มนตรากระดังงา
นางพริมา กีรติอนันต์ พัฒนภิรมย์ กับ นายภัทร์ พัฒนภิรมย์ คู่สามีภรรยาที่ครองรักกันมากว่า 6 ปี และมีพยานรักเป็นเด็กชายน่ารัก 2 คน ต้องจบชีวิตคู่ที่เริ่มจากรั้วมหาวิทยาลัยลงเพราะฝ่ายชายไปมีเมียน้อยซึ่งกำลังจะมีลูกสาวด้วยกัน หญิงสาวยอมหย่าให้และยอมเป็นแม่หม้ายในวัยเพียง 30 ปี ชีวิตคู่ที่พังทลายกลับสร้างพริมาคนใหม่ให้แกร่งกว่าเดิม เธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวขึ้น กระดังงาลนไฟดอกนี้จึงกลายเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มทั้งหลาย รวมทั้งภัทร์ พัฒนภิรมย์ ที่เพิ่งสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของอดีตภรรยา จนทำให้ความรักที่เขาคิดว่าได้มอดเชื้อไปแล้วนั้นปะทุขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
รักครั้งใหม่กับคนเดิมจะสมหวังได้หรือไม่ เพราะฝ่ายชายก็มีครอบครัวใหม่แล้ว ส่วนฝ่ายหญิงก็มีชายหนุ่มมากมายมาเข้าแถวให้เลือก อานุภาพของความรักจะประสานรอยร้าวของหัวใจสองดวงให้กลับมาหลอมเป็นหนึ่งเดียวได้อีกครั้งหรือไม่ โปรดติดตาม......อาทิตา

Tags: รักร้าว มีเมียน้อย คืนดี

ตอน: ตอนที่ 15 ครบ 100% แล้วค่ะ...ลงใหม่ทั้งตอนนะคะ

ตอนที่ 15

ณ ร้านกาแฟกลางห้างฯดัง
“ไปไงมาไง ถึงได้มาด้วยกันได้ละฮะ” วรปรัชญ์กล่าวทักทายพริมาที่เดินเคียงคู่มากับราเมศวร วันนี้เขามีนัดมาเลือกซื้อของใช้และของแต่งบ้านเข้าคอนโดฯกับพริมา แต่กลับต้องมาประหลาดใจที่หญิงสาวไม่ได้มาคนเดียวอย่างที่นัดกันไว้
“พอดีคุณรามโทรมาตอนที่ฉันเพิ่งวางสายจากแกน่ะ ฉันก็เลยชวนเขามาด้วย” พริมาอธิบาย วันนี้ม่ายสาวป้ายแดงพริมาคนสวยอยู่ในชุดติดกันสีดำ ตัวเสื้อมีไหล่เพียงข้างเดียวผูกเป็นโบว์ขนาดใหญ่อยู่บนไหล่ขวาของหญิงสาว ส่วนอีกข้างมีเพียงสายคล้องไหล่เส้นเล็ก ๆ ช่วยรั้งตัวเสื้อเอาไว้ ความยาวของกางเกงเพียงขาอ่อนเพื่อให้เจ้าของเรือนร่างได้อวดเรียวขาสวย หญิงสาวยังเพิ่มความเก๋ด้วยการคาดเข็มขัดหนังสีน้ำตาลเส้นโตซึ่งช่วยเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งของรูปร่างให้ดูน่ามองยิ่งขึ้นไปอีก
พริมาปล่อยผมยาวสลวยที่ดัดเป็นลอน ๆ แผ่กระจายเต็มแผ่นหลัง ถึงแม้ดวงตาคู่งามจะยังโศกอยู่บ้าง แต่วรปรัชญ์ก็ต้องยอมรับว่าพริมาดูสวยและมีเสน่ห์เย้ายวนเพศตรงข้ามมากขึ้นนับตั้งแต่ได้สถานะใหม่ทางสังคมเมื่อเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมา ที่สำคัญเงาตามตัวคนใหม่ของหญิงสาวที่เขาได้อ่านจากข่าวซุบซิบเฉกเช่นคนอื่น ๆ ทั้งประเทศก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่ข่าวลือ เพราะราเมศวรรุกหนักและจัดเต็มกำลังตั้งแต่วันที่ได้รับรู้การหย่าของหญิงสาวและอดีตสามี จะเป็นเพราะพรหมลิขิตหรือเรื่องบังเอิญวรปรัชญ์ก็ไม่อาจที่จะเดาได้ ฟ้าอาจกำหนดให้ราเมศวรต้องเข้ามาในชีวิตของพริมาอย่างที่เคยกำหนดให้ภัทร์ได้เคยร่วมเรียงเคียงหมอนกับหญิงสาว แต่ฟ้าจะกำหนดให้ใครได้เป็นคนสุดท้ายในชีวิตเธอ วรปรัชญ์ก็ยังสงสัย
จากการบอกเล่าของพริมาทำให้ต้องนับว่าราเมศวรเป็นคนนอกครอบครัวคนแรกที่ได้รับรู้การหย่าร้างของคู่รักที่กำลังเป็นข่าวดังของวงสังคม เรียกได้ว่าเขาได้รับรู้แบบเกาะติดขอบเวทีกันเลยทีเดียว เพราะวันนั้นเลขาท่านทูตบังเอิญไปทำธุระที่สำนักงานเขตเดียวกันกับที่พริมาและภัทร์เลือกไปจดทะเบียนหย่า และนั่นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้ภัทร์มีสีหน้าไม่สบอารมณ์ตามที่นักข่าวสังเกตเห็นแล้วนำไปเขียนแซว เพราะชายหนุ่มคิดเอาเองว่า พริมาเป็นคนนัดให้ราเมศวรไปเจอที่สำนักงานเขตในวันที่เธอประกาศรับอิสรภาพของความโสดกลับคืน และนับจากวันนั้นราเมศวรก็กลายเป็นทั้งเพื่อนทานข้าว เพื่อนคุย และเพื่อนนั่งรถไปรับลูก ๆ ของพริมาถึงที่โรงเรียน พริมาอ่านเจตนาที่ชัดเจนของชายหนุ่มออกอย่างง่ายดาย เธอไม่ใช่หญิงสาวที่อ่อนต่อโลกอีกแล้ว ขนาดถึงกับได้รับฉายาจากพวกแมงเม้าท์ทั้งหลายว่าเป็น ‘กระดังงาดอกใหม่ของวงสังคม’ และเพราะฉายาใหม่นี้เองเธอจึงถูกภัทราบังคับให้ ‘เปรี้ยว’ ด้วยการเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวโดยมีตัวเธอซึ่งเป็นเจ้าของห้องเสื้อชื่อดัง ‘by Patra’ เป็นสปอนเซอร์อย่างเป็นทางการ ภัทราบอกกับพริมาว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เพื่อรับบทบาทใหม่ที่สังคมตั้งให้โดยมีเหตุผลที่พอฟังได้ว่า
‘ลองเปลี่ยนตัวเองดูบ้างนะปริม เผื่อชีวิตจะซาบซ่ามากขึ้น อย่างน้อยก็สร้างสีสันให้ตัวแกเองและโลกมนุษย์ทีเส็งเคร็งลงเรื่อย ๆ และก็จำเอาไว้ด้วยนะว่า ผู้หญิงที่เป็นม่ายน่ะไม่ได้เป็นจำเลยของสังคม เพราะฉะนั้นแกอย่าไปใส่ใจกับคำพูดของคนที่ไม่รู้จักเรา อย่าให้พวกมันเข้ามามีบทบาทในชีวิตเรา อะไรที่แกทำแล้วมีความสุขก็ทำซะ รักตัวเองบ้างนะ ยิ่งเป็นม่ายยิ่งต้องให้สวยกว่าพวกสาว ๆ รวมทั้งอีพวกเมียน้อยด้วย อ้อ! ที่สำคัญอีกอย่างนะ....รักแท้อาจเกิดขึ้นได้หลายหนในชีวิตของคนเรานะแก เพราะฉะนั้นอย่าปิดกั้นตัวเอง มองดูรอบ ๆ จะได้เห็นคนที่รักเราจริง’ ถึงแม้เพื่อนสนิทที่เป็นอดีตน้องสาวสามีจะยังแอบเชียร์และหวังอยู่ลึก ๆ ให้พี่ชายตัวเองได้คืนดีกับเพื่อนรักอยู่ในใจ แต่ภัทราก็มีน้ำใจนักกีฬา เธอไม่ขัดขวางผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ เพราะเธอก็อยากเห็นน้ำหน้าพี่ชายตัวเองในวันที่พริมามีคนอื่นเข้ามาแทนที่เช่นกัน
สำหรับพริมาแล้ว ราเมศวรเป็นคนที่นำสีสันกลับเข้ามาสู่ชีวิตสีเทา ๆ ของเธอที่เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เขายิ้มง่าย อะไร ๆ รอบตัวก็เลยดูสดใสไปด้วย ลูกชายของเธอทั้งสองก็รู้สึกถูกคอกับเขาเป็นอย่างดีทั้ง ๆ ที่เพิ่งพบหน้ากันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่เธอคงต้องใช้เวลาสักพักในการสมานแผลใจครั้งนี้เสียก่อน ครั้งนี้หัวใจเจ็บปวดมากกว่าการโดนหักอกเพราะมันคือการถูกหักหลัง ที่สำคัญบทเรียนราคาแพงบทนี้มันทำให้เธอมองความรักเปลี่ยนไป เธอมองมันในอีกหลายแง่มุมและหลายมิติซึ่งต่างไปจากเดิม รักอาจไม่จำเป็นต้องได้ครอบครอง....เหมือนที่เธอยังรักภัทร์อยู่ แต่ไม่สามารถทนใช้ชิวิตร่วมกันแบบ 3 คนผัวเมียได้ แต่ ณ ตอนนี้พริมาขอเวลาสักพักให้ตัวเองได้จัดการกับความรู้สึกที่ยังค้างคาใจอยู่ให้หมดไปเสียก่อน จึงจะสามารถเริ่มหนึ่งใหม่กับใครสักคนได้อีกครั้ง เธอไม่อยากพลาดอย่างครั้งแรก ราเมศวรเองก็ไม่ได้เร่งรีบอะไร เขารู้ว่าเรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลา ยิ่งพริมาเพิ่งผ่านเหตุการณ์ร้าย ๆ ในชีวิตมา เธอยิ่งต้องคิดให้หนักกว่าเดิม....มากกว่าหญิงสาวคนอื่น ๆ แต่เขาก็ไม่อาจนิ่งนอนใจ ต้องเก็บคะแนนไว้เรื่อย ๆ เพราะขึ้นชื่อว่า ‘กระดังงา’ ใคร ๆ ก็อยากเด็ดดมกันทั้งนั้น
“คุณปริมนี่น่ารักจริง จากที่ผมเป็นฝ่ายร้องขอจะมาด้วย กลายเป็นว่าคุณปริมชวนผมมาเสียนี่” ราเมศวรอธิบายต่อในทันทีเมื่อเห็นวรปรัชญ์ทำหน้าตาปะหลับปะเหลือกเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่เพิ่งได้ยินจากปากของพริมา
“โธ่เอ้ย! งั้นก็สรุปว่าคุณพริมาริอ่านจะเป็นฤาษีแปลงสาร ใช่ไหมฮะ” วรปรัชญ์แกล้งแซวเพื่อนสาว
หลังจากนั่งดื่มกาแฟได้สักพัก ทั้งสามก็เตรียมตัวไปเดินซื้อของอย่างที่ตกลงกันไว้ ระหว่างที่ราเมศวรลุกไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์เก็บเงิน วรปรัชญ์ก็แอบกระซิบกับพริมาว่า
“ไม่ธรรมดานะจ๊ะคุณนายพริมา มีระดับว่าที่นักการทูตมาช่วยแต่งคอนโดให้ด้วยเลยนะยะ ตกลงจะเป็นคอนโด 3 คนแม่ลูก หรือว่าที่เรือนหอใหม่กันแน่นี่” วรปรัชญ์แซวไปเรื่อยแต่ก็หุบปากแทบไม่ทันเมื่อโดนหยิกเข้าให้ที่ต้นแขนไปหนึ่งที แม้เจ้าตัวจะไม่ปริปากร้องโวยวายเหมือนทุกครั้ง เพราะสัญญาณความเขินที่เกิดขึ้นนั้น ย่อมแสดงว่าพริมาเริ่มมีใจให้กับราเมศวรอยู่บ้าง วรปรัชญ์จึงเลือกที่จะสงบปากสงบคำแต่โดยดีและคอยสังเกตการณ์อยู่อย่างเงียบ ๆ ตลอดเวลาที่พวกเขาเดินเลือกซื้อของตกแต่งคอนโดกัน เพราะต้องนำไป ‘แฉ’ ให้กับเพื่อนซี้อีกสองคนให้ได้รับรู้อย่างละเอียดลออ วรปรัชญ์ลอบมองอากัปกิริยาของทั้งคู่ที่ช่วยกันเลือกดูสิ่งของอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ราเมศวรมีคำแนะนำในการแต่งคอนโดที่น่าสนใจเพราะชายหนุ่มเคยใช้ชีวิตกว่า 10 ปีในการอาศัยอยู่ในคอนโดทั้งในเมืองไทยและต่างแดน แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่อาจจะเกิดตามมาแล้ว วรปรัชญ์ก็ได้แต่ถอนใจ ‘แม้จะต้องได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิง 2 ผัวแต่ถ้าพริมามีความสุขมากกว่า เขาก็ยินดีกับเพื่อนด้วย’

************************

ส่วนอีกคนที่หน้าตาห่างไกลจากคำว่าความสุขอยู่มาก เพราะต้องเสียของรักทั้ง ๆ ที่ยังรักอยู่ไม่น้อย หน้าตาเลยปราศจากรอยยิ้มที่เคยใช้กระชากใจสาว ๆ มามากต่อมาก ภัทร์ไม่ได้ตั้งใจให้ชีวิตคู่ต้องจบลงแบบนี้เลยสักนิด…….....ถ้าแม่ของเขาไม่บังเอิญไปพบเขากับวิภาวีที่โรงพยาบาล เรื่องก็คงไม่ลงเอยแบบนี้ และเขาก็ไม่ต้องมารู้สึกหัวเสียกับข่าวของอดีตภรรยากับคนรักใหม่ เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองหึงหรือเสียดายกันแน่ และเพราะมัวแต่หมกมุ่นกับข่าวของพริมา ภัทร์เลยไม่มีสมาธิในการอ่านรายงานประจำไตรมาสแรกก่อนเข้าประชุมพร้อมผู้บริหารระดับสูงและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ๆ ของธนาคาร เขาไม่สามารถแสดงความคิดเห็น หรือตอบข้อซักคำถามเกี่ยวกับแนวทางในการดำเนินงานต่อไปของธนาคารให้กับผู้ถือหุ้นเหล่านั้นได้เลย และนั่นก็ทำให้อดีตนายธนาคารใหญ่ พัฒน พัฒนภิรมย์ ไม่พอใจเป็นอย่างมากจนถึงกับแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน หลังการประชุมเสร็จสิ้น ลูกชายจึงถูกผู้เป็นพ่ออบรมเสียชุดใหญ่ ก่อนที่จะสรุปตอนท้ายเป็นข้อคิดให้ว่า
‘โป๊ปต้องรู้จักแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานหน่อยนะ ไม่อย่างนั้นมันจะเสียทั้งงานทั้งเรื่องส่วนส่วนตัวอย่างที่เป็นอยู่ บางอย่างที่พลาดไปแล้วก็ต้องปล่อยมันไป อย่าไปมัวหมกมุ่นจนเรื่องอื่นต้องรวนตามไปแบบนี้ เฮ้อ! นี่ถ้าแม่เขารู้เรื่องนี้เข้า เดี๋ยวก็พานจะโกรธเมียใหม่แกเข้าไปอีก’
‘ครับพ่อ’ เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของลูกชายคนเดียวและการยอมรับผิดอย่างจำนน คนเป็นพ่อก็อดห่วงไม่ได้ จึงถามออกไปว่า
‘มีอะไรหนักอกหนักใจนักหนาล่ะ’
‘ไม่มีอะไรหรอกครับพ่อ’
‘เรื่องหนูปริมเหรอ’
‘......’ ผู้เป็นบิดาคิดว่าไม่น่าจะคาดผิด
‘อย่าบอกนะว่าคิดเสียดายหนูปริมขึ้นมาน่ะ’
‘เอ่ออออ’
‘นี่ล่ะนะ เขาถึงว่า กว่าจะรู้คุณค่าของสิ่งที่มี ก็เมื่อมันสายไปเสียแล้ว ถ้ายายปั๊ปอยู่คงจะสมน้ำหน้าแกน่าดู’
‘ผมรู้ว่าปริมมีค่า และผมก็ยังรักเขามากนะครับพ่อ ผมไม่ได้ตั้งใจ...’
‘พอเถอะโป๊ป พูดไปมันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ถ้าลูกยังรักเขา ก็ต้องพิสูจน์อีกครั้ง ครั้งนี้คงต้องลงทุนลงแรงมากกว่าเมื่อก่อนแต่งงาน แต่ก่อนที่จะกลับไปนะ พ่อว่าโป๊ปช่วยจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะดีกว่า ไม่งั้น โอกาสที่จะชนะนักการทูตอะไรนั่นคงแทบไม่มีหรอกมั้ง’ นายพัฒนยังคงมีหูตากว้างไกลเสมอ
‘แล้วจะจัดการยังไงดีละครับพ่อ’ ภัทร์ถามพ่ออย่างกระตือรือร้นเพราะเป็นหนทางเดียวที่ทำให้เขามีความหวังอยู่บ้าง
‘ไม่รู้สิ’ คนฟังถึงกับหน้าถอดสี ผู้เป็นพ่อจึงต้องพูดอธิบายว่า
‘พ่อไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน คงช่วยอะไรแกไม่ได้หรอกเรื่องนี้’ นายพัฒนตอบตรง ๆ เพราะในสมัยหนุ่ม ๆ ตัวเขามัวแต่ทำมาหากินและสร้างเนื้อสร้างตัว ชีวิตของเขาไม่ได้สุขสบายเหมือนพวกลูก ๆ เมื่อมาพบคู่ชีวิตพวกเขาจึงตั้งหน้าตั้งตาช่วยกันสร้างครอบครัวให้สมบูรณ์พูลสุข ไม่ได้มีเวลาและทรัพย์สมบัติเหมือนที่เขาสร้างให้ลูก ๆ ......การใช้ชีวิตมันจึงแตกต่างกัน ดังนั้นก่อนที่จะลุกจากเก้าอี้เพื่อเดินตรงไปยังประตูห้องประชุม เขาจึงหันไปบอกกับลูกชายว่า
‘แกผูกเอง แกก็ต้องรู้สิว่าปมมันยุ่งเหยิงซับซ้อนยังไง มันเริ่มตรงไหนก็ต้องแก้ตรงนั้นล่ะมั้ง’
‘โธ่! พ่อ พูดแบบนี้มันยิ่งไม่ช่วยอะไรเลยนะครับ’
‘หึ! ทีตอนนี้ล่ะคิดอยากได้ตัวช่วยขึ้นมาเชียวนะ’
‘ตกลงพ่อมีอะไรจะแนะนำไหมละครับ’ ภัทร์ถามอย่างอ่อนแรง
‘ถ้าแกอยากได้ตัวช่วย อยากได้คำแนะนำแล้วล่ะก็ แกไปปรึกษาแม่แกโน่น คนนั้นน่ะกุนซือของแท้’
‘พ่ออะ!’
‘อ้อ! ไหน ๆ ก็พูดเรื่องนี้แล้ว ช่วยเตือนเมียใหม่แกด้วยนะว่าถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องขึ้นมาที่ชั้นนี้ เขาไม่ใช่ผู้บริหาร แถมไม่ใช่พนักงานธนาคารอีกต่อไปแล้วด้วย ที่นี่เป็นที่ทำงาน มีอะไรก็ไปคุยกันที่บ้าน ไม่ก็รอที่ล็อบบี้รับรองแขก อย่าขึ้นมาเดินเพ่นพ่านบนนี้ ที่สำคัญยังไม่ได้แต่งงานแต่งการเป็นเรื่องเป็นราว ใคร ๆ จะมองและตำหนิเราเอาได้ว่าเพิ่งจะหย่าเมียเก่าไม่เท่าไร เมียใหม่ก็เที่ยวมาประกาศศักดาเสียแล้ว แกรู้ไหมว่าวันก่อนที่เมียแกเขามาตามหาแกกับคุณชวนพิศน่ะ คุณชวนพิศเขาโทรไปรายงานแม่แกด้วยนะ เห็นบอกกับแม่แกว่า มาทำท่ากร่างใส่เขา ไม่รู้จักหัวหงอกหัวดำ แกเตือน ๆ เขาไว้เสียบ้างนะ แล้วนี่หัวนอนปลายเท้าเขาเป็นยังไง แกรู้มั่งหรือเปล่า’
ภัทร์รู้สึกเสียหน้าทั้งจากสิ่งที่วิภาวีได้ทำลงไปและทั้งที่ไปที่มาของตัวเธอ เพราะเขาแทบไม่รู้จักประวัติของวิภาวีเลย.....เจอกันที่นี่ คุยกันตามร้านอาหาร และจบที่คอนโดฯเธอ ณ ตอนนั้น เขาแค่อยากรู้จักตัวเธอเท่านั้นซึ่งก็ไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรมากมายในการทำความรู้จักเลย เมื่อเรื่องบานปลายมาถึงขนาดนี้ เธอกำลังจะเป็นแม่ของลูกเขา เขาคงต้องนั่งคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวสักครั้งแล้ว
‘แล้วผมจะพูดกับวิเองครับ ที่เขามาเมื่อวันก่อนนั้นก็เพราะเขาเอาแบบบ้านมาให้ผมตัดสินใจนะครับ’ ภัทร์พยายามหาข้อแก้ตัวให้วิภาวี เพราะถ้าระดับเจ้าของธนาคารอย่างเขาจะซื้อบ้านใหม่ทั้งที พวกพนักงานขายคงจะรีบวิ่งเข้าใส่ในทันที ไม่ต้องให้เขาวิ่งโร่ไปมาอย่างที่วิภาวีทำ......ทำโดยไม่ปรึกษาเขาเลย
‘โป๊ปแน่ใจแล้วใช่ไหม’ นายพัฒน์หมายถึงการใช้ชีวิตคู่ครั้งใหม่ของลูกชาย
‘ไม่รู้สิครับพ่อ เพราะอะไรที่ผมเคยแน่ใจ มันก็กลายเป็นไม่แน่นอนไปเสียแล้ว’
‘ที่มันเปลี่ยนไปเพราะใจของแกหรือเปล่าละ’ ผู้เป็นพ่อย้อนถามทันที
‘ผมไม่เคยเปลี่ยนใจ ผมไม่เคยรักใครนอกจากปริม’
‘แกมาบอกพ่อก็คงไม่มีประโยชน์อะไรหรอกนะ ไม่ใช่สิ ถึงแกบอกหนูปริมตอนนี้ ก็คงจะไม่มีอะไรดีขึ้น รักเขาแต่แกกลับทำให้เขาเจ็บช้ำแบบนั้นน่ะ ใครเขาจะเชื่อคำพูดแกอีก นี่ถ้าพ่อกับแม่หนูปริมเขากลับมาแล้ว แกต้องไปขอขมาพวกท่านด้วยนะ เคยรับปากอะไรเขาไว้ เมื่อทำไม่ได้ก็ต้องไปขอขมา พ่อต้องไปแล้วนะ อ้อ! อย่าลืมล่ะว่าแยกเรื่องงานกะเรื่องส่วนคัวออกจากกันให้ได้ อย่าให้มีเหตุการณ์แบบวันนี้อีก’
‘ครับพ่อ ผมให้สัญญา’
หลังจากที่ผู้เป็นพ่อออกจากห้องประชุมไปแล้ว ภัทร์ก็นั่งหลับตาลงเพื่อพักสายตาและคลายความว้าวุ่นใจทั้งเรื่อง ‘เมียเก่าและเมียใหม่’ ลง.....แต่เพราะเสียงเตือนจากโทรศัพท์มือถือที่ดังขัดจังหวะขึ้น เขาจึงต้องล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบมันออกมาดู มีข้อความขึ้นที่หน้าจอว่า
‘อย่าลืม ซื้อของขวัญวันเกิดให้เพื่อนพี่ป๊อปด้วยนะคะ’ ข้อความเตือนที่ส่งมาจากพริมา นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งของความวุ่นวายที่ค่อย ๆ เข้ามาในชีวิตของเขา.....จะไปโทษใครได้เมื่อเขาเป็นคนเปิดประตูรับมันเข้ามาเอง ตั้งแต่หย่าขาดจากกันแล้ว พริมาก็เลือกที่จะสื่อสารกับเขาผ่านทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความทางมือถือ การแชท หรือแม้แต่การทิ้งข้อความเสียงไว้ให้ฟังต่างหน้าหากเขาบังเอิญต้องปิดมือถือ เธอพยายามไม่เผชิญหน้ากับเขา ทุกวันนี้ในวันที่ลูกต้องไปโรงเรียน พริมาจะเป็นคนรับส่ง ตกเย็นเมื่อลูกทำกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ เสร็จแล้ว เธอก็จะเป็นคนสอนการบ้าน อ่านหนังสือกับลูก ๆ และพาพวกเขาเข้านอน เมื่อลูกนอนหลับแล้วเธอก็จะขลุกอยู่แต่ในห้องส่วนตัวของเธอซึ่งอยู่ติดกับห้องนอนลูก เธอไม่เหยียบเข้ามาในห้องนอนใหญ่อีกเลย
พอถึงเสาร์และอาทิตย์ เขาก็ต้องมารับหน้าที่ดูแลลูก ๆ ต่อ เขาต้องพาลูกชายคนโตไปเรียนเทนนิสในเช้าวันเสาร์ และเรียนเทควันโดในช่วงบ่าย เมื่อต้องเข้ามารับผิดชอบและร่วมเลี้ยงดูลูก ๆ มากขึ้น ภัทร์ก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อก่อนพริมาถึงไม่มีเวลาให้กับเขามากนัก กิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการของลูกในแต่ละวันทำให้คนเป็นแม่อย่างเธอต้องจัดตารางเวลาต่าง ๆ ให้สมดุล ลูกจะได้ทั้งเล่นและเรียนรู้ไปอย่างสนุกสนาน ทุกกิจกรรมที่เธอเลือกให้ลูกนั้น ล้วนมาจากความต้องการของลูกแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการเรียนดนตรี ว่ายน้ำ หรือวาดรูป เพียงแค่เดือนเดียวภัทร์เองยังต้องยอมรับว่าพริมาทุ่มเทเวลาให้กับลูกอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยเลย ยิ่งถ้าย้อนไปในช่วงก่อนที่จะหย่ากันนั้น นับได้ว่าเธอต้องรับหน้าที่ดูแลลูก ๆ ทั้ง 7 วันเต็ม ๆ ไม่มีวันไหนเป็นวันพักของเธอเลย ณ ตอนนี้ภัทร์จึงเข้าใจความรู้สึกของอดีตภรรยาได้เข้าใจมากขึ้นแล้ว ในช่วงที่ผ่านมาพริมายังคงเฝ้าดูลูก ๆ อยู่ไม่ห่างถึงแม้จะเป็นวันที่เธอได้พัก เขาเคยได้ยินเธอพูดกับมารดาของเขาว่า
‘ต้องรอให้เด็ก ๆ ปรับตัวเข้ากับวงจรใหม่นี้ก่อนน่ะค่ะคุณแม่ ปริมถึงจะพาพวกแกไปนอนที่คอนโด ถ้าปล่อยพี่โป๊ปคนเดียวเลยอาจทำให้ลูกรู้สึกว่าถูกแบ่งแยก ปริมค่อย ๆ ให้พี่โป๊ปเข้ามาดูแลพวกแกในช่วงวันหยุด แล้วปริมก็ค่อย ๆ ถอยห่างออกมาทีละก้าว ๆ อีกไม่นานพวกแกก็จะปรับตัวได้ค่ะ’ คนแอบฟังรู้สึกใจหายอยู่ไม่น้อยเมื่อได้ยินประโยคที่ว่า ‘แล้วปริมก็ค่อย ๆ ถอยห่างออกมาทีละก้าว ๆ’ หัวใจมันรู้สึกโหวงเหวงพิกล
พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์และเขาจะต้องพาลูกชายคนโตไปงานวันเกิดของเพื่อนร่วมชั้นเรียน คราวนี้พริมาบอกให้เขาพาลูกฉายเดี่ยวได้เลย เพราะลูกน่าจะคุ้นเคยกับการไปไหนมาไหนกับพ่อตามลำพังในช่วงวันหยุดแล้ว และเพราะสาเหตุนี้เองที่ทำให้วิภาวีเริ่มแสดงอาการไม่พอใจ ถึงกับร่ำร้องโวยวายว่าเขาไม่มีเวลาดูแลเธอและลูกในท้อง
‘วันธรรมดาก็ต้องทำงาน พอเสาร์อาทิตย์ก็ต้องเลี้ยงลูก ๆ บ้านโน้น แล้ววิล่ะคะ ไม่ต้องมาดูแลเลยหรือไง ในท้องนี่ก็ลูกคุณเหมือนกันนะคะ’ วิภาวีคิดว่านี่คงเป็นแผนการของพริมาที่ต้องการให้ดึงเวลาของภัทร์ไปจากเธอ
‘ลูกยังไม่คลอด จะให้ผมทำอะไรล่ะ’
‘ก็แหม วิอยากไปเดินเล่น ไปกินข้าว ไปช็อปปิ้งบ้างนี่คะ’
‘พูดเหมือนทุกวันนี้คุณไม่ได้ทำเรื่องพวกนั้นเลยนะ ผมเห็นคุณแทบไม่อยู่บ้านเลย ตะลอน ๆ ทั้งที่ท้องเริ่มโตแบบนี้’
‘ก็วิไปตระเวนเลือกดูบ้านนั้นแหละค่ะ’
‘จะเลือกอะไรนักหนา เอาทำเลที่สะดวกในการเดินทางก็พอแล้ว ส่วนเรื่องราคาน่ะผมไม่มีปัญหาหรอก’ อันที่จริงที่วิภาวีพยายามประวิงเวลาในการเลือกซื้อบ้านออกไป เพราะเธออยากให้เขาพาเธอย้ายเข้าไปอยู่ในรั้วเดียวกันกับคฤหาสน์ พัฒนภิรมย์ ต่างหาก เธอรู้ว่าอีกไม่นานพริมาก็จะย้ายออกไปอยู่คอนโดฯ บ้านหลังนั้นก็จะไร้ซึ่ง ‘คุณนายเจ้าของบ้าน’ เธอจึงรอเวลาที่จะได้เข้าไปครอบครองอย่างเต็มภาคภูมิ แต่เมื่อเห็นภัทร์ทำเสียงเข้มขึ้น วิภาวีจึงเริ่มงัดลูกอ้อนออกมาใช้ หญิงสาวเดินเข้าไปคล้องแขนพ่อของลูก พลางจีบปากจีบคอพูดว่า
‘แหม! บ้านราคาเป็นล้าน ๆ นะคะ วิก็ต้องเลือกหน่อยสิคะ ต้องดูเพื่อนบ้านว่าโอเคไหม ดูว่าสิ่งแวดล้อมจะปลอดภัยกับลูกของเราไหม ไหนจะการจราจรอีก วิก็ต้องค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ เลือกสิคะ’ วิภาวีพูดพลางลูบไล้อกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของภัทร์ ซึ่งก็ทำให้น้ำเสียงของภัทร์อ่อนโยนลง อันที่จริงเธอไม่ได้สนใจสิ่งที่กล่าวมานั้นมากมายเท่าไรนัก เพราะที่เธอกังวลและตั้งความหวังเอาไว้มากกว่าก็คือ ชื่อของใครต่างหากที่จะได้เป็นกรรมสิทธิ์บ้านหลังนั้น
‘คุณก็ต้องดูแลตัวเองบ้างนะ ผมเห็นคุณไม่ค่อยทานอะไรเลย เห็นเด็กรับใช้บอกว่าคุณทานแต่สลัดทุกวัน แล้วลูกจะเอาสารอาหารมาจากไหนล่ะ’
‘ก็วิกลัวอ้วนนี่คะ นี่ก็ขึ้นมาตั้ง 7 กิโลแล้ว ไม่รู้คลอดแล้วจะลงได้สักกี่โล’
‘อ้วนก็ลดได้ ตอนนี้คุณต้องห่วงลูกในท้องไว้ก่อนสิ ตอนปริมเขาท้องนะ ผมเห็นเขาทานแต่ของมีประโยชน์ ทานก็เยอะ แต่ก็ไม่เห็นเขาจะอ้วนอะไร พอคลอดแล้วน้ำหนักก็ลงมาเท่าเดิม’ ภัทร์ที่เห็นความแตกต่างของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียของเขาทั้ง 2 คน พูดเปรียบเทียบออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาจำได้ว่าพริมาดูแลสุขภาพของลูกในท้องเป็นอย่างดี เธอไม่กลัวที่จะอ้วน แต่เพราะการดูแลตัวเองเป็นอย่างดีและตามคำแนะนำของหมอ น้ำหนักของพริมาที่ขึ้นมาในช่วงตั้งครรภ์จึงไม่ได้เกินมาตรฐานทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้ควบคุมน้ำหนักแต่อย่างใด ผิดกับวิภาวีที่ห่วงแต่รูปร่างของตัวเองมากกว่าสุขภาพของลูก และเพราะความจริงที่ได้สังเกตเห็น ภัทร์จึงไม่รู้ตัวว่าการโดนเปรียบเทียบกับอดีตเมียหลวงผู้เพียบพร้อมนั้นสร้างความหงุดหงิดให้กับคนฟังมากขนาดไหน วิภาวีพยายามเก็บอาการไม่พอใจ แล้วปรับสีหน้าให้ดูสดใสก่อนที่จะออดอ้อนไปว่า
‘คุณปริมเขาเป็นคนสวยนี่คะ วิไม่ใช่คนสวยก็ต้องดูแลตัวเองมากกว่า ไม่ใช่วิไม่ห่วงลูกนะคะ วิก็ทานนมทุกวัน แต่ที่ไม่ค่อยทานอย่างอื่นเพราะวิแพ้ท้องน่ะค่ะ วิทานไม่ค่อยลง’ วิภาวีแกล้งซบลงกับอกหนั่นของภัทร์ก่อนที่จะเบียดตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด แล้วแสร้งมารยาว่า
‘วิขอโทษนะคะที่ทำให้คุณโกรธ วิจะปรับปรุงตัวเองค่ะ ต่อไปนี้วิจะพยายามทานให้มากขึ้น แต่ถ้าวิอ้วนเป็นหมูพะโล้ คุณโป๊ปห้ามว่าวินะคะ’ พูดเสร็จหญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นจูบคางมนของสามีทางพฤตินัยเบา ๆ
‘หายโกรธวินะคะ’ หญิงสาวส่งสายตาหวานเชื่อมให้ชายหนุ่ม
‘โอเคครับ ๆ ถ้าวิแพ้ท้องก็ไม่ต้องทรมานตัวเอง กินเท่าที่คุณกินได้ก็แล้วกัน และถ้าอยากกินอะไรเป็นพิเศษก็บอกผมมา ผมจะหาซื้อมาให้’ ภัทร์ก้มลงจูบกระหม่อมหญิงสาวกลับคืน เพียงแค่นี้ก็สร้างรอยยิ้มให้คนที่อยู่ในอ้อมแขนได้มากโขแล้ว วิภาวีค่อย ๆ เงยหน้าสบตาหวานซึ้งกับภัทร์เพื่อสื่อความนัย เธอเบียดตัวเข้าไปชิดชายหนุ่มมากยิ่งขึ้น ก่อนที่จะแกล้งพูดขึ้นเบา ๆ ว่า
‘คุณหมอไม่ห้ามหรอกค่ะ ถ้าไม่รุนแรง’

************************

หลังพาลูกชายคนโตกลับมาจากงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อน ภัทร์ก็แทบหมดแรง ชายหนุ่มนั่งหลับตาอยู่บนเก้าอี้นวดไฟฟ้าพลางคิดในใจว่า ‘ขนาดไปออกรอบ 18 หลุม เขายังไม่ล้าขนาดนี้’ สาเหตุที่ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยล้าได้ถึงขนาดนี้ก็เพราะในงานวันเกิดของเพื่อนลูกชายที่เป็นลูกครึ่งต่างชาตินั้น เขาและบรรดาพ่อแม่ของเด็กคนอื่น ๆ ต้องร่วมเล่นเกมส์กับเด็ก ๆ ด้วย และเนื่องจากวันนี้พริมาไม่ได้ไปร่วมงานด้วย เขาจึงต้องเล่นคู่กับน้องป๊อปไปเสียทุกเกมส์ ไม่มีใครให้ได้สลับอย่างเช่นพ่อแม่คู่อื่น ๆ ภัทร์อดคิดไม่ได้ว่า เมื่อก่อนที่พริมาต้องไปงานวันเกิดของลูกตามลำพัง หญิงสาวอย่างเธอทำได้อย่างไร เธอไม่เคยกลับมาบ่น มีแต่มาเล่าให้ฟังพร้อมอวดรูปถ่ายว่าลูกสนุกสนานมากมายเพียงไหน แถมเกือบทุกครั้งที่ไปนั้นพริมาจะพาลูกชายคนเล็กไปร่วมสนุกด้วยตลอด ภัทร์นึกยกย่อง ‘ความเป็นแม่’ ของอดีตภรรยาอยู่ในใจ


“เหนื่อยเหรอคะ” เสียงใสถามทำลายความเงียบขึ้น ทำให้ภัทร์ถึงกับสะดุ้ง เมื่อชายหนุ่มเปิดตาก็เห็นหญิงสาวที่เขาเพิ่งนึกถึงส่งยิ้มให้
“แทบหมดแรง พี่ไปเล่นกอล์ฟยังไม่เหนื่อยขนาดนี้เลยนะ” ภัทร์ยอมรับตรง ๆ พร้อม ๆ กับพยายามเก็บอาการอิ่มเอมใจที่ได้คุยกับพริมาแบบเห็นหน้าและยิ่งเห็นว่าเธอยังคงใส่ใจเขาอยู่ เพราะจานผลไม้ที่เธอค่อย ๆ วางลงบนโต๊ะรับแขก นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่หย่าขาดกันที่ได้คุยกันเป็นส่วนตัวทั้ง ๆ ที่อยู่ร่วมชายคาเดียวกันมาตลอด
“งั้น คราวหน้าเดี๋ยวปริมไปด้วยก็ได้ค่ะ” พริมาบอกแล้วนั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงกันข้าม เธอเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นบนชั้น 2 ของบ้านนี้ได้สักครู่แล้วเพื่อแวะเอากีวีของโปรดของภัทร์มาให้ แต่เมื่อเห็นอดีตสามีนอนพักอยู่จึงไม่ได้รบกวน และขณะที่เขาพักสายตาอยู่นั้นเธอจึงลอบมองสีหน้าของอดีตคนรัก......และยังคงรัก.......อยู่เงียบ ๆ ‘คิดถึงเหลือเกิน’ ความรู้สึกที่มีท่วมหัวใจแต่ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยออกไป.... ‘เราไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เขามีคนอื่นเป็นเจ้าของแล้ว จำไว้สิปริม’ พริมาพยายามเตือนตัวเอง ภัทร์ที่นอนหลับตาพริ้มยังคงหล่อเหลาไม่แตกต่างจากที่ได้พบกันในครั้งแรกเมื่อ 10 กว่าปีก่อนแม้อายุจะมากขึ้นตามวัยแล้วก็ตาม ชายหนุ่มยังคงรักษารูปร่างให้ดูสมกับเป็นชายชาตรีไว้ได้อย่างดี ภัทร์ยังคง ‘เท่ห์และมีเสน่ห์’ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สาว ๆ หลายคนจะแอบมองเขา พริมาเห็นได้ชัดในเวลาที่ไปเดินห้างฯด้วยกัน เพราะเขาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทั้งว่ายน้ำ ตีกอล์ฟ เล่นเทนนิส รวมทั้งเล่นฟุตบอลกับลูก ๆ บ้างในช่วงเย็น ‘จริงด้วยสิ เธอคงต้องกลับไปฟิตเนสบ้างแล้ว อย่างน้อยทุกศุกร์และเสาร์ก็ยังดี’ พริมาคิดในใจ เธอต้องดูแลสุกขภาพของตนเองอย่างที่พิชญธิดาเคยแนะนำไว้ว่า
‘ปริม คนเราน่ะ ยิ่งรักลูกมากเท่าไรก็ต้องยิ่งดูแลตัวเองให้มากขึ้นเท่านั้นนะ คนเป็นแม่อย่างเราต้องดูแลตัวเองให้ดี เพราะเราจะได้อยู่กับลูกไปนาน ๆ ไงล่ะ ถ้าเราทุ่มเทให้กับลูกจนละเลยตัวเอง วันหนึ่งเราก็คงต้องล้มป่วยและจะกลายเป็นภาระของลูกเข้าไปอีก’
“ปริมมีเรื่องอะไรจะคุยกับพี่หรือเปล่า” ภัทร์ถาม
“ค่ะ ปริมจะบอกพี่โป๊ปว่า อาทิตย์หน้าปริมจะพาลูกย้ายไปอยู่คอนโดแล้วนะคะ แต่ก็คงยังไป ๆ มาๆ กับที่นี่บ้าง ปริมคุยกับลูก ๆ แล้ว บอกว่าที่คอนโดใกล้โรงเรียนมากกว่า”
“แล้วตาปิ๊ปล่ะ” ภัทร์ถามถึงลูกชายคนเล็กที่ยังไม่เข้าโรงเรียน
“ปริมจะให้แกลองไปเนิสเซอรี่ที่โรงเรียนตาป๊อปดูน่ะค่ะ ไปแค่ครึ่งวัน ไปอาทิตย์ละ 3 วัน จันทร์ พุธ ศุกร์ แกจะได้ไปเล่นกับเด็กในวันเดียวกันบ้างน่ะค่ะ” ภัทร์พยักหน้ารับรู้และเห็นด้วยกับการตัดสินใจของพริมา เพราะถ้าอยู่ที่บ้านในวันที่พี่ชายไปโรงเรียน ลูกชายคนเล็กก็มักจะเล่นกับของเล่นและอยู่กับผู้ใหญ่เท่านั้น
“อืม ก็ดีนะ แกจะได้เล่นกับเพื่อน ปริมก็จะได้พักมากขึ้น” ภัทร์ที่รู้ซึ้งถึงการเลี้ยงลูกแสดงความคิดเห็น
“ปริมไม่ได้ให้ลูกไปเนิสเซอรี่ เพราะปริมอยากพักนะคะ” พริมานึกว่าถูกภัทร์แขวะ จึงรีบพูดสวนกลับไป
“ไม่ใช่นะ! พี่ไม่ได้หมายความอย่างนั้น พี่อยากให้ปริมได้พักบ้างจริง ๆ เพราะตอนนี้พี่รู้แล้วว่าการเลี้ยงลูกนี่มันเหนื่อยกว่าการออกไปทำงานนอกบ้านเสียอีก ปริมอย่าเข้าใจพี่ผิดนะ” ภัทร์รีบอธิบายชี้แจงแถลงไข เพราะไม่อยากให้พริมาเข้าใจเขาผิด....แปลกที่คราวนี้เขารู้สึก‘แคร์’ ความรู้สึกของเธอมากขึ้น คงเป็นเพราะเขาเคยคิดว่าเธอเป็น ‘ของตาย’ นั่นเอง
“พี่โป๊ปรู้ว่าการเลี้ยงลูกเหนื่อย แต่ก็ยังอยากมีลูกอีก แปลกดีนะคะ” พริมาอดที่จะสัพยอกไม่ได้
“โธ่ ปริม อย่าแขวะพี่เลยนะ นาน ๆ จะได้คุยดี ๆ กันสักครั้ง ” ภัทร์ครวญพริมาจึงไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ
“แล้วปริมย้ายของหมดแล้วเหรอ” ภัทร์ถามต่อ
“ค่ะ ขนที่จำเป็นไปหมดแล้ว ที่เหลือก็ค่อย ๆ ทยอยขนต่อ พื้นที่ที่คอนโดไม่มากนัก แต่ปริมย้ายของส่วนตัวของปริมออกไปไว้ที่ห้องเล็กหมดแล้วนะคะ” พริมาหมายถึงห้องนอนเล็กที่เธอใช้อยู่ทุกวันนี้
“พี่ไม่เคยคิดจะให้ใครมาใช้ห้องนั้นเตียงนั้นต่อจากปริม” ภัทร์พูดด้วยความสัตย์จริง
“ขอบคุณค่ะ แต่ของพวกนั้นมันไม่สำคัญหรอกค่ะ เพราะมันเป็นเพียงแค่สิ่งของ เราสามารถหาซื้อของใหม่มาทดแทนได้ไม่ใช่เหรอคะ” พริมาถามภัทร์พร้อมทั้งมองสบตานิ่ง แล้วจึงพูดต่อว่า
“ปริมก็ไม่ชอบใช้ของร่วมกับใครเหมือนกันค่ะ” พริมาลุกเดินออกไปในทันทีที่พูดจบ

************************

รอคอย ‘คอมเม้นต์’ ของทุกท่านอยู่นะคะ---จุ๊บ ๆ ๆ ขอบคุณมากค่ะ



อาทิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 พ.ย. 2555, 13:52:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 พ.ย. 2555, 13:52:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 2952





<< ตอนที่ 15......70% แล้วค่ะ   ตอนที่ 16 ......40%แรกค่ะ >>
pretty 1 พ.ย. 2555, 14:22:45 น.
ใช่ๆๆ ของก็ซื้อใหม่ได้ ผู้ชายก็หาใหม่ได้ อย่าไปใช้ร่วมกะใคร


mhengjhy 1 พ.ย. 2555, 17:41:32 น.
เจ็บไหมล่ะ คุณภัทร์ ชิ


konhin 1 พ.ย. 2555, 21:13:29 น.
หึๆๆ ปริมแรงดี ชอบ สิ่งเดียวที่เราเห็นว่าปริมทำผิด คือไม่ได้ดึงภัทร์เข้ามาช่วยในการเลี้ยงลูก ส่วนอีตาภัทร์ก็ไม่ได้พาตัวเองเข้าไปช่วยเลี้ยงแถมยังโทษปริมอีก นอกนั้น ความผิดอีตาภัทร์หมด เพราะปัญหามันมาจาก he cannot keep his pant on..

ไม่รู้ว่าคนเขียนวางแผนจะให้กลับมาอยู่ด้วยกันหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นเรา เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือ ...
แก้วที่ร้าวแบบนี้เก็บไว้ยังไงมันก็แตกค่ะ


Sukhumvit66 1 พ.ย. 2555, 22:35:23 น.
แบบว่าวิภาวีแอ๊บท้องลมได้ไหมค่ะ รึให้ท้องกับคนอื่นก็ได้ค่ะ


violette 1 พ.ย. 2555, 23:48:16 น.
ฮึ่ยยย อ่านแล้วยังเคืองนายปั๊ปอยู่(มาก)ค่ะ
ไม่เห็นหนทางคืนดีนะ ไม่ชอบที่หากว่าเมียน้อยเผยธาติแท้แล้วปั๊ปกลับมาหาปริม
เพราะนั่นมันดูไร้ค่ามากเลย เหมือนกับเห็นว่าคนนั้นไม่ดีแล้วปริมเป็นของตาย
ไม่อยากให้คืนดีค่ะ จริงจัง


poy 3 พ.ย. 2555, 08:56:09 น.
เป็นกำลังใจให้ครอบครัวกลับมาแข็งแรงรักกันเหมือนเดิม


tik 14 พ.ย. 2555, 15:42:38 น.
หึ รู้สึกเกลียดผู้ชายมากขึ้นทุกวัน ๆ 5555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account