ตำแยกิ่งเพชร (รีไรท์)
“ถามจริง ...คุณมีอำนาจตัดสินใจให้ฉันอยู่หรือไม่อยู่บ้านหลังนี้ได้ด้วยหรือ” ใบหยกมองเขาอย่างขอคำตอบ
“เธอ!” ดวงหน้าขาวจัดซับสีแดงเข้ม ดวงตาคมเกิดประกายวาววับ
“โอ๊ย เรียกเธอๆ อยู่นั่นแหละ ใบหยกค่ะ ใบหยก แหม คงคิดว่าฉันไม่รู้ละซี คุณให้ฝ่ายบุคคลไปคุ้ยขยะหาใบสมัครฉันมาดูโคตรเหง้าศักราชไม่ใช่เหรอ ...พออย่างนี้ทำเป็นลืม ชิ” ใบหยกมั่นใจว่าคำพูดตนจะทำให้เขาออกอาการฟาดงวงฟาดงา อาจถึงขั้นพุ่งเข้ามาบีบคอ หรือไม่ก็จับหล่อนทุ่มลงบนพื้นถนนให้เนื้อตัวถลอกปลอกเปิก
ทว่าคิดคาด!!
เพชรเอกเป่าลมพรูออกจากริมฝีปากบางเฉียบ มองดวงหน้าสวยที่มีคราบเหงื่ออย่างนึกขัน
“รู้อะไรไหม? ฉันว่าชื่อ ‘ใบหยก’ มันสูงเกินค่าตัวเธอไปมั้ง” ชายหนุ่มกลั้วเสียงหัวเราะในลำคอ ยั่วใจหญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งให้ดิ้นเป็นเจ้าเข้า
“อีตาบ้า! แล้วคุณล่ะ ‘เพชรเอก รัตนทองธาร’ อย่างนั้นหรือ...ตาย อันที่จริงชื่อกระบองเพชร น่าจะเหมาะกว่า หนามพิษแหลมๆ ยุบยั่บ เต็มตัวขนาดนั้น!” ใบหยกค้อนขวับใส่ชายหนุ่มรูปงามปานเทพบุตร หากจิตใจเย็นชาเหมือนถูกจับแช่แข็ง!!
“เฮ้ย! นี่คิดว่าฉันเป็นเพื่อนเล่นหรือไง พูดให้ดีๆ หน่อย” เขาทำตาวาว วางมาดข่มขวัญ แต่วินาทีนี้มันไม่ได้ผล “ประทานโทษค่ะ น้องสะใภ้กะโหลกกะลาก็อย่างนี้ พี่สามีอย่างคุณคงรับไม่ได้”หญิงสาวแต่งตั้งตัวเองเป็นสะใภ้เล็กตระกูลรัตนทองธารเสร็จสรรพ
“เฮอะ…คนอย่างเธอถึงจับใส่ตะกร้าล้างน้ำ ชุบตัวให้ดีแค่ไหน ดูยังไงก็ไม่ใช่ ‘ใบหยก’ คงเป็นได้แค่ ‘ใบตำแย’!” ถึงเจ้านายจะยกเธอเป็นเมีย...แต่อย่าคิดว่า ฉันจะยอมรับเธอในฐานะน้องสะใภ้ ให้ตายสิ...สิบแปดมงกุฎอย่างเธอ แม้แต่เด็กอมมือยังดูออก!”
หญิงสาวหน้าแดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้า อยากเข้าไปทุบตีเขาให้หายแค้น หากสติยังพอมี จึงนับหนึ่งล่วงพ้นจนถึงสิบ แต่คงนานไปหน่อย เขาเลยฉวยโอกาสหยันกลับมาให้หล่อนหน้าชา
“อย่าคิดว่าบีบน้ำตาแล้วฉันจะใจอ่อน ไม่ได้ผลหรอก”
“โรคจิต!!”
“หา เธอว่าใคร”
“ว่าคุณไง เป็นอะไรมากหรือเปล่า พ่อไม่รัก หรือว่ามีปมด้อยตอนเด็ก ถึงได้ปากเปราะ ชอบดูถูกคนอื่นนัก ถามจริง เหงามากมั้ย เหนื่อยหรือเปล่าที่ต้องเก๊กหน้าเหม็นเบื่อโลก แอนตี้สังคมตลอดปี ตลอดชาติ!”
เพชรเอกหลุดสบถคำหยาบออกมา สาวเท้าชิดร่างทรงเสน่ห์
“ฉันมองเธอผิดจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะร้ายกาจ น่าขยะแขยง อย่างนี้”
“ห้วย! มองผิดก็มองใหม่ซี คะ รับรองต่อแต่นี้ไป คุณมีเวลามองฉันตาละห้อยยาวนานชั่วชีวิตเลยละ”

Tags: เขมปัณณ์

ตอน: บทที่ ๑.๑ อดีต

บทที่ ๑.๑

อดีต

ใบหยกเด็กหญิงผิวเข้มยืนลังเลตรงหน้าประตู ความกลัวจู่โจมเข้าใส่อย่างฉับพลัน ด้วยทราบดีว่าเรือนหลังนี้เป็นของคุณช่อแก้ว ดังนั้นคนที่อาศัยบ้านเช่าท้ายตลาดคุ้มกะลาหัวจึงไม่ควรเข้ามาเพ่นพ่านแถวนี้!!

“หยกรออยู่ตรงนี้ดีกว่า เจ้านายเข้าไปคนเดียวเถอะ” ใบหยกบอกลูกเจ้าของบ้าน พลางเหลียวซ้ายแลขวาหวั่นหวาดว่าจะมีใครมาพบเข้า

เมื่อก่อนเด็กหญิงเข้ามาด้านหลังบ้าน นั่งเล่นดูโทรทัศน์กับเด็กในครัวแบ่งปันขนมกินกันเป็นประจำ ได้เจ้าภาพอย่างมีบริบูรณ์คอยอำนวยความสะดวก แต่หลังจากเขาย้ายไปเรียนในตัวจังหวัด ภาพนั้นค่อยๆ เลือนหายไป อีกทั้งมารดาเด็กชายสั่งห้ามไม่ให้ลูกหลานคนในบ้าน และเด็กท้ายตลาดเข้ามายุ่มย่ามในเรือนหลังนี้

“ถ้างั้นรออยู่นี่นะ อย่าหนีกลับก่อนละ” เด็กชายยิ้มกว้าง ยื่นถุงให้เพื่อนถือไว้ ใบหยกมองขนมในถุงแล้วน้ำลายสอ กลิ่นหอมลอยเข้าจมูก ตั้งแต่เที่ยงยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง เพราะแม่ยังไม่กลับจากช่วยงานที่ร้านอาหาร เลยต้องหิวท้องรออย่างนี้

เด็กหญิงมองขนมถ้วยฟูกับขนมชั้นอย่างชั่งใจ พลางชะเง้อมองหาเพื่อน แต่ไม่เห็นเขากลับออกมาเสียที ความหิว จนร้องจ๊อกๆ ทำให้เผลอหยิบขนมในถุงเข้าปาก ใบหยกกลืนมันลงคออย่างรวดเร็ว หากไม่ทันได้หยิบอีกชิ้น เสียงห้าวใหญ่ก็ดังขัดจังหวะ

“เฮ้ย…ใครน่ะ!”

เด็กหญิงตกใจเผลอทำถุงขนมหลุดมือ ครั้นร่างสูงเผยต่อหน้า ความกลัวยิ่งทำให้แข้งขาอ่อน

“ฉันถามว่าใคร…” เสียงตวาดดังซ้ำ พร้อมการปรากฏตัวของร่างสูงเก้งก้าง เขาเป็นเด็กหนุ่มผิวขาว ดูคล้ายมีบริบูรณ์อยู่มาก ผิดแต่ทำหน้าบึ้งตึง และแสดงอาการดุกร้าวเกินวัย

“เอ่อ ฉันรอเจ้านาย จะออกไปเดี๋ยวนี้ละจ๊ะ” เด็กหญิงตอบ ยืนตัวลีบติดผนัง

เขามองใบหยกอย่างจับผิด ทั้งเสื้อผ้าที่สวมใส่ ผมยาวพันกันยุ่งเหยิง ดูยังไงก็ไม่น่าไว้ใจ

“เป็นขโมยหรือเปล่า” เขาชี้ไปถุงขนมซึ่งตกอยู่บนพื้น มองเลยถึงเศษขนมชั้นที่ติดข้างแก้มเด็กหญิง เลยคะเนว่าอีกฝ่ายคงหิว เลยย่องเข้ามาค้นของกินในครัว

ใบหยกส่ายหน้าเร็วแรง มองเด็กหนุ่มอย่างขอร้อง ครั้นเห็นคิ้วเขาขมวดมุ่น สมองน้อยๆ เดาออกว่า แก้ตัวอย่างไรเขาคงไม่เชื่อ สองขาไวเท่าความคิด เด็กหญิงวิ่งปรู๊ดไปทางหลังบ้าน ตัวที่เล็กและบางกว่าเลยรอดพุ่มไม้ออกไปได้พอดี ผิดกับเขาต้องกระโดดอ้อมอีกทาง แต่ขาซึ่งอ่อนแรงของใบหยกพลาดไปสะดุดกระถางต้นไม้เข้า ร่างเล็กจึงเสียหลักล้ม

“วิ่งหนีแบบนี้ มาขโมยของใช่มั้ย” น้ำเสียงคุกคาม มือยาวของเด็กหนุ่มตะปบคอเสื้อใบหยก เขาดึงร่างเล็กให้ทรงตัวขึ้น “ไม่ใช่ ฉันเป็นเพื่อนเจ้านาย ปล่อยซี” เด็กหญิงละล่ำละลักบอก ดวงตาเริ่มแดงด้วยความตระหนก

“หน็อยแน่ะ อย่ามามั่วนิ่ม เจ้านายไม่เล่นกับเด็กผู้หญิงตัวเหม็นหรอก อย่าโกหก นังเด็กหัวขโมย!” เขาชี้หน้าคาดโทษ พยายามผลักเด็กหญิงเดินกลับเข้าไปในบ้าน

“ปล่อยไอ้บ้า จับฉันไว้ทำไม” ใบหยกดิ้นปัดไปมา อีกฝ่ายก็ยิ่งออกแรงผลักให้เดินไปข้างหน้า เมื่อจวนตัวเด็กหญิงจึงลับตาลงเขี้ยวฝังรอยบนแขนยาวๆ เด็กหนุ่มสะบัดแขนหนีสุดชีวิต เกิดรอยแดงช้ำเป็นจ้ำสร้างความปวดหนึบให้เขา “ยัยเด็กบ้า! เจอกันอีก เธอตายแน่!”

ร่างเล็กร้องไห้โฮวิ่งออกไปทางหลังบ้าน เด็กหนุ่มไม่คิดจะวิ่งตาม ใจเขาจดจ่อกับเรื่องราวในห้องรับแขก ใครบางคนกำลังวางแผนร้าย คิดจะตัดหางเขาปล่อยวัด!!


................................................................................


ภายในห้องรับแขกซึ่งโอ่อ่าตบแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สัก บางส่วนนำเข้าจากต่างประเทศฝั่งตะวันออก ล้วนจัดวางอย่างลงตัว ดูเก๋ไก๋มีรสนิยม เรือนหลังนี้ต่อเติมจากเรือนเก่า ในอดีตต้นตระกูลทำธุรกิจค้าข้าวมีชื่อเสียงแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กระทั่งช่อแก้วลูกสาวคนเล็กแต่งงานกับอนันต์หนุ่มใหญ่ผู้ซึ่งบิดามารดาแนะนำให้ กิจการของครอบครัวก็รุดหน้าเติบโตแบบก้าวกระโดด

เด็กชายผิวขาวค่อยๆ ย่องเข้ามาในห้อง เขาแอบตามมุมเครื่องเรือน พอสบโอกาสก็ยื่นมือยาวหยิบกล่องเหล็กที่วางบนหลังตู้ ช่อแก้วเห็นลูกชายทำลับๆ ล่อๆ เลยเอ่ยทัก

“จะไปเล่นที่ไหนเจ้านาย จวนจะค่ำแล้วนะ” คนเป็นแม่ถามอย่างเอ็นดู

“แถวนี้ละฮะ” เขาก้มหน้างุดมองพื้นสลับกระเป๋าผ้าที่คว้าเอามาคล้องคอ

“ตอนเย็นคุณพ่อจะพาออกไปดูหนัง รีบกลับมาอาบน้ำนะเจ้านาย รู้ไหม”

เด็กชายพยักหน้ารับ ยกปลายเท้าขึ้นเตรียมวิ่งแจ้นออกไป

“หนูเจ้านาย ขนมชั้นกับถ้วยฟูที่น้าจัดใส่จานไว้ให้ทานหรือยังลูก” อรพินท์ถามอย่างใส่ใจ แต่เด็กชายไม่ทันตอบ เขาโกยอ้าวจากไปอย่างว่องไว

อรพินท์ส่ายหน้าน้อยๆ มองพี่สาวที่เรียกอีกฝ่ายอย่างให้เกียรติว่า ‘คุณแก้ว’ ด้วยความเป็นห่วง

“…อย่าหาว่าอรพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องเลยนะ ตะกี้เห็นเด็กผู้หญิงตัวมอมๆ มาเกาะรั้วร้องหาหนูเจ้านายด้วย ดีนะที่อรไล่ไปเสียก่อน” อรพินท์เอ่ยถึงใบหยก ซึ่งคุ้นหน้าอยู่บ้างเพราะสไบงามมารดาเด็กหญิงเป็นเพื่อนวัยเดียวกันกับเธอ

“คงเป็นเพื่อนตาหนูนั่นแหละ เด็กๆ บ้านเช่าท้ายตลาด พี่ห้ามไว้แล้ว ไม่มีใครปล่อยลูกเล่นถึงนี้หรอก”

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะทางที่ดีอย่าให้ตาหนูออกไปไกลๆ เลย หมู่นี้ยิ่งมีข่าวรถตู้ขโมยเด็กด้วย” อรพินท์กล่าวถึงข่าวสะเทือนขวัญของจังหวัดใกล้เคียง

“เรื่องนี้พี่ก็ห่วงมาก ดีที่คุณอนันต์ให้ประทีปคอยดูแลตาหนู คอยรับส่ง เป็นหูเป็นตาให้ตลอด” ช่อแก้วเอ่ยถึงคนติดตามของสามีซึ่งไว้ใจให้ดูแลมีบริบูรณ์ตั้งแต่เด็ก

“อย่าไว้ใจคนอื่นให้มาก ประทีปเองมาจากบ้านเมียเก่าคุณอนันต์ คุณแก้วก็รู้ คนบ้านนั้น มือถือสากปากถือศีล!”

ช่อแก้วได้ยินแล้วต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ อรพินท์มักแขวะคนอื่นเสมอ เพื่อยกตนให้เลิศเลอ คนที่เธอพยายามเปรียบเทียบคือพิกุลทองอดีตภรรยาอนันต์ ทั้งที่อรพินท์ไม่ได้ดีไปกว่าใคร เธอออกจากบ้านตั้งแต่ยังสาวเพราะเชื่อใจหนุ่มต่างถิ่น แต่พอประสบปัญหาระหองระแหงกับสามี เงินทองขาดมือ ก็บ่ายหน้ากลับมาขอหยิบยื่นช่อแก้ว กระทั่งมีเหตุต้องเลิกรากันไป

“แต่เรื่องจบอย่างนี้นับว่าดีแล้ว นี่ไม่ได้หมายความว่า อรใจร้าย ใจดำกับเมียเก่าคุณอนันต์หรอกนะ ไปอยู่คนละโลก ถือว่าหมดเคราะห์พ้นกรรม ไม่อย่างนั้นคงตามราวีไม่จบสิ้น จำได้ไหมตอนงานแต่งคุณแก้ว ฝ่ายนั้นมาพังข้าวของถึงบ้านเรา ขายขี้หน้าจนแทบต้องเอาปี๊บคลุมหัว”

ช่อแก้วเป่าลมหายใจออกมาพรูใหญ่ สะท้อนใจเรื่องภรรยาเก่าสามีที่ตัดสินใจจบชีวิตตนด้วยการฆ่าตัวตาย ทิ้งเพชรเอกซึ่งกำลังโตเป็นหนุ่มเคว้งคว้าง แม้จะมีญาติผู้ใหญ่ซึ่งอาศัยในบริเวณละแวกบ้านเดียวกันคอยดูแล แต่เขาติดพิกุลทองแจ ยึดแม่เป็นที่พึ่งตั้งแต่ไหนแต่ไร

“คิดแล้วน่าสงสาร ผู้หญิงเราเป็นเสียอย่างนี้ รักคนอื่นมากจนไม่เหลือความรักให้ตัวเอง” ช่อแก้วนึกถึงภาพพิกุลทองในโรงพยาบาล เธออาการเครียดจัดเดี๋ยวคุ้มดีคุ้มร้าย คุณอนันต์เป็นญาติห่างๆ ของพิกุลทอง มีศักดิ์เป็นอา แม้จะเป็นสายเลือดที่ไม่แท้ เพราะอนันต์เป็นลูกสามีคนแรกของมารดาก่อนที่ท่านจะมาแต่งงานใหม่ กระนั้นผู้ใหญ่ก็ไม่เห็นด้วย พยายามหาทางแยกทั้งคู่ให้ห่างกัน

ทว่าความรักเมื่อเกิดขึ้น ก็อยากจะถ่ายถอน ทั้งคู่ตัดสินใจไปใช้ชีวิตต่างประเทศ หลังจากคุณอนันต์ได้ทุนไปศึกษาต่อ เขามุมานะกระทั่งเรียนจบได้ทำงานบริษัทใหญ่โต พอมีเงินทุนมากจึงกลับมาทำธุรกิจต่อในเมืองไทย ซึ่งตอนนั้นความบาดหมางใจของครอบครัวดีขึ้นมากแล้ว

แต่ในช่วงที่อยู่ต่างประเทศ ในขณะที่กำลังตั้งครรภ์นั้น พิกุลทองมีความซึมเศร้าอย่างแรงส่งผลให้เธอป่วยทางจิต สิ่งนี้ได้กลายเป็นปัญหาที่ค่อยๆ ขยายวงกว้าง กระทบทั้งงานของอนันต์และครอบครัว สุดท้ายชีวิตรักจึงจบลงโดยโศกนาฏกรรม

“แต่อรว่า คุณแก้วโชคดีกว่าผู้หญิงหลายคนมาก มีสามีทั้งรักทั้งหลงขนาดนี้”

“พี่ก็ขอให้เป็นอย่างนี้ตลอดไป ที่ผ่านมาคุณอนันต์ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง ถึงจะมีผู้หญิงเสนอตัวเข้ามาตลอด แต่เขาให้เกียรติพี่เสมอ ” ช่อแก้วยิ้มอย่างสุขใจเมื่อคิดถึงข้อดีของสามี

“มันควรจะเป็นอย่างนั้นละค่ะ ในเมื่อครอบครัวเรา ช่วยให้กิจการเขาขยายใหญ่โตได้ขนาดนี้ แล้วที่คุณแก้วตัดสินใจไปอยู่ที่นู้นก็ถือว่าดีที่สุด เพราะของที่ควรเป็นของเราจะได้ไม่ตกไปถึงมือคนอื่น!”

“เฮ้อ พูดถึงเรื่องทรัพย์สิน ของพิกุลทอง พี่ยิ่งเครียด อย่างไรเสียคุณอนันต์เป็นญาติฝ่ายนั้น จะตัดยังไงก็คงไม่ขาด แม้จะแบ่งหลายส่วนอย่างยุติธรรมแล้ว แต่พี่ก็ไม่สบายใจ โดยเฉพาะเรื่องหนูเพชรเอก...” ช่อแก้วนึกถึงลูกชายพิกุลทอง ซึ่งตอนนี้เธออยู่ในฐานะแม่เลี้ยงเขา

“ไม่เห็นจะยาก ลูกเมียเก่าก็ให้ตายาย เลี้ยงไปซี ฝ่ายนั้นร่ำรวยอยู่พอตัว มีที่ดินตั้งมากมาย”

“พูดอะไรอย่างนั้น เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้า มันจะไม่ดี” ช่อแก้วชักสีหน้าไม่พอใจ

“บอกตามตรง เด็กคนนี้เลี้ยงไปมีแต่จะเสียข้าวสุก อรเห็นนะ แววมันออกมาแต่ไหนแต่ไร ขณะแม่มันตาย น้ำตาสักหยดก็ยังไม่มี แล้วนี่คงอิจฉาน้อง ถึงได้ตามติดคุณอนันต์มาถึงนี่ ใจกล้ามาเหยียบถึงบ้านคุณแก้ว”

“…เด็กขาดแม่ไปคนนึง คงหวังพึ่งพ่อนั่นแหละ น่าสงสารออก อีกไม่กี่เดือน จะไปอยู่โรงเรียนประจำแล้ว”

“ก็ดี คุณแก้วส่งไปเรียนโรงเรียนประจำดัดสันดานเกเรเสีย!” พูดจบหางตาอรพินท์ก็เห็นร่างสูงเก้งก้างโผล่เข้ามาอย่างไม่ให้สุ่มให้เสียง
“อุ้ย หนูเพชร มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ” ช่อแก้วยกมือทาบอก ตกใจไม่แพ้น้องสาว

เด็กหนุ่มที่ถูกเรียกว่า ‘หนูเพชร’ เบะปาก ไม่ชอบใจที่ถูกเรียกอย่างนั้น เขามองตาขวางไปยังอรพินท์ เอ่ยเสียงหนักถามผู้ใหญ่ทั้งสองคนว่า “พ่อให้เจ้านายไปหา พวกคุณเห็นมันมั้ย”

“ต๊าย ไอ้เด็กผีเนี่ย พูดจาไม่มีหางเสียง เห็นแล้วเหนื่อยใจแทนคุณแก้วจริงๆ ต้องเลี้ยงลูกเสือ ลูกจระเข้อย่างนี้”
ช่อแก้วส่ายหน้าน้อยๆ ให้น้องสาว ตอบเด็กหนุ่มเสียงเรียบว่า

“คงวิ่งเล่นอยู่แถวนี้ละ หนูเพชร ออกไปดูให้แม่หน่อยเป็นไร…” เธอบอกลูกเลี้ยง

“ตายละ ไปพูดดีกับมันทำไมคุณแก้ว ดูสิยืนค้ำหัวผู้ใหญ่แบบนี้ ใช้ได้ที่ไหน”

“อร…จะโมโหไปทำไมกัน หนูเพชรเขากำลังโตเป็นหนุ่ม อารมณ์ก็ฉุนเฉียวเป็นธรรมดา”

“อูย แม่เลี้ยงใจพระเหลือเกิน คอยแก้ตัวให้มันอยู่เรื่อย สักวันเถอะคนที่จะปวดหัวคงไม่พ้นคุณแก้วนั่นแหละ”

“ให้วันนั้นมาถึงเสียก่อน ค่อยคิดหาทางแก้ก็ยังไม่สาย” ช่อแก้วมองตามหลังเด็กหนุ่มซึ่งหุนหันออกไปจากห้อง

“ก็รู้ๆ เชื้อแม่มันแรงจะตาย ไหนจะมีญาติคอยเสี้ยมสอนอีก ให้ดีคุณแก้วต้องกันมันออกห่างจากคุณอนันต์เลยนะ อย่าให้เข้าใกล้เชียว ฝ่ายนู้นคงสั่งให้มาตามประจบสิท่า” อรพินท์พูดอย่างคนมองเห็นแผนร้ายฝ่ายอดีตภรรยาเก่าอนันต์

ช่อแก้วหลับตา จมลึกสู่ความคิดก้นบึ้งในใจ

อนาคตข้างหน้าจะเป็นเช่นไรไม่อาจคาดเดา แต่เธอตั้งใจแล้วว่า มีบริบูรณ์จะต้องเป็นผู้ครอบครองทุกสิ่งที่เป็นของสามี ไม่ใช่เด็กกำพร้ามารดาและเป็นหมาหัวเน่าอย่างเพชรเอก!







เขมปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ต.ค. 2555, 07:40:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ก.ค. 2556, 16:13:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 1524





<< บทนำ    บทที่ ๑.๒ >>
pattisa 22 ต.ค. 2555, 17:54:46 น.
พระเอกนิสัยไม่ดี


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account