ทางเดินหัวใจ
เรื่องหนึ่งเรื่องเริ่มมาจากความฝัน อีกหลายเรื่องคืความผูกพันธ์
มีการพัฒนาอย่างเงียบๆ รอเพียงเวลาที่เหมาที่ควรเท่านั้น
แล้วความรกจะดำเนินต่อไป

Tags: ฝัน และ จริง

ตอน: บทที่เจ็ดจุดหนึ่ง ---->> สอบแข่งขัน รอบที่หนึ่ง

เขียนได้นิดเดียว เพื่อมีคนอยากอ่าน

///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ในที่สุดก็ถึงวันที่นรีต้องสอบชิงทุน แต่ในการชิงทุนครั้งนี้แปลกไปจากปีก่อนๆ คือ การชิงทุนครั้งนี้จะต้องไปเข้าค่ายแข่งขันกัน ทั้งหมดเจ็ดวัน มีเจ็ดด่าน มีทั้งกีฬา และเกมลับสมองต่างๆ รับสองคนจากห้าสิบคน
ด้านวิชาการนายก็ได้ช่วยติวให้ ส่วนด้านกำลังใจก็ได้จากแดนไทยที่ร้องเพลงให้ฟังทุกคืน
‘พี่ไปส่งไม่ได้นะน้ำค้างพอดีพี่ติดงาน เอาเป็นว่าน้ำค้างสู้ๆนะ ไม่รู้ว่าน้ำค้างไปที่อื่นเราจะฝันถึงกันรึเปล่า แต่ให้รู้ไว้เสมอนะว่าพี่เป็นกำลังใจให้’
นี่คือคำพูดที่แดนไทยพูดกับน้ำค้างก่อนที่สาวน้อยจะตื่นนอน แล้วทิ้งท้ายด้วยการหอมแก้มนวนของสาวน้อยด้วย เลยทำให้ตลอดการเดินทางมาขึ้นรถเพื่อไปเข้าค่ายนรีเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรอยู่เหรอน้ำค้าง”
มยุราถามเพื่อนสาวที่เอาแต่ยิ้มไปจับแก้มตัวเองไป
วันนี้มยุราอาสามาส่งน้ำค้าง โดยมีนายเป็นคนขับรถ
“คือแบบนี้”นรีกระซิบข้างหูมยุราว่าเธอโดนแดนไทยหอมแก้มในฝัน แต่มยุรากลับยิ่งเป็นห่วงเพื่อนที่เอาความฝันมาคิดว่าเป็นความจริง “เธอไม่เชื่อเหรอลูกโป่ง”
“ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อแต่...”
“ตัวเขาเรียกขึ้นรถแล้ว นี่อย่าลืมที่พ่อกับแม่บอกล่ะ แล้วรู้ไว้นะการแข่งขันครั้งนี้ไม่ใช่ง่ายๆดูแลตัวเองให้ดีเข้าใจไหม”
“ค่ะพี่ชาย ตัวก็ดูแลเพื่อนเขาให้ดีล่ะ ยุงอย่าให้ไต่ไรอย่าให้ตอมเลยนะ ไปล่ะ”
ไม่ทันที่มยุราจะพูดความในใจกับเพื่อนนายก็มาขัดจังหวะเสียก่อน แถมยังโดนเพื่อนฝากฝังตัวเองกับชายหนุ่มที่ยืนข้างๆ
นรีกอดลามยุราและพี่ชายก่อนจะโบกมือลาขึ้นรถไป ทิ้งให้สองคนมองหน้ากันอย่างเขินๆ ทำตัวไม่ถูกกันทั้งคู่
“ไปเถอะลูกโปร่ง เราไปหาอะไรทานกันก่อนจะกลับบ้านนะ”
นายออกปากชวนมยุราขึ้นรถ แล้วยังชวนไปหาของทานอีกเล่นเอาสาวน้อยเขินเข้าไปใหญ่ดีใจที่สุด นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เธอจะได้ใกล้ชิดชายหนุ่ม
ด้านชายหนุ่มก็พยายามสุดกำลังที่จะบังคับอาการใจสั่นของตัวเอง และบริการเปิดประตูให้มยุราก่อนจะเข้าไปประจำที่นั่งออกรถมุ่งสู่จุดหมาย

ชายทะเล
รถบาสมาจอดสนิทที่หน้าโรงแรมชื่อดังของหาดนี้ เด็กหนุ่มสาว ราวๆห้าสิบหกสิบคนทยอยลงจากรถพร้อมกับเสียงจอแจแล้วเดินมาหยิบสัมภาระของตัวเอง
มีรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งเดินลงมาจากรถเป็นคนสุดท้ายพร้อมทอระโข่ง
“น้องๆกรุณาฟังพี่นะครับ มาเข้าแถมเรียงตามหมายเลขที่พี่ให้ไปนะครับเชิญครับเชิญ แถวละสิบคนนะครับ”
บรรดาเด็กชิงทุนพากันมาเข้าแถวตามหมายเลขที่ตัวเองได้ ซึ่งนรีได้หมายเลขยี่สิบเจ็ด ข้างหน้าเธอคือคนที่ได้หมายเลยยี่สิบหกเป็นผู้ชาย ข้างหลังที่ได้หมายเลขยี่สิบแปดเป็นผู้หญิง ข้างซ้ายหมายเลขสิบเจ็ดเป็นผู้หญิง ส่วนด้านขวาได้เลขสามสิบเจ็ดเป็นผู้ชาย
นรีหันไปยิ้มให้กับคนด้านซ้ายหมายเลขสิบเจ็ด เธอคนนั้นหันกลับมายิ้มตอบ
“สวัสดีน้ำค้างชื่อนรีนะ เรียกน้ำค้างก็ได้”
“เราชื่อ ณหทัย เรียกราหลินนะ”
ณหทัย สาวหมวยหน้าตาดีผมยาวดูสะอาด เธอเป็นหลานของหมอที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย
แล้วคนด้านหลังของนรีก็สะกิดเธอ นรีหันไปเห็นเธอยิ้มให้นรีเลยยิ้มตอบ
“เราชื่อสารินา เรียกเรา มิ้นต์”
สารินา เธอเป็นลูกสาวพยาบาลโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย ผิวคล้ำ ค่อนข้างเจ้าเนื้อ แต่หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก
คนด้านขวาก็สะกิดนรีเช่นกัน
“เราชื่อเมฆา เรียกเราหมอก”
เมฆา เขาเป็นลูกชายของอาจารย์ในมหาวิทยาลัย หน้าตาคมเข้มผิวคล้ำ แต่หล่อมาก
นรีหันไปข้างหน้าเห็นคนข้างหน้ายิ้มฟันขาวให้
“ผมชื่อกระบี่ครับ เรียกผมกระบี่”
กระบี่ เป็นลูกแม่บ้านของมหาลัย สิวเต็มหน้า ฟันเหยิน ผมหยิก เป็นคนผอมขี้โรค แต่ดูใสสื่อเอามากๆ
ทั้งห้าคนหันมายิ้มให้กัน แต่ก่อนที่ทั้งห้าจะแสดงความรู้จักกันมากกว่านี้ก็มีเสียงสัญญาณเสียก่อน
“เงียบกันได้แล้ว ทุกคนฟังทางนี้” พี่คนเดิมพูดต่อ “สวัสดีน้องๆผู้กล้าทุกคน พี่ชื่อซูชินะครับ”
ซูชิ หรือ ปรวัฒน์ หนุ่มรูปหล่อรุ่นพี่ปีสอง เขาเป็นลูกชายคนเล็ก ของเจ้าของมหาลัย เป็นหนึ่งในกลุ่มเทพที่สาวๆใฝ่ฝัน แต่น่าเสียดายที่เขามีเจ้าของหัวใจเสียแล้ว
“โดยปกติทุกปีที่ผ่านมาเราแค่จักคัดเลือกคนที่จะชิงทุนในห้องสอบ ปีนี้เราอยากเปลี่ยนแปลงใหม่ เราเลยเลือกที่จะจัดค่ายชิงทุนแทน เพราะฉะนั้นนอกจากความรู้แล้วยังต้องอาศัยดวงด้วย แล้วเราก็จะเข้าค่ายกันเจ็ดวันนะครับ เราจะนับวันนี้เป็นวันแรก และจะเริ่มเกมแรกกันเลยนะ”

แล้วเกมแรกก็เริ่มขึ้น ด่านนี้คือด่านว่ายน้ำไปกลับร้อยเมตร จัดขึ้นที่สระว่ายน้ำของรีสอร์ท จะมีคนผ่านเกมนี้ สี่สิบคน แบ่งห้ากลุ่มๆละสิบคน คัดออกรอบละสองคน
นรีตื่นเต้นมากมองกลุ่มแรกที่ตอนนี้มีคนแตะขอบสระไปแล้วเจ็ดคนเหลือเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่จะได้เข้ารอบนี้ แต่ณหทัยดูเหมือนจะตกรอบแน่ๆเพราะเธอรั้งท้ายอยู่ สิ่งที่นรีทำได้ก็คือภาวนาให้ ณหทัย ชนะ
ปรี๊ด!!!!
“กรี๊ด เฮ!!!!”
นรี สารินา เมฆา และ กระบี่ เฮลั่นเมื่อ ณหทัยว่ายชนะแตะขอบสระเป็นคนที่แปดได้อย่างฉิวเฉียด
“กลุ่มต่อไปมา”
ปรวัฒน์ ประกาศเรียกกลุ่มต่อไปนั้นคือ พวกของนรี กระบี่ และสารินา
“สู้ๆนะ”
เมฆาให้กำลังใจทั้งสามคน
นรีรู้สึกตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ แต่จริงๆแล้วนรีเคยเป็นแชมป์ว่ายย้ำสมัยประถมและมัธยมต้น ทุกครั้งที่เธอแข่งเธอจะได้กำลังใจจาก มยุรา นาย พ่อ หรือ แม่ เสมอที่จะเชียร์เธออยู่ขอบสระแต่ครั้งนี้ไม่มี ‘พี่ดิวเป็นกำลังใจให้น้ำค้างด้วยนะคะ’
“เข้าที่ ไป”
นรีว่ายน้ำนำไปเป็นคนแรกๆไม่กี่นาทีต่อมาเธอก็ว่ายกลับเป็นคนแรกๆเช่นกัน และอีกนิดเดียวเธอจะแตะขอบสระแล้ว พลันสายตาเธอเหลืบไปเห็นคนจมน้ำอยู่กลางสระ นรีตัดสิ้นใจว่ายกลับไปช่วยคนนั้น
ปรี๊ด
เสียงนกหวีดดังขึ้น แสดงว่าได้คนครบแปดคนแล้ว
นรีลากคนที่จมน้ำขึ้นขอบสระมีรุ่นพี่และเมฆาช่วยกันดึงคนที่จมน้ำขึ้น และคนที่จมน้ำนั้นไม่ใช่ใครนั้นคือ กระบี่
“พาไปห้องพยาบาลก่อน” รุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งสั่งเพื่อนๆด้วยกัน แล้วเธอคนนั้นก็ยื่นมือมาให้นรี “น้องมาค่ะพี่ช่วย”
นรียื่นมือไปจับ และก็มีรุ่นพี่ผู้ชายอีกคนมาช่วยดึง รุ่นพี่ผู้หญิงคนนั้นนรีมองว่าสวยมาก ‘เหมือนนางฟ้าเลย’ ส่วนรุ่นพี่ผู้ชายก็หล่อ ‘พี่ซูชิ เอ๊ะ!!ไม่ใช่นี่’
“น้องเก่งมากเลย พี่ชื่อเนวนะคะ นี่พี่ข้าวปั้น”
เนวดี และปรเมตร ยิ้มให้นรี นรียกมือไหว้ขอบคุณ แล้วก็จะเดินเลี่ยงออกมาแต่ถูก เนวดีดึงไว้ก่อน
“เดี๋ยวสิน้อง พี่ข้าวปั้นคะ”
เนวดีส่งซิกส์ให้ปรเมตรจัดการบางอย่าง ชายหนุ่มพยักหน้ารับ
“ซูชิเอาทอระโข่งมา” เมื่อปรเมตรสั่ง ปรวัฒน์ก็ทำตาม “ทุกคนครับ ทุกคนคงเห็นเหมือนผม คนที่จมน้ำเขาถูกใครบางคนทำร้าย…”
ปรเมตรเว้นช่วงมองคนที่เพิ่งแข่งขันเสร็จ คนหนึ่งหน้าตาดี กับอีกคนดูตัวให้ร่างกายแข็งแรง ทุกคนมองตาม
“เราสองคนไม่ผิดนะ ไอ้กระหังนั้นมันขวางทางผมกับเพื่อนเอง อย่าคิดว่าเป็นรุ่นพี่แล้วทำตัวกร่างนะ รู้ไหมผมเป็นหลานผอ.นะ”
คนหน้าตาดีพูดแก้ตัว และอ้างว่าตัวเองใหญ่ เป็นหลาน ผู้อำนวยการมหา’ลัย ปรเมตรยิ้มขำ มองไปทาง ปรวัฒน์ที่กลั้นขำอยู่เหมือนกัน
“เหรอ” ปรเมตรพูดต่อ “ฉันไม่สนเพราะตอนนี้ที่นี่ฉันใหญ่ และนายสองคนโดนตัดสิทธิ์ ซูชิเอาคืนไป”
ปรเมตรพูดจบแล้วส่งทอระโขงคืนปรวัฒน์
“ได้ยินแล้วก็ไปๆๆ พี่ประกาศซ้ำนะน้องผู้กล้าคนนี้”ปรวัฒน์จับไหล่นรี “กับน้องที่จมน้ำได้สิทธิ์อยู่ที่นี้ต่อ ส่วนนายสองคนนั้นไปเก็บของรอขึ้นรถตู อ้าวกลุ่มต่อไป.......”
นรียิ้มดีใจ ณหทัย สารินา ก็มาร่วมแสดงความยินดี ‘น้ำค้างผ่านมาแล้วด่านหนึ่งนะคะ’

เวลา 21.00 น.
ตอนนี้แดนไทยมานั่งอยู่ในงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อนสนิทในกลุ่มที่มหาวิทยาลัย
“ฮัดชิ้ว”
แดนไทยจามแบบนี้มาทั้งวันแล้ว
“ไอ้ดิวแกเป็นไรวะ แกจามมาหลายทีแล้วนะ”
ฟ้าครามเอ่ยถามเพื่อนไปดื่มไป
ฟ้าครามหนุ่มหล่อผิวดี เขาเป็นลูกนักการเมืองระดับสูง และนิสัยเขาก็ดีไปไม่น้อยกว่าหน้าตา
“ไม่รู้ดิ”
“สงสัยแฟน...คลับมันบ่นมั่ง”
ชวินออกความเห็น ชวินเขาเป็นลูกนักธุรกิจชั้นแนวหน้าของเมืองไทยอีกคน หน้าตาก็หล่อไม่แพ้ใครในกลุ่ม
“คงใช่ละมั่ง”
แดนไทยตอบยิ้มๆ แอบตกใจที่ชวินพูดถึงแฟนแล้วเว้นวรรคคลับ ‘หรือว่าแฟน...คลับเราจะบ่นถึงจริงๆ’
“เออเมื่อเช้าฉันไปมอมา เห็นเด็กชิงทุนไปเข้าค่ายกันว่ะ ฉันเห็นอาจารย์นายด้วยยื่นอยู่กับเด็กผู้หญิงสองคนน่ารักเชียว”
การันต์ พูดขณะที่เดินมาที่กลุ่มเพื่อน การันต์ หนุ่มตี๋ลูกชายคนเล็กห้างทอง แต่กลับชอบงานศิลปะเป็นชีวิตจิตใจ
“จริงเหรอว่ะ มีคนผมยาวๆแก้มใสๆด้วยเปล่า”
แดนไทยถามอย่างร้อนรน เก็บอาการตื่นเต้นไม่อยู่
“มีนะหน้าคล้ายๆอาจารย์นายสงสัยจะเป็นน้องสาว แล้วแกรู้ได้ไงวะ”
การันต์ตอบ พร้อมถามกลับ สงสัยว่าเพื่อนไปรู้จักมักคุ่นอะไรกับเด็กคนนั้น
“ฉันเคยเห็น”
แดนไทยตอบเลี่ยงๆยังไม่อยากให้เพื่อนๆรู้
“สงสัยว่าน้องสาวอาจารย์นายจะตกรอบแรกเลยว่ะ”
ปรเมทเพื่อนอีกคนของแดนไทยพูด ปรเมท ลูกชายคนที่สองของผู้อำนวยการมหาวิยาลัยที่แดนไทยเรียนอยู่ และเขาก็เป็นดาราที่ดังเอาการเหมือนกัน
“ทำไมวะไอ้ปุน”
เป็นอีกครั้งที่คำพูดของเพื่อนทำใจแดนไทยตุมๆต่อมๆ
“ก็ปีนี้เขาเปลี่ยนแบบใหม่กัน จะโหดมากด้วย ว่ายน้ำ เดินป่า ปีนเขา พายเรือ”
“พ่อแกนี่ยังไงวะ ชิงทุนการศึกษานะไม่ได้สอบเป็นตำรวจหน่วยพิเศษ”
ชวินออกความเห็น
“พ่อฉันไม่ได้เป็นคนคิด เจ้โมโน้น เจ้แกไปดูหนังบู้มาเลยคิดพิเรน”
ปรเมทแก้ตัวแทนพ่อ โยนความผิดไปให้พี่สาว
“เอาแล้วผู้บริหารคนใหม่ทำเรื่องอีกแล้ว”
ฟ้าครามบ่นสาวผู้บริหารมหาลัยคนใหม่ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งได้ยังไม่ถึงปีแต่กลับสร้างวีรกรรมไว้ไม่น้อง
“ปุนฉันมีเรื่องขอให้แกช่วยหน่อยว่ะ”
แดนไทยตัดสิ้นใจหันไปขอความช่วยเหลือเพื่อน
“ได้ว่ามา”
“ให้พวกพี่น้องแกดูแลน้องสาวอาจารย์นายให้หน่อยดิ”
“ตกลงแกรู้จักน้องอาจารย์นายเหรอ”
ปรเมทงงที่เพื่อนดูจะสนใจน้องสาวอาจารย์นายเป็นพิเศษ
“ก็ไม่เชิงหรอก นะโทรเลย ตอนนี้เลย”
“เออได้”
ปรเมทหยิบโทรศัพท์โทรหาน้อยชาย
[[ฮาโหล ปุนมีไร]]
“เนวเหรอ ปั้นไปไหนล่ะ”
[[ตอนนี้พี่ข้าวปั้นอยู่ที่รอบกองไฟ]]
“เล่นรอบกองไฟอยู่เหรอ คืองี้มีเรื่องให้ช่วยหน่อย”
[[ว่ามา]]
“เนวช่วยดูแลน้องสาวอาจารย์นายให้หน่อย”
[[แนะคิดจะมีกิ๊กเหรอ ฉันจะฟ้องยัยแคท]]
“เปล่า เพื่อนฉันฝากมา”
[[ใครเหรอ เด็กคนนั้นดูไม่น่าจะรู้จักเพื่อนนายนะ]]
“ไอ้ดิวน่ะ แต่ฉันก็ไม่รู้มันไปรู้จักได้ยังไง แล้วเธอรู้จักเด็กคนนั้นเหรอ”
[[ก็นะฉันรู้จักตอนเธอเล่นด่านว่ายน้ำ เด็กคนนั้นน่ารักมากเลยมีน้ำใจ ตัวนิดเดียวแต่กลับไปช่วยคนจมน้ำ ถึงนายไม่ฝากดูฉันก็ดูให้อยู่แล้ว]]
“ขอบใจมากนะบาย”ปรเมทวางสายแล้วหันไปพูดกับแดนไทยต่อ “ดิวเพื่อนฉันบอกว่าเด็กแกไปช่วยคนจมน้ำว่ะ สงสัยเด็กแกจะถูกใจยัยเนวเข้าแล้วฉันรับรองเด็กแกอยู่รอดปลอดภัยแน่นอน”
แดนไทยยิ้มดีใจ อย่างน้องเขาก็ได้มีส่วนร่วมช่วยนรีบ้าง


///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะ



เพียงใจกล้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ธ.ค. 2555, 21:54:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 พ.ค. 2559, 14:58:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 774





<< เนื้อหาที่หก >> ยังไม่ใช่เวลาที่ฟ้าลิขิต   ตอนที่เจ็ดจุดสอง ด่านที่สอง >>
เพียงใจกล้า 14 ธ.ค. 2555, 21:59:34 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account