บ่วงรักแรงอธิษฐาน
รักในปัจจุบันผูกพันกับรักที่ปวดร้าวในอดีตชาติ
คำอธิษฐานและบุพเพสันนิวาสนำเขาและเธอกลับมาพบกันอีกครั้ง
แต่จะทำเช่นไรเมื่อหนึ่งคือเพื่อนรักที่ยอมสละชีพเพื่อเราและหนึ่งคือยอดดวงใจที่เฝ้ารักเฝ้ารอมาหลายภพชาติ
Tags: ย้อนอดีต ระลึกชาติ บุพเพสันนิวาส

ตอน: ตอนที่ 6 รักซ่อนซ้อนฝัน


‘เรากำลังย้อนเวลา...?’

ในความรู้สึก ปราณกำลังพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วผ่านอุโมงค์สุญญากาศที่คดเคี้ยวและยาวไกลอีกครั้ง แสงสว่างวูบวาบและกลุ่มเมฆบางๆที่ผ่านไปเป็นระยะ วูบ..วูบ..วูบ...รู้สึกเสียววาบเหมือนตกอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนักจนต้องกลั้นหายใจเอาไว้ตลอดการเดินทาง ซึ่งยาวนานกว่าครั้งนั้นที่เคย ภาพทุกภาพสามารถมองเห็นและสัมผัสได้ประหนึ่งว่ามันมีอยู่จริง

ต้องสูดหายใจเฮือกใหญ่เมื่อการเดินทางสิ้นสุดลง เหนื่อยหอบจนแทบหายใจไม่ทัน ขาทั้งสองข้างแทบไม่มีเรี่ยวแรงพอจะพยุงร่างของตัวเองให้ยืนหยัดอยู่ได้ เอื้อมมือเช็ดเหงื่อเม็ดโป้งที่ผุดพรายเต็มใบหน้า สายตาสำรวจไปรอบๆ

‘ที่นี่ที่ไหนกัน’ เวิ้งนากว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาจรดเชิงเขาทุกด้าน ถัดไปเป็นป่าทึบเขียวขจีไล่เรื่อยขึ้นไปเป็นภูเขา ขนาดของต้นไม้และความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าทำให้รู้ได้ว่านี่จะต้องเป็นเวลาที่ห่างไกลจากที่ที่จากมานับหลายร้อยปี

‘นั่นควันไฟ จะต้องมีคนอยู่ เรารู้สึกว่าตัวเราอยู่ที่นั่น’ เร็วแค่เพียงคิดภาพชายหนุ่มวัยฉกรรจ์รูปร่างกำยำสองคนกำลังประดาบก็ปรากฏตรงหน้า ผมทรงไทยโบราณร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า ผ้านุ่งสีเข้ม และดาบคู่ที่ทำจากเหล็กกล้าเงาวับเกรี้ยวกราดฉวัดเฉวียนอย่างมีชั้นเชิง

ประเมินด้วยสายตาไม่สามารถบอกได้ว่าใครฝีมือเหนือกว่าใคร ทั้งสองผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างไม่มีท่าทีจะเพลี่ยงพล้ำหรืออ่อนกำลังลง สายตาคมกริบจับจ้องที่คู่ต่อสู้ เสียงคมดาบแหวกอากาศชวนเสียวหัวใจจนต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างลุ้นระทึก ประกายไฟจากคมเหล็กกล้าที่ประทะหนักหน่วงถี่ยิบบอกให้รู้ถึงความห้าวหาญดุดันประดุจพญาราชสีห์สองตัวที่ถาโถมห้ำหั่นหมายมั่นปลิดชีพฝ่ายตรงข้าม หากใครเพลี่ยงพล้ำเพียงพริบตา คงต้องโดนเข่นฆ่าให้อาสัญเป็นแน่

“เอาละ เราเล่นกันมามากแล้ว เตรียมรับมือกับท่าไม้ตายของข้าให้ดีไอ้จัน”
“เข้ามาเลย ข้าไอ้จันศิษย์เอกสำนักดาบหลวงอินทรวิชัย ไม่เคยกลัวเอ็งอยู่แล้วไอ้ทอง เข้ามา”

‘จัน’ ท้าทายกึ่งคำรามเสียงเข้ม ใบหน้าคมขบกรามแน่นสายตาจ้องเขม็งขณะอยู่ในท่าตั้งรับที่มั่นคง ไม่รู้สึกหวั่นเกรงในกิตติศัพท์เพลงดาบอันดับหนึ่งของคู่ต่อสู้ต่างสำนักเลยแม้แต่น้อย แม้เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาแต่เชิงดาบที่เกรี้ยวกราดดุดันและร่างกายกำยำล่ำสันก็ส่งให้จันดูน่าเกรงขามราวขุนศึกเจนสมรภูมิ ผิวสีเข้มอย่างชายไทยที่กรำแดดกรำฝนมาแล้วอย่างโชกโชน คิ้วหนาหนวดเครางามเข้มอย่างธรรมชาติ

“ทำพูดดีไปเถอะ...” ใบหน้าหล่อเข้มผิวสีอ่อนกว่าไร้หนวดเครา ยิ้มที่มุมปากคำรามเบาๆ เขาคือ ‘ทอง’ มือดาบอันดับหนึ่งแห่งสำนักดาบขุนไกรวรพันธ์ คิ้วหนาทว่าได้รูป ดวงตาฉายแววนักล่าวาววับ จมูกโด่งเป็นสันร่างกายกำยำ

‘เราคือทอง...ชายคนนี้คือเราเมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว’ บางความรู้สึกที่รับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณบอกกับปราณว่า หนึ่งในชายผู้ปรากฏเบื้องหน้าคือตัวเองเมื่อหลายร้อยปีก่อน

“เตรียมรับมือ!” แม้จะเสียเปรียบทางรูปร่างเล็กน้อย แต่ขึ้นชื่อว่านักดาบอันดับหนึ่งของสำนักย่อมการันตีได้ว่ารูปร่างไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับทองเลย พร้อมเสียงคำรามนั้นพญาราชสีห์กระโจนตะปบเหยื่ออีกครั้งอย่างหนักหน่วงและดุดันยิ่งกว่าเดิม ดาบสองมือเกรี้ยวกราดแกว่งไกวอย่างมีเป้าหมายทุกครั้ง สองเท้าย่างสามขุมอย่างมีชั้นเชิงเตรียมพร้อมสำหรับการตั้งรับหากฝ่ายตรงข้ามโต้กลับอย่างฉับพลัน

ประกายไฟจากคมเหล็กกล้าแตกกระจายในทุกฝีดาบ สร้างความตื่นเต้นหวาดเสียวให้กับคนที่กำลังเฝ้ามอง เกรงว่าจะมีใครสักคนพลาดพลั้ง จันเองก็ตั้งรับอย่างไม่เกรงกลัวเช่นกัน

ท้องฟ้ามืดครึ้ม สายลมพัดหญ้าแห้งปลิวว่อนกระจุยกระจาย เป็นสัญญาณว่าฝนกำลังจะเทลงมาในอีกไม่กี่อึดใจ ทว่าสองนักสู้ยังคงห้ำหั่นกันต่อไปอย่างไม่ใยดีฟ้าดิน ฝนเริ่มลงเม็ดและกระหน่ำเคลื่อนมาแล้วจากขอบฟ้าไกลๆ

เปรี้ยง...
เพลงดาบเกรี้ยวกราดทว่าสายฟ้ากราดเกรี้ยวยิ่งกว่า อานุภาพของมันทำให้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆ ต้องหักโค่นลงฉับพลัน
“เฮ้ย! ไอ้ทองวันนี้พอแค่นี้ก่อน ฝนมาแล้วโว้ย...”
“เออๆ ดีเหมือนกัน อย่างไรเสียเอ็งก็ไม่พ้นมือข้าดอก”
“น้อยๆ หน่อยไอ้เกลอ ข้ายังไม่ได้สำแดงไม้ตายเลย ถ้าเอ็งได้ประจักษ์เพียงสักครา เอ็งจักตัวสั่นงันงกยอมแพ้แทบไม่ทันเลยทีเดียว” เร็วกว่าคำพูดสองนักสู้ที่เพิ่งห้ำหั่นกันเอาเป็นเอาตายชวนกันวิ่งหลบฝนภายใต้ชายคากระท่อมหลังเล็ก

‘ฝีมือร้ายกาจทั้งสองคน ยอดเยี่ยมจริงๆ’


แสงแดดสุดท้ายกำลังจะลับขอบฟ้า แต่ที่ตลาดนัดท้ายหมู่บ้านผู้คนยังคงพลุกพล่าน แม้อาหารการกินจะอุดมสมบูรณ์ในน้ำมีปลาในนามีข้าว แต่ก็ยังต้องมีสถานที่สำหรับซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าอื่นๆ บ้างก็นำสัตว์ป่ามาแลกอัฐ บ้างก็นำผ้าไหมผ้าทอจากต่างเมืองมาแลกทรัพย์สินมีค่า ขนมนมเนยหลายชนิดมีไว้คอยบริการเด็กๆ ที่วิ่งเล่นส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว

“เดี๋ยวเอ็งช่วยข้าเลือกสร้อยคองามๆ สักเส้นนะไอ้ทอง ข้าจะซื้อไปฝากแม่พุดซ้อนยอดรักของข้า”
“อ้าว แล้วใยต้องให้ข้าเลือกด้วยเล่า ของของเอ็งเอ็งก็เลือกเองสิจะได้ถูกใจ”
“น่านะเพื่อนรัก..แค่คิดข้าก็เขินแล้ว เอ็งก็น่าจะรู้ว่าข้าเป็นคนหน้าบาง จะให้ไปเลือกของแบบนั้นโธ่...อายแม่ค้าตายเลย” พูดพลางเขย่าแขนกำยำของเพื่อนรักอย่างคะยั้นคะยอ

“อ้าว พี่ทอง พี่จัน วันนี้ได้อะไรบ้างหรือยังจ๊ะ” สาวๆ ที่เดินสวนทางมาเป็นกลุ่มกล่าวทักทายอย่างมีไมตรี ยิ้มให้พี่ทองและพี่จันด้วยสายตาวาวหวาน เป็นที่ประจักษ์ไปทั่วว่าสองหนุ่มคือหนึ่งในนักรบกำลังสำคัญของหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้

“พี่ก็มาเดินเล่น หวังจะได้ประสบพบพักตร์แม่ยอดรักของพี่ทุกคนนี่แหละจ้า เห็นทีคืนนี้พี่ต้องฝันดีเป็นแน่ เหนื่อยอีกแล้วไอ้จันเอ๊ยแก เฮ้อ.....”
“บ้า! พี่จันพูดอะไรก็ไม่รู้บัดสีบัดเถลิงที่สุด พูดเล่นแบบนี้บ่อยๆ ลั่นทมเอาจริงขึ้นมาจะหาว่าไม่เตือนนะจ๊ะ” หนึ่งในจำนวนนั้นพูดจาโต้ตอบทันควัน หางตาชม้อยเมียงมองปากจิ้มลิ้มอมยิ้มเอียงอาย พาให้หัวใจลูกผู้ชายคึกคักขึ้นมาฉับพลัน หลิ่วตาเปิดหางคิ้วโน้มตัวลงประสานสายระยิบคู่นั้นอย่างมีความหวังยิ้มน้อยๆ อย่างผู้กำชัย
“นั่นแน่ะๆ นี่น้องลั่นทม.. อยาก...เหนื่อย... หรือจ๊ะ หึหึหึ?”
“บ้า” มือน้อยทุบที่หัวไหล่คนหน้าบางเบาๆ อย่างขวยเขินสะเทิ้นทรวง

“พวกเราไปก่อนนะพี่ทอง พี่จัน ไปกันเถอะลั่นทม เดี๋ยวจะค่ำเสียก่อน” เพื่อนในกลุ่มต้องฉุดแขนลากไปกระนั้นก็ยังไม่วายหันมาส่งยิ้มสุดท้ายให้พี่จันที่มองตามจนคอแทบเคล็ดยิ้มไม่หุบจนหนวดงามสั่นระริก
“แล้วพบกันนะจ๊ะสาวๆ”

เผียะ!
“เฮ้ย! ไอ้ทอง เอ็งตบหัวข้าทำไมวะ เดี๋ยวครูข้าโกรธเอ็งจะซวย”
“นี่นะรึ หน้าบางของเอ็ง โธ่ไอ้จันเอ๊ย...กะล่อนจนปลาไหลเรียกพี่แล้วเอ็งน่ะ”
“แต่ถึงอย่างไรข้าก็มีแม่พุดซ้อนยอดรักของข้าคนเดียว พุดซ้อนคือหนึ่งยอดดวงใจสาวๆ ทั่วไปคือกำไรชีวิต”

เมื่อไม่ใช่ยามรบ จัน จะเป็นชายหนุ่มอารมณ์ดี ขี้เล่นเป็นที่สุดโดยเฉพาะกับสาวๆ ความเจ้าชู้ไหลลื่นนั้นเป็นที่รู้จักพอๆ กับกิตติศัพท์เพลงดาบของเขาเลยทีเดียว ส่วน ทอง จากรูปร่างหน้าตาที่น่าจะเป็นคนเจ้าชู้มากกว่ากลับดูสุขุมเยือกเย็น เป็นพญาราชสีห์หนุ่มที่หมอบนิ่งเตรียมพร้อมสำหรับการประจัญบานในทุกเวลาโดยเฉพาะในยามที่บ้านเมืองต้องอยู่ในภาวะสงครามและโจรป่าชุกชุมเช่นนี้ แต่...ต่อให้เป็นขุนศึกเจนสนามรบก็ยังต้องพ่ายแพ้ต่อความงามของอิสตรี ‘แม่พุดซ้อน’ คือยอดหญิงผู้กุมหัวใจลูกผู้ชายของเขาเอาไว้อย่างแนบแน่นเสมอมาเช่นเดียวกับสหายรัก โดยที่ เธอเองก็ยังไม่ทันได้รู้ตัว


หรีดหริ่งเรไรดังระงมทั่วบริเวณ แสงสว่างจากเปลวเพลิงที่ลุกโชนกลางหมู่บ้านพาให้เงาของสิ่งต่างๆ รอบตัวดูวูบไหวเป็นจังหวะ คืนนี้เป็นหน้าที่ของทองที่ต้องอยู่เฝ้าเวรยามเพื่อให้ชาวบ้านได้นอนหลับสบาย เมื่อสัปดาห์ที่แล้วโจรป่าบุกเข้าปล้นสดมภ์และทำร้ายคนในหมู่บ้าน คิดแล้วมันน่าแค้นใจนัก เสียดายที่ทองและจันรวมทั้งชายหนุ่มคนอื่นๆ ถูกทางการระดมไปสมทบกองกำลังลาดตระเวนของทางการเหลือกำลังรักษาความปลอดภัยเพียงน้อยนิด เมื่อกลับมาก็เหลือเพียงร่องรอยความเสียหายที่พวกมันได้ฝากเอาไว้ และบาดแผลร้ายที่ฝังลึกในใจของชาวบ้านตาดำๆ อย่างยากจะเลือนหายไปจากความรู้สึก

ทอง นั่งยามบนต้นไม้ใหญ่อย่างเงียบกริบ หากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นก็พร้อมจะส่งสัญญาณไปยังนักรบของหมู่บ้านคนอื่นๆ ได้อย่างทันท่วงที
“ขอให้มันมาเถิด พวกมันจักไม่มีโอกาสรอดกลับไปโดยที่ยังมีลมหายใจอยู่”

“ดึกแล้วแม่พุดซ้อนนอนเสียเถิด นอนหลับให้สบายไม่ต้องเกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น พวกพี่จะไม่ยอมให้มันผู้ใดมาทำร้ายแม่พุดซ้อนและคนอื่นๆ ในหมู่บ้านได้อีกเป็นอันขาด หากพวกมันมาพี่จะเด็ดหัวพวกมันให้สิ้นซาก ให้มันจดจำไปจนถึงลูกหลานโคตรเหง้าศักราชว่าอย่ามารุกรานชาวบ้านหนองไผ่ล้อมอย่างพวกเรา พี่สัญญา”
เสียงจันรับปากกับหญิงผู้เป็นที่รักเป็นมั่นเป็นเหมาะดังแววมาจากเรือนหญ้าแฝกถัดจากที่ที่ทองเฝ้าสังเกตการณ์ ใช่แล้วละ...แม่พุดซ้อนหญิงผู้เป็นที่รัก ที่รักของพี่ทองอีกคน...

“เฮ้ยไอ้ทอง ข้าขอพักเอาแรงสักงีบก่อน ถ้าเอ็งง่วงก็ไปปลุกข้าที่เรือนนะเพื่อน ระวังตัวด้วย”
“ได้เลย” ตะโกนบอกพลางมองตามร่างกำยำของเพื่อนรักที่กำลังเดินขึ้นเรือนไป จันเป็นเพื่อนรักที่คบหากันมาตั้งแต่ยังเด็ก บวชเรียนมาด้วยกันก่อนจะแยกย้ายไปฝึกเพลงดาบจากคนละสำนัก และทุกครั้งที่พบกันทั้งสองจะเป็นคู่ประดาบชั้นยอดให้กันและกันเสมอจนฝีมือก้าวหน้าอย่างยากจะหาผู้ทัดเทียม

“หลับให้สบายนะ พุดซ้อน...” ชายหนุ่มรำพึงกับตัวเองเบาๆ สายตาเฝ้ามองหลังคาเรือนของหญิงผู้เป็นที่รัก แสงไฟที่เล็ดลอดออกมาทางหน้าต่างดับไปแล้ว ป่านนี้หญิงสาวเจ้าของเรือนคงนอนหลับฝันดี
แต่...คงไม่มีพี่ทองอยู่ในฝันดีของพุดซ้อน..


“สาธุ ขออย่าให้เกิดอะไรขึ้นอีกเลย ขอคุณพระคุ้มครองพี่ทอง พี่จัน และชาวบ้านทุกคนให้อยู่รอดปลอดภัยด้วยเถิดเจ้าประคู้ณ...”

แสงสว่างจากกองไฟกลางหมู่บ้านเล็ดลอดเข้ามาถึงภายในตัวเรือน พุดซ้อนยังนอนไม่หลับแม้จะเป็นเวลาดึกมากแล้วก็ตาม ความรู้สึกสับสนในหัวใจลึกๆ คอยก่อกวนไม่ให้ข่มตาหลับลงได้ เสียงของพี่จันยังดังกังวานอยู่ในความรู้สึก …พี่จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายแม่พุดซ้อนและคนอื่นๆในหมู่บ้านได้อีกเป็นอันขาด พี่สัญญา… ทำไมพุดซ้อนจะไม่รู้ว่าพี่จันรู้สึกอย่างไร พี่จันเป็นคนดีมีผีมือ มากด้วยน้ำใจ เป็นนักรบที่คอยปกป้องคุ้มครองทุกคนในหมู่บ้านให้มีชีวิตอยู่อย่างสงบสุข ข่มตานอนได้หลับสนิทแม้ยามที่บ้านเมืองลุกเป็นไฟเช่นนี้

“แม่พุดซ้อน วันนี้พี่มีผลไม้ป่ามาฝากเยอะเลย พอกินไปหลายวันเลยละ” พี่จันมักมีของฝากเสมอหากต้องเดินทางไกลหรือเข้าป่าล่าสัตว์ ทั้งรอยยิ้มแววตาและการแสดงออกบ่งบอกอยู่ชัดเจนว่า พุดซ้อนอยู่ในฐานะอะไรในใจของพี่จัน

“ไม่เห็นต้องลำบากขนาดนี้เลยพี่จัน ลำพังเสบียงที่มีอยู่ก็มากโข น้ำใจของพี่จันทั้งนั้น พุดซ้อนละเกรงใจนักรู้ไหม” ใบหน้าคมเข้มอย่างชายไทยหันมายิ้มตาเป็นประกาย น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยกับพุดซ้อนก็แสนจะนุ่มนวลแตกต่างจากเวลาเล่นหัวกับหญิงสาวคนอื่นๆ มากมายนัก

“พุดซ้อนไม่ต้องเกรงใจอะไรพี่ดอก พุดซ้อนก็น่าจะรู้ว่าพี่รู้สึกยังไงกับพุดซ้อน” อันที่จริงคงไม่มีใครในหมู่บ้านนี้ที่ไม่รู้ความรู้สึกของพี่จัน ก็พี่จันออกจะเป็นคนเปิดเผยเสียจนแทบจะไม่เก็บความรู้สึกกันเลยสักนิด
“พ่ออินเองก็ไม่สบายอยู่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยออกไปหาอาหาร พี่จะดีใจมากถ้าพุดซ้อนยอมให้พี่แบ่งเบาภาระเล็กๆน้อยๆ และไม่ต้องลำบากใจอะไร เพราะพี่ไม่เคยคิดจะเรียกร้องอะไรจากพุดซ้อน พี่ทำทุกอย่างเพราะพี่อยากทำ”


ตางามทอดออกไปนอกหน้าต่างหมู่ดาวน้อยใหญ่แข่งกันอวดแสงน้อยนิดกับดวงจันทร์ให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนไม่เงียบเหงานัก ทว่าความรู้สึกของหญิงสาวกลับเต็มไปด้วยความว้าวุ่น พุดซ้อน หญิงสาวชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งทว่าผิวพรรณผุดผ่องเป็นยองใยดวงหน้ารูปไข่ ตาโตขนตางอนงาม คิ้วเรียวสวย ริมฝีปากอิ่มได้รูปเป็นสีชมพูอ่อนๆ ตามธรรมชาติ ผมยาวสลวยเรือนร่างอ้อนแอ้นเพรียวบาง กริยามารยาทอ่อนหวานงดงาม จึงไม่แปลกที่จะเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มหลายคนในหมู่บ้าน แต่ใครเลยจะกล้าเทียบรัศมีของพี่จันนักรบผู้กล้าของหมู่บ้าน แต่.... พุดซ้อนจะทำยังไงดี จะเห็นแก่ความเป็นคนดีมีน้ำใจและความรู้สึกมากมายที่พี่จันมีให้เสมอ หรือจะซื่อสัตย์กับความรู้สึกส่วนลึกของหัวใจตัวเองที่คอยจะร่ำร้องหาใครอีกคนเสมอมา ใครอีกคนที่กำลังเฝ้ายามเดียวดายในความมืด ใครอีกคนที่เป็นเพื่อนรักเพื่อนแท้เพื่อนตายของพี่จัน ใช่แล้วละ...คนคนนั้นคือ...พี่ทอง คนที่ไม่เคยได้รู้ว่าพุดซ้อนรู้สึกอย่างไรนั่นเอง

“ทำยังไงดีล่ะพุดซ้อน” ความรักมักเล่นตลกไม่ว่ายุคไหนๆ ขณะที่เรากำลังหลงรักและเฝ้ามองใครสักคน ใครสักคนของเราก็มักจะกำลังเฝ้ามองใครอีกคนอยู่เสมอ และขณะเดียวกันก็มักจะมีสายตาเหงาๆ อีกคู่หนึ่งเฝ้ามองเราอยู่อย่างรอคอยความหวังเช่นกัน มีคนเคยบอกว่าความรักก็เหมือนเงาเมื่อเราวิ่งไล่มันจะวิ่งหนีและเมื่อเราวิ่งหนีมันจะคอยวิ่งตามเราไม่ห่าง

อยากจะทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจแต่ก็ไม่อยากให้ใครอีกคนต้องผิดหวังและเสียใจ และยิ่งทั้งสองคนเป็นเพื่อนรักกันด้วยแล้วก็ยิ่งสร้างความสับสนให้เกิดขึ้นในหัวใจดวงน้อยของพุดซ้อนเป็นเท่าทวี


บรรยากาศยามค่ำคืนที่สวยงามไม่อาจชดเชยความเหงาที่ก่อตัวขึ้นในใจของนักรบผู้กล้า ดาวดวงเล็กๆ บนผืนฟ้าเป็นเหมือนความหวังที่หลอกล่อหัวใจให้ชุ่มชื่น หัวใจที่ต้องจมอยู่ในวังวนหุบเหวแห่งรักที่กว้างใหญ่และมืดดำไร้ทางออก ทั้งทองและจันต่างเห็นพุดซ้อนมาตั้งแต่ยังแบเบาะ ยังเคยพาขี่หลังเล่นม้าก้านกล้วย เคยอุ้มลงเด็ดบัวในสระ คนตัวเล็กๆ หัวเราะชอบใจที่ได้ไขว่คว้าบางสิ่งที่อยากได้ด้วยมือน้อยของตัวเอง

“พี่ทองใจดี พุดซ้อนรักพี่ทองที่สุดในโลกเลย” ทั้งภาพและเสียงของเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆ ในอดีตยังคงกระจ่างใสอยู่ในความรู้สึก เด็กตัวเล็กๆ แก้มยุ้ยตาโตปากนิดจมูกหน่อยน่าเอ็นดู เส้นผมยาวบางๆ ถูกรวบขึ้นไปมัดจุกไว้ด้านบน ทิ้งไรผมสีน้ำตาลอ่อนๆ พลิ้วไหวล่อแสงแดดสีทองยามเช้า หัวเราะตาหยีจนเห็นฟันซี่เล็กๆ และเหงือกสีชมพูอ่อนน่าเอ็นดูที่สุด

“อ้าว แล้วพี่จันเล่าพุดซ้อน ไม่รักพี่จันบ้างรึ พี่จันก็ใจดีมีขนมมาฝากพุดซ้อนทุกวันเลยนา..เอ้าแล้วนี่ดอกบัวสวยๆ พี่เก็บมาให้เรียบร้อยแล้วจ้า”

“อืม...เอ้า รักพี่จันด้วยก็ได้จ้ะ...”


ตอนนี้พุดซ้อนโตเป็นสาวงามสะพรั่ง ไม่ใช่เด็กน้อยคนเดิมที่จะมาขี่หลังพี่ทองวิ่งเล่นได้อีกแล้ว ความสนิทสนมที่เคยมีก็ค่อยๆ ห่างออกไปเหลือทิ้งไว้เพียงร่องรอยของความรักและผูกพันในใจพี่ทองที่ค่อยๆ พัฒนาจากรักแบบพี่น้องจนกลายเป็น... นั่นสิ... เป็นอะไรล่ะ พี่ทองอยู่ในฐานะอะไรสำหรับพุดซ้อนนอกจากพี่ชายที่แสนดี

หิ่งห้อยตัวน้อยส่งแสงวิบวับอยู่ใกล้ๆ มือหนาที่กร้านหยาบเพราะกุมดาบมาค่อนชีวิตคว้าเจ้าหิ่งห้อยมากุมไว้ ค่อยๆ คลายฝ่ามือออกช้าๆ เพ่งมองแสงนวลเย็นตาเล็กๆ นั้นใกล้ๆ แสงสว่างที่กระพริบเป็นจังหวะยังให้มองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวลางๆ แม้จะไม่เจิดจ้าอย่างแสงจันทร์ แต่ก็ส่องสว่างได้ตามกำลังน้อยนิดที่พึงมี คงเหมือนความหวังที่แม้จะริบหรี่เพียงใดแต่ก็ยังเป็นความหวังที่แอบทอแสงเล็กๆให้สิ่งที่ถูกเก็บงำไว้ในใจของพี่ทองไม่ต้องทนอยู่อย่างอ้างว้างเท่าไรนัก

“ขอให้คุณพระคุ้มครองพี่ทอง และกลับมาอย่างปลอดภัย พุดซ้อนจะเป็นกำลังใจให้พี่ทองเสมอ” พุดซ้อนจะแสดงความห่วงใยทุกครั้งที่จะต้องจากบ้านไปทำหน้าที่ ไม่ว่าจะด้วยความเป็นพี่น้องหรืออะไรก็ตาม แต่มันก็ทำให้พี่ทองมีกำลังใจที่จะรักษาชีวิตให้อยู่รอดปลอดภัยกลับมา เพื่อจะได้เห็นรอยยิ้มของพุดซ้อนอีกครั้งเสมอ

“ข้าน่ะ รักแม่พุดซ้อนของข้าที่สุดเลยนะไอ้ทอง ชีวิตของข้าสละได้เพื่อแม่พุดซ้อน เฮ้อ...ข้าละคิดถึงจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว” จันมักจะระบายความรู้สึกอันอัดอั้นตันใจให้ฟังอยู่เสมอเมื่อเวลาต้องห่างบ้านไปแดนไกล การได้พูดถึงหญิงผู้เป็นที่รักกับใครสักคนที่รู้ใจเป็นความสุขอย่างหนึ่ง แต่ถ้าจันรู้ว่านั่นคือสิ่งที่ทำให้เพื่อนรักรู้สึกเจ็บปวดและสับสนแค่ไหน จันคงไม่ทำ

หยิบแหวนทองเหลืองวงเล็กที่ซ่อนไว้ในชายพกขึ้นมาวางลงบนฝ่ามือใกล้ๆ หิ่งห้อยตัวน้อย แสงแห่งความหวังริบหรี่สะท้อนเป็นเงาอยู่วาววับ เพียงได้แอบทำอะไรเพื่อหญิงผู้เป็นที่รักบ้าง เท่านั้นก็สุขที่สุดเท่าที่หัวห่อเหี่ยวดวงหนึ่งจะพึงทำได้แล้ว

‘พุดซ้อนจะรู้ไหมว่า พี่ทองรักพุดซ้อนแค่ไหน’




ไอรายา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 พ.ค. 2554, 08:37:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 พ.ค. 2554, 08:37:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 2144





<< ตอนที่ 5 เพราะมั่นในรัก   ตอนที่ 7 อุ่นรักคืนเลือด >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account