เหลี่ยมร้าย ลายเมฆ
เมื่อลายเมฆหนุ่มจอมกระล่อนถูกรถชนจนความจำเสื่อม ต้องกลายมาเป็นกระเทยเพราะความเข้าใจผิดของญาดาเจ้าของรถที่ชนเขา ในความรู้สึกบอกว่าไม่ใช่ แต่หลักฐานที่ติดตัวมาบ่งชัดว่าเขาเป็นชายใจหญิง ลายเมฆจะทำยังไงเมื่อหัวใจมันคอยแต่จะเต้นตึกตัก ยามเข้าใกล้สาวงาม
Tags: รวิญาดา นิยาย

ตอน: ตอนที่ 1. มันคือพรหมลิขิต

ตอนที่ 1. มันคือพรหมลิขิต

กรุงเทพมหานคร เวลา 20.00 น.

ในห้องเช่าเล็กๆ ของแฟลตย่านดินแดง ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้า วิ่งกระหืดกระหอบออกมาจากห้อง ทั้งสองลงมาตามบันไดหนีไฟด้านหลังแฟลต เมื่อมองเห็นรถกระบะสีดำจอดอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้า ร่างของชายร่างใหญ่หน้าเหี้ยมสองคนยืนเกาะประตูรถอยู่ พวกมันเป็นลูกสมุนของเฮียอู๋เจ้าของโต๊ะบอลรายใหญ่ มันกำลังมาตามเก็บเงินจากลูกหนี้ที่ติดหนี้พนันบอล ซึ่งลูกหนี้คนนั้นคือชายหนุ่มพี่ชายของหญิงสาวหน้าหวาน ที่กำลังจูงแขนน้องสาวหอบเสื้อผ้าหนีออกทางบันไดหนีไฟนั่นเอง

“เฮียเมฆ พวกมันจะรู้มั้ยว่าเราแอบหนีมาทางนี้” เสียงปนหอบของผู้เป็นน้อง เอ่ยถามพี่ชายที่อายุเท่ากันและมีใบหน้าคล้ายคลึงกันอย่างหวาดหวั่น

“แกอย่าปอดไปเลยน่ายายไหม ลูกน้องเฮียอู๋ แต่ละคนสมองเท่าเม็ดถั่ว มันดีแต่ใช้กำลังแต่ไม่เคยใช้สมองหรอก”

คนเป็นพี่ย่นจมูกเอ่ยเหยียดหยามคนทวงหนี้ออกมา ขณะลากแขนน้องสาวฝาแฝดวิ่งตรงไปยังประตูทางออกด้านหลังซึ่งปลอดคน ลายเมฆหันซ้ายหันขวา ก่อนจะล้วงกุญแจรถมอเตอร์ไซค์สีส้มของตัวเองออกมาเสียบ ก่อนจะเหวี่ยงกระเป๋าวางไว้ตรงที่วางเท้าด้านหน้า แล้วก้าวขึ้นคร่อมสตาร์ทเครื่องยนต์

“ยายไหม แกจะยืนรอให้มันมาจับแกไปขายซ่องหรือไง” เขาเรียกน้องสาวที่ยืนทำหน้าบื้อให้ขึ้นรถ

ม่านไหมรีบกระโดดขึ้นซ้อนท้ายทันที กระเป้ถูกยกขึ้นสะพายไหล่ เสื้อผ้าไม่กี่ชุดกับเครื่องสำอางของผู้หญิง ถูกยัดใส่กระเป๋าใบเล็กตามคำสั่งของพี่ชาย ครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็สุดจะนับ เมื่อต้องย้ายหนีคนทวงหนี้ ไอ้พี่ชายฝาแฝดตัวดีขยันสร้างเรื่อง หวังรวยทางลัดด้วยการเล่นพนันบอล แต่สุดท้ายก็ติดหนี้หัวโต ทั้งต้นทั้งดอกเบ่งบานจนไม่มีปัญญาหามาจ่าย เธอในฐานะน้องสาวต้องมาร่วมรับกรรมนี้โดยไม่เต็มใจ เงินที่ได้มาจากการทำงานอันเหนื่อยยาก ต้องถูกพี่ชายหยิบยืมไปใช้หนี้

“วันหนึ่งเราจะรวย พี่จะสร้างบ้านสีขาวหลังเล็กๆ ให้แกอยู่ จะปลูกดอกกุหลาบรอบๆ บ้านอย่างที่แกชอบ”

คำสัญญาลมๆ แล้งๆ ของพี่ชายฝาแฝด ทำให้คนเป็นน้องมีแรงทำงาน แต่ความฝันก็พังทลายไม่เหลือซาก เมื่อพี่ชายหลงไปติดบอล จนเอาเงินเก็บไปเล่นพนันบอลจนหมด ไม่พอยังไปติดหนี้มาอีกก้อนโต เจ้าหนี้หน้าเลือดมาตามทวงหนี้ถึงห้องเช่า เมื่อไม่ได้เงินพวกมันก็เอาอย่างอื่นไปแทน ทีวีตู้เย็น เครื่องซักผ้า ถูกขนไปเป็นดอกเบี้ย สุดท้ายไอ้เฮียอู๋ มันคิดจะเอาน้องสาวของลูกหนี้ไปขัดดอก คนเป็นพี่เริ่มสำนึกผิดหาทางปกป้องน้องสาวโดยไปกู้หนี้นอกระบบมาจ่าย แต่ก็ทำได้แค่จ่ายดอกเบี้ยต้นยังอยู่ครบ จากที่มีเจ้าหนี้รายเดียวก็เพิ่มมาเป็นสองราย สุดท้ายไม่มีปัญญาจ่าย เลยต้องพากันหนีหัวซุกหัวซุน

“เมื่อไหร่เราจะหมดกรรมหมดเวรซะทีนะเฮีย ไหมไม่อยากหนีอีกแล้วนะ” ม่านไหมตะเบ็งเสียงใส่หูพี่ชาย เมื่อเขาขี่รถพาเธอมาจอดพักข้างแม่น้ำเจ้าพระยา

“แกจะให้ฉันเอาเงินที่ไหนไปใช้หนี้มัน เงินตั้งสองล้านนะเว้ย ไม่ใช่สองบาท” ลายเมฆสะบัดเสียงใส่น้องสาวอย่างหงุดหงิด

เขาติดหนี้เฮียอู๋แค่สองแสน แต่ดอกมันทบต้นขึ้นมาเป็นสองล้านในเวลาไม่ถึงปี ต่อให้เทวดาก็ไม่มีปัญญาหามาจ่ายหรอก เขาหยิบบัตรเอทีเอ็มในกระเป๋าออกมาดู บัตรใบนี้มีเงินอยู่ในธนาคารไม่น้อย แต่เขาไม่อยากใช้มัน เงินที่เขาได้มาจากเด็กผู้หญิงที่ชื่อ เจนนี่ ลายเมฆรู้จักเธอผ่านเฟสบุ๊ค เขาใช้เวลาว่างในช่วงทำงานเล่นเฟสบุ๊คเหมือนที่หลายๆ คนในที่ทำงานแอบทำ เฟสบุ๊คที่เขาเล่นเป็นของม่านไหมน้องสาวฝาแฝด ม่านไหมไม่มีเวลาดูแลลูกหมูที่เลี้ยงไว้จึงให้เขาช่วยดูแลแทน งานของเธอเป็นงานที่หาเวลาส่วนตัวยาก เมื่อต้องรับจ้างเป็นพยาบาลพิเศษดูแลผู้ป่วย หากปล่อยให้คนป่วยคลาดสายตาอาจทำให้บกพร่องต่อหน้าที่ได้ แต่เจ้าตัวยังติดเกมส์สารพัดในเฟสบุ๊ค จนเดือดร้อนพี่ชายที่แสนดีอย่างเขาต้องไปดูแลให้

จากเข้าไปดูแลกลายเป็นยึดครองเฟสบุ๊คของน้องสาวไปในที่สุด ลายเมฆเปลี่ยนโปรไฟล์เป็นรูปตัวเอง ขยันโพสน์รูปอัพเดตสถานะ จนมีสาวๆ มาขอแอดเป็นเพื่อนมากมาย วันหนึ่งเขาก็ได้รู้จักกับเจนนี่ สาวพิการผู้น่าสงสาร ลายเมฆเป็นเพื่อนคุยกับสาวน้อยจนผูกพันกัน เขาเล่าเรื่องของตัวเองให้เธอฟัง เล่าความฝันที่อยากจะเปิดร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ รวมกับร้านกาแฟเล็กๆเป็นของตัวเอง เจนนี่ก็มีความฝันอยากมีกิจการเป็นของตัวเอง ด้วยสภาพร่างกายของเธอทำให้ไม่อาจทำตามความฝันได้ นั่นเป็นจุดเริ่มต้น ให้คนสองคนอยากมีฝันร่วมกัน เจนนี่มีทุนลายเมฆมีไอเดีย สาวน้อยเสนอเป็นผู้ออกทุนทั้งหมดให้ เธอโอนเงินเข้าบัญชีให้เขาจัดการดำเนินการก่อสร้างร้าน แต่ทุกอย่างต้องมาสะดุดลงเมื่อลายเมฆอยากหาเงินสักก้อนร่วมลงทุนกับเจนนี่ เขาไม่อยากเอาเปรียบเธอโดยการเป็นผู้รับผลประโยชน์โดยไม่ได้ร่วมลงทุน จากคำชวนของเพื่อนร่วมงานทำให้เขาหลงเข้าไปติดกับโต๊ะพนันบอลจนติดหนี้หัวโต ต้องหนีหัวซุกหัวซุนเหมือนสุนัขจนตรอก แล้วเขาจะมีหน้าเอาเงินของเจนนี่ไปใช้หนี้พนันได้ลงคออย่างไร ลายเมฆมองบัตรเอทีเอ็มอย่างตัดใจ ก่อนจะเก็บมันยัดลงกระเป๋าเหมือนเดิม

“คืนนี้เราจะนอนที่ไหนล่ะเฮีย ไหมต้องทำงานนะ พรุ่งนี้เช้าต้องไปดูแลคนป่วยรายใหม่” เสียงของม่านไหมทำให้พี่ชายหลุดจากภวังค์ความคิด

ลายเมฆเคาะนิ้วไปมาบนเบาะรถ คิ้วดกหนาได้รูปขมวดชนกัน “ไปขอพักที่บ้านยายโอ่งมังกรเพื่อนแกก่อนดีไหม”

“เขาชื่อโอโม่ ไม่ใช่โอ่งมังกร” ม่านไหมหัวเราะคิก ขำชื่อที่พี่ชายตั้งให้เพื่อนชายใจหญิงของเธอ

โอโม่หรือโอฬารกระเทยร่างยักษ์เพื่อนของม่านไหม เป็นเจ้าของบริษัททำความสะอาด ที่ม่านไหมเคยไปช่วยงานหลายครั้ง เจ้าหล่อนมีบ้านหลังใหญ่และห้องชุดในคอนโดให้คนเช่า สองพี่น้องต้องแบกหน้าไปขอความช่วยเหลือจากโอโม่อยู่หลายครั้ง จนเจ้าตัวค่อนขอดว่า หากจะมาขอให้ช่วยอีกจะยกตัวเองให้เป็นพี่สะใภ้ของม่านไหม ลายเมฆเลยไม่กล้าไปขอความช่วยเหลืออีก

“เฮียจะยอมเป็นผัวนังโอโม่แล้วเหรอ ถึงได้ไปขออาศัยมันอีก” ม่านไหมเอ่ยแซวพี่ชาย

ลายเมฆเบ้ปาก ทำหน้าสะอิดสะเอียน “อย่าพูดสิวะ ฉันจะอ้วก แค่ยอมให้มันนัวเนีย แลกข้าวแลกที่พัก ฉันต้องกลั้นใจแทบตาย ขืนรับเป็นผัวมัน มีหวังกินข้าวไม่ลงว่ะ” ขนแขนลุกชัน เมื่อนึกถึงสภาพน่าอนาถนั้น

“ทำเป็นรังเกียจตุ๊ด ระวังเหอะ สวรรค์จะแกล้งให้เฮียกลายเป็นตุ๊ดสักวัน”

“ถ้าฉันจะเป็นตุ๊ด ก็เป็นตุ๊ดคุณภาพเว้ย” ลายเมฆประชดน้องสาวช่างแหย่ รู้ว่าเขาเกลียดตุ๊ดเกลียดกระเทย ยังมีหน้ามาล้อเลียนอีก

ม่านไหมหัวเราะคิกคักอารมณ์ดีขึ้น “ไหมว่าเราหาที่นอนก่อนดีไหม เมื่อกี้ไหมเห็นโรงแรมม่านรูดแถวนี้ที่หนึ่ง ราคาไม่แพง ไปเปิดห้องนอนสักคืนแก้ขัดไปก่อน”

ยามอับจนสองพี่น้องก็อาศัยโรงแรมม่านรูดเป็นที่พักชั่วคราว แม้ในสายตาผู้คนสถานที่แห่งนั้นเป็นที่อโคจรสำหรับคนดีๆ แต่ม่านไหมกลับไม่คิดเช่นนั้น เธอกลับมองว่าเป็นที่พักราคาถูก แอร์เย็นเตียงนุ่ม บางห้องมีเตียงน้ำให้นอนเล่น แม้จะหนวกหูกับเสียงเซอร์ราวรอบทิศทางบ้าง แต่ก็แค่ใช้ที่ปิดหูปิดเอาก็ไม่ได้ยินแล้ว ปลอดภัยและนอนสบาย ที่สำคัญสุด พวกเจ้าหนี้คงไม่คิดว่าเธอกับพี่ชายจะพากันหลบภัยมาอยู่ที่นี่แน่

“นี่ถ้ามีผู้ชายพาแกเข้าม่านรูด ฉันว่ามันคงไม่ชำนาญพื้นที่เท่าแกหรอก” ลายเมฆหัวเราะขำน้องสาว

ม่านไหมมองโรงแรมม่านรูดไม่ต่างจากบ้านพัก น้องสาวของเขาไร้ความเขินอายเมื่อต้องเข้าไปในที่แห่งนั้น หากจะมีใครมองน้องเขาเป็นผู้หญิงไม่ดี ชายหนุ่มไม่โทษใครนอกจากโทษตัวเอง ที่ทำให้น้องต้องมาตกระกำลำบากไปด้วย

สองพี่น้องพากันขึ้นรถ เตรียมเคลื่อนที่อีกครั้ง แต่ทันใดนั้นเอง ก็มีรถเก๋งสีดำคันหนึ่งแล่นมาจอดข้างๆ ชายฉกรรจ์สี่คนเปิดประตูออกมา พร้อมอาวุธปืน ลายเมฆไม่ปล่อยให้ตัวเองตกตะลึงนาน เขารีบคว้าแขนน้องสาวให้ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ รีบสตาร์ทรถเร่งเครื่องบึ่งหนีออกมาทันที จากที่จะหลบภัยในโรงแรมม่านรูด ลายเมฆเปลี่ยนเป้าหมายขี่รถมุ่งตรงมายังบ้านของโอโม่ รถคันนั้นยังตามติดเงา ลายเมฆอาศัยความคล่องตัวของรถคันเล็กขี่ซิกแซก หลบเข้าซอยต่างๆ จนหลุดรอดจากการติดตาม เขาจอดรถที่หน้าบ้านของโอโม่

“คืนนี้แกนอนที่บ้านยายโอ่งมังกรนะ”

“แล้วเฮียล่ะ” ม่านไหมก้าวลงจนรถ มองหน้าพี่ชายอย่างห่วงใย ลายเมฆยิ้มให้น้องสาว ตบบ่าเล็กๆ นั้นแรงๆ

“ฉันจะไปหาที่นอนบ้านเพื่อน ไม่ต้องเป็นห่วงน่า พรุ่งนี้ฉันจะมารับแกไปส่งที่ทำงาน” ลายเมฆบอกให้น้องสาวคลายใจ ก่อนจะบิดคันเร่งขี่รถออกไป

ม่านไหมมองตามท้ายรถของพี่ชายด้วยสายตาห่วงใย แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหันไปกดกริ่งเรียกเจ้าของบ้านให้มาเปิดประตูรับ ร่างอวบพีของโอโม่เดินท่อมๆ ออกมาเปิดประตูให้

“ทำไมไม่โทรมาก่อนยะ นังไหม แล้วเฮียเมฆมาด้วยหรือเปล่า” โอโม่ชะโงกหน้ามองไปรอบๆ กาย หวังเจอหน้าพ่อเทพบุตรสุดหล่อ แต่ต้องผิดหวังเมื่อเพื่อนสาวส่ายหน้าดุกดิก

“เฮียแค่มาส่งเฉยๆ อุ๊ยตายแล้ว ฉันลืมเอากระเป๋าลงจากรถเฮีย” ม่านไหมอุทานลั่น เมื่อนึกได้ว่าเธอคล้องกระเป๋าเป้ไว้ที่แฮนด์รถมอเตอร์ไซค์ของพี่ชาย “คืนนี้ ฉันขอยืมชุดนอนแกก่อนได้ไหม นังโอโม่”

“เออ... จะยืมอะไรก็ยืม รีบเข้ามาไวไว ละครกำลังสนุก คืนนี้มีฉากที่พี่ณเดชของฉันจะถอดเสื้อโชว์กล้ามด้วย”

หนุ่มใจสาวลากแขนเพื่อนตัวน้อยให้เข้ามา แล้วปิดประตูรั้วอย่างว่องไว ก่อนจะเดินบิดสะโพกอะร้าอร่ามของตัวเองเดินนำเข้าไปในบ้าน

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

ลายเมฆขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกมาจากซอยบ้านของโอโม่ เส้นทางนั้นค่อนข้างเปลี่ยวและมืดพอควร ชายหนุ่มมองเห็นรถเก๋งสีดำ กำลังเลี้ยวเข้าซอยมา จำได้ว่าเป็นรถคันเดียวกับที่ตามเขากับน้องสาวอยู่ จึงเร่งเครื่องขี่รถหนีไปอีกซอยด้วยความเร็วสูง เหมือนรถคันนั้นจะเห็นเขา จึงแล่นตามหลังมา ลายเมฆบิดคันเร่งสุดความเร็ว นำรถแล่นลัดเลาะตามทางเล็กออกมาจนเห็นถนนใหญ่ รถมอเตอร์แล่นออกจากซอยมืดตรงออกไปตามทางทันที

เอี๊ยด !!! โครม !!!

รถกระบะคันหนึ่ง ขับตรงมาตามถนนไม่ทันเห็นรถที่แล่นออกมาจากซอย จึงชนเสยเข้ากลางลำ รถเล็กเสียหลักแฉลบพุ่งเข้าพงหญ้าข้างทาง ร่างของคนขี่กระเด็นกลิ้งเหือนลูกขนุน ก่อนจะนอนแผ่สิ้นสติอยู่บนพื้น เลือดไหลนอง เจ้าของรถปิคอัพ รีบดับเครื่องเปิดประตูลงมาดูคนเจ็บ

“โอ๊ย... ทำไงดี เราขับรถชนคน ไม่รู้ตายหรือเปล่า” ญาดาค่อยก้มลงนั่งข้างๆ คนที่นองนิ่งอยู่บนพื้น เอื้อมมือมาแตะไหล่หนา ก่อนจะเขย่าเบาๆ “ นี่คุณ เป็นอะไรหรือเปล่า”

ร่างของผู้ชายที่นอนตัวงอเลือดท่วมไม่ไหวติง โชคดีที่เขาสวมหมวกกันน็อค จึงไม่เห็นเศษสมองไหลไปกองกับพื้น ดูจากอาการน่าจะบาดเจ็บหนักไม่น้อย ญาดาหยิบโทรศัพท์มากดโทรเรียกตำรวจและรถพยาบาล เธอไม่คิดหนีทั้งที่ทำได้ เพราะถนนช่วงนี้ค่อนข้างปลอดผู้คน แต่ด้วยนิสัยเป็นคนรักความยุติธรรมเหมือนบิดาที่เป็นนายตำรวจใหญ่ ทำให้ญาดาไม่อาจกระทำผิดได้ หญิงสาวไม่กล้าแตะร่างของคนเจ็บ เพราะตามที่เรียนมาไม่ให้เคลื่อนย้ายคนเจ็บโดยพละการโดยไม่มีแพทย์หรือพยาบาลช่วยเหลือ หากคนเจ็บกระดูกหักอาจเป็นอันตรายได้ ยิ่งหมดสติเลือดไหลนองแบบนี้ ยิ่งไม่ควรแตะต้อง

“นายอย่าเป็นอะไรเลยนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจชนนาย มันเป็นอุบัติเหตุ” เจ้าตัวพร่ำบอกคนไร้สติอยู่ซ้ำๆ

ไม่กี่นาที่ต่อมารถตำรวจกับรถพยาบาลก็มาถึง คนเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล คนชนก็ไปให้ปากคำที่โรงพัก กว่าจะเสณ็จสิ้นกระบวนความก็กินเวลาเกือบเช้า ญาดาพาร่างอ่อนระโหยมาดูอาการคนเจ็บที่โรงพยาบาล เธอหิ้วกระเป๋าเป้ของเขามาด้วย ส่วนรถมอเตอร์ไซค์ถูกตำรวจลากไปไว้ที่สถานีตำรวจ

“อาการคนเจ็บเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ” ญาดาเอ่ยถามนายแพทย์ผู้รักษา

“คนเจ็บ มีอาการสมองบวมเล็กน้อย กับกระดูกแขนหักต้องใส่เฝือก แล้วรอดูอาการตอนฟื้นอีกที”

“เขาจะเป็นอะไรมากไหมคะหมอ” แววตาใสแป๋วของหญิงสาวเจือรอยหวาดหวั่น ทำให้นายแพทย์ยิ้มเอ็นดู

“ไม่ต้องห่วงครับ อาการไม่หนักถึงกับเสียชีวิตหรอกครับ”

ญาดาสีหน้าดีขึ้น เมื่อได้ยินแบบนี้ เธอไม่อยากเป็นฆาตกรขับรถชนคนตายโดยไม่เจตนา ถ้าคนเจ็บฟื้นขึ้นมาแล้วเรียกร้องค่าชดเชยเท่าไหร่ เธอยินดีจ่ายโดยไม่อิดออดสักคำขอเพียงให้เขาฟื้นเท่านั้นเป็นพอ

“กลับไปพักผ่อนก่อนนะครับ แล้วค่อยมาเยี่ยมช่วงบ่ายๆก็ได้” คุณหมอแนะนำ เมื่อเห็นหน้าซีดๆ กับท่าทางอิดโรยของหญิงสาว

“ค่ะ ฝากหมอช่วยดูแลเขาด้วยนะคะ ถ้าเขาฟื้นเมื่อไหร่ ช่วยโทรไปบอกดิฉันด้วยนะคะ”

ญาดาเดินออกมาจากโรงพยาบาล แล้วขับรถกับไปคอนโดที่เธอมักใช้เป็นที่พักยามเข้ามาทำธุระในเมืองหลวง หญิงสาวตั้งใจจะกลับมาเยี่ยมคนเจ็บอีกครั้งในช่วงเย็น เธอคิดว่าเขาน่าจะฟื้นในช่วงนั้น จะได้จัดการค่ารักษากับค่าเสียหายให้เรียบร้อย ก่อนจะกลับไปบ้านสวนเพื่อทำงานต่ออย่างไร้ความกังวล

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

ที่โรงพยาบาล

คนเจ็บที่ถูกรถชนเมื่อวานฟื้นขึ้นมาในตอนเช้าวันนี้ ไม่ใช่เย็นวานอย่างที่คาด ญาดานอนเฝ้าดูอาการจนถึงเช้า พอตื่นขึ้นมาก็ได้ยินเสียงคนเจ็บร้องโอดโอย จึงรีบเรียกแพทย์มาดูอาการ หลังจากตรวจแล้วแพทย์ผู้รักษาก็รายงานอาการของคนเจ็บให้ทราบว่า

“คนไข้ได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง ทำให้สมองบวมส่งผลให้มีอาการความจำเสื่อมชั่วคราว นอกจากแขนหักแล้วกับช้ำในแล้วอาการอย่างอื่นก็ไม่น่าห่วงครับ”

ญาดากุมหน้าผาก ปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทันทีที่ได้รู้อาการคู่กรณีของเธอ พระเจ้า... เขาความจำเสื่อม ไม่มีบัตรประชาชนไม่มีหลักฐานเอกสารว่าชื่ออะไร แถมยังได้รับบาดเจ็บหนักอีก

“แล้วเขาจะจำอะไรได้เมื่อไหร่คะหมอ”

“หมอบอกระยะเวลาที่แน่ชัดไม่ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของคนไข้และการดูแลครับ”

ญาดาถอนหายใจหนักๆ ภาระกำลังหล่นโครมใส่หัวเธออย่างไม่ต้องสงสัย เธอคงไม่กล้าทิ้งเขาไว้ที่โรงพยาบาลด้วยสภาพน่าเวทนาแบบนี้แน่ มโนธรรมในจิตใจทำให้เจ้าของฟาร์มกล้วยไม้สาว ตัดสินใจจะพาตัวคนเจ็บไปดูแลเอง หากเขาความทรงจำฟื้นคืนมา เขาคงจะหาทางติดต่อกับญาติพี่น้องของเขาได้ เวลานี้เธอจำเป็นต้องดูแลเขาไปก่อน

“ขอบคุณค่ะหมอ ฉันขอเข้าไปดูเขาก่อนนะคะ” ญาดาพนมมือไหว้นายแพทย์ ก่อนจะเข้าไปในห้อง

ร่างบนเตียงนั่งอิงหมอนนุ่ม พยาบาลผู้ดูแลปรับเตียงให้เอนเพื่อให้คนเจ็บนั่งเอนหลังได้สบายขึ้น แขนข้างขวาของเขามีเฝือกหุ้มอยู่ ศีรษะแตกมีผ้าพันแผลพันไว้มองเห็นรอยเลือดซึมออกมาจากบาดแผล เนื้อตัวมีร่องรอยถลอกและบวมช้ำหลายแห่ง อาการสาหัสไม่น้อย ญาดาทอดสายตามองด้วยแววตาเวทนา

“สวัสดีค่ะ พี่ชื่อญาดานะคะ”

เธอนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วย ดวงตากลมใสจ้องมองใบหน้าเยินๆ ของเขาอย่างสงสาร ใบหน้าสวยเกินชายของเขาสะดุดตาคนมอง ดวงตากลมโตมีขนตาหนางอนสวยจนน่าอิจฉา จมูกโด่งเป็นสันรับกับคิ้วดกหนา ริมฝีปากรูปกระจับแดงสดเหมือนปากเด็กน่ามอง หน้าตาอ่อนใสแบบนี้คงจะอายุน้อยกว่าเธอหลายปี ญาดาเลยใช้สรรพนามแทนตัวเองว่าพี่

อีกฝ่ายขมวดคิ้ว มองหน้าคนมาเยี่ยม พยายามนึกว่าเธอเป็นใคร สมองของเขามันเปล่าโล่งไร้ข้อมูลไม่มีอะไรอยู่ในนั้นสักอย่าง พอตื่นขึ้นมาก็จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร ชื่ออะไร นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก เขามองคนที่เรียกแทนตัวเองว่าพี่ หน้าเธอไม่ถึงกับสวยจัด แต่น่ามองดวงตายาวเรียวไม่ถึงกับเล็กหยี แก้มนวลใสกับริมฝีปากบางสีกุหลบนั่น ทำให้คนมองรู้สึกคอแห้งผาก วูบไหวขึ้นมาแปลกๆ ชายหนุ่มถอนสายตาจาใบหน้างามก้มมองดูมือข้างที่ถูกเฝือกครอบไว้ แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่รู้สึกเอน็จอนาถกับสภาพของตัวเอง จำอะไรไม่ได้ไม่พอ ยังจะมาเป็นง่อยแขนหักอีก แบบนี้ไม่ต่างจากคนพิการเท่าไหร่เลย

“เรารู้จักกันด้วยเหรอ พี่รู้จักฉันใช่ไหม” เขาเงยหน้าขึ้นเอยถามเสียงแผ่ว ใช้มือข้างที่ยังปกติจับมือเธอไว้ จ้องหน้าเนียนใสไร้เครื่องสำอางอย่างคาดหวัง อีกฝ่ายกระชับมือตอบ ยิ้มให้กำลังใจ

“พี่เป็นคนขับรถชนน้องเมื่อคืนก่อน ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ระวังจนทำให้น้องบาดเจ็บ”

ญาดาเอ่ยขอโทษจากใจ รอยยิ้มเจื่อนลงเล็กน้อย เมื่อเห็นคนเจ็บนิ่วหน้าแล้วดึงมือเรียวยาวของเขาออก ท่าทางคงโกรธไม่น้อยที่เธอเป็นคนทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ

“ฉันอยากรู้ว่าฉันเป็นใคร ช่วยบอกด้วย” เสียงของเขากร้าวขึ้น ดวงตากลมโตวาววับกรุ่นโกรธ

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนที่พาน้องมามีแต่เป้ใบนี้ใบเดียว” ญาดาลุกขึ้นไปหยิบเป้สีดำที่วางอยู่บนโซฟา มาส่งให้เธอเปิดดูข้างในแล้ว พบแต่เสื้อผ้าผ็หญิงสามสี่ชุดกับเครื่องสำอางค์ และรูปถ่ายของชายหนุ่มหรือจะให้เรียกว่าชายใจสาวคงไม่ผิด เธอไม่กล้าบอกเขาว่าเขาเป็นอะไร ลองให้เจ้าตัวเห็นข้าวของกับรูปนั้นก่อน ถึงจะรู้ว่าตัวเองเป็นอะไร

“ทำไมมีแต่เสื้อผ้าผู้หญิง เครื่องสำอางด้วย”

ลายเมฆเทของในเป้ออกมากองบนเตียง ใช้มือข้างที่ปกติหยิบข้าวของในเป้ออกมาดูทีละชิ้น กระโปรง เสื้อสีหวาน ยังมีชุดชั้นในกับอันเดอร์แวร์ลูกไม้สีขาวอีกสองสามตัว ที่น่าตกใจจนคนเห็นมือไม้สั่นก็คือรูปถ่ายของผู้หญิงคนหนึ่งใส่ชุดสีชมพูฟูฟ่องแต่งหน้าทาปากครบเครื่องกำลังฉีกยิ้มให้กล้อง มือเรียวยาวหยิบกระจกส่องหน้าอันเล็กที่วางกองรวมกับตลับเครื่องสำอางมาส่องหน้าตัวเอง คนในรูปนั่นมันเขาชัดๆ

“ฉันเป็นกระเทยเหรอเนี่ย...” น้ำเสียงของเขาสั่นพร่า ดวงตากลมโตเบิกค้างหน้าซีดเผือด ตกใจกับหลักฐานยืนยันตัวตน โดยไม่รู้ว่าผู้หญิงในรูปนั้นคือม่านไหมน้องสาวฝาแฝดของเขาเอง

ญาดามองหน้าซีดของกระเทยหน้าหวานอย่างเห็นใจ เอื้อมมือมาดึงเขามากอดไว้พ้อมกับลูบหลังปลอบโยน หากเธอเป็นเขาคงตกใจไม่แพ้กันเมื่อฟื้นขึ้นมาแล้วจำอะไรไม่ได้สักอย่าง หลักฐานที่มีก็บ่งชี้สภาวะทางจิตใจว่าตัวเองเป็นคนผิดเพศ ไม่ช็อคก็ใจแข็งเกินไปแล้ว

“จะเป็นอะไรก็เป็นคนเหมือนกันจ้ะ ขอแค่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็พอ” ญาดาเอ่ยปลอบใจ ก่อนจะคลายอ้อมกอดแล้วลูบแก้มใสๆ ของกระเทยหน้าหวาน “เราน่ะเป็นกระเทยคุณภาพนะ สวยจนผู้หญิงอิจฉาเลยรู้ไหม”

ลายเมฆยิ้มแห้งๆ ไม่รู้สึกดีใจกับคำชมนั้นสักนิด แค่รู้สึกคุ้นกับคำว่ากระเทยคุณภาพ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก เขามองหน้าคนที่กำลังปลอบใจแล้วรู้สึกแปลกขึ้นมา เมื่อกี้ตอนที่ถูกเธอกอดทำไมกระเทยอย่างเขาถึงได้รู้สึกวูบวาบสะบัดร้อนสะบัดหนาวก็ไม่รู้ ยิ่งตอนนี้เขายิ่งรู้สึกร้อนวูบๆ ที่ช่องท้อง มือนุ่มของเธอลูบแก้มเขาแบบนี้ ชวนขนลุกยังไงไม่รู้ สุดจะทนไหว ลายเมฆเลยจับมือนั้นมากุมไว้ จะได้เลิกยุ่งกับแก้มของเขาเสียที

“แล้วฉันจะทำยังไงต่อไปคะ จำอะไรไม่ได้แถมยังเป็นกระเทยอีก” คำว่ากระเทยมันช่างแสลงใจนัก ลายเมฆไม่อยากรับสภาพนี้ ไม่อยากคิดว่าตัวเองจะเป็นกระเทยได้ยังไง

“ไม่ต้องคิดมาก ระหว่างที่น้องยังจำอะไรได้ พี่จะพาน้องไปอยู่ที่บ้านพี่ก่อน หมอบอกว่าถ้าอาการบาดเจ็บหายสนิท ความจำจะฟื้นคืนกลับมาเอง”

“ฉันจำชื่อตัวเองไม่ได้ พี่ญาดาช่วยตั้งชื่อให้ฉันได้ไหมคะ จะได้เรียกกันง่ายๆ หน่อย”

ลายเมฆมองญาดาตาแป๋ว ยิ้มประจบอีกฝ่าย เธอเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่เขาต้องเกาะไว้แน่นๆ การทำให้ตัวน่าสงสารน่าจะทำให้เธอเอ็นดู ไม่ทอดทิ้งเขาไประหว่างที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ นิสัยดั้งเดิมที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของหนุ่มจอมกระล่อน เริ่มสำแดงเดช

“เอาชื่ออะไรดีน้า” ญาดาจับปลายคางกระเทยหน้าหวาน หมุนไปหมุนมา พิศมองใบหน้าอยู่ครู่หนึ่ง “เอาชื่อยอดฮิตอันดับหนึ่งของเด็กไทยแล้วกัน พี่จะเรียกเราว่าน้องเมย์ดีไหม”

“ค่ะ น้องเมย์ก็น้องเมย์ค่ะ” ลายเมฆยิ้มหวานพยักหน้ารับอย่างพอใจ

... ยังดีกว่าถูกเรียกว่านังกระเทยล่ะวะ เอ้ย! ค่ะ...

น่านเกือบหลุดคำหยาบไม่เป็นกุลสตรีออกมา กระเทยน้องใหม่ตำหนิตัวเอง ดีที่แค่นึกไม่เผลอหลุดปากออกมาเป็นคำพูด ไม่อย่างนั้นภาพพจน์ของกระเทยน้อยคนงามคงป่นปี้หมดสิ้น

“รอให้หมออนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ พี่จะพาน้องเมย์ไปอยู่ที่บ้านพี่นะคะ”

“ค่ะพี่ญาดา แล้วบ้านพี่ญาดาอยู่ที่ไหนคะ”

ลายเมฆใช้ว่าคะขาได้อย่างไม่ขัดปาก เสียงทุ้มถูกเจ้าตัวดัดจนหวานแหวว น่าเอ็นดูในสายตาของญาดา หญิงสาวรู้สึกเหมือนได้น้องสาวเพิ่มมาอีกคน หลังจากต้องอยู่คนเดียวเพียงลำพังตั้งแต่พ่อกับแม่ตายจากไป

“บ้านพี่ทำสวนกล้วยไม้อยู่ที่นครปฐมจ้ะ น้องเมย์น่าจะชอบนะ น้องเมย์เรียกพี่ว่าพี่แยมก็ได้นะ พี่มีชื่อเล่นว่าแยมจ้ะ”

ญาดาลูบศีรษะของน้องสาวคนใหม่อย่างเอ็นดู ทอดสายตาสำรวจใบหน้าของน้องเมย์อย่างวิเคราะห์ ผมยาวปะบ่าซอยสไลด์ทำสีออกน้ำตาลทองแบบนี้ ทำให้หน้าของน้องเมย์ดูใสกระจ่างน่ามอง ถ้าเป็นผู้ชายแท้ๆ สาวๆ คงจะตามกันเกรียว หญิงสาวรู้สึกเสียดายความหล่อใสของกระเทยหน้าหวานขึ้นมา ก่อนจะสลัดความคิดบ้าๆ นั้นทิ้งจากสมอง

“น้องเมย์อยากทานอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวพี่จะลงไปหาซื้อของกินมาตุนไว้ จะได้ไม่ต้องลงไปบ่อย”

“น้องเมย์อยากทานขนมเค้กค่ะพี่แยม ถ้ามีน้ำส้มคั้นด้วยก็ดีนะคะ” เจ้าตัวยิ้มหวานเอ่ยอ้อนๆ อย่างน่ารักน่าชัง

ขนมเค้ก น้ำส้มคั้น ของกินนางเอกแท้ๆ ความรู้สึกเสียดายความหล่อใสในใจของญาดาทวีขึ้นมาอีกสองเท่า ได้แต่มองหนุ่มหน้าสวยอย่างระทมใจ ก่อนจะเดินออกไปหาซื้อขนมเค้กกับน้ำส้มคั้นมาป้อนคนป่วย หลังจากนั้นก็นั่งมองกระเทย หน้าหวานแต่งหน้าทาปากอยู่บนเตียงคนไข้ พร้อมกับซดกาแฟดำแกล้มกับข้าวเหนียวถั่วดำปลอบใจตัวเอง

พรหมลิขิตชักพาให้เธอมาพบกับเขา แล้วไยต้องกลั่นแกล้งให้เขากลายเป็นชายใจหญิงด้วยหนอ...

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

ทักทายนักอ่านทุกท่าน ที่แวะมาอ่านเรื่องนี้ค่ะ...

หากใครเคยอ่านนิยายเรื่องก่อนหน้าของผู้เขียนมาแล้ว จะจำได้ว่าพระเอกเรื่องนี้เคยมีบทบาทในนิยายเรื่อง ทัณฑ์สวาทมาเฟียมาก่อน บางเหตุการณ์ จะเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นบ้าง เช่นตอนแรกที่นำเสนอค่ะ ตอนต่อไปจะเป็นเรื่องของลายเมฆกับญาดา โดยไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องก่อนๆ อีก

เรื่อง เหลี่ยมร้ายลายเมฆ จะเป็นแนว โรแมนติก คอมเมดี้ กุ๊กกิ๊ก น่ารักๆ ค่ะ

อ่านเพลินๆ ไม่เครียด

ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ

รวิญาดา



รวิญาดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 พ.ย. 2555, 19:42:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 พ.ย. 2555, 19:42:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 1678





<< แนะนำตัวละคร   ตอนที่ 2. ห้ามไม่ได้ก็ใจมันเต้น 50% >>
เคสิยาห์ 1 พ.ย. 2555, 21:26:24 น.
like jaa


wii 2 พ.ย. 2555, 07:00:00 น.
สนุกเเน่เรื่องนี้ หลังจากที่หมั่นไส้อีตาหยางมาในเรื่องของหนูไหม


แว่นใส 2 พ.ย. 2555, 08:23:47 น.
55555


titirat 2 พ.ย. 2555, 11:02:54 น.
เรื่องนี้ฮา ค่า


หมูอ้วน 2 พ.ย. 2555, 14:13:49 น.
ถึงคิวเฮียเมฆแย้ววว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account