อาญาสวาทมาเฟีย
ความรักของเขา ตายไปพร้อมกับภรรยาและลูกในท้อง เหลือเพียงความแค้นที่หล่อเลี้ยงหัวใจ เธอคือน้องสาวของคนที่ฆ่าภรรยาและลูกของเขา เธอจึงต้องชดใช้ความผิดครั้งนี้
Tags: มาเฟีย นิยาย รวิญาดา ผการุ้ง
ตอน: ตอนที่ 2. หมากในเกมแค้น
ตอนที่ 2. หมากในเกมแค้น
สองวันต่อมาอิงอรก็เดินทางมาถึงฮ่องกง หญิงสาวเดินทางโดยไม่ได้บอกพี่ชาย เมื่อรู้จากอาเฟยที่นำของขวัญวันเกิดมาส่งให้ว่า พี่ชายของเธอเดินทางไปฮอกไกโดเพื่อร่วมประชุมกับเพื่อนนักธุรกิจ มีกำหนดกลับในอีกหนึ่งอาทิตย์ อิงอรจึงตัดสินใจไม่รอบอกพี่ชายเกรงคนเป็นน้าจะรอนาน การเดินทางครั้งนี้เธอไม่ได้มาเพียงลำพังเมื่อริวอิจิรู้ว่าน้าสาวของเธอกำลังจะคลอดก็ขอมาเยี่ยมด้วย อิงอรเลยไม่กล้าปฏิเสธจำต้องยอมให้เขาตามเธอมาด้วย เพื่อนชายของเธอคนนี้มีอายุมากกว่าเธอสองปีแต่เรียนช้า เลยต้องมาเรียนชั้นเดียวกับเธอ อิงอรรู้จักกับริวอิจิตั้งแต่สมัยมัธยมเขาเป็นเพื่อนชายคนเดียวที่อารีย์ยอมให้หลานสาวคบหา ด้วยรู้จักกันมาตั้งแต่เป็นเด็กจึงเป็นที่ไว้วางใจของน้าสาวจอมหวง
“นี่น้ำอิง ริวว่าเราเรียกแท็กซี่ไปกันเถอะ นี่รอมาตั้งครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่เห็นใครมารับเลย”
ริวอิจิยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ใบหน้าเริ่มแสดงสีหน้าหงุดหงิดขึ้นเล็กน้อย เมื่อถูกสายตาของหญิงสาววัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ที่มารอรับศิลปินคนโปรดพากันเมียงมองอย่างสนใจ เขาไม่ชอบทำตัวเป็นที่สนใจ ตอนอยู่เมืองไทยมีโมเดลลิ่งหลายต่อหลายแห่งมาทาบทามให้เป็นนายแบบ แต่ถูกชายหนุ่มปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย บางแห่งลงทุนไม่จับเซ็นสัญญาขอแค่ดูแลและรับงานให้ ริวอิจิก็ยังเฉย เมื่อถูกกวนมากๆ ชายหนุ่มก็ด่ากราดเข้าให้ แต่ถึงกระนั้นความหล่อของเขาก็ทำให้เจ้าตัวรู้สึกรำคาญอยู่เสมอ
“น้าอ้อยบอกว่าน้าเขยจะมารับ เดี๋ยวก็คลาดกันหรอก น้ำอิงไม่อยากให้น้าอ้อยเป็นห่วง รออีกสักนิดนะบางทีรถอาจจะติดก็ได้” อิงอรเกาะแขนเพื่อนชาย ยิ้มหวานให้คนขี้หงุดหงิด
ริวอิจิถอนหายใจยาว พยักหน้ารับอย่างจำยอม “อื้อ... ก็ได้” เวลาเห็นรอยยิ้มจากเธอทีไร เขาไม่เคยใจแข็งได้สักหน
สิบห้าปีแล้วสินะที่รู้จักกันมา จากเด็กหญิงผมเปียขี้แย กลายมาเป็นหญิงสาวแสนแกร่ง เขาไม่เคยเห็นเธอร้องไห้อีกนับตั้งแต่วันที่มารดาของอิงอรตายไป เพื่อนสาวของเขาเป็นเด็กผู้หญิงท่าทางนุ่มนิ่ม แต่จิตใจเข้มแข็งเกินใคร แม้จะเจอเรื่องกดดันเพียงใดก็ตาม เธอไม่เคยร้องไห้ฟูมฟายให้เห็น มีแต่ลุกขึ้นสู้ ยิ้มสู้กับทุกปัญหาและก้าวผ่านมันไปได้อย่างน่าทึ่ง ริวอิจิจึงเทหัวใจรักอิงอรเต็มหัวใจ พยายามใช้ความเป็นเพื่อนเป็นสะพานทอดเข้าสู่หัวใจของเธอ หวังว่าวันหนึ่งอิงอรจะมองเห็นความเอาใจใส่ที่เขาเพียรดูแลเธอมานานกว่าสิบปีบ้าง
“คุณน้ำอิงใช่ไหมครับ ผมอาปิงสามีคุณอารีย์ครับ”
ชายร่างสูงใหญ่ เดินตรงเข้ามาทักทายพร้อมแนะนำตัว ทำให้คนที่รออยู่ยิ้มกว้างรีบยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ น้าเขย เรียกหนูว่าน้ำอิงเฉยๆ เถอะค่ะ” อิงอรทำความเคารพน้าเขย แล้วผายมือไปยังเพื่อนชาย “นี่ริวอิจิค่ะ เป็นเพื่อนของน้ำอิง เขารู้จักกับน้าอ้อยค่ะเลยขอตามมาเยี่ยมด้วย”
อาปิงหันไปมองชายหนุ่มรูปร่างสูงผิวขาวจัด ใบหน้าหล่อเหลาครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“แล้วจะหนูน้ำอิงจะให้เพื่อนพักด้วยกันไหมครับ น้าจะได้สั่งให้เขาจัดห้องให้” อาปิงเอ่ยถาม
“ผมไม่รบกวนดีกว่าครับ จองโรงแรมไว้แล้ว พอดีจะมาเที่ยวด้วยเกรงจะไม่สะดวก”
ริวอิจิเป็นคนตอบคำถามนี้เอง เขามองน้าเขยของเพื่อนสาวอย่างสำรวจ อีกฝ่ายมีลักษณะบางอย่างน่ากลัวไม่น้อย แม้จะมีท่าทางเป็นมิตรแต่สายตาที่มองเขา มีแววตาบางอย่างที่เขาสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวแฝงเร้นอยู่ กลิ่นไอนักฆ่าฉายโชนออกมาจากแววตาคู่นั้น อิงอรเล่าให้ฟังเพียงว่าน้าเขยทำงานให้เจ้านายของน้าสาว แต่ไม่ได้บอกว่าทำงานอะไร หญิงสาวอาจไม่รู้หรืออีกฝ่ายไม่เปิดเผยให้รู้ เขาเริ่มรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนสาวขึ้นมา จากที่ตั้งใจจะเดินทางมาเป็นเพื่อน ริวอิจิคิดว่าคงต้องอยู่ยาว จนกว่าน้ำอิงจะกลับญี่ปุ่นถึงจะหายห่วง
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ภายในโรงแรมหรูของฮอกไกโด หย่งเผิงกับทาเคชิหัวหน้าแก๊งค์สึมิโยชินั่งเอนหลังอยู่ในห้องซาวน่าด้วยกัน ด้านนอกมีลูกสมุนในชุดสูทสีดำยืนดูแลอยู่ ปล่อยให้ผู้เป็นหัวหน้าได้พักผ่อนอยู่ภายในอย่างไร้กังวล ร่างผอมสูงของหย่งเผิงปรากฏริ้วรอยแผลเป็นทั่วแผ่นอกเป็นรอยกรีดหลายสิบรอย แขนข้างซ้ายมีรอยแผลน่าเกลียดเกิดจากรอยไฟไหมปรากฏอยู่ ด้านหลังของเขามีรอยสักรูปมังกรเต็มแผ่นหลังช่วงหัวของมังกรมีรอยแผลเป็นรอยใหญ่นูนขึ้น ทำให้รอยสักเสียรูปไม่สวยงามเหมือนเก่า ต่างจากร่างหนาของทาเคชิที่เต็มไปด้วยลวดลายสีสันสวยงามตลอดทั้งตัว มองดูคล้ายกับสวมเสื้อเอาไว้ แม้ขณะเปลือยยังมองไม่เห็นผิวเนื้อเพราะเต็มไปด้วยรอยสักเต็มพื้นที่ บ่งบอกคุณลักษณะของยากูซ่าผู้ซึ่งอยู่เหนือกฏเกณฑ์ของสังคม
“เดือนหน้าน้องสาวของคุณจะรับปริญญาแล้วสินะ” ทาเคชิเปรยขึ้น ขณะใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดไว้ ซับเหงื่อบนใบหน้า
หย่งเผิงยิ้มเย็น พยักหน้ารับสีหน้าเรียบนิ่ง “ใช่ครับ ลูกชายของคุณก็เรียนจบพร้อมกันนี่ครับ”
“ริวอิจิมันดื้อ จนป่านนี้แล้ว ยังไม่ยอมรับรับตำแหน่งทายาทต่อจากผม” ทาเคชิยิ้มขื่น สีหน้าเหนื่อยหน่ายเมื่อนึกถึงลูกชายคนเดียวของเขาขึ้นมา “ถ้าน้องสาวของคุณไม่มาเรียนต่อที่นี่ ไอ้ลูกชายของผม คงไม่ยอมกลับมาให้เห็นหน้า”
หากไม่เพราะริวอิจิลูกชายของทาเคชิหลงรักอิงอรน้องสาวของหย่งเผิง อดีตหัวหน้าแก๊งค์มังกรคงไม่มีอะไรมาเป็นเครื่องต่อรองกับทาเคชิได้ ริวอิจิมีมารดาเป็นคนไทยหลังจากมารดาตายเขาก็กลับไปอยู่กับตายายที่เมืองไทย หันหลังให้บิดาที่เป็นหัวหน้าแก๊งค์ยากูซ่า โดยไม่ยอมกลับมาให้เห็นหน้าอีก เพราะโกรธบิดาที่เป็นสาเหตุให้มารดาถูกคู่อริฆ่าตาย ริวอิจิเกลียดความเป็นยากูซ่าของบิดา เขาไม่ยอมเป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง ทาเคชิทั้งบังคับทั้งอ้อนวอนลูกชายก็ไม่สนใจ ครั้นจะยกตำแหน่งให้ผู้อื่นก็ทำไม่ได้เพราะสืบทอดกันตามสายเลือดรุ่นต่อรุ่น ผู้เป็นทายาทโดยตรงต้องรับตำแหน่งนี้โดยไม่มีข้อแม้
“ลี่อิงน้องสาวผมเป็นเด็กน่ารัก” หย่งเผิงเอ่ยชมน้องสาว เขามองหน้าเพื่อนผู้มีพระคุณด้วยแววตาหยั่งเชิง “ลูกชายคุณคงยอมทำตามใจคุณ หากรู้ว่าคุณสามารถทำให้ลี่อิงยอมแต่งงานกับเขาได้”
หย่งเผิงรู้ดีว่า คำแนะนำของเขาไม่เกินจริงเลย ริวอิจิรักน้องสาวของเขามากไม่อย่างนั้นจะยอมตามมาดูแลอิงอรถึงญี่ปุ่นได้อย่างไร ทั้งๆ ที่เคยลั่นวาจาว่าจะไม่กลับมาหาบิดาอีก อิงอรเป็นเครื่องต่อรองชั้นดีทำให้เขาได้รับความช่วยเหลือจากทาเคชิ หากเขายกน้องสาวให้เป็นสะใภ้ของอีกฝ่าย อาจจะทำให้ตัวเขาได้รับตำแหน่งในแก๊งค์ของทาเคชิซึ่งเป็นแก๊งค์ใหญ่หนึ่งในสามแก๊งค์ยากูซ่าที่มีอิทธิพลสูงสุดของญี่ปุ่น อิทธิพลของทาเคชิจะทำให้เขามีศักดิ์ศรีไม่น้อยหน้าซื่อเหวินหลัวหัวหน้าแก๊งค์มังกรคนปัจจุบัน และมีกำลังมากพอจะต่อกรกับหลี่ไท่หยางได้ ความแค้นเมื่อห้าปีก่อนจะได้รับการชำระเสียที หลังจากที่เขาได้ทวงคืนความแค้นกับจางหลงด้วยการจัดการกับดวงใจของมันมาแล้ว
“ถ้าคุณทำให้น้องสาวของคุณตกลงแต่งงานกับลูกชายผมได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไร”
ทาเคชิหันมาสบตากับหย่งเผิง เขายิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่องของอีกฝ่าย รู้ดีว่าหย่งเผิงต้องการยืมมือเขาช่วยแก้แค้น และหวนคืนสู่อำนาจเก่า ทาเคชิก็แสร้งเล่นไปตามเกม หากริวอิจิยอมกลับมารับตำแหน่งอย่างเต็มใจ บางทีเขาอาจไม่จำเป็นต้องกางปีกปกป้องหย่งเผิงอีก หัวหน้าแก๊งค์ยากูซ่าซ่อนแววตาเหยียดหยันไว้ภายใต้ใบหน้าเป็นมิตร สำหรับเขากับหย่งเผิงมีแค่ผลประโยชน์มากกว่ามิตรภาพอันแท้จริง เมื่อหย่งเผิงยังมีประโยชน์สำหรับเขาอยู่ก็จำเป็นต้องเลี้ยงไว้
“หลังงานรับปริญญา ลี่อิงจะเป็นเจ้าสาวของริวอิจิครับ” หย่งเผิงให้คำมั่น
เขารู้ว่าน้องสาวไม่มีทางขัดใจพี่ชายอย่างเขาได้ นึกขอบคุณตัวเองที่ไม่ฆ่าอิงอรทิ้งหลังจากส่งคนไปจัดการกับมารดาของน้องสาวให้ตายไปโดยไม่มีใครสงสัยว่าไม่ใช่เกิดจากอุบัติเหตุ แต่เป็นการสั่งฆ่า
“ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย ผมจะให้คุณดูแลการค้าของเราที่ฮ่องกง มีศักดิ์และตำแหน่งเท่ากับหัวหน้าสาขาคนหนึ่ง”
ทาเคชิให้ในสิ่งที่หย่งเผิงต้องการแลกกับความปรารถนาของลูกชาย หลังจากนั้นเขาจะให้ริวอิจิตัดสินใจเอง ว่าจะช่วยหย่งเผิงต่อ หรือจะปล่อยมือจากอีกฝ่าย โดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอีก เท่าที่ทำมาเขาก็เสี่ยงต่อการผิดใจกับแก๊งค์ยากูซ่าอีกสองแก๊งค์ ที่เป็นพันธมิตรของหลี่ไท่หยางอยู่ไม่น้อย หย่งเผิงไม่ต่างจากเห็บเหาไม่สร้างประโยชน์อะไรนอกจากความรำคาญใจ...
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
อาปิงขับรถพาอิงอรกับริวอิจิเดินทางมาถึงบ้านของเขากับภรรยา ที่ปลูกไว้ในบริเวณเดียวกันกับคฤหาสน์ของตระกูลเฉิน ซึ่งจางหลงได้ย้ายมาพำนักที่นี่หลังจากเฉินอวี้เหมยผู้เป็นภรรยาเสียชีวิตเมื่อสามปีก่อน ยกภาระการดูแลจางหมิงลูกชายคนเดียวให้หลินหลินพี่สาว โดยแวะไปเยี่ยมลูกชายอาทิตย์ละครั้ง
“บ้านน้าเขยน่าอยู่จังเลยนะคะ มีต้นไม้เยอะจัง”
อิงอรชะโงกมองผ่านกระจกรถอย่างตื่นเต้น อพาร์ทที่ญี่ปุ่นไม่มีต้นไม้ร่มรื่นเหมือนที่นี่ ในเมืองมีแต่ตึกสูงสร้างด้วยอิฐปูนเสียส่วนใหญ่ แม้จะเจริญด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย แต่ดูแห้งแล้งเสียเหลือเกิน พอได้เห็นต้นไม้บ้างหญิงสาวจึงรู้สึกชอบใจ
“คุณจางชอบต้นไม้ครับ เลยสั่งให้หามาปลูกไว้รอบๆ บ้าน” อาปิงเอ่ยอย่างอารมณ์ดี
เขายิ้มเมื่อปรายตามองผ่านกระจกส่องหลัง เห็นอิงอรมีปฏิกิริยากับชื่อของจางหลง พอรู้มาจากภรรยามาบ้างว่า เมื่อห้าปีก่อนจางหลงกับอิงอรเคยพบกัน ได้ร่วมช่วยกันจัดเตรียมงานแต่งงานให้ม่านไหมกับหลี่ไท่หยางผู้เป็นนายของเขามาก่อน หลานสาวของอารีย์คงจะรู้สึกพิเศษกับจางหลงไม่น้อย ถึงได้แสดงอาการแปลกๆ ยามได้ยินชื่อของอีกฝ่าย
“คุณจาง เอ่อ... คุณจางอยู่ที่นี่ดวยหรือคะ” อิงอรเอ่ยถามเสียงพร่า ใจเต้นแรงตั้งแต่ได้ยินชื่อของเขา
“ครับ ที่นี่คือบ้านตระกูลเฉิน บ้านของคุณอวี้เหมยภรรยาคุณจางครับ”
คำตอบของน้าเขยทำเอาคนฟัง ใจเหี่ยวแฟบลง นึกสมเพชตัวเองที่แอบหลงรักคนมีเจ้าของ ผ่านมาตั้งห้าปีแล้วหัวใจเจ้ากรรมไม่เคยลบภาพเขาออกจากใจได้เลย อิงอรหันไปมองหน้าริวอิจิ เห็นสายตาของเขาทอดมองเธออย่างห่วงใย ก็เอื้อมมือมาจับมือหนาของอีกฝ่ายไว้ ริวอิจิบีบกระชับมือตอบเขายิ้มให้เธอ
“ถ้าน้ำอิงชอบบ้านแบบนี้ ริวจะสร้างให้นะ จะปลูกต้นไม้เยอะๆ ดอกไม้สวยๆ เต็มสวน ดีมั้ย” ริวอิจิมองหน้าเพื่อนสาว ด้วยแววตาจริงจัง
“บ้านน้ำอิงที่เชียงใหม่ก็ต้นไม้เยอะ น้ำอิงกลับไปอยู่ที่นั่นก็ได้ ริวจะได้ไม่ต้องเหนื่อยไง” อิงอรหัวเราะเบาๆ ยิ้มให้เพื่อนชายอย่างสดใส
รู้ดีว่าเขาพูดจริง แต่เธอไม่ต้องการให้เขาตั้งความหวังกับเธอมากไป มันไม่ยุติธรรมหากเธอจะรับไมตรีของริวอิจิ ทั้งๆ ที่หัวใจยังมีใครคนนั้นซ่อนอยู่ เธอไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงสองใจ หากจะรักใครก็ขอรักทั้งหมดหัวใจ ไม่ใช่แค่ความเห็นใจโดยไม่รักแบบนี้
“คุณอารีย์มารอรับอยู่หน้าบ้านแล้ว ท้องโตใกล้คลอดยังชอบดื้อทำนู่นทำนี่อีก”
อาปิงบอกอิงอร พร้อมกับบ่นภรรยาที่ยืนโชว์พุงกลมๆ อยู่หน้าประตูบ้าน ด้วยน้ำเสียงห่วงใยมากกว่าจะโมโห พลอยทำให้คนได้ยินหัวเราะคิกคักไปด้วย
“คุณอารีย์ ทำไมไม่รออยู่ข้างในแดดมันร้อนนะ เดี๋ยวเป็นลมไปใครจะอุ้มคุณไหว”
อาปิงจอดรถได้ ก็ตรงรี่ไปประคองภรรยาให้เดินเข้าบ้านทันที ปล่อยให้แขกผู้มาเยือนเดินตามมาเอง
“ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า คุณนี่ยิ่งแก่ยิ่งขี้บ่นนะอาปิง” อารีย์ เถียงกลับไม่ยอมให้สามีบ่นฝ่ายเดียว
“คุณก็ยิ่งแก่ ก็ยิ่งดื้อ ถ้าลูกเกิดออกมาสงสัยดื้อเหมือนแม่แน่ๆ”
“รู้ว่าฉันแก่ ฉันดื้อ มาแต่งงานกับฉันทำไมล่ะ” ร่างอุ้ยอ้ายสะบัดตัวอย่างแสนงอนเมื่อได้ยินสามีพูดไม่เข้าหู เดือดร้อนคนปากเปราะต้องตามมาง้องอน
“ที่รักจ๋า คุณยังสาวยังสวย น่ารักกว่าผู้หญิงคนไหนในโลกเลยนะจ้ะ อย่าเครียดสิจ้ะเดี๋ยวลูกเกิดมาจะไม่สวยนะครับ”
อาปิงเข้ามาโอบกอดร่างอวบอิ่ม พร้อมหอมแก้มภรรยาอีกหลายฟอด รู้ว่าหากเธอโกรธวิธีเดียวที่จะง้อคือต้องแสดงความรักมากๆ เธอจะหายงอนเร็ว และกลับมาอารมณ์ดีเหมือนเดิม
“น่าอิจฉาน้าอ้อยจังเลยนะคะ น้าเขยเขาง้อน้าอ้อยแบบนี้นี่เอง น้ำอิงถึงได้มีน้องเร็ว” อิงอรแซวผู้เป็นน้า เมื่อเห็นอารีย์กับอาปิงแสดงความรักกันจนน่าอิจฉา
“คุณยายเคยบอกริวว่า ผัวเมียยิ่งทะเลาะกันบ่อยลูกยิ่งดก” ริวอิจิร่วมด้วยช่วยกันแซว เขาสนิทกับอารีย์เหมือนน้าแท้ๆ จึงกล้าแซวอีกฝ่ายแรงๆ
“มาถึงก็ปากดีกันทั้งคู่เลยนะ” อารีย์ขยับออกห่างจากสามีอย่างนึกอาย แสร้งดุเด็กๆ แก้เก้อ “ไม่เจอริวสามปี หล่อขึ้นเยอะเลยนะ สาวๆ ที่ญี่ปุ่นไม่แย่งกันเป็นแฟนเหรอเนี่ย”
อารีย์หยิกแก้มของหนุ่มหน้าใสอย่างหมั่นเขี้ยว ไม่สนใจสามีที่มองมาตาขวาง อาปิงเป็นคนขี้หึงเขาจะแสดงอาการทันที ที่เห็นภรรยาไปอยู่ใกล้ผู้ชายคนอื่น แรกๆ ก็ทะเลาะกันบ้านแทบแตก พอหลังๆ ชักเคยชินจึงได้แต่ทำใจ ถึงจะขี้หึงแต่อาปิงไม่เคยกล้าทำอะไรรุนแรง ได้แต่ทำหน้ายักษ์ กัดฟันกรอดๆ ไปตามประสา ถูกอ้อนเข้าหน่อยก็หายโกรธ อารีย์เลยแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ไปเสีย ปล่อยให้สามีเต้นไปฝ่ายเดียว
“แล้วน้ำอิงล่ะคะ ไม่สวยขึ้นบ้างเหรอคะ” คนเป็นหลานชักน้อยใจน้าสาว ที่ไม่ชมตัวเองสักคำ
“น้ำอิงของน้า ทั้งสวยและน่ารักที่สุดจ้า นี่ถ้าน้าไม่ท้องน้าจะส่งน้ำอิงประกวดมิสฮ่องกงปีนี้เลยนะ”
คำพูดหวานหูนั้น ทำเอาคนฟังฮาครืนกันทั้งกลุ่ม อาปิงส่ายหน้ากับคำพูดชวนหัวของภรรยา เธอเป็นคนมีอารมณ์ขัน ใครอยู่ใกล้ก็มีความสุข ทำให้เขาหลงรักสาวไทยช่างจ้อคนนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
อิงอรยิ้มกว้างรู้สึกถึงความรักความห่วงใยของน้าเขยที่มีต่อน้าสาวของเธอ พลอยให้เธอมีความสุขไปด้วย อารีย์เลือกคู่ชีวิตได้ดีจึงมีความสุขกับชีวิตสมรส อิงอรนึกสะท้อนใจหากเธอได้เจอคนที่รักเธอและเธอรักเขาแบบนี้ คงมีความสุขไม่น้อย หญิงสาวหันมาสบตากับเพื่อนชาย ริวอิจิยิ้มให้เธอด้วยสีหน้ามีความสุขไม่ต่างกัน ทำให้อิงอรรู้สึกเหนื่อยใจ ทำไมหัวใจเจ้ากรรม มันไม่ยอมเปิดโอกาสให้ผู้ชายคนนี้สักที ได้แต่จมปลักกับภาพฝันของผู้ชายคนนั้นอยู่ได้ เธอคงเป็นผู้หญิงที่ทั้งโง่และน่าสมเพชที่สุด
“น้าทำกับข้าวไว้เยอะเลย ของชอบของน้ำอิงทั้งนั้น ไปกินข้าวกันก่อนจะได้คุยกันต่อ” อารีย์จูงมือหลานสาว พาไปรับประทานอาหาร
น้าหลานพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน บอกเล่าเรื่องราวของกันและกัน โดยมีริวอิจิกับอาปิงช่วยเสริมเป็นระยะ บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุขสดใสเวลาผ่านไปรวดเร็วแทบไม่รู้ตัว ช่วงเย็นริวอิจิขอตัวกลับโรงแรมที่พักหลังจากนัดแนะกับอิงอรว่าจะมารับไปเที่ยวในวันพรุ่งนี้ อาปิงขับรถไปส่งเพื่อนของหลานสาวภรรยา ปล่อยให้สองน้าหลานอยู่ด้วยกันให้หายคิดถึง พอรถแล่นออกไปอารีย์ก็ชวนอิงอรออกมาเดินเล่นที่สวน
“บ้านกว้างจังเลยนะคะ ปลูกต้นไม้ดอกไม้เต็มไปหมด” อิงอรเอ่ยชม ขณะกวาดสายตามองต้นดอกกุหลาบสีขาวที่ปลูกไปเต็มสวนสวย
เจ้าของบ้านปลูกดอกกุหลาบไว้เพียงชนิดเดียวสีเดียว โดยไม่มีดอกไม้ชนิดอื่นแซมอยู่เลย กลิ่นหอมอ่อนๆ กรุ่นลอยมาตามสายลมให้ความรู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย อิงอรมองตึกหลังใหญ่ทาสีเหลืองนวลอย่างสนใจ นั่นคงเป็นบ้านพักของเจ้าของบ้าน หญิงสาวยังจำใบหน้าสวยหวานของอวี้เหมยได้ดี ภรรยาของจางหลงเป็นผู้หญิงน่ารักอ่อนหวาน เหมาะสมกับผู้ชายอบอุ่นและใจดีอย่างเขาเป็นที่สุด ตอนที่เธอเจอกับอวี้เหมยขณะนั้นอีกฝ่ายกำลังตั้งครรภ์อยู่ ป่านนี้ลูกของทั้งคู่คงโตมากแล้ว
“คุณอวี้เหมยเธอชอบดอกกุหลาบขาวมาก คุณจางเลยสั่งให้คนสวนเอามาปลูกไว้เต็มสวนแบบนี้” อารีย์บอกเล่าถึงคนจากไปด้วยความสงสาร
สามีของเธอเล่าให้ฟังว่าอวี้เหมยประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในขณะที่กำลังตั้งท้องลูกคนที่สองได้สามเดือน จางหลงแทบจะขาดใจตายตามภรรยา เขาทนอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่ไม่ได้เพราะมีความทรงจำระหว่างเขากับภรรยามากมายา จึงย้ายออกมาอยู่ที่บ้านตระกูลเฉินแห่งนี้ โดยฝากลูกชายให้พี่สาวช่วยดูแล ตัวเขาเอาแต่ทำงานโดยไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนอีกเลย
“น้ำอิงอยากพบคุณอวี้เหมยจังค่ะ อยากเห็นลูกของเธอด้วยป่านนี้ได้สักห้าขวบแล้วมั้งคะ น้าอ้อยพาน้ำอิงไปหาคุณอวี้เหมยหน่อยสิคะ” อิงอรเอ่ยชวนน้าสาว โดยไม่รู้ว่าคนที่เธออยากพบไม่ได้อยู่บนโลกนี้อีกแล้ว
“เราคงไปหาคุณอวี้เหมยไม่ได้หรอกจ้ะ น้ำอิง” อารีย์ถอนหายใจยาว
“คุณอวี้เหมยไม่อยู่เหรอคะ งั้นพรุ่งนี้ค่อยไปก็ได้ค่ะ” อิงอรทำหน้าเสียดาย มองน้าสาวที่ยิ้มแห้งอย่างสงสัย “ทำไมคะน้าอ้อย คณอวี้เหมยเธอไม่อยากให้ใครไปยุ่งกับเธอเหรอคะ”
“ไม่ใช่หรอกจ้ะ คุณอวี้เหมยเธอไม่อยู่แล้ว” อารีย์ดึงแขนหลานสาวให้นั่งลงบนม้านั่ง เริ่มต้นเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคนจากไปให้ฟัง
“คุณอวี้เหมยเธอเสียชีวิตแล้วจ้ะ น้าเขยของน้ำอิง เล่าให้น้าฟังว่า คุณอวี้เหมยเธอประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเมื่อสามปีก่อน ตอนนั้นเธอกำลังตั้งท้องลูกคนที่สองอยู่ด้วย คุณจางเสียใจมากแทบจะตายตาม ตอนนั้นคุณจางกับคุณอวี้เหมยอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่ คุณจางทนอยู่ที่นั่นไม่ไหว เลยย้ายออกมาอยู่ที่นี่แทน”
เรื่องราวสะเทือนใจที่เพิ่งรับรู้ทำให้คนฟังใจหายวาบ รู้สึกสงสารสองสามีภรรยาขึ้นมา ทั้งคู่รักกันมากจนน่าอิจฉา หัวใจของคนที่สูญเสียคงแหลกยับไม่มีชิ้นดี อิงอรนึกถึงจางหลงด้วยความห่วงใย เขาคงเจ็บปวดกับการจากไปของภรรยามากจนทนอยู่นที่ๆ คยมีภาพความทรงจำระหว่างเขากับภรรยาไม่ไหว ถึงได้ย้ายออกมาอยู่ที่ใหม่ คนที่น่าสงสารไม่แพ้กันคือลูกของทั้งสอง เด็กน้อยขาดแม่ไปตั้งแต่ยังไม่รู้ความคงจะว้าเหว่ไม่น้อย
“แล้วลูกของคุณจางล่ะคะ” อิงอรอดถามถึงเด็กไม่ได้
“คุณจางฝากคุณหลินหลินพี่สาวเลี้ยงไว้จ้ะ น้องหมิงลูกชายคุณจางอายุได้ห้าขวบแล้ว แกน่ารักมากหน้าเหมือนคุณจางอย่างกับพิมพ์เดียวกัน วันนี้คุณจางไปรับแกมานอนด้วย ถ้าน้ำอิงอยากเจอเดี๋ยวน้าจะพาไปหา”
“น้ำอิงอยากเจอน้องหมิงค่ะ” น้ำอิงรีบบอกน้าสาว
หญิงสาวทำท่าจะลุกขึ้นชวนผู้เป็นน้าไปหาเด็กชาย แต่คนที่อยากเจอก็วิ่งเข้ามาในสวนเสียก่อน ร่างเล็กๆ ของเด็กชายวิ่งตัวปลิวยิ้มแป้นมาหาอารีย์ แกโถมกายเข้ากอดร่างอุ้ยอ้ายนั้นอย่างคิดถึง ตอนที่อยู่บ้านหลี่ อารีย์เคยช่วยหลินหลินเลี้ยงเด็กชาย พอแต่งงานย้ายออกมาอยู่กับสามี จึงไม่ค่อยได้เจอกัน วันไหนจางหลงพาลูกชายมานอนที่บ้าน เด็กชายจะแวะมาหาอารีย์เสมอ
“ป้าอ้อย คิดถึงจังคร้าบ”
จางหมิงยิ้มแป้น มือน้อยจับแก้มของอารีย์ไว้แน่น ก้มลงหอมแก้มของเธอแรงๆ ทั้งซ้ายและขวา อารีย์หัวเราะเสียงดังกอดรัดฟัดจูบเด็กชายอย่างมันเขี้ยว
อิงอรมองเด็กชายอย่างเอ็นดู อยากกอดอยากฟัดร่างเล็กๆ นั้นสักที แต่ยังไม่กล้าเพราะยังไม่คุ้นเคยกัน ได้แต่มองน้าสาวกอดรัดฟัดเหวี่ยงเด็กชายตาปริบๆ อารีย์ดูเหมือนจะรู้ใจหลานสาวแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน
“น้องหมิง นี่พี่น้ำอิงหลานของน้าอ้อยจ้ะ” อารีย์บอกเด็กชาย ที่เมียงมองพี่สาวคนสวย อย่างสนใจ
อิงอรขยับเข้ามาใกล้ จับมือน้อยๆ ของเด็กชายมากุมไว้ พร้อมกับยิ้มหวาน “พี่นน้ำอิงจ้ะ เพิ่งมาจากญี่ปุ่น น้องหมิงเคยไปเที่ยวญี่ปุ่นมั้ยจ้ะ ที่นั่นมีดิสนี่แลนด์ด้วยนะ” หญิงสาวชวนเด็กชายคุย
จางหมิงมองใบหน้าสวยหวานด้วยแววตาสดใส แม้ไม่มีแม่คอยดูแลแต่เด็กน้อยก็ได้รับความรักจากผู้คนรอบตัว จึงเป็นเด็กร่าเริงเข้ากับคนได้ง่าย แกขยับตัวมานั่งตักพี่สาวคนใหม่อย่างถือสนิท
“พี่น้ำอิงสวยจัง ขอหมิงหอมแก้มหน่อยนะครับ”
แขนเล็กเกาะคออิงอรไว้พร้อมกับก้มลงหอมแก้มเธอแรงๆ โดยไม่รอให้อนุญาต เป็นการทักทายแบบถึงเนื้อถึงตัวและสนิทสนมอย่างคาดไม่ถึง ทำเอาคนถูกทักหัวเราะชอบใจ อารีย์เองก็พลอยหัวเราะไปด้วย
“ไปหอมแก้มพี่น้ำอิงแบบนี้ ต้องแต่งงานกับพี่น้ำอิงนะ” อารีย์แกล้งแซวเด็กชายเล่น
“พี่น้ำอิงสวย น้องหมิงจะให้พี่น้ำอิงเป็นแฟนน้องหมิง”
เด็กชายกอดอิงอรแน่นขึ้น แถมยังหอมแก้มอีกสองฟอด แล้วซบหน้าเกลือกกลิ้งบนอกนุ่มอย่างเพลิดเพลิน ทำเอาอิงอรหน้าแดง จนน้าสาวหัวเราะ
“น้องหมิงนี่ โตมาสงสัยจะเจ้าชู้ไม่หยอก” อารีย์ลูบศีรษะเด็กชายอย่างเอ็นดู
“ถ้าพี่น้ำอิงยอมเป็นแฟนน้องหมิง จะดูแลพี่น้ำอิงไหวหรือเปล่าครับ” อิงอรหอมแก้มนิ่มๆ ของเด็กชาย พลางเอ่ยถาม
“น้องหมิงดูแลพี่น้ำอิงไหว ใครมาใกล้น้องหมิงจะชกมัน ถ้าใครรังแกพี่น้ำอิงน้องหมิงจะเอาปืนยิงหัวมันด้วย” เด็กชายยิ้มแป้น ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว
“ตัวแค่นี้ดุจังเลย”
อิงอรรู้สึกเอ็นดูเด็กน้อย จางหมิงน่ารักเหลือเกินช่างพูดช่างเจรจา น่าสงสารที่ขาดแม่ตั้งแต่เล็กๆ
“ที่บ้านหลี่มีแต่ผู้หญิง น้องหมิงเลยชินกับการอยู่กับผู้หญิงจ้ะ แกสนิทกับคนง่ายโดยเฉพาะสาวๆ” อารีย์มองดูฟ้าที่เริ่มมืดแล้ว จึงชวนทุกคนเข้าบ้าน “จะมืดแล้ว น้าว่าพาน้องหมิงเข้าบ้านก่อนดีกว่า ไม่รู้อาบน้ำหรือยัง”
“ปะน้องหมิง พี่น้ำอิงจะพาไปส่ง” อิงอรปล่อยจางหมิงลงพื้น ขยับลุกขึ้นยืน
มือน้อยเกาะหมับที่แขนของเธอ ดวงตาใสแป๋วมองหน้าพี่สาวด้วยแววตาออดอ้อน “พี่น้ำอิงคนสวยคร้าบ ไปกินข้าวกับน้องหมิงนะคร้าบ ป้าจูทำกับข้าวอร่อย” เด็กชายเอ่ยชวน
อิงอรหันมามองหน้าน้าสาว “หนุ่มน้อยเขาชวนน้ำอิงไปทานข้าวค่ะน้าอ้อย ไปดีไหมคะ” เธอแกล้งถามน้าสาว
เด็กชายพยักหน้าหงึกๆ เขย่าแขนเธอแรงๆ “ต้องไปสิ เป็นแฟนน้องหมิงต้องไปกินข้าวกับน้องหมิง คุณพ่อจะได้รู้จักแฟนของน้องหมิงด้วย”
ดูเหมือนการพูดเล่น จะกลายเป็นเรื่องจริงจังสำหรับเด็กชายไปแล้ว เจ้าตัวทึกทักเอาเองว่าอิงอรเป็นแฟนของเขา ทำเอาแฟนสาวต่างวัยถึงกับยิ้มขำ จำต้องเล่นตามน้ำไป
“น้าอ้อยคะ หลานเขยน้าอ้อย เขาจะพาไปแนะนำให้รู้จักคุณพ่อด้วย”
“แหม... รักจริงหวังแต่งของแท้เลย น้ำอิงก็ตามใจน้องหมิงแกหน่อย พรุ่งนี้คุณจางก็เอาไปส่งที่บ้านหลี่แล้ว” อารีย์หัวเราะชอบใจ บอกให้หลานสาวตามใจเด็กชาย
สองสาวกับหนึ่งเด็กชาย จูงมือกันเดินไปยังตึกใหญ่ พอเข้าไปข้างใน เด็กชายก็ลากแขนแฟนสาวพาไปหาคุณพ่อที่นั่งอยู่บนโซฟายาวในห้องนั่งเล่น จางหมิงแม้จะยังเด็กก็แรงเยอะไม่เบาเมื่อเจ้าตัวถลาไปหาผู้เป็นพ่อ พร้อมกับกระชากแขนของอิงอรตามไปนั่งด้วย ร่างเล็กนั่งแปะบนตักผู้เป็นพ่อ โดยจับมือของหญิงสาวไว้ข้างหนึ่ง ร่างบางของอิงอรเลยถูกดึงให้นั่งลงชิดกับร่างหนาของจางหลงโดยไม่มีทางเลี่ยง
“คุณพ่อคร้าบ นี่พี่น้ำอิงแฟนหมิงคร้าบ” เด็กชายแนะนำแฟนสาวให้ผู้เป็นพ่อรู้จัก ด้วยใบหน้าภาคภูมิใจ
จางหลงย่นคิ้ว มองแฟนของลูกชายด้วยสายตาเรียบนิ่งคล้ายจดจำไม่ได้ ทำเอาคนถูกมองรู้สึกน้อยใจวูบหนึ่ง เขาจำเธอไม่ได้แต่เธอกลับจำใบหน้าหล่อเหลาคมคายนี้ได้ ตั้งแต่แวบแรกที่พบเจอ จางหลงไม่เปลี่ยนไปเท่าไหร่เลย ใบหน้าของเขายังทำให้คนมองใจเต้นแรงได้ไม่ต่างจากเมื่อห้าปีก่อน แม้เขาจะทำหน้าเฉยชาก็ตาม
“สวัสดีค่ะ คุณจาง น้ำอิงค่ะหลานน้าอ้อย” อิงอรจำต้องแนะนำตัว ให้เขารู้จักอย่างเป็นทางการ
“อืม... ยินดีที่ได้เจอคุณอีกครั้ง” น้ำเสียงทุ้มของเขายังนุ่มหูไม่เปลี่ยน แม้การทักทายจะดูห่างเหิน
“น้ำอิงมาช่วยดูแลพี่ตอนคลอดค่ะคุณจาง” อารีย์บอกเจ้าของบ้าน เธอขยับเข้ามายืนข้างๆ หลานสาว “น้ำอิงน้าว่า เรากลับไปบ้านกันดีกว่า น้าเขยคงจะมาแล้ว ขอตัวก่อนนะคะคุณจาง”
อิงอรพยักหน้ารับขยับตัวถอยห่างปลดมือของเด็กชายออก แต่จางหมิงไม่ยอมปล่อยมือ เด็กชายลงมาจากตักบิดา แล้วโถมกายเข้ากอดหญิงสาวไว้แน่น
“ไม่ให้ไป พี่น้ำอิงเป็นแฟนน้องหมิงก็ต้องอยู่กับน้องหมิงสิครับ” เด็กชายทำเสียงเข้ม มองหน้าแฟนสาวด้วยแววตาจริงจัง “เมื่อกี้พี่น้ำอิงสัญญาว่าจะกินข้าวกับน้องหมิง แล้วจะนอนกอดน้องหมิงทั้งคืนด้วย”
ข้อแรกน่ะจริงแต่ข้อสุดท้ายเด็กชายถือโอกาสเพิ่มเข้าไปแกมบังคับในที ทำเอาสองน้าหลานทำหน้าไม่ถูก อารีย์มองหน้าจางหลงอย่างขอความช่วยเหลือ รู้ดีว่าลูกชายของอีกฝ่ายเป็นเด็กค่อนข้างเอาแต่ใจ เพราะขาดแม่แต่เล็กทุกคนเลยตามใจ จางหมิงเลยติดนิสัยว่าต้องได้ทุกอย่างที่ตัวเองต้องการ มีคนเดียวที่เด็กชายกลัวคือมาดามหลี่ ภรรยาของหลี่ไท่หยาง
“ผู้หญิงกับผู้ชายนอนห้องเดียวกันไม่ได้ ต้องแต่งงานกันก่อนถึงจะอยู่ได้นะคะ” อารีย์พยายามอธิบายให้เด็กชายเชื่อ
“งั้น น้องหมิงจะแต่งงานกับพี่น้ำอิงนะครับ” เด็กชายไม่ยอมแพ้ ดวงตาฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมา อย่านึกว่าเขาเป็นเด็กแล้วจะมาหลอกง่ายๆ นะ
คนเป็นพ่อถึงกับสะอึก มองหน้าว่าที่ลูกสะใภ้ที่ทำหน้าแหยๆ แล้วถอนหายใจยาว เจ้าตัวเล็กกำลังทำให้เรื่องยุ่งขึ้นมา เมื่อดันไปชอบหญิงสาวคนนี้ เขารู้ดีว่าจางหมิงจะเกาะติดคนที่ตัวเองชอบแจ พรุ่งนี้คงไม่ยอมกลับไปบ้านหลี่ ถ้าจะไปก็คงต้องหอบหิ้วเอาอิงอรไปด้วย เขาไม่ต้องการให้ลูกชายไปใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงที่เป็นน้องสาวของคนที่ฆ่าแม่ของแก จางหลงจำต้องเล่นบทคุณพ่อจอมเฮี๊ยบ เลิกตามใจเจ้าตัวเล็กเสียที
“อาจู พาอาหมิงไปอาบน้ำนอนได้แล้ว!” เขาตะโกนเรียกพี่เลี้ยงเด็กเสียงดัง ขยับลุกขึ้นอุ้มเจ้าตัวยุ่งส่งให้ “พาแกเข้านอน แล้วอย่าให้ลงมาอีก”
“ไม่เอ๊า น้องหมิงจะให้พี่น้ำอิงไปด้วย” จางหมิงไม่ยอมไปง่ายๆ ดิ้นหนีจะมาหาอิงอรให้ได้
“อาหมิง อย่าดื้อสิลูก ไม่อย่างงั้น พ่อจะไม่รับเรามาที่บ้านนี้อีกนะ และจะบอกให้มาดามหลี่ลงโทษเราด้วย”
เด็กชายหยุดดิ้นทันที เมื่อได้ยินชื่อคนที่แกกลัว แกหันไปมองหน้าอิงอรด้วยสายตาออดอ้อน จนหญิงสาวทนสงสารไม่ไหว เดินเข้าไปหาแล้วกอดร่างเล็กๆ ไว้
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ พี่น้ำอิงจะมาเล่นกับน้องหมิงใหม่นะคะ” เธอเกี่ยวก้อยให้สัญญา พร้อมกับหอมแก้มนิ่มๆ แรงๆ
จางหมิงยิ้มออก ยื่นหน้าไปหอมแก้มพี่สาวคนสวยบ้าง “ครับพี่น้ำอิง”
เมื่อพี่เลี้ยงพาเด็กชายเข้าห้องไปแล้ว อิงอรกับอารีย์จึงขอตัวกลับ จางหลงมองตามร่างเล็กบางของหญิงสาวด้วยสายตาครุ่นคิด เขาหยิบโทรศัพท์มากดเปิดคลิปวีดีโอ นั่งดูภาพสะเทือนใจนั้นจนจบ ก่อนจะกดปิดแล้วปัดความรู้สึกกวนใจทิ้งไป อิงอรคือหมากในเกมนี้ เขาจำเป็นต้องทำตามความต้องการของซื่อเหวินหลัว หากมันจะช่วยให้เขาจัดการกับหย่งเผิงได้เร็วขึ้น แม้จะต้องทำร้ายคนที่ไม่รู้เรื่องอย่างอิงอร เขาก็จำต้องทำ...
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
มาอัพตอนที่สองแล้วนะคะ
ลงให้อ่านแบบยาวๆ เต็มตอนเลยค่ะ ^_^
ตอนนี้เนื้อหาเบาๆ คลายเครียดกันด้วยความน่ารักของน้องหมิง ลูกชายเฮียหลงนะคะ
มีหนุ่มหล่อ มาเพิ่มสีสันให้เรื่องด้วยอีกหนึ่งหนุ่ม สาวๆ ระวังจะหลงรัก หนุ่มริวของเรานะจ้ะ
ติดตามตอนต่อไปนะคะ ว่าเฮียหลงเขาวางแผนจะทำอะไรหนูน้ำอิง
ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ
รวิญาดา/ผการุ้ง
สองวันต่อมาอิงอรก็เดินทางมาถึงฮ่องกง หญิงสาวเดินทางโดยไม่ได้บอกพี่ชาย เมื่อรู้จากอาเฟยที่นำของขวัญวันเกิดมาส่งให้ว่า พี่ชายของเธอเดินทางไปฮอกไกโดเพื่อร่วมประชุมกับเพื่อนนักธุรกิจ มีกำหนดกลับในอีกหนึ่งอาทิตย์ อิงอรจึงตัดสินใจไม่รอบอกพี่ชายเกรงคนเป็นน้าจะรอนาน การเดินทางครั้งนี้เธอไม่ได้มาเพียงลำพังเมื่อริวอิจิรู้ว่าน้าสาวของเธอกำลังจะคลอดก็ขอมาเยี่ยมด้วย อิงอรเลยไม่กล้าปฏิเสธจำต้องยอมให้เขาตามเธอมาด้วย เพื่อนชายของเธอคนนี้มีอายุมากกว่าเธอสองปีแต่เรียนช้า เลยต้องมาเรียนชั้นเดียวกับเธอ อิงอรรู้จักกับริวอิจิตั้งแต่สมัยมัธยมเขาเป็นเพื่อนชายคนเดียวที่อารีย์ยอมให้หลานสาวคบหา ด้วยรู้จักกันมาตั้งแต่เป็นเด็กจึงเป็นที่ไว้วางใจของน้าสาวจอมหวง
“นี่น้ำอิง ริวว่าเราเรียกแท็กซี่ไปกันเถอะ นี่รอมาตั้งครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่เห็นใครมารับเลย”
ริวอิจิยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ใบหน้าเริ่มแสดงสีหน้าหงุดหงิดขึ้นเล็กน้อย เมื่อถูกสายตาของหญิงสาววัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ที่มารอรับศิลปินคนโปรดพากันเมียงมองอย่างสนใจ เขาไม่ชอบทำตัวเป็นที่สนใจ ตอนอยู่เมืองไทยมีโมเดลลิ่งหลายต่อหลายแห่งมาทาบทามให้เป็นนายแบบ แต่ถูกชายหนุ่มปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย บางแห่งลงทุนไม่จับเซ็นสัญญาขอแค่ดูแลและรับงานให้ ริวอิจิก็ยังเฉย เมื่อถูกกวนมากๆ ชายหนุ่มก็ด่ากราดเข้าให้ แต่ถึงกระนั้นความหล่อของเขาก็ทำให้เจ้าตัวรู้สึกรำคาญอยู่เสมอ
“น้าอ้อยบอกว่าน้าเขยจะมารับ เดี๋ยวก็คลาดกันหรอก น้ำอิงไม่อยากให้น้าอ้อยเป็นห่วง รออีกสักนิดนะบางทีรถอาจจะติดก็ได้” อิงอรเกาะแขนเพื่อนชาย ยิ้มหวานให้คนขี้หงุดหงิด
ริวอิจิถอนหายใจยาว พยักหน้ารับอย่างจำยอม “อื้อ... ก็ได้” เวลาเห็นรอยยิ้มจากเธอทีไร เขาไม่เคยใจแข็งได้สักหน
สิบห้าปีแล้วสินะที่รู้จักกันมา จากเด็กหญิงผมเปียขี้แย กลายมาเป็นหญิงสาวแสนแกร่ง เขาไม่เคยเห็นเธอร้องไห้อีกนับตั้งแต่วันที่มารดาของอิงอรตายไป เพื่อนสาวของเขาเป็นเด็กผู้หญิงท่าทางนุ่มนิ่ม แต่จิตใจเข้มแข็งเกินใคร แม้จะเจอเรื่องกดดันเพียงใดก็ตาม เธอไม่เคยร้องไห้ฟูมฟายให้เห็น มีแต่ลุกขึ้นสู้ ยิ้มสู้กับทุกปัญหาและก้าวผ่านมันไปได้อย่างน่าทึ่ง ริวอิจิจึงเทหัวใจรักอิงอรเต็มหัวใจ พยายามใช้ความเป็นเพื่อนเป็นสะพานทอดเข้าสู่หัวใจของเธอ หวังว่าวันหนึ่งอิงอรจะมองเห็นความเอาใจใส่ที่เขาเพียรดูแลเธอมานานกว่าสิบปีบ้าง
“คุณน้ำอิงใช่ไหมครับ ผมอาปิงสามีคุณอารีย์ครับ”
ชายร่างสูงใหญ่ เดินตรงเข้ามาทักทายพร้อมแนะนำตัว ทำให้คนที่รออยู่ยิ้มกว้างรีบยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ น้าเขย เรียกหนูว่าน้ำอิงเฉยๆ เถอะค่ะ” อิงอรทำความเคารพน้าเขย แล้วผายมือไปยังเพื่อนชาย “นี่ริวอิจิค่ะ เป็นเพื่อนของน้ำอิง เขารู้จักกับน้าอ้อยค่ะเลยขอตามมาเยี่ยมด้วย”
อาปิงหันไปมองชายหนุ่มรูปร่างสูงผิวขาวจัด ใบหน้าหล่อเหลาครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“แล้วจะหนูน้ำอิงจะให้เพื่อนพักด้วยกันไหมครับ น้าจะได้สั่งให้เขาจัดห้องให้” อาปิงเอ่ยถาม
“ผมไม่รบกวนดีกว่าครับ จองโรงแรมไว้แล้ว พอดีจะมาเที่ยวด้วยเกรงจะไม่สะดวก”
ริวอิจิเป็นคนตอบคำถามนี้เอง เขามองน้าเขยของเพื่อนสาวอย่างสำรวจ อีกฝ่ายมีลักษณะบางอย่างน่ากลัวไม่น้อย แม้จะมีท่าทางเป็นมิตรแต่สายตาที่มองเขา มีแววตาบางอย่างที่เขาสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวแฝงเร้นอยู่ กลิ่นไอนักฆ่าฉายโชนออกมาจากแววตาคู่นั้น อิงอรเล่าให้ฟังเพียงว่าน้าเขยทำงานให้เจ้านายของน้าสาว แต่ไม่ได้บอกว่าทำงานอะไร หญิงสาวอาจไม่รู้หรืออีกฝ่ายไม่เปิดเผยให้รู้ เขาเริ่มรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนสาวขึ้นมา จากที่ตั้งใจจะเดินทางมาเป็นเพื่อน ริวอิจิคิดว่าคงต้องอยู่ยาว จนกว่าน้ำอิงจะกลับญี่ปุ่นถึงจะหายห่วง
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ภายในโรงแรมหรูของฮอกไกโด หย่งเผิงกับทาเคชิหัวหน้าแก๊งค์สึมิโยชินั่งเอนหลังอยู่ในห้องซาวน่าด้วยกัน ด้านนอกมีลูกสมุนในชุดสูทสีดำยืนดูแลอยู่ ปล่อยให้ผู้เป็นหัวหน้าได้พักผ่อนอยู่ภายในอย่างไร้กังวล ร่างผอมสูงของหย่งเผิงปรากฏริ้วรอยแผลเป็นทั่วแผ่นอกเป็นรอยกรีดหลายสิบรอย แขนข้างซ้ายมีรอยแผลน่าเกลียดเกิดจากรอยไฟไหมปรากฏอยู่ ด้านหลังของเขามีรอยสักรูปมังกรเต็มแผ่นหลังช่วงหัวของมังกรมีรอยแผลเป็นรอยใหญ่นูนขึ้น ทำให้รอยสักเสียรูปไม่สวยงามเหมือนเก่า ต่างจากร่างหนาของทาเคชิที่เต็มไปด้วยลวดลายสีสันสวยงามตลอดทั้งตัว มองดูคล้ายกับสวมเสื้อเอาไว้ แม้ขณะเปลือยยังมองไม่เห็นผิวเนื้อเพราะเต็มไปด้วยรอยสักเต็มพื้นที่ บ่งบอกคุณลักษณะของยากูซ่าผู้ซึ่งอยู่เหนือกฏเกณฑ์ของสังคม
“เดือนหน้าน้องสาวของคุณจะรับปริญญาแล้วสินะ” ทาเคชิเปรยขึ้น ขณะใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดไว้ ซับเหงื่อบนใบหน้า
หย่งเผิงยิ้มเย็น พยักหน้ารับสีหน้าเรียบนิ่ง “ใช่ครับ ลูกชายของคุณก็เรียนจบพร้อมกันนี่ครับ”
“ริวอิจิมันดื้อ จนป่านนี้แล้ว ยังไม่ยอมรับรับตำแหน่งทายาทต่อจากผม” ทาเคชิยิ้มขื่น สีหน้าเหนื่อยหน่ายเมื่อนึกถึงลูกชายคนเดียวของเขาขึ้นมา “ถ้าน้องสาวของคุณไม่มาเรียนต่อที่นี่ ไอ้ลูกชายของผม คงไม่ยอมกลับมาให้เห็นหน้า”
หากไม่เพราะริวอิจิลูกชายของทาเคชิหลงรักอิงอรน้องสาวของหย่งเผิง อดีตหัวหน้าแก๊งค์มังกรคงไม่มีอะไรมาเป็นเครื่องต่อรองกับทาเคชิได้ ริวอิจิมีมารดาเป็นคนไทยหลังจากมารดาตายเขาก็กลับไปอยู่กับตายายที่เมืองไทย หันหลังให้บิดาที่เป็นหัวหน้าแก๊งค์ยากูซ่า โดยไม่ยอมกลับมาให้เห็นหน้าอีก เพราะโกรธบิดาที่เป็นสาเหตุให้มารดาถูกคู่อริฆ่าตาย ริวอิจิเกลียดความเป็นยากูซ่าของบิดา เขาไม่ยอมเป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง ทาเคชิทั้งบังคับทั้งอ้อนวอนลูกชายก็ไม่สนใจ ครั้นจะยกตำแหน่งให้ผู้อื่นก็ทำไม่ได้เพราะสืบทอดกันตามสายเลือดรุ่นต่อรุ่น ผู้เป็นทายาทโดยตรงต้องรับตำแหน่งนี้โดยไม่มีข้อแม้
“ลี่อิงน้องสาวผมเป็นเด็กน่ารัก” หย่งเผิงเอ่ยชมน้องสาว เขามองหน้าเพื่อนผู้มีพระคุณด้วยแววตาหยั่งเชิง “ลูกชายคุณคงยอมทำตามใจคุณ หากรู้ว่าคุณสามารถทำให้ลี่อิงยอมแต่งงานกับเขาได้”
หย่งเผิงรู้ดีว่า คำแนะนำของเขาไม่เกินจริงเลย ริวอิจิรักน้องสาวของเขามากไม่อย่างนั้นจะยอมตามมาดูแลอิงอรถึงญี่ปุ่นได้อย่างไร ทั้งๆ ที่เคยลั่นวาจาว่าจะไม่กลับมาหาบิดาอีก อิงอรเป็นเครื่องต่อรองชั้นดีทำให้เขาได้รับความช่วยเหลือจากทาเคชิ หากเขายกน้องสาวให้เป็นสะใภ้ของอีกฝ่าย อาจจะทำให้ตัวเขาได้รับตำแหน่งในแก๊งค์ของทาเคชิซึ่งเป็นแก๊งค์ใหญ่หนึ่งในสามแก๊งค์ยากูซ่าที่มีอิทธิพลสูงสุดของญี่ปุ่น อิทธิพลของทาเคชิจะทำให้เขามีศักดิ์ศรีไม่น้อยหน้าซื่อเหวินหลัวหัวหน้าแก๊งค์มังกรคนปัจจุบัน และมีกำลังมากพอจะต่อกรกับหลี่ไท่หยางได้ ความแค้นเมื่อห้าปีก่อนจะได้รับการชำระเสียที หลังจากที่เขาได้ทวงคืนความแค้นกับจางหลงด้วยการจัดการกับดวงใจของมันมาแล้ว
“ถ้าคุณทำให้น้องสาวของคุณตกลงแต่งงานกับลูกชายผมได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไร”
ทาเคชิหันมาสบตากับหย่งเผิง เขายิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่องของอีกฝ่าย รู้ดีว่าหย่งเผิงต้องการยืมมือเขาช่วยแก้แค้น และหวนคืนสู่อำนาจเก่า ทาเคชิก็แสร้งเล่นไปตามเกม หากริวอิจิยอมกลับมารับตำแหน่งอย่างเต็มใจ บางทีเขาอาจไม่จำเป็นต้องกางปีกปกป้องหย่งเผิงอีก หัวหน้าแก๊งค์ยากูซ่าซ่อนแววตาเหยียดหยันไว้ภายใต้ใบหน้าเป็นมิตร สำหรับเขากับหย่งเผิงมีแค่ผลประโยชน์มากกว่ามิตรภาพอันแท้จริง เมื่อหย่งเผิงยังมีประโยชน์สำหรับเขาอยู่ก็จำเป็นต้องเลี้ยงไว้
“หลังงานรับปริญญา ลี่อิงจะเป็นเจ้าสาวของริวอิจิครับ” หย่งเผิงให้คำมั่น
เขารู้ว่าน้องสาวไม่มีทางขัดใจพี่ชายอย่างเขาได้ นึกขอบคุณตัวเองที่ไม่ฆ่าอิงอรทิ้งหลังจากส่งคนไปจัดการกับมารดาของน้องสาวให้ตายไปโดยไม่มีใครสงสัยว่าไม่ใช่เกิดจากอุบัติเหตุ แต่เป็นการสั่งฆ่า
“ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย ผมจะให้คุณดูแลการค้าของเราที่ฮ่องกง มีศักดิ์และตำแหน่งเท่ากับหัวหน้าสาขาคนหนึ่ง”
ทาเคชิให้ในสิ่งที่หย่งเผิงต้องการแลกกับความปรารถนาของลูกชาย หลังจากนั้นเขาจะให้ริวอิจิตัดสินใจเอง ว่าจะช่วยหย่งเผิงต่อ หรือจะปล่อยมือจากอีกฝ่าย โดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอีก เท่าที่ทำมาเขาก็เสี่ยงต่อการผิดใจกับแก๊งค์ยากูซ่าอีกสองแก๊งค์ ที่เป็นพันธมิตรของหลี่ไท่หยางอยู่ไม่น้อย หย่งเผิงไม่ต่างจากเห็บเหาไม่สร้างประโยชน์อะไรนอกจากความรำคาญใจ...
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
อาปิงขับรถพาอิงอรกับริวอิจิเดินทางมาถึงบ้านของเขากับภรรยา ที่ปลูกไว้ในบริเวณเดียวกันกับคฤหาสน์ของตระกูลเฉิน ซึ่งจางหลงได้ย้ายมาพำนักที่นี่หลังจากเฉินอวี้เหมยผู้เป็นภรรยาเสียชีวิตเมื่อสามปีก่อน ยกภาระการดูแลจางหมิงลูกชายคนเดียวให้หลินหลินพี่สาว โดยแวะไปเยี่ยมลูกชายอาทิตย์ละครั้ง
“บ้านน้าเขยน่าอยู่จังเลยนะคะ มีต้นไม้เยอะจัง”
อิงอรชะโงกมองผ่านกระจกรถอย่างตื่นเต้น อพาร์ทที่ญี่ปุ่นไม่มีต้นไม้ร่มรื่นเหมือนที่นี่ ในเมืองมีแต่ตึกสูงสร้างด้วยอิฐปูนเสียส่วนใหญ่ แม้จะเจริญด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย แต่ดูแห้งแล้งเสียเหลือเกิน พอได้เห็นต้นไม้บ้างหญิงสาวจึงรู้สึกชอบใจ
“คุณจางชอบต้นไม้ครับ เลยสั่งให้หามาปลูกไว้รอบๆ บ้าน” อาปิงเอ่ยอย่างอารมณ์ดี
เขายิ้มเมื่อปรายตามองผ่านกระจกส่องหลัง เห็นอิงอรมีปฏิกิริยากับชื่อของจางหลง พอรู้มาจากภรรยามาบ้างว่า เมื่อห้าปีก่อนจางหลงกับอิงอรเคยพบกัน ได้ร่วมช่วยกันจัดเตรียมงานแต่งงานให้ม่านไหมกับหลี่ไท่หยางผู้เป็นนายของเขามาก่อน หลานสาวของอารีย์คงจะรู้สึกพิเศษกับจางหลงไม่น้อย ถึงได้แสดงอาการแปลกๆ ยามได้ยินชื่อของอีกฝ่าย
“คุณจาง เอ่อ... คุณจางอยู่ที่นี่ดวยหรือคะ” อิงอรเอ่ยถามเสียงพร่า ใจเต้นแรงตั้งแต่ได้ยินชื่อของเขา
“ครับ ที่นี่คือบ้านตระกูลเฉิน บ้านของคุณอวี้เหมยภรรยาคุณจางครับ”
คำตอบของน้าเขยทำเอาคนฟัง ใจเหี่ยวแฟบลง นึกสมเพชตัวเองที่แอบหลงรักคนมีเจ้าของ ผ่านมาตั้งห้าปีแล้วหัวใจเจ้ากรรมไม่เคยลบภาพเขาออกจากใจได้เลย อิงอรหันไปมองหน้าริวอิจิ เห็นสายตาของเขาทอดมองเธออย่างห่วงใย ก็เอื้อมมือมาจับมือหนาของอีกฝ่ายไว้ ริวอิจิบีบกระชับมือตอบเขายิ้มให้เธอ
“ถ้าน้ำอิงชอบบ้านแบบนี้ ริวจะสร้างให้นะ จะปลูกต้นไม้เยอะๆ ดอกไม้สวยๆ เต็มสวน ดีมั้ย” ริวอิจิมองหน้าเพื่อนสาว ด้วยแววตาจริงจัง
“บ้านน้ำอิงที่เชียงใหม่ก็ต้นไม้เยอะ น้ำอิงกลับไปอยู่ที่นั่นก็ได้ ริวจะได้ไม่ต้องเหนื่อยไง” อิงอรหัวเราะเบาๆ ยิ้มให้เพื่อนชายอย่างสดใส
รู้ดีว่าเขาพูดจริง แต่เธอไม่ต้องการให้เขาตั้งความหวังกับเธอมากไป มันไม่ยุติธรรมหากเธอจะรับไมตรีของริวอิจิ ทั้งๆ ที่หัวใจยังมีใครคนนั้นซ่อนอยู่ เธอไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงสองใจ หากจะรักใครก็ขอรักทั้งหมดหัวใจ ไม่ใช่แค่ความเห็นใจโดยไม่รักแบบนี้
“คุณอารีย์มารอรับอยู่หน้าบ้านแล้ว ท้องโตใกล้คลอดยังชอบดื้อทำนู่นทำนี่อีก”
อาปิงบอกอิงอร พร้อมกับบ่นภรรยาที่ยืนโชว์พุงกลมๆ อยู่หน้าประตูบ้าน ด้วยน้ำเสียงห่วงใยมากกว่าจะโมโห พลอยทำให้คนได้ยินหัวเราะคิกคักไปด้วย
“คุณอารีย์ ทำไมไม่รออยู่ข้างในแดดมันร้อนนะ เดี๋ยวเป็นลมไปใครจะอุ้มคุณไหว”
อาปิงจอดรถได้ ก็ตรงรี่ไปประคองภรรยาให้เดินเข้าบ้านทันที ปล่อยให้แขกผู้มาเยือนเดินตามมาเอง
“ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า คุณนี่ยิ่งแก่ยิ่งขี้บ่นนะอาปิง” อารีย์ เถียงกลับไม่ยอมให้สามีบ่นฝ่ายเดียว
“คุณก็ยิ่งแก่ ก็ยิ่งดื้อ ถ้าลูกเกิดออกมาสงสัยดื้อเหมือนแม่แน่ๆ”
“รู้ว่าฉันแก่ ฉันดื้อ มาแต่งงานกับฉันทำไมล่ะ” ร่างอุ้ยอ้ายสะบัดตัวอย่างแสนงอนเมื่อได้ยินสามีพูดไม่เข้าหู เดือดร้อนคนปากเปราะต้องตามมาง้องอน
“ที่รักจ๋า คุณยังสาวยังสวย น่ารักกว่าผู้หญิงคนไหนในโลกเลยนะจ้ะ อย่าเครียดสิจ้ะเดี๋ยวลูกเกิดมาจะไม่สวยนะครับ”
อาปิงเข้ามาโอบกอดร่างอวบอิ่ม พร้อมหอมแก้มภรรยาอีกหลายฟอด รู้ว่าหากเธอโกรธวิธีเดียวที่จะง้อคือต้องแสดงความรักมากๆ เธอจะหายงอนเร็ว และกลับมาอารมณ์ดีเหมือนเดิม
“น่าอิจฉาน้าอ้อยจังเลยนะคะ น้าเขยเขาง้อน้าอ้อยแบบนี้นี่เอง น้ำอิงถึงได้มีน้องเร็ว” อิงอรแซวผู้เป็นน้า เมื่อเห็นอารีย์กับอาปิงแสดงความรักกันจนน่าอิจฉา
“คุณยายเคยบอกริวว่า ผัวเมียยิ่งทะเลาะกันบ่อยลูกยิ่งดก” ริวอิจิร่วมด้วยช่วยกันแซว เขาสนิทกับอารีย์เหมือนน้าแท้ๆ จึงกล้าแซวอีกฝ่ายแรงๆ
“มาถึงก็ปากดีกันทั้งคู่เลยนะ” อารีย์ขยับออกห่างจากสามีอย่างนึกอาย แสร้งดุเด็กๆ แก้เก้อ “ไม่เจอริวสามปี หล่อขึ้นเยอะเลยนะ สาวๆ ที่ญี่ปุ่นไม่แย่งกันเป็นแฟนเหรอเนี่ย”
อารีย์หยิกแก้มของหนุ่มหน้าใสอย่างหมั่นเขี้ยว ไม่สนใจสามีที่มองมาตาขวาง อาปิงเป็นคนขี้หึงเขาจะแสดงอาการทันที ที่เห็นภรรยาไปอยู่ใกล้ผู้ชายคนอื่น แรกๆ ก็ทะเลาะกันบ้านแทบแตก พอหลังๆ ชักเคยชินจึงได้แต่ทำใจ ถึงจะขี้หึงแต่อาปิงไม่เคยกล้าทำอะไรรุนแรง ได้แต่ทำหน้ายักษ์ กัดฟันกรอดๆ ไปตามประสา ถูกอ้อนเข้าหน่อยก็หายโกรธ อารีย์เลยแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ไปเสีย ปล่อยให้สามีเต้นไปฝ่ายเดียว
“แล้วน้ำอิงล่ะคะ ไม่สวยขึ้นบ้างเหรอคะ” คนเป็นหลานชักน้อยใจน้าสาว ที่ไม่ชมตัวเองสักคำ
“น้ำอิงของน้า ทั้งสวยและน่ารักที่สุดจ้า นี่ถ้าน้าไม่ท้องน้าจะส่งน้ำอิงประกวดมิสฮ่องกงปีนี้เลยนะ”
คำพูดหวานหูนั้น ทำเอาคนฟังฮาครืนกันทั้งกลุ่ม อาปิงส่ายหน้ากับคำพูดชวนหัวของภรรยา เธอเป็นคนมีอารมณ์ขัน ใครอยู่ใกล้ก็มีความสุข ทำให้เขาหลงรักสาวไทยช่างจ้อคนนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
อิงอรยิ้มกว้างรู้สึกถึงความรักความห่วงใยของน้าเขยที่มีต่อน้าสาวของเธอ พลอยให้เธอมีความสุขไปด้วย อารีย์เลือกคู่ชีวิตได้ดีจึงมีความสุขกับชีวิตสมรส อิงอรนึกสะท้อนใจหากเธอได้เจอคนที่รักเธอและเธอรักเขาแบบนี้ คงมีความสุขไม่น้อย หญิงสาวหันมาสบตากับเพื่อนชาย ริวอิจิยิ้มให้เธอด้วยสีหน้ามีความสุขไม่ต่างกัน ทำให้อิงอรรู้สึกเหนื่อยใจ ทำไมหัวใจเจ้ากรรม มันไม่ยอมเปิดโอกาสให้ผู้ชายคนนี้สักที ได้แต่จมปลักกับภาพฝันของผู้ชายคนนั้นอยู่ได้ เธอคงเป็นผู้หญิงที่ทั้งโง่และน่าสมเพชที่สุด
“น้าทำกับข้าวไว้เยอะเลย ของชอบของน้ำอิงทั้งนั้น ไปกินข้าวกันก่อนจะได้คุยกันต่อ” อารีย์จูงมือหลานสาว พาไปรับประทานอาหาร
น้าหลานพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน บอกเล่าเรื่องราวของกันและกัน โดยมีริวอิจิกับอาปิงช่วยเสริมเป็นระยะ บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุขสดใสเวลาผ่านไปรวดเร็วแทบไม่รู้ตัว ช่วงเย็นริวอิจิขอตัวกลับโรงแรมที่พักหลังจากนัดแนะกับอิงอรว่าจะมารับไปเที่ยวในวันพรุ่งนี้ อาปิงขับรถไปส่งเพื่อนของหลานสาวภรรยา ปล่อยให้สองน้าหลานอยู่ด้วยกันให้หายคิดถึง พอรถแล่นออกไปอารีย์ก็ชวนอิงอรออกมาเดินเล่นที่สวน
“บ้านกว้างจังเลยนะคะ ปลูกต้นไม้ดอกไม้เต็มไปหมด” อิงอรเอ่ยชม ขณะกวาดสายตามองต้นดอกกุหลาบสีขาวที่ปลูกไปเต็มสวนสวย
เจ้าของบ้านปลูกดอกกุหลาบไว้เพียงชนิดเดียวสีเดียว โดยไม่มีดอกไม้ชนิดอื่นแซมอยู่เลย กลิ่นหอมอ่อนๆ กรุ่นลอยมาตามสายลมให้ความรู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย อิงอรมองตึกหลังใหญ่ทาสีเหลืองนวลอย่างสนใจ นั่นคงเป็นบ้านพักของเจ้าของบ้าน หญิงสาวยังจำใบหน้าสวยหวานของอวี้เหมยได้ดี ภรรยาของจางหลงเป็นผู้หญิงน่ารักอ่อนหวาน เหมาะสมกับผู้ชายอบอุ่นและใจดีอย่างเขาเป็นที่สุด ตอนที่เธอเจอกับอวี้เหมยขณะนั้นอีกฝ่ายกำลังตั้งครรภ์อยู่ ป่านนี้ลูกของทั้งคู่คงโตมากแล้ว
“คุณอวี้เหมยเธอชอบดอกกุหลาบขาวมาก คุณจางเลยสั่งให้คนสวนเอามาปลูกไว้เต็มสวนแบบนี้” อารีย์บอกเล่าถึงคนจากไปด้วยความสงสาร
สามีของเธอเล่าให้ฟังว่าอวี้เหมยประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในขณะที่กำลังตั้งท้องลูกคนที่สองได้สามเดือน จางหลงแทบจะขาดใจตายตามภรรยา เขาทนอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่ไม่ได้เพราะมีความทรงจำระหว่างเขากับภรรยามากมายา จึงย้ายออกมาอยู่ที่บ้านตระกูลเฉินแห่งนี้ โดยฝากลูกชายให้พี่สาวช่วยดูแล ตัวเขาเอาแต่ทำงานโดยไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนอีกเลย
“น้ำอิงอยากพบคุณอวี้เหมยจังค่ะ อยากเห็นลูกของเธอด้วยป่านนี้ได้สักห้าขวบแล้วมั้งคะ น้าอ้อยพาน้ำอิงไปหาคุณอวี้เหมยหน่อยสิคะ” อิงอรเอ่ยชวนน้าสาว โดยไม่รู้ว่าคนที่เธออยากพบไม่ได้อยู่บนโลกนี้อีกแล้ว
“เราคงไปหาคุณอวี้เหมยไม่ได้หรอกจ้ะ น้ำอิง” อารีย์ถอนหายใจยาว
“คุณอวี้เหมยไม่อยู่เหรอคะ งั้นพรุ่งนี้ค่อยไปก็ได้ค่ะ” อิงอรทำหน้าเสียดาย มองน้าสาวที่ยิ้มแห้งอย่างสงสัย “ทำไมคะน้าอ้อย คณอวี้เหมยเธอไม่อยากให้ใครไปยุ่งกับเธอเหรอคะ”
“ไม่ใช่หรอกจ้ะ คุณอวี้เหมยเธอไม่อยู่แล้ว” อารีย์ดึงแขนหลานสาวให้นั่งลงบนม้านั่ง เริ่มต้นเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคนจากไปให้ฟัง
“คุณอวี้เหมยเธอเสียชีวิตแล้วจ้ะ น้าเขยของน้ำอิง เล่าให้น้าฟังว่า คุณอวี้เหมยเธอประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเมื่อสามปีก่อน ตอนนั้นเธอกำลังตั้งท้องลูกคนที่สองอยู่ด้วย คุณจางเสียใจมากแทบจะตายตาม ตอนนั้นคุณจางกับคุณอวี้เหมยอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่ คุณจางทนอยู่ที่นั่นไม่ไหว เลยย้ายออกมาอยู่ที่นี่แทน”
เรื่องราวสะเทือนใจที่เพิ่งรับรู้ทำให้คนฟังใจหายวาบ รู้สึกสงสารสองสามีภรรยาขึ้นมา ทั้งคู่รักกันมากจนน่าอิจฉา หัวใจของคนที่สูญเสียคงแหลกยับไม่มีชิ้นดี อิงอรนึกถึงจางหลงด้วยความห่วงใย เขาคงเจ็บปวดกับการจากไปของภรรยามากจนทนอยู่นที่ๆ คยมีภาพความทรงจำระหว่างเขากับภรรยาไม่ไหว ถึงได้ย้ายออกมาอยู่ที่ใหม่ คนที่น่าสงสารไม่แพ้กันคือลูกของทั้งสอง เด็กน้อยขาดแม่ไปตั้งแต่ยังไม่รู้ความคงจะว้าเหว่ไม่น้อย
“แล้วลูกของคุณจางล่ะคะ” อิงอรอดถามถึงเด็กไม่ได้
“คุณจางฝากคุณหลินหลินพี่สาวเลี้ยงไว้จ้ะ น้องหมิงลูกชายคุณจางอายุได้ห้าขวบแล้ว แกน่ารักมากหน้าเหมือนคุณจางอย่างกับพิมพ์เดียวกัน วันนี้คุณจางไปรับแกมานอนด้วย ถ้าน้ำอิงอยากเจอเดี๋ยวน้าจะพาไปหา”
“น้ำอิงอยากเจอน้องหมิงค่ะ” น้ำอิงรีบบอกน้าสาว
หญิงสาวทำท่าจะลุกขึ้นชวนผู้เป็นน้าไปหาเด็กชาย แต่คนที่อยากเจอก็วิ่งเข้ามาในสวนเสียก่อน ร่างเล็กๆ ของเด็กชายวิ่งตัวปลิวยิ้มแป้นมาหาอารีย์ แกโถมกายเข้ากอดร่างอุ้ยอ้ายนั้นอย่างคิดถึง ตอนที่อยู่บ้านหลี่ อารีย์เคยช่วยหลินหลินเลี้ยงเด็กชาย พอแต่งงานย้ายออกมาอยู่กับสามี จึงไม่ค่อยได้เจอกัน วันไหนจางหลงพาลูกชายมานอนที่บ้าน เด็กชายจะแวะมาหาอารีย์เสมอ
“ป้าอ้อย คิดถึงจังคร้าบ”
จางหมิงยิ้มแป้น มือน้อยจับแก้มของอารีย์ไว้แน่น ก้มลงหอมแก้มของเธอแรงๆ ทั้งซ้ายและขวา อารีย์หัวเราะเสียงดังกอดรัดฟัดจูบเด็กชายอย่างมันเขี้ยว
อิงอรมองเด็กชายอย่างเอ็นดู อยากกอดอยากฟัดร่างเล็กๆ นั้นสักที แต่ยังไม่กล้าเพราะยังไม่คุ้นเคยกัน ได้แต่มองน้าสาวกอดรัดฟัดเหวี่ยงเด็กชายตาปริบๆ อารีย์ดูเหมือนจะรู้ใจหลานสาวแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน
“น้องหมิง นี่พี่น้ำอิงหลานของน้าอ้อยจ้ะ” อารีย์บอกเด็กชาย ที่เมียงมองพี่สาวคนสวย อย่างสนใจ
อิงอรขยับเข้ามาใกล้ จับมือน้อยๆ ของเด็กชายมากุมไว้ พร้อมกับยิ้มหวาน “พี่นน้ำอิงจ้ะ เพิ่งมาจากญี่ปุ่น น้องหมิงเคยไปเที่ยวญี่ปุ่นมั้ยจ้ะ ที่นั่นมีดิสนี่แลนด์ด้วยนะ” หญิงสาวชวนเด็กชายคุย
จางหมิงมองใบหน้าสวยหวานด้วยแววตาสดใส แม้ไม่มีแม่คอยดูแลแต่เด็กน้อยก็ได้รับความรักจากผู้คนรอบตัว จึงเป็นเด็กร่าเริงเข้ากับคนได้ง่าย แกขยับตัวมานั่งตักพี่สาวคนใหม่อย่างถือสนิท
“พี่น้ำอิงสวยจัง ขอหมิงหอมแก้มหน่อยนะครับ”
แขนเล็กเกาะคออิงอรไว้พร้อมกับก้มลงหอมแก้มเธอแรงๆ โดยไม่รอให้อนุญาต เป็นการทักทายแบบถึงเนื้อถึงตัวและสนิทสนมอย่างคาดไม่ถึง ทำเอาคนถูกทักหัวเราะชอบใจ อารีย์เองก็พลอยหัวเราะไปด้วย
“ไปหอมแก้มพี่น้ำอิงแบบนี้ ต้องแต่งงานกับพี่น้ำอิงนะ” อารีย์แกล้งแซวเด็กชายเล่น
“พี่น้ำอิงสวย น้องหมิงจะให้พี่น้ำอิงเป็นแฟนน้องหมิง”
เด็กชายกอดอิงอรแน่นขึ้น แถมยังหอมแก้มอีกสองฟอด แล้วซบหน้าเกลือกกลิ้งบนอกนุ่มอย่างเพลิดเพลิน ทำเอาอิงอรหน้าแดง จนน้าสาวหัวเราะ
“น้องหมิงนี่ โตมาสงสัยจะเจ้าชู้ไม่หยอก” อารีย์ลูบศีรษะเด็กชายอย่างเอ็นดู
“ถ้าพี่น้ำอิงยอมเป็นแฟนน้องหมิง จะดูแลพี่น้ำอิงไหวหรือเปล่าครับ” อิงอรหอมแก้มนิ่มๆ ของเด็กชาย พลางเอ่ยถาม
“น้องหมิงดูแลพี่น้ำอิงไหว ใครมาใกล้น้องหมิงจะชกมัน ถ้าใครรังแกพี่น้ำอิงน้องหมิงจะเอาปืนยิงหัวมันด้วย” เด็กชายยิ้มแป้น ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว
“ตัวแค่นี้ดุจังเลย”
อิงอรรู้สึกเอ็นดูเด็กน้อย จางหมิงน่ารักเหลือเกินช่างพูดช่างเจรจา น่าสงสารที่ขาดแม่ตั้งแต่เล็กๆ
“ที่บ้านหลี่มีแต่ผู้หญิง น้องหมิงเลยชินกับการอยู่กับผู้หญิงจ้ะ แกสนิทกับคนง่ายโดยเฉพาะสาวๆ” อารีย์มองดูฟ้าที่เริ่มมืดแล้ว จึงชวนทุกคนเข้าบ้าน “จะมืดแล้ว น้าว่าพาน้องหมิงเข้าบ้านก่อนดีกว่า ไม่รู้อาบน้ำหรือยัง”
“ปะน้องหมิง พี่น้ำอิงจะพาไปส่ง” อิงอรปล่อยจางหมิงลงพื้น ขยับลุกขึ้นยืน
มือน้อยเกาะหมับที่แขนของเธอ ดวงตาใสแป๋วมองหน้าพี่สาวด้วยแววตาออดอ้อน “พี่น้ำอิงคนสวยคร้าบ ไปกินข้าวกับน้องหมิงนะคร้าบ ป้าจูทำกับข้าวอร่อย” เด็กชายเอ่ยชวน
อิงอรหันมามองหน้าน้าสาว “หนุ่มน้อยเขาชวนน้ำอิงไปทานข้าวค่ะน้าอ้อย ไปดีไหมคะ” เธอแกล้งถามน้าสาว
เด็กชายพยักหน้าหงึกๆ เขย่าแขนเธอแรงๆ “ต้องไปสิ เป็นแฟนน้องหมิงต้องไปกินข้าวกับน้องหมิง คุณพ่อจะได้รู้จักแฟนของน้องหมิงด้วย”
ดูเหมือนการพูดเล่น จะกลายเป็นเรื่องจริงจังสำหรับเด็กชายไปแล้ว เจ้าตัวทึกทักเอาเองว่าอิงอรเป็นแฟนของเขา ทำเอาแฟนสาวต่างวัยถึงกับยิ้มขำ จำต้องเล่นตามน้ำไป
“น้าอ้อยคะ หลานเขยน้าอ้อย เขาจะพาไปแนะนำให้รู้จักคุณพ่อด้วย”
“แหม... รักจริงหวังแต่งของแท้เลย น้ำอิงก็ตามใจน้องหมิงแกหน่อย พรุ่งนี้คุณจางก็เอาไปส่งที่บ้านหลี่แล้ว” อารีย์หัวเราะชอบใจ บอกให้หลานสาวตามใจเด็กชาย
สองสาวกับหนึ่งเด็กชาย จูงมือกันเดินไปยังตึกใหญ่ พอเข้าไปข้างใน เด็กชายก็ลากแขนแฟนสาวพาไปหาคุณพ่อที่นั่งอยู่บนโซฟายาวในห้องนั่งเล่น จางหมิงแม้จะยังเด็กก็แรงเยอะไม่เบาเมื่อเจ้าตัวถลาไปหาผู้เป็นพ่อ พร้อมกับกระชากแขนของอิงอรตามไปนั่งด้วย ร่างเล็กนั่งแปะบนตักผู้เป็นพ่อ โดยจับมือของหญิงสาวไว้ข้างหนึ่ง ร่างบางของอิงอรเลยถูกดึงให้นั่งลงชิดกับร่างหนาของจางหลงโดยไม่มีทางเลี่ยง
“คุณพ่อคร้าบ นี่พี่น้ำอิงแฟนหมิงคร้าบ” เด็กชายแนะนำแฟนสาวให้ผู้เป็นพ่อรู้จัก ด้วยใบหน้าภาคภูมิใจ
จางหลงย่นคิ้ว มองแฟนของลูกชายด้วยสายตาเรียบนิ่งคล้ายจดจำไม่ได้ ทำเอาคนถูกมองรู้สึกน้อยใจวูบหนึ่ง เขาจำเธอไม่ได้แต่เธอกลับจำใบหน้าหล่อเหลาคมคายนี้ได้ ตั้งแต่แวบแรกที่พบเจอ จางหลงไม่เปลี่ยนไปเท่าไหร่เลย ใบหน้าของเขายังทำให้คนมองใจเต้นแรงได้ไม่ต่างจากเมื่อห้าปีก่อน แม้เขาจะทำหน้าเฉยชาก็ตาม
“สวัสดีค่ะ คุณจาง น้ำอิงค่ะหลานน้าอ้อย” อิงอรจำต้องแนะนำตัว ให้เขารู้จักอย่างเป็นทางการ
“อืม... ยินดีที่ได้เจอคุณอีกครั้ง” น้ำเสียงทุ้มของเขายังนุ่มหูไม่เปลี่ยน แม้การทักทายจะดูห่างเหิน
“น้ำอิงมาช่วยดูแลพี่ตอนคลอดค่ะคุณจาง” อารีย์บอกเจ้าของบ้าน เธอขยับเข้ามายืนข้างๆ หลานสาว “น้ำอิงน้าว่า เรากลับไปบ้านกันดีกว่า น้าเขยคงจะมาแล้ว ขอตัวก่อนนะคะคุณจาง”
อิงอรพยักหน้ารับขยับตัวถอยห่างปลดมือของเด็กชายออก แต่จางหมิงไม่ยอมปล่อยมือ เด็กชายลงมาจากตักบิดา แล้วโถมกายเข้ากอดหญิงสาวไว้แน่น
“ไม่ให้ไป พี่น้ำอิงเป็นแฟนน้องหมิงก็ต้องอยู่กับน้องหมิงสิครับ” เด็กชายทำเสียงเข้ม มองหน้าแฟนสาวด้วยแววตาจริงจัง “เมื่อกี้พี่น้ำอิงสัญญาว่าจะกินข้าวกับน้องหมิง แล้วจะนอนกอดน้องหมิงทั้งคืนด้วย”
ข้อแรกน่ะจริงแต่ข้อสุดท้ายเด็กชายถือโอกาสเพิ่มเข้าไปแกมบังคับในที ทำเอาสองน้าหลานทำหน้าไม่ถูก อารีย์มองหน้าจางหลงอย่างขอความช่วยเหลือ รู้ดีว่าลูกชายของอีกฝ่ายเป็นเด็กค่อนข้างเอาแต่ใจ เพราะขาดแม่แต่เล็กทุกคนเลยตามใจ จางหมิงเลยติดนิสัยว่าต้องได้ทุกอย่างที่ตัวเองต้องการ มีคนเดียวที่เด็กชายกลัวคือมาดามหลี่ ภรรยาของหลี่ไท่หยาง
“ผู้หญิงกับผู้ชายนอนห้องเดียวกันไม่ได้ ต้องแต่งงานกันก่อนถึงจะอยู่ได้นะคะ” อารีย์พยายามอธิบายให้เด็กชายเชื่อ
“งั้น น้องหมิงจะแต่งงานกับพี่น้ำอิงนะครับ” เด็กชายไม่ยอมแพ้ ดวงตาฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมา อย่านึกว่าเขาเป็นเด็กแล้วจะมาหลอกง่ายๆ นะ
คนเป็นพ่อถึงกับสะอึก มองหน้าว่าที่ลูกสะใภ้ที่ทำหน้าแหยๆ แล้วถอนหายใจยาว เจ้าตัวเล็กกำลังทำให้เรื่องยุ่งขึ้นมา เมื่อดันไปชอบหญิงสาวคนนี้ เขารู้ดีว่าจางหมิงจะเกาะติดคนที่ตัวเองชอบแจ พรุ่งนี้คงไม่ยอมกลับไปบ้านหลี่ ถ้าจะไปก็คงต้องหอบหิ้วเอาอิงอรไปด้วย เขาไม่ต้องการให้ลูกชายไปใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงที่เป็นน้องสาวของคนที่ฆ่าแม่ของแก จางหลงจำต้องเล่นบทคุณพ่อจอมเฮี๊ยบ เลิกตามใจเจ้าตัวเล็กเสียที
“อาจู พาอาหมิงไปอาบน้ำนอนได้แล้ว!” เขาตะโกนเรียกพี่เลี้ยงเด็กเสียงดัง ขยับลุกขึ้นอุ้มเจ้าตัวยุ่งส่งให้ “พาแกเข้านอน แล้วอย่าให้ลงมาอีก”
“ไม่เอ๊า น้องหมิงจะให้พี่น้ำอิงไปด้วย” จางหมิงไม่ยอมไปง่ายๆ ดิ้นหนีจะมาหาอิงอรให้ได้
“อาหมิง อย่าดื้อสิลูก ไม่อย่างงั้น พ่อจะไม่รับเรามาที่บ้านนี้อีกนะ และจะบอกให้มาดามหลี่ลงโทษเราด้วย”
เด็กชายหยุดดิ้นทันที เมื่อได้ยินชื่อคนที่แกกลัว แกหันไปมองหน้าอิงอรด้วยสายตาออดอ้อน จนหญิงสาวทนสงสารไม่ไหว เดินเข้าไปหาแล้วกอดร่างเล็กๆ ไว้
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ พี่น้ำอิงจะมาเล่นกับน้องหมิงใหม่นะคะ” เธอเกี่ยวก้อยให้สัญญา พร้อมกับหอมแก้มนิ่มๆ แรงๆ
จางหมิงยิ้มออก ยื่นหน้าไปหอมแก้มพี่สาวคนสวยบ้าง “ครับพี่น้ำอิง”
เมื่อพี่เลี้ยงพาเด็กชายเข้าห้องไปแล้ว อิงอรกับอารีย์จึงขอตัวกลับ จางหลงมองตามร่างเล็กบางของหญิงสาวด้วยสายตาครุ่นคิด เขาหยิบโทรศัพท์มากดเปิดคลิปวีดีโอ นั่งดูภาพสะเทือนใจนั้นจนจบ ก่อนจะกดปิดแล้วปัดความรู้สึกกวนใจทิ้งไป อิงอรคือหมากในเกมนี้ เขาจำเป็นต้องทำตามความต้องการของซื่อเหวินหลัว หากมันจะช่วยให้เขาจัดการกับหย่งเผิงได้เร็วขึ้น แม้จะต้องทำร้ายคนที่ไม่รู้เรื่องอย่างอิงอร เขาก็จำต้องทำ...
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
มาอัพตอนที่สองแล้วนะคะ
ลงให้อ่านแบบยาวๆ เต็มตอนเลยค่ะ ^_^
ตอนนี้เนื้อหาเบาๆ คลายเครียดกันด้วยความน่ารักของน้องหมิง ลูกชายเฮียหลงนะคะ
มีหนุ่มหล่อ มาเพิ่มสีสันให้เรื่องด้วยอีกหนึ่งหนุ่ม สาวๆ ระวังจะหลงรัก หนุ่มริวของเรานะจ้ะ
ติดตามตอนต่อไปนะคะ ว่าเฮียหลงเขาวางแผนจะทำอะไรหนูน้ำอิง
ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ
รวิญาดา/ผการุ้ง
รวิญาดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 พ.ย. 2555, 19:41:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 พ.ย. 2555, 19:41:13 น.
จำนวนการเข้าชม : 2595
<< ตอนที่ 1. เส้นทางระหว่างเรา | ตอนที่ 3. ไม่อาจเปลี่ยนใจ 50% >> |
shotang 24 ธ.ค. 2555, 12:08:29 น.
จางหลงใจร้ายมาก งิ
จางหลงใจร้ายมาก งิ