ภิรมย์รัก
กุลสตรี!

รุจิรดาแอบเบ้ปากด้วยความเบื่อหน่ายปนขุ่นเคือง
หากนับว่าการที่เธอยื่นมือออกไปช่วยเหลือน้องสาวของ หม่อมเจ้าอดุลย์วิทย์ นั้นไม่เป็นกุลสตรี
หญิงสาวก็ยอมรับตามความจริง
แต่เมื่อคนที่ชี้ความจริงข้อนี้ให้เธอรู้เป็นพี่ชายของคนที่เธอช่วยเอาไว้
หญิงสาวจึงรู้สึกเหมือนตนกำลังทำคุณบูชาโทษ
ต่อแต่นี้ไปก็อย่าได้มาเจอะมาเจอกันอีกเลยเป็นดีที่สุด!

หากภาวนาไปไม่พ้นสามวัน
คนที่เธอไม่อยากพบเจออีกในชาตินี้ กลับมาเป็นอาจารย์ของเธอเอง
คราวนี้คงต้องฟังแลกเชอร์ว่าด้วย “ความเป็นกุลสตรี” เสียจนหูชาแน่ๆ
เธอต้องหาทางหนีสถานเดียว!

แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร...
ยิ่งพยายามหนีให้ไกลจากดวงตาสีดำคูคมนั้นเท่าไหร่
กลับยิ่งเหมือนอีกฝ่ายจะไล่ตามมาไม่ปล่อยเสียอย่างนั้น!

Tags: ย้อนยุค,ศิษย์,อาจารย์,ท่านชาย,ท่านหญิง,ความรัก,พีเรียด

ตอน: บทนำ



ปลายฤดูฝน 3 ปีก่อน

“เย็นแล้วนะคะคุณหนู ทานข้าวก่อนดีไหมคะ”

“เอาไว้ก่อนก็ได้จ้ะ ฉันจะรอคุณพ่อคุณแม่ก่อน”

หญิงสาวหันไปยิ้มอ่อนๆ ให้กับสาวใช้ที่มีเพียงสองคนในบ้าน ก่อนจะหันกลับไปอ่านหนังสือเงียบๆ อีกครั้ง

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวแจ่มไปเอาผ้าคลุมไหล่มาให้คุณหนูนะคะ อากาศหนาวๆ แบบนี้ คุณหนูยิ่งไม่ค่อยสบายเสียด้วย ควรทำตัวให้อบอุ่นเข้าไว้”

สาวใช้คนสนิทเสนอขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเจือแววห่วงใย เรียกรอยยิ้มกว้างจากร่างโปร่งบางที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้บุผ้าหนาได้อีกครั้ง “จ้า... อย่างนั้นแจ่มไปเอาให้ฉันทีก็แล้วกันนะ”

ร่างของสาวใช้ในชุดผ้าถุงสีพื้นเรียบๆ ไปแล้ว หญิงสาวจึงเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาลูกตุ้มเรือนใหญ่แล้วขมวดคิ้วเรียวมุ่น...

คุณพ่อคุณแม่กับพี่ชายของเธอไปงานเลี้ยงฉลองสมรสของผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณพ่อที่จัดขึ้นที่บ้านเจ้าสาวในต่างจังหวัด ในตอนแรกตกลงกันไว้ว่าเธอจะไปด้วย หากเมื่อถึงเวลาเดินทาง รุจิรดากลับจับไข้เล็กน้อย ในตอนแรกหม่อมราชวงศ์รวิสุดาตั้งใจจะอยู่พยาบาลไข้บุตรี แต่ทนแรงคะยั้นคะยอของสามีไม่ไหว ประกอบกับรุจิรดาเองที่บอกมารดาว่าไม่เป็นอะไรมาก ทั้งหมดจึงเดินทางไปยังสถานที่จัดงานตั้งแต่เมื่อวาน และมีกำหนดกลับถึงบ้านตอนเย็นของวันนี้

แต่ตอนนี้ใกล้ค่ำแล้ว... ทำไมคุณพ่อคุณแม่ยังไม่กลับอีกนะ หรือว่าพี่ชายของเธอพาคุณพ่อคุณแม่แวะเที่ยวจนกลับผิดเวลา... ก็ไม่น่าเป็นไปได้อีกล่ะ

สาวใช้กลับมาพร้อมกับผ้าคลุมไหล่เนื้อนุ่มที่มารดาซื้อให้ รุจิรดารับมาคลุมหลวมๆ ก่อนจะตัดสินใจว่าอีกเดี๋ยวเธอจะทานข้าวก่อนแล้วค่อยติดต่อไปที่บ้านของพันตรีเกริกเกียรติผู้เป็นเจ้าของงานสมรส เพื่อสอบถามเวลากลับของบิดามารดาอีกทีหนึ่ง

“แจ่มอุ่นข้าวต้มปลาไว้หลายรอบ จนมันจะกลายเป็นโจ๊กแล้วล่ะค่ะคุณหนู” สาวใช้ยิ้มรื่นเมื่อหญิงสาวสั่งให้ตักอาหารให้ ก่อนเจ้าตัวจะพูดต่อเรื่อยๆ “เนี่ย วันนี้แจ่มเป็นอะไรก็ไม่รู้ล่ะค่ะคุณหนู อกใจมันสั่นๆ รู้สึกหวิวๆ หวาดระแวงไปเสียทุกอย่าง”

“อย่างนั้นเทียว” รุจิรดายิ้มกว้างล้อเลียน “หรือวันนี้แจ่มจะโชคดีเจอเนื้อคู่ เลยใจสั่นเสียอย่างนั้น”

“แหม คุณหนูก็! ไม่ใช่อย่างนั้นดอกค่ะ มันเหมือนกับ... มีคนจ้องอยู่อย่างไรอย่างนั้น”

คนพูดทำท่าทางหวาดๆ หากหญิงสาวที่ตักข้าวต้มทานไปแล้วสองสามคำกลับยิ้มเจ้าเล่ห์ “กลัวอะไรแจ่ม ถ้ามีใครหรืออะไรไม่ดีล่วงเข้ามาที่บ้านหลังนี้ล่ะก็ ฉันจะสอยมันให้ร่วงเองกับมือเลยทีเดียว”

“จริงนะคะคุณหนู”

“อ้าว... จริงสิ ไม่เชื่อกันซะอย่างนั้น”

“เชื่อสิคะ คุณหนูของแจ่มยิงปืนแม่นออกอย่างนั้น ต้องสอยมันร่วงได้แน่ๆ ค่ะ”

...ถ้ามันอยู่ให้สอยนะ...

แจ่มคิดในใจอย่างหวาดๆ ก่อนจะถอยหลังไปยืนเรียบร้อยข้างโต๊ะอาหาร คลับคล้ายคลับคลาเหมือนมีบางอย่างมาสะกิดแผ่นหลัง ก่อนจะรู้ตัวอีกทีเมื่อกรอบรูปใหญ่ด้านหลังของตนเองตกแตกกระจาย!

“ว้าย! ขอโทษค่ะๆ!” ร่างเล็กของสาวใช้ลนลานก้มลงคว้าเศษกระจก แต่รุจิรดาที่ลุกพรวดขึ้นกลับสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

“อย่าจับกระจก เดี๋ยวบาดมือ!”

หญิงสาวสั่งให้แจ่มไปเอาไม้กวาดมากวาดเศษกระจกออกไป ก่อนที่มือเรียวจะคว้ารูปมาดู หัวใจดวงน้อยวิบไหวมากขึ้นเมื่อภาพนั้นคือภาพของคุณพ่อ คุณแม่ และพี่ชายของเธอเอง...

ลางสังหรณ์เข้มข้นทำให้หญิงสาวเริ่มอยู่ไม่ติด มือเรียวแนบรูปถ่ายไว้แน่นกับอกเหมือนต้องการปลอบประโลมตนเองให้หายกังวล รุจิรดาผ่อนลมหายใจยาวเพื่อผ่อนคลาย หากเสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้นทันควัน!

“แจ่มไม่ต้องรับ ประเดี๋ยวฉันรับเอง” ร่างโปร่งหันไปบอกสาวใช้ที่เร่งเดินเข้ามาพร้อมกับไม้กวาดในมือ ก่อนจะหันไปคว้าหูโทรศัพท์มารับด้วยความรวดเร็ว

“บ้านนฤมาศบดีค่ะ”

“เอ่อ...” น้ำเสียงปลายสายขึงขังเป็นทางการ ทำให้คิ้วเรียวขมวดชิดกันมากขึ้น “ขอสายบุตรสาวของท่านพลโทดิษพงศ์ครับ”

“ดิฉันรุจิรดา บุตรสาวของท่านค่ะ มีอะไรหรือคะ”

ปลายสายเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้งลงเล็กน้อย และในความเป็นทางการนั้น... คล้ายจะเจืออะไรบางอย่างคล้ายๆ ความสงสาร...

“คุณหนูรุจิรดา... ผมคือร้อยตำรวจเอกยุทธิชัย พิชัยเดช ผมมีเรื่องน่าเสียใจที่ต้องแจ้งให้คุณหนูทราบว่า... รถยนต์ของคุณพ่อคุณหนูเกิดอุบัติเหตุลื่นตกลงไปในหุบเหว และคุณพ่อคุณแม่ของคุณหนู... ท่านเสียชีวิตแล้วครับ”

“ว่าอย่างไรนะคะ!” ร่างโปร่งบางอ่อนเปลี้ยจนต้องยันตัวกับโต๊ะวางโทรศัพท์ “คุณกำลังโกหกดิฉันใช่ไหมคะ?”

“คุณหนู!” แจ่มรีบวิ่งเข้ามาใกล้ร่างของเจ้านาย ก่อนจะใจหายวาบเมื่อมองเห็นใบหน้าซีดเผือดและร่างสั่นน้อยๆ “มีอะไรหรือคะคุณหนู คุณหนูคะ!”

น้ำเสียงปลายสายอึกอักคล้ายลำบากใจ หากก็เอ่ยต่อ “ต้องขอแสดงความเสียใจด้วยครับ...”

“ไม่จริง!... คุณกำลังโกหกดิฉัน คุณล้อดิฉันเล่นใช่ไหมคะ พี่ดนัยบอกให้คุณล้อดิฉันเล่นอย่างนี้หรือคะ”

“ดนัย... คุณหมายถึงพันตำรวจตรีดนัย นฤมาศบดีหรือเปล่าครับ เอ่อ... สารวัตรดนัย... ก็เสียชีวิตด้วยครับ... ฮัลโหล ฮัลโหล! คุณหนูครับ!...”

รุจิรดาไม่ได้รับรู้ว่าแจ่มวิ่งเข้ามาประคองร่างของเธอเมื่อใด ดวงตาพร่าพรายด้วยหยาดน้ำใสนั้นพร่ามัวเกินกว่าจะมองเห็นใบหน้าใด มือไม้เย็นเฉียบไร้เรี่ยวแรงประคองร่างตัวเอง ได้แต่ปล่อยให้แจ่มพยุงด้วยความทุลักทุเล หูของหญิงสาวแว่วเสียงเรียกมาจากที่ไกลๆ...

...คุณพ่อ... คุณแม่... พี่ดนัย

โลกของรุจิรดาพลันมืดลงพร้อมๆ กับร่างบางที่พับลงในอ้อมแขนของแจ่มที่ร้องเรียกคนช่วยอย่างตื่นตระหนก




ปณัชญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ต.ค. 2555, 02:45:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ต.ค. 2555, 02:45:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 5576





   บทที่ 1 [2/1] >>
ใบบัวน่ารัก 15 ต.ค. 2555, 06:45:04 น.
ทำไม๊ทำไม ชอบฆ่าพ่อแม่กันจริง ห่ะ
ให้อยู่คนเดียว แล้วก็เจอแย่งสมบัติกัน
เฮ่อ สงสารม๊ากๆๆๆๆ


phakarat 17 ต.ค. 2555, 10:08:49 น.
ตกใจเศร้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account