มนตรากระดังงา
นางพริมา กีรติอนันต์ พัฒนภิรมย์ กับ นายภัทร์ พัฒนภิรมย์ คู่สามีภรรยาที่ครองรักกันมากว่า 6 ปี และมีพยานรักเป็นเด็กชายน่ารัก 2 คน ต้องจบชีวิตคู่ที่เริ่มจากรั้วมหาวิทยาลัยลงเพราะฝ่ายชายไปมีเมียน้อยซึ่งกำลังจะมีลูกสาวด้วยกัน หญิงสาวยอมหย่าให้และยอมเป็นแม่หม้ายในวัยเพียง 30 ปี ชีวิตคู่ที่พังทลายกลับสร้างพริมาคนใหม่ให้แกร่งกว่าเดิม เธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวขึ้น กระดังงาลนไฟดอกนี้จึงกลายเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มทั้งหลาย รวมทั้งภัทร์ พัฒนภิรมย์ ที่เพิ่งสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของอดีตภรรยา จนทำให้ความรักที่เขาคิดว่าได้มอดเชื้อไปแล้วนั้นปะทุขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
รักครั้งใหม่กับคนเดิมจะสมหวังได้หรือไม่ เพราะฝ่ายชายก็มีครอบครัวใหม่แล้ว ส่วนฝ่ายหญิงก็มีชายหนุ่มมากมายมาเข้าแถวให้เลือก อานุภาพของความรักจะประสานรอยร้าวของหัวใจสองดวงให้กลับมาหลอมเป็นหนึ่งเดียวได้อีกครั้งหรือไม่ โปรดติดตาม......อาทิตา

Tags: รักร้าว มีเมียน้อย คืนดี

ตอน: ตอนที่ 14 ครบ 100% แล้วค่ะ

2 สัปดาห์ต่อมา

แม้จะต่างที่ต่างวาระกันแต่เพราะเป็นข่าวที่กำลังมาแรงแซงข่าวอื่น ๆ ทุก ๆ คนจึงให้ความสนใจเป็นพิเศษ บางคนก็สนใจเพราะเป็นห่วงคนที่ตกเป็นข่าว ส่วนบางคนก็สนใจเพราะการได้รับรู้เรื่องราวของคนอื่นเป็นเรื่องที่สนุก ยิ่งได้เห็นคนอื่นล้ม คนอื่นทุกข์ ยิ่งสนุก ส่วนบางคนก็สนใจเพราะเป็นเรื่องของตนเอง

‘ลือกันให้หึ่งวงการธนาคารว่า คู่รักเคยหวานแถมวิวาห์ดังร้อยล้าน ภัทร์และพริมา พัฒนภิรมย์ ได้ คอนเวิร์สทางใครทางมันอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จริงเท็จแค่ไหนจะรีบมาอัพเดตนะคะท่านผู้อ่าน’

ทันทีที่อ่านข่าวซุบซิบบนเว็บไซต์หนังสือพิมพ์จบ เปรมก็นึกขอบคุณอินเตอร์เน็ตที่สามารถย่อโลกทั้งใบให้เล็กลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มีทางได้รู้เลยว่าน้องสาวคนเดียวที่ได้แต่งงานกับลูกชายนายธนาคารใหญ่ไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว จะต้องจบชีวิตครอบครัวลงโดยไม่ได้ปรึกษากับใครเลยสักคน เนื่องจากตัวเขามาเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จึงได้พบรักกับเลย่าหมอสาวชาวอเมริกันในมหาวิทยาลัย ทั้งคู่เพิ่งแต่งงานกันได้เกือบ 2 ปีและเมื่อ 5 เดือนก่อนภรรยาชาวต่างชาติของเขาก็ให้กำเนิดลูกสาว หนูน้อยสองสัญชาติมีชื่อว่า แองเจล่า และมีชื่อไทยว่านางฟ้าตามที่คุณย่าเป็นคนตั้งให้ เพราะความที่เป็นหลานสาวคนแรก คุณย่าจึงชวนคุณปู่ที่เพิ่งเกษียณได้ไม่นานบินไปรับขวัญหลานถึงที่ อีกทั้งมารดาของเลย่าได้เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว คุณนายเปมิกาจึงปวารณาตัวเองเป็นทั้งพี่เลี้ยงให้หลานสาวและผู้ช่วยของคุณแม่มือใหม่ไปพร้อม ๆ กัน คุณนายและอดีตท่านผู้ว่าฯจึงย้ายไปพำนักอยู่กับครอบครัวของลูกชายได้เกือบครึ่งปีแล้ว แต่ก็ไม่เคยขาดการติดต่อกับลูกสาวและหลานชายทั้ง 2 สองที่เมืองไทยเลย ซึ่งทุกครั้งที่คุณนายเปมิกาโทรศัพท์มาพูดคุยพร้อมทั้งเล่าเรื่องของแม่หนูนางฟ้าให้อาปริมได้ฟัง ไม่เคยสักครั้งที่พริมาจะปริปากเล่าเรื่องของตนเองให้มารดาได้รับรู้หรือระแคะระคายเลย เปรมจึงรู้สึกตกใจมากที่มารับรู้เรื่องราวของน้องสาวโดยไม่ได้ให้ความช่วยเหลืออะไร คุณหมอด้านสมองอันดับต้น ๆ ของรัฐแคลิฟอร์เนียจึงรีบกดโทรศัพท์หาน้องสาวในทันที

“ปริม” เปรมเรียกชื่อน้องสาวในทันทีที่ปลายสายรับ

“ว่าไงคะพี่เปรม” พริมาตอบด้วยเสียงงัวเงีย แต่ก็พอจะเดาสาเหตุออกว่าทำไมพี่ชายถึงโทรมาหาเธอในยามวิกาลเช่นนี้ เมื่อเปรมเหลือบไปมองนาฬิกาบนโต๊ะทำงานเพราะเพิ่งฉุกคิดได้ว่าตัวเองขาดสติยั้งคิดขนาดหนัก เขามัวแต่ตกใจกับข่าวของน้องสาวจนลืมคิดไปว่าเวลาในเมืองไทยขณะนี้ คือ เวลาประมาณตี 3 เศษ ในขณะที่เมืองลอสแอนเจลลิสที่เขาตั้งรกรากอยู่นั้นเพิ่งจะบ่ายโมงกว่า ๆ เท่านั้น

“พี่ขอโทษที่โทรมาตอนนี้ หลับอยู่ล่ะสิ” เปรมถามปริมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ค่ะ แต่คุยได้ค่ะ” พริมาบอกด้วยความมั่นใจเพราะเธอคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าไม่ช้าไม่นานทางครอบครัวของเธอก็ต้องรับรู้การหย่าของเธอ

“ไม่คิดแม้แต่จะปรึกษาพี่เลยนะ” เปรมต่อว่าน้องสาวอย่างไม่อ้อมค้อม

“ปริมขอโทษค่ะ แต่ปริมคิดรอบคอบดีแล้วค่ะ ปริมไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะคะพี่เปรม ที่สำคัญพี่เปรมเคยเตือนปริมเรื่องความเจ้าชู้ของพี่โป๊ปแล้ว และพี่ก็เคยบอกกับปริมเองว่าปริมต้องยอมรับในสิ่งที่จะตามมาจากการตัดสินใจของปริม พี่เปรมจำได้ไหมคะ” พริมานึกย้อนไปถึงคำพูดของเปรมที่เคยเตือนเธอเมื่อตอนที่ตกลงคบกับภัทร์ใหม่ ๆ……

‘เอาเป็นว่า พี่อยากให้ปริมคิดให้ดี ๆ นะ รู้ทั้งรู้ว่าเขาเจ้าชู้ แล้วจะเอาหัวใจเราเข้าไปเสี่ยงทำไม ฮึ! ที่พี่พูดมาทั้งหมดนี่ก็เพราะว่าพี่เป็นห่วงเรานะ ไม่ได้อยากกีดกันอะไร ยังไงก็โต ๆ กันแล้ว และที่สำคัญหากเกิดอะไรขึ้นคนที่เจ็บก็คือปริม ไม่ใช่พี่’



‘ปริมยอมรับได้ถ้าต้องเจ็บ ดีกว่าต้องมาเสียใจทีหลังว่า....ไม่น่าฟังคนอื่นเลย’

‘งั้นก็ตามใจปริมแล้วกัน มีอะไรก็บอกพี่ได้เสมอ ถึงพี่เจ็บแทนปริมไม่ได้แต่ก็พร้อมที่จะซับน้ำตาให้’

พริมาไม่เคยคิดมาก่อนว่าสิ่งที่พี่ชายของเธอได้เคยเตือนเอาไว้นั้น จะเป็นจริงทุกประการ...เธอรู้ว่าถ้าเล่นกับไฟ จะร้อนและอาจบาดเจ็บ แต่เธอก็เลือกที่จะเล่นกับมัน และในวันนี้เธอก็เจ็บหนัก เธอจะมีหน้าไปบอกกับใครได้ ในเมื่อใคร ๆ ก็เคยเตือนเธอกันทั้งนั้น

“จ้าแม่คนเก่ง พี่ก็ลืมไปว่าไอ้ตอนแรกที่คบกัน พี่ก็รู้เรื่องเราจากคนอื่น” เปรมหมายถึงเพื่อนในสมัย ม . ปลายที่มาเล่าเรื่องการคบหากันของน้องสาวของเขากับเพลย์บอยประจำคณะเศรษฐศาสตร์ในตอนนั้น

“พอมาตอนเลิกก็มารับรู้จากข่าวออนไลน์เข้าไปอีก ถ้าไม่โดนคุณแม่บังคับให้หาเรื่องย่อละครให้ พี่คงไม่ได้มาเห็นข่าวซุบซิบพวกนี้ ปริม พี่ถามจริง ๆ เถอะ เรื่องใหญ่แบบนี้ไม่คิดจะบอกใครเลยเหรอ เก็บไว้คนเดียวตั้งนานสองนานได้ยังไง ฮะ”

“ปริมคุยกับพวกเพื่อน ๆ แทนน่ะค่ะ”

“ก็ยังดีที่มีคนคอยรับฟัง แล้วนี่ เราน่ะเป็นยังไงบ้าง ทำใจได้แล้วเหรอ” เปรมถามถึงความรู้สึกของน้องสาวตรง ๆ

“ก็ดีขึ้นแล้วค่ะ ทำใจมาได้สักพักแล้วค่ะ” พริมาบอกก่อนที่จะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้พี่ชายได้รับรู้

“จะบอกคุณพ่อกับคุณแม่เมื่อไรล่ะ” เปรมถามเมื่อฟังจบ

“เอ่อ.....ปริมคิดว่าจะให้พี่...” พริมาเอ่ยได้เพียงแค่นั้น เปรมก็สวนกลับมาทันทีว่า

“เรื่องของปริม ปริมบอกเองดีกว่า พร้อมเมื่อไรก็บอกพวกท่านเมื่อนั้น พี่ให้สิทธิ์ปริม”

“ขอบคุณค่ะ”

“แต่ต่อไปนี้ พี่ขอสั่งว่า ถ้ามีเรื่องอะไรอีกต้องโทรมาพูด มาบอกกับพี่บ้างนะ เราไม่ใช่ตัวคนเดียวนะปริม อย่างน้อยนอกจากลูกทั้ง 2 ปริมยังมีพี่ชายคนนี้อยู่อีกคน ปริมเจ็บ พี่ก็เจ็บนะ” พริมาน้ำตารื้นขึ้นมาเมื่อรับรู้แล้วว่าเธอยังมีคนที่รักเธออย่างจริงใจอยู่อีกคน ถึงแม้จะอยู่อีกซีกโลกหนึ่งก็ตาม

“ขอบคุณค่ะพี่เปรม” หลังจากนั้นพริมาก็เล่าให้เปรมฟังถึงข้อตกลงในการเลี้ยงดูลูกระหว่างเธอกับภัทร์ รวมถึงเรื่องที่เธอกำลังจะย้ายออกไปอยู่คอนโดในอีกไม่ช้า พี่ชายน้องสาวพูดคุยกันได้เกือบชั่วโมง และก่อนจะวางสายเปรมได้ย้ำกับพริมาอีกครั้งว่า

“พี่ พ่อและแม่รักปริมเสมอนะ พวกเราอยู่ข้างปริมเสมอนะ” พริมากล่าวลาเพียงสั้น ๆ เพราะไม่ต้องการให้พี่ชายได้ยินเสียงสะอื้นไห้......เสียงร้องไห้ที่คราวนี้น้ำตาเจ้ากรรมไหลออกมา เพราะความดีใจและตื้นตัน เธอดีใจเพราะเธอยังมี ‘รักแท้’ อยู่จริง

ส่วนเปรมเมื่อวางสายจากน้องสาวเพียงคนเดียวแล้ว เขาก็โทรศัพท์ไปหาเพื่อนซี้ ‘นายแพทย์คณิติน ศุภกิจ’ ในทันที และคราวนี้ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ากี่โมงกี่ยาม คุณหมอหนุ่มก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย



************************



ส่วนเมื่อช่วงบ่ายของวันเดียวกันนั้นที่สถาบันเสริมความงามแห่งหนึ่งบนห้างสรรพสินค้าใหญ่กลางกรุง วิภาวีที่ไปนั่งเสริมสวยพลางอ่านนิตยสารหัวนอกไส้ไทยฆ่าเวลาไปพลาง

‘เหยี่ยวข่าวที่ไปดักรอทำข่าวดาราดังชาย ที่ลือกันว่าจะแอบจูงมือดาราสาวรุ่นน้องหน้าใหม่ไปจดทะเบียนสมรสเงียบ ๆ เพราะฝ่ายหญิงเกิดป่องก่อนแต่งต่างต้องรอเก้อเพราะเจ้าตัวเปลี่ยนแผนกะทันหัน แต่โชคยังดีไม่ต้องเสียเที่ยวเพราะกลับได้ข่าวฮ็อตระดับไฮเอ็นของสังคมไฮโซมาแทน เมื่อนักข่าวของเราหันไปเห็นนายธนาคารใหญ่ ภัทร์ พัฒนภิรมย์ เดินลงมาจากเขตด้วยสีหน้าบึ้งตึงพร้อมทนายคู่ใจ คล้อยหลังไม่นานอดีตคนเคยรัก พริมา นามสกุลเดิม กีรติอนันต์ ก็เดินตามลงมาโดยใส่แว่นตาอันโตปิดบังใบหน้า และเป็นที่คอนเฟิร์มจากเจ้าหน้าที่ของเขตว่าทั้งคู่ได้มาจดทะเบียนหย่ากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อะไรที่เป็นสาเหตุให้คู่รักที่ไม่เคยมีข่าวร้าวฉานต้องแตกหักกันแบบนี้....ลัดดาวรรณขอเดาว่าคงไม่พ้นมือที่ 3 อย่างแน่นอน ใครจะช่วยฟันธงให้ลัดดาวรรณได้บ้างคะงานนี้’

หญิงสาวอ่านข่าวซ้ำไปมาอยู่หลายรอบ เพราะรู้สึกดีใจจนเนื้อเต้นที่ความหวังของเธอจะเป็นจริงเสียที ต่อไปนี้เธอก็ไม่ต้องถูกตราหน้าว่าเป็นเมียน้อยอีกแล้ว แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้ว่าทำไมภัทร์ไม่คิดจะบอกเรื่องสำคัญแบบนี้กับเธอเลย เขาหย่าจากพริมาตั้งเป็นอาทิตย์ ๆ แล้วแต่ยังปิดปากเงียบ ไม่บอกเธอสักคำ แต่เอาเถอะจะบอกด้วยตัวเองหรือรู้จากแหล่งข่าวอื่นก็ไม่สำคัญ หย่าก็คือหย่า เมื่อคิดได้วิภาวีจึงตัดความรำคาญออกไปได้ไม่ยาก สำหรับเธอการมีภัทร์อยู่ในชีวิตด้วยสำคัญที่สุด ไม่ใช่เพียงเพราะเขารวย แต่เพราะเธอหลงรักเขาเข้าแล้วจริง ๆ ต่างหาก ที่ผ่านมาตั้งแต่ได้เข้ามาทำงานใกล้ชิดกับเขา เธออาจจะเคยมองเขาที่รูปกายและทรัพย์สมบัติ แต่ด้วยความผูกพันและความห่วงใยที่เขามีให้ตั้งแต่เธอเริ่มตั้งครรภ์ ความรักที่เธอมีให้เขาก็ค่อย ๆ ถักทอเป็นสายใยขึ้นทีละเล็กทีละน้อย เธอแอบหวังอยู่ลึก ๆ ว่าสักวันหนึ่งเขาจะบอกรักให้เธอได้ยินสักครั้ง ยิ่งไม่มีนังเมียหลวงด้วยแล้ว คงอีกไม่นานที่เขาจะรับเธอเข้าไปแทนที่พริมาได้เต็มหัวใจ

ระหว่างที่กำลังนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่และฝันหวานอยู่นั้น วิภาวีก็บังเอิญได้ยินบทสนทนาของสตรีวัยกลางคนคู่หนึ่งที่นั่งทำเล็บห่างไปไม่ไกลนัก ทั้งสองกำลังพูดคุยถึงข่าวซุบซิบจากหน้าหนังสือพิมพ์ชื่อดังของไทย

‘ม่ายสาวอย่างเป็นทางการ พริมา กีรติอนันต์ คงกลับมาฮ็อตอีกครั้งได้ไม่ยาก เพราะหย่าปุ๊ปก็มีหนุ่ม ๆ ตามมาขายขนมจีบให้ปั๊ป จากอดีตคุณนายธนาคาร ในอนาคตจะเป็นคุณนายของท่านทูตหรือเปล่าคะ ที่แน่ ๆ งานนี้สาว ๆ แถวสถานทูตอังกฤษคงอกหักกันเป็นแถว’

“ต๊าย ตาย! รวดเร็วทันใจดีแท้ เลิกกะสามีเก่าปุ๊ปก็มีคนมาดามอกให้ทันที เสน่ห์เหลือร้ายจริง ๆ เธอว่าไหม” สตรีนางแรกที่กำลังนั่งให้พนักงานทำเล็บอยู่พูดขึ้นพลางหันหน้าไปหาเสียงสนับสนุน

“นั่นน่ะสิ แต่แหม! จากคุณนายธนาคารพันล้านมาเป็นแค่คุณนายของท่านทูตนี่ คนละเรื่องกันเลยนะคะ” สตรีอีกนางที่ถือหนังสือพิมพ์อยู่ในมือออกความเห็นบ้าง วิภาวีที่ทำทีว่ากำลังอ่านนิตยสารอยู่เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ

“คนละเรื่องยังไงคะคุณขวัญ” สตรีนางแรกถาม

“อ้าว! คุณเพ็ญก็ จากเมียเจ้าของธนาคาร มีเงินเป็นพันล้าน มาเป็นแค่เมียท่านทูตกินเงินเดือนข้าราชการไงละคะ ไม่ต่างกันเหรอคะ” ผู้หญิงที่ชื่อขวัญขยายความ

“แหม! ระดับนี้แล้ว เขาคงได้มาไม่น้อยจากการหย่าแล้วล่ะค่ะ คุณขวัญ” วิภาวีที่แอบฟังอยู่ทำตาลุกวาวอย่างไม่พอใจ

“เออ! จริงด้วยสิ ดิฉันก็ลืมไป สงสัยที่กว่าจะหย่ากันได้ก็คงไม่แคล้วเพราะเรื่องสมบัติทั้งหลาย ว่าไม่ได้นะคะเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ แบบนี้ ไหน ๆ ก็ต้องชื่อว่าเป็นม่ายแล้ว ต้องเอาให้คุ้ม” ทั้งสองคนยังคงสนุกปากกับเรื่องของคนอื่นอย่างไม่เกรงใจใคร

“ว่าไปก็อยากจะรู้นะคะว่านักการทูตคนนี้เป็นใคร นึกยังไง้ ถึงมาเอาแม่ม่ายมาประดับสถานทูต จะออกงานออกการระดับชาติได้เหรอคะ ถ้าเป็นลูกชายดิฉันล่ะก็ ไม่ยอมหรอกค่ะ สาว ๆ มีตั้งเยอะตั้งแยะ จะไปเอาของมือสองมาทำไม”

“นั่นนะสิคะ ดิฉันล่ะอยากจะเห็นหน้าท่านทูตคนนั้นจัง แต่ที่อยากรู้มากกว่าก็คือ ทำไมเขาถึงเลิกกันได้ ไม่เห็นเคยมีข่าวอะไรมาก่อนเลย เห็นแต่ออกงานคู่กันเป็นประจำ”

“นั่นสิ ในข่าวก็ไม่ได้บอกไว้เสียด้วย”

“แหม! จะมีเรื่องอะไรได้อีกละคะคุณนายขวัญคุณหญิงเพ็ญ ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนั้น สาว ๆ ที่ไหนก็พร้อมจะเสนอตัวให้ค่ะ” พนักงานทำเล็บของร้านเข้าร่วมวงสนทนาโดยไม่ต้องขออนุญาต เพราะเรื่องแบบนี้ใคร ๆ ก็ชอบฟัง

“วันก่อนหนูอ่านในนิตยสารน่ะค่ะ เขาบอกว่ามีมือที่สามชัวร์” หญิงสาวนั่งทำเล็บไปเล่าเรื่องไป

“งั้นก็ไม่แปลกใจเลย เพราะผู้ชายก็เคยขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าชู้มาก่อน พอเมียเผลอก็คงออกลายอีกตามเคย” คุณนายขวัญบอก

“เรื่องแบบนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังนะคะคุณขวัญ”

“แหม! คุณเพ็ญ รวยและหล่อระดับนั้น ไม่ต้องตบมือหรอกค่ะ แค่กระดิกนิ้วครั้งเดียว ก็วิ่งตามมาเป็นพรวนแล้ว ฮิๆๆ” พูดเสร็จสองสาวก็หัวเราะกันอย่างชอบใจ พนักงานเสริมสวยของร้านก็พลอยผสมโรงไปด้วย แต่คนที่ถูกเปรียบเปรยให้ ‘วิ่งตามมาเป็นพรวน’ หน้าเริ่มตึง

“คุณนายขวัญขา ยิ่งยุคนี้สมัยนี้ ใคร ๆ เขาก็อยากรวยทางลัดกันทั้งนั้นล่ะค่ะ อะไรทำแล้วได้เงินเร็ว รวยเร็ว ใคร ๆ ก็อยากทำ เขาไม่สนกันแล้วล่ะค่ะเรื่องศีลธรรมจรรโลงโลกน่ะ ไม่มีใครเขาแคร์กันแล้วว่าจะต้องพรากลูกพรากสามีใคร อะไรคว้าได้เขาก็ต้องคว้าไว้ก่อน เพราะปากท้องของตนเองต้องมาก่อนความถูกต้อง ศักดิ์ศรีความเป็นเมียหลวงของผู้ชายจน ๆ มันไม่ได้หอมหวานเหมือนกับการเป็นเมียน้อยของมหาเศรษฐีนะคะ” จากที่นั่งกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ วิภาวีก็ต้องเดือดปุด ๆ เมื่อถูกนินทาต่อหน้าแบบนี้ แต่ถึงจะโกรธก็ไม่มีประโยชน์เพราะสิ่งที่พวกหล่อนพูดอยู่นั้นล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น.....ใครไม่เคยจน ไม่เคยลำบากไม่มีทางรู้หรอกว่าชีวิตมันลำเค็ญขนาดไหน วิภาวีจึงหันไปสนใจนิตยสารในมือต่อแต่ก็ต้องชะงักเพราะประโยคต่อมาของหนี่งในกลุ่มนั้น

“ถูกของเธอ ผู้หญิงสมัยนี้น่ะคิดได้แค่ว่า ถ้ายังสาวยังสวยอยู่แล้วล่ะก็ ก็ต้องรีบโกยให้มากเข้าไว้ก่อน เอาไว้ตั้งหลักก่อนที่จะถูกเขี่ยทิ้งไงล่ะ ไม่ก็ต้องตุนเอาไว้เลี้ยงหนุ่ม ๆ ต่อไปในอนาคต เพราะไอ้หนุ่มๆ พวกนั้นน่ะมันเลี้ยงได้ด้วยเงินเท่านั้น เพราะอะไรรู้ไหมจ๊ะ เพราะไอ้หนุ่ม ๆ พวกนั้นมันก็จะหลอกเอาเงินเราไปเลี้ยงสาว ๆ เอ๊าะ ๆ ต่อไปอีกทอดไงล่ะ เรื่องแบบนี้น่ะมันเป็นกงกรรมกงเกวียน ฮ่าๆๆ” วิภาวีกัดฟันกรอดเพราะไม่อาจที่จะตอบโต้กลับไปได้

‘ไม่มีทางที่คนอย่างฉันจะถูกหลอกได้หรอกย่ะ อีพวกป้าปากมอม และที่สำคัญคนอย่างวิภาวีไม่มีวันที่จะถูกเขี่ยทิ้งเป็นอันขาด’



อาทิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ต.ค. 2555, 14:35:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ต.ค. 2555, 14:35:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 2218





<< ตอนที่ 14 (60% ค่ะ)   ตอนที่ 15.....40% >>
violette 17 ต.ค. 2555, 14:43:51 น.
ผู้หญิงที่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นมีเมียอยู่แล้วยังไปยั่วเค้าแถมยังปล่อยตัวเองท้องนี่ไม่น่าสงสารซักนิด
ไม่สามารถเอาข้ออ้างว่าตัวเองจน หรือมีปมใดๆมาใช้เพื่อแย่งสามีคนอื่นได้นะ
แม้จะอ้างว่าตบมือข้างเดียวไม่ดังก็เหอะ มันก็เลวทั้งผู้ชายและยัยเมียน้อยนั่นแหละ
ไม่อยากให้ปริมคืนดีเลยจริงๆ ตั้งแต่เปิดเรื่องมายังไม่เห็นความดีของนายโป๊ปเลยซักนิดเดียวจริงๆ


pretty 17 ต.ค. 2555, 15:30:28 น.
ยิ่งอ่าน ยิ่งเครียด เฮ้ออออออออ


น้องแสตมป์ 17 ต.ค. 2555, 18:32:47 น.
อยากให้เด็กในท้องไม่ใช่ลูกนายโป๊ป แต่ยัยเมียน้อยมาอ้างเพราะอยากจับมากกว่า สงสารปริมอ่ะ หัวอกเมีย ( ยังไม่มีคำต่อท้าย) เหมือนกัน


konhin 17 ต.ค. 2555, 21:01:31 น.
อยากจะเข้าใจ แต่ไม่มีวันเข้าใจ คนอยากได้ของคนอื่นก็หาเหตุผลมาแก้ตัวได้ทั้งนั้นแหล่ะ แต่ง่ายๆคือแย่งเขามาอยู่ดี ขอให้ไม่ได้ดีเถอะ เพี้ยงงงงงงง


tity 18 ต.ค. 2555, 16:15:16 น.
ดีและ พี่โป๊ปจะได้รู้สึกซะมั่ง เชอะ


poy 19 ต.ค. 2555, 10:35:53 น.
เศร้าได้ใจจริงๆๆเลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account