อาญาสวาทมาเฟีย
ความรักของเขา ตายไปพร้อมกับภรรยาและลูกในท้อง เหลือเพียงความแค้นที่หล่อเลี้ยงหัวใจ เธอคือน้องสาวของคนที่ฆ่าภรรยาและลูกของเขา เธอจึงต้องชดใช้ความผิดครั้งนี้
Tags: มาเฟีย นิยาย รวิญาดา ผการุ้ง

ตอน: ตอนที่ 3. ไม่อาจเปลี่ยนใจ 100%

ต่อจ้า...



หลายวันที่ผ่านมาจางหลงยุ่งอยู่กับงานที่ซื่อเหวินหลัวมอบหมายให้ทำ จนไม่มีเวลาว่างไปเยี่ยมลูกชายเหมือนเคย หลังจากเมื่ออาทิตย์ก่อนเขาส่งจางหมิงกลับบ้านตระกูลหลี่ไปแล้ว ชายหนุ่มก็ไม่แวะไปหาลูกชายอีกเลย จางหมิงงอนคนเป็นพ่อที่ไม่ยอมให้เขาอยู่ที่บ้านต่อจนไม่ยอมกินข้าว เดือดร้อนหลินหลินต้องโทรมาขอให้น้องชายพาอิงอรไปพบ จางหลงพยายามเลี่ยงไม่พบหน้าหญิงสาว เขาไม่อยากให้ตัวเองใจอ่อนกับน้องสาวศัตรู จนไม่อาจทำตามแผนการของพ่อบุญธรรมได้ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนเขาจะเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเจ้าลูกชายตัวแสบออดอ้อนแกมบังคับให้ผู้เป็นป้าออกคำสั่งกับเขา

จางหลงเดินมาที่บ้านสองสามีภรรยา เขานั่งคุยกับอารีย์ถามไถ่เรื่องสุขภาพของว่าที่คุณแม่คนใหม่ โดยมีอาปิงร่วมคุยอยู่ด้วย

“หมอนัดผ่าคลอดเดือนหน้าค่ะคุณจาง พี่ก็เสียวๆ อยู่เหมือนกัน กลัวมีดหมอ” อารีย์บอกเล่าด้วยน้ำเสียงหวาดๆ ใบหน้าของเธอมีรอยวิตกกังวล จนคนเป็นสามีต้องมากุมมือปลอบประโลม

“หมอสมัยนี้เขาเก่งครับ ผมว่าแทนที่คุณอ้อยจะกลัวหมอ ให้กลัวตอนเลี้ยงลูกดีกว่าตอนนั้นลำบากสุดใจเลยครับ” คนมีประสบการณ์มาก่อน พูดปลอบ

“มีลูกตอนอายุปูนนี้ ไม่รู้จะเลี้ยงกันไหวไหม เห้อ... ผมนึกภาพตามแล้วเหนื่อยขึ้นมาเลย”

อาปิงเห็นด้วยกับผู้เป็นนาย เขากับภรรยาก็อายุเข้าเลขสี่กันแล้ว แต่ด้วยความอยากมีทายาททำให้ต้องยอมเสี่ยง แค่นึกภาพตอนวิ่งวุ่นดูแลเจ้าตัวเล็กแล้ว บอดี้การ์ดร่างใหญ่ถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่

“คุณต้องช่วยฉันเลี้ยงลูกด้วยนะ ถ้าปล่อยให้ฉันเลี้ยงคนเดียว ฉันจะหอบลูกหนีกลับบ้านฉันไม่ให้เห็นหน้าเลยเชียว” อารีย์หันมาบอกสามี “ช่วยกันทำก็ต้องช่วยกันเลี้ยง เข้าใจมั้ยคะ”

“ครับที่รัก...” อาปิงรับคำเสียงหวาน เขาโอบไหล่ภรรยาอย่างรักใคร่

จางหลงยิ้มขำ มองภาพความสุขของสองสามีภรรยาด้วยความอิ่มใจ ไม่เสียแรงที่เขาลงทุนเป็นพ่อสื่อให้คู่รักคู่นี้ อาปิงเป็นคนทื่อมะลื่อจีบสาวไม่เป็นอยู่เป็นโสดมาจนอายุสี่สิบ ด้านอารีย์ก็เป็นสาวบ้างานวันๆ เอาแต่ทำงานจนอายุล่วงเข้าเลขสี่ก็ไม่ยอมสนใจใคร เมื่อห้าปีก่อนอาปิงเดินทางไปดูแลหลี่ไท่หยางผู้เป็นนายที่เมืองไทย ได้พบกับอารีย์ซึ่งขณะนั้นทำงานกับม่านไหมภรรยาของหลี่ไท่หยางก็เกิดนึกชอบแต่ไม่กล้าจีบ เขาจึงช่วยให้อาปิงสมหวังในรักโดยบอกให้ม่านไหมชวนอารีย์มาทำงานที่ฮ่องกงด้วย แต่อารีย์ปฏิเสธเพราะห่วงหลานสาวจะไม่มีใครดูแล หลังจากอิงอรเรียนจบปริญญาตรีและไปเรียนต่อโทที่ญี่ปุ่น อารีย์ถึงยอมมาทำงานที่นี่ นั่นแหละเส้นทางความรักของคู่นี้ถึงได้มาบรรจบกันได้

“คุณน้ำอิงยังไม่กลับหรือครับ” จางหลงเอ่ยถาม หลังอยู่คุยเป็นนานสองนาน แล้วไม่เห็นหลานสาวของเจ้าบ้าน

“ไปเที่ยวโอเชี่ยนปาร์คกับตาริวค่ะ อีกเดี๋ยวน่าจะกลับ” อารีย์บอก ก่อนจะหันไปมองประตูบ้านเมื่อได้ยินเสียงรถ “สงสัยจะกลับกันมาแล้ว”

“ผมมีธุระจะคุยกับน้ำอิง ให้เธอไปพบผมที่สวนด้วยนะครับ”

จางหลงขยับลุกขึ้น เขาบอกอารีย์แล้วหมุยกายเดินออกไปทางประตูหลัง ที่เปิดออกสู่สวนหลังบ้าน โดยไม่อยู่รอพบอิงอรที่ห้องนั่งเล่น ร่างสูงของชายหนุ่มยืนพิงศาลาไม้ทอดสายตามองดอกกุหลาบที่กำลังเบ่งบานส่งกลิ่นหอมเต็มสวน ด้วยความสงบนิ่ง เขาขยับตัวหันมามองเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ร่างเล็กบางของอิงอรเดินตรงมาหาเขา หญิงสาวมองเขาด้วยแววตาประหม่าเมื่อหยุดยืนเบื้องหน้า

“น้าอ้อยบอกว่าคุณมีธุระกับฉันหรือคะ” เธอเอ่ยถามเสียงเบา ไม่กล้าสบตาเขาเต็มสายตา

จางหลงพยักหน้ารับ “ใช่ ไม่ใช่ธุระสำคัญอะไรหรอก เรื่องอาหมิงลูกชายของผมน่ะ” เขาผายมือให้เธอนั่งลง

อิงอรขยับตัวลงตรงข้ามเจ้าของบ้าน ลดสายตามองพื้น ขณะตั้งใจฟังเขา

“อาหมิงไม่ยอมกินข้าว แกอยากพบคุณมาก” จางหลงมองใบหน้าอ่อนใสของหญิงสาว เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบขรึม

“ผมอยากให้คุณไปพบแกที่บ้านหลี่ จะสะดวกไหม”

“ได้สิคะ น้ำอิงคิดถึงน้องหมิงเหมือนกัน”

อิงอรเงยหน้าขึ้นสบตาคมกริบของเขา ใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ พยักหน้ารับเร็วๆ ก่อนจะหลบสายตา

“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เช้า ผมจะมารับคุณไปหาแก หมดธุระของผมแล้ว ขอตัวก่อนนะ” จางหลงลุกขึ้นยืน ร่างสูงขยับกายเตรียมเดินผละไป

“เดี๋ยวค่ะ!” อิงอรรีบเรียกเขาไว้ เมื่อเขาหมุนกายหันมามอง เธอก็พูดออกมาว่า “วันนี้น้องหมิงยอมทานข้าวหรือเปล่าคะคุณจาง”

จางหลงยกคิ้วสูง ไม่เข้าใจคำถามแต่ก็ตอบกลับไปว่า “แกทานแต่นม แต่ไม่ยอมทานข้าว พี่สาวผมโทรมาหาเมื่อตอนเย็นบอกว่าแกไม่ยอมทานข้าวมาสองวันแล้ว”

อิงอรได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกห่วงใยเด็กน้อยขึ้นมา จางหมิงไม่ยอมกินข้าวมาสองวันแล้วแบบนี้ไม่ดีต่อเด็กเลย ถึงจะดื่มนมแต่จะสู้กินข้าวได้อย่างไร หญิงสาวกระวนกระวายเป็นห่วงเด็กชายจนทนไม่ไหว ถ้ารอถึงวันพรุ่งนี้เธอคงนอนไม่หลับแน่

“พาฉันไปหาแกตอนนี้ได้ไหมคะ” เธอขยับมาใกล้เขาอย่างลืมตัว

“นี่ก็ค่ำแล้ว พรุ่งนี้ค่อยไปก็ได้ครับ คุณเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ” เขาส่ายหน้าปฏิเสธ ทำเอาคนฟังนิ่วหน้ารู้สึกโมโหขึ้นมา

“คุณไม่ห่วงลูกบ้างหรือไง น้องหมิงไม่ได้ทานข้าวตั้งสองวันแล้วนะ คุณไม่กลัวแกเจ็บท้องเป็นโรคกระเพาะบ้างหรือ”

จางหลงตกใจกับท่าทางของอิงอร ที่จู่ก็ขึ้นเสียงดังตำหนิเขาไม่ไว้หน้า ทั้งๆ ที่เมื่อครู่ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาด้วยซ้ำ ดวงตายาวเรียววาววับด้วยแรงโทสะจ้องหน้าเขาเขม็ง ราวกับแม่เสือสาว

“แกไม่เป็นอะไรหรอก พี่สาวผมดูแลอยู่” เขายังใจเย็นไม่สนใจท่าทางเดือดเนื้อร้อนใจของหญิงสาว

อิงอรอารมณ์พุ่งแรงกับท่าทีเฉยชาเป็นน้ำยาเย็นของชายหนุ่ม น้องหมิงเป็นลูกชายของเขาแต่จางหลงกลับทำท่าเหมือนไม่ใส่ใจเท่าที่ควร น้าสาวเคยบอกว่าจางหลงทิ้งลูกให้พี่สาวดูแลมาสามปีแล้ว เขาคงไม่รักลูกถึงได้ปล่อยให้แกอยู่แบบนั้น หญิงสาวนึกสงสารเด็กน้อยพอๆ กับนึกโมโหผู้เป็นพ่อของเด็ก

“ใจดำ คุณมันใจร้าย ใจดำที่สุด!” อิงอรขยับเข้ามาหาร่างสูง อารมณ์โกรธทำให้เธอลืมตัวตวาดเขาเสียงดัง มือน้อยกำแน่นจ้องหน้าเขาด้วยแววตากรุ่นโทสะ

จางหลงนิ่งอึ้งไม่คิดว่าอิงอรจะกล้าด่าว่าเขา “ผมใจร้ายใจดำตรงไหน ฮึ น้ำอิง” เขาถามออกไป

“น้องหมิงเป็นลูกคุณนะ ทำไมถึงไม่ห่วงแกบ้าง คุณเป็นพ่อประสาอะไร ปล่อยให้ลูกอดข้าวตั้งสองสามวัน โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร”

คำกล่าวหาของเธอทำเอาคนฟังหน้าเคร่ง “คุณไม่รู้อะไร อย่ามาพูดแบบนี้ อาหมิงไม่เป็นอะไรหรอก อดข้าวแค่นี้ไม่ถึงกับตายหรอก” จางหลงตวัดสายตาคม มองหน้าแดงก่ำของเธอด้วยแววตาเฉยชา

อิงอรนึกสะท้อนใจสงสารเด็กน้อยที่มีพ่อแบบนี้ จางหลงไม่สนลูกชายสักนิดว่าแกจะหิวจะทรมานเพียงไหน เขาทำราวกับเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ใส่ใจลูกชายของตัวเองอย่างที่ควรทำ หญิงสาวกำหมัดแน่นจ้องหน้าพ่อใจร้ายด้วยความผิดหวัง

“น้องหมิงไม่น่าเกิดเป็นลูกคุณเลย คุณจาง” อิงอรสะบัดเสียงเข้าใส่ ก่อนจะหมุนตัวเดินหนี

คำพูดนั้นบวกกับสายตากล่าวหาของเธอ ทำให้จางหลงกระตุกวูบ เขาคว้าข้อมือเธอไว้ดึงรั้งไม่ให้เดินหนี ร่างบางสะบัดตัวแรง ไม่ยอมหันมาพูดกับเขา จนชายหนุ่มร็สึกโมโหขึ้นมาบ้าง เขากระชากแขนดึงเธอมาปะทะอกรัดไว้แน่น ไม่นำพาต่อการผลักไสดิ้นรนของเธอ

“หยุดดิ้นนะน้ำอิง คุณไม่มีสิทธิ์มาด่าผมแล้วเดินหนีแบบนี้” เขาจับไหล่เธอหมุนให้หันมาเผชิญหน้า

อิงอรจับแขนเขาไว้ นิ่วหน้าด้วยความเจ็บเมื่อเขาบีบไหล่เธอแน่น “ปล่อยฉันนะคนบ้า ฉันเจ็บนะคุณจาง”

“ขอโทษผมก่อน แล้วผมจะปล่อยไป” เขาเอ่ยเสียงเข้ม จ้องหน้าเธอด้วยแววตาดุดัน

“ไม่ ฉันไม่ขอโทษคุณหรอก” อิงอรเชิดหน้าขึ้นสู้ แม้จะรู้สึกกลัวแต่เธอคิดว่าจางหลงสมควรโดนด่า จึงไม่ยอมเอ่ยขอโทษเขาออกมา “คุณมันใจร้าย ใจดำ เป็นพ่อที่ห่วยที่สุดในสามโลก”

“หยุดนะน้ำอิง!”

จางหลงตวาดเสียงดัง บีบไหล่คนช่างด่าแน่นขึ้นตามแรงโทสะ ดวงตาคมวาววับจ้องใบหน้างามอย่างกราดเกรี้ยว

อิงอรนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ เธอจ้องเขาตอบด้วยสายตาไม่ยอมแพ้ คนที่ไม่เคยรู้จักเธออาจคิดว่าเธอเป็นคนอ่อนแอนุ่มนิ่ม แต่ที่จริงแล้วอิงอรเป็นคนอ่อนนอกแข็งใน ท่าทางเรียบร้อยนิ่มนวลซ่อนความแข็งแกร่งไว้ภายใน สายเลือดของอดีตมาเฟียร้ายอย่างหย่งเซิงในร่างของลูกสาว ทิ้งจิตวิญญาณของนักสู้ไว้ไม่น้อย หากเมื่อใดอิงอรรู้สึกว่าเธอไม่ผิดเธอจะสู้หัวชนฝา ไม่ยอมแพ้ให้อะไรหรือใครทั้งนั้น

“ไม่หยุด คงไม่เคยมีใครบอกคุณสิว่า คุณน่ะเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่องแค่ไหน น่าสงสารน้องหมิงที่เกิดมาเป็นลูกคนอย่างคุณ คุณอวี้เหมยคงจะเสียใจที่คุณไม่ดูแลน้องหมิงให้ดี”

อิงอรสาดคำพูดทำร้ายคนตรงหน้า ทิ่มแทงเขาด้วยคำพูดร้ายกาจจนคนฟังสั่นไปทั้งตัว หญิงสาวยังไม่รู้ตัวว่ากำลังกระตุกหนวดมังกรที่หลับไหลให้ตื่นขึ้นมา ยิ่งเขาบีบไหล่เธอแรงแค่ไหน เจ็บแค่ไหนยิ่งกระตุ้นให้หญิงสาวตอบโต้เขากลับแรงเท่านั้น

“ฉันว่าตอนนี้คุณอวี้เหมยคงกำลังร้องไห้อยู่แน่ๆ ที่รู้ว่าคุณปล่อยให้ลูกเป็นแบบนี้ ผู้ชายอย่างคุณไม่สมควรเป็นพ่อเป็นสามีใคร”

ความอดทนของจางหลงขาดผึงลง เมื่อคำพูดนี้จบลง เขามองหน้าคพูดที่จ้องหน้าเขาอย่างโมโหสุดขีด ปากบางสีแดงสดของเธอขยับจะด่าว่าเขาอีก

“คุณมัน อุ๊บ!”

จางหลงก้มลงปิดปากหญิงสาวด้วยริมฝีปากของเขา เมื่อไม่อาจทนฟังคำผรุสวาทอันบาดหูไหว เขาอยากลงโทษคนปากเปราะให้หลาบจำ จะได้ไม่ปากเสียด่าว่าใครโดยไม่ฟังความจริงก่อน ริมฝีปากร้อนรุมบดขยี้ริมฝีปากสีสดนั้นรุนแรงหนักหน่วง อ้อมแขนรัดร่างบางไว้ไม่ให้ดิ้นหนี มือข้างหนึ่งสอดใต้ต้นคอบังคับให้ใบหน้างามถูกตึงอยู่กับที่ รับการลงโทษโดยไม่อาจหลีกหลบได้

อิงอรตาเบิกกว้างตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว มือน้อยกำหมัดทุบหน้าอกเขาเต็มแรง ส่ายหน้าดิ้นรนหนีการจาบจ้วงนั้น แต่ถูกเขารัดกายไว้แน่นเนินอกนุ่มบดเบียดแผ่นอกหนาจนแนบชิด ริมฝีปากร้อนผ่าวกดประทับริมฝีปากบางไว้ไม่ยอมปล่อย ริมฝีปากร้อนรุ่มบดขยี้ราวกับต้องการสูบกลืนเลือดเนื้อของเธอ ให้หมดจากร่าง สัมผัสแนบชิดนั้น เต็มไปด้วยความดุดันไร้ความอ่อนโยน ร่างบางสะท้านอ่อนเปลี้ยไปทั้งตัว ร่างหนากอดรัดบดเบียดจนแทบแหลกเหลวในอ้อมอกนั้น หญิงสาวแทบหมดลมหายใจลงไปเมื่อเขาไม่ยอมปล่อยให้เธอได้หายใจ นานหลายนาทีกว่าเขาจะถอนริมฝีปากออก

“ขะ คุณจาง...” อิงอรครางเสียงแผ่ว น้ำตาคลอ

“อยากไปหาอาหมิงตอนนี้ใช่ไหม ได้ฉันจะพาเธอไป”

จางหลงกระชากแขนลากหญิงสาวให้เดินตาม อิงอรไม่ทันตั้งตัวจำต้องปล่อยให้เขาลากจูงไปจนถึงรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน เธอถูกจับโยนเข้าไปในรถ ชายหนุ่มปิดประตูปังแล้วเดินอ้อมมาฝั่งคนขับ เขาสตาร์ทเครื่องนำรถแล่นออกไปด้วยความเร็วสูง จนคนที่นั่งอยู่ด้วยผงะแทบหัวโขกคอนโซลรถ จนต้องรีบดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาคาดไว้ อิงอรนั่งตัวแข็งทื่อไม่กล้ากระดุกกระดิก เมื่อเห็นจางหลงทำหน้าเคร่งเหยียบคันเร่งจนแทบสุดความแรงของรถ ผ่านไปครู่หนึ่งเขาถึงผ่อนความเร็วลง

“ฉันขอโทษนะคะคุณจาง ฉันไม่ได้ตั้งใจว่าคุณ” อิงอรเอ่ยขอโทษเสียงอ่อย

“เงียบได้มั้ย อย่าทำให้ผมอารมณ์เสียอีก” เขาหันมามองหน้าเธอด้วยแววตาแข็งกร้าว ก่อนจะเบนสายตามองออกไปยังท้องถนน

ความเงียบปกคลุมไปทั้งรถ อิงอรแอบลอบมองเสี้ยวหน้าคมเข้มของจางหลงด้วยความหวาดหวั่น ไม่นึกว่าเขาจะเป็นคนอารมณ์ร้ายแบบนี้ ท่าทางใจดี สุภาพ เมื่อห้าปีก่อนหายไปไหนหมด หรือจะเป็นเพราะเขาสูญเสียภรรยาไปทำให้เขากลายเป็นคนน่ากลัวแบบนี้ นึกเสียใจที่ทำให้เขาโกรธเพราะคำพูดไม่คิดพวกนั้น ปลายนิ้วเรียวแตะบนริมฝีปากบวมเจ่อของตัวเอง เม้มปากเมื่อนึกถึงรอยสัมผัสแสนดุดันนั้น จูบแรกของเธอไม่ได้หวานละมุนอ่อนโยนอย่างที่เคยฝัน แต่เป็นจูบที่เกิดจากความโมโหไม่ใช่ความรัก อิงอรวูบในหัวใจด้วยความเจ็บช้ำ น้ำตาไหลรินออกมาอย่างสุดกลั้น

จางหลงหันมามองก่อนจะถอนหายใจหนักๆ รู้สึกผิดขึ้นมาวูบหนึ่งเขาไม่น่าให้โทสะอยู่เหนือจิตใจจนทำร้ายเธอเลย ชายหนุ่มชะลอความเร็วลง นำรถเข้าจอดข้างทาง เขานั่งหญิงสาวร้องไห้อยู่แบบนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะทนไม่ไหวหยิบผ้าเช็ดหน้ามายื่นให้

“ผมขอโทษ เช็ดน้ำตาเสีย”

เขายื่นผ้าให้แต่อิงอรเบือนหน้าหนี จางหลงเลยเอาผ้าซับน้ำตาให้ ปลายนิ้วเชยคางมนไว้กดผ้าเนื้อนุ่มบนแก้มใส ซับคราบน้ำตาจนแห้งหาย ดวงตาคมจ้องมองใบหน้างามที่แดงก่ำด้วยแววตาลุแก่โทษ โดยธรรมชาตินิสัยของชายหนุ่มไม่ใช่คนแข็งกร้าว ยามอารมณ์ปกติเขาจึงกลับมาอ่อนโยนเหมือนเคยเป็น ยิ่งเห็นท่าทางน่าสงสารของเธอ หัวใจของคนมองอ่อนยวบลง ด้วยความรู้สึกผิด เขาปลดล็อคสายนิรภัยก่อนจะดึงร่างเธอมากอดแนบอก ลูบหลังเบาๆ ปลอบประโลม

"ผมขอโทษ ผมจะไม่ทำแบบนี้อีก”

ลมหายใจร้อนผะผ่าวโลมไล้ชิดแก้มนวล เสียงกระซิบปลุกปลอบอ่อนโยนจนคนได้ยินสะท้านไหว อิงอรซบหน้าบนอกกว้างสอดแขนกอดรัดร่างหนาไว้ เธอหายโกรธเขาไปแล้วตั้งแต่เขาซับน้ำตาให้เธอ เหลือเพียงความเวทนาตัวเอง ที่ใช้โอกาสนี้ใกล้ชิดกับคนที่ตัวเองแอบหลงรัก หญิงสาวหลับตาลงปล่อยตัวปล่อยใจให้อยู่ในอ้อมกอดของเขา ซึมซับทุกอณูจากสัมผัสอ่อนโยนนี้ แม้จะรู้ว่าคนกอดไม่ได้มีจิตสนิทเสน่หาต่อเธอ แต่ขอให้อยู่ในอ้อมแขนของเขาแบบนี้สักครั้งก็พอใจแล้ว

“ไม่เป็นอะไรแล้วนะ ผมขอโทษที่ทำไม่ดีกับคุณ”

จางหลงคลายอ้อมแขนออก เมื่อรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นด้วยความรู้สึกแปลกๆ ร่างนุ่มนิ่มของอิงอรทำให้ร่างกายของเขาร้อนวูบวาบขึ้นมา ชายหนุ่มแอบลอบถอนใจ เขาคงห่างผู้หญิงมานานพอได้แตะต้องเนื้อตัวนุ่มหอม ร่างกายเลยเกิดปฏิกิริยาแบบนี้ จางหลงข่มความรู้สึกพุ่งพล่านให้จมลง เขาไม่อยากทรยศต่ออวี้เหมย ชีวิตนี้เขาขอรักและขอมีเธอเพียงคนเดียว จะไม่ขอแตะต้องผู้หญิงคนอื่นนอกจากเธออีก...

“ฉันก็ไม่ดี ที่ไปว่าคุณแบบนั้น ขอโทษนะคะ” อิงอรก้มหน้าหลบสายตาเขา แก้มนวลร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงสัมผัสของเขา

“เอาเป็นว่าเราต่างคนต่างผิด” จางหลงยิ้มบางๆ ดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้เธอ “ผมจะพาคุณไปหาอาหมิงนะ แกคงจะดีใจที่ได้พบคุณ”

อิงอรพยักหน้ารับแทนคำตอบ จางหลงสตาร์ทรถเคลื่อนตัวออกจากที่แห่งนั้น ตรงไปยังบ้านตระกูลหลี่ โดยไม่รู้ว่ามีรถคันหนึ่งแอบแล่นตามหลังอยู่ห่างๆ คนในรถหยิบโทรศัพท์มากดโทร

“อีกร้อยเมตร เตรียมจู่โจม!”

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

มาอัพแล้วนะคะ

ครึ่งหลังพบกับเฮียหลงในโหมดหื่นและโหด แหะๆ เฮียแกก็ขี้โมโหเหมือนกันนะคะ

หนูน้ำอิงก็ดันพูดไม่คิด เลยถูกเฮียหลงจัดการลงโทษซะ 555...

ตอนหน้ามาลุ้นกันต่อนะคะ

ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ

รวิญาดา/ผการุ้ง






รวิญาดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 พ.ย. 2555, 02:41:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 พ.ย. 2555, 02:41:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 2886





<< ตอนที่ 3. ไม่อาจเปลี่ยนใจ 50%   ตอนที่ 4. ฤา นี่คือโชคชะตา 30% >>
mhengjhy 9 พ.ย. 2555, 07:30:13 น.
หึหึหึ โหดและหื่น 55555


แว่นใส 9 พ.ย. 2555, 08:16:31 น.
เกิดศึกชิงนางละ


nunoi 9 พ.ย. 2555, 09:55:15 น.
โหมดไหน เฮียหลงแกก็น่าหลงเหมือนเดิม


เคสิยาห์ 9 พ.ย. 2555, 19:17:11 น.
เฮียแกคงไม่ได้หื่นเท่าไหร่ แต่คงจะโกรธจนคุมตัวเองไม่ได้แต่ส่วนลึกในใจคงมีน้ำอิงซ่อนอยู่บ้างกระมัง


shotang 24 ธ.ค. 2555, 12:53:29 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account