หัวใจ...ร้ายรัก
หนึ่งนารี สาววัยเข้าใกล้เลขสาม ที่ใช้ชีวิตอยู่ในแบบที่เรียกว่าปากกัดตีนถีบ เก็บหอมรอมริบเงินที่หามาได้ทั้งหมด เป็นค่าหน่วยกิตเรียนปริญญาโทที่แสนจะแพงหูฉี่ เพื่อเรียนจบเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยสมใจ

แต่ชีวิตเรียบง่ายของเธอต้องสะดุด เมื่อพระพรหมเล่นกล ส่งหนุ่มน้อยตาคม "ไอ้เด็กต่างดาว" มาทำให้ชีวิตของเธอปั่นป่วน

เรื่องราวความหวานซึ้ง และเศร้าเหล่านั้นจึงเริ่มต้นขึ้น...
Tags: หวานซึ้ง เศร้า

ตอน: ผู้ชายร้ายกาจ

“เป็นไงบ้างเจ๊หนึ่ง….อาจารย์โอห์มเรียกไป แกว่าไงบ้าง” ปราริสา ถามขึ้น เมื่อเห็นหนึ่งนารีเปิดออกมาจากห้องพักอาจารย์เงียบๆ หน้าของเธอซีดจนเห็นได้ชัด

“ไหนล่ะพี่ ที่อาจารย์เขาบอกว่า อาจารย์ภูศิลป์ฝากของมาให้พี่ หนูไม่เห็นพี่ถืออะไรออกมาเลย”

“อาจารย์เขาก็ไม่ได้ว่าไงนะนุ๊ก เห็นเขาเงียบๆไป ไม่เห็นเอาออกอะไรออกมาให้ พี่ก็งงๆ แต่ก็ไม่ได้ถาม” หนึ่งนารีตอบเสียงอ่อย เพราะนั่นไม่ใช่ปัญหาหลักที่ทำให้เธอหน้าซีดเซียว คล้ายกำลังจะหมดแรง แต่เป็นเพราะความจริง ความจริงที่อาจารย์ภัควัต เห็นเธอทำงานที่บาร์เบียร์นั่นแหละ ที่ทำให้เครียด ปวดจนหัวแทบแตก

หากแต่จะเป็นการทำงานในร้านอาหารธรรมดา มันก็คงไม่ทำให้เธอกังวลมากมายเท่าไร แต่การทำงานที่บาร์ ซึ่งจำเป็นที่จะต้องใช่เสื้อผ้าวับๆแวมๆ สั้นบ้าง สายเดี่ยว เกาะอกบ้าง นั่นแหละที่น่าอายที่สุด เมื่อรู้ว่าผู้ชายที่มองเธอไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยมาดขรึม ที่ไม่มีทางที่จะเจอเขาที่นั่นแน่นอน

“อาจารย์โอห์มนี่ก็แปลก….เธอว่างั้นไหมเปรี้ยว”

“ใช่ นี่ถ้าไม่ใช่เป็นอาจารย์โอห์มนะ ชั้นก็คิดว่าเจ๊หนึ่งถูกจีบเข้าให้แล้วล่ะ”

“ชั้นก็ว่างั้นเปรี้ยว….แต่เป็นอาจารย์โอห์ม เงียบ ดุ โหด จอมหยิ่ง คงไม่ แน่ๆ”

เสียงสองสาวกระซิบคุยกัน แต่หนึ่งนารีที่อยู่ใกล้ได้ยินชัดเจน หัวใจของเธอ
คล้ายกำลังถูกช็อตด้วยไฟฟ้ากำลังแรงสูง คนได้ยิน ไม่ได้พูดคุยอะไร ต่อได้แต่เงียบจมกับความคิดของตนเอง ปล่อยให้สองสาวยืนคุยถกปัญหากันเพลิน
เมื่อแยกจากสองเพื่อนสาว หนึ่งนารีกลับห้องพักเพื่ออาบน้ำ ซึ่งเธอคิดจะหลับพักผ่อนซักพัก แล้วตอนเย็นค่อยออกไปทำงานต่อ

หลังจากกลับเขาห้องพัก เธอก็ไม่มีรีรอที่จะใช้เวลามากเกินไป เพื่อที่จะเหลือเวลาพักผ่อนให้มากที่สุด ก่อนที่จะออกไปทำงานในช่วงเย็น โปรแกรมงานในวันนี้ คือ งานที่ร้านไอศกรีมน้องช้างที่ข้างมหาวิทยาลัย ซึ่งเธอมักจะจัดโปรแกรมการทำงานในแต่วัน แต่ละช่วงเวลาที่แตกต่างกันไว้ เพื่อให้มีเวลาทบทวนตำราเรียน อ่านหนังสือเตรียมสอบ และเตรียมนำเสนองาน จึงทำให้ผลการเรียนในเทอมที่ผ่านมาของเธอไม่น้อยหน้าใคร หรือจะจัดว่าเรียนในระดับแถวหน้าของคลาสเลยก็ว่าได้

เมื่อมองร่างกายเปลือยเปล่า ของตัวเองภายใต้กระจก ร่างบางก็อดที่จะนึกถึง เรื่องในตอนเช้าที่ผ่านไม่ได้ และก็เริ่มสำรวจร่างกายตัวเองอีกรอบ แต่สายตาของเธอก็ต้องสะดุด เมื่อสร้อยคอที่เป็นเครื่องประดับชิ้นเดียวที่บิดาและมารดาของเธอให้คล้องติดตัวไว้ ก่อนที่จะสิ้นลมหายใจไปพร้อมกันในวันนั้น

สร้อยเงินเส้นเล็กและจี้รูปหัวใจที่ก่อนนี้เธอเคยใส่อยู่เป็นประจำ ไม่เคยห่างตัวหายไปจากคอของเธอ หลังจากอาบน้ำเสร็จ เธอก็พยามก้มหาใต้โต๊ะ ใต้ตู้ ค้นหาดูทุกซอกทุม แต่ก็ไม่พบ จนเวลาล่วงเลยใกล้ถึงเวลาทำงาน นั่นก็แปลว่าความคิดที่จะนอนพักผ่อนในตอนแรกก็จำเป็นต้องล้มเลิก

“หายไปไหนได้นะ….สาธุ ขอให้ลูกเจอทีเถอะ แล้วลูกจะถวายไข่ต้มสักร้อยใบเลยค่ะ” เธอยกมือขึ้นท่วมหัวเมื่อหาเท่าไรก็หาไม่เจอ จึงจำเป็นต้องพึ่งสิ่งศักดิ์
สิทธิ์

“ตายแล้ว …..สายแล้วเนี่ย ยายหนึ่ง” นาฬิกาที่ข้อมือดังเตือนเป็นจังหวะตามที่เจ้าของตั้งเวลาให้ส่งเสียงเตือนในเวลา ห้าโมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาเริ่มงาน

“นาฬิกาบ้านี่ก็เดินเร็วจริงๆ” เสียงสบถเล็กๆ ดังขึ้น ก่อนที่ร่างบางจะรีบร้อนคว้าข้าวของที่จำเป็นและออกจากห้องพร้อมโทรหาเจ้าของร้านไอศกรีม ด้วยร้อนใจ

“พี่ช้าง….ลูกค้าเยอะไหมพี่ หนึ่งกำลังออกไปแล้ว รอสิบนาทีนะ”

“เยอะเลยล่ะยายหนึ่ง เธอรีบมานะ เดี๋ยวไม่ทัน”

“ค่ะ หนึ่งจะรีบไปพี่”

การเดินทางไปยังร้านไอศกรีม ใช้เวลาไม่นานนัก แต่ประตูรั้วของมหาวิทยาลัยด้านหน้าที่เป็นประตูเชื่อมกับเส้นทางทางด้านข้างของมหาวิทยาลัยนั้นจะปิดในเวลาห้าโมงเย็น ซึ่งตอนนี้ประตูรั้วก็ปิดแล้ว ปัญหานั้นจึงทำให้หญิงสาวจำเป็นต้องขี่มอเตอร์ไซด์คันน้อยเข้าไปในมหาลัยวิทยาลัยที่จอแจไปด้วยบรรดานิสิตอีกครั้ง เพื่อที่จะลัดเลาะหลบความวุ่นวายนั้นออกทางประตูด้านข้างมหาวิทยาลัย

“ตกลงว่าเธอจะเอาอย่างไงกับฉัน….ไม่รู้เธอมาแบบไหน เธอจะดีหรือเธอจะร้าย….” เสียงเพลง ‘จะรักหรือจะร้าย’ของศิลปินสาววงเคลียร์ ที่ถูกเปิดโดยดีเจประจำมหาวิทยาลัย ดังกระหึ่ม ไปทั่วบริเวณ บรรยากาศแดดร่มลมตกยามเย็นในรั้วมหาวิทยาลัยเช่นนี้ เป็นบรรยากาศที่แสนสุขของใครหลายคน ยิ่งไม่ใช่เป็นช่วงแล้วด้วยแล้วในรั้วมหาวิทยาลัยจึงดูครึกครื้น

แม้รถยนต์ รถมอเตอร์ไซด์ จะพลุกพล่าน แต่ตามถนนทางเดินยังคร่ำไปด้วยบรรดานิสิตที่รักสุขภาพ โดยการวิ่งออกกำลังกาย บ้างก็เดินไปเป็นคู่อย่างหวานหยด อย่างกับโลกนี้มีเพียงเขาสองคนอย่างนั้น สนามฟุตบอลในตอนนี้ก็ยิ่งดูก็ยิ่งล้วนแต่มีอาหารตาที่บรรดาสาวๆต้องมองเหลียวหลัง เพราะพื้นที่ในสนามเต็มไปด้วยนิสิตชายสูงยาวเข่าดี หล่อเหลาเอาการทั้งนั้น

แต่แล้วบรรยากาศแห่งความรื่นรมย์และความสบายใจของหนึ่งนารีก็ต้องสะดุด เมื่อรถยนต์ ข้างหน้าพากันจอดติดกันเป็นแพ

“เอ๊….เป็นอะไรอีกนะ คนกำลังรีบนะเนี่ย สงสัยจะชนกันอีกแล้ว” เธอบ่นพรึมพรำ ก่อนที่ค่อยๆขี่มอเตอร์ไซด์ เบียดไปตามช่องว่างระหว่างที่รถแต่ละคนจอดสนิทอยู่ เพื่อที่จะได้หลุดออกไปจากตรงนี้ได้เร็วขึ้น

“รถใหม่ๆทั้งนั้นเลย เผลอไปข่วนใครเข้าหน่อยเป็นเรื่องแน่” เธอระมัดอย่างดี เมื่อต้องค่อยๆเข็นมอเตอร์ไซด์ผ่านรถยนตร์ใหม่เอี่ยมที่จอดดักหน้าอยู่

ไม่นานนัก และแล้วเข้าใกล้ต้นเหตุที่ทำให้รถติดกันวุ่นวาย ข้างหน้าไม่ได้เกิดอุบัติเหตุอะไรเลย มีเพียงรถสปอร์ตหรูสีเหลืองสดจอดกลางถนน ข้างๆรถคือเด็กสาวผมยาวดัดเป็นเกลียว ส่งเสียงร้องดัง โวยวายลั่น และมือเล็กๆนั่นทุบไปที่รถไม่หยุด

“ไอ้ทุเรศ ไอ้ชั่ว……ทำไมถึงทำกับฉันอย่างนี้”

หนึ่งนารีพยามเข็นรถมาจอดอยู่แถวหน้าสุด แล้วเธอก็รู้ถึงปัญหาที่รถติด เพราะแม้รถยนต์จะจอดขวางทาง แต่ถ้าเป็นรถมอเตอร์ไซด์ก็พอที่จะสามารถขับผ่านไปได้ แต่ที่รถคันไหนๆก็ไม่ขยับ คงเป็นเพราะนิสัยอยากรู้อยากเห็นเรื่องชองชาวบ้านนั่นเอง

“จะทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้นะ นายต้องรับผิดชอบ นายต้องชดใช้” ร่างบางทุบไปที่กระจกรถรัว ไม่นานกระจกรถบานนั้นก็เลื่อนลง เผยให้เห็นเจ้าของรถสปอร์ตหรูที่จ้องมองเธอคนนั้นอยู่ก่อนแล้ว

“พี…นายจะทิ้งฉันจริงๆหรอ…” หญิงสาวเสียงดังใส่ โดยไม่แคร์สายตาใคร ก่อนที่มือน้อยๆนั้นจะฟาดไปที่หน้าของชายหนุ่มอย่างแรง

คำตอบของคนในรถคือความเงียบ เมื่อมองผู้ชายที่อยู่ในรถอย่างเต็มตา หัวใจของหนึ่งนารีก็กระตุกวูบ เมื่อในรถนั้น คือเด็กหนุ่มที่เธออยู่ด้วยเมื่อเช้า…

เธอจึงขยับรถเข้าไปใกล้รถคันนั้นมากยิ่งขึ้น แววตาของความเฉยชาก็ถูกมองเห็นได้โดยชัดเจน หนึ่งนารีรู้สึกราวกับโลกทั้งใบจะหยุดนิ่งลงเท่านั้น เธอคิดว่าชะตากรรมของเด็กผู้หญิงคนนั้น คงไม่ต่างอะไรจากเธอมากนัก แม้เธอจะเสียตัว หรืออาจไม่มีส่วนใดสึกหรอ แต่ร่างกายผู้หญิงแม้ถูกชายใดเชยชมเพียงแค่มอง หรือสัมผัสโดยมิได้ยินยอม มัน ก็เจ็บปวดจนเกินจะรับไหวได้ เด็กผู้หญิงคนนั้นคงจะเจอเหตุการณ์ที่แย่และเลวร้ายกว่าเธอเสียด้วยซ้ำ เพราะกลางถนนตอนนี้ ศักดิ์ศรี หรือ ‘ความอับอาย’ เธอก็มิได้คำนึงถึงเลย

“ลงมาจากรถเดี๋ยวนี้เลยนะพี….ลงมาคุยกันว่านายจะเอาอย่างไง ” เธอใช้ช่วงเวลาที่ชายหนุ่มเผลอ ปลดล็อคประตู ตรงคนขับ แล้วเปิดประตูพยายามกระชากตัวของชายหนุ่มออกจากรถ ไม่นานร่างสูงก็ทนอยู่ไม่ไหวจึงลงจากรถลงมาเสียเอง
แล้วรีบตรงเข้าบีบต้นแขนทั้งสองของหญิงสาวไว้แน่น ก่อนที่จะกระชากร่างบางๆของเธอให้ล้มลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง

“พี……คิดจะเลิกกับฉันหรอ ทิ้งฉันใช่ไหม …….จะทำแบบนั้นใช่ไหม” ร่างบางที่นั่งอยู่บนพื้นตัดพ้อไป ร้องไห้ไปอย่างกับคนสิ้นสติ

ไม่มีคำตอบจากชายหนุ่ม แม้ไม่แสดงคำพูด หนึ่งนารีก็สังเกตเห็นแววตาที่ร้ายกาจ อารมณ์ภายในที่กำลังพลุ่งพล่าน ที่แสดงออกมาผ่านการกระทำ

เสี้ยววินาทีนั้นเอง แววตาคู่นั้นก็เผลอมองมายังเธอ เมื่อสบสายตา หนึ่งนารีสังเกตเห็นว่า เด็กหนุ่มมีท่าทีตกใจเล็กน้อยก่อนจะยิ้มที่มุมปาก ทั้งๆที่สายตานั่นยังดูเลือดเย็น

แล้วร่างสูงของเด็กหนุ่มก็เดินกลับขึ้นรถ โดยไม่เหลียวมองเด็กสาวเลยแม้แต่น้อย ก่อนที่รถสปอร์ตคันสวยจะเคลื่อนออกไป กระเป๋าสะพายผู้หญิงใบใหญ่สีแดง รองเท้า ข้าวของเครื่องใช้ ถูกขว้างลงมาจากรถ กระจายเกลื่อนเต็มพื้น

หนึ่งนารีมองภาพเบื้องหน้าที่เกิดขึ้นอย่างตกใจ ประกอบกับเสียงเด็กสาวที่ร้องไห้คร่ำครวญไม่หยุด รวมทั้งเสียงเหล่าบรรดาไทยมุง ที่ต่างกันวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆนา ทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นไม่เป็นจังหวะ และเธอรู้สึกคล้ายกับหัวใจถูกบีบ บีบ จนแทบแหลก หลุดออกจากขั้วหัวใจ….

“ปีศาจชัดๆ” เสียงของเธอแผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากลำคอ แล้วน้ำไหลตาของหนึ่งนารีก็ไหลรินออกมา…..โดยไม่ทราบสาเหตุ…..

------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณทุกการติดตาม และทุกกำลังใจที่เติมเต็มกำลังให้อยากเขียนทุกวันนะคะ แต่เสียดายไม่ค่อยมีเวลาว่างจริงๆ เลยมาช้ามาก ขอโทษสำหรับผู้อ่านด้วยค่ะ




ธารารินทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 พ.ย. 2555, 18:40:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 พ.ย. 2555, 23:11:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1283





<< ชีวิตที่เริ่มเพี้ยน   
pattisa 10 พ.ย. 2555, 22:55:50 น.
พระเอกร้ายกาจมากอ่ะ


ธารารินทร์ 10 พ.ย. 2555, 23:04:18 น.
ตอบคอมเม้นค่ะ ขออนุญาตย้อนหลังหน่อย (past 1)
คุณเทียนจันทร์ : ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ

คุณ pattisa: รอติดตามนะคะ ไม่นานก็จะรู้คำตอบค่าา

คุณนู๋นุ๊ก : ต้องรออ่านต่อนะคะ แล้วจะรู้ว่าทำไมพีพูดไม่ได้

คุณไม้เอก : ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ

คุณปีศาจสัญจร : ขอบคุณค่ะ

คุณ violette : ขอบคุณค่ะ

คุณ nunoi : ขอบคุณค่ะ แล้วจะรีบมาลงบ่อยๆ

(past 2)

คุณปีศาจสัญจร : รอติดตามนะคะ

คุณ mhengihy : ใช่ค่ะ รสชาตชีวิต เพี้ยนไม่ใช่ว่าไม่ดี เนอะ


ปิศาจสัญจร 11 พ.ย. 2555, 07:59:35 น.
ตกใจอะไรอ่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account