พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว # จุฬามณี (ลิขสิทธิ์ สนพ.มายดรีม)
เรื่องย่อ พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว

เป็นเรื่องราว ของ มาลี สาวน้อยวัย 20 ปี ลูกกำพร้าพ่อซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง มาลี กับแม่และน้องชาย มารุต อาศัอยู่กับญาติห่าง ๆ ข้างพ่อ ซึ่งทำรีสอร์ตและการท่องเที่ยงท้องถิ่นอยู่ที่อุ้มผาง..

วันหนึ่ง กลยุทธและคณะไปเที่ยวล่องแก่งน้ำตกทีลอซู แล้ว เขาชอบมาลีจึงสานความสัมพันธ์ ส่วนมาลีนั้น เจอลูกทัวร์จีบจนชาชิน แต่กลยุทธก็ทำให้มาลีหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..

หลังจากคณะของกลยุทธกลับไป..ทางป้า ก็บีบบังคับให้มาลีไปเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่กับนันทาลูกสาว เพราะว่าต้องการให้อนันต์ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับคนที่รวยกว่า..

มาลีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ชัชชัย เพื่อนของนันทา ซึ่งเคยไปหาข้อมูลเขียนหนังสือมารับที่แม่สอด(ชัชชัยอ้างว่ามาธุระแถวนั้นพอดี)..มาลีกับชัชชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา เพราะตอนที่ชัชชัยมาอยู่อุ้มผางเพื่อหาข้อมูลเขียนสารคดี ตามคำแนะนำของ นันทา (ชัชชัยเป็นเพื่อนกับนันทา) มาลีแกล้งชัชชัยเพราะว่าไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาวกับปากไม่ค่อยดี..

ที่บ้านทาวเฮ้าส์ของนันทานั้นอยู่หมู่บ้านเดียวกับกลยุทธที่มีน้องสาวชื่อกุลกัญญา และช่วงที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ต่อที่รามคำแหงมาลีก็ได้คำแนะนำจากศรีวรรณเพื่อนข้างบ้านของนันทาให้ให้ไปทำงานฆ่าเวลาเป็นแม่บ้านบนตึกสูงกลางเมือง มาลีที่อยู่กับนันทาแบบคนใช้ (นันทากดไว้เพราะมาลีมาด้วยทุนของแม่) ที่คิดเบื่อบ้านจึงไปทำงานตามคำแนะนำของศรีวรรณ

และบนตึกสูงนั้น มาลีก็ได้รู้ว่าเธอทำงานในตำแหน่งแม่บ้านซึ่งมีกลยุทธทำงานที่นั่นด้วย และมาลีก็ได้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัวของกลยุทธมากขึ้น มาลีรู้ว่ากลยุทธเป็นที่หมายปรองของรมมณีย์ลูกสาวของเจ้าของประธาน
บริษัทฯ

กลยุทธนั้นอึดอัดกับความรักที่รมณีย์มีให้ เพราะเขาทนกับปากของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เขาสานความสัมพันธ์กับมาลีมากขึ้น จนกระทั่งรมณีย์ที่เป็นเพื่อนกับชัชชัย ต้องดึงชัชชัยมาช่วยทำให้มาลีกับกลยุทธเข้าใจผิดกัน...

ชัชชัยนั้นชอบมาลีเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอาอกเอาใจมาลีสารพัด แต่มาลีคิดว่า ชัชชัยนั้นเป็นคู่รักของนันทา ทำให้มาลีไม่เปิดใจให้ชัยชัย..

และมาลีจะเลือกใครระหว่างกลยุทธกับชัชชัย..

Tags: รักสามเส้า เราสามคน

ตอน: 28.“มีอะไรหรือเปล่ามาลี”

28.

เมื่อถึงเวลาสี่ทุ่ม ทั้งคณะก็แยกย้ายจากกัน โดยจริญญามีอานนท์ขับรถมารับกลับบ้าน สมศักดิ์อยากไปส่งคุณวรรณาที่บ้าน แต่หญิงสาวตั้งใจนั่งรถของสุชินไปส่งอรชุมาที่คอนโด แล้วจะให้สุชินเลยไปส่งตัวเองที่บ้านในภายหลัง

เมื่อเป็นดังนั้น สมศักดิ์จึงขับรถมาส่งกลยุทธกับมาลีที่สถานีรถไฟฟ้า โดยระหว่างทางนั้นเขาก็บ่นว่า สุชินนั้นคิดจะคิดไม่ซื่อกับวรรณาไหม?

มาลีเลยออกความเห็นไปว่า ระหว่างที่นั่งรถมานั้น คุณสุชินก็ช่วยเชียร์คุณสมศักดิ์กับคุณวรรณาอยู่เลย

รถของสมศักดิ์ลับสายตาไปแล้ว มาลีกับกลยุทธที่ยืนอยู่ด้วยกันที่ข้างถนนมองหน้ากัน

“ไปกลับบ้าน” มาลีเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน ถึงอย่างไร เธอก็ยังไม่อยากทำตัวสนิทชิดเชื้อกับเขาเหมือนเดิม ใจจริงนั้นนึกอยากจะไปให้ไกลๆ ด้วยซ้ำ ด้วยกลัวหากปล่อยใจให้ถลำลึกกว่านี้เธอจะมีแต่เจ็บกับเจ็บหากเขาเลือกฝ่ายนั้น แต่อีกใจก็รู้สึกเห็นใจเขาขึ้นมา เขาไม่ได้รักคุณรมณีย์แน่ แต่เขาเองก็ปฏิเสธคุณรมณีย์ไม่ได้เช่นกัน

ถ้ารักกัน คิดจะเดินไปด้วยกัน เธอต้องเป็นฝ่ายให้คุณรมณีย์ถอนตัวไปอย่างนั้นหรือ?

“คิดอะไร” เขายิงคำถามขึ้นมา เมื่อเดินเคียงกันมุ่งสู่ทางลงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน

“ร้อน อยากอาบน้ำ” มาลีบ่ายเบี่ยงไปอีกเรื่อง

“เก่งจริงนะเรื่องเอาตัวรอด นักธุรกิจเก่านี่นะ” ว่าพลางยิ้มให้

มาลีเมินหน้าหลบไปยังถนนที่มีรถวิ่งต่อกันยาวดูเหมือนไร้ที่สิ้นสุด ในที่สุดเธอก็เริ่มชินและกลายเป็นคนกรุงเทพฯ ไปโดยไม่มีปัญหาเหมือนตอนแรกๆ กี่เดือนนะ แล้วภาพของชัชชัยตอนที่พาเธอขึ้นรถเมล์พัดลมก็แล่นเข้ามา..

มาลีถอนหายใจอีกรอบ แล้วหูของเธอก็ได้ยินเสียงแตรรถดังลั่นอยู่ใกล้ๆ ด้วยสัญชาตญาณมาลีรู้ว่าแตรนั้นส่งเสียงเรียกตนเอง มาลีจึงหันไปมองพร้อมกับที่กลยุทธก็ต้องเหลียวไปมองเช่นกัน

เป็นชัชชัยที่เลื่อนกระจกลงแล้วชะโงกหน้ามาตะโกนเรียกพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
“มาลี” ด้วยสีหน้าแบบนั้น ทำให้มาลีรีบผละเข้าไปหาด้วยรู้ว่า จะทำให้รถติด ดีไม่ดีตำรวจจะมาไล่แล้วจับปรับให้เสียเวลา

“มีอะไร” มาลีก้มลงถาม โดยที่ไม่ได้สนใจสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาของกลยุทธที่เดินตามมา

“ไปไหนกลับบ้านใช่ไหม ไป กลับด้วยกันจะไปส่ง คุณยุทธ ขึ้นรถครับ ผมจะไปส่ง”

กลยุทธยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก ด้วยรู้สึกทึ่งกับความชาญฉลาดของหนุ่มหน้าใส หากถ้ามันปั้นปึ่งไม่ยิ้มแย้มแบบนี้ มาลีไม่มีทางวิ่งกลับมาหาแน่ มาลีหันถามความเห็นกลยุทธทางแววตา

“มาลีไปกับเขาเถอะ ผมนั่งรถไฟฟ้าไปสะดวกกว่า ลงจากรถแล้วขึ้นบันไดไปเอารถง่ายดีกว่านั่งรถไป ดีไม่ดีถึงก่อน”

เขาพยักหน้าอนุญาตพลางเป็นคนเปิดประตูหน้ารถให้ มาลีเริ่มลังเล ถ้าเธอไปกับชัชชัยแล้วทาง กลยุทธจะรู้สึกอย่างไร

“ไปเถอะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน ร้อน อยากอาบน้ำไม่ใช่หรือ ไปเถอะ” ท้ายประโยคนั้นบอกว่าน้อยใจเต็มที

มาลีถอนหายใจแล้วผลักประตูรถปิด และมาลีก็มั่นใจว่า เสียง ‘ปึ้ง’ เบาๆ นั้น จะส่งผลให้คนขับเจ็บแปลบเพียงใด เขาตามมา เขาจงใจ เขารู้ว่าเธอไปกินที่ไหน เขาทำแบบนี้ทำไมกัน

มาลีก้มลงแจ้งความจำนงอย่างตัดสินใจกับชัชชัยด้วยหัวใจที่ไม่เด็ดขาดนัก

“เออ คุณชัช เออ” มาลีไม่รู้จะพูดประโยคไหนที่จะไม่ทำให้เขารู้สึกแย่

“โอเคครับ งั้นผมไปนะ” พูดจบกระจกถูกเลื่อนขึ้นยังไม่ทันสุดด้วยซ้ำ รถเก๋งคันงามก็ถูกกระชากจากริมฟุตบาทไปทันที มาลีระบายลมหายใจออกมา โดยที่ไม่ได้มองหน้าคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น

กลยุทธมองตามท้ายรถเก๋งคันนั้นไป เขาอยากจะดีใจ แต่อีกใจ เขาก็รู้สึกเห็นใจหนุ่มคนนั้น นายชัชชัยรักมาลี ดูจะรักมากกว่าเขาเสียอีก นึกถึงตรงนี้ เขาจำต้องสลัดศีรษะ ไม่นึกมาก่อนเลยว่า ชีวิตเขาจะมีรักสามเส้าเกิดขึ้นด้วย สามหรือสี่นะ คงต้องปรึกษากุลกัญญาให้ช่วยอธิบาย


กลยุทธขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกจากบริเวณหน้าบ้านไปแล้ว มาลีมองตามไปแล้วถอนหายใจออกมา เมื่อยืนรอรถขบวนไฟฟ้าอยู่ด้วยกันไม่มีคำพูดใดๆ ออกมาจากปากของเขาอีกเลย เธอเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร จนกระทั่งเดินมายังรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ เขาก็ส่งเสื้อกันหนาวกันแดดกันลมให้กับเธอสวม พร้อมกับส่งหมวกกันน็อคอีกใบมาให้

“รู้ได้อย่างไรว่าฉันจะกลับด้วย” ปกติถ้าเขาขับรถมาคนเดียวก็จะเอาหมวกมาใบเดียว

“ก็คนเคยมาด้วยกันคงมีโอกาสได้กลับด้วยกันในสักวัน มาลีผมดีใจนะที่คุณเลือกผม” เขาพูดตรงๆ

มาลีก้มหน้าไม่ตอบแต่พยายามกดล็อกหมวกที่ปลายคาง แล้วเขาก็เดินเข้ามาจนชิดแล้วเป็นคนกดล็อกนั้นจนแน่น แล้วเชยคางมาลีขึ้นมา

“คิดอะไรอยู่บอกกันได้ไหม”

มาลีโคลงศีรษะ

“ยังไม่มั่นใจในตัวผมใช่ไหม”

มาลีพยักหน้ารับ และเขาก็ถอนหายใจในทันทีเช่นกัน
มาลีรู้ว่าเขาไม่มั่นใจในความรู้สึกที่มีต่อตนเองจริงๆ ถ้าเขาใช้เหตุผล เขาจะไม่มีทางเลือกเธอ แต่ถ้าเขาใช้หัวใจเธอถึงจะมีสิทธิ์
เพราะฉะนั้นเพื่อไม่เป็นการต้อนเขาให้จนมุม เธอไม่จำเป็นต้องเร่งรัด “ไปเถอะค่ะดึกแล้ว”

เขาขึ้นค่อมใช้เท้าผลักขาตั้ง แล้วสตาร์ตรถบิดเร่งน้ำมันแล้วก็พยักหน้าให้มาลีมาซ้อนท้าย “ผมดีใจอย่างหนึ่งนะมาลี”

เขานิ่งไปอึดใจด้วยคงอยากให้มาลีถาม แต่มาลีก็เลือกที่จะเงียบแล้วให้เขาพูดต่อ

“ดีใจที่มาลีเลือกซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ของคนยาก แทนนั่งรถเก๋งราคาแพงคันนั้น”

มาลีไม่ตอบ ด้วยรู้อยู่แก่ใจว่า เหตุผลที่มากับเขานั้นไม่ใช่เพราะยี่ห้อหรือสภาพรถ แต่เป็นเธอไม่มั่นใจว่า เธอจะนั่งรถคันนั้นไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่าเท่านั้นเอง




เมื่อผลักประตูเข้าบ้าน มาลีก็พบว่านันทานั่งดูรายการบันเทิงทางโทรทัศน์ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “กลับมาแล้วหรือ งานเลิกกี่โมง”

แม้จะประชดประชัน แต่น้ำเสียงนั้นก็ยังบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ไม่ได้ขุ่นเคืองแต่อย่างใด

“เพื่อนร่วมงานชวนไปหาอะไรทานค่ะ” มาลีตอบตามตรง

“พนักงานทำงานสะอาดนี่นะมีอารมณ์ออกไปหาอะไรทานกัน”

มาลีรับคำว่า ‘ค่ะ’ โดยไม่มีคำอธิบายอื่นที่อีกคนไม่จำเป็นจะต้องรู้เรื่อง

“ชัชเขาแคร์เธอมากนะ เมื่อกี้เขาโทรมาโวยวายว่าฉันปล่อยปละละเลยเธอ”
เมื่อได้ยินเท้าที่จะก้าวขึ้นบันไดถึงกับชะงักทันที

“ฉันตอบเขาไปว่าชีวิตใครชีวิตมัน รักดีหามจั่วรักชั่วหามเสา ฉันพูดถูกใช่ไหม”

“ค่ะ”

มาลีหน้าชาดิก พี่นันทากำลังคิดว่าเธอเหลวไหล แต่ชีวิตของคนกรุงเทพฯ มันก็เป็นอย่างนี้ไม่ใช่หรือ พี่นันทาเองก็มีวันนี้ที่กลับเร็วกว่าปกติ วันอื่นๆ เธอก็ไม่ได้อยากรู้ว่าเจ้าหล่อนจะไปต่อที่ไหน ด้วยระลึกเสมอว่า เขามีชีวิตส่วนตัวมานานนมแล้ว ถึงจะมีเธอเป็นห่วงหรือไม่ เขาก็จะมีชีวิตแบบนี้ ทางใครทางมันต่างคนก็ต่างดูแลตัวเอง แต่ในที่สุดมาลีก็ค้นพบว่า อย่างไรเสียนันทาก็คือผู้ปกครองของตนนั่นเอง
“เออ นี่ ก่อนสงกรานต์พี่อนันต์จะแต่งงาน จะกลับอุ้มผางไหม”

นันทาเปลี่ยนเรื่องพร้อมเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นสบายๆ ขึ้น เมื่อเป็นดังนั้นมาลีจึงหมุนตัวลงมานั่งที่โซฟา แล้วปรายตามองดูรายการโทรทัศน์ไปด้วยสีหน้าครุ่นคิดเรื่องจากคำถามนั่น

“พี่คิดว่าฉันควรกลับหรือไม่ควร” มาลีมั่นใจว่าทางป้ากับพี่นันทาคงปรึกษากันมาดีแล้ว

“แล้วแต่เธอซิ จะกลับไปอยู่บ้านเลยก็ได้นะ น่าจะหมดปัญหาแล้ว”

“เบื่อฉันซิ” มาลีถามออกไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมา ทำไมเธอจะต้องยอมเป็นหุ่นเชิดคนบ้านนี้ด้วยนะ เพราะคำว่า‘บุญคุณ’ อย่างนั้นหรือ

“เปล่า แค่ไม่อยากบังคับจิตใจเธอเท่านั้นเอง ตอนมาก็เห็นว่าไม่อยากมา ก็เลยคิดว่าอยากกลับไปอยู่” นันทาตอบตามตรง

มาลีนิ่งคิด “สรุปว่าฉันคงไม่กลับ และจะยังอยู่ที่นี่ต่อไป”

“แม้คุณแม่ไม่ส่งเสียเธอแล้วอย่างนั้นหรือ”

“เรื่องนั้นแล้วแต่ผู้ใหญ่เห็นสมควร”

มาลีพยายามนึกถึง ‘สัจจะ’ของคนขึ้นมา หากป้าไม่ส่งเสียเธอจริงๆ เธอเองก็คงอยู่ที่บ้านนี้ด้วยความยากลำบาก นั่นมันก็หมายถึงว่า เธอเองต้องพึ่งตัวเองทุกอย่าง แต่อย่างไร เธออยากได้ยินถ้อยคำนั้นจากป้ามากกว่าผู้หญิงใจคอคับแคบและเห็นแก่ตัวคนนี้



เมื่อได้ฟังเรื่องของพี่ชาย กุลกัญญาถึงกับนอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทีเดียว

“เร็วๆ วิเคราะห์สถานการณ์มาซิ มาลีทำอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร”

“เขาก็คงแคร์ทั้งพี่และแคร์ทั้งคุณชัช สรุปแคร์ความรู้สึกทั้งสองคน อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคนประมาณนั้นแหละ”

“เขารักคุณชัชอย่างนั้นหรือ” กลยุทธยังซักหวังความกระจ่างจากมุมและซอกหลืบหัวใจที่เขาคิดไม่ถึง

“ไม่รู้ซิ ไม่กล้าถาม แต่พี่ว่าเขาน่ารักไหมล่ะ”

“กุลชอบเขาไหมล่ะ”

“ไม่ใช่สเปคกุล” กุลกัญญาตอบตามตรง

“แล้วสเปคกุลแบบไหน”

“เอาเรื่องพี่ดีกว่าค่ะ เรื่องกุลนั้นอีกไกล”

พูดไปแท้จริงในใจของกุลกัญญานั้นเป็นสีชมพูตลอดเวลาทีเดียว ทุกๆ วัน หลังจากที่เสร็จธุระในเวลาเช้า กุลกัญญาจะต้องโทรหานิวัฒน์ เพื่อบอกเขาว่า คิดถึง อยากไปยืนขายผลไม้ ไปอยู่เป็นเพื่อน และเป็นกำลังใจให้กับความหวังที่สูงส่งนั้น
เขารับโทรศัพท์เธอเกือบทุกครั้ง มีคำพูดหวานๆ มีข้อความซึ้งๆ ส่งกลับมาตลอด นั่นก็หมายความว่าเธอกับเขาเป็นแฟนกันแล้ว แต่จะจบที่ตรงไหนนั้นกุลกัญญาไม่กล้าคิด เพราะเมื่อปรึกษากับคุณหมอ แม้ว่าคนที่เปลี่ยนไตแล้วอย่างเธอจะสามารถมีลูกได้แต่มันก็ไม่ปลอดภัยนัก คนอย่างเธอไม่เหมาะที่จะเป็นภรรยาหรือแม่ของใครหรอก แต่เธอก็ขาดความรักไม่ได้

“พี่รู้สึกว่ามาลีชอบเขาอยู่ไม่น้อยทีเดียว แต่ขณะเดียวกันพี่ก็รู้สึกว่ามาลีไม่กล้าที่จะคิดอะไรกับเขา”

“เหมือนกับที่พี่ไม่กล้าคิดอะไรกับพี่รมณีย์” เมื่อพี่ชายที่นอนตะแคงหันหลังให้เงียบเสียง กุลกัญญาจึงแสดงความคิดเห็นในมุมของตนเองต่อ

“ทั้งพี่และมาลีกลัวปัญหาเรื่องฐานะ กลัวว่าการดูถูกเหยียดยามจากใครบางคน กลัวถูกกล่าวหาว่าไม่เจียมตัว และเจียมใจว่าส่วนหนึ่งอาจจะกลายเป็นเพียงของเล่นทางผ่าน หรืออะไรก็แล้วแต่ที่กุลหานิยามมาสรุปให้ไม่ได้”

กลยุทธถอนหายใจออกมา

“พี่ถามตัวเองดีกว่าพี่รักมาลีเพราะอะไร พี่ไม่รักคุณรมณีย์ที่มาก่อนเพราะอะไร”

“ไม่รู้ พี่ไม่รู้ กุล พี่สับสน”

“คุณรมณีย์เธอไม่ปล่อยพี่เหมือนกันใช่ไหม”

“ทั้งหมดพี่นึกถึงกุลคนเดียวแหละ พี่รักกุลพี่”

“ขอบคุณค่ะพี่ยุทธ แต่มันเป็นความสุขของพี่นะคะ สักวันกุลต้องจากพี่ไป เมื่อวันนั้นมาถึงพี่จะอยู่กับใคร ถ้าพี่เลือกมาลี พี่ก็ต้องเข้าใจนะว่าเขาจน กุลไม่รู้หรอกว่าเขาจนแค่ไหน แต่เขายังมีแม่และน้องตัวเล็กๆ ใช่ไหม การศึกษาเขาก็น้อยนิด พี่อาจจะต้องรอให้เขาเรียนจบ รอให้เขามีงานทำ และพี่ต้องช่วยเหลือเขาอีกมากมาย แต่ถ้าพี่เลือกคุณรมณีย์ พี่อาจจะสูญเสีย ‘ศักดิ์’ ของตนไปบ้าง พี่อาจจะเงียบเสียงในทุกๆ เรื่อง เพราะทั้งพ่อเขาทั้งตัวเขานั่นก็มั่นใจว่าเงินซื้อคนได้ พี่อาจจะอึดอัด แต่พี่จะสุขสบาย โอ๊ย แค่คิดกุลก็กลุ้มใจแล้วค่ะ”

“ทำไมกุลเข้าใจพี่” กลยุทธแปลกใจ เพราะกุลกัญญาอ่านความรู้สึกของเขาออกมาได้

“ไม่รู้เหมือนกัน หรือเป็นเพราะว่ากุลกำลังเขียนนิยายเรื่องนี้อยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้”

“จริงหรือกุล” กลยุทธหันกลับมาหาน้องสาวที่หัวเราะไม่เต็มเสียงนัก

“น่าสนใจจะตายไป รักสี่เส้านะพี่ คุณชัชชัย กุลดูออกว่าเขารักมาลีมาก คุณรมณีย์ก็เช่นกันถ้าเขาไม่รักพี่ เขาไม่ลดตัวลงมาได้มากขนาดนี้หรอก เพราะฉะนั้นนิยายเรื่องนี้แม้กุลเขียนเอง แต่กุลก็ต้องดูชีวิตจริงๆ ของพวกเขาด้วยว่าจะเป็นไปอย่างไร แต่คำตอบในใจนั้นกุลมีไว้แล้วว่า ใครควรจะลงเอยกับใครและเพราะอะไร”

“กุลเขียนให้ใครลงเอยกับใครและเพราะอะไร”

“พี่ยุทธรออ่านตอนรวมเล่มดีกว่าค่ะ เรื่องเป็นวิมานอยู่บนดินนั้น พอคุณชัชชัยชี้ให้กุลแก้ กุลปรับเปลี่ยนได้เยอะแล้วนะ นี่ถ้าจบ กุลก็มีหวังได้ลงในเลดี้วีค แต่พี่รู้ไหมว่า การช่วยกุลในครั้งนี้คุณชัชหวังอะไร”

กลยุทธครุ่นคิดตามแต่ก็นึกไม่ออก

“เขาหวังให้กุลช่วยเชียร์เขาให้กับมาลี และเชียร์พี่ให้กับคุณรมณีย์เพื่อนเขา เพราะฉะนั้นคำวิเคราะห์สถานการณ์ของกุลนี้ พี่เชื่อไม่ได้ทั้งหมด เพราะกุลรับสินบนคุณชัชมาแล้วเหมือนกัน”


เมื่อเห็นคุณกลยุทธเดินเคียงกับคุณรมณีย์ออกไปจากบริษัท มาลีจึงถือไม้ขนไก่และผ้าขี้ริ้วหลบมานั่งมองโทรศัพท์มือถืออยู่ในห้องประชุม เบอร์ของคุณชัชชัยถูกเลื่อนขึ้นมา แต่มาลีไม่กล้ากดโทรออกไปหา เมื่อไม่ได้รักเขาในแบบที่เขาก็ต้องการ ก็ไม่ควรมีเยื่อใย อีกไม่กี่วันเดี๋ยวเขาก็หายไปตามวิถีชีวิตของเขา
ส่วนเธอเอง หากนันทาพูดเหมือนไล่ออกจากบ้านอีก มาลีเริ่มนึกถึงหอพักแถวหน้าราม เริ่มนึกถึงวิธีการดำเนินชีวิตแบบไอ้วัฒน์หรือไอ้นิวขึ้นมา หากเธอจะมีชีวิตแบบนั้น เรียนให้จบ สอบครูให้ได้ เธอจึงจะกลับไปอุ้มผางอย่างมีเกียรติ

แต่ถ้าเธอทำไม่ได้ล่ะ

แล้วเมื่อก่อนอยู่มาได้อย่างไร อยู่เหมือนที่เคยอยู่ เหมือนที่พ่อแม่เคยอยู่ แบบนั้นเรียกว่าจำนนหรือเปล่า

“หลบมานั่งอยู่ที่นี่เองมาลี เป็นอะไรหน้าตาไม่ค่อยดีตั้งแต่เช้าแล้วนะ”

พี่ศรีวรรณเปิดประตูแล้วร้องถามด้วยน้ำเสียง ดังและชัดเจน เหมือนเดิม

“เมื่อคืนมีปัญหากับพี่นันทานิดหน่อยค่ะพี่ หลายเรื่อง”

“รวมเรื่องคุณยุทธด้วยใช่ไหม”

“ถ้าหนูย้ายบ้านไปอยู่หอพักสตรีแถวหน้าราม พี่ว่าจะน่าเกลียดไหม”

“ทำไมล่ะ”

“พี่นันทาเขาพูดเหมือนไม่อยากให้หนูอยู่ด้วย หนูก็เลยคิดว่าถ้าเปิดเทอม หนูจะลาออกจากที่นี่ หนูน่าจะหางานทำแบบเพื่อนหนู มันขายผลไม้ที่หน้ารามนะ เข็นรถไปตามถนน”

“มาลีทำได้หรือ”

“ได้ ไม่อายหรอกพี่ มันบอกว่าวันหนึ่งได้กำไรตั้งหลายร้อย”

“ค่อยๆ คิด มันอาจจะไม่เลวร้ายอย่างนั้นก็ได้ พี่ว่ามาลีเอาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาผสมกันแล้วก็ฟุ้งซ่านมากกว่า”

“เมื่อวานตอนเย็นคุณชัชโทรหาพี่หรือเปล่า”

“โทรซิ ถามว่ามาลีไปไหนกับใครที่ไหน”

“แล้วพี่ว่าไง”

“พี่ก็บอกเท่าที่รู้ไง แล้วเขาไปสร้างปัญหาให้หรือเปล่า”

มาลีไม่ตอบ เพราะเธอต่างหากที่ไปสร้างปัญหาให้เขา ถ้าเธอไปกับเขา แต่เธอก็เลือกที่จะมากับอีกคนหนึ่งแล้ว สีหน้าของเขาทำให้เธอรู้สึกผิด เขามีน้ำใจ บังเอิญเจอเธอเดินอยู่ข้างถนนก็แวะรับขึ้นรถ แต่เธอเองทำเหมือนสวยเลือกได้ เชิดใส่เขา
“พี่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า คุณชัชชัยจะมาหลงเสน่ห์สาวบ้านป่าอย่างเธอ”

“พี่รับสินบนเขามาหรือเปล่าเนี่ย” มาลีพูดอย่างรู้ทัน

“รับ เฮ้ย เปล่า พี่พูดตามความรู้สึกของพี่เอง พี่โตแล้วนะ พอ

อ่านอะไรออกบ้างหรอก ตอนแรกพี่ก็คิดว่าเขามาหลอก แต่ดูจริงจัง
ขนาดนี้ พี่ชักเห็นใจแฮะ”

“เห็นใจ”

“พี่ว่าคุณกลยุทธนี่ มาลีปล่อยให้คุณรมณีย์เธอไปเถอะนะ อย่าไปยื้อแย่งกับเขาเลย”

“หนูปล่อยเขาแล้ว แต่เขาไม่ยอมไปเองต่างหาก” มาลีพูดความจริง

“ก็อีกนั่นแหละ พี่ก็ไม่อยากจะเชื่ออีกว่าคุณกลยุทธจะมาหลงเสน่ห์มาลีได้ขนาดนี้ ไปทำอีท่าไหนเขาถึงติดอกติดใจจนเป็นอย่างนี้”

“ไม่ได้ทำอะไรเลยพี่ หนูก็ทำตามหน้าที่ของหนูเท่านั้น เขาเริ่มจีบหนูเองตั้งแต่เห็นหน้า พวกเพื่อนเขาก็แซวๆ ว่าให้ระวังคุณรมณีย์ หนูก็ไม่คิดว่าชีวิตหนูกับเขาจะวนมาเจอะกันที่นี่ มันคงเป็นเวรกรรมที่มีต่อกันมาแหละ มันถึงได้เป็นอย่างนี้”

“ชอบใครมากกว่ากัน”

“หนูยังเด็กนะพี่แค่สิบเก้าเอง”

“พี่มีผัวตอนอายุ 20 นะ ไม่เด็กหรอก เป็นแม่คนได้แล้ว มาลีโตเกินตัวนะ”

“หนูเทียบกับพี่วรรณา คุณเกด หลายๆ คนเลยทีเดียว จะสามสิบอยู่แล้วยังเรียนต่อปริญญาโท ยังหาสามีไม่ได้เลย”

“พวกนี้เขาไม่มีใครมาสนใจ เลยบ้าความรู้กันไป อย่าไปเปรียบกับเขาเลย ถ้าอายุสิบเก้าแล้วมีมาให้เลือกขนาดนี้ก็นับว่ามีโอกาสเป็นแม่คนได้เร็วแล้ว ไม่เด็กหรอก ตกลงชอบใครมากกว่ากัน”

“เท่ากัน” มาลีบอกปัดๆ ไป ผลจึงถูกฝ่ามือของศรีวรรณตีบนหลังมือพร้อมกับคำว่า ‘บ้า’


แล้วขณะที่มาลีกำลังเช็ดโต๊ะเก้าอี้ในห้องประชุมนั้น กุลกัญญาก็โทรเข้ามาหาด้วยน้ำเสียงเริงร่า

“คุณชัชโทรมาบอกว่า ให้เข้าไปพบคุณแม่เขาที่สำนักงานในวันพรุ่งนี้ก่อนเที่ยง”
“แบบนี้แสดงว่าเรื่องของกุลเข้าแก๊บแล้วใช่ไหม”

“ก็ได้คุณชัชช่วยเยอะเลย กุลเองก็มีความสุขขึ้นด้วย เพราะกุลเข้าใจความรักมากขึ้น เข้าใจว่าอารมณ์รักจริงๆ เป็นอย่างไร”

เมื่อได้ฟังมาลีถอนหายใจออกเบาๆ ด้วยเกรงว่าเสียงนั้นจะทำให้ปลายสายรู้สึก

“บอกนิวมันหรือยัง”

“โทรไปแล้วไม่รับสาย ไม่รู้หายไปไหนก็เลยฝากข้อความไว้”

“กุล มาลี” มาลีอ้ำอึ้งแต่เมื่อนึกถึงประโยชน์ของกลยุทธ เธอจำต้องพูด
“คือ มาลีอยากให้กุลเผื่อใจไว้บ้างนะ คนอย่างมันบางทีอาจจะมีคนอื่นซ่อนอยู่ด้วยก็ได้ ดูมันกะล่อน ไม่โง่เหมือนไอ้วัฒน์คนเก่า”

“มีอะไรหรือเปล่ามาลี”

“ไม่มีหรอก แค่นึกห่วงกุลนะ แค่นี้นะกุล งานเยอะ”

กุลกัญญาวางโทรศัพท์ไปแล้ว มาลีมองโทรศัพท์อีกรอบ แล้วในที่สุดมาลีก็ทนเสียงรบเร้าของหัวใจไม่ไหว ก็เขาช่วยกุลกัญญาตามสัญญา เธอก็ต้องขอบคุณเขาสักหน่อย แต่เมื่อมาลีโทรกลับไป มีเพลงเสียงรอสายที่ว่า

‘อยากบอกให้รู้ฉันยังอยู่ ตรงนี้ฉันยังอยู่ จะคอยดูแลหัวใจของเธอให้เข้มแข็ง...’

มาลีกดโทรศัพท์โทรออกอีกหลายรอบ ยิ่งฟังเพลงมากเท่าไหร่ มาลีก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองทำผิดต่อเขามากมายจนไม่น่าให้อภัยเลยจริงๆ









จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ต.ค. 2555, 12:43:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ต.ค. 2555, 12:43:56 น.

จำนวนการเข้าชม : 1715





<< 27.“กลัวไม่ได้เบียดใช่ไหมล่ะ”   29.“เผื่อดังจะได้เอาไว้อวดคนอื่นได้” >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 8 ต.ค. 2555, 12:44:30 น.
ขอบคุณจากทุก ๆ กำลังใจครับ


Orathai 8 ต.ค. 2555, 13:36:40 น.
ชีวิต...อ่านชีวิตคนแต่ละคนในนี้ทำให้คิดว่าชีวิตมันต้องดิ้นรนขนาดนี้เลยหรือ


ปอยอะนะ 8 ต.ค. 2555, 21:02:45 น.
เศร้านะ


nateetip 9 ต.ค. 2555, 00:52:32 น.
สามเส้าว่ามึน เจอสี่เส้า มึนหนัก ลุ้นจะลงเอยอย่างไร


อ้อย 9 ต.ค. 2555, 00:57:31 น.
กรี๊ดดดด คุณชัชชัย มาแล้วววว


evelover 9 ต.ค. 2555, 10:38:56 น.
เย่ๆๆๆๆๆ ได้อ่านอีกตอนแล้ว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account