ทางเดินหัวใจ
เรื่องหนึ่งเรื่องเริ่มมาจากความฝัน อีกหลายเรื่องคืความผูกพันธ์
มีการพัฒนาอย่างเงียบๆ รอเพียงเวลาที่เหมาที่ควรเท่านั้น
แล้วความรกจะดำเนินต่อไป

Tags: ฝัน และ จริง

ตอน: หน่วยที่ 5---->>>>เมื่อพิสูจน์ได้ว่ายังไงก็ต้องเป็นเธอ

ก่อนอื่นขอบคุณคนที่มาอ่านนะคะ เอาเป็นว่าอ่านกันเลยดีกว่า

//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายก่อนที่พรุ่งนี้เช้านรีจะเปิดเรียน และจะต้องให้คำตอบกับกัตพงศ์ ยังไงเธอยังไม่รู้เลย แต่พอคิดถึงคำพูดของพี่ชายที่บอกไว้
‘อยู่กับความจริงจะไม่ดีกว่าอยู่กับความฝันเหรอ’

นรีคิดจนหลับไป รู้สึกตัวอีกที่ก็มาโผล่ที่สวนสาธารณะแล้ว ‘นี่ความฝันหรือความจริง’ นรีได้แต่คิดในใจ ขาสองข้างเดินไปในที่ประจำของเธอ
ที่เก้าอี้ริมสระน้ำมีคนนั่งอยู่ เขาเคยมานั่งที่นี่เมื่อหลายเดือนที่แล้ว กลับมาครั้งนี้หวังว่าจะได้เจอเขาที่ไม่ได้เจอมานาน

“พี่ดิว”
สาวน้อยแทบจะกรี๊ด เขากลับมาแล้ว คำถามมากมายที่อยากจะถามเขาแต่เธอก็ยังพูดอะไรไม่ออก
“น้ำค้าง”แดนไทยหันมาตามเสียงงเรียกทันที ขาสองข้างลุกขึ้นไปหาเธออย่างไม่รู้ตัว ส่วนแขนสองข้างก็โอบกอดสาวน้อยไว้อย่างไม่รู้ตัวเช่นกัน“พี่คิดถึงน้ำค้างที่สุดเลยเลย”
‘คิดถึงแล้วหายไปไหนมา’
นรีอยากต่อว่าใจจะขาดแต่ก็ไม่กล้า ส่วนอีกใจก็อยากจะกอดตอบแต่ก็ไม่กล้าอีกเช่นกัน
ฝั่งแดนไทยตอนนี้เขารู้แล้วว่าเผลอกอดสาวน้อยอยู่แต่ก็ยังไม่อยากปล่อย ‘ถ้าเป็นทีทีป่านที่เขาคงได้ไปอยู่บนเตียงเธอแล้ว’
“น้ำค้างไม่คิดถึงพี่เหรอครับ”แต่ที่สุดแดนไทยก็ต้องยอมคายอ้อมกอดออกเพราะคนในอ้อมกอดเริ่มดิ้น “น้ำค้างหายไปไหนมาพี่ไม่ได้ฝันถึงน้ำค้างเลย”
‘มาหาว่าเขาหายไปไหน พี่ดิวเองก็หายไปเหมือนกัน’น้ำค้างทำหน้าบึ่งไม่ตอบได้แต่คิดในใจ แดนไทยเองก็งงว่าเขาทำผิดอะไร เขาต้องง้อเธอใช่ไหม
“พี่ขอโทษนะครับถ้าพี่ทำอะไรให้น้ำค้างโกรธ น้ำค้างพูดกับพี่หน่อยนะ...นะ... นะ... นะครับ”
“พี่ดิวไปไหนมาคะ”
พอเห็นลูกอ้อนของชายหนุ่มแบบนี้เธอเองก็อดใจอ่อนยอมพูดกับเขาไม่ได้ แดนไทยเองก็โล่งอกที่สาวน้อยยอมพูดกับเขาสักที
“พี่ไปโชว์ตัวที่อังกฤษมาครับเพิ่งกลับมาวันนี้แหละ”แล้วแดนไทยก็เหมือนจะคิดอะไรออก “หรือเพราะเราห่างกันเกินไปเราถึงฝันถึงกันไม่ได้”
นรีเริ่มทำความเข้าใจกับคำพูดของแดนไทย จริงสินอกจากระยะทางแล้วเวลาก็ไม่ตรงกันอีก เธอมันงี้เง่าจริงๆเลยไม่พูดให้เขารู้เรื่องก่อน ดีนะที่เขาง้อไม่อย่างนั้นเธอคงต้องเสียใจแน่ๆ
“น้ำค้างเองก็ต้องขอโทษคะที่ไม่มีถามเหตุผลของพี่ดิว”
สาวน้อยพูดเสียงอ่อยสีหน้าสำนึกผิด
“พี่เองที่ไม่ได้บอกน้ำค้างว่าพี่ต้องไปเมืองนอก แต่มันฉุกละหุกจริงๆนะ”
“น้ำค้างเข้าใจค่ะ”และอีกเรื่องที่เธอจะต้องบอกแดนไทย อยากจะรู้ความคิดของแดนไทยด้วย “พี่ดิวคะ”
“อะไรครับ”
“มีคนขอน้ำค้างเป็นแฟน”
“ห๋า!!!”แดนไทยแหบจะยืนไม่อยู่ ใจปวดแปลบ“ละ....แล้วน้ำค้างตอบเขาไปว่าไง”
ชายหนุ่มใจเต้นรัวนี่สาวน้อยที่เขาชอบมีแฟนแล้ว เขาจะต้องรับประทานแห้วผสมน้ำใบบัวบกเหรอ
“ยังไม่ได้ตอบหรอกค่ะ”นรีที่ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายกับสิ่งที่พูดตอบเสียงเรียบ “เขาจะเอาคำตอบพรุ่งนี้”
“แล้วน้ำค้างจะตอบไอ้ผู้ชายคนนั้นว่ายังไง”นรีนิ่งไม่ตอบ เธอเองก็ไม่รู้จะตอบกันตพงศ์ว่ายังไงเหมือนกัน นรีอยากรู้คำตอบบางอย่างก่อนเธอถึงจะตอบกัตพงศ์ได้
“คือ...”
แดนไทยเองก็ได้แต่ลุ้นจนตัวโก่งว่านรีจะตอบผู้ชายที่มาขอเธอเป็นแฟนยังไง
“ความลับเหรอ”
“เปล่าค่ะ ความจริงน้ำค้างยังไม่รู้ค่ะ พี่น้ำตกบอกน้ำค้างว่าถ้าน้ำค้างยังไม่มีใครน้ำค้างก็น่าจะให้โอกาสเขา”

“แล้วน้ำค้างมีใครรึยัง”
“ใครในใจน้ำค้างมีแล้วคะ แต่ใครที่เขาเรียกว่าแฟนน้ำค้างยังไม่มี”
พอฟังคำตอบแล้วแดนไทยคิดว่าต้องมองนรีใหม่ซะแล้ว เธอล้ำลึกกว่าที่คิดนะ
“คนในใจของน้ำค้างเป็นใครบอกพี่ได้ไหม”
แดนไทยถามอย่างอยากรู้ นรีพูดไม่ออกเลยต้องฆ่าเวลาด้วยการเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวประจำ แดนไทยก็เลยตามไปนั่งด้วย ชายหนุ่มมองหน้าสาวน้อยได้แต่ลุ้นคำตอบในใจ
“เขาเป็นคนที่เจอได้เฉพาะในฝัน แต่พอเป็นความจริงแล้วน้ำค้างกับคนคนนั้นไกลกันมาก”
สาวน้อยหยุดพูดแล้วแหงนหน้ามองไปบนฟ้า ‘พี่ดิวจะรู้ไหมคะว่าน้ำค้างหมายถึงพี่’
“น้ำค้างรู้ไหมพี่เองก็มีผู้หญิงอยู่ในใจเหมือนกัน ตอนแรกที่ใช่สมองคิดพี่ก็เกือบจะเอาผู้หญิงอีกคนมาแทนผู้หญิงที่อยู่ในใจพี่แล้ว แต่พอพี่เปลี่ยนมาใช่ใจคิดแล้วพี่เลยรู้ว่าไม่มีใครมาแทนผู้หญิงที่อยู่ในใจพี่ได้เลย”
ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวอย่างสื่อความหมาย ‘พี่หมายถึงน้ำค้างนะ’ สาวน้อยที่พึ่งหันกลับมาจากมองฟ้ามามองชายหนุ่มข้างๆถึงกับหน้าแดง
“ผู้หญิงคนนั้นเขาเป็นใครเหรอคะ”
“พี่เองก็ไม่แน่ใจว่าเธอเป็นใคร เพราะพี่ไม่เคยเจอในความจริงเหมือนกัน แต่น้ำค้างเองก็โชคดีนะที่รู้ว่าคนในฝันเป็นใคร”
“ถ้าพี่ดิวไม่รู้ว่าเธอเป็นใครแล้วทำไมถึงเลือกเธอล่ะคะ”
แล้วผู้หญิงในใจเขาจะใช่เธอรึเปล่า
“เพราะเธอคือคนที่ใช่มั้ง และพี่ก็ใช้ใจคิด”แดนไทยเลิกมองหน้านรีแล้วมองไปที่สระน้ำแทน
“น้ำค้าง”
“ขะ...คะ”
“น้ำค้างมีตัวตนใช่ไหม พี่ไม่รู้ว่าพี่คิดไปเองรึเปล่าว่าน้ำค้างมีตัวตนอยู่จริงๆ ในโลกของความจริงน้ำค้างเป็นน้องของอาจารย์นายใช่ไหม ในโลกของความจริงเราสองคนจะเจอกันได้ไหม”
สาวน้อยใจเต้นรัวหมายความว่าคนในใจของชายหนุ่มคือเธอจริงๆเหรอ ชายหนุ่มตรงหน้าเธอชอบเธออย่างนั้นเหรอ คนที่เธอชอบอยากเจอเธออย่างนั้นเหรอ หรือทั้งหมดเธออุปทานขึ้นเอง ที่ชายหนุ่มพูดแบบนั้นอาจเป็นเพราะเธออยากได้ยินแบบนั้น ก็เพราะนี้คือฝันของเธอ
“น้ำค้างมีตัวตนอยู่จริงคะ น้ำค้างเป็นน้องสาวของพี่น้ำตกหรือที่พี่ดิวเรียกอาจารย์นาย พี่ดิวจะเจอน้ำค้างได้ในความเป็นจริงคะ”
ชายหนุ่มยิ้มเมื่อได้ยินว่าสาวน้อยตรงหน้าเป็นน้องสาวของอาจารย์นายจริงๆ หรือที่เธอพูดแบบนั้นมันเป็นเพียงแค่ความต้องการในจิตใจของเขาที่เขาสร้างให้เธอพูดแบบนั้น
“แล้วบ้านของน้ำค้างอยู่ที่ไหน”
“ชุมชนสามมิตร”
“จริงเหรอ”ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง “พรุ่งนี้ตอนสี่โมงเย็นพี่มีงานที่ชุมชนสี่มิตรน้ำค้างไปได้ไหม”
สาวน้อยคิดหนักจริงอยู่ที่ชุมชนสี่มิตรมันไม่ไกลจากบ้านเธอ แต่เธอต้องรีบกลับบ้านไปช่วยแม่ดวงใจขายอาหาร ‘นี่เป็นโอกาสที่เราจะได้เจอพี่ดิว ถ้าพลาดเราอาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว’
“ค่ะน้ำค้างจะไป”


วันต่อมา
“น้ำค้างๆ”
มยุราที่ลงมาจากรถตรงมาหานรีที่กำลังช่วยแม่ดวงใจล้างจานอยู่ ท่าทางมยุราดูจะตื่นเต้นมาก
“มีอะไรจ๊ะหนูลูกโป่งท่าทางตื่นเต้นเชียว”
แม่ดวงใจทักมยุราเพราะเห็นอาการเธอแปลกๆ มยุราเลยนึกขึ้นได้ว่าเธอควรจะไหว้ผู้ใหญ่ก่อนที่จะมาทักเพื่อน เธอจึงไหว้แม่ดวงใจ และผู้ชายอีกสองคนที่นั่งทานข้าวอยู่ คนแรกเป็นคนที่มยุราให้ความเคารพ ส่วนอีกคนเป็นคนที่เธอต้องใจเต้นรัวทุกครั้งที่เจอ
“นั้นสิหนูลูกโป่ง มีอะไรเหรอบอกลุงบ้างสิ”
“นี่ตาดำจะไปยุ่งกับเรื่องของเด็กทำไม อิ่มแล้วใช่ไหมอิ่มแล้วก็ไปทำงาน”แม่ดวงใจบ่นคนที่ยุ่งเรื่องของเด็ก “ออกเวรแล้วก็รีบกลับบ้านด้วย”
ตาดำของแม่ดวงใจรีบเก็บจานไปให้ลูกสาวล้างแล้วเดินมาหอมแก้มคนที่บ่นตนไปเมื่อสักครู่ แล้วรีบวิ่งออกไปขับรถมอเตอร์ไซร์เก่าๆของเขาไปทำงาน ก่อนที่จะโดนเมียสุดที่รักบ่นจนยืดยาว
ตาดำ หรือ จ่าดำ ของคนแถวนี้เป็นพ่อของน้ำตกและน้ำค้าง อายุก็ปาเข้าไปห้าสิบกว่า แต่หุ่นก็ยังดูฟิตไม่แพ้หนุ่มๆ ตอนเขายังอายุน้อยๆเขาหล่อเหล่าไม่แพ้ลูกชายเลย
“ลูกโป่งมีอะไรเหรอ”นรีถามมยุราเมื่อเห็นว่าเพื่อนเงียบไม่พูดอะไร แต่คนที่ถูกเรียกกลับมีอาการสะดุ้งเล็กน้อง “เป็นอะไรรึเปล่า”
“เปล่าๆ เอ่อใช่น้ำค้างรู้ไหมพี่ดิวจะมาที่ชุมชนข้างๆ”
แกร๊ง
เสียงปล่อยช้อนกระทบจานหยุดบทสนทนาที่เพิ่งจะเริ่ม สองสาวหันไปมองต้นเสียงก็พบว่าคนที่ทำคือพี่ชายสุดที่รักของนรีนั้นเอง นายลุกขึ้นจากที่นั่งเอาจานข้าวมาว่างไว้ที่อ่าง สีหน้าบึ่งตึงเหมือนไปโกรธใครมา
ใช่เขาโกรธ เขาต้องโกรธสิ ก็ในเมื่อมยุราที่เขาชอบพูดถึงผู้ชายคนอื่น
“อิ่มแล้วเหรอลูก”แม่ดวงใจถามลูกชาย เธอแอบยิ้มที่เห็นว่าลูกชายแสดงอาการหึงมยุรา“แต่แม่ว่าลูกคงทานไม่ลงมากกว่านะ”
“เปล่านี่ครับแม่ ผมไปก่อนนะครับ”
นายไหว้แม่ดวงใจแล้วเดินออกจากบ้านไปทันที
“น้ำค้างเราไปดูพี่ดิวกันไหม” มยุราถามนรี นรีไม่กล้าตอบหันไปมองแม่ดวงใจ “จริงด้วยสิ”
“ดาราคนโปรดจะมาแถวนี้เหรอลูก”แม่ดวงใจที่แอบได้ยินถามลูกสาว เธอพอจะดูออกว่านรีอยากจะไปงานที่ว่า “ไปเถอะ แต่ห้ามกลับค่ำนะ”
“จริงเหรอคะแม่ขอบคุณแม่มากเลยค่ะ”
นรีกระโดดตัวลอยไปกอดแม่ เธอดีใจที่สุดเลย
“มัวแต่ดีใจ ไปโรงเรียนได้แล้วเดี๋ยวจะสายนะลูก ที่เหลือแม่ล้างเอง”
สองสาวยิ้มหน้าบาน แต่ก็ไม่ลืมไหว้แม่ดวงใจก่อนจะออกจากบ้าน โชคดีจริงๆที่มยุรามาหาเธอไม่อย่างนั้นเธอคงไม่กล้าขอแม่ดวงใจแน่
ระว่างทางไปโรงเรียน สองสาวก็คุยเรื่องแดนไทยไม่หยุด
“โชคดีจริงๆนะลูกโป่งที่พี่ดิวมาชุมชนสี่มิตร”
“น้ำค้างรู้ได้ยังไงว่าเป็นชุมชนสี่มิตรลูกโป่งยังไม่ได้บอกเลยนะ”
“พี่ดิวบอก”
นรีตอบเสียงเรียบ แต่คนที่ฟังคำตอบกลับต้องคิดหนัก
“อย่าบอกนะว่าในฝัน”
“ใช่ เอ๊ะ!!!นั้นพี่น้ำตกนี่ยืนคุยกลับผู้หญิงด้วยสวยเชียว”
สองสาวหยุดเดินยืนมองนายที่ยืนคุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอคนนั้นสวยมากดูเป็นไฮโซ ผมยาวเกือบถึงก้น เสื้อผ้าก็ดูเป็นของแพง แต่หน้าสวยๆกลับบึงจ้องนายตาเขม็ง
เพียะ
จู่ๆผู้หญิงคนนั้นก็ตบหน้านาย ท่าทางคงจะแรงเอาการเพราะคนถูกตบถึงกับเซ ส่วนคนตบก็มีน้ำตาไหลมาเป็นทาง
“นายคุณกำลังจะบอกว่าที่คุณดูแลวิ เป็นห่วงเป็นใยวิ ทำดีกับวิสารพัด คุณทำเพราะความเป็นเพื่อน และวิคิดไปเองเหรอคะว่าคุณเป็นแฟนวิ”
นรีกับมยุราที่ยืนอยู่ไม่ห่างถึงกับตาโต นรีแอบคิดว่าพี่ชายของเธอนี่ไม่เบาเลยมีผู้หญิงสวยและรวยขนาดนี้มาชอบ ส่วนอีกคนกับคิดว่าแล้วที่นายแสดงต่อเธอล่ะมันคืออะไร
“ผมขอโทษ”
นายพูดเสียงเบาก้มหน้า สิ่งที่เขาทำมันทำให้ผู้หญิงตรงหน้าต้องเข้าใจผิดเหรอ
“ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ พูดเป็นคำเดียวใช่ไหม” คนถูกขอโทษดูโกรธมากกว่าเดิม โวยวายทุบอกนายไม่หยุด คนถูกทุบก็ได้แต่ยืนเฉย “คุณรู้ไหมคะว่าพ่อแม่วิหาคนดีๆมาให้วิเยอะแยะ แต่วิก็เลือกคุณ แต่พอวิจะพาคุณไปคุยเรื่องแต่งงานกับพ่อแม่วิ คุณกลับบอกวิว่าคุณคิดกับวิแค่เพื่อน”
ตุบ
เสียงกระเป๋านักเรียนของมยุราตกพื้น ทำให้นายและผู้หญิงที่ยืนข้างๆหันมาทางที่สองสาวยืนอยู่พอดี ทำเอาคนที่แอบฟังต้องสะดุ้งยิ้มแหยๆ
“น้ำค้าง ลูกโป่ง”
นายพูดชื่อน้องสาวกับเพื่อนน้องสาวออกมา วิ หรือ วิภาวี หลานสาวคนโปรดของเจ้าของมหาวิทยาลัยที่นายทำงานอยู่ และเป็นผู้หญิงที่คอยตามติดนายตลอดเวลาด้วย
วิภาวีมองนรีและมยุราด้วยสายตาไม่เป็นมิตรนัก เธอเดินตรงมาที่สาวน้อยทั้งสองคน และมองด้วยสายตาเหยียดๆหัวจรดปลายเท้า
“ใครคือลูกโป่ง”
วิภาวีถามเสียงแข็ง
“ฉันค่ะ”มยุราตอบเสียงสั่น “มีอะไรเหรอคะ”
วิภาวีไม่ตอบ แต่ยกมือขึ้นเตรียมจะตบมยุรา มยุราหลับตาปี๋รอรับแรงตบ จนเวลาผ่านไปหลายอึดใจเธอจึงลืมตาขึ้นมาจึงเห็นว่าน้ำตกยึดมือของวิภาวีไว้
“ปล่อยวิเดี๋ยวนี้นะ วิจะตบมัน”
วิภาวี ดิ้นเพื่อจะให้หลุดจากแรกยึดของนาย เธออยากจะตบ ตบยัยเด็กที่บังอาจแย่งหัวใจของเอไป

“พี่จะมาตบเพื่อนน้ำค้างทำไม”
นรีดึงมยุรามาหลบข้างหลักจ้องหน้าวิภาวี
“ก็มันแย่งแฟนฉัน”
“แย่งแฟน”
สองสาวพูดประสานเสียงกันต่างคนต่างงงว่าใครแย่งแฟนใคร
“ใช่แกแย่ง...แอนอัน อ่อยอ่อย”
ก่อนที่วิภาวีจะพูดจบนายเอามือมาปิดเธอเสียก่อน ก่อนที่เธอจะพูดอะไรที่ไม่ควรพูดตอนนี้ออกมา
“หยุดโวยวายได้แล้ววิ” นายลากวิภาวีมาจนถึงรถ แล้วเปิดประตูรถดันเธอเข้าไป“คุณกลับไปได้แล้ว ลุงออกรถพาคุณหนูของลุงกลับไปเถอะครับ”
นายบอกคนขับรถของวิภาวีที่เขารู้จักดีให้รีบพาวิภาวีกลับไป แล้วเขาก็ปิดประตูมองรถที่แล่นออกไป เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก เดินมาหาสองสาวที่ยังยืนอึ่งมองเขาอยู่
“ตัวนี่มันอะไรแฟนตัวมาหาว่าเพื่อนเขาแย่งแฟน แฟนใครแฟนอะไร”
“ตัวพูดดีๆนะผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แฟนเขา แล้วมายืนทำอะไรไม่ไปโรงเรียนรึไง”
“โรงเรียนสายแล้วๆ”
นายพูดตัดบทเปลี่ยนประเด็นแล้วก็ได้ผลนรีรีบลากมยุราวิ่งไปโรงเรียน นายมองสองสาวจนลับตาแล้ว
ใจหวั่นกลัวสาวน้อยที่ชอบจะเข้าใจผิด ครั้นจะบอกความจริงก็ยังไม่ถึงเวลา เวลา เวลา รอแค่เพียงเวลาเท่านั้น เวลา นายก้มดูนาฬิกา สายแล้ว
“เวรแล้ว”
นายวิ่งหน้าตื่นใส่เกียร์สี่ทันที
ทั้งๆที่เขาอยากจะบอกมยุราแต่เวลานี้มันคงยังไม่เหมาะ คุณนายรัชนก แม่ของเธอคงจะไม่พอใจที่ลูกสาวจะมีรักในวัยเรียน

//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

อ่านแล้วช่วยติ ช่วยแนะ กันหน่อนนะคะ
อะอึม ขอให้คนที่ช่วยคอมเม้าได้ทุกสิ่งอย่างสมดั่งใจปราถนา



เพียงใจกล้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ธ.ค. 2555, 10:36:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 พ.ค. 2559, 14:57:23 น.

จำนวนการเข้าชม : 742





<< หนทางที่สี่ ---->>ในวันที่เราต้องไกลห่าง (หัวใจหวั่นไหวและเคว้งควาง)   เนื้อหาที่หก >> ยังไม่ใช่เวลาที่ฟ้าลิขิต >>
เพียงใจกล้า 12 ธ.ค. 2555, 13:04:35 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account