ลวงใจให้ไกลรัก

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 1 : หนีเที่ยว

ตอนที่ 1หนีเที่ยว

เสียงแตรรถดังขึ้นที่หน้าบ้าน ทำให้เกตษิณีรู้ทันทีว่านัฐติกาณจน์ผู้เป็นเพื่อนมารับเพื่อที่จะไปเรียนหนังสือด้วยกัน เกตษิณีกินข้าวเสร็จพอดีและไม่ลืมยกมือไหว้พ่อแม่ก่อนจะเดินยิ้มร่าออกมาเปิดประตูบ้าน
“มาแล้วจ้า”
“ขึ้นมาเร็วสายแล้ว”
เกตษิณีรีบขึ้นซ้อนท้ายรถป๊อป สกูลเตอร์คันเล็กที่เคยมารับเป็นประจำ เมื่อนั่งเรียบร้อยเธอก็บอกให้คนขับอย่างนัฐติกาณจน์ออกรถได้ เพียงยี่สิบนาทีรถสกูลเตอร์คันเล็กก็จอดที่โรงจอดรถของวิทยาลัยซึ้งตรงกับเวลาเข้าแถวพอดีเป๊ะ
“เฮ้ย พวกเธอมากันแล้วหรอทำไมวันนี้มาสายจัง ออดเข้าแถวแล้ว เดี๋ยวก็โดนอาจารย์ทำโทษหรอก”
ทัตเทพเรียกทั้งสองให้มาเข้าแถวเคารพธงชาติหลังจากนั่งรอที่ม้าหินอ่อนอยู่นาน หนุ่มน้อยคนนี้คือแฟนของเกตษิณีที่คบกันตามประสาวัยรุ่นตั้งแต่เรียน ปวช. จนถึงทุกวันนี้ซึ้งทั้งสองก็ใกล้จะจบ ปวส. แล้ว แม้กระทั่งพ่อแม่และอาจารย์ที่อยู่โรงเรียนต่างก็รู้ดี แต่ก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไรมากมาย เพราะรู้ดีว่าเด็กสมัยนี้ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ

นางทิพย์ศรก็เอากับข้าวมาวางที่โต๊ะเพื่อจัดเตรียมให้สามีมารับประทาน ก่อนจะออกจากบ้านไปทำงานอีกคน
“พ่อรีบมากินข้าวเถอะวันนี้แม่ทำของโปรดพ่อทั้งนั้นเลยนะ”
นางทิพย์ศร ศรีสะกุล เรียกสามีให้มากินข้าวหลังจากที่เกตษิณีลูกสาวเพียงคนเดียวกินอิ่มไปก่อนแล้ว เพราะถ้ารอกินพร้อมกันก็คงไม่ทันเข้าเรียนแน่
“หอมน่ากินจัง มาสิมากินด้วยกัน”
“พ่อกินก่อนเถอะแม่ยังไม่หิวเลย”
นางทิพย์ศรปฏิเสธเพราะทุกวันก็จะกินทีหลังอยู่แล้ว เวลานี้จึงไม่ใช่เวลาอาหารเช้าของนาง
“ไม่หิว หรือว่าทำแล้วไม่กล้ากินกันแน่” นายก้องเกียรติ ศรีสะกุล ผู้เป็นสามีพูดหยอกเย้าภรรยา แล้วอดขำไม่ได้กับกริยาท่าทางของเธอที่ส่งสายตาค้อน
มาให้
“พ่อล้อเล่น มากินด้วยกันเถอะ พ่อก็แค่อยากมีเพื่อนนั่งกินข้าวเท่านั้นเอง”
นางทิพย์ศรทำหน้างอ แต่ก็ยอมเดินมานั่งลงกินข้าวด้วยกันจนอิ่มและก็ได้เวลาที่สามีต้องออกไปทำงานอีกคนแล้ว
“พ่อไปทำงานก่อนนะ กับข้าววันนี้อร่อยมาก”
นายก้องเกียรติเอ่ยชมพร้อมกับก้มลงหอมแก้มภรรยาหนึ่งฟอดใหญ่ๆ ทำให้นางทิพย์ศรที่นั่งหน้าบึ้งยิ้มแฉ่งออกมาทันที แม้ถึงทั้งสองจะอยู่ด้วยกันมานานจนมีลูก แต่ความรักก็ยังหวานชื่นเสมอต้นเสมอปลายอยู่ดังเดิม

คล้อยบ่ายพระอาทิตย์เริ่มอ่อนแสงลง ใกล้ได้เวลาเลิกเรียนเกตษิณีและนัฐติกาณจน์พากันมานั่งเล่นใต้ร่มไม้ต้นเดิมที่เคยมานั่งประจำ เพื่อรอทัตเทพที่กำลังเตะบอลกับเพื่อนอยู่
“ตอนนี้เราก็ใก้ลจะเรียนจบกันแล้วฉันว่าเรามาหาอะไรสนุกๆทำกันดีกว่า”
นัฐติกาณจน์พูดขึ้นอย่างนึกสนุก
“เราจะทำอะไรกันวะ”
เกตษิณีเลิกคิ้วถามเพื่อนด้วยความสงสัย
“เอียงหูมานี่จะบอก”
เกตษิณีทำหน้างงว่าทำไมต้องกระซิบด้วยแต่ก็ยอมเอียงหูมาหาเพราะอยากรู้สิ่งที่เพื่อนจะพูด พอฟังแล้วเกตษิณีก็ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เห็นด้วย
“เราทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกมันไม่ดี ถ้าพ่อแม่ฉันรู้ไม่โดนจับล่ามโซ่เลยเหรอ”
เด็กสาวที่ยังไม่โชกโชนโลกภายนอกนึกกลัวสิ่งที่เพื่อนบอกและคิดว่าสิ่งนั้นยังไม่เหมาะกับวัยของตัวเอง
“ก็อย่าให้พ่อแม่เธอรู้สิ น่ะนะมันน่าสนุกดีเราอยากเห็น ชวนทัตเทพไปด้วย”
นัฐติกาณจน์พูดอ้อนวอน พร้อมทำหน้าตาน่าสงสาร
“ก็ได้”
เกตษิณีใจอ่อนยอมตอบตกลงทำผิดไปกับเพื่อนแม้ใจจริงแล้วเธอไม่ได้อยากไปเลยสักนิด และก็เพราะความเป็นวัยรุ่นทำให้เธอแคร์เพื่อนมากกว่าสิ่งอื่นใด

กริ๊ง! กริ๊ง! เสียงโทรศัพท์ที่บ้านของเกตษิณีดังขึ้น เพียงไม่นานนางทิพย์ศรที่อยู่บ้านคนเดียวก็เดินมายกขึ้นรับสาย
“ฮัลโหลสวัสดีค่ะ ที่นี่บ้านศรีสะกุลค่ะ”
นางทิพย์ศรพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพเหมือนทุกครั้งที่รับโทรศัพท์
“แม่นี่เกตเองนะ คือวันนี้วันเกิดไอ้นัทมัน หนูขออยู่กินงานเลี้ยงมันก่อนนะแม่ และอาจกลับดึกหน่อยเพราะหนูต้องช่วยมันเก็บของด้วย”
เกตษิณีโกหกแม่ด้วยน้ำเสียงจริงจัง และใจที่เต้นตุบตับเพราะปกติแล้วเด็กสาวจะบอกความจริงกับแม่เสมอถ้าต้องกลับดึกส่วนมากก็จะเป็นเรื่องเรียนแต่คราวนี้มันไม่ใช่อย่างนั้น
“ก็ได้จ๊ะ แต่ถ้ากลับดึกพรุ่งนี้ก็ต้องไปโรงเรียนให้ได้ด้วยนะลูก”
นางทิพย์ศรเชื่อทุกคำพูดของลูก อย่างไม่ได้คิดอะไร เพราะลูกสาวค่อนข้างจะเป็นคนเรียบร้อย
“สบายมากแม่ แค่นี้ก่อนนะค่ะ สวัสดีค่ะ”
เกตษิณีพูดรับคำเสียงใส ก่อนจะวางสายแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอกที่แม่ไม่ซักไซร้อะไรมากมาย พลางหันมาหาเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆกัน
“แล้วเราจะเข้าไปยังไงอายุก็ยังไม่ถึงเลย”
เกตษิณีถามด้วยความกังวลกับการหนีเที่ยวครั้งแรก
“ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้พี่สาวฉันจัดการเอง”

นัฐติกาณจน์พาเกตษิณีและทัตเทพเข้ามาในร้านเสริมสวยของนาฐติยาพี่สาวของเธอ ทั้งสามพากันเปลี่ยนเสื้อผ้าที่พอมีอยู่ของนาฐติยาและของเพื่อนชายที่แวะเวียนมาหาเป็นครั้งคราว แม้จะหลวมสักหน่อยแต่ก็ดูดีกว่าใส่ชุดนักศึกษาเข้าไป
วัยรุ่นทั้งสามเปิดประตูเข้ามาในผับโดยไม่โดนตรวจบัตรประชาชนเพราะนาฐติยามาบ่อยจนรู้จักกับเจ้าของร้านและเคลียร์เส้นทางให้เรียบร้อยแล้ว ทั้งสามดูตื่นเต้นกับแสงสีเสียงที่ไม่เคยพบเจอ นาฐติยาพาทั้งสามไปนั่งที่โต๊ะแล้วสั่งเครื่องดื่มมาให้ ส่วนตัวเองแยกตัวไปนั่งโต๊ะกับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งที่มาเที่ยวกันเป็นประจำ เวลาผ่านไปเกือบสี่ทุ่มผู้คนในผับดูหนาตาต่างจากช่วงหัวค่ำมาก หลายคนเริ่มพากันลุกขึ้นมาดิ้นด้วยท่าทางแปลกๆ และบางคนก็เต้นเย้ายวน ชวนมอง
“เกตเราไปเต้นกันเถอะ ไปไหมทัตเทพ”
นัฐติกาญจน์นึกอยากเต้นขึ้นมาบ้างเมื่อแอลกอฮอล์เริ่มออกฤทธิ์ แต่ทั้งสองก็ปฏิเสธ นัฐติกาณจน์จึงเดินไปเต้นกับกลุ่มของพี่สาว เหลือแค่เกตษิณีกับทัตเทพนั่งอยู่ที่โต๊ะ ทัตเทพเริ่มขยับตัวเข้ามาใกล้แฟนสาว เมื่อสังเกตเห็นหญิงชายหลายคู่คลอเคลียกันอย่างไม่อายสายตาใคร จากนั้นทัตเทพก็ใช้แขนโอบไปที่ไหล่บางแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆจนหญิงสาวรู้สึกร้อนผ่าวที่แก้มนวล มือแข็งที่อยู่บนไหล่บาง เริ่มเลื่อนต่ำลงมาที่เอวคอดแล้วสอดมือเข้าไปใต้ชายเสื้อก่อนจะลูบไล้หน้าท้องแบนเรียบของหญิงสาวไปมา จนเธอขนลุกซู่ เกตษิณีนั่งตัวแข็งทำอะไรไม่ถูกกับพฤติกรรมแปลกๆของชายหนุ่มที่ไม่เคยทำมาก่อน
“นี่ทัตเทพอย่าทำแบบนี้เราอายคน”
เกตษิณีพูดขึ้นพร้อมกับผลักชายหนุ่มออกเบาๆ
“ไม่มีใครเขาสนใจพวกเราหรอก ดูสิคู่อื่นเขายังทำกันเลย”
พูดจบชายหนุ่มก็สอดมือเข้าใต้ท้ายทอยหญิงสาวแล้วรั้งเข้ามาใกล้หวังจะเชยชมริมฝีปากอวบอิ่มนั้น แต่ยังไม่ทันได้ลิ้มรส เกตษิณีก็ลุกขึ้นอย่างกะทันหัน
“เราไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
หญิงสาวพูดพร้อมกับลุกขึ้น แล้วเดินก้มหน้าก้มตาไปที่ห้องน้ำ ด้วยความมัวแต่อายทำให้เธอไม่ทันระวังจนเดินชนเข้ากับอะไรบางอย่างดังปึก!
“ โอ้ย!”
เกตษิณีร้องเสียงหลง เมื่อตัวเองล้มลงก้นกระแทกพื้นอย่างจัง หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองว่าตัวเองชนกับอะไร แล้ว เธอก็ถึงกับตาค้างเมื่อเห็นชายหนุ่มรูปหล่อหน้าหวานผิวขาวหุ่นดี แต่งตัวเท่ห์มากๆ ในสายตาเธอ
“น้องเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
เมื่อได้ยินเสียงนุ่มของชายหนุ่มจึงเรียกสติเธอกลับมาอีกครั้ง
“ขะ..ขอโทษคะ หนูรีบไปหน่อย”
หญิงสาวลุกขึ้นเอามือปัดเสื้อผ้าที่อาจเปื้อนแล้วยิ้มให้หนุ่มหล่อที่ยืนอยู่ข้างหน้าอย่างเอียงอาย
“น้องเข้าห้องน้ำผิดหรือเปล่า เนี่ยมันห้องน้ำชายนะครับ”
“ห๊า! ”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองป้ายตาตื่น แล้วรีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันที โดยไม่กล้าหันกลับไปมองชายหนุ่มอีก อภิวากรได้แต่ยิ้มและขำกับท่าทางเงอะงะเหมือนเด็กของเธอ ที่มองแว้บเดียวก็รู้แล้วว่าเธออายุยังไม่บรรลุนิติภาวะที่จะเข้ามาในสถานที่แบบนี้

ติ๊ง ต่อง เสียงกดออดดังขึ้นที่หน้าบ้านเวลาประมาณเกือบตีหนึ่ง นางทิพย์ศรรีบเดินออกไปเปิดประตูหลังจากนั่งรอลูกสาวมานานด้วยความเป็นห่วง
“กลับมาแล้วหรือลูก ทำไมกลับดึกจัง พ่อกับแม่นอนไม่หลับเลยเนี่ย”
เกตษิณีกลับมาในชุดนักเรียนปกติเหมือนไม่ได้ไปเที่ยวไหนมา หญิงสาวไม่กล้าสบตาผู้เป็นแม่เมื่อเห็นอาการเป็นห่วงตัวเองมากถึงขนาดนี้
“ขอโทษค่ะแม่เพื่อนมันไม่พากลับ เอ้ย! ไม่ใช่เพื่อนมันไม่กลับกันสักทีเพราะหนูต้องรอเก็บของช่วยไอ้นัทมัน ก็เลยกลับดึกไปหน่อยจ๊ะ”
นางทิพย์ศรยืนฟังเหตุผลลูกแล้วได้แต่พยักหน้าและไม่ต่อว่าอะไรอีก
“ไปอาบน้ำเถอะลูกดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปเรียนหนังสืออีก”
นางทิพย์ศรลูบหัวลูกสาวด้วยความรักและเอ็นดู เกตษิณีเดินผ่านหน้าพ่อที่จ้องมองด้วยสายตาดุอย่างหวั่นๆ
“เดี๋ยวก่อนเกต”
นายก้องเกียรติพูดขึ้นเสียงแข็ง ทำให้เท้าที่กำลังจะก้าวต้องหยุดชะงัก
“มีอะไรหรอค่ะคุณพ่อ”
เกตษิณีหมุนตัวกลับมาถาม แต่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาเพราะนายอลงกรณ์ที่มีหน้าดุเหี้ยมอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งดูน่ากลัวมากขึ้นไปอีกเมื่ออยู่ในอารมณ์โกรธ
“อย่าว่าอะไรลูกเลยคุณ เกตก็โตแล้วนะปล่อยๆ เค้าบ้างเถอะ”
ผู้เป็นแม่พูดขัดขึ้นอย่างเข้าข้างลูกสาว ทั้งที่สามียังไม่ได้ว่าอะไรสักคำ เมื่อเห็นว่าผู้เป็นพ่อไม่ได้ทักท้วงอะไรอีกเกตษิณีจึงรีบเดินขึ้นห้องอย่างเร็วไว
“ขออย่าให้พ่อแม่จับได้เลย”
หญิงสาวบ่นพึมพำอยู่คนเดียวเมื่อเข้ามาอยู่ในห้องแล้ว เกตษิณีล้มตัวลงนอนพลางนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองในค่ำคืนนี้แล้วสะดุดกึกที่ภาพชายหนุ่มรูปหล่อหน้าห้องน้ำคนนั้น เขาช่างหล่อกว่าชายใดที่เธอเคยพบเจอมา หญิงสาวนอนคิดอะไรเพลินๆแล้วก็เผลอหลับไปทั้งที่ยังไม่อาบน้ำ
เงาตะคุ้มสีดำอยู่หลังผ้าม่านหน้าต่างที่ปลิวพริ้วไหวไปมาทำให้หญิงสาวที่อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นเบิกตาโพรงขึ้นทันทีอย่างตกใจและผวากลัว
“ใครนะ ออกมาเดี๋ยวนี้นะ”
หญิงสาวลุกขึ้นนั่งก่อนจะถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบใดๆนอกจากความเงียบสงบและเงาที่ยืนนิ่ง
“ถ้าไม่ออกมา ฉันจะเรียกให้คนช่วยนะ”
หญิงสาวเริ่มมองหาสิ่งของป้องกันตัว ก่อนจะลุกไปหาแจกันใบใหญ่ที่ตั้งอยู่มุมห้อง แต่เธอยกไม่ขึ้นเพราะมันหนักเกินไป และสิ่งที่เธอพอจะหามาได้คือหวีกับปากกาเท่านั้น
“ช่วย….อื้อ”
เสียงหญิงสาวกำลังร้องขอความช่วยเหลือ แต่เสียงเธอต้องเงียบหายลงลำคอ เมื่อถูกมือแข็งกระโจนมาปิดปากอย่างรวดเร็ว จนทั้งสองล้มกลิ้งลงไปบนที่นอน แต่เมื่อเธอเห็นหน้าเขาก็ยิ่งตกใจมากกว่าเก่า เพราะเป็นชายคนเดียวกับที่เธอกำลังนึกถึงอยู่พอดี
“จุ๊ ๆ อย่าเสียงดังแล้วพี่จะไม่ทำอะไรเรา”
เสียงชายหนุ่มนั้นช่างนุ่มนวลน่าหลงใหล ไม่เหมือนผู้ร้ายเลยสักนิด เกตษิณีรีบพยักหน้าตอบรับอย่างว่าง่าย ชายหนุ่มจึงค่อยๆ ปล่อยมือออก เมื่อปากเป็นอิสระเกตษิณีจึงผลักร่างชายหนุ่มออกให้พ้นกาย และไม่ยอมทำตามที่ชายหนุ่มบอก หญิงสาวกลับพยายามร้องขอความช่วยเหลืออีกครั้ง แต่ไม่ทันเสียแล้วเมื่อชายหนุ่มก้มลงมาประกบริมฝีปากปากอวบอิ่มไว้ก่อน หญิงสาวพยายามดิ้นรนขัดขืนและเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่นไม่ยอมให้เขาลุกลานได้ง่ายๆ มือเธอทั้งข่วนทั้งตี จึงถูกชายหนุ่มจับตรึงไว้เหนือศีรษะด้วยมือข้างเดียวของเขา ส่วนอีกมือหนึ่งเริ่มเคลื่อนมากอบกุมทรวงอกของเธอไว้พร้อมกับบีบเคล้นเบามืออย่างทะนุถนอม เมื่อร่างบางหยุดดิ้นด้วยความเหนื่อยและอ่อนแรง ชายหนุ่มจึงถอนริมฝีปากออกแล้วเอามือปิดไว้แทน
“หมดฤทธิ์แล้วหรือสาวน้อย พี่บอกแล้วไงว่าอย่าเสียงดัง”
ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้ามาพูดใกล้ๆแล้วยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย เกตษิณีทำท่าจะขยับหนีเลยถูกชายหนุ่มกอดกระชับมากยิ่งขึ้น ก่อนจะถลกชายเสื้อของเธอขึ้นจนเห็นบราเซียตัวจิ๋วแล้วกดริมฝีปากลงที่เนินเนื้อที่โพล่พ้นจนเกิดรอยจ้ำแดงหัวใจเด็กสาวกระเจิดกระเจิงกับการถูกบุกรุกของชายแปลกหน้า เธอได้แต่นอนตัวสั่นในอ้อมกอดเขาโดยไม่กล้าดิ้นอีกต่อไป
“ก๊อก! ก๊อก!”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้หญิงสาวที่กำลังนอนตัวเกรงสะดุ้งตื่นทันที ก่อนจะหันซ้ายหันขวามองหาชายแปลกหน้าคนที่บุกรุกห้องเธอในยามวิกาล แต่ก็ไม่มีแม้แต่เงา
“เราฝันไปหรอเนี่ย”
หญิงสาวถามตัวเองอย่างไม่แน่ใจว่าตัวเองฝันจริงหรือเปล่าเพราะมันเหมือนความจริงมาก เพื่อความแน่ใจเธอจึงถลกเสื้อขึ้นดูที่หน้าอกตัวเองและผลก็ปรากฏว่าไม่มีรอยจ้ำแดงใดๆอย่างที่เธอคิด
“เราฝันไปจริงๆด้วย”
หญิงสาวบอกตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ก๊อก! ก๊อก!”
เสียงประตูดังขึ้นอีกครั้งเมื่อไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่อยู่ข้างใน
“เกตนอนหรือยังลูก”
นางทิพย์ศรที่กำลังจะขึ้นมานอนเหมือนกันแต่เห็นแสงไฟจากห้องลูกยังเปิดสว่างอยู่เลยว่าจะแวะมาหาสักหน่อย
“ค่ะแม่ หนูกำลังจะนอนแล้วคะ”
หญิงสาวตะโกนออกไปโดยไม่ลุกขึ้นไปเปิดประตู
“งั้นแม่ไม่กวนแล้วนอนเถอะพรุ่งนี้ต้องไปเรียน ห้ามตื่นสายหละ”
ผู้เป็นแม่บอกย้ำก่อนจะเดินเลยไปยังห้องตัวเองที่อยู่ข้างๆกัน
เกตษิณีบิดเนื้อบิดตัวให้คลายความเมื่อยล้า ก่อนจะลุกจากที่นอนไปหาผ้าขนหนูสีหวานในตู้เพื่อจะอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียทีเพราะเธอยังอยู่ในชุดนักเรียนอยู่เลย

เสียงออดดังเมื่อได้เวลาเลิกเรียน เด็กบางกลุ่มยังคงเล่นกีฬาต่อ บางกลุ่มก็นั่งสนทนากันเล่นตามจุดต่างๆ เช่นเดียวกับกลุ่มของเกตษิณที่ยังไม่กลับบ้าน ทั้งสามมักจะมานั่งเล่นที่ม้าหินอ่อนใต้ร่มไม้ต้นเดิมเสมอ นัฐติกาณจน์จะชอบเล่นเกมส์ในมือถือ ปล่อยให้เกตษิณีและทัตเทพนั่งกระหนุงกระหนิงกันตามประสาคนรัก
“เกตถ้าจบแล้วเราไปเรียนต่อที่เดียวกันนะ”
ทัตเทพเริ่มพูดถึงอนาคต เพราะเขาไม่อยากจากกันกับหญิงสาว และทัตเทพก็คิดไปไกลถึงขั้นจะให้พ่อแม่ไปสู่ขอเธอเมื่อเรียนจบ
“มันก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว”
เกตษิณีตอบพลางส่งยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร เพราะเธอยังไม่ได้คิดไกลเหมือนทัตเทพ
“จะไปกันสองคนหรอ”
นัฐติกาณจน์พูดแซวขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เมื่อเพื่อนทั้งสองลืมเธอไปแล้ว
“อ้าวก็เห็นเล่นเกมส์อยู่ ไปชวนคุยเดี๋ยวก็เกมส์โอเวอร์พอดี แล้วจะไปด้วยกันไหมล่ะ”
ทัตเทพเอ่ยชวนเพื่อนอีกคนที่นั่งทำหน้างอใส่
“เฮ้อ! เบื่อจะไปเป็นก้าง พวกแกไปกันสองคนเถอะ”
พูดจบนัฐติกาณจน์ก็ก้มหน้าเล่นเกมส์ต่อ เพราะเธอไม่ได้สนใจจะเรียนต่ออยู่แล้วแต่ก็แค่อยากแกล้งแซวทั้งสองเท่านั้น
จนได้เวลาเกือบห้าโมงเย็นทั้งสามจึงแยกย้ายกันกลับโดยที่นัฐติกาณจน์ไปส่งเกตษิณีที่บ้านอย่างเช่นทุกวัน ส่วนทัตเทพก็กลับด้วยรถประจำทาง

*******************************************************************
ขอบคุณทุกคอมเม้นนะคะ

ปล.นิยายเรื่องนี้ลงแค่ 70% นะคะ



อัญชัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ธ.ค. 2555, 13:14:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ธ.ค. 2555, 13:14:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 1089





   ตอนที่ 2 : ค้นหาตัวเอง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account