ขอเรียกเธอใหม่ว่า "เจ้านายที่รัก" (เรื่องสั้น2ตอนจบ)

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: เจ้านายจอมโหด

สวัสดีค่า โกรธณ มนกันหรือเปล่าน้อ ที่เอาสายลมร้อน ซ่อนลมรัก
มาลงไว้แล้วก็หายหน้าไป ต้องขอโทษด้วยนะคะเพราะงานวิทยุยุ่งมากๆค่ะ
มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงเยอะเลย ณ มน เลยต้องไปวุ่นกับทางนั้นก่อน

แต่ตอนนี้กลับมาแล้วนะคะ ขอมาทักทายคุณๆ ด้วยเรื่องสั้นก่อนค่ะ
เรื่องนี้เขียนขึ้นเพื่อรวมโปรเจคพิเศษกับนักเขียนอีกหลายคนค่ะ
เพราะจะหารายได้ช่วยน้องคนหนึ่ง ซึ่งบ้านของน้องโดนไฟไหม้
นักเขียนทางฝั่งสนพ. อรุณก็เลยคิดจะทำหนังสือรวมเรื่องสั้นแบบนิยายทำมือค่ะ
ยังไงถ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฝากอุดหนุนกันด้วยนะคะ


เอาล่ะค่ะมาอ่านกันได้เลยนะคะ
......................



ขอเรียกเธอใหม่ว่า "เจ้านายที่รัก" ตอน1


"นั่นไงว่าแล้ว ถ้าไม่ร้องไห้ไม่ใช่คุณแมท" อรยาทำปากบุ้ยใบ้ให้เธอหันไปดูพนักงานคนหนึ่งที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องของผู้จัดการฝ่ายเทคนิคที่ใครๆ พากันเรียกเขาว่าเจ้านายจอมโหด

"ภาวนาเลยนะว่าอย่าให้คุณแมทเรียกพี่เข้าไปไม่งั้นพี่ได้ร้องไห้แน่ๆ" พิชัยเพื่อนร่วมงานวัยเดียวกันกับเธอหันมากล่าวล้อเลียนอรยา

"ไม่มีทางย่ะนายชัยเพราะงานของพี่คือบัญชียังไงก็ไม่มีทางโดนคุณแมทเรียกไปต่อว่าอยู่แล้ว จะอิจฉาก็แต่มดนี่แหละ ไม่เห็นเคยโดนว่าสักที"

"ที่ไหนกันเล่าพี่อร ตอนเขาดุมดไม่มีใครเห็นต่างหาก มดก็ไม่ได้พิเศษไปกว่าพนักงานคนอื่นตรงไหน เพียงแต่อาจจะถึกกว่าคนอื่นเท่านั้น ประมาณว่าโดนดุด่าแต่ไม่ร้องไห้น่ะ"

"โอ๊ย เชื่อก็บ้าล่ะ จำได้ไหมวันแรกที่มดเข้ามาทำงานเกิดอะไรขึ้น"

เพราะประโยคนี้ของเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่นี่เองทำให้ภาพการทำงานวันแรกฉายชัดขึ้นมาในใจของวีรณา


หญิงสาวนึกย้อนไปถึงวันแรก ที่เธอเข้ามาทำงานที่นี่ วันนั้นเธอสอบถามกับอรยาว่า เจ้านายอายุเท่าไหร่ นิสัยเป็นอย่างไร จะได้วางตัวได้ถูก เพราะตนเองไม่อยากถูกไล่ออกตั้งแต่เพิ่งเข้าทำงานวันแรกๆ

จากนั้นอรยาสาวร่างอวบท่าทางใจดีก็สาธยายมาเสียละเอียดว่า เจ้านายชื่อมาร์ติน เองเคร์ แต่เขาจะชอบให้พนักงานเรียกว่าแมท เป็นคนตัวสูงใหญ่ รูปหล่อ แต่เจ้าระเบียบ เฮี้ยบและดุ อายุยังไม่ถึง 40แต่ก็สามารถสร้างบริษัทจนมั่นคงแข็งแรงได้ในต่างบ้านต่างเมือง เรียกได้ว่าทุกข้อมูลที่ได้รับมักมีคำพูดแสดงออกว่าอรยาชื่นชมเขาจนออกนอก ตอนนั้นวีรณาแอบคิดนินทาชายหนุ่มในใจว่า คนอะไรจะเก่งและเลิศเลอได้ขนาดนั้น ทั้งหล่อทั้งรวยทั้งเก่ง อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาธุรกิจนี้เพื่อฟอกเงินหรือเปล่า เพราะมันดูเหลือเชื่อมากเกินไปที่บริษัทจะเติบโตได้เร็วถึงเพียงนี้

"อายุไม่ถึง40 แต่บริษัทโตได้ขนาดนี้ เขาเก่งหรือว่ามีคนหนุนหลังแบบธุรกิจแอบแฝงฟอกเงินหรือเปล่าคะพี่อร" จำได้ว่าวันนั้นเธอพูดออกติดตลกด้วยซ้ำ เพราะอยากรู้ว่าหากเจ้านายที่แสนเลิศเลอเพอร์เฟคของอรยาโดนว่าเสียแบบนี้แล้ว อีกฝ่ายจะแก้ต่างว่ายังไง

"อุ๊ย น้องมดอย่าพูดแบบนี้สิคะ เสียหายหมดเจ้านายเราหล่อจริงๆ เก่งจริงๆ ค่ะ"

"แต่วันที่มดไปสัมภาษณ์กับเขา หน้าตาเขาก็ธรรมดาๆ นะคะพี่อร ไม่เห็นหล่อมากมายอย่างที่พี่พูดเลย"

"โธ่ น้องมดคะ นั่นมันคุณเดวิดหุ้นส่วนของเจ้านายต่างหาก ตัวจริงน่ะเขาเอ่อ.."
แล้วอรยาก็ไม่พูดต่อ ได้แต่ทำตาโต อ้าปากค้าง

"ตัวจริงเป็นไงคะ พี่อร ทำไมไม่พูดต่อล่ะคะ" เธอถามซ้ำให้อรยาพูดออกมา หากสิ่งที่ได้เห็นจากคู่สนทนาก็คือ อีกฝ่ายยิ้มแหยๆ แล้วก็พูดเสียงอ่อนหวานราวกับเอาน้ำตาลมาเคลือบไว้สักร้อยกิโล

"ตัวจริงก็เก๊งเก่งน่ะสิคะ เอ่อ พี่ขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะน้องมด เดี๋ยวเจ้านายมาก็คงให้คุณพัชรวีเลขาหน้าห้องมาเรียกให้ไปรายงานตัวกับเจ้านายเองน่ะจ้ะ พี่ไปนะ" จากนั้นอรยาก็รีบเผ่นแวบไปจากมุมพักผ่อนทันที ทิ้งให้เธอยืนยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆ ด้วยความงงอยู่ตรงนั้น

"อะไรของเขา พูดไม่ทันจะจบเลย"

"ถ้าอยากฟังให้จบ มาฟังจากผมก็ได้"

เสียงทุ้มๆ หากแต่สำเนียงแปล่งหูนิดหน่อยดังขึ้นข้างหลัง นั่นทำให้เธอสะดุ้งไปนิดหนึ่งก่อนจะรีบหันหลังมามองต้นเสียง ภาพที่เห็นเป็นชายต่างชาติ ตัวสูงใหญ่ไหล่กว้าง ผมสีทองนัยน์ตาสีฟ้า ไม่ต้องถามใครแถวนั้นเลย เธอรู้ได้ในทันทีว่าเขาคือมาร์ติน เองเคร์เจ้านายหนุ่มสัญชาติเยอรมันของเธอนี่เอง

"อะ สวัสดีค่ะ" เอ่ยทักทายพร้อมยกมือไหว้เขา

"สวัสดี เดี๋ยวตามผมไปห้องทำงานด้วยนะ ผมคิดว่าเราคงมีเรื่องต้องคุยกัน" เขาตอบรับคำทักทายของเธอด้วยภาษาไทยเช่นกัน เมื่อพูดจบร่างสูงก็เดินก้าวยาวๆ จากไปทันที

"เวรแล้วตู" หญิงสาวยืนทำหน้ายุ่งอยู่ตรงนั้นคนเดียวครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปที่ห้องทำงานของเขาตามคำเชิญที่ดูจะไม่ค่อยเต็มใจเชิญเธอเท่าใดนัก


"น้องมดเป็นไงบ้างคะ โดนดุหรือเปล่า" อรยาวิ่งโร่เข้ามาหาทันทีที่เธอเดินออกมาจากห้องของเขา

"เปล่าค่ะ ไม่โดน"

"หาเป็นไปได้ไง" ชายหนุ่มร่างสูงอีกคนเดินเข้ามาสมทบ หน้าตาท่าทางบอกว่ามึนงงมากกับคำตอบของเธอ

"มันเหลือเชื่อขนาดนั้นเลยหรือคะพี่อร"

"โห จะไม่ให้พวกเรางงได้ยังไง ก็ขนาดทำงานพลาดเล็กๆ น้อยๆ ยังโดนดุกันจนร้องไห้ขี้มูกโป่งมาไม่รู้กี่คนแล้ว อย่างคุณพัชรวีเลขาหน้าห้องนั่นน่ะ โดนไปหลายรอบแล้วนะคะ"

"เขาไม่เห็นว่าอะไรมดนี่คะ แค่บอกว่าขอบเขตงานของมดเป็นยังไงแค่นั้นเอง แล้วก็บอกว่าบริษัทของผมไม่ได้เป็นบริษัทที่จัดตั้งมาเพื่อฟอกเงินของใคร" ในขณะที่เล่าให้ทั้งอรยาและพิชัยได้ฟัง เธอก็นึกถึงหน้าของเจ้านายขึ้นมา เขาพูดประโยคนี้ด้วยใบหน้าที่เรียบสนิทไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ แต่มันกลับทำให้เธอแอบยิ้ม ไม่คิดว่าเขาจะใส่ใจกับเรื่องที่เธอพูดจนต้องมาอธิบายแบบนี้ แล้วเขาก็ชักสีหน้าบึ้งใส่เธอทันที

"ผมว่าผมไม่ได้พูดเรื่องตลกนะ แล้วคุณยิ้มขำเรื่องอะไร"

"ปะเปล่าค่ะ เจ้านายไม่มีอะไรกับฉันแล้วใช่ไหมคะ ฉันจะได้ขอตัวไปศึกษางานของตัวเอง"

"เชิญ"

แล้วเธอก็ได้ออกมาจากห้องของเขาโดยที่มีสายตามองเหมือนประเมินสถานการณ์จากเลขาหน้าสวยตามมาด้วย

"สงสัยเจ้านายจอมโหดของเราจะถูกชะตาน้องมดเข้าแล้ว แปลกนะเนี่ยไม่โดนดุ" อรยาทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง

วันนั้นเธอไม่ได้เก็บเรื่องนั้นมาใส่ใจอีกจึงเดินมาที่โต๊ะทำงาน แล้วเริ่มต้นศึกษางานในหน้าที่ที่ตนเองต้องรับผิดชอบ



"ออกไปข้างนอกกับผมหน่อย วันนี้ผมมีนัดไปดูสถานที่ของลูกค้า"

เสียงทุ้มๆ ที่เอ่ยออกมาเป็นภาษาอังกฤษทำให้วีรณากลับมาอยู่กับสถานการณ์ปัจจุบันอีกครั้ง หลังจากเผลอไปคิดถึงเหตุการณ์วันแรกที่ตนเองเข้ามาทำงานที่นี่ แล้วไม่โดนเจ้านายจอมเฮี้ยบดุเอา จนทำให้นับแต่นั้นเธอได้ฉายาที่หลายคนแอบตั้งกันว่า "มดเด็กแมท" เพราะนับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ซึ่งเป็นปีที่สองแล้วที่เธอเข้ามาทำงานที่นี่ เธอไม่เคยโดนมาร์ตินดุแรงๆ เลยสักที หากแบบร่างที่เธอนำไปเสนอเขาไม่ผ่าน ก็แค่โดนสั่งให้กลับมาทำใหม่จนกว่าจะได้อย่างที่เขาต้องการเท่านั้นเอง ซ้ำยังต้องออกไปดูงานกับเขาบ่อยๆ เรียกว่าบ่อยกว่าเลขาหน้าห้องเสียอีก นั่นเลยเป็นที่มาของฉายาดังกล่าว และแน่นอนว่าเธอไม่ชอบเลยสักนิด

"เอ่อ แต่งานของฉันยังไม่เสร็จ"

"เอาไว้ค่อยกลับมาทำนีน่า งานนี้ลูกค้าเร่งมาเป็นพิเศษ"

นีน่า นี่เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เธอไม่ค่อยชอบใจนัก ถือว่าไม่ชอบใจรองมาจากฉายา "มดเด็กแมท" เลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อเจ้านายผู้ไม่สัดทัดการออกเสียงคำยากๆ ในภาษาไทย รู้ว่าชื่อจริงของเธอคือวีรณา เขาก็ตั้งให้เสียใหม่ว่า นีน่า โดยมีข้ออ้างว่า มันเรียกง่ายกว่ากันเยอะ นี่เลยเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทุกคนพากันเมาท์ว่าเธอเป็นเด็กคนโปรดของมาร์ติน

"แล้วจะไปแถวไหนคะ บางพลี หรือว่าเทพารักษ์" เธอเอ่ยถึงสถานที่ที่มักจะมีโรงงานใหม่ๆ ไปสร้างที่นั่น แต่คนเป็นนายส่ายหน้าปฏิเสธ

"สระบุรี"

ได้ยินคำว่าสระบุรีหญิงสาวก็แอบทำหน้าหงิกเล็กน้อย และแอบนึกนินทาไปด้วย จะไปต่างจังหวัดแต่ไม่บอกกันล่วงหน้า เก๋จริงๆ เจ้านายฉัน

"คุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่า"

"อ๋อ เปล่าค่ะไม่มี"

"ไม่มีก็ดีแล้ว งั้นก็ไปกันได้เลย" แล้วเขาก็เดินไปก่อนล่วงหน้า ทำให้เธอต้องรีบคว้าตลับเมตรคู่ใจมาเหน็บกระเป๋ากางเกงยีน และคว้าหมวกเซฟตี้กับสมุดบันทึก ก่อนจะรีบวิ่งตามเขาเหมือนทุกทีที่ออกไปดูงานด้วยกัน

งานของเธอเกี่ยวกับการเขียนแบบอุปกรณ์ขนถ่ายวัสดุต่างๆ ในโรงงาน โดยจะมีเขาเป็นผู้ออกแบบวางระบบทุกอย่าง ทั้งระบบไฟและอุปกรณ์ชนิดต่างๆ ที่จะต้องใช้ในโรงงานนั้น เรียกว่าเธอก็รับไอเดียมาจากเขาและก็วาดไปให้เขาดูว่ามันใช้ได้หรือเปล่า ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้กับการต้องออกพื้นที่ด้วยกันบ่อยๆ โดยเฉพาะหากลูกค้าไม่ได้มีแบบแปลนของโรงงานมาให้ดูที่บริษัท เธอกับเขาจึงต้องเดินทางมาดูสถานที่จริงของลูกค้าอย่างงานนี้เป็นต้น

พอไปถึงหน้างาน วีรณาก็ลงมือสเก็ตช์พื้นที่แล้วก็ใช้ตลับเมตรอย่างคล่องแคล่ว แม้จะต้องปีนป่ายบันไดลิงขึ้นไปวัดความสูงก็ไม่มีท่าทีเก้ๆ กังๆ ให้เห็น หญิงสาวคงไม่รู้ว่านี่คือสิ่งที่ทำให้มาร์ตินยอมรับความสามารถของเธอ ซึ่งตรงข้ามกับรูปลักษณ์ตัวเล็กๆ ของเธอลิบลับ

กว่าการวัดพื้นที่หน้างานจะเสร็จก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว ตอนทำงานวีรณาไม่ได้รู้สึกเลยว่าตนเองหิว แต่พองานเสร็จท้องก็ร้องขึ้นมาทันทีในขณะที่เดินกลับมายังรถขับเคลื่อนสี่ล้อคันโตของเขา จนมาร์ตินต้องเอ่ยถาม

"หิวเหรอ"

"ก็" เธอยังพูดไม่ทันจบเขาก็ขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน

"อย่าบอกนะว่าเปล่า คนไทยชอบพูดคำว่าเปล่าทั้งที่รู้สึกตรงกันข้าม"

"ฉันยังไม่ได้พูดสักหน่อยว่าเปล่าไม่ได้หิว แต่ฉันจะบอกว่าหิวมากๆ ตั้งหากเล่า" หญิงสาวเถียงเขาไปตรงๆ ไม่รู้ว่าเธอตาลายเพราะหิวข้าวหรือเปล่า เพราะเธอเห็นเขายิ้มทั้งๆ ที่เขาถูกลูกน้องพากันตั้งฉายาว่าเจ้านายจอมโหดและเสือยิ้มยาก

"ก็ดี ถ้าอย่างนั้นผมว่าเราไปหาอะไรทานกันก่อนกลับกรุงเทพฯ ดีกว่า คุณพอรู้จักร้านอาหารอร่อยๆ แถวนี้ไหมล่ะ"

วีรณานึกอยากตอกหน้าเขากลับไปว่าเธอก็ไม่ใช่คนแถวนี้เหมือนเขานั่นแหละ จะไปรู้ได้ยังไงว่าร้านไหนอร่อย แต่เมื่อท้องร้องครวญครางดังมาอีกครั้ง เธอเลยเดินไปถามคนงานแถวๆ นั้นก่อนจะเดินกลับมาหาเขาแล้วบอกทางที่ไปร้านดังกล่าว
ระหว่างที่ทานอาหารด้วยกันแม้วีรณาจะหิวจนแทบจะกินช้างทั้งตัวได้ แต่ก็ยังพอเห็นอาการแปลกๆ ของคนเป็นเจ้านาย เพราะเขายกมือขึ้นมากดขมับอยู่หลายครั้ง ใบหน้าก็เหมือนจะซีดผิดปกติ จนเมื่อทานอาหารเสร็จและกลับมาที่รถด้วยกันนั่นแหละ หญิงสาวจึงได้เอ่ยปากถาม

"คุณเป็นอะไรหรือเปล่า หน้าตาซีดๆ นะ"

"ปวดหัวนิดหน่อยไม่เป็นอะไรหรอก" เขาปฏิเสธก่อนจะเดินอ้อมมาทางฝั่งคนขับ
แล้วก็เปิดประตูรถเข้าไปนั่งประจำที่ รอให้เธอเดินมาขึ้นรถบ้าง จากนั้นก็ขับรถออกจากร้านอาหารเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ

ขับรถออกมาจากร้านไม่เท่าไหร่ หญิงสาวก็เห็นว่าอาการเขาหนักกว่าเดิม เพราะชายหนุ่ม หน้าซีดจนแทบจะเป็นกระดาษ ซ้ำอาการยกมือขึ้นนวดขมับก็บ่อยกว่าเดิม เธอจึงยื่นคำขาดกับเขา

"ฉันว่าคุณมานั่งดีกว่า เดี๋ยวฉันขับเอง ท่าทางคุณจะไม่ไหวแล้วนะนั่น

"ไม่เป็นไรแค่นี้เองผมขับได้" เขายังคงปฏิเสธ

"จอดรถเลย ถึงฉันจะอยากได้เงินเดือนจากบริษัทคุณมากเท่าไหร่ แต่ฉันก็ยังไม่อยากตายเพราะเจ้านายขับรถลงข้างทางหรอกนะ" จบประโยคนี้เขาก็หันขวับมามองเธอทันที แววตาเหมือนจะตำหนิที่พูดเรื่องเป็นเรื่องตายตอนขับรถเช่นนี้

"เร็วๆ จอดรถ แล้วก็ไม่ต้องทำตาดุหรอก ฉันรับรองว่าจะขับรถคุณแบบถนอมที่สุดเลย รู้ว่าราคามันหลายล้าน"

"ผมไม่ได้ว่าอย่างนั้นสักหน่อย แค่สงสัยว่าคุณขับเป็นด้วยหรือ"

"แหมที่ฉันนั่งให้เจ้านายเป็นคนขับทุกครั้งนี่ไม่ได้หมายความว่าขับรถไม่เป็นนะคะ อยู่บ้านนอกฉันขับรถปิคอัพไปขายของตลอดแหละ มาเถอะจอดรถได้แล้ว"

ฟังคำพูดเธอจบเขาก็ยอมจอดรถที่ข้างทางแต่โดยดี ซึ่งบริเวณนั้นเป็นทุ่งข้าวโพดเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา หลังจากสลับตำแหน่งกันเรียบร้อยวีรณาก็ทำหน้าที่คนขับแทนเขา ระหว่างที่ขับรถอย่างเพลิดเพลินเพราะเครื่องยนต์ของเจ้าสี่ล้อสัญชาติยุโรปแสนจะนิ่มนวล เธอก็ต้องหันมามองคนที่หลับตาและเอนศีรษะพิงเบาะแวบหนึ่ง เพราะคำพูดลอยๆ ของเขา

"เสียดายนะที่มื้อกลางวันของเราไม่ใช่อาหารญี่ปุ่น" ประโยคนี้ทำให้เธอต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงพูดเรื่องอาหารญี่ปุ่นขึ้นมา"

"เจ้านายอยากทานอาหารญี่ปุ่นหรือ ถ้าอยากทานก็น่าจะบอกกันแต่แรก ฉันจะได้ไปถามคนแถวนั้นให้เผื่อในเมืองสระบุรีอาจจะมีร้านอาหารญี่ปุ่นอร่อยๆ"

"ผมไม่ได้อยากกินหรอก" คำตอบของเขายิ่งทำให้เธอสงสัยมากขึ้นไปอีก ไม่ได้อยากกินแล้วพูดถึงทำไม

"อ้าว แล้วทำไมถึงพูดขึ้นมาล่ะคะ"

"คุณไม่ใช่หรือที่บ่นอยากกิน หรือว่าผมเข้าใจอะไรผิด" เขาย้อนถาม

"เปล่าซะหน่อย ฉันไปบ่นตอนไหนกันเจ้านายจำผิดแล้ว" หญิงสาวเถียงทันที เพราะตั้งแต่ที่เดินทางมาถึงโรงงานเธอก็วุ่นอยู่กับงานอย่างเดียว ยังนึกไม่ออกว่าตัวเองไปบ่นว่าอยากกินอาหารญี่ปุ่นตอนไหน

สงสัยจะเป็นไข้จนเพ้อแล้วมั้งเจ้านายเรา ฉันไปบ่นอยากกินอาหารญี่ปุ่นตอนไหนว้า เมื่อเช้าเข้ามาทำงานก็ยังไม่ทันได้เมาท์มอยอะไรกับพี่อรสักคำ หรือจะเป็นเมื่อวาน ก็ไม่ใช่นี่นา

วีรณานึกย้อนไปเรื่อยๆ ก่อนจะยกมือขึ้นเกาศีรษะตัวเองด้วยความเคยชินเวลาเกิดอาการงุนงงสงสัย อาการที่ใครต่อใครชอบบอกว่าไม่ควรทำเพราะมันดูไม่เป็นผู้หญิงเอาเสียเลย แต่เธอไม่เคยเก็บมาใส่ใจ เพราะทุกวันนี้รูปลักษณ์ตัวเองก็ใช่ว่าจะเหมือนผู้หญิงนัก ทั้งตัดผมสั้นอย่างกับทอมบอย ทั้งควบมอเตอร์ไซค์มาทำงาน ยังไม่นับรวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนตัวโปรด

นึกย้อนไปย้อนมาภาพก็ปรากฏสว่างวาบขึ้นมาในหัว สเตตัสในสังคมออนไลน์ยอดฮิตเฟซบุค หลายวันก่อนเธอโพสบ่นว่า อยากกินอาหารญี่ปุ่น

เฮ้ย แล้วเจ้านายจอมโหดคนนี้ไปรู้สเตตัสเราได้ยังไง

นึกออกปุ๊บก็แทบจะเหยียบเบรครถกันเลยทีเดียว วีรณาหันขวับมามองต้นเหตุทันที อยากจะสอบถามให้รู้ความแต่ปรากฏว่าเจ้าตัวหลับไปเสียแล้ว เพราะเสียงลมหายใจที่ผ่อนเข้าออกจากอย่างสม่ำเสมอนั่นแสดงให้รู้ว่าเขาหลับสนิท

เมื่อจะสอบถามก็ไม่ได้ จะซักไซ้ก็หมดหนทนทาง วีรณาเลยได้แต่บ่นพึมพำไปเพียงลำพัง "รู้ได้ไงวะ"

หญิงสาวไม่ได้รู้เลยว่า คนนั่งข้างๆ ที่เธอคิดว่าหลับสนิทนั้น ไม่ได้หลับอย่างที่คิด เพราะตอนนี้ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาบางๆ



เรื่องอาหารญี่ปุ่นเป็นอันตกไปเพราะตอนนี้เรื่องใหม่เกิดขึ้นมาแล้ว เนื่องจากหญิงสาวจะปลุกเขาว่าใกล้ถึงที่ทำงานแล้ว หากเรียกเท่าไหร่เจ้านายจอมโหดก็ไม่ยอมตื่น สุดท้ายเลยยื่นมือไปสะกิดที่แขนแข็งแรงภายใต้เสื้อเชิ้ตแขนยาวที่พับขึ้นไปแค่ข้อศอก ทว่าเมื่อสัมผัสตัวของเขาเธอก็รู้สึกได้ถึงความร้อนจัด หญิงสาวจึงรีบจอดรถที่ข้างทาง

"เป็นไข้หรือเปล่าเนี่ย คุณๆ คุณแมท ตื่นได้แล้ว"

"อืม ถึงแล้วหรือ" เขากระพริบตาอยู่สองสามที ก่อนจะปรือตาขึ้นมามองเธอ "ผมปวดหัวมากนีน่า" ถ้าไม่อยู่ในอารมณ์ตื่นตกใจที่เขาตัวร้อนจัด วีรณาคงอดคิดไม่ได้ว่าคำพูดประโยคหลังของเขานี้สำเนียงดูออดอ้อนจนเกินเหตุ

"ก็ต้องปวดสิ เจ้านายตัวร้อนซะขนาดนี้ นี่แสดงว่ามีอาการจะเป็นไข้ตั้งแต่ก่อนออกไปทำงานแล้วใช่ไหมเนี่ย แล้วยังฝืนไปอีก ทีนี้จะทำยังไงไข้ขึ้นสูงแบบนี้"

"พาผมไปคลินิกแถวๆ นี้หน่อยสิ ผมปวดหัวไม่ไหวแล้ว" เขาพูดเสียงเบาพร้อมกับที่ยกมือขึ้นมานวดขมับอีกครั้ง เห็นอาการของเขาวีรณาก็รีบออกรถทันที เธอขับตรงไปยังคลินิกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานนัก

ส่งเจ้านายเข้าห้องตรวจรักษาแล้ววีรณาและรออยู่ตรงนั้น จนกระทั่งเขาค่อยๆ เดินออกมาพร้อมถุงยา ตอนนั้นเองก็มีคำขอร้องที่ทำให้เธอลำบากใจ

"พาผมไปส่งที่ห้องหน่อยนะ ผมคงขับรถไม่ไหว แล้วคุณก็ขับรถผมกลับบ้านได้เลย พรุ่งนี้ผมคงไม่ได้ใช้รถหรอก ส่วนรถคุณก็จอดไว้ที่ทำงานก่อน"

"เอ่อ" หญิงสาวกำลังพยายามหาเหตุผลมาปฏิเสธคำร้องขอนี้ แต่ก็ยังนึกไม่ออกจึงได้แต่อ้ำอึ้ง

"ผมขับรถไม่ไหวจริงๆ" พอเขาเอ่ยสำทับมาอีกครั้งพร้อมเปิดประตูขึ้นไปนั่งแล้วก็หลับตาแบบคนหมดแรง วีรณาก็หมดทางปฏิเสธแต่ยังไม่วายนึกค่อนขอดเขา
ปวดหัวขับรถไม่ไหว แล้วทำไมพูดสั่งงานได้ยาวเหลือเกิน

วีรณาไม่ได้ขึ้นไปส่งเขาจนถึงห้องพักสุดหรูของคอนโดมิเนียมชานกรุงบรรยากาศดีแห่งนั้น เพราะคิดว่ามันดูน่าเกลียดเกินไป แค่เธอขับรถของเขากลับบ้านและต้องขับไปทำงานพรุ่งนี้ก็คิดไม่ออกแล้วว่าจะต้องตอบคำถามของเพื่อนร่วมงานยังไง โดยเฉพาะคุณพี่อรยาช่างเมาท์และหนุ่มก้านยาวพิชัย ยังไม่นับสายตาที่ชอบมองแบบจ้องจับผิดของเลขาคนสวยพัชรวี ตอนแรกเธอตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะขับรถมาคืนเขาที่นี่ แต่ประโยคสุดท้ายก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในอาคารทำให้เธอทำอย่างที่คิดไม่ได้

"ไม่ต้องขับรถมาคืนผมที่นี่นะนีน่า เพราะรถคุณอยู่ที่ทำงานเดี๋ยวคุณจะไปทำงานลำบาก คุณขับไปจอดไว้ที่บริษัทได้เลย แล้วถ้าอาการดีขึ้นบางทีผมอาจจะนั่งแท็กซี่เข้าไปทำงานเอง"

แม้จะรู้สึกไม่ชอบใจนักกับเรื่องที่เขาสั่งให้ทำ แต่วีรณาก็อดที่จะเอ่ยถ้อยคำกับเขาด้วยความเป็นห่วงไม่ได้

"อย่าลืมทานยาให้ตรงเวลาด้วยนะคะเจ้านาย" และเธอก็เห็นมาร์ตินพยักหน้ารับ ก่อนจะส่งรอยยิ้มมาให้ วีรณาไม่รู้ว่ารอยยิ้มนั้นมีความหมายยังไง แต่มันทำให้ใจไหวแปลกๆ และก็ทำให้เธอยอมขับรถของเขากลับมาที่อพาร์ตเมนต์จนได้



วีรณาคิดว่าตัวเองโชคดีมากที่ไม่ต้องโดนซักไซ้จากเพื่อนร่วมงาน เพราะทันทีที่มาถึงออฟฟิศ อรยาก็รีบเดินเข้ามาบอกว่าวันนี้คุณเดวิด จะพาวิศวกรจากนิวซีแลนด์มาแนะนำตัวกับทุกๆ คน เพราะเขาจะมาทำโปรเจคพิเศษกับบริษัทและต้องอยู่ที่นี่ประมาณหนึ่งปี

"ชื่อนาธาน หน้าตาหล่อมากกกกน้องมด หุ่นงี้นักกีฬายังอายเลย" อรยาเล่าไปแสดงท่าทางไปด้วยอย่างออกรส

"เขากำลังเรียกพวกวิศวกรเข้าไปทำความรู้จักกับนายคนนี้ที่ห้องทำงานของคุณเดวิดนะ ผมว่ามดรีบเข้าไปเหอะ"

"ขอบใจมากพิชัย" เอ่ยขอบใจอีกฝ่ายวีรณาก็รีบเดินเข้าไปห้องของเดวิดทันที เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เห็นว่ามีวิศวกรนั่งอยู่ในนั้นแล้ว2-3 รวมถึงเดวิดหุ้นส่วนอีกคนของบริษัทและพัชรวีที่เข้ามานั่งในห้องนี้ด้วยในฐานะตัวแทนของมาร์ติน

"มาแล้วหรือมด มานั่งนี่สิ" เดวิดเอ่ยเป็นภาษาไทยที่ค่อนข้างชัดเพราะมีภรรยาเป็นคนไทยและอยู่เมืองไทยมานานกว่ามาร์ติน จากนั้นชายหนุ่มก็หันไปแนะนำเธอให้นาธานได้รู้จักในภาษาอังกฤษ "นาธานนี่พนักงานคนเก่งของเราชื่อ วีรณา เธอเป็นลูกน้องที่มาร์ตินเชื่อมือที่สุดน่ะ"

ประโยคแนะนำตัวนี้ทำให้วีรณาได้เห็นสายตาเข้มจัดของพัชรวีซึ่งกำลังมองมาที่เธอ หญิงสาวเลยรีบเอ่ยปฏิเสธออกไป "ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ฉันแค่ทำงานตามคำสั่งคุณมาร์ตินเท่านั้น ถ้าทำไม่ถูกใจก็โดนดุเหมือนทุกคนนั่นแหละ"

ประโยคของเธอจุดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าของทุกคนในห้องนั้น ยกเว้นพัชรวี




"รู้จักกับนาธานแล้วใช่ไหมนีน่า" มาร์ตินเอ่ยถามเธอหลังจากผ่านมาสองสามวันและอาการไข้ของเขาก็หายดีแล้ว

"ค่ะ"

"เขาเป็นไงบ้าง" คำถามไม่มีสำเนียงใดเจือปนมาไม่บ่งบอกว่าอยากรู้หรือสนใจเป็นพิเศษ วีรณาเลยอนุมานไปว่าเขาคงถามถึงธรรมดาๆ เท่านั้น

"ก็ดีค่ะ ดูเป็นมิตรดี เข้ากับทุกคนง่ายแล้วก็คุยสนุก"

"เจอกันแค่สองสามวันคุณรู้จักเขามากขนาดนี้เลยหรือ" คำถามนี้มาพร้อมกับการที่เขาละสายตาจากงานตรงหน้า แล้วเงยหน้าขึ้นมามองสบตาเธอ

"อ้าว ก็คุณถามเองนี่นา ฉันก็ต้องตอบไปตามที่เห็นสิ ทำไมเหรอคะหรือว่าฉันพูดอะไรผิด"

"ไม่มีอะไร คุณเอาแบบนี่ไปแก้มาใหม่แล้วกัน ตรงนี้มันยังไม่ได้อย่างที่ผมต้องการ" เขาเอ่ยปฏิเสธแล้วก็ยื่นแบบกลับมาให้เธอ พร้อมกับที่ชี้มือไปยังแบบที่เขาเห็นว่ามันยังมีปัญหาอยู่

"ค่ะ" วีรณาไม่ได้คิดอะไรกับงานที่โดนตีกลับเพราะก่อนหน้านี้เธอก็เจออยู่บ่อยๆ หญิงสาวจึงหอบเอางานของตัวเองออกมาจากห้อง โดยไม่รู้ว่าคนที่อยู่ในห้องมองตามมาด้วยสายตาเช่นไร



"ผมว่าน่าจะต้องแก้ตรงนี้ให้เป็นแบบนี้นะ" นาธานเอ่ยขึ้นพลางโน้มตัวลงมาเพื่อใช้ให้เห็นจุดที่ต้องแก้ไขและบอกว่าต้องแก้ยังไง

"ขอบคุณมากนาธาน ฉันรบกวนเวลางานของคุณหรือเปล่า" วีรณาเงยหน้าขึ้นเอ่ยขอบคุณเขา

"ไม่หรอก มีอะไรก็ช่วยกัน อีกอย่างผมไม่อยากให้คุณโดนมาร์ตินดุน่ะ คุณเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือว่าถ้าทำงานพลาดก็โดนดุเหมือนกัน"

" ไม่คิดว่าคุณจะจำได้" หญิงสาวรู้สึกประหลาดใจไม่คิดว่าเขาจะจำคำพูดในวันแรกที่เจอกันได้

"เรื่องอะไรที่ผมสนใจเป็นพิเศษผมมักจะจำได้แม่น" คำพูดของเขาทำเอาวีรณาเหวอไป ไม่คิดว่านาธานจะจู่โจมกันตรงๆ เช่นนี้ และหน้าตาของเธอคงชัดเจนเสียจนเขามองออก ชายหนุ่มเลยหัวเราะออกมา

"ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นหรอก ผมยังมีเวลาอยู่ที่อีกตั้งหนึ่งปี เอาเป็นว่าผมจะค่อยเป็นค่อยไปไม่ทำให้คุณต้องตกใจก็แล้วกัน"

"เอ่อ" เจอคำพูดตรงๆ แบบนี้วีรณาถึงกับไปไม่เป็น เธอเลยหลบเลี่ยงด้วยการเอ่ยว่า "ฉันขอตัวไปดื่มกาแฟก่อนนะ ขอบคุณมากนาธานที่ช่วยฉัน" แล้วเธอก็ค่อยๆ เบี่ยงตัวหลบชายหนุ่มร่างสูงเพื่อหลีกให้พ้นจากสถานการณ์นี้

คล้อยหลังที่เธอเดินจากไป นาธานก็ยกมือขึ้นกอดอกพลางเปิดรอยยิ้มกว้างออกมา ในขณะที่ใครอีกคนกลับมีสีหน้าตรงข้ามกัน แล้วเจ้าตัวก็เดินกลับเข้าห้องและปิดประตูเสียงดังโครม



งานที่เคยทำได้สบายๆ ไม่ซีเรียสตอนนี้ดูเหมือนว่าจะตึงเครียดขึ้นมานิดหน่อย เมื่อแบบที่วีรณาได้รับไอเดียจากมาร์ตินแล้วนำมาวาดตามที่เขาบอกทุกอย่าง แต่พอนำไปเสนอเขางานกลับไม่ผ่าน ครั้นเอ่ยถามว่าพลาดตรงไหน ชายหนุ่มกลับบอกมาเสียแบบนี้

"ผมคิดว่าคุณมีตัวช่วยที่เก่งอยู่แล้วนี่ ถึงผมไม่บอกเขาคงช่วยคุณได้"

"แต่ว่า"

"ออกไปก่อนนีน่าผมมีธุระด่วนต้องคุยกับลูกค้า" แล้วเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดไม่สนใจเลยสักนิดว่าเธอยังคุยกับเขาไม่จบ

อารมณ์งงงันกับท่าทางแปลกประหลาดของเจ้านายยังไม่ทันหาย วีรณาก็ต้องได้รับข่าวทางโทรศัพท์ที่ทำให้ต้องกุมขมับ

"ตอนนี้น้ำมันเอ่อขึ้นมาเยอะแล้ว พ่อกลัวว่ามันจะท่วมเข้าสวนส้มโอของเรา"

"แล้วจะทำไงดีพ่อ" วีรณาเอ่ยถามด้วยความกังวลทั้งที่ตามข่าวเรื่องน้ำท่วมมาตลอด แต่ไม่คิดว่าสวนส้มโอและสวนผักที่บ้านจะโดนไปด้วยแม้บ้านและสวนของเธอจะอยู่ติดริมแม่น้ำนครชัยศรีก็ตาม เนื่องจากคันดินที่เคยทำเอาไว้ก็สูงไม่น้อย

"ปีนี้น้ำมันมามากกว่าทุกปีน่ะลูก พ่อคงต้องให้มดโอนเงินมาให้พ่อก่อน จะได้ไปจ้างรถแบคโฮมาทำคันดินใหม่ ไม่อย่างนั้นสวนเราล่มแน่ๆ"

"ได้พ่อ แล้วมดจะโอนไปให้นะ" เมื่อกดวางสายแล้วหญิงสาวก็มานั่งนึกคำนวณถึงเงินที่ตนเองเก็บออมเอาไว้เพื่อทำความฝันให้เป็นจริง และฝันที่ว่าก็คือการไปเที่ยวเยอรมันและไปดูบอลทีมโปรด แต่ถ้าต้องเลือกระหว่างที่ทำมาหากินของครอบครัวและความฝันของตัวเอง คงไม่ต้องบอกว่าเธอจะเลือกอย่างไหน





........

เมนท์กันได้เหมือนเคยนะคะ
ขอบคุณมากมายจากใจจริงค่า ^_^

ณ มน



namon
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ม.ค. 2556, 20:39:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ม.ค. 2556, 20:39:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 23882





supayalak 6 ม.ค. 2556, 21:55:26 น.
มาร์ตินเค้างอนเราหน่ะนีน่า สงสัยต้องง้อแล้วหล่ะตัวเอ้งงงงง


หมวยจ้า 6 ม.ค. 2556, 22:15:59 น.
รอตอนต่อไปค่ะ


namon 6 ม.ค. 2556, 22:41:33 น.
ศุภยลักษณ์....นีน่าคงยังไม่รู้สึกตัวค่ะ อิอิ

หมวยจ้า..ไม่วันจันทร์ก็วันอังคารนี่แหละค่ะ เดี่ยวณ มนเอามาลงให้อ่านนะค้า

ขอบคุณที่แวะมาอ่านกันนะคะ


หมีสีชมพู 6 ม.ค. 2556, 22:55:51 น.
ลงชื่อรออีกคนค่ะ


ณีรา 6 ม.ค. 2556, 23:29:08 น.
อิอิ


sai 6 ม.ค. 2556, 23:50:06 น.
รอคร้าา เจ้านายน่ารักอ่ะ


bow 7 ม.ค. 2556, 00:40:30 น.
น่ารักจัง.. :)


wii 7 ม.ค. 2556, 05:30:39 น.
เเหมๆๆๆอีตาMartinชอบสาวก็ไม่รู้จักไปจีบเค้า เเล้วนีน่าจะรู้เหรอว่าตัวเองเเอบชอบเธออยู่น่ะขืนช้าเดี๋ยวโดนนาธานคาบเอาไปซะก่อนนะ


แสนรัก 7 ม.ค. 2556, 12:23:14 น.
จะหาเจ้านายแบบนี้ได้สักคนที่ไหนค่ะเนี้ย อยากได้จัง น่ารักได้ใจสุดๆไปเล้ย อิอิ


Siang 7 ม.ค. 2556, 13:52:46 น.
มารอตอนต่อไป


คิมหันตุ์ 7 ม.ค. 2556, 14:50:48 น.
น่ารักมากค่ารอตอนต่อไป จ้า ^^


icewinter 10 ม.ค. 2556, 11:55:28 น.
ชอบค่ะ


namon 14 ม.ค. 2556, 22:53:04 น.
ขอบคุณทุกๆคนมาเลยนะคะ ทั้งณีรา แสนรัก เซียง คิมหันตุ์ ไอซ์วินเทอร์ โบ sai ค่า


ผักหวาน 15 ธ.ค. 2557, 14:21:21 น.
ชอบๆ ค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account