จับใจไว้ด้วยรัก
เรื่องราวของนักธุรกิจหนุ่มฉายา เจ้าชู้หลบใน กับหญิงสาวที่มีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ที่ไม่ใช่เรื่องแต่งงาน เรื่องราวความรักที่สุดแสนจะปั่นป่วนเริ่มขึ้นเมื่อฝ่ายหนึ่งตามตื้อ ส่วนอีกฝ่ายก็คอยวิ่งหนี เขาจะทำให้เธอหันมามองและเปลี่ยนเป้าหมายในชีวิตได้ไหม ติดตามได้ใน 'จับใจไว้ด้วยรัก'
Tags: หวาน,น่ารัก,โรแมนติก

ตอน: ตอนที่ 15

ตอนที่ 14

ดนัยอ้าปากค้างพูดไม่ออก จ้องมองคนที่ถอยออกไปยืนยิ้มอย่างตะลึงงัน กรวีร์ยักคิ้วให้สองทีก่อนจะส่งยิ้มโปรยเสน่ห์ให้ลิซ่าที่ยิ้มตอบกลับมาไม่ได้รู้ตัวว่าโดนงูเห่าตัวร้ายพ่นพิษใส่เสียแล้ว ดนัยหันขวับจ้องหญิงสาวอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ รู้แล้วโดนทั้งแม่ทั้งลูกบ้านนี้หลอกต้มเข้าเต็มเปา

‘หน๊อยแน่!... อุตส่าห์ควงมาตั้งนาน เสียเงินเสียทองให้ไปตั้งเยอะสุดท้ายก็กลายเป็นของมือสอง แถมมือหนึ่งยังเป็นไอ้กรวีร์...ศัตรูตัวร้ายเสียอีก แค้นโว้ยแค้น’

กรวีร์ยืนมองคู่อริที่หน้าขาวสลับแดงอย่างสะใจ ชายหนุ่มหันกลับมาหาเบญญาภาที่นั่งนิ่งมองอย่างอยากรู้ว่าเมื่อครู่เขาเข้าไปพูดอะไรกับดนัย อีกฝ่ายถึงได้ทำท่าอย่างกับอยากจะขย้ำคอเขาขนาดนี้ แต่เธอก็ไม่มีเวลาคิดนานเพราะอยู่กรวีร์ช้อนตัวเธอขึ้นมาไว้ในวงแขนแกร่งโดยไม่บอกไม่กล่าว ก่อนจะเดินตัวปลิวตรงไปยังลิฟต์เพื่อกลับบ้าน

เบญญาภาที่ไม่ทันตั้งตัวเลยได้แต่นอนนิ่งหน้าแดงแปร๊ดอยู่ในอ้อมแขนของเขา หัวใจดวงน้อยเต้นแรงจนจะหลุดออกจากอก แต่น่าแปลกที่อาการสะอิดสะเอียนเวลาอยู่ใกล้ผู้ชายเจ้าชู้กลับไม่กำเริบทั้งๆที่ตอนนี้เธอกำลังโดนผู้ชายประเภทนั้นกอดอยู่ เกิดอะไรขึ้นกันนะเรา...


แม้ว่าศัตรูตัวร้ายที่มาคายพิษทิ้งเอาไว้จะจากไปแล้ว แต่ดนัยยังคงจ้องมองหญิงสาวข้างตัวนิ่งจนลิซ่ารู้สึกอึดอัดกับสายตานั้น หญิงสาวรีบซบศีรษะลงบนไหล่หนาเอาใจ ช้อนตาหวานมองเขาอย่างยั่วยวนเช่นที่เคยทำมาทุกวันนับตั้งแต่คุณหญิงแม่ของเธอสั่งให้ประจบออดอ้อนคนคนนี้เอาไว้เพื่อให้เขาคอยช่วยเกื้อหนุนฐานะของครอบครัวหล่อนให้กลับมามั่งมีดังเดิม

และแม้เธอจะขยะแขยงมากแค่ไหนแต่เพื่อเงินแล้วอย่างไรก็ต้องยอม แต่เมื่อกี้ที่ได้เจอหน้าศัตรูของดนัยเธอแทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความดีใจเพราะอีกฝ่ายคือชายหนุ่มที่เคยควงกับเธอตั้งเป็นอาทิตย์ที่ปารีสเมื่อเดือนก่อน ตอนแรกเริ่มจากถูกใจกับหน้าตาจนมาจบลงที่ลีลาบนเตียง ช่างเป็นอะไรที่วันเดอร์ฟลูมากๆ

เธออยากจะถลาเข้าไปกระชากตัวแม่จืดชืดข้างๆเขาออกแล้วเสียบตัวเองเข้าไปแทนที่ แต่พอคิดถึงเรื่องเงินที่จะได้มาจุนเจือธุรกิจครอบครัวจากดนัยแล้วก็ต้องเก็บความพิศวาสนั่นเอาไว้ยืนมองตาละห้อย จะให้ดนัยรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าเธอเคยมั่วมามากแค่ไหน ตอนนี้เขารู้แค่ว่าเขาเป็นคนแรกของเธอจากทริกเล็กๆน้อยๆที่ใช้เมื่อตอนที่นอนด้วยกันครั้งแรก

‘แหม...เมื่อกี้พ่อหนุ่มในฝันของเธอกระซิบอะไรกับไอ้เตี้ยนี่นะ อยากจะรู้จริงๆ’
ดนัยเลื่อนสายตาจากใบหน้างามลงมาที่สร้อยเพชรเม็ดเขื่องบนลำคอระหง สายตาจับจ้องอยู่ที่จี้เพชรเม็ดกลม แน่วแน่ขณะที่มือหนาไล้ตามสายสร้อยแผ่วเบา ปากก็ถามเรื่อยเปื่อย

“คุณรู้จักไอ้หมอนั่นไหม ไอ้กรวีร์น่ะ”

“คนเมื่อกี้เหรอคะ เคยเจอที่ปารีสค่ะ เขามาติดใจเพื่อนร่วมห้องของลิซ่า” หญิงสาวปด ให้ตายเขาก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าเพื่อนร่วมห้องของเธอที่โน่นเป็นผู้ชาย โกหกไปแบบนี้แหละดีที่สุด ดนัยยิ้มเย็นชา ก่อนจะเปลี่ยนจากลูบไล้ไปเป็นกำแน่นแล้วกระชากสุดแรงจนหญิงสาวหวีดร้องเมื่อสร้อยเพชรเม็ดงามที่เพิ่งได้มาหลุดกระจายเต็มพื้นพร้อมกับเสียงกร้าวของคนลงมือ

“ตอแหล! เมื่อกี้ไอ้กรวีร์มันบอกฉันว่าเคยนอนกับเธอที่ปารีส แล้วยังจะมีหน้ามาบอกฉันว่าไม่เคยมีใครมาก่อน เฮอะ! มั่วไม่เลือกฉันไม่ว่าแต่เธอกล้าทำให้ฉันต้องมากินน้ำใต้ศอกไอ้กรวีร์ แบบนี้ฉันรับไม่ได้! ไอ้ที่เคยให้ไปฉันไม่เอาคืน แต่ต่อจากนี้อย่ามาหวังว่าจะได้อะไรจากฉันอีก ไปให้พ้น!” ดนัยชี้นิ้วใส่หญิงสาวที่หน้าซีดเมื่อคนเริ่มมามุง ก่อนจะตะโกนเรียกลูกน้องตัวเองลั่นโรงแรม

“เฮ้ย!...ใครอยู่แถวนี้มาพาแม่นี่ไปให้พ้นหน้าฉันที” แล้วเจ้าตัวก็เดินกระแทกเท้าออกจากโรงแรม ไม่สนงานเลี้ยงฉลองแม้แต่น้อย แถมยังโวยใส่นักข่าวทั้งหลายที่กรูกันเข้าไปขอสัมภาษณ์ ทำให้บรรดาประชาสัมพันธ์ของโรงแรมวิ่งวุ่นแก้ข่าวกันระวิง

ลิซ่ามองซ้ายมองขวาเห็นบอดี้การ์ดในชุดสูทสีดำหลายคนเดินหน้านิ่งเข้ามาหา พร้อมกับสายตาสนใจใคร่รู้ของเหล่าบรรดาไฮโซมุง บ้างก็ชี้ชวนกันดูอย่างจำได้ว่าเธอคือใครก่อนหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ยางอายที่มีเหลือติดตัวอยู่บ้างก็ทำให้หญิงสาววิ่งร้องไห้โฮกลับบ้านไป ส่วนบรรดาทัพนักข่าววิ่งตามถ่ายรูปเพื่อจะได้มีข่าวฉาวไปพาดหัวหนังสือพิมพ์ของตนกัน

ภายในห้องจัดเลี้ยงผู้จัดการโรงแรมขึ้นไปแถลงการว่างานเลี้ยงจำต้องเลิกก่อนเวลาและขอบคุณที่มาร่วมงานโดยให้เหตุผลว่านายดนัย เจ้านายของตนต้องเดินทางไปต่างประเทศด่วน บรรดานักธุรกิจที่อุตส่าห์มาร่วมงานต่างก็เดินหัวเสียกลับไปเพราะหวังว่าจะได้ข้อมูลใหม่ๆไปปรับปรุงกิจการของตัวเองกลายเป็นว่ามาเก้อ

ท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้น มีเงาร่างของใครบางคนยืนมองเหตุการณ์อยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยสายตาเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ มีเพียงมือหนาที่กำเข้าหากันแน่นจนของที่ถือเอาไว้ทะลักออกมา เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นเรียกความสนใจ ร่างนั้นหยิบมันขึ้นมามองก่อนจะกระตุกยิ้ม

“ว่าไง”

“...”

“เห็นไหม...ฉันเตือนนายแล้วเรื่องผู้หญิงคนนี้ว่ามันเคยนอนกับไอ้กรวีร์มาก่อน นายไม่เชื่อเอง แทนที่วันนี้จะได้กระทืบมันให้จมดิน กลายเป็นนายเองที่โดนมันเล่นงานจนเสียเส้น” ร่างนั้นพูดกับปลายสายเรื่อยๆราวกับสนทนาเรื่องลม ฟ้า อากาศ ก่อนจะยกโทรศัพท์ห่างหูเล็กน้อยเมื่อคู่สนทนาสบถดังลั่น และแนบลงกับหูอีกครั้งก็เมื่อตอบรับคำนัดพบของฝ่ายนั้น

“ได้...อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันที่เดิม คราวนี้เราจะวางแผนใหม่ให้รัดกุมมากขึ้น ฉันมีตัวช่วยแล้ว” ร่างในเงามืดแสยะยิ้ม นึกไปถึงภาพที่กรวีร์อุ้มร่างบางของเบญญาภาเอาไว้อย่างทะนุถนอม เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋านิ่งคิด ในเมื่อเล่นงานที่ตัวมันไม่ได้ก็เล่นงานที่หัวใจของมันเลยแล้วกัน คราวนี้จะได้ตายแบบไม่ต้องฟื้นรอบสอง


“นี่คุณปล่อยฉันลงได้แล้ว ฉันเดินเองได้” เบญญาภาเริ่มกลับมาโวยวายอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าพอพ้นจากฝูงคนภายในงานแล้วแต่คุณพี่ชายข้างบ้านที่ตอนนี้พ่วงตำแหน่งเจ้านายด้วยนั้นยังไม่ยอมปล่อยเธอลงจากอ้อมแขนของเขา

กรวีร์ลอยหน้าทำหูทวนลมไม่สนใจอาการดิ้นรนของเธอให้พ้นจากเขา แต่อย่าหวังเลยว่าเขาจะยอมวาง ก็แหม...เรื่องอะไรจะปล่อย โอกาสดีๆแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ ปกติเจ้าหล่อนหวงตัวจะตาย เผลอไปเดินเบียดเข้าหน่อยก็ถอยห่างเป็นวา หลังจากนั้นเขาเลยหาโอกาสแกล้งเดินเบียดไหล่อีกฝ่ายบ่อยด้วยความเอ็นดูแกมหมั่นไส้

“ไม่ปล่อยครับ ถือซะว่าเป็นการตอบแทนที่พี่ช่วยน้องเบญแล้วกัน เพราะฉะนั้นก็ปล่อยให้พี่ได้กำไรบ้างเล็กๆน้อยๆ”

“ฉันไม่ใช่สินค้านะจะได้มามีกำไรขาดทุน แล้วคุณช่วยอะไรฉันไม่ทราบ อยู่ดีไม่ว่าดีก็พาฉันมาให้โดนดูถูก ฉันไม่ฟ้องคุณป้าก็ดีเท่าไหร่แล้ว” หญิงสาวโวยลั่น พอยิ่งนึกถึงสายตาและคำพูดน่ารังเกียจของดนัยแล้วยิ่งขุ่นเคือง กรวีร์กระชับร่างบางเล็กน้อยขณะรอให้ธัชพลเปิดประตูรถให้ หลังจากนั้นก็ค่อยๆวางเธอลงบนเบาะหลังตามมาด้วยคำขอโทษอย่างเป็นจริงเป็นจัง

“พี่ขอโทษด้วยนะครับ สำหรับเรื่องนั้น พี่ไม่คิดว่ามันจะหันไปเล่นงานน้องเบญ ที่ผ่านๆมามันจะว่ากระทบพี่คนเดียว”

เบญญาภาอึ้งไปเล็กน้อยที่ได้รับการขอโทษจากเขา เธอไม่ได้นึกโกรธอะไรเขาจริงจังนักหรอก แค่พูดไปงั้นเพราะอารมณ์โกรธ คนที่เธอโกรธมากๆก็คือดนัย คู่อริของอีกฝ่ายต่างหาก

“เอ่อคือ ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก แค่ไม่พอใจเท่าไหร่...” ถึงจะบอกไปแบบนั้นแต่สีหน้าของเขายังไม่ดีขึ้น “...เอาเถอะ หากคุณสัญญาว่าจะไม่เกิดขึ้นอีกฉันก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับเรื่องวันนี้ไป จะไม่ฟ้องคุณป้าแล้วกัน”

กรวีร์อมยิ้ม นี่คงนึกว่าเขาจะกลัวแม่เล่นงานสินะ ชายหนุ่มรู้สึกเอ็นดูขึ้นมาครามครัน ‘โถ...นางฟ้าสุดๆไปเลยค่ะ...น้องเบญคนสวยของพี่วีร์’

“ถ้างั้นเพื่อเป็นการไถ่โทษ เดี๋ยวไปหาอะไรทานกันนะครับ เดี๋ยวพี่วีร์เลี้ยงเอง”

“เอ๊ะ...ได้ไง คุณบอกแม่ฉันว่าจะพาไปส่งไปเกินสี่ทุ่ม นี่มันสามทุ่มครึ่งแล้วนะ”

“โธ่...น้องเบญก็ แปปเดียวเองนะครับ” เขาทำหน้าหมาหงอย แต่ไม่ได้ผล หญิงสาวยังคงส่ายหน้าจนผมปัดไปมา เขาเลยใช้ไม้ตาย

“แต่พี่หิวนี่ครับ ยังไม่ได้ทานอะไรเลย” ไม่พอ มือหนายังวนๆอยู่ตรงหน้าท้องประกอบคำพูดด้วย เบญญาภาขมวดคิ้ว เริ่มหนักใจไม่รู้ว่านี่เป็นลูกไม้หลอกแอ้มสาวของเขาอีกหรือเปล่า แต่พอนึกย้อนไปแล้วก็พบว่าเขาคงหิวจริงๆเพราะตั้งแต่เข้างานไปเธอก็เห็นเขาเอาแต่คุยทักทายกับคนอื่นๆ มีเพียงแก้วบรั่นดีแก้วเดียวเท่านั้นที่ถือเอาไว้ไม่มีจานอาหารเลย

“ก็ได้ แต่ต้องเป็นร้านที่ฉันเลือกนะคะ”

“ไม่มีปัญหาเลยครับคนสวยของพี่วีร์” เขายิ้มกว้าง ก่อนจะส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ดหนุ่มออกรถได้


“เอ่อ...คือน้องเบญอยากทานร้านนี้จริงๆเหรอครับ” กรวีร์มองออกไปนอกกระจกรถก่อนจะหันกลับมาหาคนที่ออกความคิด หญิงสาวตอบหน้าตาย

“ค่ะ ทำไมเหรอคะหรือว่าบะหมี่ธรรมดา ชามละไม่กี่สิบบาทจะไม่สามารถทำให้เจ้าของโรงแรมหรูอย่างคุณอิ่มท้องได้ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรนะคะ ส่งฉันแค่ตรงนี้ก็ได้เดี๋ยวพอทานเสร็จให้ลุงทองออกมารับก็ได้”

“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ แค่พี่คิดว่าชุดที่น้องเบญใส่....” สายตาคมกวาดมองทั่วร่างบางด้วยแววตากรุ้มกริ่มโดยเฉพาะส่วนที่มันใหญ่ผิดรูปร่างของเจ้าหล่อน จนเธอต้องกระชับกระเป๋าปิดบังส่วนนั้นไว้มั่น ขึงตาดุใส่คนลามก กรวีร์รีบดึงสายตากลับมาก่อนที่จะโดนมือบางฟาดฝ่ามือใส่

“...มันดูเป็นทางการเกินกว่าจะมานั่งกินบะหมี่ร้านข้างทางอย่างนี้ต่างหาก”

“ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ แต่ดิฉันไม่มีปัญหาอะไร” ว่าแล้วก็เปิดประตูลงจากรถไปอย่างรวดเร็ว กรวีร์มองตาม หัวเราะหึหึ ก่อนจะลงจากรถตามไปนั่งตรงข้ามร่างบางที่กำลังยกมือเรียกให้อาแปะขายบะหมี่เข้ามารับรายการอาหาร

หญิงสาวฉีกยิ้ม บอกกับอาแปะเจ้าของร้านเสียงหวาน โดยมีกรวีร์ที่มองร่างบางตาค้างกับรายการอาหารที่ได้ยิร“อาแปะขา สั่งบะหมี่เกี๊ยวแห้งหมูแดงหนึ่ง บะหมี่เกี๊ยวน้ำหมูแดงอีกเหมือนกันหนึ่ง และก็เกี๊ยวทอดหนึ่งถ้วยค่ะ”

อาแปะรีบจดรายการยาวเหยียดที่หญิงสาวสั่ง ก่อนทำท่าจะเดินออกไปแต่กรวีร์เรียกเอาไว้ก่อน

“แปะ ผมยังไม่ได้สั่งเลยนะ”

“อ้าว อาหมวยอีสั่งให้ลื้อเลี้ยวงาย” อาแปะมองสองหนุ่มสาวงงๆ ก่อนที่เบญญาภาจะเป็นฝ่ายปฏิเสธ

“ไม่ใช่ค่ะแปะ...ที่สั่งไปน่ะของหนู”

“ไอ๊หยา...ทั้งหมกเนี่ยนะของลื้อ...”อาแปะทำหน้าตะลึง ไม่นานก็หันไปหาชายหนุ่มที่คิดเอาเองว่าคงเป็นคนรักของอาหมวยกินจุ บอกอย่างสงสาร “...อาตี๋เอ๊ย อั๊วล่ะสงสารลื้อ แฟนลื้อกินจุอย่างนี้มีหวังล่มจม ล่มจม”

กรวีร์อมยิ้มชอบใจ นัยน์ตาพราวระยับ ยิ่งเห็นว่าสาวน้อยที่มาด้วยกันหน้าแดงค้อนใส่อาแปะแล้วเหลือบมามองเขา ปากน้อยๆอ้าแล้วหุบอยู่หลายครั้งก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง ชายหนุ่มอารมณ์ดีหันไปหาอาแปะ

“ไม่เป็นไรครับแปะ ผมยอมล่มจมถ้าอาหมวยของแปะเขายอมแต่งงานกันผมน่ะนะ แต่ตอนนี้ขอบะหมี่เกี๊ยวแห้งหมูแดงพิเศษมาก่อนเลยหนึ่งชาม แล้วก็ของโต๊ะนั้น...”เขาชี้ไปทางโต๊ะของคนสนิทด้านหลัง “...เก็บตังค์ที่ผมนะ”

อาแปะยกมือเกาศีรษะล้านโล่งของตนอย่างงุนงง หมุนตัวเดินกลับไปยังรถเข็น ปากก็บ่นพึมพำไปตลอดทาง

“เพี้ยง เพี้ยงทั้งคู่ ลูกออกมาก็คงเพี้ยงเหมือนพ่อมันแม่มัน ไอ๊หยา...หนุ่มสาวซาหมัยนี้”

เบญญาภาเม้มปาก ดวงตาวาววับ นึกโกรธอาแปะเจ้าของร้านในใจ ‘โธ่ แปะนะแปะ ไปชี้โพรงให้กระรอกเจ้าเล่ห์ ดูสินั่งยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่นั่น มันน่าข่วนให้หมดหล่อจริงๆ’
แล้วในที่สุดก็ทนเห็นรอยยิ้มที่แสดงถึงความชอบใจปนขบขันของเขาไม่ได้ หญิงสาวขึงตาใส่ก่อนจะถามเสียงห้วน “ยิ้มอะไรนักหนา...คะ”

กรวีร์อยากจะหัวเราะ ดู๊..ดูเถอะ ขนาดโกรธแต่ก็ยังพูดจามีหางเสียง แล้วแบบนี้จะไม่ชอบยังไงไหว

“ก็แปะเขาตลกดีนี่คะน้องเบญ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเปลี่ยนบรรยากาศจากร้านหรูมาเป็นร้านธรรมดาๆอย่างนี้แล้วจะมีเรื่องที่ทำให้พี่สนุกได้ ว่าแต่แปะแกตาแหล๊ม แหลมนะมองออกด้วยว่าเราเป็นอะไรกัน” ชายหนุ่มยืนหน้าเข้าไปใกล้ คิ้วหนายักขึ้นพร้อมส่งนัยน์ตาเจ้าชู้ที่สาวๆเห็นก็ต้องละลายไปให้ เบญญาภารีบดึงตัวเองกลับมา มองเขาด้วยหางตา

“ เป็นแค่เจ้านายกับลูกน้องเท่านั้นค่ะ กรุณาอย่าฝันเฟื่อง”

“โธ่! คนสวยใจร้ายจัง แต่ไม่เป็นไรพี่มันพวกตุ๊กแก ยึดคติเกาะเท่านั้นที่ครองโลก” ว่าแล้วคนหน้าเป็นก็ก้มหน้าก้มตาคีบบะหมี่เข้าปากอย่างสบายอารมณ์ เบญญาภาเม้มปาก รู้สึกขัดใจมากมือบางกระแทกกระทั้นขยี้เส้นบะหมี่ตรงหน้าให้กระจายตัวก่อนจะลงมือทานบ้าง ในหัวคิดหาวิธีกลั่นแกล้งผู้ชายจอมเจ้าชู้ตรงหน้า

ก็ได้! ในเมื่อขอให้อยู่ห่างๆดีๆไม่ชอบ ต่อไปนี้ก็เจอฤทธิ์เธอบ้าง จะเล่นให้วิ่งหนีไปเกาะคนอื่นแทบไม่ทัน!


คุณมีนาผุดลุกผุดนั่งจากโซฟาภายในห้องนั่งเล่นของเพื่อนข้างบ้านอย่างกระวนกระวาย นางก้มลงมองนาฬิกาข้อมือสลับกับประตูรั้วหน้าบ้านของเพื่อนสนิท เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มครึ่งแล้วแต่พ่อยอดชายนายกรวีร์ ลูกชายของนางยังไม่พาลูกสาวชาวบ้านเขามาส่ง หรือเธอจะคิดผิดที่ฝากปลาย่างตัวอวบไว้กับแมวขโมยที่หิวโซ

ตายล่ะ! นี่ถ้าลูกชายตัวดีของนางไปข่มเหงน้ำใจเบญญาภาขึ้นมาจริงๆ มีหวังบุษราเพื่อนฆ่าเธอแน่ โอ๊ย! ตาวีร์นะตาวีร์ ไอ้ลูกไม่รักดี ไม่ได้นิสัยสุภาพบุรุษของพ่อมาสักกะผีก ฮึ้ย! คุณแม่ขัดใจ!

คุณบุษรากับคุณปฐมที่นั่งมองเพื่อนเดินวนไปมาแล้วก็รู้สึกตาลาย ใช่ว่าเธอจะไม่ห่วงลูกสาวแต่เธอเชื่อมั่นในตัวเพื่อนว่าคงจะสอนลูกชายมาดี(ล่ะมั้ง) นอกจากนั้นพวกเขาก็ยังเชื่อมั่นในตัวลูกสาวตนเองไม่น้อยว่าหากกรวีร์คิดจะทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง เบญญาภาจะสามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์คับขันนั้นได้จากวิชาป้องกันตัวเล็กๆน้อยๆที่ส่งไปเรียนสมัยยังเด็ก แต่แน่นอนว่าไม่ค่อยจะมีคนนอกรู้เรื่องนี้นักและพวกเขาก็ไม่คิดที่จะขยายความ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อความปลอดภัยของลูกสาวที่รักยิ่งคนเดียว

ส่วนลูกชายจอมเสเพลที่ป่านนี้ยังไม่กลับบ้านน่ะเหรอ....ช่างหัวมันเถอะ!

และเมื่อเห็นว่าคุณมีนาเปลี่ยนจากการผุดลุกผุดนั่งมาเป็นเดินวนไปมา คุณบุษราก็เป็นฝ่ายทนไม่ได้ลุกขึ้นไปลากเพื่อนให้กลับมานั่งไม่งั้นเธอคงต้องคายอาหารเย็นออกมาเป็นแน่ หากยังปล่อยให้เพื่อนเดินต่อไป ส่วนคุณปฐมนั้นคว้าหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านตัดปัญหาไปเสียแล้ว

“รถคงติดมั้งมีน ใจเย็นก่อนเถอะ”

“รถติดตอนจะห้าทุ่มเนี่ยนะ ตาวีร์นะตาวีร์ กลับมาจะตีให้ร้องเลย มีอย่างที่ไหนบอกเธอว่าจะพาหนูเบญมาส่งไม่ให้เกินสี่ทุ่มนี่อะไร สี่ทุ่มสี่สิบห้าแล้วเนี่ย!” คุณมีนาไม่สนคำปลอบ ในหัวตอนนี้กำลังคิดว่าจะจัดการกับลูกชายคนโตยังไงดี ลูกชายงี่เง่า แค่วันแรกก็จะทำคะแนนพิศวาสติดลบ เดี๋ยวพ่อแม่เขาไม่ยกลูกสาวให้เธอก็อดอุ้มหลานน่ะสิ!

“ก็เป็นไปได้นะคุณมีน ตอนเย็นฝนก็ตกเสียด้วยสิ อาจจะมีอุบัติเหตุทำให้รถติดก็ได้ รออีกสักพักก็น่าจะมากัน” คุณปฐมพลิกหนังสือพิมพ์หน้าถัดไป สายตาก็ไม่ละจากข่าวบนนั้นในขณะที่ปากก็ช่วยภรรยาพูดให้อีกฝ่ายหายเครียด คุณบุษรารีบเออออกับสามี ส่วนคุณมีนาก็ได้แต่ถอนหายใจดังเฮ้อ

ไม่นานจากนั้นเสียงแตรรถก็ดังขึ้นส่งผลให้คุณมีนาเด้งขึ้นจากโซฟาวิ่งแซงหน้าคุณบุษรากับคุณปฐมพ่อแม่ตัวจริงของหญิงสาวตรงไปยังประตูบ้านทันที ทำให้ทั้งสองต้องรีบตามไปเพราะห่วงสวัสดิภาพของหลานชายข้างบ้าน

กรวีร์ก้าวลงจากรถที่ธัชพลเป็นคนเปิดประตูแล้วอ้อมไปยังฝั่งที่เบญญาภานั่ง มือหนาเปิดประตูให้เธอจะส่งยิ้มหวานไปให้ เบญญาภาก้าวลงมาหน้านิ่งไม่สนใจรอยยิ้มสะท้านโลกของเขา เธอยังไม่หายเคืองเรื่องที่เขามัดมือชกให้เธอไปทานข้าวมื้อดึกเป็นเพื่อน เดือดร้อนพรุ่งนี้ต้องลุกขึ้นมาออกกำลังกายแต่เช้าเพื่อไล่เอาไขมันส่วนเกินออกไป นอกจากนั้นเขายังไปสร้างความเข้าใจผิดๆให้กับใครต่อใครไปทั่ว ถ้าเธอส่งยิ้มให้ก็แสดงว่าเห็นด้วยกับการกระทำของเขายิ่งทำให้ได้ใจมากขึ้นไปอีก

กรวีร์มองร่างบางที่ลงมายืนหน้าตึงอย่างขำๆ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซว “น้องเบญไปฉีดโบทอกซ์มาเหรอคะ หน้างี้แข็งเชียว”

เบญญาภาหันขวับไปมองคนปากเสีย น่าเกลียดที่สุด! หน้าเธอเนี่ยของแท้ทั้งหน้า ไม่มีของปลอมหรือสารเคมีใดๆปลอมปนแน่

“เปล่าหรอกคะ แค่กำลังสงสัยว่าเมื่อไหร่คุณจะกลับบ้านคุณไปเสียที เกะกะหน้าบ้านคนอื่นเขาแล้วยังทำให้ทัศนียภาพสวนหน้าบ้านของดิฉันเสียหายด้วย”

“อู้ว...แรง” เขาแสร้งอุทานพลางเอามือกุมหน้าอกราวกับคำพูดเธอเป็นธนูที่พุ่งตรงไปทำร้ายหัวใจเขา “งั้นน้องเบญไปดูสวนหน้าบ้านพี่ก็ได้ สวยแล้วก็ไม่เสียตาแน่นอน” ด้วยความที่มือไวใจเร็วเป็นทุนเดิม มือหนาก็ฉวยเข้าที่ข้อมือบางทันที ร่างสูงออกแรงดึงให้เธอตรงไปยังประตูลับข้างบ้านที่เชื่อมระหว่างสองบ้าน หญิงสาวตาโตพยายามแกะมือที่จับแน่นทั้งหยิก ทั้งตีแต่ดูเหมือนว่าคนลากจะไม่สะดุ้งสะเทือนสักนิด

‘คนอะไรแรงอย่างกับช้าง’

“ปล่อยดิฉันเดี๋ยวนี้นะคุณกรวีร์ ไม่งั้นจะร้องให้เขาแห่มาดูกันทั้งซอย ผู้ชายรังแกผู้หญิง ไร้มารยาททางสังคมที่พึงมี!”

“พี่ยังไม่ได้ทำอะไรน้องเบญเลยนะคะ ถามนายธัชเอาก็ได้ แค่จะพาไปดูสวนบ้านพี่ว่าสวยกว่าที่นี่เท่านั้นเอง”

“ปล่อยนะ!” เบญญาภารวบรวมแรงแล้วสะบัด คราวนี้หลุดออกง่ายดายเพราะชายหนุ่มปล่อยมือด้วย ทำให้ร่างบางที่ไม่ทันตั้งตัวหงายไปด้านหลัง กรวีร์เองก็ตกใจไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะเสียหลัก ร่างสูงผวาเข้าไปรับร่างบางเอาไว้ทันก่อนที่หลังจะกระแทกพื้น ทำให้ตอนนี้หญิงสาวที่กำลังหลับตาปี๋ตกอยู่ในอ้อมกอดเขาอีกครั้ง พอหายตกใจก็เงยหน้าเตรียมจะวีนใส่ก็ต้องอึ้งไปเมื่อเห็นปลายจมูกของเขาอยู่แทบจะชิดกับจมูกของเธอ หากขยับอีกนิดได้ติดเรตแน่

กรวีร์มองนัยน์ตากลมโตที่ตอนนี้ฉายแววตระหนกอย่างเคลิบเคลิ้ม สายตาคมพิจารณาเครื่องหน้าของสาวน้อยอย่างพอใจ

ตา..กลมโตน่ารัก

ไล่ต่อมายังจมูกได้รูปสวย...น่าบีบ น่ากัดจังแฮะ

เฉไปมองแก้มแดงก่ำทั้งสอง....แก้มป่องน่าฟัดจัง

เรื่อยมายังริมฝีปากอวบอิ่ม...ปากเล็กๆน่าจูบให้ขาดใจ

เอ ต่อไปก็หน้าอก...อืม ใหญ่น่า...

“ตาวีร์! ปล่อยน้องเดี๋ยวนี้นะ ไอ้ลูกเฮงซวย มันน่าฆ่าทิ้งจริงๆ!”

“อืมใช่ ใหญ่น่าซุก...” ชายหนุ่มละเมอออกมา สายตายังไม่ล่ะไปจากหน้าอกหน้าใจของหญิงสาว ก่อนจะขมวดคิ้วนึกอะไรขึ้นมาได้ เงยหน้ามองเห็นว่ามารดาของตนกำลังยืนควันออกหู ส่วนบิดามารดาของหญิงสาวก็ยืนอึ้งกับภาพที่เห็น “เฮ้ย...คุณแม่ คุณน้า คุณลุง”

“ก็ใช่น่ะสิ แกเห็นเป็นอะไร รูปปั้นสามทหารเสือหรือไง แล้วนั่น...ยัง ยังไม่ปล่อยน้อง ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” คุณมีนาก้าวตรงมาดึงร่างบางของหญิงสาวออกห่าง ดันไปส่งให้บิดามารดาก่อนจะบอกลาแล้วนิ้วเรียวก็คว้าหมับที่หูของลูกชายตัวดีก่อนจะออกแรงดึง ลากเอาผู้ต้องหาคดีล่อลวงลูกสาวชาวบ้านกลับไปสำเร็จโทษที่บ้านของตนเอง โดยมีเสียงร้องโหยหวนของผู้ต้องหาคนที่ว่าดังไปตลอดทาง

“โอ๊ย! แม่เบาๆครับ หูผมจะหลุดติดมือไปแล้วนะ โอ๊ย เบา เบ๊า!”

---------------------------------------------------------------------------------------
กลับมาอีกแล้ว คราวนี้เอาพี่วีร์มาส่งก่อน ตอนเย็นค่อยตามต่อด้วยพี่ตฤณเรื่องนู้น สำหรับตอนนี้ขอสารภาพว่าหมั่นไส้พี่วีร์สุดๆ หลอกแต๊ะอั๋งนางเอกเราอยู่เรื่อย

สำหรับใครที่ยังไม่สะใจกับการแก้เผ็ดของน้องเบญ รออีกหน่อยจะจัดชุดใหญ่ให้พี่วีร์สะอึก

เจอกันตอนหน้าวันพฤหัสค่ะ ติชมได้นะคะ



ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ต.ค. 2555, 13:12:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ต.ค. 2555, 13:12:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 1610





<< ตอนที่ 14   ตอนที่ 16 >>
anOO 8 ต.ค. 2555, 19:52:13 น.
สมน้ำหน้าพี่วีร์จริงๆ เลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account