ปาฏิหาริย์เสกรัก
เมื่อไฮโซสาวสวยสุดแรงเหวี่ยงผู้เกลียดสัตว์ชนิดแทบอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้เกิดถึงคราวซวยต้องคำสาปกลายเป็น...เอ่อ water monitor เธอจะแก้ไขคำสาปนี้ได้อย่างไร เอ...หรือว่าจะเป็นอย่างในนิยายที่ต้องหาใครมาจูจุ๊บ?!?

Tags: เปรี้ยว หวาน มัน ฮา โรแมนติก แฟนตาซี โมเดลลิ่งสัตว์ หญิงร้ายชายแรง

ตอน: 'คุณเพื่อนบ้าน' กับ 'ยัยคุณนาย'(1)

คุณ Edelweiss : แฮ่ ๆ กระทั่งคนเขียนก็ยังว่ามันแหวกสุดเหมือนกันค่ะ 555 แต่ก็มีอะไรให้เขียนหลายอย่างดีค่ะ หวังว่าคนอ่านจะสนุกด้วยนะคะ ^^




+++
บทที่ 1/1


ท้องฟ้าเหนือแนวเขาเริ่มสว่างขึ้นเรื่อย ๆ จากสีเทาจางแปรเปลี่ยนเป็นสีส้มอมทองในเวลาไม่นานนัก เอมิญาดาชอบบรรยากาศเงียบสงบและบริสุทธิ์ยามอรุณเบิกฟ้าเป็นที่สุด มันทำให้เธอกระชุ่มกระชวยหัวสมองปลอดโปร่งพร้อมสำหรับการออกแบบเสื้อผ้าและเครื่องประดับคอลเลกชั่นใหม่


หญิงสาวก้าวออกจากบ้านในชุดเสื้อคอกลมแขนสั้นสีโอลด์โรส กางเกงขาสั้นพอดีตัวสีขาวและรองเท้าจ้อกกิ้งสีชมพูอ่อน ผมสลวยรวบเป็นหางม้า เธอออกวิ่งเหยาะ ๆ ไปตามทางดินซึ่งทอดยาวไปทางด้านซ้ายของตัวบ้าน ‘เอมี่’ โปรดปรานการออกกำลังกายเบา ๆ ภายใต้แสงแดดอ่อนมากกว่าการอุดอู้บริหารร่างกายอยู่แต่ในบ้านหรือตามฟิตเนสทั่วไป


อาณาบริเวณกว้างขวางราวสามสิบไร่ติดเชิงเขาอันเขียวชอุ่มทำให้ดีไซน์เนอร์สาววัยเบญจเพสมีพื้นที่ทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างสะดวกสบายไม่แออัดยัดเยียดแย่งกันหายใจเช่นในเมืองหลวงที่คุณหญิงป้าร่ำ ๆ จะให้ไปอยู่ด้วยกัน การที่เธอได้มีโอกาสพำนักอยู่ในสถานที่ซึ่งอากาศดีตลอดทั้งปี รายล้อมด้วยทัศนียภาพชื่นตา...ตื่นเช้ามาก็ได้เห็นดวงอาทิตย์กลมโตโผล่พ้นแนวเขาสูงเช่นนี้เป็นเพราะคุณปู่เปรมของเธอและด้วยความเอื้อเฟื้อเกื้อกูลของคุณปู่อัสดงผู้ครอบครองพื้นที่หลายร้อยไร่ในแถบนี้แท้เชียว


ปู่อัสดงหรือ ‘ปู่เย็น’ นักสัตววิทยาผู้เป็นตำนานของไทยเป็นเพื่อนรักเพื่อนตายกับคุณปู่ของเธอมาตั้งแต่สมัยหนุ่ม และเมื่อปู่เย็นได้ซื้อที่ผืนงามติดตีนเขาหลายร้อยไร่เพื่อสร้างที่พำนักยามบั้นปลายรวมทั้งใช้เป็นสถานที่พยาบาลสัตว์ป่าซึ่งบาดเจ็บจากน้ำมือมนุษย์ ท่านก็ได้ชักชวนปู่เปรมมาอยู่ด้วยพร้อมแบ่งขายที่ให้สามสิบไร่ด้วยราคาถูกราวให้เปล่า และเมื่อบิดามารดาของเอมิญาดาเสียชีวิตอย่างกะทันหันด้วยอุบัติเหตุทางเครื่องบินเมื่อตอนเธออายุเพียงสิบสองขวบ นั่นแหละ...เธอกับน้องชายวัยเก้าขวบจึงต้องย้ายจากเมืองกรุงอันแสนวุ่นวายมาอยู่กับคุณปู่ผู้ใจดี ณ บ้านอิงเขาอันน่าหลงใหลแห่งนี้


ปู่เปรมจากหญิงสาวไปด้วยโรคชราภาพเมื่อสามปีก่อน บัดนี้เอมี่จึงครองตำแหน่งประมุขหญิงของบ้านไปโดยปริยาย น้องชายเพียงคนเดียวของเธอคือเอมาวัฒหรือ ‘นายเอ็ม’ นั่นก็ไปเรียนต่อที่เมืองผู้ดี...ไปแล้วเหมือนไปลับ นาน ๆ ทีจึงจะโทรศัพท์หรืออีเมล์หาเธอบ้างซึ่งส่วนใหญ่ก็จะต่อเมื่อเงินเกลี้ยงกระเป๋าหรืออยากได้อะไรอย่างเช่นเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับฝีมือการออกแบบของพี่สาวเท่านั้น


เอมิญาดาเริ่มหายใจหอบถี่ ดวงหน้าขาวผ่องเริ่มซับสีเลือดเรื่อ เธอวิ่งมาได้ไกลพอสมควรแล้ว ห่างไปไม่มากก็เห็นกำแพงอิฐสูงสามเมตรอันเป็นเสมือนปราการกั้นส่วนบ้าน ‘รังศิมาวัธ’ ออกจากอ้อมกอดที่อุ่นจนร้อนรุ่มอย่างกับไฟของบ้าน ‘พฤกษาชัยชาญ’


ปู่เปรมมีเรื่องขุ่นข้องหมองใจกับเจ้าถิ่นอย่างปู่เย็นเช่นนั้นหรือ กำแพงแห่งความเหินห่างจึงได้ผุดขึ้นมารอบทิศอย่างนี้...


ดีไซน์เนอร์ร่างงามสมส่วนหยุดฝีเท้าลงตรงที่มองเห็นภาพพระอาทิตย์ลอยเหนือยอดเขาได้ถนัดตา พลางพ่นลมพรูออกจาปาก หญิงสาวประสานมือกันบิดออกและยกขึ้นเหนือศีรษะ โยกตัวไปทางซ้ายพอให้เส้นสายยืดแล้วก็ย้ายไปทางขวา ระหว่างนั้นก็ครุ่นคิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมา


‘วี้ดวิ้ว!’


เสียงเป่าปากเจือรอยยั่วเย้าและล้อเลียนลอยมาตามลม เอมิญาดาเม้มริมฝีปากแน่นด้วยหงุดหงิดเหลือใจ ดวงตาฉายประกายรำคาญเหลือทน


...ผู้ชราทั้งสองคงความเป็นเพื่อนรักจวบจนสิ้นวาระหายใจ หากแต่ความบาดหมางเกิดขึ้นกับรุ่นหลานอย่างเธอกับ ‘แสงฉาน’ เพื่อนบ้านจอมกวนประสาทต่างหากล่ะ!


อีกฟากของกำแพงสูงมีต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาครึ้ม ความแข็งแรงของมันรองรับบ้านขนาดกะทัดรัดที่สร้างไว้ได้สบาย ๆ ชายหนุ่มคู่วิวาทของเธอตื่นเช้าพอกัน เขานั่งเอ้เตอิงหมอนขวานอยู่ตรงชานบ้านบนต้นไม้ของเขา มือข้างหนึ่งถือแก้วกาแฟ ดวงตามองมาที่เธอพร้อมด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มน่าโมโห!


“นี่คุณ!” เอมี่โมโหจนเผลอยกนิ้วสั่นริกขึ้นชี้หน้าคนปากเปราะ อันที่จริงไม่สมควรเพราะตามศักดิ์แล้วแสงฉานอายุมากกว่าเธอตั้งสามปี ครั้งนี้เห็นทีต้องยกเว้น...ก็ผู้ใหญ่คนไหนเขาจะทำตัวก่อกวนไร้สาระอย่างนี้ล่ะ!


“อรุณสวัสดิ์จ้ะคุณนาย ไม่เห็นหน้าค่าตากันตั้งหลายวัน แหม ดู...อ้วนขึ้นนิดนึงนะจ๊ะ” ฟังเอาเถอะคำที่คนบนบ้านต้นไม้ร้องตอบมา มีอย่างที่ไหนทักผู้หญิงว่าอ้วน หยาบคายที่สุด!


เจ้าของร่างเพรียวมีส่วนเว้าส่วนโค้งสมส่วนเข้าขั้นเพอร์เฟ็กเข่นเขี้ยว บดปลายเท้าลงกับพื้นดินเพื่อระงับความโกรธ ครั้นคิดได้ว่าอาการที่เธอกำลังทำอยู่นี้มันไม่งามเอาเสียเลยดีไซน์เนอร์คนสวยจึงรีบยืนนิ่งยกมือกอดอกแน่นคล้ายสร้างเกราะกำบังคลื่นกวนประสาทที่ส่งมาจากอีกฝ่าย ความจริงจะตัดปัญหาด้วยการเดินหนีให้พ้น ๆ ไปเสียก็ได้ แต่ว่านี่เป็นเขตบ้านของเธอนะ แล้วทำไมคนอย่างเอมิญาดาจะต้องเป็นฝ่ายหนีด้วย...ไม่มีทางเสียล่ะ


“คุณจะผิวปากแกล้งฉันทำไมมิทราบคะ! ทักกันดี ๆ อย่างอารยชนเขาทำกันก็ได้หรอก!” เอมิญาดาเชิดหน้าถามเรื่องที่ขุ่นใจอย่างวางฟอร์ม


“พี่ผิวปากแกล้งคุณนายเหรอ? ไม่ใช่นะ เปล่าสักหน่อย” แสงฉานนิ่วหน้า โบกมือปัดความผิดว่อน


“คนบ้า...แก้ตัวน้ำขุ่น ๆ” หญิงสาวเผลอขยี้เท้าระบายอารมณ์กับดินที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อีกครั้ง “ไม่ใช่ฉันแล้วจะมีใครอีกล่ะ!”


อีกฝ่ายฟังดีไซน์เนอร์สาวด่าฉอดแล้วอ้าปากหวอ ยกมือเกาหัวแกรก


หญิงสาวโกรธสุดทนปรายตาหาบันไดที่เธอสั่งคนงานต่อให้เป็นกรณีพิเศษ มันยังอยู่นั่น...อยู่ที่เดิมตรงที่เธอได้ใช้ครั้งล่าสุดเมื่อราว ๆ สามวันก่อนนั่นแหละ


...ประเดี๋ยวก่อนเถอะคุณเพื่อนบ้านตัวดีเราได้เห็นดีกันแน่…


พลันมีเสียงแหลมดังเฉียดศีรษะเธอไประยะไม่ถึงเมตร ตัวอะไรสักอย่างโฉบแวบผ่านไปอย่างดุดันเกรี้ยวกราดจนเธอต้องยกมือบังศีรษะพร้อมย่อตัวลงต่ำ กระนั้นยังมิวายร้องเสียงหลงด้วยความหวาดกลัว


“หนูดา! เป็นอะไรหรือเปล่า!” แสงฉานเรียกชื่อเอมิญาดาอย่างที่สองปู่เรียก ร่างสูงผึ่งผายผุดลุกขึ้นด้วยตื่นตระหนก ร้องถามอย่างห่วงใยแล้วก็รีบไต่ลงจากบ้านหลังน้อยทันที




+++



(ติดตามชะตากรรมของคุณเพื่อนบ้านกับยัยคุณนายต่อตอนหน้าจ้ะ)



ลีรชา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 พ.ย. 2555, 20:19:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 พ.ย. 2555, 20:22:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1004





<< บทนำ: Evidence   'คุณเพื่อนบ้าน' กับ 'ยัยคุณนาย'(2) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account