดาพอคาดเดาเรื่องได้ถูก ไม่ผิดจากที่คิดจริงๆ คุณภามคิดฟัน
นังเด็กนั่น ดีเหมือนกันจะหาทางช่วยสนองให้ แต่เดี๋ยว... ผู้ชายอีกคนเป็นใคร

“แน็ทบอกแม่มา ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”

“ก็ไอ้คนที่มาวุ่นวายกับนังพันซ์ในงานเมื่อคืนไงคะ บอกว่าชื่อเวทัส ว่องไววิทย์” นิราภรตอบด้วย
น้ำเสียงหงุดหงิดเมื่อนึกถึงผู้ชายหน้ารกไปด้วยหนวดเคราที่กลายเป็นคนหน้าตาดีขั้นเทพเทพทว่าปากร้าย
ขาดความเป็นสุภาพบุรุษที่แสนดีและกล้าว่าเธอเสียๆหายๆเพื่อปกป้องพิมพ์เนตร ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ
ไม่รู้นั่งนั่นมีดีอะไรผู้ชายพากันหลงรักหมด

“ว่าไงนะ ชื่อเวทัส ว่องไววิทย์ แน็ทแน่ใจหรือว่าใช่” คุณหญิงนิยตาอุทานด้วยไม่เชื่อหูตัวเอง

“แน่ค่ะคุณแม่ ก็มันทำความเคารพคุณย่าแล้วแนะนำตัวต่อหน้าท่าน ไม่เชื่อคุณแม่ก็ไม่ถามคุณย่าดู”
นิราภรยืนยันหนักแน่น เธอไม่ได้สนใจเรื่องราวของผู้คนในวงธุรกิจเท่าไรแม้แต่ข่าวสารบ้านเมืองก็ไม่สนใจ
วันๆเอาแต่เที่ยวกับเพื่อน หรือไม่ก็ชอปปิ้งไปเรื่อยเปื่อยๆ ตามประสาคุณหนูไฮโซทั่วไป ว่างๆก็ช่วยมารดาสร้าง
ภาพให้สังคมยกย่องเป็นข่าวทีหนึ่ง ผิดกับมารดาซึ่งมักติดตามข่าวสารบ้านเมืองและรู้จักนักธุรกิจกับคนใหญ่
คนดังมากอิทธิพลของประเทศไปทั่วเพราะในฐานะภรรยานักการเมืองใหญ่ต้องรู้จักคนให้มากและกว้างขวาง
เข้าไว้จึงช่วยปูทางสู่ตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองของสามีได้ ดังนั้นพอรู้ว่าชายหนุ่มที่ปกป้องสองยายหลาน
เป็นใครจึงคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่จะสายไป

“คุณแม่จะไปไหนคะ” นิราภรถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นมารดาทำท่ารีบร้อนจะออกจากบ้านอีกครั้ง

“พอดีแม่นึกได้ว่ามีธุระต้องรีบไปทำ” คุณหญิงนิยตาตอบแล้วรีบไปสั่งเด็กให้ไปตามคนขับรถเอารถ
ออกทันทีปล่อยให้บุตรสาวยืนงงกับท่าทางรีบร้อนของมารดาแล้วมีสีหน้าครุ่นคิด

‘แม่ก็มาแปลกอีกคน พอได้ยินชื่อนายนั่นก็รีบร้อนออกไป คุณย่าก็นิ่งเฉยไม่ตอบโต้ นายคนนั้นเป็นใคร
ใหญ่มาจากไหนทำไมถึงกล้านัก ไม่ได้ต้องสืบดูบ้างแล้ว’
============
ร้านเพชรเดอะเซ็นจูรี่ ตลอดวันตั้งแต่เช้าจนบ่ายมีลูกค้าเข้าออกไม่ขาดสายจนแพรวรุ้งเจ้าของร้าน
คนสวยแปลกใจไม่น้อย ปกติหากไม่ใช่เทศกาลสำคัญหรือจัดโปรโมชั่นพิเศษลูกค้าจะไม่คึกคักมากมายอย่าง
นี้มาก่อน แต่จะมาเรื่อยๆ บางวันเงียบด้วยซ้ำ เกิดอะไรขึ้นนะ แถมลูกค้าแต่ละคนก็ไม่เรื่องมากเสียด้วย
หรือว่าเป็นเพราะผลบุญที่เธอไปช่วยงานกุศล บุญอะไรจะส่งผลเร็วปานนั้น หรือดวงกำลังพุ่งนะเนี่ย
มันแปลกดีนะ เธอคิดเท่าไรก็หาคำตอบไม่เจอที่สุดก็ยกให้เป็นเรื่องของบุญกับดวง เธอหยุดคิดทันที
เมื่อเห็นชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาหา ท่าทางไม่ใช่ลูกค้าที่มาซื้อเพชร

“มีอะไรให้รับใช้คะ” แพรวรุ้งทักด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส คนถูกทักทั้งคู่มองหน้ากันแล้วฝ่ายหญิง
จึงเอ่ยขึ้นว่า “ร้านนี้รับซื้อเพชรไหมคะ”

“รับค่ะ ถ้ามากกว่าหนึ่งกะรัตขึ้นไปและน้ำดี” แพรวรุ้งตอบด้วยสีหน้าเป็นมิตร มารดามักสอนเธอเสมอ
ใครก็ตามที่เดินเข้ามาในร้านไม่ว่าจะมาด้วยจุดประสงค์อะไรแต่งตัวแบบไหนหากไม่ใช่โจรร้ายต่างก็มีโอกาส
เป็นลูกค้าของร้านได้เสมอฉะนั้นต้องบริการให้เหมือนแขกวีไอพีทุกคน ห้ามไปดูถูกเป็นอันขาดไม่อย่างนั้นอาจ
พลาดโอกาสดีๆไปก็ได้

“ถ้างั้นผมมีเพชรน้ำงาม น้ำหนักสองการัตจะมาเสนอขาย” คราวนี้เป็นฝ่ายชายพูดด้วยสีหน้าที่ดีขึ้น
ก่อนเปิดกระเป๋าแล้วหยิบซองกำมะหยี่สีแดงออกมา เอาเพชรเม็ดงามทอประกายแวววาว เม็ดใหญ่พอควรยื่นให้
แพรวรุ้งรับมาดูแล้วพูดว่า “รอสักครู่นะคะ ขอไปตรวจสอบก่อน” จากนั้นก็เปิดประตูที่เข้าใจว่าเป็น
ผนังเข้าไป ปล่อยให้คนเสนอขายรออยู่สักพักจึงออกมา

ขณะเดียวกันก็มีชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาดูดีชวนฝัน ผิวขาว ผมดำสลวยตัดเป็นระเบียบเข้า
กับรูปร่างหน้าตา สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเทาเข้มพับแค่ศอกกับกางเกงแบรนด์แนมสีดำ บุคลิกดีเดินเข้าร้าน
มาพร้อมสาวสวยนางแบบโฮโซคนดังรูปร่างสูงโปร่งเย้ายวน ดาริกา สมิท

“ธามคะ ถ้าจะหาซื้อเพชรทำไมไม่ไปร้านดังละคะ มาทำไมคะร้านเพชรเล็กๆแบบนี้ คงมีไม่กี่
แบบให้เลือก เปลี่ยนร้านดีกว่านะคะธาม” นางแบบคนดังพอเหยียบเข้าร้านก็ส่งเสียงดูถูกทันทีขณะ
กวาดสายตาเฉี่ยวคมด้วยเครื่องสำอางราคาแพงไปทั่วร้านเพชรขนาดกลาง

“บังเอิญผมไม่มีเวลาไปที่อื่นเสียด้วย ผมไม่ได้ชวนคุณมานะดีดี้ คุณตามมาเอง ถ้าอึดอัดนักก็กลับได้
ไม่ต้องรอผม” หนุ่มหล่อบุคลิกดีแต่วาจากลับไม่ดีตาม ดูไม่แคร์นางแบบคนดังสักนิด ใบหน้าสวยเฉี่ยวงอง้ำ
เล็กน้อยรู้สึกอายกลัวคนอื่นมาได้ยินเข้า นึกโมโหตัวเองเหมือนกันทำไมต้องสนใจ ธาวิน สิทธิยากร ทายาท
นักธุรกิจห้างค้าปลีกกับห้างสรรพสินค้าดังมีสาขาตามจังหวัดใหญ่ๆทั่วประเทศ ซึ่งเข้ามารับหน้าที่บริหารแทน
บิดาได้ไม่นานและทำท่าจะไปได้ดีด้วยเพราะความรู้ความสามารถบวกกับความมั่นใจที่มีอยู่เต็มเปี่ยมจึงเป็นที่
สนใจของใครต่อใคร รวมทั้งเธอด้วย แต่สิ่งที่ธอสนใจมากเป็นพิเศษคือทรัพย์สมบัติของเขานั่นเองจึงต้องจับ
ให้มั่น แต่คำพูดตรงๆของเขานี่สิทำให้เธออารมณ์เสียจนได้ คนอื่นล้วนแล้วแต่เอาใจเธอราวกับเจ้าหญิงแต่
ผู้ชายคนนี้กลับไม่สนใจเธอสักนิด นึกแล้วให้เจ็บใจนัก

“แหมธามก็ ดีดี้แค่อยากแนะนำสิ่งที่ดีกว่าให้ก็เท่านั้นเอง ถ้าธามคิดว่าดีดี้ยุ่ง ดีดี้ขอโทษค่ะ
ดีดี้ไม่กวนธามก็ได้ ขอตัวก่อนดีกว่า” ดาริกาแสร้งทำน้ำเสียงน้อยใจหวังให้อีกฝ่ายรู้ตัวบ้างทว่าธาวินแค่หัน
มามองใบหน้าน้อยอกน้อยใจของนางแบบสาวไฮโซที่รู้จักกันมาตั้งแต่อยู่ต่างประเทศแวบหนึ่งพลางพูดขึ้นว่า

“ตามสบายดีดี้” แล้วเดินตรงไปยังตู้โชว์เพชรที่แพรวรุ้งกำลังใช้แว่นขยายส่องดูเพชรน้ำงามเม็ดหนึ่ง
อย่างตั้งอกตั้งใจทิ้งให้ดาริกายืนทำหน้าหงิกงออยู่ตรงนั้นก่อนจะสะบัดกายออกจากร้านอย่างหงุดหงิด

ร่างสูงใหญ่มาหยุดยืนอยู่ข้างๆชายหญิงที่นำเพชรมาเสนอขายและเฝ้ามองการกระทำของแพรวรุ้ง
อย่างสนอกสนใจไม่รับรู้ว่าได้มีชายหนุ่มหน้าตาดีบุคลิกดีมายืนอยู่ข้างๆทำทีเป็นก้มหน้าดูเพชรในตู้ทว่าสายตา
คมกลับลอบชำเลืองมองการกระทำของเจ้าของร้านคนสวยอย่างสนใจ

“ขอโทษนะคะ ทางร้านรับซื้อไม่ได้ค่ะ ตรวจสอบแล้วไม่ใช่ของจริง แต่เป็นทำเลียนแบบได้เหมือนจริง
มาก ถ้าไม่ตรวจสอบจะไม่รู้เลยค่ะ” แพรวรุ้งบอกหลังตรวจสอบเพชรน้ำหนักสองกะหรัดทอประกาย
แวววาวเหมือนของจริงมาก

“เป็นไปไม่ได้ค่ะคุณ เป็นมรดกที่คุณยายให้มานะคะ บอกว่าได้มาจากแอฟริกาเชียวนะคะ”
เจ้าของเพชรปลอมแย้ง ใบหน้าซีดเล็กน้อยก่อนหันไปมองผู้ชายที่มาด้วยกัน

“คุณตั้งใจกดราคาให้ต่ำ เลยอ้างว่าปลอมใช่ไหม ของยายผมจะปลอมได้ยังไง” ฝ่ายชายที่มาด้วย
ถามอย่างคุกคามในทีหวังให้เจ้าของร้านคนสวยกลัวแกรง

“ร้านของเราซื่อตรงกับลูกค้าเสมอค่ะ ไม่เคยเอาเปรียบลูกค้า ไม่เชื่อลองเอาไปเสนอขายร้านอื่น
ดูสิคะ ดิฉันก็เห็นใจนะคะ แต่ขอยืนยันว่าไม่ใช่ของแท้ค่ะ” แพรวรุ้งไม่กลัวกลับพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“คุณไม่ต้องใช้วิธีนี้ปฏิเสธไม่รับซื้อเพชรก็ได้ถ้ากลัวเสียหน้า ร้านก็ออกดี ไม่มีเงินซื้อเพชรราคาแพง
ก็บอกเถอะถ้าอย่างนั้นร้านนี้คงอยู่ได้ไม่นานมั้ง” ฝ่ายนำเสนอขายยังคงหาเรื่องไม่หยุดจนแพรวรุ้งแปลกใจ
แค่บอกว่าเพชรเป็นของปลอมซื้อไม่ได้ ทำไมต้องโวยวายอาละวาดด้วย แปลก?

“พี่เราไปดีกว่า ว่าของเราปลอม เพชรในร้านนี้อาจปลอมก็ได้” คราวนี้เป็นฝ่ายหญิงที่พูดจาชวนหา
เรื่องแทนและคำพูดของทั้งคู่ก็ดังไม่น้อยจึงทำให้ลูกค้ากับคนในร้านต่างหันมาให้ความสนใจ

แพรวรุ้งมึนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น หรือว่าอีกฝ่ายจงใจมาหาเรื่อง ทำไมต้องหาเรื่องด้วย เธอไม่มีศัตรูนี่นา
จะรับมืออย่างไรดีล่ะ ลูกค้าคนอื่นต่างพากันสนใจมามุงดูแล้ว ตายแน่แพรวรุ้งเอ๋ยถ้าไม่รีบแก้ไขสถานการณ์
ระหว่างที่แพรวรุ้งกำลังหาทางแก้ปัญหาพลันเสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นแทน

“ผมว่าแค่พิสูจน์ให้เห็นจะๆว่าเพชรเม็ดนี้เป็นของปลอมก็หมดเรื่อง จริงไหมครับทุกคน” ทุกคน
พอได้ยินก็หันไปมองชายหนุ่มหน้าตาดีบุคลิกดีแต่งตัวดีส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้เจ้าของร้านคนสวยที่ยืนนิ่งตกตะลึง
ไม่คิดว่าจะเจอคู่กรณีนิสัยยากจะคาดเดาอีกครั้งจนเผลอพึมพำออกมาว่า “ตามมาถึงที่เหรอนี่”

“ว่าไงครับคุณคนสวย มัวยืนจ้องหน้าผมไม่เกิดประโยชน์หรอกครับ รีบๆพิสูจน์ให้ลูกค้าเห็นดีกว่า
ว่าของแท้ของปลอมดูกันอย่างไร” ธาวินเห็นเจ้าของร้านคนสวยมัวแต่ทำตาโตจ้องมองเขาก็เลยช่วย
เตือนสติ ดีที่ยังไม่อ้าปากทำหน้าเหวอไปชั่วขณะให้เห็นนะเนี่ย ไม่อย่างนั้นเสียดายหน้าตาสวยๆหมด

“คุณ..ร้ายนักนะ” แพรวรุ้งทำปากขมุบขมิบว่าคนเสนอตัวเป็นตัวช่วยตัวร้ายที่ส่งสายตาล้อเลียนเธอ
แล้วทำหน้าเหมือนขำในที

“ได้จะพิสูจน์ให้ดู และเพื่อความเป็นธรรมเราจะใช้เพชรของร้านทดสอบคู่กัน” ว่าจบเธอก็เดินหายเข้า
ไปในประตูครู่หนึ่งและกลับออกมาพร้อมเพชรขนาดเท่ากันแล้วโชว์ให้ทุกคนดู

“เม็ดที่อยู่ด้ายซ้ายเป็นของร้านส่วนด้านขวาเป็นของลูกค้า วิธีทดสอบง่ายๆก็คือเอาเพชรไปขุดกระจก
ถ้าเป็นรอยแสดงว่าของแท้เพราะเพชรถือเป็นสสารที่แข็งที่สุดในโลกแต่ถ้าไม่ก็เป็นของปลอม” ว่าจบมือเรียวสวย
ก็หยิบเพชรเม็ดงามด้านขวาขูดลงบนตู้กระจกท่ามกลางความสนใจของผู้คนในร้านแล้วพูดว่า “เห็นไหมคะ
เพชรเม็ดนี้ขูดกระจกแล้วไม่มีรอย ปรากฏให้เห็น คราวนี้มาดูอีกเม็ดหนึ่ง” พูดจบก็หยิบเพชรของร้านทดสอบ
แบบเดียวกัน ปรากฏว่ากระจกเป็นรอย

“จริงด้วยของแท้ เม็ดนี้ของปลอม” ลูกค้ามุงพากันให้ความเห็นทว่ากลับมีเสียงหนึ่งที่เห็นต่าง
“แค่นี้ไม่ได้พิสูจน์ว่าเป็นของปลอมนี่” พอมีคนเห็นต่างก็มีอีกเสียงตามมา “นั่นสิครับ ต้องพิสูจน์อีก”
เป็นเสียงสนับสนุนจากคู่กรณีหนุ่มหล่อของแพรวรุ้งนั่นเอง เธอต้องนับหนึ่งถึงร้อยเพื่อไม่เผลอแสดงอารมณ์
โกรธออกมาทว่าดวงตาคู่สวยก็ไม่วายส่งสายตาพิฆาตใส่ตัวก่อกวนก่อนสั่งให้เด็กไปฉีกกระดาษหนังสือพิมพ์
มาหน้าหนึ่งแล้ววางเพชรทั้งสองเม็ดไว้บนกระดาษปรากฏว่าเม็ดของลูกค้ามีตัวหนังสือลอดผ่านตัวเพชร
แต่ของร้านไม่มี

“เม็ดนี้ต้องเป็นของแท้แน่ ของร้านเป็นของปลอม” เสียงคู่กรณีตัวป่วนส่งเสียงแสดงความเห็นอีก
แพรวรุ้งแทบประสาทกินอยากเข้าไปทำร้ายตัวป่วนตัวร้ายแต่เธอทำอย่างนั้นไม่ได้ พยายามบอกตัวเองว่า

‘เย็นไว้ อย่าไปใส่ใจ ไว้เคลียร์ปัญหาก่อน นายเจอดีแน่’

เจ้าของร้านคนสวยต้องทำใจให้สงบอยู่นานก่อนอธิบายให้ลูกค้าที่กำลังเข้าใจผิดฟังอย่างใจเย็นที่สุด
”คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดคิดว่าเพชรแท้ตัวหนังสือต้องรอดผ่านได้ ที่จริงแล้วตรงข้าม เพชรแท้จะมอง
ไม่เห็นตัวหนังสือผ่านตัวเพชรเนื่องจากเพชรมีค่าการหักเหของแสงสูงมาก พอคว่ำเพชรลงบนกระดาษจะ
ไม่เห็นตัวหนังสือแต่ถ้าเป็นของปลอมจะมองผ่านได้ นี่คืออีกหนึ่งวิธีที่ใช้ทดสอบง่ายๆ อีกอย่างทางร้านจะ
ทดสอบเพชรทุกเม็ดที่มีลูกค้านำมาเสนอขายหลายวิธีเพื่อความมั่นใจ วิธีแรกที่ทดสอบคือใช้แว่นขยาย
ส่องดูร่องรอยความเก่าเพราะเพชรส่วนใหญ่จะมีอายุเกินกว่าหนึ่งล้านปี ถ้าเห็นรอยขีดข่วนเล็กน้อยที่ผิวเพชร
ก็ไม่ใช่ของแท้ ของแท้นั้นต้องเห็นรอยแยกภายในตัวเพชรไม่ใช่ผิว ส่วนวิธีอื่นก็ได้ทดลองให้ทุกท่าน
เห็นแล้ว หากยังไม่แน่ใจอีก เราขอทดสอบให้ดูเป็นวิธีสุดท้าย คือการทดสอบกับไฟ ถือเป็นความรู้ให้กับทุกคน
ด้วย เพชรถ้าถูกไฟไหม้จะเกิดเขม่าไฟ แต่เช็ดออกได้ วิธีนี้ออกจะหวาดเสียวหน่อย กล้าดูไหมคะ”

ดวงตาคู่สวยมองไปรอบๆใบหน้าของเหล่าลูกค้ามุงและพบว่าคู่กรณีตัวป่วนมีสีหน้าไม่สู้ดีพร้อมกับรีบ
ยกมือทำท่าห้าม “ไม่ดีกว่าครับ ในห้างคนเยอะ เกิดพลาดไฟไหม้ขึ้นมา มันไม่คุ้มนะครับ” ธาวินรีบห้าม ขืนให้
คุณเธอทดลองเกิดพลาดพลั้งขึ้นมาไม่คุ้มแน่ ไม่นะคิดยั่วคนสวยเลยจริงๆ

“คุณผู้ชายท่านนี้กลัวไฟค่ะ ท่านอื่นอยากดูไหมคะ” แพรวรุ้งจับจุดอ่อนของคู่กรณีได้คือเป็นผู้ชายที่
กลัวไฟ แม้จะไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงก็ตามแต่เธอก็ถือโอกาสเอาคืนบ้าง ที่จริงเธอรู้ดีว่าในห้างห้ามเล่นไฟเธอ
แกล้งไปอย่างนั้นเอง ไม่คิดจะทดสอบวิธีนี้จริงๆหรอก กลัวไม่มีปัญญาจ่ายค่าเสียหายหากพลาดขึ้นมา

เหล่าลูกค้ามุงต่างพากันมองหน้ากันไปมาแล้วสะดุดกับสายตาแข็งกร้าวของชายหนุ่มหน้าตาดี
บุคลิกดีที่เสนอความคิดมาแต่ต้น บางคนที่รู้ว่าเป็นใครก็พากันหลบถอยออกไป ที่ไม่รู้จักก็แหยงๆกับคำพูด
ของเขาเหมือนกันดังนั้นทุกคนจึงส่ายหน้าปฏิเสธแทนคำตอบซึ่งทำความผิดหวังให้กับเจ้าของร้านคนสวยและ
ยิ่งเจ็บใจหนักเข้าไปอีกเมื่อคู่กรณีตัวแสบส่งยิ้มยั่วมาให้ แพรวรุ้งบอกตัวเองว่าเกิดมาไม่เคยนึกอยากฆ่าผู้
ชายคนไหนเท่ากับนายนี่มาก่อนเลยแต่ต้องข่มอารมณ์สุดชีวิตพลางปั้นหน้าส่งยิ้มหวานให้ลูกค้าทุกคน

“เมื่อไม่ดู ร้านก็ไม่ทดลองค่ะ เอาเป็นว่าแค่นี้คงเพียงพอสำหรับการพิสูจน์ว่าเพชรเม็ดนี้เป็นของแท้
หรือของปลอมแล้วนะคะ” แพรวรุ้งพูดเสียงหวานกับเหล่าลูกค้ามุงแล้วหันไปพูดกับชายหญิงที่นำเพชรมาเสนอ
ขายด้วยสีหน้าเป็นมิตรแม้จะสงสัยในพฤติกรรมก็ตาม “คุณคะ ทางร้านเสียใจจริงๆค่ะ ที่ไม่อาจรับซื้อเพชร
เม็ดนี้ไว้ได้ หากมีอะไรให้ช่วยก็ยินดีค่ะ มีลูกค้าหลายคนที่ไม่รู้วิธีทดสอบเพชร เลยถูกพวกพ่อค้านักฉวยโอกาส
หลอกเอา ขอแนะนำให้เรียกหาใบรับประกันจากร้านค้าทุกครั้งที่ซื้อเพชรด้วยค่ะ “ เธอสมเป็นแม่ค้าจริงๆ
ทั้งให้เกียรติ ทั้งปลอบใจและให้คำแนะนำจนผู้ที่ถูกจ้างมาป่วนและหวังหลอกเอาเงินนั้นเกิดความละอายใจ

“ขอบคุณค่ะที่ไม่คิดกล่าวหาพวกเราว่าเอาเพชรปลอมมาหลอกขาย และช่วยบอกวิธีทดสอบเพชรจริงให้
ลาละค่ะ” พอเอ่ยจบทั้งคู่ก็รีบออกจากร้านแทบไม่ทัน

“คุณนี่เก่งจริงๆ สมเป็นยอดหญิง ใจกว้างน่าดูรู้ทั้งรู้ว่าสองคนนั้นตั้งใจมาหลอกยังปล่อยไม่เอาเรื่อง
ผมขอแสดงความนับถือครับคุณแพรวรุ้ง คนสวย” เสียงชมจากคู่กรณีแสนร้ายดังขึ้นทันทีที่ชายหญิงทั้งคู่จากไป
ทว่าคนได้รับคำชมกลับจ้องมองเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อแทน

“ฉันว่าคนที่ป่วนร้านน่าจะเป็นคุณมากกว่า เชิญคุณไปได้แล้วหากไม่อยากเจอข้อหาก่อกวน
ความสงบของร้าน” แพรวรุ้งขู่เสียงเข้มใบหน้าสวยหวานยามจริงจังนั้นน่ากลัวได้ใจอีกฝ่ายมาก

“ผมว่าคุณน่าจะขอบใจผมมากกว่า ถ้าผมไม่ช่วยออกความเห็นป่านนี้สองคนนั้นทำร้านคุณแหลก
แล้ว ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ” คู่กรณีมีบ่นน้อยใจ

“นี่คุณฉันไปติดหนี้บุญคุณๆตั้งแต่เมื่อไหร่มิทราบ” แพรวรุ้งถามเสียงเรียบพยายามข่มอารมณ์เต็มที่
เพราะไม่อยากมีเรื่องในร้าน

“ชาติที่แล้วมั้ง” เสียงตอบกวนๆพร้อมทำหน้ากวนประสาทอีกเท่ากับเป็นการยั่วอารมณ์ของอีกฝ่ายให้
ปะทุขึ้นมาอีกทั้งที่เพิ่งข่มอารมณ์ได้

“อีตาบ้า ทนไม่ไหวแล้ว ขอทีเถอะ” แพรวรุ้งปราดเข้าหาร่างสูงใหญ่หมายจะทำร้ายตามวิชาหมัดมวย
ที่ญาติผู้พี่ได้สอนมาแต่กลับเป็นการโผเข้าหาอ้อมกอดของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัวแถมถูกมือแข็งแรงกอดเสียแน่น
และเสียแก้มให้อีกฝ่ายต่อหน้าเด็กในร้านอย่างรวดเร็วจนเธอตั้งตัวไม่ทัน

“แหมแก้มใครนะหอมๆ ลองอีกทีดีกว่า” ใบหน้าหล่อคมก้มลงมาอีกแต่กลับต้องรีบปล่อยร่างหอมนุ่มนิ่ม
ด้วยความเสียดายแทนเพราะถูกศอกพิฆาตเต็มแรงเข้าก่อนเอามือกุมท้องด้วยความเจ็บปวด

“คนฉวยโอกาส ต้องโดนแบบนี้บ้าง เป็นไงบ้างคะกินข้อศอกไปเต็มๆ อร่อยไหมคะ คุณขา” แพรวรุ้งนอก
จากไม่อายแล้วยังตามเย้ยอีก ดวงตายาวรีใหญ่คมเข้มจ้องมองคู่กรณีสาวสวยแสนแสบแล้วยืดตัวขึ้นเหมือนไม่มี
อะไรเกิดขึ้นแถมยิ้มให้อีกจนคนที่เห็นพากันงงๆ

“ก็ไม่เป็นไร เพิ่งรู้ว่าที่รักชอบความรุนแรง น่าจะบอกกันตรงๆ รับรองจัดให้ได้เลยจ้าที่รักจ๋า จะโกรธจะ
งอนผมก็ไม่ว่านะแพรวจ๋า แต่อย่าแสร้งทำเหมือนผมเป็นคนแปลกหน้าสิ เมื่อคืนผมยังช่วยคุณแก้ปัญหา
วันนี้คิดมาทวงรางวัลกลายเป็นคนไม่รู้จักเสียแล้ว ว้าแย่จังแฟนใครก็ไม่รู้ ความจำสั้นจริงๆ” คำพูดงอนง้อ
ออดอ้อนตัดเพ้อนี่สิร้ายยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดทำเอาเด็กในร้านต่างพากันมองหน้าเจ้าแดงก่ำของร้านคนสวย
ไม่รู้ว่าอายหรือโกรธกันแน่ ที่แน่ๆทุกคนต่างสงสัยว่า คุณแพรวคนสวยไปแอบมีแฟนหล่อๆ ชวนฝันตั้งแต่
เมื่อไรกันแต่พอเห็นสายตาพิฆาตของคุณแพรวคนสวยเข้าต่างคนต่างรีบกลับไปประจำหน้าที่เหมือนเดิม
ไม่สนใจเรื่องของเจ้านายอีกต่อไป

แพรวรุ้งเพิ่งเจอผู้ชายมั่วนิ่ม ร้ายกาจ ยากจะรับมือก็วันนี้เอง ไม่รู้ว่าเวรกรรมอะไรของเธอนะถึงต้อง
เจอคนแบบนี้ด้วย เข้าใจเอาคืนเธอ ทำให้เธอทั้งโกรธทั้งอาย ที่สำคัญทำให้เด็กในร้านเข้าใจผิดว่ามีคนรักแล้ว

‘นายตัวร้าย ฉันไปทำกรรมกับนายแต่ชาติปางไหนนะ ถึงต้องมาเจอะเจอ ก็ได้วันนี้ฉันยอมนายก็ได้’

นิสัยของแพรวรุ้งอย่างหนึ่งคือหากรู้ตัวว่าเสียเปรียบจะยอมล่าถอยเพื่อรุกฆาตในคราวหน้าซึ่งก็เป็นสิ่งที่
ญาติผู้พี่ตัวแสบสอนไว้อีก

“คุณฉันขอถามคุณตรงๆ คุณมาที่นี่ต้องการซื้อเพชรหรือมีธุระต้องการคุยกับฉันกันแน่คะคุณ”
แพรวรุ้งถามอย่างใจเย็นและมีเหตุผลที่สุดหลังข่มอารณ์ได้แล้ว

“ทั้งสองอย่าง แต่ตอนนี้ผมหมดอารมณ์ซื้อเพชรแล้ว อยากเชิญคุณไปทานข้าวเย็นสักมื้อแล้วเรา
ค่อยมาคุยธุระกัน” ธาวินบอกตามตรงทว่าอีกฝ่ายกลับไม่เชื่อ

“เสียใจแม่สอนไว้ ไม่ให้ไปทานข้าวกับคนแปลกหน้า” แพรวรุ้งปฏิเสธคำชวนเพราะเชื่อผู้ใหญ่

“เอาน่าคุณป้าไม่ว่าหรอก ถ้าไปกับผม นายธาวิน สิทธิยากร” คราวนี้เขาถือโอกาสแนะนำตัวและก็
ทำให้แพรวรุ้งอ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึง ‘โอ้พระเจ้าจอร์จ มันเป็นไปได้อย่างไรกัน คราวนี้ซวยแน่ ร้านเพชร
ถึงกาลอวสานแน่ ยายแพรวเอ๋ย’

“แพรวจ๋าอย่าทำหน้าตกใจสิจ๊ะ แค่ผมชวนไปดินเนอร์แสนหวานทำหน้าตกใจไปได้ ตกลงจะไป
กับผมไหมครับ” ธาวินบอกเสียงหวานหยดย้อยทำท่าจะเข้าไปประคองตัวเธอหากเธอไม่รีบพูดขึ้นก่อนว่า

“ก็ได้ค่ะ”

“เด็กดี อย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อย งั้นไปกันเลย” ว่าแล้วก็ฉวยโกกาสจับจูงมือเรียวสวยพาเดินออกไป
จากร้านท่ามกลางสีหน้ามืนงงของเด็กในร้าน
=============
เวทัสขับรถพาพิมพ์เนตรไปชลบุรีแทนไปห้างสรรพสินค้าหรือแหล่งชอปปิ้งหรูเพื่อหาซื้อของฝากตามที่
ได้ขออนุญาตคุณยายมารศรีไว้

“คุณเวฟอย่าบอกนะคะว่าร้านที่จะไปซื้อของอยู่ชลบุรี พันซ์ไม่เชื่อหรอก” พิมพ์เนตรถามอย่างรู้ทัน

“คุณพันซ์เก่งจัง เดาถูก ผมเปลี่ยนใจแล้ว อยากเดินเล่นตามชายหาดรับลมทะเลชมพระอาทิตย์
ยามเย็นก่อนไปหาอาหารทะเลอร่อยๆกินกันแล้วค่อยกลับบ้าน รับรองจะติดใจ” เวทัสบอกโปรแกรมให้รู้
คิดว่าเธอจะชอบ

“ทำไมคุณต้องหลอกพันซ์กับคุณยายด้วย กลับรถเดี๋ยวนี้เลยนะคุณเวฟ พันซ์ไม่ไปชลบุรีกับคุณ”
พิมพ์เนตรกลับคิดเป็นอื่น ไม่ยอมให้เขาทำตามใจปรารถนา แม้รู้ว่าเขาไม่มีเจตตนาร้ายแต่มันไม่สมควร
อย่างยิ่ง หากยอมให้เขาพาไปตามที่บอก มีหวังกลับบ้านเกือบเที่ยงคืนแน่ มันไม่เหมาะสมเธอเพิ่งรู้จักเขาไม่ถึง
สองวันดีก็ไปกับเขาจนกลับบ้านดึกๆดื่นๆ ทำเหมือนเด็กสาวใจแตกหนีเที่ยงตามผู้ชายชอบกล ใช่ว่าเธอไม่ไว้ใจ
เขาแต่กลัวคนบ้านใหญ่รู้เข้าจะเป็นเรื่องราวใหญ่โต วันนี้เกิดเรื่องมากพอแล้ว เห็นทีคงไม่สงบง่ายแน่ๆหากมีเรื่อง
ให้คนพวกนั้นตามมาหาเรื่องถึงที่อีก

“ไม่ได้ครับ ผมตั้งใจไว้แล้ว จะพาคนขวัญเสียมาปลอบใจ ไม่ต้องห่วง คุณยายรู้เรื่องหมดแล้ว ผมบอก
ท่านเองและท่านก็อนุญาต บอกผมให้ช่วยปลอบขวัญหน่อย ผมบอกแล้วไงครับว่าจะปกป้องเจ้าหญิงของผม
ให้ดีที่สุด ไม่ต้องกลัวผมจะปล้ำหรอกครับ ไม่ทำหรอก เพราะตอนนี้ผมเป็นเจ้าชายต้องสุภาพเข้าไว้ แต่ถ้า
เจ้าหญิงน่ารักเกินใจห้ามก็ไม่แน่” เวทัสไม่ยอมทำตามที่เธอบอกยังคงขับรถมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทาง
เขารู้พิมพ์เนตรวิตกกังวลเรื่องอะไร และเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย บอกผู้ปกครองของเธอให้รับทราบล่วงหน้าแล้ว
“คนบ้า..ร้ายนัก ทีหลังก็ไปกับคุณยายเลยสิ เข้ากันดีนักเพิ่งรู้จักแท้ๆ” พิมพ์เนตรประชดเสียเลยเมื่อรู้ว่า
คนเป็นยายเห็นดีเห็นงามไปด้วยแต่เธอไม่รู้ว่าท่านไปขอร้องตอนไหนอนุญาตตอนไหน แล้วทำไมท่านถึงไว้ใจเขา
นัก เธอสงสัยจริงๆ

“ไม่ต้องแปลกใจหรอกครับ สักวันคุณพันซ์จะรู้เองว่าทำไมท่านถึงไว้ใจผมนัก รู้แต่ว่าผมจริงใจกับ
คุณพันซ์และคุณยายก็พอ” เวทัสพูดเหมือนรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ขณะที่สายตามองทางข้างหน้านิ่งไม่มีวอกแวก
ให้เห็นสักนิด

พิมพ์เนตรมองมือแข็งแรงที่จับพวงมาลัยรถอย่างมั่นคงแล้วมองเลยไปทั่วใบหน้าหล่อชวนฝันแต่แฝง
ไว้ด้วยความมั่นคงหนักหนักแน่นนิ่ง หรือเขาจะปกป้องเธอกับคุณยายได้จริงดังที่พูด ยอมรับยามมีเขาอยู่ใกล้
จะรู้สึกมั่นคงปลอดภัย วันนี้เขาก็พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้ง เขาไม่กลัวใคร หากเขารู้เรื่องคนชั่วคนนั้นที่คอยคุกคาม
ทำร้ายเธอจะเป็นอย่างไร เธอควรบอกเขาดีไหม พิมพ์เนตรได้แต่แอบจ้องมองเขานิ่ง บอกตัวเองว่าสับสน
ตัดสินใจไม่ถูก คิดไปเรื่อยๆจนกระทั่งเวทัสพารถเข้าจอดริมชายหาดที่มีต้นมะพร้าวปลูกอยู่มากมายแล้วลง
จากรถเดินอ้อมมาเปิดประตูให้เธอ

“เชิญครับเจ้าหญิง มาเดินเล่นชายหาดรับลมทะเลยามเย็นก่อนไปทานอาหารอร่อยกัน” เวทัส
โค้งตัวลงทำท่าเชื้อเชิญเจ้าหญิงให้ลงจากราชรถ

“ดีมากที่รู้หน้าที่ของท่านองครักษ์เวฟ” เจ้าหญิงคงลืมไปว่าได้แต่งตั้งเขาเป็นเจ้าชายแล้วถึงได้
พูดถึงตำแหน่งเดิม

“เจ้าหญิงพันซ์ครับ กระผมได้รับการสถาปนาเป็นเจ้าชายแล้วนะครับ ทำไมยังเรียกองครักษ์อีก”
เจ้าชายใหม่แกะกล่องมีโวย

“อ้าวเหรอ คิดว่าอยากกลับเป็นองครักษ์เลยคืนตำแหน่งเดิมให้เห็นทำท่าโค้งคำนับเชื้อเชิญเจ้าหญิง
อย่างนอบน้อม ท่านองครักษ์เวฟ” เจ้าหญิงแสร้งทำหน้าไม่เข้าใจแล้วยิ้มหวานให้ก่อนวิ่งตรงไปชายหาด

“เจ้าหญิงเจ้าเล่ห์ คอยดูจับตัวได้จะลงโทษให้เข็ด ข้อหาล้อเลียนยั่วเจ้าชายเวฟรูปหล่อ” เจ้าชายเวฟ
ตะโกนไล่หลังแล้วรีบวิ่งตามเจ้าหญิงไปยังชายหาดทันที
๕๕๕๕๕๕๕

ดีใจที่มีหลายคนชอบเรื่องนี้เหมือนคนเขียนเลย ....



เพลงใบไม้
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ต.ค. 2555, 21:06:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ต.ค. 2555, 21:06:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 2466





lovemuay 7 ต.ค. 2555, 21:18:33 น.
น่ารักทั้งสองคู่เลย


konhin 8 ต.ค. 2555, 06:31:12 น.
น่ารักมากๆอ่ะ
หวานจัง อ่านไปยิ้มไป


goldensun 8 ต.ค. 2555, 11:45:04 น.
ไม่น่าชื่อเล่นว่าธามนะ คล้ายภามตัวร้ายไปหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไรคะ
หนุ่มๆ เรื่องนี้ หลงตัวเองทั้งนั้น


anOO 8 ต.ค. 2555, 16:05:02 น.
พระเอก พระรอง มีแต่คนเจ้าเล่ห์ทั้งนั้นเลย


Gingfara 8 ต.ค. 2555, 21:20:39 น.
น่ารักน่าเลิฟที่สวดดดดดดดดดดด ทั้งเจ้าชายทั้งคุณธาม


ฟ้าหวาน 9 ต.ค. 2555, 00:05:38 น.
น่ารักมาก เขิลแทนเลย


ลิลลี่ 16 เม.ย. 2556, 12:18:50 น.
น่ารักทั้ง2คู่เลย เรียกว่าตีเนียน เจ้าเล่ห์เข้าว่า555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account