(เรื่องสั้น)
รวมเรื่องสั้นค่ะ
เขียนขึ้นในวันที่อารมณ์ดี
และอยากให้คนอ่าน อ่านแล้วอารมณ์ดีตามเหมือนกัน
@^__^@
เขียนขึ้นในวันที่อารมณ์ดี
และอยากให้คนอ่าน อ่านแล้วอารมณ์ดีตามเหมือนกัน
@^__^@
Tags: เรื่องสั้น
ตอน: แรงบันดาลใจ
ใครๆก็ว่าฉันเป็นคนอ้วน
เอาล่ะ ยอมรับก็ได้ว่าอ้วน แค่น้ำหนักสัมพันธ์กับส่วนสูงในอัตราเกินพอดีไปนิด อดีต ฉันก็เคยผอม พัฒนามาเป็นอวบระยะแรก อวบระยะสุดท้าย และตอนนี้มันก็ปริแตกจนเกิดคำว่าอ้วนขึ้นมาในชีวิต ด้วยความที่เป็นคนตัวเล็ก เมื่ออ้วนขึ้นมา ปัญหาแรกที่เกิดคือ หาเสื้อใส่ยากมาก มากจนอยากจะเติมไม้ยมกสักร้อยตัว เสื้อผ้าไซส์บิ๊กแบบที่เขาขายกัน ฉันก็ใส่ไม่ได้ เพราะมันบิ๊กเกิน ส่วนเสื้อผ้าตัวเล็กๆฮิตๆก็ใส่ไม่ได้อีก คงไม่ต้องบอกนะคะว่าถ้าใส่แล้วจะเป็นปล้องขนาดไหน ดังนั้นกว่าฉันจะหาเสื้อสักตัวที่ถูกใจและถูกกับร่างกายได้ ก็กินเวลานานเหลือเกิน กลายเป็นปัญหาโลกแตกที่ฉันต้องเอาไปบ่นกับเพื่อนเสมอๆเมื่อถึงเวลาชอปปิ้ง
“ทำไมตูถึงหาเสื้อใส่ยากขนาดนี้วะ”
มีคนเสนอวิธีแก้ปัญหาให้ฉันสองทาง หนึ่งคือ กินเข้าไปอย่าหยุด กินให้มันอ้วนจนใส่เสื้อผ้าไซส์บิ๊กได้ ฟังดูเป็นวิธีที่น่าจะดีและมีความสุข ฉันมันพวกชอบกินอยู่แล้ว แต่คิดอีกที ไม่เอาดีกว่า ความอ้วนเป็นบ่อเกิดของโรคสารพัด ฉันอยากเป็นผู้หญิงที่ดูสุขภาพดีมากกว่าน่ะ ดังนั้นทางเลือกที่สองคือ ออกกำลังกายและทานอาหารที่มีประโยชน์ซะ ฟังดูเหมือนง่าย แต่ถ้าคุณมาพบกับผู้หญิงที่หลงใหลการนอนมากกว่า 12 ชั่วโมง หลงรักการกินของทอด ขนมหวาน และก็ไอติม บอกได้เลยว่างานนี้แอบยากซะแล้ว
ทุกคนเสนอให้ฉันใช้วิธีที่สอง และฉันก็โอเค เป้าหมายการลดน้ำหนักของฉันอยู่ไม่ไกล แม้จะมีหลายคนเข้ามาวนเวียน ผลักดันให้ฉันกลับกลายเป็นสาวอวบระยะแรกให้ได้ (ก็บอกแล้วไงคะว่าอยากสุขภาพดี ไม่ผอมเกินและไม่อ้วนเกิน) ไม่ว่าจะเป็นการลากไปวิ่งตอนเย็น ชวนไปปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ ตีแบต เวลาฉันสั่งอาหารมันๆทอดๆก็จะบ่นว่า “เฮ้ย กินอีกแล้ว” เวลาทานของคาวเสร็จแล้วต่อด้วยของหวาน ทุกคนก็จะมองด้วยสายตายิ้มๆ ทั้งขู่เข็น ทั้งปลอบสารพัด จนสุดท้ายก็ใช้วิธียุส่งไปเลย น่าแปลกที่วิธีนี้ทำให้ฉันทานได้น้อยลงจริงๆ แต่ทำยังไงๆก็ไม่สามารถออกกำลังกายแบบที่เขาออกกันได้ ได้แต่ผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย พรุ่งนี้น่ะ พรุ่งนี้ มะรืนนี้ได้ม่ะ ไม่ว่าง อย่างนู้นอย่างนี้ จนสุดท้าย ฉันงัดไม้ตายออกมาคือ บ่นว่าไม่อยากออกกำลังกายแบบนั้น ไม่ชอบ
“ไม่ชอบวิ่งง่ะ ทำอย่างอื่นได้ป่าว ตีเทนนิสไรเงี้ย อยากตีเทนนิสมากกว่า”
เทนนิสเป็นกีฬาที่หาคนเล่นยาก อันนี้แน่นอน ฉันลองถามคนทั้งแผนกมาแล้ว ไม่ค่อยมีคนเล่นได้เลย มีอยู่คนก็เป็นพวกไม่ชอบออกกำลังกายเหมือนกัน ออกแนวขี้เกียจ แต่เหนือฟ้าก็ยังมีฟ้า เหนือเหตุผลโยกโย้อันนั้นก็มีคนมาปราบเซียน ลากฉันไปตีเทนนิสด้วยจนได้ เขาตีเทนนิสไม่เป็น แต่เมื่อเห็นจอมโยกโย้ประจำแผนกบอกว่าอยากตีเทนนิสมากกว่า เขาก็จัดให้
“พี่เล่นไม่เป็นหรอกน่ะ แต่ก็น่าสนใจอยู่เหมือนกัน สอนพี่ได้มั้ยล่ะ”
เหวอสิคะเหวอ ก็ได้แต่ขำๆ คิดว่าเขาคงไม่ได้เอาจริงอะไร แต่ก็ต้องเหวออีกรอบเมื่อ 1 อาทิตย์ถัดมา บุรุษหนุ่มรายนั้นมีไม้เทนนิสและลูกติดมือมาด้วย
“ไปตีเทนนิสกัน”
จอมโยกโย้อย่างฉันเริ่มออกแนวงอแงอีกรอบ ไม่อยากออกกำลังกายน่ะ อยากผอมแต่ขี้เกียจ เขาเลยต้องไปหัดตีเทนนิสอย่างโดดเดี่ยว ตีไปเถอะค่ะ เดี๋ยวก็เก่ง ฉันให้กำลังใจ ไม่วายที่เขาจะพยายามคะยั้นคะยอให้ไปตีด้วยกัน แต่ก็เจอลูกโยนของฉันตลอด จนสุดท้ายเขาก็ต้องบ่นว่า “แล้วอย่างนี้เมื่อไรจะว่าง เย็นๆไม่ว่าง งั้นไปตีตอนเช้ากันมั้ย”
“ไม่เอาอ่ะ ขี้เกียจตื่น หนูต้องนอนให้ครบ 12 ชั่วโมงน่ะ”
เขานิ่งเงียบไป ก่อนจะดุ
“ก็บอกมาแค่นี้แหละว่าขี้เกียจตื่น มัวแต่ปัดนู้นปัดนี้ แล้วงี้เมื่อไรจะผอม ถ้าให้ความสำคัญกับการนอนมากกว่าออกกำลังกายก็บอกมา”
คนฟังก็หน้าตูมสิคะ มาว่าฉันอ้วนอีกแล้ว
“อยากให้ตื่นก็โทรมาปลุกสิ ถ้าตื่นก็จะไปเล่น”
แล้วเขาก็โทรมาปลุกจริงๆ งานนี้อิฉันก็เลยต้องตื่นจริงๆเหมือนกัน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
วงเทนนิสของเราเริ่มขยายคนมากขึ้น เริ่มตั้งแต่ลากคนเดียวที่ตีเป็นมาร่วมวงด้วย มีคนนู้นคนนี้มาร่วงวิ่งเก็บลูก การตื่นนอนตอนตีห้าเพื่อมาตีเทนนิสกลายเป็นเรื่องปกติของฉัน เขาว่าออกกำลังกายตอนเช้าๆมันดีกว่าออกตอนเย็นๆ และสิ่งที่ฉันค้นพบอีกอย่างก็คือ ฉันสดใสร่าเริงตลอดวัน
“บ้าอะไรป่าววะเนี่ย” เพื่อนคนหนึ่งทักในวันแรกที่ฉันได้ตื่นเช้าไปออกกำลังกาย วันนั้นฉันร้องเพลงและอารมณ์ดีตลอดวัน
การตื่นนอนเพราะมีเขาโทรมาปลุกกลายเป็นเรื่องปกติ การหอบข้าวของไปตีเทนนิส และก็ร่วมวงทานอาหารเช้าด้วยกันก็กลายเป็นเรื่องปกติ ฉันเริ่มมีความสุขกับการตื่นเช้ามากขึ้น รวมถึงมีความสุขกับการออกกำลังกายที่ฉันเคยบ่ายเบี่ยงมาตลอดมากขึ้นด้วย
ผลลัพธ์ของมันเกิดขึ้นในวันหนึ่งที่มีคนทักว่าฉันผอมลง ผู้ชายข้างตัวที่ลากฉันไปออกกำลังกายมาตลอด 1 เดือนเอ่ยขึ้นอย่างยินดี และมองอีกที ฉันว่า เอาความดีความชอบอยู่ไม่น้อย
“นี่ไง ผลของการตีเทนนิส”
จ้ะๆ เชื่อแล้วจ้ะ ปรบมือให้จ้ะ พ่อคนเก่ง มองการณ์ไกล
ฉันบ่นกับพี่ชายว่าเดี๋ยวนี้นะ ต้องตื่นแต่เช้าเพราะดันอยากลดน้ำหนัก อยากออกกำลังกาย พี่ชายที่อยู่ต่างถิ่นถึงกับถามด้วยความสงสัยเพราะรู้นิสัยของน้องสาวคนเดียวดีว่าตื่นยากและขี้เกียจแค่ไหน ฉันเลยเล่าเรื่องราวให้ฟัง รายนั้นคิดอะไรไม่รู้ ถึงกับสรุปมาได้ทันทีว่า “แกกำลังมีความรัก”
“เอาอะไรมาคิดเนี่ย”
“ก็ตื่นเช้าเพื่อไปเจอใครล่ะ”
“เพื่อไปออกกำลังกายจ้ะคุณพี่ชาย”
“ออกกำลังกายทำไมล่ะจ๊ะน้อง”
“ก็เพื่อความอวบระยะแรกไง ไม่น่าถาม” ฉันบ่น ก็ตานี่เป็นอีกคนที่ชอบล้อว่าฉันอ้วน
“แล้วนึกไงถึงมาลดล่ะ ทุกทีไม่เห็นเคยทำ”
“ก็มีเพื่อนออกด้วย มีคนโทรปลุกก็เลยไปไง”
“นี่พี่จะบอกอะไรให้” พี่ชายเริ่มเทศน์ “นิสัยอย่างเรา ถ้าไม่อยากทำก็ไม่มีทางทำขนาดนี้หรอก ต่อให้โทรมาปลุกทุกๆ 5 นาที ถ้าไม่อยากตื่นก็ตัดสายทิ้งไปตั้งแต่แรกแถมปิดมือถือหนีอีก แล้วไปได้ทุกวันเป็นเดือนๆ นิสัยอย่างเราเห็นชอบทำอะไรแป๊บๆก็เลิกแล้วไม่ใช่เหรอ อ๊ะๆ อย่าเพิ่งเถียง” พี่ชายขัดจังหวะฉัน “แล้วเห็นทุกทีมีความสุขกับการที่ใครๆบอกว่าอ้วน ไม่เคยเห็นจะสนใจอะไรเลย ทำไมพอมาเจอเขาคนนี้ถึงเกิดอาการขึ้นมาล่ะ ถามตัวเองให้ดีๆ แต่ถ้าถามพี่ ขอสรุปเลยว่า มีความรัก”
มีความรัก ??? กับคนที่โทรมาปลุกทุกเช้าเนี่ยนะ ???
“ก็แค่อยากดูแลตัวเอง”
“สีข้างแดงเถือกแล้วไอ้น้อง” พี่ชายหาว่าฉันแถไปเรื่อยอีกต่างหาก เขาฝากคำถามสุดท้ายก่อนจะวางสายทิ้งว่าให้กลับมาถามตัวเองดีๆ ว่าทำไมถึงคิดอยากจะลดน้ำหนัก “พี่เข้าใจว่าเราอยากทำเพื่อตัวเอง แต่นึกดูให้ดี ใครที่ทำให้เราอยากทำเพื่อตัวเอง”
ใครที่ทำให้เราอยากทำเพื่อตัวเอง
ก็คงจะเป็นเขา ...
ผู้ชายที่ลากเราไปออกกำลังกายทุกครั้งที่มีเวลาว่าง ผู้ชายที่ซื้อผลไม้ให้กินเป็นของหวานแทนไอติม ผู้ชายที่ชวนไปกินข้าวเย็นแบบเบาๆแทนของหนัก ผู้ชายที่ชวนไปกินข้าวเช้าแบบหนักๆเพื่อสร้างพลังงาน ผู้ชายที่โทรมาปลุกตั้งแต่ตีห้าเพื่อลากเรามาตีเทนนิส ผู้ชายที่ยุให้เราวิ่ง 1 กิโลเมตร ทั้งๆที่ปกติ 200 เมตรก็หอบแฮ่กๆ ผู้ชายที่ชวนเราไปว่ายน้ำด้วยกัน เรื่องราวทั้งหมด มันเริ่มต้นมาจากวันนั้น วันที่เขาบอกเราเพียงประโยคเดียวว่า
“พี่ว่าเราอ้วนขึ้นแล้วนะ”
และนั่นก็คือประโยคขจัดไขมันที่มีค่ายิ่งกว่าประโยคอื่นๆที่เคยเจอจากใครๆ แค่ประโยคนั้นประโยคเดียว
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขาถึงลากฉันไปออกกำลังกายรวมถึงชอบบ่นว่าฉันอ้วน กินเก่ง แต่ก็เป็นเขาอีกนั่นแหละที่พาฉันไปกินของอร่อยๆเสมอๆ เหตุผลที่เขาทำอย่างนั้นคืออะไรฉันไม่รู้ แต่ถ้าฉันจะมีความรักให้ผู้ชายคนนี้จริงๆ ไม่ว่ามันจะสุขหรือสมหวัง ฉันก็ดีใจที่อย่างน้อยฉันก็ได้ทำอะไรเพื่อตัวเองและเพื่อคนที่รัก
ไขมันที่หายไป น้ำหนักที่ลดลง เสื้อตัวเก่าที่กลับมาใส่ได้ คงเป็นพยานแห่งความสำเร็จของฉันได้ดี
(จบ)
ย้ายนิยายจากเวบก่อนมาลงค่า
เรื่องนี้ไม่เหมือนเรื่องสั้นเท่าไรเนอะ เขียนตอนร้างมือมานาน
อ่านจบแล้วอย่าลืมยิ้มนะคะ @^_^@
สะเรนี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 พ.ค. 2554, 20:47:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 พ.ค. 2554, 20:47:31 น.
จำนวนการเข้าชม : 2533
เท่ารัก >> |
หยกสีน้ำผึ้ง 22 พ.ค. 2554, 20:54:36 น.
ไม่คิดว่าตัวเองอ้วน แต่ทำไมถึงหาเสื้อผ้าใส่ยาก(มาก)ขนาดนี้น้า ^^
ไม่คิดว่าตัวเองอ้วน แต่ทำไมถึงหาเสื้อผ้าใส่ยาก(มาก)ขนาดนี้น้า ^^
sai 23 พ.ค. 2554, 11:13:05 น.
อ๊ายยยยย ไม่ลืมยิ้มเลยค่ะ ต้องบอกว่้าอ่านแล้วอย่าลืมหุบยิ้มน่าจะถูกกว่าน้า555
ปล.มาว่าเราอ้วนแต่ก็หาทางให้เราผอมแบบนี้ รักตายเลยย
อ๊ายยยยย ไม่ลืมยิ้มเลยค่ะ ต้องบอกว่้าอ่านแล้วอย่าลืมหุบยิ้มน่าจะถูกกว่าน้า555
ปล.มาว่าเราอ้วนแต่ก็หาทางให้เราผอมแบบนี้ รักตายเลยย
jumpjar 23 พ.ค. 2554, 12:06:37 น.
จะบอกว่าเหมือนตัวเองเลย 555+
เสื้อขายทั่วไปก็ใส่ไม่ค่อยจะได้
เสื้อบิ๊กไซค์ก็ใหญ่เกิ๊นนนน
จะบอกว่าเหมือนตัวเองเลย 555+
เสื้อขายทั่วไปก็ใส่ไม่ค่อยจะได้
เสื้อบิ๊กไซค์ก็ใหญ่เกิ๊นนนน
ปูสีน้ำเงิน 23 พ.ค. 2554, 23:29:05 น.
นี่ถ้าเป็นเรื่องจริงจะขอบอกว่าดีใจด้วยค่า
เพราะกว่าปูจะทำให้มันลงไปได้แต่ละขึด เรียกว่าแสนสาหัสมาก ส่วนใหญ่ลงขีดขึ้นสองขีดน่ะ
นี่ถ้าเป็นเรื่องจริงจะขอบอกว่าดีใจด้วยค่า
เพราะกว่าปูจะทำให้มันลงไปได้แต่ละขึด เรียกว่าแสนสาหัสมาก ส่วนใหญ่ลงขีดขึ้นสองขีดน่ะ