พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว # จุฬามณี (ลิขสิทธิ์ สนพ.มายดรีม)
เรื่องย่อ พระอาทิตย์ขึ้นในคืนหนาว

เป็นเรื่องราว ของ มาลี สาวน้อยวัย 20 ปี ลูกกำพร้าพ่อซึ่งเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง มาลี กับแม่และน้องชาย มารุต อาศัอยู่กับญาติห่าง ๆ ข้างพ่อ ซึ่งทำรีสอร์ตและการท่องเที่ยงท้องถิ่นอยู่ที่อุ้มผาง..

วันหนึ่ง กลยุทธและคณะไปเที่ยวล่องแก่งน้ำตกทีลอซู แล้ว เขาชอบมาลีจึงสานความสัมพันธ์ ส่วนมาลีนั้น เจอลูกทัวร์จีบจนชาชิน แต่กลยุทธก็ทำให้มาลีหวั่นใจอยู่ไม่น้อย..

หลังจากคณะของกลยุทธกลับไป..ทางป้า ก็บีบบังคับให้มาลีไปเรียนต่อกรุงเทพฯ พักอยู่กับนันทาลูกสาว เพราะว่าต้องการให้อนันต์ลูกชายของตัวเองแต่งงานกับคนที่รวยกว่า..

มาลีมาอยู่กรุงเทพฯ โดยที่ชัชชัย เพื่อนของนันทา ซึ่งเคยไปหาข้อมูลเขียนหนังสือมารับที่แม่สอด(ชัชชัยอ้างว่ามาธุระแถวนั้นพอดี)..มาลีกับชัชชัยนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมา เพราะตอนที่ชัชชัยมาอยู่อุ้มผางเพื่อหาข้อมูลเขียนสารคดี ตามคำแนะนำของ นันทา (ชัชชัยเป็นเพื่อนกับนันทา) มาลีแกล้งชัชชัยเพราะว่าไม่ชอบผู้ชายไว้ผมยาวกับปากไม่ค่อยดี..

ที่บ้านทาวเฮ้าส์ของนันทานั้นอยู่หมู่บ้านเดียวกับกลยุทธที่มีน้องสาวชื่อกุลกัญญา และช่วงที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ต่อที่รามคำแหงมาลีก็ได้คำแนะนำจากศรีวรรณเพื่อนข้างบ้านของนันทาให้ให้ไปทำงานฆ่าเวลาเป็นแม่บ้านบนตึกสูงกลางเมือง มาลีที่อยู่กับนันทาแบบคนใช้ (นันทากดไว้เพราะมาลีมาด้วยทุนของแม่) ที่คิดเบื่อบ้านจึงไปทำงานตามคำแนะนำของศรีวรรณ

และบนตึกสูงนั้น มาลีก็ได้รู้ว่าเธอทำงานในตำแหน่งแม่บ้านซึ่งมีกลยุทธทำงานที่นั่นด้วย และมาลีก็ได้รู้จักสังคมรอบ ๆ ตัวของกลยุทธมากขึ้น มาลีรู้ว่ากลยุทธเป็นที่หมายปรองของรมมณีย์ลูกสาวของเจ้าของประธาน
บริษัทฯ

กลยุทธนั้นอึดอัดกับความรักที่รมณีย์มีให้ เพราะเขาทนกับปากของเพื่อนร่วมงานไม่ได้ เขาสานความสัมพันธ์กับมาลีมากขึ้น จนกระทั่งรมณีย์ที่เป็นเพื่อนกับชัชชัย ต้องดึงชัชชัยมาช่วยทำให้มาลีกับกลยุทธเข้าใจผิดกัน...

ชัชชัยนั้นชอบมาลีเป็นอย่างมาก เขาพยายามเอาอกเอาใจมาลีสารพัด แต่มาลีคิดว่า ชัชชัยนั้นเป็นคู่รักของนันทา ทำให้มาลีไม่เปิดใจให้ชัยชัย..

และมาลีจะเลือกใครระหว่างกลยุทธกับชัชชัย..

Tags: รักสามเส้า เราสามคน

ตอน: 37.“สำคัญขนาดนั้นเลยหรือ”

37.

เมื่อเห็นคุณรมณีย์ก้าวเท้ายาวๆ ตามคุณกลยุทธมายังเตียงผู้ป่วย มาลีก็รีบเบือนหน้ามายังคนป่วยที่นอนหลับเพราะฤทธิ์ยา

เมื่อมาถึงเตียงกลยุทธก็กวาดสายตามองไปทั่วเรือนกายน้องสาวแล้วไปหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มร่างหนาที่นั่งอยู่บนโซฟา

“นิว คุณยุทธ พี่ชายของกุล แล้วนั่นแฟนเขาคุณรมณีย์” มาลีแนะนำด้วยน้ำเสียงห้วนๆ สั้นๆ

“เกิดขึ้นได้อย่างไร”

กลยุทธใช้นิ้วมือไล้ไปที่ใบหน้าของน้องสาวที่มีรอยขีดข่วน มือของเขาสั่นเทิ้ม ดวงตาเริ่มมีน้ำตาคลอขึ้นมา

มาลีนิ่งเงียบ นิวัฒน์ผุดลุกขึ้นมายืนเก้ๆ กังๆ อยู่ข้างเตียง

“ผมถามว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร” เสียงของกลยุทธดังขึ้นเหมือนต้องการหาคนรับผิดชอบ

“ใจเย็นๆ ซิคะ ฟังน้องเขาก่อน”

รมณีย์ใช้ปลายนิ้วเรียวยาวแตะที่ต้นแขน มาลีรู้สึกว่าสัมผัสนั้นมันแนบชิดกว่าที่เคยเห็น

“คะคะคือ” นิวัฒน์เริ่มตะกุกตะกักผิดร่างกายสูงใหญ่ของตน มาลีสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะมองเพื่อนด้วยสายตารำคาญ

“เป็นอย่างนี้ค่ะ นิวมันเป็นเพื่อนฉัน เรา คือฉันกับกุลไปเดินเล่นที่สวนจตุจักรแล้วเจอนิว แล้วกุลกับนิวก็คบหากันเรื่อยมา”

กลยุทธมองหน้ามาลี ฟันของเขาขบกันจนแน่น

“ทำไมไม่เห็นเล่าให้ผมฟัง”

“เป็นความต้องการของเขา” มาลีมองไปที่ร่างบอบบางที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง

“แล้วรอยขีดนี่ล่ะ” กลยุทธยังต้องการรู้ถึงตรงนี้

“คือ” คนที่เป็นสาเหตุยังตะกุกตะกัก

“แฟนนิวมันทำ เขาหึงที่กุลมาควงนิว”

มาลีพูดแค่นั้น นิวัฒน์ก็ถูกกลยุทธเอื้อมมือข้ามเตียงคนป่วยไปผลักที่อก จนร่างสูงเซไปล้มลงบนโซฟา แล้วกลยุทธทำท่าจะอ้อมเตียงเข้าไปซ้ำ ดีที่รมณีย์รีบดึงเอาไว้

“อย่าค่ะ นี่โรงพยาบาลนะคะ”

“ได้ที่ไหน เอามันไว้ได้อย่างไร มีแฟนมีเมียอยู่แล้ว แล้วมายุ่งกับน้องผมทำไม มึงยุ่งกับน้องกูทำไม”

“เป็นความผิดของฉันเอง” มาลีก็เริ่มเสียงสั่น

“รู้อยู่แก่ใจ ทำไมไม่บอกผม แล้วเมื่อตอนบ่ายทำไมไม่บอกว่าคนที่เดินผ่านผมไปเป็นกุลกับหมอนี่ มาลีจงใจปิดไว้ทำไม”

เมื่อได้ยินรมณีย์หน้าเจื่อนลง แล้วกลยุทธก็ฮึดฮัด ก่อนจะนั่งลงข้างเตียงแล้วดึงมือน้องสาวเพียงคนเดียวมากุมไว้

แล้วสิ่งที่รมณีย์กับมาลีไม่คิดจะได้เห็นจากคนหน้าตาหล่อเหลา นั่นก็คือกลยุทธซบหน้าลงกับมือน้องสาวแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น จนตัวโยนทีเดียว

“กุล กุลไม่เป็นไรนะ”

“ยุทธคะ น้องกุลแค่ช็อกนะคะยังไม่มีอะไร”

“ใครว่าไม่มีอะไรล่ะ กุลเปลี่ยนไตแล้วนะครับ เขาไม่เหมือนพวกเรา ภูมิคุ้มกันเขาไม่ดี อะไรจะเข้ามาหาเขาก็ได้” กลยุทธเงยหน้าอธิบาย

“รอดูอาการไปก่อนนะ”

“ผมขอไปพบหมอก่อนนะ มาลีบอกหมอหรือเปล่าว่ากุลเปลี่ยนไต”

มาลีพยักหน้า กลยุทธลุกขึ้นขยับจะออกจากเตียงไปยังประตู รมณีย์รีบคว้ากระเป๋าถือแล้วก้าวตามไปเกาะแขน แล้วออกจากห้องไปพร้อมกัน

“ทำไมแกไม่บอกข้าว่ากุลป่วย” นิวัฒน์ทำเสียงเครียดขึ้นมาบ้าง

“ถ้าบอกแล้วแกจะรักเขาไหมล่ะ” มาลีเปรยขึ้นมาเบาๆ

“คนป่วย คนรอความตาย ผู้ชายที่ไหนจะอยากได้เป็นเมีย กุลเขาต้องการความรัก ต้องการมีใครสักคนให้เขาคิดถึง แล้วผู้ชายคนนั้นก็บังเอิญผ่านเข้ามา”

พูดแล้วมาลีก็ร้องไห้ หญิงสาวเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากพบว่าตัวร้อนผิดปกติ
เมื่อรู้ว่ากุลกัญญาเป็นอะไร นิวัฒน์ลุกขึ้นมาก้มมองดูหน้าหญิงสาวบ้าง

‘คิดเอย คิดถึง รำพึง คะนึง ฝันหา หอมดอกมะลิ ลอยมา รู้ไว้เถิดหนา กุลคิดถึงนิว’

แม้วันที่ตนป่วยเพราะออกกำลังกายมากไป เมื่อกุลกัญญารู้ ตอนดึกเขาได้รับข้อความ

‘หายวันหายคืนตื่นสดใส โรคภัยไข้เจ็บมลายสูญ หลับตาพักผ่อนไม่อาดูรให้พระคุ้มคุณ ปลอดภัย คิดถึงนะ กุล’

แล้วทุกๆ วัน เวลาเช้า สาย บ่าย เย็น ค่ำ เขาจะได้รับข้อความตามเหตุที่หญิงสาวรับรู้ว่า เขาทำอะไรอยู่เสมอ

‘เช้าแล้วคร้าบ ตื่นมาขายผลไม้เร็วๆ ลูกค้ารออยู่’

‘เอาแตงโมชิ้น ฝรั่งผล สับปะรดหัว มาส่งที่บ้านกุลด้วยนะ’

‘เที่ยงแล้วผลไม้มีแต่วิตามินเกลือแร่ หม่ำข้าวหรือยัง’

‘อย่าแพ้เขานะ กุลไปเชียร์ไม่ได้แต่ส่งใจไปช่วย สู้ๆ’

‘กีฬาแพ้ไม่เป็นไร ชนะตัวเองให้ได้ ข่มโมโหไว้แล้วคิดถึงกุลแทน’

จนเมื่อกุลกัญญาได้รู้ว่าทางชัชชัยจะช่วยขัดเกลาเรื่อง ‘เป็นวิมานอยู่บนดิน’ กุลกัญญาก็ส่งข้อความถึงเขา

‘วันนี้กุลดีใจที่สุดเลย เหมือนพบเจอแสงสว่าง ปลายทางเดือนที่มืดมิด รักมาลีจังเลย มาลีทำให้กุลเจอนิว พบคุณชัช ดีใจกับกุลด้วยนะ’

เมื่อนึกถึงความหลังและนึกถึงว่าต่อไปกุลจะเป็นอย่างไร

นิวัฒน์ก็ทิ้งเม็ดน้ำตาแล้วสะอื้นฮัก

“กุล กุลต้องไม่เป็นไรนะ” นิวัฒน์นั่งลงแล้วดึงมือของกุลกัญญามากุมพร้อมกับยกขึ้นมาจูบ

เมื่อเห็นดังนั้น มาลีจึงรีบเดินเลี่ยงไปยืนมองสายฝนที่โปรยปรายอยู่ด้านนอก
คนสองคน คบหากันคงมีภาพหวานชื่นอยู่ในใจ แล้วภาพของชัชชัยก็แล่นเข้ามาหาขณะที่มาลียืนกอดอก วันนั้นพอรู้ว่าของทั้งหมดเป็นของเขา ใจจริงเธออยากจะวิ่งลงจากบันไดแล้วมาสวมกอด แต่เมื่อนึกถึงผิดชอบชั่วดี เธอจึงทำเพียงได้แต่คว้ามือเขามาเขย่า

และเหมือนว่าเขาจะรู้ว่าเธอคิดถึง เมื่อเสียงโทรศัพท์ดัง มาลีจึงรีบกดรับในทันที
“อยู่ไหน ผมมาหาที่หอพักไม่เจอคุณ แล้วป้าเจ้าของหอเขาบอกว่ามีผู้หญิงกับผู้ชายมาหา แล้วพากันออกไปโรงพยาบาล ใครหรือครับ”

มาลีเล่าเหตุการณ์คร่าวๆ กลับไป

“งั้นผมจะไปหาที่โรงพยาบาลนะ มีข่าวดีไปให้กุลพอดีเลย”

“ข่าวดี” มาลีเปรยขึ้นมาเบาๆ

“เลดี้วีคฉบับล่าสุดมีนิยายเรื่องเป็นวิมานอยู่บนดินตอนที่หนึ่งลงด้วยนะ อ้าวแล้วมาลีร้องไห้ทำไม กุลเป็นอะไร มาลีฟังผมอยู่หรือเปล่า กุลเป็นอะไร”

“ไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ กุลสบายดี ฉันแค่ดีใจแทนกุลเขาเท่านั้น รีบมานะคะ”

ชัชชัยวางโทรศัพท์ไปแล้วมาลียังคงสะอื้นฮั่กๆ จนกระทั่งกลยุทธกับคุณรมณีย์เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับหมอที่รับผิดชอบผู้ป่วยรายนี้

มาลีรีบเช็ดน้ำตา ขณะที่หมอเดินไปยังเตียงผู้ป่วยพร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มาลีไม่รู้จัก

“ผมจะพยายามให้สุดความสามารถนะครับ ถึงมือหมอแล้วคงไม่มีปัญหาอะไร” หมอตบบ่ากลยุทธแล้วออกจากห้องไป

“เห็นไหมคะยุทธ หมอบอกว่าไม่มีอะไรคุณสบายใจได้ ยิ้มซิ เดี๋ยวกุลตื่นมาจะคิดว่าคุณโกรธเธอนะคะ ยิ้มซิคะ ยิ้มนะ”

น้ำเสียงของรมณีย์ออดอ้อน กลยุทธยิ้มออกมานิดหนึ่ง จ้องหน้าหญิงสาว อันที่จริง เขากับคุณรมณีย์ยังมีเรื่องต้องคุยกันด้วยซ้ำ แต่เมื่อตอนที่คุณรมณีย์อาบน้ำ โทรศัพท์เครื่องบ้านของเขาก็ดังขึ้น เขารีบขึ้นไปแต่งตัวผลุนผลันออกมา โดยไม่ได้คุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป

ผู้หญิงที่ผ่านเมืองนอกเมืองนามาแล้วคงไม่คิดอะไร? บางทีคุณรมณีย์คงต้องการแค่นี้ แค่เอาชนะเขาได้

“รมมี่กลับก่อนนะ คุณพ่อรอให้ไปงานเลี้ยงด้วย นี่ถ้าไม่เกิดเรื่องว่าจะชวนคุณไปเป็นเพื่อน ไปแล้วค่ะ แล้วจะโทรหานะคะ”

พูดจบรมณีย์ก็โหย่งตัวจูบแก้มที่มีไรหนวด อย่างไม่ได้อายสายตาของนิวัฒน์และมาลีที่อยู่ในห้องด้วยกัน

กลยุทธหน้าแดงระเรื่อเมื่อรมณีย์ออกจากห้องไปแล้ว มาลีเองก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้โดยการมองออกไปนอกหน้าต่าง นิวัฒน์ก็นั่งหน้าแห้งด้วยไม่รู้ว่าพี่ชายกุลจะว่าอย่างไร

“นายล่วงเกินกุลไปหรือยัง” มาลีไม่คิดว่ากุลยุทธจะถามตรงๆ แบบนี้

“ยะยะยังครับ” นิวัฒน์ตกอยู่ในอาการประหม่า

“ถ้ายัง งั้นก็กลับบ้านไปเถอะ เชิญ”

“คุณยุทธ” มาลีเสียงแหวขึ้นมา กลยุทธหันไปมองด้วยดวงตาขุ่นเคือง

“จะเก็บเค้าไว้ทำไม มันทำน้องสาวผมเจ็บมาลีก็เห็น เมียนายใช่ไหมที่ทำกับกุลแบบนี้”

“ครับ จะเรียกแบบนั้นก็ได้ แต่เราก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน”

“คงมีแบบนี้มากมายซินะ” กลยุทธหันมาหามาลีที่ยืนหน้าบึ้ง “เห็นไหมมาลีว่ามันไม่ได้คู่ควรกับกุล เธอไม่ได้ช่วยกรองเพื่อนชายให้กุลเหรอ นึกอยากจะให้ใครรักใคร ก็เชียร์ให้รักกันอย่างนั้นหรือ”

เมื่อได้ยินลมออกหูมาลีทีเดียว

“อย่าให้ฉันพูดเลย ถ้ากุลฟื้นขึ้นมาให้กุลเล่าเองแล้วกันว่าเพราะอะไร”

มาลีพูดเสียงดังฟังชัด ก่อนจะเดินมาหยิบกระเป๋าถือ พร้อมกับพยักหน้าให้เพื่อนของตนลุกขึ้น

“คุณคงเฝ้ากุลได้นะ”

พูดไปแล้วก็นึกถึงว่าพรุ่งนี้เขาต้องไปทำงาน อารมณ์เห็นใจวิ่งแล่นกลับมาอีก แต่เธอจะปล่อยให้ความสงสารมาทำให้เธอเป็นทุกข์ไม่ได้ แต่เมื่อนึกถึงว่าอย่างไรเสียทั้งไอ้วัฒน์และเธอก็มีส่วนทำให้กุลเป็นแบบนี้ ขณะจะเปิดประตูออกไป มาลีก็หันมาบอกว่า

“เดี๋ยวฉันกับนิวจะไปทานข้าวกัน จะเอาอะไรไหม กินอะไรหรือยัง”

กลยุทธมองกลับไปแล้วยิ้มทั้งน้ำตา เพราะมาลีดีอย่างนี้ซิเล่าเขาถึงตัดใจจากมาลีไม่ได้ แต่ชายหนุ่มนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องนอนเมื่อตอนฝนตก

“เป็นอะไร ไม่ต้องซึ้งหรอกน่า จะเอาอะไร กินข้าวก่อน อย่าเสียใจมาก พรุ่งนี้ต้องทำงานไม่ใช่รึ ช่วงนี้ฉันยังไม่ได้ทำงานจะเฝ้ากุลให้”

“ขอบใจนะ ขอบใจมาก”

“ไม่ต้องขอบใจหรอก อย่างไร ถ้าว่าฉันมีส่วนผิดฉันก็มี ไปล่ะ จะเอาข้าวผัดกะเพราไก่ไข่ดาวมาให้แล้วกัน”


เมื่อกลยุทธนั่งตักข้าวผัดกะเพราไก่ไข่ดาวใส่ปาก ชัชชัยก็เปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับแจกันดอกไม้หลากสีหลากชนิด มาลีที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์เงยหน้าขึ้นมอง นิวัฒน์ที่นั่งอยู่ข้างเตียงแล้วกุมมือกุลกัญญาไว้ ขณะที่สายตาอยู่กับโทรทัศน์รีบปล่อยมือหญิงสาวแล้วลุกขึ้นต้อนรับ

“สวัสดีครับ”

เขาก้มหัวให้ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าพี่ชายของกุลกัญญา กลยุทธรีบยกแก้วน้ำขึ้นดื่มแล้วยิ้มรับคนที่มาเยี่ยมเยียนน้องสาว หรือเขามาเพราะมาลี อารมณ์หงุดหงิดเข้ามาแทนที่ แล้วเขาก็รีบสลัดให้หลุด

“กุลเป็นอย่างไรบ้างครับ”

“นอนซม” จริงๆ มาลีอยากพูดว่า ‘หลับอย่างที่เห็น’ ก็กลัวว่าเขาจะบีบคอ แต่ถึงไม่บีบในเวลานี้ มาลีก็มองเห็นสายตาของเขาที่ส่งมานั้นบอกให้รู้ว่า ‘หึงหวง’

และเหมือนกุลกัญญาจะรู้ว่า ชัชชัยนำข่าวดีมาให้ได้ชื่นใจ เพื่อสมานความเจ็บช้ำที่เกาะกินอยู่ในหัวใจเรื่อยมา หญิงสาวค่อยๆ กะพริบเปลือกตาที่หนักอึ้ง สรรพสำเนียงภายนอกค่อยๆ แล่นเข้ามาในส่วนรับรู้

“น้ำ หิวน้ำ” ปากคอของกุลกัญญาแห้งผาก

“กุลตื่นแล้วครับ”

นิวัฒน์มีสีหน้าสดชื่นขึ้นมาทันที มาลีรีบกรากเข้าไปหาที่ขอบเตียง พร้อมกับพี่ชายของหญิงสาวที่ก้าวขายาวมายืนเคียงกัน ชัชชัยค่อยๆ ใช้มือสะกิดที่ชายโครงหญิงสาว มาลีหันมองมา พบแววตาที่บอกให้รู้ว่า หึงหวง หญิงสาวค่อยๆ ขยับออกห่างกลยุทธมาอีกฝั่งของเตียง ซึ่งจะต้องยืนคู่กับนิวัฒน์ ชัชชัยจึงลอบยิ้มให้อย่างผู้ชนะ นิวัฒน์รีบคว้าแก้วน้ำจากโต๊ะบนหัวเตียง รินน้ำจากขวดลงแก้วใส่หลอดส่งเข้าปากกุลกัญญา

ด้วยปากมีรอยแดงช้ำ เมื่ออ้าปากสีหน้าบ่งบอกว่าเจ็บจึงแสดงออกมา

“ค่อยๆ ดื่ม” มาลีเปล่งเสียงทำลายบรรยากาศอึดอัด

“พี่ยุทธ” น้องสาวร้องทักพี่ชาย แล้วก็ปล่อยน้ำตาให้หลั่งรินออกมาเพราะความละอายแก่ใจ

“เงียบเถอะ พี่ พี่ไม่ว่าอะไรหรอก เงียบซะนะ” น้ำเสียงของคนเป็นพี่ชายเริ่มสั่นเครือ

“กุลผมเอาดอกไม้มาเยี่ยม”

“กุลชอบดอกอะไร” มาลีช่วยพูดเรื่องที่ชัชชัยเอ่ยออกมาบ้าง

“กุลชอบดอกลิลลี่สีขาวสวยดี ขอบคุณนะคะคุณชัชชัย” น้ำเสียงของกุลกัญญานั้นบอกให้รู้ว่ากำลังเหนื่อย

“ไข้ลด หมอก็คงให้กลับบ้าน ไม่ต้องพูดอะไรนะดูกุลเหนื่อย เอางี้ดีกว่า”

ชัชชัยเสียงดังขึ้น มาลี นิวัฒน์ กลยุทธจึงหันมามองที่หน้าคนต้นเรื่อง

“กุลอยากฟังข่าวดีหรือข่าวร้าย”

มาลีทำหน้าฉงน กุลกัญญายิ้มออกมา แล้วค่อยๆ เปล่งว่าวาจาแผ่วเบาว่า “ข่าวรี” ทุกคนพากันหัวเราะครืน เมื่อเห็นว่ากุลกัญญายังมีอารมณ์สนุกโดยเอาคำว่า ดี+ร้าย มา ‘สมาธ’กัน

“งั้นเอาข่าวรีก่อนข่าวด้ายแล้วกันนะ” ชัชชัยเปลี่ยนคำบ้าง

“ข่าวด้าย (ร้าย) ก็คือว่า คอลัมน์ ความสุขริมทางกำลังจะยุติลงในปักษ์หน้า”
กุลกัญญาพยักหน้ารับทำตาปริบ ด้วยรู้ว่าคนพูดหมายถึงคอลัมน์ที่ตัวเองเขียนจะลาจากเลดี้วีคไป

“ส่วนข่าวดี พื้นที่ว่าง จะกลายเป็นนิยายเรื่อง เป็นวิมานอยู่บนดิน”

เมื่อได้ยินกุลกัญญาสะอื้นในทันที ฝันที่รอมานานกำลังเป็นจริง

หญิงสาวนึกถึงแม่ที่เป็นสมาชิกเลดี้วีค นึกถึงความเพียรพยายามของตน มันกำลังจะสำเร็จดั่งใจ และเมื่อสะอื้นแล้ว อาการไอและหอบจึงตามมา

“พี่ดีใจด้วยกุล พี่ดีใจด้วย”

กลยุทธก้มลงจูบเบาๆ ที่หน้าผากน้องสาวทำนองว่าพี่เข้าใจ มาลีก็ยิ้มแย้มพร้อมกับบีบนวดเบาๆ ที่ปลายเท้าหญิงสาว พร้อมกับยิ้มนิดๆ ให้ชัชชัยที่ยิ้มกว้างให้กับกุลกัญญา

“กุลทำสำเร็จแล้วนะ” นิวของกุลกัญญาได้โอกาสแทรกเสียงของตัวเองออกมา

“กุลทำสำเร็จแล้ว” กุลกัญญามองคนในหัวใจแล้วยิ้มชื่น

“และนี่ ฉบับปฐมฤกษ์ของเป็นวิมานอยู่บนดิน ออกแล้วครับ ฉบับนี้ผมเขียนส่งท้าย คุณแม่เลยให้เริ่มตอนที่หนึ่งของเป็นวิมานฯ”

ชัชชัยดึงหนังสือจากที่เหน็บไว้ใต้แจ๊คเก็ตมาส่งให้กุลกัญญา ที่อยากยกมือพนมก่อนรับแต่ก็ติดที่ว่าแขนอีกข้างหนึ่งมีสายน้ำเกลือห้อยระโยง

“พี่ยุทธกุลทำสำเร็จแล้ว”

กลยุทธรีบช่วยน้องสาวพลิกไปหาหน้าสำคัญ จนกระทั่งได้เห็นชื่อเรื่อง นามปากกา และตัวเลข 1 และประโยคเริ่มต้น

‘บ้านของฉันทาสีเขียวแวดล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ต้นไม้แต่ละต้นนั้นแม่เล่าให้ฉันและพี่ชายฟังว่า พ่อเป็นคนปลูกฯ’

เมื่อเห็นว่าสองพี่น้องกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากตัวหนังสือแต่ละบรรทัด ชัชชัยก็ดึงมาลีออกไปยังระเบียงห้องพักของโรงพยาบาล ถามไถ่ถึงเหตุของเรื่องราวจนมาถึงคำถามที่ว่า

“แล้วมีอะไรกันหรือ เห็นน้ำตาเข้าน้ำตาออก”

“ไม่รู้ ไม่มี แต่มันใจหายอย่างไรก็ไม่รู้” มาลีตอบตามตรง

“ผมก็นึกว่ากุล ภาวนานะอย่าให้กุลเป็นอะไรเลย”

“หมอก็ว่าไม่เป็นไร เออ แล้วทำไมคอลัมน์ของคุณถึงได้หยุดเขียน” มาลีวกกลับมาหาเรื่องสำคัญของเขาบ้าง

“ผมจะต้องไปเรียนต่อ คุณพ่อก็เลยให้หยุดตรงนี้แล้วเตรียมตัวเดินทาง ผมเห็นว่าเป็นประโยชน์กับกุลและคุณ”

“ฉันเกี่ยวอะไรด้วย”

“อยากเป็นพระเอกมั้งเลยต้องเสียสละ”

เมื่อพูดออกไปอย่างนั้นผลที่ตามมาก็คือ คำว่า “บ้า” จากปากมาลี

“ไปด้วยกันไหม”

“เราน่าจะคุยกันรู้เรื่องแล้วนะคะ คุณเป็นใคร ฉันเป็นใคร ฉันรู้ตัวเองดีค่ะ”

“นันทาพูดอะไรกับคุณบ้าง”

“ฉันมันดอกหญ้าหรือจะคู่ควรกับแจกันหยก ดอกหญ้าต้องแจกันดินค่ะ” มาลีดึงคำพูดของกลยุทธมาใช้

“แล้วเรื่องที่คุณพูดกับพี่นันทาคุณไม่ต้องเอามาใส่ใจนะคะ ฉันไม่ถือว่าคุณให้สัญญาอะไร” น้ำเสียงของมาลีชัดเจนจนชัชชัยต้องก้มมองหน้า

“ยังอาลัยอาวรณ์พี่ชายกุลซิ”

“ทุกคนจะได้คำตอบเมื่อฉันเรียนจบและหางานทำได้แล้ว”

“แล้วฉลาดน้อยอย่างมาลีนี่แปดปีจะจบไหม” ชัชชัยพูดติดตลกให้

“ใครรอได้ก็รอ รอไม่ได้ ก็” พูดจบมาลีก็ถอนหายใจออกมา จริงๆ เธอก็ไม่อยากเล่นบทใจแข็งหรอก แต่เธอไม่อยากผูกมัดใครไว้ทั้งนั้น

“ว่าแต่มาลีจะรอผมได้หรือเปล่า 2 ปีเลยนะ” มาลีมองหน้าเขาเต็มๆ ตาอีกครั้ง

“อากาศหลังฝนตกแบบนี้ นึกถึงตอนที่เราพักอยู่หมู่บ้านชาวกะเหรี่ยงด้วยกัน ตอนนั้นคุณบอกกับผมว่าคุณอยากไปปลายน้ำแม่กลอง”

มาลียังจ้องแกล้งมองตาเขาเล่นๆ เหมือนเคย

“ไปไหม”

“ต้องหางานทำ” มาลีพูดเรื่องที่ตนยังมีกังวล

“วันละห้าร้อยบาท”

ชัชชัยเสนอ ถ้าเป็นที่อุ้มผางมาลีตาโตอย่างแน่นอน แต่นี่เธอต้องเดินทางกับเขาเพียงลำพัง มันคงไม่งามนัก แต่ใครจะรู้จะเห็น แต่นั่นแหละ

“ให้กุลออกจากโรงพยาบาลก่อนค่อยว่ากัน ถ้ากุลไหวก็อยากชวนกุลไปเป็นเพื่อน” มาลีตอบตามตรง

ชัชชัยเบ้หน้า แล้วแสร้งมองออกไปด้านนอก

“วันนี้ไม่ไปปาร์ตี้ที่ไหนหรือ”

“มีแต่ไม่อยากไป เอ้อมาลี ใกล้ถึงงานวันเกิดพ่อผมแล้ว ผมอยากชวนมาลีไปร่วมงานด้วย”

เมื่อได้ยินมาลีส่ายหน้าเร็วๆ ในทันทีโดยไม่ต้องคิด

“พ่ออยากดูตัวคุณ”

“จะได้สั่งเก็บได้ถูกตัวนะซิ ขอปฏิเสธค่ะ ไม่ไป”

“หมื่นหนึ่งค่าจ้างควงออกงาน”

มาลีหันกลับมาทำตาโต

“สำคัญขนาดนั้นเลยหรือ”

“คอนเซ็ปของงานคือต้องมาเป็นคู่ มาเดี่ยวไม่ให้เข้างาน ถ้าไม่จ้างคุณไป ผมก็ต้องจ้างคนอื่นอยู่ดี”

เมื่อได้ฟังมาลีเบ้หน้า ครุ่นคิดคำนวณจนใจเริ่มสั่น แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่พูดว่า ‘ตกลง’ พอดีกับที่นิวัฒน์เปิดประตูออกมาร้องเรียก

“ว่าไงมาลี คืนนี้จะเอาอย่างไร จะกลับบ้านหรือเปล่า ข้าง่วงว่ะ”

มาลีครุ่นคิดก่อนจะเดินตามนิวัฒน์เข้าไปยังห้องพักคนป่วย กลยุทธดูข่าวไปหาวจนตาแดงเช่นกัน มาลีเหลือบมองดูนาฬิกาที่ข้างฝา ห้าทุ่มแล้ว พรุ่งนี้เขาต้องตื่นแต่เช้าไปทำงาน นิวัฒน์เองก็ต้องขายผลไม้ มาลีมองบนเตียงกุลกัญญาหลับไปแล้ว สีหน้าของหญิงสาวสดชื่นขึ้นมาเพราะนิตยสารเลดี้วีคที่วางอยู่ข้างหมอน

“คุณยุทธคะ คืนนี้คุณกลับไปนอนที่บ้านเถอะค่ะ ฉันจะเฝ้ากุลเอง”

ชัชชัยที่เดินตามมาทำเป็นไม่ได้ยินเสียงใสๆ ดูเอาใจคู่แข่งนั่น

กลยุทธมองหน้ามาลี สบสายตาเห็นถึงความปรารถนาดี เขาลางานไปหนึ่งวันแล้ว อีกถ้าหยุดอีกวัน งานก็สำคัญ น้องสาวก็สำคัญ จะใช้มาลีเขาก็รู้สึกเกรงใจ เพราะมาลีก็ต้องหางานทำเพื่อปากเพื่อท้องตัวเองเหมือนกัน

“มาลีอย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะครับ น้ำใจของคุณผมซาบซึ้ง แต่ว่าผมอยากจ่ายเป็นเงินให้คุณดีกว่านะ”

“ไม่เอาค่ะคุณยุทธ ฉันยังไม่ได้ทำงาน อีกอย่างยังหางานไม่ได้ด้วย แล้วกุลก็เพื่อนคนเดียวในกรุงเทพฯของฉัน ช่วยเหลือกันได้ฉันก็อยากช่วย นะคะไม่ต้องจ้าง”

“ผมอยู่เป็นเพื่อนมาลีก็ได้ครับ เพราะผมทำให้กุลเป็นแบบนี้” นิวัฒน์เสนอตัวด้วยคน

“พรุ่งนี้คุณต้องทำงาน คืนนี้ให้มาลีเฝ้าน้องคุณก่อน พรุ่งนี้เผื่อหมอให้กลับบ้าน มาลีก็หมดหน้าที่ ถ้ายังไม่ให้กลับ ค่อยว่ากันอีกที นะครับ” ชัชชัยออกเสียงสนับสนุน


เมื่อกลับถึงบ้าน กลยุทธก็ได้รับโทรศัพท์จากรมณีย์

“อยู่ไหนคะ กุลเป็นอย่างไรบ้าง คงปลอดภัยแล้ว ดีใจด้วยนะ ตอนนี้อยู่ที่บ้านเหรอคะ รมมี่อยู่ที่งานเลี้ยงอีกสิบนาทีคงออกไป คะคือว่า รมมี่หาตุ้มหูไม่พบค่ะ ไม่รู้ว่าร่วงบนที่นอนหรือเปล่า”

ท้ายประโยคคล้ายกับว่าหญิงสาวขวยเขิน กลยุทธเองก็หน้าผะผ่าวขึ้นมาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนบ่าย

“ออกจากงานแล้วรมมี่จะไปหานะคะ อาบน้ำรอแล้วกัน ประแป้งให้หอมนะ”

หญิงสาวรุกเร้าทางคำพูด ทำให้ชายหนุ่มถึงกับรู้สึกเสียวซ่านไปทั่วทรวงอก
เมื่อวางโทรศัพท์ลงแล้ว กลยุทธรีบเดินขึ้นชั้นบนไปยังเตียงนอน ผ้าคลุมเตียงยังยับยู่ยี่ ผ้าห่มแพรร่วงสู่พื้น เขากวาดสายตามองหาของสำคัญของหญิงสาว จนกระทั่งประกายเพชรแวววาวล้อแสงไฟ กลยุทธหยิบมันขึ้นมาถือไว้ รมณีย์ไม่ใช่แค่ทอง แต่เธอคือเพชรล้ำค่า แล้วเขาจะคู่ควรกับเธอหรือ




จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 พ.ย. 2555, 09:13:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 พ.ย. 2555, 09:13:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 1888





<< 36.“ผมไม่คิดว่าจะมีใครรักกุลจริงๆ”   38.เรื่องฐานะ มันมีผลกับเรื่องของหัวใจ พอๆ กับเรื่องเพศทีเดียว >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 6 พ.ย. 2555, 09:13:46 น.
ขอบคุณจากทุก ๆ กำลังใจนะครับ


mottanoy 6 พ.ย. 2555, 10:17:18 น.
อยากจะบอกว่าตามอ่านเรื่องนี้มาตลอดแต่มีปัญหาเรื่องล๊อกอิน อยากบอกอีกว่างานของคุณเฟื่องพัฒนาขึ้นมากค่ะ


จุฬามณีเฟื่องนคร 6 พ.ย. 2555, 10:45:32 น.
เรื่องนี้ไม่ได้พัฒนาหรอกครับ เป็นงานเรื่องแรก ๆ ต่างหาก ที่เขียนช่วงหลัง ๆ นั่นคือเขียนเอาใจตลาดครับ...จริง ๆ แล้วผมชอบงานซับซ้อนทางอารมณ์มากกว่าครับ // ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ...


nateetip 6 พ.ย. 2555, 12:00:53 น.
ยิ่งอ่านยิ่งชอบค่ะ ชอบคุณชัชค่ะ


Orathai 6 พ.ย. 2555, 16:40:38 น.
นิสัยมาลีได้ใจดีจัง ให้เรียนจบก่อน


อ้อย 6 พ.ย. 2555, 18:55:45 น.
อ่านสนุกค่ะ ชอบมากเลยค่ะ สงสารกุลจังค่ะ


konhin 6 พ.ย. 2555, 22:16:17 น.
ชีวิต ซับซ้อนอ่ะ


loveleklek 6 พ.ย. 2555, 22:54:00 น.
ใกล้จะได้จับต้องแล้วนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account