มนตรากระดังงา
นางพริมา กีรติอนันต์ พัฒนภิรมย์ กับ นายภัทร์ พัฒนภิรมย์ คู่สามีภรรยาที่ครองรักกันมากว่า 6 ปี และมีพยานรักเป็นเด็กชายน่ารัก 2 คน ต้องจบชีวิตคู่ที่เริ่มจากรั้วมหาวิทยาลัยลงเพราะฝ่ายชายไปมีเมียน้อยซึ่งกำลังจะมีลูกสาวด้วยกัน หญิงสาวยอมหย่าให้และยอมเป็นแม่หม้ายในวัยเพียง 30 ปี ชีวิตคู่ที่พังทลายกลับสร้างพริมาคนใหม่ให้แกร่งกว่าเดิม เธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวขึ้น กระดังงาลนไฟดอกนี้จึงกลายเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มทั้งหลาย รวมทั้งภัทร์ พัฒนภิรมย์ ที่เพิ่งสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของอดีตภรรยา จนทำให้ความรักที่เขาคิดว่าได้มอดเชื้อไปแล้วนั้นปะทุขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
รักครั้งใหม่กับคนเดิมจะสมหวังได้หรือไม่ เพราะฝ่ายชายก็มีครอบครัวใหม่แล้ว ส่วนฝ่ายหญิงก็มีชายหนุ่มมากมายมาเข้าแถวให้เลือก อานุภาพของความรักจะประสานรอยร้าวของหัวใจสองดวงให้กลับมาหลอมเป็นหนึ่งเดียวได้อีกครั้งหรือไม่ โปรดติดตาม......อาทิตา

Tags: รักร้าว มีเมียน้อย คืนดี

ตอน: ตอนที่ 18....30%

ตอนที่ 18

“ปากคอเราะร้ายจริง ๆ เป็นถึงหมอนะนั่น ปากยิ่งกว่ากรรไกรผ่าตัดแปลงเพศเสียอีก มิน่าผัวถึงขอหย่า ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าพวกฉันเข้าไปไม่ทันนี่ แกจะโดนนังคุณหมอโบท็อกซ์นั่นจัดการยังไงต่อ อีพี่ตินนี่ก็อีกคน หาความซวยมาให้แกแท้ ๆ ร้อยวันพันปีไม่เมา ดันมาเมาเอาวันที่เมียสะกดรอยตามมาพอดี ส่วนแกก็ช่างดวงจู๋ อุตส่าห์หนีมาเที่ยวถึงหัวหินดันมาเจอแจ๊คพ็อตแตกใส่ อยู่ดีไม่ว่าดีถูกหาว่าเป็นมือที่ 3 ไปทำลายครอบครัวคนอื่นเขาแบบนี้ แถมยังเกือบจะโดนรุมตบอีกนะนั่น แบบนี้ไม่เรียกว่าซวยก็ไม่รู้จะเรียกยังไงแล้ว” วรปรัชญ์บ่นยืดยาวอย่างอารมณ์เสีย เพราะถ้าเขาและพิชญธิดาไม่ลุกไปตามพริมาที่โต๊ะ คงไม่ได้ช่วยพริมาให้รอดพ้นอุ้งมือมารมาได้ทันเส้นยาแดงผ่าแปดแบบนี้ เพราะตอนที่ไปถึงนั้นคุณหมอสุชาดาภรรยาของหมอคณิตินกำลังกระชากมือของสามีที่กำลังกุมมือของพริมาอยู่พอดี ขวดเบียร์บนโต๊ะเลยหล่นแตกกระจายเต็มพื้นไปทั่ว

“นึกแล้วยังเสียวแทนแกไม่หาย ถ้าแม่นั่นคว้าขวดเบียร์แทนคว้ามือสามี แกคงเสียโฉมแน่ ๆ เพราะยังไงเขาคงไม่ตีหัวสามีก่อน ต้องหัวแกหน้าแกแน่ ๆ ที่ต้องอาบเลือดน่ะปริม” วรปรัชญ์ทำท่าขนพองสยองเกล้าประกอบคำพูด

“แกก็พูดเกินไปนังปรัชญ์ ฉันไม่เห็นว่าเขาจะคิดลงมือลงไม้ทำอะไรปริมมันสักนิดเลย พูดเว่อร์ไปแล้ว” พิชญธิดาท้วงติง

“ย่ะ! เว่อร์ไม่เว่อร์ก็คิดดูเอาเองก็แล้วกันว่าอีคุณหมอโบท็อกซ์จะเอาเพื่อนมาด้วยทำไมตั้ง 2 คนฮะ ถ้าเราเข้าไปไม่ทันเพื่อนมันคงจะช่วยกันจับนังปริมให้อีคุณหมอนั่นตบซ้ายตบขวาแน่ ๆ” วรปรัชญ์สะบัดหน้าไปซ้ายทีขวาทีเหมือนกำลังถูกประทุษร้ายเสียเอง

“เขาเป็นหมอนะแก เขาคงไม่ขาดสติทำอะไรไม่ยั้งคิดขนาดนั้นหรอก” พิชญธิดาแย้งอีกครั้ง

“แล้วที่มันมายืนด่านังปริมปาว ๆ ๆ น่ะ มันมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนล่ะสิ ใช่ไหมยะคุณพิชญธิดา” วรปรัชญ์ยื่นหน้าเข้าไปถามเพื่อนสาว

“ถ้าฉันเป็นเขา ฉันก็อาจจะทำเหมือนที่เขาทำกับฉันก็ได้นะ คุณสุชาดาเขาเข้าใจผิดไปเองเพราะภาพที่เห็นมันฟ้องเสียขนาดนั้น เขาคงไม่ได้ตั้งใจหรอก พอดีพวกเขามีปัญหากันอยู่น่ะ พอมาเจอสถานการณ์แบบนี้เข้าไปอีก สติก็เลยขาดผึง เป็นเรื่องธรรมดาของผู้หญิงทุกคนนะฉันว่า” พริมาที่นิ่งเงียบมานานตั้งแต่กลับจากร้านอาหารที่เกิดเรื่องจนมาถึงห้องพักประเภทที่มีสระว่ายน้ำในตัว ซึ่งเธอและลูก ๆ พักร่วมกันกับวรปรัชญ์

“นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจนะเนี่ย ถ้าตั้งใจจะขนาดไหนกัน” วรปรัชญ์ไม่เห็นด้วย ก่อนที่จะพูดต่อว่า

“งั้นขอถามหน่อยว่าทำไมแกไม่เคยสติขาดผึงแบบนั้นบ้างละ เจอกันจะ ๆ กับนังเมียน้อยนั่นมาแล้ว ฉันไม่เห็นแกจะทำอะไรเขาบ้างเลย” วรปรัชญ์ตั้งข้อสงสัย

“เพราะฉันมาเจอในวันที่ฉันไม่มีสิทธิ์ในตัวเขาอีกแล้วไงล่ะ แต่นี่ คุณสุชาดากับพี่ตินเขายังไม่ได้หย่าขาดจากกัน เพราะฉะนั้นเขาจึงมีสิทธิ์อย่างถูกต้อง” พริมาอธิบาย แต่วรปรัชญ์ก็ยังไม่วายถามต่อ

“อ้าว! ถ้าอย่างนั้น ทำไมแกไม่ด่านังวิภาวีในวันที่พี่โป๊ปพาเข้าบ้านบ้างล่ะ”

“.......” พริมาจนด้วยคำตอบ ก่อนที่จะเอ่ยออกมาว่า

“เพราะวันนั้น ฉันไม่ได้โกรธแค้นวิภาวีน่ะสิ เขาไม่เคยให้สัญญากับฉัน เขาไม่ใช่คนที่ผิดสัญญากับฉัน” พริมาพูดด้วยอารมณ์เศร้าหมองและสีหน้าที่เคร่งเครียด

“พอเถอะ หยุดพูดเรื่องนี้กันเถอะ ปรัชญ์แกก็หยุดซักหยุดถามเสียที แยกย้ายกันไปหลับไปนอนดีกว่า เรื่องของคู่คุณหมอก็ให้พวกเขาหาทางออกกันเอง มันเป็นปัญหาของเขา ไม่ใช่ของพวกเราแล้ว เพราะเมียเขาก็รับรู้แล้วเขาเข้าใจผิด ปริมไม่ได้มากับพี่ติน ส่วนที่พี่ตินสารภาพออกมานั่นก็ให้เขานั่นแหละรับผิดชอบคำพูดของตัวเอง เขาจะอยู่หรือจะหย่ากันก็สุดแล้วแต่กรรมแต่บุญที่ทำร่วมกันมา คนจะรักจะเลิกกัน ไม่ได้เกี่ยวกับมือที่ 3 4 5 หรอก มันอยู่ที่คนสองคนเท่านั้นแหละ เชื่อฉันสิ” พิชญธิดาพูดอย่างคนที่มีประสบการณ์ตรงมาก่อน

“จ้า แม่นางพิชญธิดาผู้มีประสบการณ์อย่างโชกโชน” วรปรัชญ์แกล้งแซวเล่นแต่กลับโดนถลึงตาใส่

“ปริม ฉันไปนอนละนะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้ ไม่ต้องคิดมากอีกล่ะ จำเอาไว้ว่าเขามีปัญหากันมาก่อนที่จะมาเจอกับแก แกไม่ต้องไปซีเรียสกับเรื่องที่ไม่ได้ทำ แต่พูดก็พูดเถอะนะ ฉันเองก็อดตกใจไม่ได้ที่เห็นคุณหมอนั่นมายืนชี้หน้าด่าคนอื่นแบบนี้ เสียดายเรียนมาเสียสูง” พิชญธิดาส่ายหัวไปมา

“ไม่งั้นเขาจะมีสำนวนสุภาษิตว่าไว้เหรอจ๊ะ เสียทองเท่าหัว แต่ไม่ยอมเสียผัวให้ใครน่ะ ไม่เคยได้ยินกันเหรอคะคุณนายทั้งสอง” วรปรัชญ์ปิดท้ายด้วยคำคม ก่อนที่จะหันไปบอกกับพิชญธิดาว่า

“แกก็รีบกลับบังกะโลแกไปเถอะ เดี๋ยวคุณวิชญ์จะคอยนาน ไปเถอะ เดี๋ยวฉันกับปริมคุยกันอีกสักพักก็จะเข้านอนเหมือนกัน โชคดีนะที่คืนนี้พวกเด็ก ๆ นอนที่โน่นกันหมด”

“โอเค งั้นฉันไปละนะ เจอกันพรุ่งนี้” พิชญธิดาโบกมือลา แล้วพูดกับพริมาอีกครั้งว่า

“ปริม ถ้านังปรัชญ์มันยังไม่เลิกกวนประสาทแก แกไปนอนกับฉันก็ได้นะ ที่โน่นยังมีห้องว่าง” พิชญธิดาพูดพลางลอยหน้าลอยตาไปมาเพื่อเย้าวรปรัชญ์คืน

“แกนั่นแหละ ไปเลยไป ชิ่ว ๆๆๆ” วรปรัชญ์ทำท่าไล่เพื่อนสาว เมื่อพิชญธิดากลับไปแล้ว เขาก็หันมาถามพริมาว่า

“ปริมแกมีอะไรจะคุยอีกไหม ถ้าไม่มีก็ไปนอนเถอะ เหนื่อยกับลูก ๆ มาตั้งแต่เช้าแล้ว ไหนจะมาเจอแจ๊คพ็อตจากคุณหมอโบท็อกซ์นั่นอีก ไปพักเถอะไป” วรปรัชญ์ไล่พริมาก่อนที่จะล้มตัวลงนอนบนโซฟาหวายพลางบิดขี้เกียจอย่างเมื่อยล้า ก่อนที่จะพูดต่อว่า

“แต่ถ้าแกมีอะไรจะพูด จะระบายออกมา ฉันก็พร้อมรับฟังเสมอนะ แต่ฉันก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่ามุมมองของคนแบบฉัน คนที่ไม่มีครอบครัว ไม่มีลูก จะช่วยอะไรแกได้แค่ไหน” วรปรัชญ์ทิ้งท้ายได้อย่างซาบซึ้งใจคนฟัง

“แค่แกรับฟังก็มีค่ามากมายแล้วล่ะปรัชญ์” พริมายิ้มหวานแทนคำขอบคุณ

“เฮ้อ! ชีวิตฉันช่วงนี้มันดูวุ่นวาย ยุ่งเหยิงไปหมดจริง ๆ คงต้องพักเรื่องที่จะทำร้านอาหารไว้ก่อน รอให้คุณแม่กลับมาจากอเมริกาค่อยปรึกษาท่านอีกที”

“ยุ่งเหยิงเรื่องอะไรฮะ” วรปรัชญ์ลืมตาขึ้นถาม

“ก็จากที่เคยเป็นเมียหลวงอยู่ดี ๆ ก็ต้องมาเป็นแม่ม่ายผัวหย่า แล้ววันนี้ยังเกือบจะได้ตำแหน่งเมียน้อยเข้ามาอีก ตลกดีไหมละแก” พริมามองเป็นเรื่องขำขัน

“ก็บอกแล้ว......ว่าให้แต่งกับคุณรามไปเสีย เรื่องยุ่ง ๆ จะได้หมดไป เหลือแต่เรื่องหวาน ๆ ให้ชื่นใจ” วรปรัชญ์พูดไปหาวไป

“พูดมันง่าย แต่ทำมันยากนะจ๊ะคุณเพื่อน”

“ยากตรงไหน” วรปรัชญ์ถาม

“......”

“อย่าบอกนะว่ายากที่ใจ” วรปรัชญ์เดาได้อย่างแม่นยำ

“ไปนอนดีกว่า ชักง่วงแล้ว” พริมาเลี่ยง แต่ก่อนที่เธอจะเดินไปถึงประตูห้องนอน เสียงของวรปรัชญ์ก็ดังขึ้นว่า

“ปิดเข้าไปเถอะหัวใจตัวเองน่ะ แทนที่จะหาความสุขใส่ตัวเหมือนกับคนอื่นเขาบ้างน่ะ คนเราเกิดมามีชีวิตเดียวนะแก มันต้องรู้จักหาความสุขใส่ตัวเองบ้างสิยะ” วรปรัชญ์ตะโกนไล่หลัง

“ย่ะคุณวรปรัชญ์ แล้วแกไม่เคยได้ยินบ้างเหรอที่เขาพูดกันว่า ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์อะ” พริมาย้อนกลับ แล้วเพิ่มเติมว่า

“แล้วที่สำคัญนะ ความสุขของฉัน ก็คือ ลูก ๆ ทั้งสอง ความรักที่ไม่มีเงื่อนไขตลอดกาล” พอพูดเสร็จพริมาก็เดินเข้าไปในห้องนอน ทิ้งให้วรปรัชญ์ตะโกนไล่หลังปาว ๆ ว่า

“เดี๋ยวพอลูก ๆ โตกันหมดแล้วแกจะรู้สึก เพราะต้องถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว ลูกผู้ชายน่ะมันเห็นเมียดีกว่าแม่กันทั้งนั้นนะ หรือดีไม่ดีแกก็จะได้รู้ฤทธิ์ลูกสะใภ้เข้าไปอีก คราวนี้ละนังปริมเอ๋ย” ทันทีที่วรปรัชญ์พูดจบ พริมาก็โยนหมอนอิงสีสวยออกมาจากห้องนอน ซึ่งหล่นใส่หน้าวรปรัชญ์ที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างพอดิบพอดี

“อ๊ายยย! อีนังปริมบ้า! คอยดูนะ จะแช่งให้แกได้ลูกสะใภ้แสบ ๆ คัน ๆ เลย”

************************


รอคอย ‘คอมเม้นต์’ ของทุกท่านอยู่นะคะ---จุ๊บ ๆ ๆ ขอบคุณมากค่ะ



อาทิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ธ.ค. 2555, 11:40:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ธ.ค. 2555, 11:24:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 1895





<< ตอนที่ 17 ครบ 100 แล้วจ้า   ตอนที่ 18....100% แล้วจ้าาาาา (แก้ไข) >>
Auuuu 11 ธ.ค. 2555, 18:48:25 น.
โชคดีที่เพื่อนปริมเข้ามาช่วยพอดี ไม่งั้นไม่อยากจะคิดเลยว่าเป็นยังไง

ป.ล. อยากให้ไรเตอร์ช่วยเว้นบรรทัดหน่อยได้ไหมคะ อ่านไม่ค่อยสะดวกเท่าไรอ่ะค่ะ ขอบคุณค่ะ


violette 11 ธ.ค. 2555, 21:45:14 น.
อยากให้เว้นวรรคตอนเหมือนกันค่ะ
โอย มองหาทางออกไม่เจอจริงๆค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account