เพียงพบ(ภพ)รัก
ใครหลายคนอาจมองว่าสายฝนคือตัวแทนของความเศร้า แต่จะมีกี่คนรู้บ้างไหม ว่าในมุมหนึ่งของเรื่องราว ยังมีใครบางคนเฝ้ารอสายฝนอยู่
เฝ้ารอ...โดยไม่รู้ว่าฝนจะตกลงมาเมื่อไร
เฝ้ารอ...เพื่อจะได้เห็นสายฝนพรำ
และเฝ้ารอคอยความรักจากใครสักคนที่อยู่ห่างออกไปแสนไกล...

Tags: รักซึ้ง พิมพ์อัปสร เตชน์ ภพรัก พบรัก

ตอน: บทที่ 1/2 ผู้ชายในสายฝน (จบตอน)

มาต่อแล้วค่า เรื่องนี้ปมปริศนาเยอะเป็นพิเศษ อย่าเพิ่งเบื่อกันเน้อ ^^


เธอไปแล้ว... เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เตชน์นึกสมเพชตัวเองขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หลังจากนั้นมาชายหนุ่มก็อาศัยอยู่ภายในบ้านตัวเองเพียงลำพัง เกือบเดือนมาแล้วที่จิรัสยาลากกระเป๋าออกจากบ้านไป เขาไม่ได้พบหน้าภรรยาอีกเลย รู้แต่เพียงว่าข้าวของและเฟอร์นิเจอร์หลายชิ้นภายในบ้านหายไป เตชน์ไม่เคยนึกโทษภรรยา เขารู้ว่าผู้หญิงติดหรูอย่างจิรัสยาไม่อาจยอมรับชีวิตตกอับได้ ดังนั้นเขาจึงทำใจยอมรับการเลิกราครั้งนี้อย่างสงบ

เสียงเพลงจากโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงดังขึ้นขณะเขากำลังแพ็คกล่องกระดาษใบสุดท้ายเสร็จ ชายหนุ่มกดรับสายทันทีเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

“ว่าไงเตชน์ เก็บของหมดแล้วเหรอ” เสียงของธนชัย เพื่อนรักตั้งแต่สมัยเรียนโทรศัพท์มาถามเขา

“อืม แล้วนายล่ะ อยู่ไหน”

“กำลังขับเข้าไปพร้อมกับรถบรรทุก”

ไม่นานนัก รถยนต์ของธนชัยพร้อมกับรถบรรทุกคันไม่ใหญ่นักก็ขับมาจอดหน้าบ้านเขา สองหนุ่มช่วยกันขนของภายในบ้านที่เหลืออยู่ขึ้นรถบรรทุกโดยมีคนงานอีกสองคนเป็นลูกมือ

“ทำไมของบ้านนายน้อยจัง” ธนชัยขมวดคิ้วด้วยความสงสัย จำได้ว่าครั้งก่อนที่เคยมาเยี่ยมบ้านเพื่อน เฟอร์นิเจอร์ในบ้านหลังนี้ยังใหม่และมีอยู่มากชิ้นกว่านี้

“จีจี้ให้คนมาขนของส่วนหนึ่งไปก่อนหน้านี้แล้ว”

เพราะอีกฝ่ายเป็นเพื่อนรัก เตชน์จึงตอบกลับไปอย่างไม่คิดปิดบัง ฟากธนชัยเองก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ส่ายหน้ากับพฤติกรรมของผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาเพื่อน

“ฉันว่าดีแล้วล่ะที่นายเลิกกับผู้หญิงคนนี้ได้ ทั้งๆที่รู้ว่านายกำลังลำบาก แต่กลับชิ่งหนีไป แถมยังเอาทั้งรถยนต์ ทั้งทรัพย์สินมีค่าไปอีก แบบนี้เนี่ยนะคนได้ชื่อว่าเป็นภรรยา เป็นคู่ชีวิต”

“ช่างเขาเถอะ ชีวิตก็ต้องมีทั้งขึ้นทั้งลง ชีวิตฉันตอนนี้คงอยู่ในช่วงขาลงล่ะมั้ง” เตชน์บอกอย่างคนเริ่มทำใจมาได้พักใหญ่

ชายหนุ่มกวาดตามองบ้านอันว่างเปล่าของตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง แล้วจึงจัดการล็อคประตูบ้าน เดินมาขึ้นรถยนต์ของเพื่อน

“แล้วนายจะเอายังไงต่อไปกับชีวิต กลับไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ที่บ้านนาใช่ไหม”

เตชน์ยิ้มกับคำเรียกขานบ้านหลังใหม่ของเขา อันที่จริงคำพูดของธนชัยก็ไม่ผิดไปจากความเป็นจริงนัก เพราะนอกจากที่ดินว่างเปล่า มีเพียงโกดังสองชั้นไม่ใหญ่นักที่เขาเพิ่งใช้เงินก้อนสุดท้ายปรับปรุงไป โดยรอบของที่ดินย่านชานเมืองล้วนแต่เป็นท้องร่อง มีถนนลูกรังและนาข้าวปลูกอยู่เต็ม

เพราะบรรยากาศบ้านนอกแบบนั้นแหละ จิรัสยาจึงไม่คิดย้ายตามเขาไปอยู่บ้านนาด้วยกัน...

“อืม ต่อให้ล้มอีกครั้ง ฉันก็จะลุกขึ้นมาใหม่ให้ได้” ชายหนุ่มตอบเพื่อนกลับไปด้วยความมุ่งมั่น

หากถามว่าเขาท้อไหมกับการต้องย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้นที่แทบจะเรียกได้ว่าติดลบ ชายหนุ่มตอบได้ทันทีเลยว่าเขาท้อแท้มาก แม้จะขายบ้านไปแล้ว แต่หนี้สินค้างชำระกับธนาคารก็ยังมีอยู่ไม่น้อย ทำให้ไม่มีธนาคารใดยอมปล่อยเงินกู้ให้เขาอีก แต่ในยามยาก เตชน์ยังค้นพบแสงสว่างเล็กๆจากมิตรภาพของคำว่าเพื่อน ธนชัยเป็นเพื่อนคนแรกและคนเดียวที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขา เงินก้อนไม่ใหญ่นักที่หยิบยืมมาทำให้เขามีโอกาสลุกขึ้นสู้อีกครั้ง ชายหนุ่มจึงตั้งมั่นกับตัวเองว่า หากชีวิตยังมีลมหายใจ ต่อให้ท้อแท้เพียงใด เขาก็จะไม่มีวันถอยกลับหลัง

มือหนาของคนเป็นเพื่อนตบลงบนหัวไหล่ชายหนุ่มไม่เบานัก

“ฉันนับถือหัวใจนายว่ะ ย่ำแย่ขนาดนี้แต่กำลังใจยังเต็มเปี่ยม ฉันเชื่อว่าฟ้าหลังฝนต้องมาถึงสักวัน”



เสียงฟ้าร้องดังครืนครานอยู่ภายนอกคอนโดมิเนียม ไม่ได้ทำให้ผู้เป็นเจ้าของห้องนึกใส่ใจเท่าไรนัก นิ้วเรียวซึ่งประกอบไปด้วยเล็บสั้นกุดรัวลงไปบนแป้นพิมพ์ พร้อมกับสายตายังไม่ละไปจากหน้าจอเลยสักนิด ผ่านไปร่วมหลายชั่วโมงต่อมา หญิงสาวจึงยกนิ้วตัวเองขึ้นนวดบริเวณหัวตา เพื่อหวังคลายความเมื่อยล้ากับการนั่งเขียนโปรแกรมมาร่วมสิบชั่วโมง ตัวอักษรภาษาอังกฤษเป็นบรรทัดไล่เรียงรายลงมาตั้งแต่มุมบนจรดล่างสุดของจอคอมพิวเตอร์โปร่งแสง แลดูลายตา จนเธอจำต้องหลับตาทั้งสองข้างลง

“ท่าจะไม่เสร็จแหะ” พิมพ์อัปสรบ่นกับตัวเอง นึกอยากจะดันทุรังทำงานต่อไป แต่ร่างกายเธอก็เริ่มเกิดอาการรับไม่ไหว

สุดท้ายหญิงสาวเลยจำต้องวาดมือขึ้นเป็นวงกลมเพื่อปิดเครื่อง ลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อบิดกายคลายความเมื่อยล้าของการนั่งทำงานมาตลอดวัน ไม่นานนักเจ้าของร่างบางก็เดินตรงไปยังห้องน้ำ ตั้งใจจะอาศัยสายน้ำล้างความเหนื่อยอ่อน

เสื้อยืดและกางเกงยีนส์ขาสั้นถูกถอดออกไปกองไว้บนพื้นกระเบื้องขาว ร่างอ้อนแอ้นเปลือยเปล่าก้าวตรงมาหยุดลงหน้าอ่างล้างหน้า

ครืน... ครืน... เปรี้ยง! เสียงฟ้าผ่าดังลั่นเข้ามาถึงภายในห้องน้ำ พร้อมกับหลอดไฟนีออนบนเพดานห้องพลันดับวูบลง

“ว้าย!” เสียงหวานอุทานออกมาด้วยความตกใจ

ความมืดมิดรายล้อมอยู่รอบตัวทำให้เธอไม่อาจขยับกายไปไหนได้ หญิงสาวจึงได้แต่ยืนนิ่งจับขอบอ่างไว้ บ่นออกมาด้วยความโมโหแกมฉุน

“คนกำลังจะอาบน้ำ ดันไฟดับลงได้ เชื่อเลยจริงๆ” หญิงสาวโคลงศีรษะด้วยความอ่อนใจ

มือบางควานสะเปะสะปะไปในความมืด หญิงสาวพยายามจะหยิบเสื้อผ้าตัวเองที่กองทิ้งไว้บนพื้นขึ้นมาใส่ แต่เธอยังไม่ทันได้คว้าอะไรได้เลยด้วยซ้ำ เสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้น

“ฮือๆ...ฮือๆ...” มันเป็นเสียงเหมือนใครบางคนกำลังร้องไห้

น้ำเสียงนั้นชวนให้หวาดผวาและเศร้าสร้อยไปในคราวเดียวกัน

“ใครน่ะ!” หญิงสาวตะโกนถามออกไป ทั้งๆที่รู้อยู่แน่ชัดว่าห้องพักแห่งนี้มีเธออาศัยอยู่เพียงลำพัง

“ฮือๆ...ฮือๆ...” เสียงร้องไห้ยังคงแว่วผ่านมา

พิมพ์อัปสรตัดสินใจคว้าผ้าเช็ดตัวบนราวติดผนังมาพันกาย ตั้งใจจะเดินออกไปสำรวจด้านนอก พลันแสงไฟก็สว่างวาบขึ้น

“เมื่อกี้เสียงอะไรกันแน่นะ” เธอถามตัวเองอย่างกล้าๆกลัวๆ ขณะแง้มประตูห้องน้ำออกไปมองด้านนอก แต่สิ่งที่เห็นก็มีเพียงห้องพักของตนเอง ไม่มีใครอยู่ในห้องสักคน

“คงจะฝันไป” พิมพ์อัปสรพึมพำกับตัวเองขณะปิดประตูห้องน้ำลง



“เมื่อวันพุธที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมาเวลาประมาณ 05.30 มีการรายงานว่ามีผู้พบเห็นลูกไฟขนาดใหญ่เคลื่อนผ่านท้องฟ้า ปรากฏรัศมีเป็นแสงสว่างสีเขียวปนน้ำเงิน ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครพบเห็นว่าชิ้นส่วนของดาวตกดวงนี้ตกลงสู่พื้นโลก...”

เสียงเพลงจากสัญญาโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขณะเธอกำลังยืนเช็ดผมให้แห้งอยู่หน้ากระจก โดยภายในห้องพักยังเปิดจอคอมพิวเตอร์ฟังรายงานข่าวอยู่ พิมพ์อัปสรเดินตรงไปหรี่เสียงลำโพงลง แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องจิ๋วบนหัวเตียงขึ้น เพียงเลื่อนนิ้วไปกดปุ่มรับ แสงไฟจากบริเวณหน้าจอโทรศัพท์ก็ส่องแสงสว่างขึ้น ปรากฏเป็นหน้าจอโปร่งแสงให้เธอได้เห็นภาพของคู่สนทนา

“น้าพิมพ์”

“น้าพิมพ์ขา” เสียงใสๆสองเสียงดังขึ้นก่อนภาพบนหน้าจอจะปรากฏดวงหน้ากลมแป้นแล้นของเด็กหญิงฝาแฝดคู่หนึ่งขึ้น

“ว่าไงจ๊ะแก้วตา ยาใจ” พิมพ์อัปสรส่งยิ้มไปให้หลานสาวทั้งสอง

“วันนี้หนูไปโรงเรียนมา คุณครูให้หนูวาดรูปครอบครัวด้วย” แก้วตาหรือแฝดผู้พี่ร้องบอกก่อนพร้อมกับยื่นแท็บเล็ต ของตัวเองมาใกล้

“หนูก็วาด หนูวาดรูปน้าพิมพ์ด้วย” ยาใจไม่ยอมน้อยหน้า หันไปคว้าของตัวเองมาแย่งพี่สาวอวดคนเป็นน้า

ไม่นานนักรูปวาดสองไฟล์ก็ถูกดาวน์โหลดเข้ามาในมือถือของหญิงสาว รูปวาดของเด็กหญิงทั้งสองคนค่อนข้างคล้ายกันคือ มีบ้านหลังหนึ่งตั้งเด่นอยู่กลางภาพ พร้อมหนุ่มสาวคู่หนึ่งยืนจับมือกัน ข้างๆหนุ่มสาวมีรูปวาดของเด็กหญิงผมแกละสองคนยืนเรียงกันอยู่ ถัดออกมาคือร่างของหญิงสาวอีกคนหนึ่งยืนส่งยิ้มเป็นรอยระบายสีแดงแป๊ดบริเวณปาก

พิมพ์อัปสรยิ้มขัน นึกดีใจที่หลานสาวทั้งสองรักและนับเธอเป็นคนในครอบครัวตลอดมา

“สวยจ้ะ วาดเก่งทั้งสองคนเลย” พิมพ์อัปสรชมหลานๆก่อนหันมาสะดุดใจกับรูปวาดคนรูปเล็กๆของแก้วตา ห่างจากรูปวาดของเธอออกไปไม่ไกลนัก “แล้วนี่ใครกัน”

แก้วตาหันมามองหน้าน้องสาวฝาแฝด ยิ้มอย่างภูมิใจไม่น้อยที่รูปวาดของตัวเองมีอะไรมากกว่าน้องสาว

“แฟนน้าพิมพ์ไง เดี๋ยวนี้ใครๆก็มีแฟนกันหมดแล้ว ขนาดหนูกับยาใจยังมีหนุ่มมาจีบเลย แต่หม่ามี้บอกว่าน้าพิมพ์น่ะมัวแต่ทำงาน เลยหาแฟนไม่ได้สักที”

คนกำลังภาคภูมิใจกับหลานสาวตัวน้อยถึงกับอึ้งไปในทันที

“แล้วนี่แม่เราหายไปไหน เรียกมาคุยกับน้าสิ แก่แดดจริง” พิมพ์อัปสรบ่นออกไป พร้อมกับส่งสายตาคาดโทษไปให้ แล้วไม่วายต่อว่าคนเป็นพี่สาวทันทีเมื่อมาถึง “พี่พลอยสอนหลานยังไง ทำไมถึงได้แก่แดดแบบนี้”

“แก่แดดที่ไหน เด็กสมัยนี้เขาก็มีแฟนตั้งแต่อนุบาลทั้งนั้นแหละ” พลอยไพลินขำกับท่าทีเป็นเดือดเป็นร้อนของน้องสาว

“แก้วตามีแฟนแล้วจริงๆเหรอพี่”

“อืม มีจริงๆวันก่อนยังเอารูปแฟนตัวเองมาโชว์อยู่เลย” คุณแม่สมัยใหม่บอกอย่างไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่โตนัก

“แล้วแฟนแก้วตาอายุเท่าไร”

“อ้าว ก็ต้องสี่ขวบเหมือนกันสิ เรียนอยู่ด้วยกันนี่” คราวนี้พลอยไพลินหลุดขำออกมาทันทีกับท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของน้องสาว “อย่าคิดมากน่า ก็แค่ความรักขำๆของเด็กน่ะ”

“แต่มันฟังดูแก่แดดจัง ตอนพิมพ์กับพี่พลอยสี่ขวบ ยังวิ่งเล่นไล่แปะกันอยู่เลยมั้ง”

“ช่วยไม่ได้นี่นา โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว เด็กสมัยนี้โตเร็วขึ้นทุกวัน อะไรที่อยากห้าม ไม่อยากให้รู้ก่อนวัยก็ดูจะห้ามยากขึ้นทุกที หลังๆมานี้พี่กับคุณทัศก็เลยไม่ห้าม ได้แต่สอน ตักเตือนเขาว่าอะไรดี อะไรไม่ดี”

“ฟังแล้ว พิมพ์ห่วงลูกตัวเองจัง” หญิงสาวพ้อออกไป เป็นผลให้คนเป็นพี่สาวส่งค้อนวงใหญ่มาให้

“ทำเป็นพูดดี มีแฟนเป็นตัวเป็นตนให้พี่กับพ่อแม่บนสวรรค์ได้ชื่นใจก่อนเถอะ เห็นรึเปล่าเนี่ยว่าหลานๆแซงหน้าไปแล้ว”

“โธ่ พี่พลอยก็ พิมพ์ยังหาคนถูกใจและแสนดีอย่างพี่เขยไม่ได้นี่นา สงสัยงานนี้พิมพ์อยู่ช่วยพี่พลอยเลี้ยงหลานไปจนแก่ดีกว่า”

“เหอะ แค่ลูกสองคน พี่เลี้ยงเองได้ ว่าแต่อาทิตย์หน้าพิมพ์อย่าลืมที่เรานัดกันไว้นะ”

“นัดอะไรคะ” เสียงหวานถามขึ้นทันที บ่งชัดว่าเธอลืมหมดแล้วจริงๆ

พลอยไพลินเลยได้แต่ถอนหายใจออกมา

“ก็พิมพ์บอกจะมาค้างบ้านพี่ไง” พี่สาวของเธอเตือนความจำ ก่อนบ่นกระปอดกระแปดกลับมาอีกเล็กน้อย “ไม่เข้าใจเลยจริงๆงานของพิมพ์ก็นั่งทำงานอยู่แต่ในบ้าน ทำไมถึงไม่ยอมย้ายมาอยู่บ้านพี่สักที”

“โห ไม่เอาหรอก ขืนพิมพ์ไปอยู่กับพี่พลอย งานการไม่ต้องทำกันพอดี มัวแต่รบกับหลานๆก็หมดวันแล้ว”

คราวนี้พลอยไพลินเลยเป็นฝ่ายขำออกมา

“งั้นตกลงเสาร์นี้ออกจากกรุงเทพฯมาอยู่บ้านพี่นะ” พี่สาวเธอรวบรัดเสร็จสรรพ

“เจ้าค่ะคุณนาย” พิมพ์อัปสรรับคำอีกฝ่ายอย่างล้อๆ

มือบางเอื้อมลงไปกดปุ่มปิดการสนทนา แล้วจึงเดินกลับมายังโต๊ะทำงานพร้อมรอยยิ้มยังไม่จางไปจากดวงหน้ารูปไข่

“เร่งงานหน่อยดีกว่า ขืนไปอยู่บ้านนู้นสงสัยไม่ได้ทำงาน” เธอบ่นกับตัวเองก่อนจะเริ่มลงมือทำงานต่อ







ริญจน์ธร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ต.ค. 2555, 13:19:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ต.ค. 2555, 13:19:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 2393





<< บทที่ 1/1 ผู้ชายในสายฝน   บทที่ 2/1 คุณมากับฝน >>
ริญจน์ธร 25 ต.ค. 2555, 13:32:04 น.
ตอบคอมเม้นค่า

คุณ lovemuay ขอบคุณที่เข้ามาตามอ่านกันต่อนะคะ ส่วนเมียนายเตชน์นี่จะไปแล้วไปลับไหม รอติดตามกันน้า

คุณ ameerahTaec เรื่องนี้มีกลิ่นของไซไฟเล็กๆค่ะ แต่ยังเขียนเป็นนิยายรักอยู่น้า อย่าเพิ่งซีเรียสกัน

คุณ goldensun ค่ะ พระเอกเรื่องนี้คือคุณเตชน์นี่แหละ ส่วนนางเอกก็หนูพิมพ์ อาจจะงงเล็กน้อยสำหรับตอนต้นๆ เพราะเรื่องนี้จะมีการเขียนสลับฉากระหว่างพระนางค่ะ

คุณ หมูอ้วน เอาตอนต่อไปมาลงแล้วนะคะ ขอเวลาอีกนิดดดด เดี๋ยวจะเอามาลงต่อๆกันมากกว่านี้ค่า

คุณ Zehphyr เตชน์คือพระเอกค่ะ อ่านแล้วงงตรงไหนท้วงติงได้ตลอดนะคะ เรื่องนี้ช่วงแรกๆจะเขียนสลับฉากกันค่ะ เลยอาจทำให้มึนเล็กน้อย บอกกล่าวกันได้นะคะ จะได้นำไปปรับปรุงค่า


goldensun 25 ต.ค. 2555, 15:15:45 น.
ยังปะติดปะต่อไม่ถูก น่าจะอยู่กันคนละยุครึเปล่าคะ ดูยุคของพิมพ์ไฮเทคจัง
ส่วนเตชน์ก็ชีช้ำทั้งเรื่องงาน เรื่องเมีย
ว่าแต่ คลื่นแทรกอะไรมาตอนไฟดับ มาแต่เสียง


ริญจน์ธร 25 ต.ค. 2555, 15:40:32 น.
ขอถึงประมาณบทที่3แล้วกันเน้อ น่าจะพอเดาได้ว่าเป็นยังไงค่า เรื่องนี้ปริศนาเยอะไปนิ๊ดดด อย่าเพิ่งหายหน้ากันไปนะค้า^^


patok 25 ต.ค. 2555, 16:04:50 น.
ชอบเรื่องแบบนี้จังเลยค่ะ ลึกลับนิดๆน่ากลัวหน่อยๆ มีผีด้วยแน่ๆ 55+


ริญจน์ธร 25 ต.ค. 2555, 16:27:19 น.
จะทำให้ผิดหวังอ่ะเปล่าน้า แต่ว่า... แหะๆ เรื่องนี้ม่ะมีผีค่า
ส่วนเป็นไรนั้น อุบไว้ก่อน^^


lovemuay 25 ต.ค. 2555, 16:56:20 น.
รอพระเอกกะนางเอกมาเจอกันค่าา อิอิ


Zephyr 25 ต.ค. 2555, 21:00:57 น.
พี่มูนอ่ะ เฟอร์อ่านกลางคืน คนเดียวนะ ฮืออออ
เจอไฟดับก็ เอ่อ มีเสียงด้วย กรี๊ดดดดดด เกือบท้ิงหน้าจอ หนีไปละนะ
ตาเตชน์จะข้ามา หรือพิมพ์จะข้ามไป ยังไงล่ะเนี่ย
แต่ หนูแฝดน่าร้ากกกกกกก มีบทอีกป่ะคะ
ส่วนเมียนายเตชน์นั่น ไปแล้วไปลับอย่ากลับมาเลยยยยยย


หมูอ้วน 25 ต.ค. 2555, 23:25:55 น.
มีผี...ด้วย กลัว กลัว กลัว


ameerahTaec 26 ต.ค. 2555, 10:49:24 น.
เสียงเด็กเกี่ยวข้องกับดาวตกหรือป่าวน้อ เสียงเด็กที่พิมได้ยินเป็นเด็กมาจากต่างดาวหรือเปล่า ต้องติดตามกันต่อไป


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account