เจ้าสาวแสนแสบ
เมื่อสายลับสาวแสบ ต้องจับพลัดจับผลูไปเป็นเมียเจ้าพ่อหนุ่มเข้าให้


มาลุ้นกันว่า...เธอจะทำภารกิจลับที่ได้รับมอบหมายสำเร็จ


หรือจะ...เสร็จ...มาเฟียตัวร้ายก่อนกัน!!


และถ้าต้องเลือก...เธอจะเลือกอย่างไหน...



หน้าที่...หรือ...หัวใจ


Tags: รัตนรัตน์,เจ้าสาวแสนแสบ,romantic comedy

ตอน: บทที่ 2 : นางมารน้อยภิตะวัน


เจ้าสาวแสนแสบ



โดย รัตนรัตน์



บทที่ 2 : นางมารน้อยภิตะวัน





ดวงตากลมโตของร่างบางที่ซุกซ่อนตัวอยู่ตรงหลืบเงากำแพงสูง มองรอดผ่านช่องรั้วเหล็กเข้าไปสู่อาณาบริเวณของคฤหาสน์หลังใหญ่ ก่อนจะกลอกไปทางซ้ายที ทางขวาทีอย่างลุกลี้ลุกลนเต็มที่ กระทั่งมั่นใจแล้วว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดในระยะสายตาเจ้าตัวจึงค่อยๆ เอื้อมมือไปยังรั้วเหล็กลายกิ่งไม้ที่ตนนั้นคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี เพราะปีนป่ายเล่นเป็นประจำตั้งแต่เด็ก กระทั่งโตจนสุนัขเลียก้นไม่ถึงแล้ว เจ้าตัวก็ยังเลิกพฤติกรรมดังกล่าวไม่ได้สักที ทั้งนี้ถึงแม้จะรู้ว่าสิ่งที่กำลังทำนั้นผิดหลักคำสอนที่มารดาพร่ำบอกเกี่ยวกับความเป็นกุลสตรีเพียงไร แต่เมื่อคิดว่าหากเข้าตามตรอกออกตามประตูดังเช่นปกติแล้ว พรุ่งนี้ไม่แคล้วคงต้องโดนบิดากักบริเวณเป็นแน่ เมื่อนึกถึงผลที่จะตามมาเท่านั้น มือและเท้าก็ผนึกกำลังกันปีนป่ายข้ามรั้วสูงอย่างรวดเร็ว



ไม่นานเรือนร่างบอบบางก็ไต่ลงมาและเหยียบถึงพื้น ทันใดนั้นลูกสุนัขขนยาวสีน้ำตาลอ่อนสี่ตัวก็ตรงเข้ามาพันแข้งพันขา บ้างก็เลียไปตามเนื้อตามตัวของหญิงสาว ทำเอาผู้บุกรุกส่ายศีรษะไปมา



“เฮ้อ พวกแกนี่ ทำไมถึงไม่เห่าบ้างล่ะ เกิดฉันเป็นโจรจะว่าไง” เพราะนอกจากจะไม่เห่าแล้ว ทั้งสี่ตัวยังตามคลอเคลียเธอไม่ห่าง ส่วนหนึ่งอาจเพราะความคุ้นเคยกันดี แต่อีกส่วนน่าจะเป็นเพราะว่าพวกมันอยากชวนเธอเล่นด้วยกันเป็นแน่



“กลางค่ำกลางคืนไม่ยอมนอน แต่ดันอยากจะเล่น เอ้า...เล่นก็เล่น ว่าแต่อย่าเสียงดังล่ะ เจ้าอ๊อดดี้!” ดูท่ามันคงนอนกลางวันจนอิ่มแปล้แล้ว กลางคืนถึงได้มาวิ่งเล่นกันแบบนี้ ว่าแล้วภิตะวันจึงยกนิ้วชี้ขึ้นเป็นสัญญาณบอกจุ๊ๆ ไม่ให้ส่งเสียง ซึ่งเจ้าสัตว์สี่เท้าทั้งสี่ตัวก็ดูท่าจะรู้เรื่องเพราะยอมทำตามแต่โดยดี



“ดีมาก...เอ้า!” ว่าแล้วก็โยนกระดูกปลอมที่อยู่ในกระเป๋าซึ่งเจ้าตัวเตรียมไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ ไปยังสนามหญ้าหน้าบ้าน ซึ่งห่างออกไปมากพอสมควร เป็นผลให้ทั้งสี่ตัวออกวิ่งแข่งกันเป็นการใหญ่ ว่าใครจะเป็นผู้ชนะและได้ของชิ้นนั้นก่อนกัน



ภิตะวันมองตามก่อนจะปรายยิ้มเมื่อแผนการย่องเข้าบ้านตัวเองผ่านไปได้อีกด่าน เพราะกว่าที่เจ้าอ๊อดดี้น้อยสี่ตัวจะวิ่งกลับมา คาดว่าก็น่าจะกินเวลาเอาการอยู่



ทั้งนี้ชื่อ อ๊อดดี้นั้น แม่ของเธอเป็นคนตั้งให้ ตอนแรกก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมถึงต้องตั้งชื่อเจ้าสุนัขโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่เลี้ยงว่าอ๊อดดี้ หนำซ้ำออกลูกออกหลานมากี่ตัว แม่ของเธอก็ไม่ยอมให้เปลี่ยนชื่อเลยด้วย เรียกได้ว่าแม่กับลูก กระทั่งหลานและเหลน หรืออาจจะไปถึงโหลน ใช้ชื่อเดียวกันตลอด ...‘อ๊อดดี้’



แม่เคยบอกว่าเจ้าอ๊อดดี้คือจุดเริ่มต้นให้พ่อกับแม่ได้มารักกัน และตำนานรักระหว่างพ่อและแม่ที่เธอได้ฟังมาตั้งแต่เด็กจนโต ที่ฟังเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อนั้นก็ทำให้เธออดประทับใจทุกครั้งที่นึกถึงไม่ได้



มารดาของเธอบอกว่า...เนื้อคู่ของเรา ถึงจะอยู่ห่างไกลแต่อย่างไรก็หากันเจอจนได้ ดูอย่างแม่และพ่อสิ เคยเจอกันตั้งแต่เด็ก แถมแม่ยังเข้าใจผิดเรื่องว่าลุงเขต ซึ่งเป็นพี่ชายของพ่อ ว่าท่านเป็นคนช่วยชีวิต จึงออกตามหาลุงเขตเพื่อตอบแทนพระคุณ ทำให้ได้เจอกับพ่อ และรักกันในท้ายที่สุด



...น่าเสียดายที่คงไม่มีเรื่องสุดแสนโรแมนติคพวกนั้นเกิดขึ้นกับเธอ...เพราะแม้จะประทับใจเรื่องราวความรักของบิดามารดา หากแต่สำหรับเธอที่อายุย่างเข้าสู่วัยเบญเพศ แต่ก็ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนทำให้รู้สึกหวิวๆ วาบๆ ได้เลยสักครั้ง ทำให้รู้สึกว่าเรื่องราวรักๆ ใคร่ๆ นั้นเป็นเรื่องที่อยู่ไกลห่างเหลือเกิน ทว่าเมื่อนึกมาถึงตอนนี้ไม่รู้เพราะอะไรใบหน้าของผู้ชายที่เพิ่งทุ่มเธอลงไปนอนกับพื้นก็ดันผุดขึ้นมาในสมองซะนี่...




ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม ดวงตาสีสนิมคมกริบที่ดูดุดัน ทว่าในขณะเดียวกันก็เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งบุรุษเพศ...


เพียงแค่นึกถึง พวงแก้มเนียนของเธอก็ร้อนผ่าวขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ





“บ้าจริง! ดันไปนึกถึงตาบ้านั่นทำไมนะ ถึงจะหน้าตาดี แต่งตัวดูดี แต่ในมือถือปืนทนโท่แบบนั้นน่ะ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องเป็นคนเลว..ชัวร์! ที่สำคัญยังทำให้เราหลังเกือบหักด้วย...แถมยังมากระชากเสื้อเราจนขาด ดีนะที่คว้าไว้ทัน...ไม่งั้น...”





หญิงสาวก้มลงมองที่ทรวงอกขนาดใหญ่เกินตัวของตน ที่ตอนนี้ได้ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวที่ขาดออกและสวมใส่เสื้อตัวใหม่ที่มิดชิดตามปกติแทนที่เรียบร้อยแล้ว



เมื่อคิดว่าตนนั้นเกือบจะเผยหน้าอกหน้าใจให้ผู้ชายคนนั้นเห็น แก้มนวลก็แต้มสีแดงมากขึ้น โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ฉุกคิดเลยว่า...ที่ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อเช่นนี้ด้วยสาเหตุใดกันแน่ อับอายเพราะโดนหมิ่นศักดิ์ศรี
..หรือเป็นเพราะคนมอง คือเจ้าของสายตาคมกล้าคู่นั้นกันแน่!




‘อย่ามัวเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องสิตะวัน’ ภิตะวันบอกตัวเองให้หยุดคิดเรื่องไร้สาระ จากนั้นจึงเร่งฝีเท้าเข้าสู่ตัวบ้าน ไม่ลืมซุกซ่อนตัวเองตามหลืบเงาของสุมทุมพุ่มไม้ไปตลอดทาง จนกระทั่งถึงคฤหาสน์สีขาวหลังใหญ่ที่มีแสงไฟสลัวจากโคมไฟกิ่งซึ่งติดอยู่ที่เสาขนาดใหญ่ด้านหน้าอาคาร




ใบหน้าเนียนใสแหงนมองไปยังทิศทางของห้องนอนของตัวเอง ก่อนจะเหลือบไปยังห้องนอนของบิดา มารดา ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลออกไป และเมื่อเห็นว่าห้องนั้นปิดไฟมืดสนิทเจ้าตัวจึงโล่งอก


“หวังว่าคงจะนอนกันหมดแล้วนะ”




นิ้วเรียวเอื้อมไปหยิบบันไดเชือกเส้นหนา ที่ถูกซ่อนไว้หลังต้นไม้ใหญ่ ใต้หน้าต่างของตัวเอง จากนั้นจึงเริ่มไต่บันไดเชือกขึ้นไป แม้จะดูน่าหวาดเสียวสำหรับใครต่อใคร หากแต่สำหรับหญิงสาวที่ใช้ชีวิตผาดโผนมาตั้งแต่เด็ก ใช้หน้าต่างแทนประตูเข้าออกอย่าง ‘ภิตะวัน อัศวอนันต์’ แล้ว…แค่นี้จิ๊บจ๊อยมาก!



ทว่าสุภาษิตที่ว่า ‘ผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน’ กับ ‘เหนือฟ้ายังมีฟ้า’ เห็นท่าจะจริง เพราะทันทีที่ศีรษะของเธอโผล่พ้นขอบหน้าต่างเท่านั้นแหละ ดวงตากลมโตถึงกับตาค้างกับภาพที่เห็นทันที



“แม่!”



งานเข้าแล้วไหมล่ะตะวันเอ๊ย!...




ภิตะวันแทบจะอยากปีนกลับลงไปเสียให้ได้ ถ้าไม่ติดว่ามารดาของเธอคว้านิ้วที่จับวงกบหน้าต่างของตนไว้เสียแน่น แถมยังส่งสายตาพิฆาตมาให้อีกต่างหาก



“ตะวันหายไปไหนมาทั้งวัน!”




เสียงขุ่นเขียวมาจากหญิงวัยกลางคนที่แม้อายุอานามจะไม่ใช่น้อย ทว่าใบหน้านั้นอ่อนกว่าอายุจริงมากนัก ด้วยเพราะผู้เป็นเจ้าของนั้นนอกจากจะรักสวยรักงาม แต่ยังมีชีวิตครอบครัวที่มีความสุข มีสามีที่รักและเอาอกเอาใจ ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันมาโดยตลอด แม้จะมีบ้างที่ต้องชิงไหวชิงพริบกัน แต่ก็ไม่เคยทำให้เกิดเรื่องบาดหมางทะเลาะกันแต่อย่างใด ซ้ำยังช่วยให้ชีวิตคู่ของเธอและ ‘เขตแดน’ ผู้เป็นสามีนั้นมีสีสันออกรสออกชาติมากยิ่งขึ้น


ทำให้แม้จะครองรักกันมานานกว่ายี่สิบปี แต่ความรักที่มีต่อกันไม่ได้ลดน้อยไปกว่าเมื่อครั้งแต่งงานด้วยกันใหม่ๆ เลย และยิ่งเมื่อมีโซ่ทองคล้องใจเป็นลูกน้อยน่ารักถึงสามคนด้วยแล้ว ชีวิตคู่จึงยิ่งสมบูรณ์แบบ แม้ว่าตอนนี้ทั้งสามจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว แต่ในสายตาของคนเป็นพ่อเป็นแม่ อย่างไรเสียลูกก็ยังเป็นลูก และแม้จะตัวโตสูงใหญ่เพียงไร แต่ก็ยังเป็นเด็กน้อยเสมอในสายตาของตน



บุตรชายคนโต นามว่า ‘ภูบดินทร์’ หรือ พี่ดินของน้องๆ นั้นออกจะว่านอนสอนง่าย และหลังจากเรียนจบพร้อมปริญญาหลายใบมาให้คนเป็นพ่อเป็นแม่ชื่นใจแล้ว ตอนนี้ก็กำลังเรียนรู้กิจการของครอบครัว ซึ่งก็คือการบริหารห้างสรรพสินค้า คาซาร์ มอล นั่นเอง




ส่วนบุตรอีกสองคนเป็นฝาแฝด.. ‘ภิตะวัน’ และ‘ภาฟ้า’



แฝดคนน้อง...ภาฟ้า หรือ ฟ้า...แม้ว่าหลังจากเรียนจบปริญญาตรีที่อังกฤษแล้วจะยังสนุกอยู่กับงานนางแบบ ไม่ยอมกลับเมืองไทยเสียที หากแต่ตนนั้นก็หาได้เป็นกังวลเท่ากับภิตะวัน หรือ ตะวัน แฝดสาวคนพี่ เพราะรายหลังนั้นขนาดจบปริญญาโทแล้ว ยังขยันสร้างวีรกรรมให้ครอบครัวปวดหัวได้ไม่เว้นแต่ละวัน และหลักฐานก็มีให้เห็นคาตา ก็ดูอย่างตอนนี้สิ...มืดค่ำขนาดนี้ ยังมาเล่นปีนป่ายเป็นเด็กๆ ไปได้



“ว่าไงล่ะ ไปไหนมาตะวัน?” ภัทราหวังว่าคำตอบจากแม่ลูกสาวตัวแสบที่แทบจะถอดพิมพ์เดียวกันมากับตนนั้น จะพอให้เหตุผลที่ฟังขึ้นหรอกนะ…




“ตะวันไปเอ่อ…สมัครงานมาค่ะ” ภิตะวันไขว้นิ้วชี้และนิ้วกลางไว้ด้านหลัง ก่อนจะเอ่ยขอโทษขอโพยมารดาในใจที่ตนนั้นต้องปด ด้วยเพราะถ้าบอกความจริงออกไป แม่ของเธอต้องไม่เห็นด้วยแน่ๆ ไม่สิ...อาจจะรับไม่ได้จนถึงขั้นเป็นลมเป็นแล้งไปก็เป็นได้



แม่ขา...นี่ตะวันทำเพื่อแม่อยู่นะคะ...




เจ้าของดวงตากลมโตที่กำลังกระพริบถี่หวังว่าความปรารถนาดีที่มีต่อบุพการีจะช่วยลดบาปที่เธอทำผิดลงได้กึ่งหนึ่ง ไม่สิๆ ...คิดๆ ดู น่าจะลดไปได้ทั้งหมดด้วยซ้ำ เพราะที่เธอยอมโกหกก็เพื่อสุขภาพของมารดานี่นา...คุณพระคุณเจ้าย่อมต้องเข้าใจสิ จริงมั้ย...หญิงสาวผู้ถนัดคิดเข้าข้างตัวเองนึกในใจ ขนาดโกหกอยู่ทนโท่ เจ้าตัวยังเฉไฉว่าไม่ผิดได้หน้าตาเฉย




“จะไปสมัครทำไมล่ะ ก็ไปทำที่บริษัทเราสิลูก ลุงเขตคงดีใจ ถ้ารู้ว่าตะวันจะมาช่วยงานด้วยอีกคน”




ภัทราหมายถึง สุดเขต พี่ชายเพียงคนเดียวของสามี ซึ่งตอนนี้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารของอัศวอนันต์กรุ๊ป หากแต่ด้วยสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงทำให้อยากวางมือจากภาระหน้าที่ที่หนักหน่วงเต็มที จะติดอยู่ก็ที่ทายาทเพียงคนเดียวของเขานั้นนิสัยออกจะศิลปินจ๋าอยู่สักหน่อย ส่วนสามีของเธอนั้นก็เปรยอยู่บ่อยๆ ว่าอยากถ่ายทอดความรู้และถ่ายโอนอำนาจให้ลูกหลาน เพื่อที่ตนเองจะได้มีเวลาพักผ่อนบ้างเช่นกัน เป็นเหตุให้ความหวังทั้งหลายต้องมาตกอยู่ที่บรรดาลูกๆ ของเธอ และดูเหมือนว่าภูบดินทร์จะเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดในตอนนี้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าลูกๆ คนอื่นๆ จะลอยหน้าลอยตาทิ้งให้พี่ชายให้ลำบากคนเดียวได้เสียเมื่อไหร่กันเล่า




ภิตะวันหน้าเบ้ทันทีที่ได้ยินมารดาบอกให้ไปสมัครงานที่บริษัทของครอบครัว ก็งานบริหารพวกนั้นน่ะ เธอชอบเสียที่ไหน เท่าที่ผ่านมา ที่ต้องเรียนๆๆๆ แล้วก็เรียน จนหน้าจะเป็นหนังสือ มือจะเป็นแป้นคีย์บอร์ดอยู่แล้วนั้น เธอก็เบื่อจะแย่ ถ้าจบมายังต้องทำงานจำพวกที่ต้องยุ่งเกี่ยวกับเอกสารอีกล่ะก็ เธอคงได้กลั้นใจตายสักวัน...




แม่ขาตะวันอยากทำงานที่มันตื่นเต้นๆ น่ะค่ะ เข้าใจกันบ้างมั้ย!!






ภิตะวันเอ่ยท้วงมารดาเสียงแข็งในใจด้วยตนนั้นอยากจะลองทำอะไรที่สนุกๆ เร้าใจยิ่งกระตุ้นเลือดในกายไหลเวียนและต่อมอดรีนาลีนหลั่งได้มากก็ยิ่งดี





ดังนั้นเจ้าตัวจึงแอบไปสมัครและสอบเป็นตำรวจโดยไม่ให้คนที่บ้านรู้และผลที่ออกมาย่อมเป็นไปตามคาดเพราะแน่นอนมันสมองระดับอัจฉริยะยังอายอย่างเธอมีหรือที่จะไม่ผ่านยิ่งภาคปฎิบัติยิ่งหมู...เพราะถ้วยรางวัลกับทั้งเหรียญทองมากมายที่วางโชว์อยู่รอบตัวก็พอจะบอกได้ว่าเธอนั้นเชี่ยวชาญกีฬากับทั้งศิลปะป้องกันตัวมากเพียงใดแถมผลการสอบทั้งภาคทฤษฎีและปฎิบัติเธอก็ได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่งเชียวนะ....ไม่อยากจะโม้!





เพราะงั้นนี่อาจจะเป็นสาเหตุให้เธอได้รับความไว้วางใจให้เริ่มงานตำรวจลับทันทีหลังจากเพิ่งเข้าทำงานได้ไม่ถึงสัปดาห์ก็เป็นได้...ดวงคนมันจะดังฉุดยังไงก็คงไม่อยู่นี่นะ!





“ก็ตะวันอยากหาความรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากที่อื่นก่อนจะได้เอามาใช้ปรับปรุงห้างของเราได้...เผื่อจะมีมุมมองอะไรใหม่ๆ บ้างไงคะ” คราวนี้ภิตะวันมั่นใจว่าตนเองหาได้โกหกแม้แต่น้อยก็ที่เธอไปสมัครเป็นตำรวจก็เพื่อหาประสบการณ์จริงๆ นี่นาและบางทีประสบการณ์ที่เธอได้เหล่านั้นอาจจะสามารถทำประโยชน์ให้กับกิจการของครอบครัวได้ในสักวันก็เป็นได้ใครจะรู้...




เมื่อพูดจบใบหน้าหวานก็ยิ้มแป้นให้คนเป็นแม่พร้อมกระพริบตาปริบๆ อีกสองครั้ง ก่อนจะค่อยๆไถศีรษะลู่ไปกับไหล่มารดาจนผมเผ้ายุ่งเหยิงราวกับเจ้าพุดเดิ้ลตัวน้อยก็ไม่ปาน



ภัทราส่ายศีรษะให้กับกิริยาออดอ้อนเป็นที่หนึ่งของบุตรสาวอ้อนแบบนี้ทีไรเธอรู้ดีว่าเจ้าตัวต้องมีอะไรปิดบังไว้เป็นแน่ก็คราวล่าสุดที่แสดงท่าทางแบบนี้เธอยังจำได้ดีหนนั้นเจ้าตัวแอบหนีไปขับรถมอเตอร์ไซด์ และไปชนเข้ากับเสาไฟฟ้าโชคดีนะที่แค่รถพังแต่ร่างกายไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนไม่อย่างนั้นหัวอกคนเป็นแม่อย่างเธอคงแทบสลายเป็นแน่...เฮ้อ...ลูกหนอลูกจะรู้บ้างไหมว่าแม่เป็นห่วงแค่ไหน…



แต่เมื่อพิศมองใบหน้าเนียนใสของบุตรสาวซึ่งเค้าโครงหน้าหาได้ผิดแผกจากตนเมื่อครั้งสาวรุ่นสักเท่าใดก็ให้ปลงสังเวชก็ดวงตากลมโตกลิ้งกลอกไปมา ทั้งยังแฝงแววขี้เล่นซุกซนแบบนั้นน่ะจะถอดแบบมาจากใครไม่ได้ถ้าไม่ใช่...จากตัวเธอเอง!



ภัทราถอนหายใจอีกรอบว่าไปก็ชักเริ่มเข้าใจจิตใจของมารดาตัวเองก็คราวนี้ล่ะว่ากว่าจะเลี้ยงตนจนเติบใหญ่ได้นั้นคงลำบางแสนเข็ญเป็นแน่ กรรมใดใครก่อกรรมนั้นคืนสนองจริงๆ เมื่อก่อนเธอทำอะไรเอาไว้ตอนนี้ถึงต้องมารับกรรมแบบเดียวกัน…



แต่คิดอีกทีบางทีคนผิดอาจเป็นใครบางคนที่นอนหลับอุตุอยู่ในห้องข้างๆตอนนี้ก็เป็นได้… ชัวร์! ที่ลูกมีนิสัยแก่นกะโหลกกะลาแบบนี้เพราะได้เลือดพ่อมันชัวร์!



ต้นฉบับของคนที่ทำอะไรไม่เคยผิดโบ้ยความผิดให้สามีหน้าตาเฉย ก่อนจะหันไปยังธิดาคนโตด้วยแววตาตัดพ้อด้วยเพราะแอบรู้มาว่าบุตรสาวของเธอไปสมัครสอบเป็นตำรวจแถมยังบรรจุเรียบร้อยแล้วด้วยมิน่าเล่าสัปดาห์นี้ทั้งสัปดาห์หายหน้าหายตาตลอด



“แม่อนุญาตให้ตะวันได้ลองไปทำงานที่อื่นเถอะนะคะรับรองว่าตะวันจะทำตัวดีๆ ขยันขันแข็ง ไม่ดื้อ ไม่ซนและจะเก็บเกี่ยวความรู้มาพัฒนาอัศวอนันต์กรุ๊ปให้ได้มากที่สุดพ่อกับแม่จะได้ไม่ผิดหวัง”



ภิตะวันยังคงออดอ้อนต่อโดยหารู้ไม่ว่าสิ่งที่เธอเข้าใจว่าเป็นความลับและรู้กันเฉพาะตนเองกับภูบดินทร์ผู้เป็นพี่ชายนั้น หาได้เป็นความลับอีกต่อไปด้วยเพราะวันนี้ภัทรามีนัดจิบน้ำชายามบ่ายกับเหล่าคุณหญิงคุณนายวัยเดียวกัน ทำให้เจ้าตัวได้รู้จากคุณหญิงเพียงแข ภรรยาของท่านนายพลว่าบุตรสาวของเธอนั้นไปก่อวีรกรรมไว้ที่สำนักงานตำรวจอย่างไรบ้าง




เห็นว่าวันแรกที่ได้รับการบรรจุเข้าทำงานนั้นยังไม่มีงานอะไรให้ทำ เจ้าตัวก็เลยเบื่อจึงขันอาสาช่วยแม่บ้านที่งานล้นมือด้วยการช่วยชงกาแฟและนำเสิรฟให้ใครต่อใครทั้งนี้หลายคนเมื่อได้ชิมกาแฟของภิตะวันเข้าไปต่างก็ทำท่าผะอืดผะอมด้วยไม่เคยดื่มกาแฟที่รสชาติแย่เท่านี้มาก่อนแต่ท้ายที่สุดเมื่อเห็นความตั้งใจและหวังดีของคนชงทั้งผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานจึงทนดื่มกาแฟของภิตะวันกันจนหมดแก้วแต่ไม่รู้ว่าเพราะส่วนผสมไม่ดี หรือว่าไปชงอีท่าไหนเข้าวันต่อมาคนที่ดื่มกาแฟเหล่านั้นเข้าไป ถึงได้ท้องเสียและอ้วกแตกอ้วกแตนกันไปตามๆกัน บางคนถึงกับต้องหามส่งโรงพยาบาลให้น้ำเกลือเลยก็มี





ซึ่งอันนี้เธอก็พอจะเข้าใจเพราะแม่ลูกสาวตัวดีนั้นเป็นโรคไม่ถูกกับงานบ้านงานเรือนมาแต่ไหนแต่ไรทั้งที่เธอนั้นก็พยายามสอนสั่งให้บุตรสาวหัดทำกับข้าวกับปลาแต่ยิ่งสอนก็เหมือนยิ่งแย่ ไม่ใช่ตัวภิตะวันหรอกที่แย่แต่เป็นคนที่ต้องทนชิมอาหารที่เจ้าตัวทำต่างหาก...แม่บ้านหลายคนชิงลาออกก็เพราะเหตุนี้แต่ที่ยังเหลืออยู่ก็เพราะตนนั้นยื่นคำขาดว่าจะไม่คะยั้นคะยอให้ต้องชิมอาหารที่คุณหนูตะวันเป็นคนปรุงอีก นั่นแหละถึงได้ยอมอยู่ต่อมาจนถึงทุกวันนี้




แต่ทั้งนี้ก็ไม่นึกว่างานง่ายๆแค่ชงกาแฟภิตะวันจะทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ถึงเพียงนี้น่ะสิ...เฮ้อ...



ได้ยินมาว่าหลังจากวันนั้นภิตะวันจึงถูกสั่งให้ออกห่างจากห้องเตรียมอาหารโดยเด็ดขาดเนื่องด้วยไม่อยากสูญเสียทรัพยากรบุคคลที่ทรงคุณค่าขององค์กรไปโดยใช่เหตุซึ่งระหว่างรองานที่ได้รับมอบหมายหญิงสาวจึงได้รับหน้าที่ชั่วคราวให้จัดพวกกองเอกสารต่างๆ ให้เข้าที่แต่ทำไปได้ไม่ถึงสามวันดี อาคารเก่าแก่ของกรมซึ่งใช้งานกันมาตั้งแต่สมัยที่สามีของคุณหญิงเพียงแขยังมียศแค่พลทหารก็ทรุดตัวเหตุการณ์ครานั้นทำเอาเหล่าคนในเครื่องแบบหลายคนหนีตายกันจ้าละหวั่น





หลังจากสอบสวนจึงรู้ว่าแม่เจ้าประคุณหวังดีกับสำนักงานตำรวจด้วยการรื้อจัดเอกสารใหม่ทั้งสารบบทั้งยังเกณฑ์ใครต่อใครช่วยกันย้ายกองเอกสารไปกองรวมกันที่อีกฟากหนึ่งของตัวอาคารนัยว่าเพื่อที่จะได้ทำความสะอาดห้องเก็บเอกสารที่เหม็นอับได้โดยสะดวกโดยหารู้ไม่ว่าห้องที่ย้ายไปนั้นไม่ได้มีโครงสร้างแข็งแรงพอจะรับน้ำหนักเอกสารกองสูงเท่าภูเขาเลากาที่หนักเป็นตันๆ นั่นได้เลยพาลให้ฐานรากของอาคารที่มีอายุร่วมร้อยปีทรุดตัว เกิดการสั่นไหวของตัวอาคารทำให้ใครต่อใครเข้าใจว่าเกิดเหตุแผ่นดินไหวกระทั่งบางคนคิดไปไกลว่าอาจถึงวันสิ้นโลกเลยก็มีเป็นเหตุให้หลายคนตกใจพยายามหนีเอาตัวรอดจนแทบจะเหยียบกันตายที่ตรงประตูทางออกเลยทีเดียว






เหตุการณ์วันนั้นทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคนบ้างก็แขนหัก บ้างก็ขาหัก แต่โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอันตรายถึงชีวิต



หลังจากนั้นคนทั้งกรมก็เลยต้องย้ายสถานที่ทำงานไปยังอาคารข้างเคียงเป็นการชั่วคราวถึงจะเบียดเสียดกันหน่อยแต่ก็ยังดีกว่าอยู่ในตัวอาคารที่อันตรายและพร้อมจะพังได้ทุกเมื่อผู้บังคับบัญชาระดับชั้นนายพลหลายคนถูกเรียกตัวกลับมาเพื่อประชุมด่วนเรื่องแผนงานการก่อสร้างอาคารใหม่เพื่อให้ทันใช้งาน



เรียกได้ว่าการย้ายกองเอกสารหนนั้น สร้างความโกลาหลให้กับสำนักงานตำรวจไม่น้อย ตั้งแต่ผบ.ตร. ยันแม่บ้านภารโรงกันเลยทีเดียว!



ทั้งนี้แม้ว่าภิตะวันคือตัวต้นเหตุที่ทำให้เกิดความวุ่นวายในสำนักงานตำรวจทว่าก็ไม่อาจโทษได้ว่าเป็นความผิดของเจ้าตัวเสียเลยทีเดียวเพราะอาคารหลังนั้นก็เก่าแก่มากแล้วจริงๆซึ่งถ้าจะให้บอกว่าไม่มีความผิดเลยนั้นก็ใช่ที่เพราะตั้งแต่เธอเหยียบย่างเข้าสู่สำนักงานตำรวจความสงบที่เคยมีมาตลอดก็ถูกริดรอนไปจนหมดสิ้นซึ่งครั้นจะไล่ออกเลยนั้นก็ดูจะเป็นการทำร้ายจิตใจ และปิดโอกาสกันเกินไปกับทั้งผลการสอบข้อเขียนและปฎิบัติที่เธอได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่งทำให้หลายคนเสียดายความสามารถ



ในที่สุดจึงได้หารือกันและได้ข้อสรุปว่าให้ภาคทัณฑ์ความผิดของภิตะวันเอาไว้ก่อนเนื่องด้วยยังเป็นความผิดคราแรกและแน่นอนเพื่อไม่ให้มีความผิดครั้งที่สองเกิดขึ้นในระยะเวลาไล่เลี่ยกันภิตะวันจึงได้รับมอบหมายภารกิจพิเศษ ที่ทั้งด่วนและลับเฉพาะสุดๆโดยได้เข้าเป็นร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีมสืบสวนคดีพิเศษแบบเฉพาะกิจ



ซึ่งนั่นก็ทำให้ภิตะวันเข้าใจว่าผู้บังคับบัญชาของตนต้องมองเห็นความสามารถที่ซุกซ่อนนอนหลับอยู่ภายในกายของเธอเป็นแน่แท้ถึงได้มอบหมายภารกิจที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้มาให้





ว่ากันว่า...โคตรเพชรจะปิดยังไงก็ไม่อาจปิดกั้นประกายระยิบระยับแห่งเพชรแท้ไปได้!





นั่นคือสิ่งที่เจ้าตัวคิดเอง เออเองและเลือกที่จะเชื่อเช่นนั้นเอง โดยไม่ถามใคร! หารู้ไม่ว่า...ที่เธอถูกส่งให้ไปร่วมทีมกับทีมสืบสวนคดีพิเศษนั้นไม่เกี่ยวกับโคตรเพชรแท้หรือโคตรเพชรเทียมแต่อย่างใดหากแต่เป็นเพราะมีเจ้าหน้าที่หลายคนในสำนักงานตำรวจเรียกร้องขอความสงบที่เคยมีมาตลอดอายุงานของตนคืนกับทั้งเสนอให้ย้ายตัวป่วนหน้าหวานที่พกความซวยมาแจกแบบไม่มีกั๊กให้ไปไกลหูไกลตาหน่อย



แน่นอนทุกแผนกในสำนักงานตำรวจส่ายหน้าที่จะตอบรับตำรวจสาวมากความสามารถที่ดูท่าว่าน่าจะทำร้ายศัตรูได้เก่งพอๆกับทำร้ายพวกเดียวกัน ด้วยเพราะรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นมาโดยตลอดดังนั้นจึงเหลือแค่แผนกเดียวที่กำลังขาดแคลนคนอย่างมาก เพราะตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นยังไม่เคยรับเจ้าหน้าที่เพิ่มเลยสักราย นั่นก็คือ...ทีมสืบสวนคดีพิเศษนั่นเอง!



ก๊อกๆ…




“แม่ครับอยู่ในห้องตะวันหรือเปล่าครับ?”




เสียงเคาะประตูกับทั้งน้ำเสียงนุ่มทุ้มที่ดังขึ้นที่หน้าประตูทำให้สองแม่ลูกต้องหันไปมองยังต้นเสียงภิตะวันรีบเดินแกมวิ่งไปเปิดประตูอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาคุ้นตาของพี่ชายก็ให้ยิ้มร่าด้วยรู้แก่ใจดีว่าที่ภูบดินทร์มาเคาะประตูเรียกหามารดาดึกๆ ดื่นๆเช่นนี้มิแคล้วก็เพื่อช่วยเหลือตนนั่นเอง

ภิตะวันเปิดทางให้ร่างสูงใหญ่ของพี่ชายก้าวเข้าสู่ภายในห้องทว่าคนเป็นพี่กลับยืนหยุดยืนอยู่หน้าห้องก่อนจะเอ่ยกับมารดาด้วยน้ำเสียงทุ้มชวนฟังอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัว





“แม่ครับ…คุณพ่อเรียกหาแน่ะครับ”





ภัทราแปลกใจไม่น้อยด้วยเพราะก่อนจะออกมาจากห้องนอนนั้นจำได้ว่าเขตแดนผู้เป็นสามีได้ชิงนอนหลับไปก่อนแล้ว เธอเองยังอดเคืองเล็กๆ ไม่ได้เพราะก่อนหน้านี้นัดกันเป็นดิบดีว่าจะมาเทศนาแม่ลูกสาวตัวดีด้วยกันแท้ๆ




แต่เหตุอันใดลูกชายของเธอถึงบอกกับผู้เป็นพ่อเรียกหาทั้งนี้ถ้าคนบอกคือแม่ลูกสาวตัวดีเธอคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง หากแต่คนพูดกลับเป็นบุตรชายคนโต...



ภูบดินทร์...มีนิสัยและบุคลิกผ่าเหล่าผ่ากออยู่สักหน่อย ด้วยเป็นคนสุภาพอ่อนโยน กับทั้งหวังดีกับคนรอบข้างไม่ได้ขยันก่อเรื่องก่อราวไม่เว้นแต่ละวันเหมือนบุตรสาวตัวแสบตรงหน้าทำให้สิ่งที่บอกน่าเชื่อถืออยู่พอสมควรเป็นเหตุให้ภัทราจำต้องหยุดซักไซ้ไล่เลียงบุตรสาวชั่วคราวกับทั้งอยากรู้เหลือเกินว่าเหตุอันใดสามีของตนถึงได้สั่งให้บุตรชายเข้ามาขัดจังหวะเวลาไต่สวนของตนเสียได้ถ้าไม่มีเรื่องอะไรสลักสำคัญเป็นได้เห็นดีกันแน่!



“แม่ไปก่อนล่ะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกันต่อ” ภัทราเอ่ยจบไม่วายมองด้วยสายตาปรามๆ ไปยังหญิงสาวเจ้าของห้องที่บัดนี้ใบหน้าเนียนใสก้มหน้างุดราวกับเด็กน้อยที่กำลังซุกซ่อนความผิดที่แอบไปก่อเอาไว้



รอจนกระทั่งมารดาเดินออกจากห้องไปเท่านั้นล่ะภิตะวันก็รีบดึงตัวพี่ชายเข้าสู่ภายในไม่ลืมล็อคประตูเสร็จสรรพ




“พี่ดินน่ารักที่สุดเลย”




ภิตะวันเอ่ยเสียงใสก่อนจะกอดแขนพี่ชายอย่างประจบประแจง





"ขยันก่อเรื่องจริงๆ นะเรา"ภูบดินทร์ขยี้ศีรษะน้องสาวอย่างเอ็นดู จากนั้นจึงค่อยๆล้วงสิ่งของจากกระเป๋ากางเกงด้านหลังออกมา





“เอ้า! นี่! รีโมทตัดเซ็นเซอร์ตัวใหม่” รีโมทคอนโทรลเครื่องจิ๋วถูกส่งไปยังน้องสาว




“อะไรเนี่ย แม่เปลี่ยนเซ็นเซอร์อีกแล้วเหรอเดือนนี้ทำไมเปลี่ยนบ่อยจัง”




ภิตะวันหน้างอเมื่อรู้ว่ามารดาเปลี่ยนสัญญาณกันขโมยใหม่อีกแล้ว นับว่าเป็นครั้งที่ 3 ของรอบเดือนก็ว่าได้ซึ่งเจ้าตัวรู้ดีว่าที่มารดาทำเช่นนั้นหาใช่เพราะกลัวขโมยขึ้นบ้านแต่อย่างใดหากแต่เป็นเพราะอยากจะกลั่นแกล้งคนที่แอบย่องปีนเข้าบ้านตอนค่ำๆ มืดๆ เสียมากกว่าและแน่นอน...คนๆ นั้นจะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่...ตนเอง!




“แม่นะแม่ขัดขวางการปฎิบัติภารกิจของเจ้าหน้าที่มีโทษนะจะบอกให้”




ใบหน้าหวานตีหน้ายุ่งเพราะรู้ดีว่าตนนั้นกำลังทำผิดที่ปิดบังเรื่องที่สำคัญกับครอบครัวหากแต่ถ้าบอกออกไปท่านทั้งสองคงต้องเป็นห่วงมากแน่ๆและเธอก็ไม่อยากให้พ่อกับแม่ต้องมากังวลกับเรื่องเหล่านี้กับทั้งเชื่อมั่นว่าตนนั้นดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดีไม่จำเป็นที่ใครจะต้องมาคอยเป็นห่วงหรือเป็นกังวล





“เอาล่ะ...พี่ไม่รบกวนแล้ว ตะวันจะได้พักผ่อนแต่ยังไงก็รีบบอกความจริงกับแม่ล่ะ โกหกผู้ใหญ่นานๆ ไม่ดีรู้รึเปล่าแล้วดูซิวันนี้พี่เลยต้องพลอยฟ้าพลอยฝนเป็นเด็กเลี้ยงแกะไปด้วยเลยคราวหน้าพี่ไม่เอาด้วยแล้วนะ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกราวกับตำหนิติเตียนหากแต่ในน้ำเสียงนั้นกลับนุ่มนวลชวนฟังภิตะวันรู้ดีว่าพี่ชายไม่ได้โกรธเคืองแต่อย่างใดนอกจากจะหวังดีและเป็นห่วงตนมากเท่านั้น




“เอาน่าพี่ดิน ช่วยน้องนุ่ง รับรองได้บุญเยอะอีกอย่างตะวันไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง ตะวันกำลังช่วยชาติขจัดมารสังคมนะจะบอกให้” นาทีนี้ตัวป่วนประจำบ้านถึงกับอ้างประเทศชาติกันเลยทีเดียว





หากแต่คนเป็นพี่ได้ฟังแล้วก็ส่ายหน้าน้อยๆ …ไม่แน่ใจว่าน้องสาวตัวยุ่งของเขาจะ‘ช่วย’ หรือ‘ทำลาย’ประเทศชาติกันแน่และไม่รู้ว่าที่ตนให้การช่วยเหลือภิตะวันจนได้เป็นตำรวจสมใจปรารถนานั้นเป็นสิ่งถูกหรือผิดกันเพราะอย่างไรเสียน้องสาวของเขาก็เป็นผู้หญิง อาจจะได้รับอันตรายเข้าสักวันก็เป็นได้งานอันตรายพวกนั้นเขาไม่อยากให้น้องสาวต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยงเอาเสียเลยแม้เจ้าตัวจะยืนกรานว่างานที่ทำนั้นเป็นงานนั่งโต๊ะก็ตามทีเถิดแต่สัญชาตญาณของเขาบอกว่า น้องสาวที่ไม่เคยอยู่นิ่งได้เกิน 5 นาทีไม่มีวันยอมจับเจ่าอยู่หน้ากองเอกสารทั้งวันเป็นแน่!



และแม้ใจหนึ่งนั้นนึกเป็นห่วงสวัสดิภาพของน้องสาวหากแต่อีกใจกลับคิดตรงกันข้าม...ด้วยไม่แน่ใจว่า....




นางมารน้อยของคนในบ้าน...เมื่อออกไปเผชิญโลกภายนอกไม่รู้ว่าทำให้ชาวบ้านชาวเมืองเขาปั่นป่วนกันแค่ไหน!








*******************************************


ขอบคุณที่แวะมา....ขอฝากนางมารน้อยภิตะวันไว้ในอ้อมใจด้วยน๊า...^^

รัตนรัตน์ค่า~


*******************************************




รัตนรัตน์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 เม.ย. 2554, 10:59:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 เม.ย. 2554, 10:59:45 น.

จำนวนการเข้าชม : 2517





<< บทที่ 1 : จุดเริ่มต้นของลมพายุ    บทที่ 3 : กระตุกหนวดเสือ (PART I) >>
ข้าวหอม 3 เม.ย. 2554, 19:02:28 น.
นางมารน้อยเนี่ย แสบไม่แพ้แม่ภัทรเลยค่า


jink 5 เม.ย. 2554, 15:00:09 น.
เป็นตัวน่ากลัวจริงๆ อยู่ที่ไหน ที่นั่นกระเจิง อิอิ


SaiParn 10 เม.ย. 2554, 17:56:37 น.
น่ารักกกกกกกกกกกดีค่ะ


dino 9 พ.ค. 2554, 12:20:54 น.
นางเอกเราน่ารักมากๆๆ


XaWarZd 29 พ.ค. 2554, 00:53:28 น.
วีรกรรมสุดยอด ทำเค้าป่วนทั้งกรม


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account