ร้อยหัวใจรัก:ทอรักห่มใจ ตีพิมพ์กับ สนพ.อรุณ ค่ะ
เมื่อนายทหารหนุ่มผู้นิ่งขรึมตกหลุมรักผู้หญิงไร้หัวใจอย่างอัพชินี แม่สาวกอบัวแล้งน้ำผู้เฉยชา เขารักเธอแต่กับเธอเขาไม่รู้ หัวใจถูกทิ้งขว้างอย่างไม่ไยดีโดยไร้สาเหตุจากรักเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเมินเฉย ความผิดพลาดเกิดขึ้นเมื่อได้ตัวมาแต่ไร้หัวใจ จนวันสุดท้ายที่ดูเหมือนจะสายไปหัวใจถึงได้รู้ตัว
Tags: พี่ธรรมกับชินี

ตอน: ทอรักห่มใจ บทที่ 29 คำถามที่ค้างคา (นอกรอบกับเรื่องสั้นมาชวนคุณๆทำบุญกันค่ะ) ^^ DL.

ทอรักห่มใจ บทที่ 29 คำถามที่ค้างคา



//////////////////////////////////////////////////////////////////////

ดีค้า

ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไซ้ นะค้า ขอให้โชคดีรับตรุษจีนตลอดปีและตลอดไปคร่า ^^

มาว่ากันเรื่องของพี่ธรรมดีกว่าเนาะ

ความยาวของพี่ธรรมอยู่เท่าๆกับไอ้ช้างและพี่แทนค่ะ ห้าสิบตอน(แบบยืดเยื้อ) 5555+ ตอนนี้กำลังเริ่มรีไรท์พี่ธรรมอีกรอบ ส่วนพี่แทนรอคำตอบจากพี่ บก. ว่าโอเคมั้ย เพื่อจะได้ทำการตัดหั่นเชือนต่อเติมเพิ่ม เอ๊ย! 555+ รีไรท์อีกรอบคร่าาาาาาาาาาาาาาาา

ตอนนี้มีเรื่องของการทำบุญมาฝาก ^^

เคยเกริ่นๆไว้แล้วเมื่อตอนก่อนๆค่ะว่ามีการทำหนังสือทำมือขึ้น (มีโอกาสได้ร่วมงานกับนักเขียนท่านอื่นๆคร้า กรีดร้อง.....แบบดีใจมั่กมาก 555+)

ตอนนี้เปิดจองแล้้วนะคะ ส่วนรายละเอียดโอ๋ลงไว้ที่เพจ ร้อยเรียงเพียงคำ ค่ะ ถ้าใครสนใจแวะไปเยี่ยมๆมองๆจะเป็นพระคุณมั่กมาก(อั้ย ทำบุุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขัน ชาติหน้าฉันใดเราจะได้รัก เอ๊ย ได้มาเจอกันอีกไงคร้า อิๆ)

ของโอ๋เป็นเรื่องสั้นค่ะ เขียนไว้นานแล้ว เรื่องแรกที่ทำผ่อนคลายตัวเองเวลาเขียนนิยายต่อไม่ได้ ^^

กล่องไดอารี่ในความทรงจำของคำว่ารัก:ข้างหลังภาพ (ชื่อตอนเดิมคือ รักคืออะไร) วันนี้เลยขอแปะท้ายพี่ธรรมเผื่อใครสนใจจะร่วมทำบุญกันคร่า ^^

=====>>>>>>>>>

กล่องไดอารี่ในความทรงจำของคำว่ารัก : ข้างหลังภาพ



รักคืออะไร?....

ฉันเคยนึกสงสัยมานานกับคำคำหนึ่งที่หลายๆคนเอ่ยออกมาได้ง่ายๆ...แต่สำหรับบางคนมันยากนักกว่าจะได้พูดมันออกไป...และจนป่านนี้ฉันก็ยังไม่รู้จักความหมายของคำว่า ‘รัก’ อยู่ดี

หลายคนผ่านความรักมาแล้วหลายรูปแบบ ความสัมพันธ์ที่อยู่ดีๆก็เกิดกับตนเองโดยไม่ทันได้ตั้งตัว แต่จะมีใครไหมที่ทั้งชีวิตยังไม่เคยรักใคร เพียงเพราะกลัว...กลัวว่าจะถูกทำลายโดยคำว่า ‘รัก’ กลัวจะเสียใจและทำให้หวาดระแวง ปิดตัว ปิดหัวใจ ไม่ยอมเปิดโอกาสให้ใครๆได้รัก จนสุดท้ายกลายเป็นกรงที่ขังตัวเองไว้

...ยากที่จะดิ้นหนี

...ยากที่จะฝ่าฝืน..และยากยิ่งนักเมื่อต้องรับมือกับความทรมาน...

อยากจะรัก แต่ก็ยังกลัว!

วันเวลาในชีวิตผ่านเลยไปวันแล้ววันเล่า ความกลัวได้ฉุดรั้งให้กลายเป็นคนชืดชา...ไร้ความรู้สึก


ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะรักใครได้นอกจากครอบครัวและคนใกล้ชิดที่มีอยู่น้อยนิด จนมาวันหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นโผล่เข้ามาสู่มุมมืดในหัวใจ เขาได้พาแสงสว่างมาด้วย...เขาอบอุ่นอ่อนโยนจนฉันอิ่มเอมใจ เขาคือเจ้าชายที่มาช่วยฉันให้พ้นจากกรงขังที่ตัวเองสร้างขึ้น ค่อยๆแทรกซึมเข้ามาทีละน้อย..ทีละน้อย จนในที่สุดฉันก็สามารถที่จะหลุดออกมาได้และสามารถที่จะรักเขาได้เต็มหัวใจ

ชยุต...คือชื่อของเขา เขาทำให้หัวใจของฉันหยุดลงที่ตรงนี้

จากที่เคยทำอะไรแค่คนเดียว จากที่เคยพึ่งแต่ตัวเอง ฉันในตอนนี้เริ่มเปลี่ยนไปเพราะเขาที่เพียรใส่ใจห่วงใย เฝ้าไถ่ถามและจัดการให้ในทุกสิ่งที่เกี่ยวกับตัวฉัน ทำให้ฉันคุ้นเคยกับความรู้สึกประหนึ่งเป็นเจ้าหญิง เริ่มเรียกร้องในสิ่งที่ใจต้องการโดยมีเขาคอยสนองตลอดเวลา

‘นุชคือคนที่ผมรัก ไม่ว่าอะไรที่ทำให้นุชมีความสุขผมจะทำ’

มือหนามักกอบกุมมือน้อยของฉันไว้เสมอ...ฉันเริ่มติดเขามากขึ้นขณะเดียวกันก็กลายเป็นผู้หญิงที่โหยหาการปกป้องมากขึ้น ในที่สุดฉันก็กลายเป็นผู้หญิงที่เมื่อไม่มีเขาแล้วจะทำอะไรไม่เป็นแม้แต่อย่างเดียว กระทั่งการตัดสินใจ...ฉันก็ยังต้องพึ่งการชี้นำจากเขา

ความรักทำให้ฉันเป็นอย่างนี้ เต็มใจ...ที่จะอยู่ภายใต้เงาหัวใจของเขาตลอดไป

‘นุชจำไว้นะ...ผมรักคุณมาก เมื่อเจอคุณเมื่อได้พบคุณ สิ่งเดียวที่ผมคิดได้และตั้งใจจะทำให้มันเป็นความจริงก็คือ ครอบครัวของเรา มีผม มีคุณ และลูกของเรา เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้นุชอย่าลืมว่าที่ว่างตรงข้างๆนี้ คือที่ของผม เราจะจับมือกันไว้ และผ่านไปด้วยกัน’

สายตาของเขา น้ำเสียงของ...เขา สื่อเช่นนั้นและฉันเชื่อเต็มหัวใจ

...กระทั่ง...

ไม่รู้ว่าฉันหรือเขาที่เปลี่ยนไป จากคนที่บอกว่าจะอยู่เคียงข้างบัดนี้ห่างหาย จากมือที่เคยเกาะกุมกันไว้ไม่เคยปล่อยกลับว่างเปล่า ถ้อยคำที่เหมือนจะบ่งบอกว่าใกล้ถึงเวลาจากกันแล้วนั้นเริ่มแสดงตัว

‘ผมไม่ว่าง...นุชไปเถอะ ถึงผมไปด้วยมันก็คงจะไม่สนุกขึ้นมากกว่าที่เป็นอยู่หรอก แล้วที่สำคัญนุชก็ควรจะไปไหนกับเพื่อนบ้าง รู้ตัวใช่มั้ยที่ใครๆเขาว่ากันว่านุชน่ะแทบจะทำอะไรไม่เป็นแล้วถ้าไม่มีผม’

เหมือนความเข้าใจที่เคยมีให้แก่กันมัน...หายไป เขาพูดน้อยลงและชวนฉันทะเลาะมากขึ้น ทะเลาะแม้แต่ในเรื่องที่ไม่ควรจะต้องทะเลาะกันเลย

‘ยุทธคะ...เมื่อวานคุณหายไปไหนมา นุชเป็นห่วงคุณนะ คุณไม่เคยหายไปทั้งคืนแบบนี้’

‘ทำไม ผมจะไปไหนจะต้องคอยรายงานนุชด้วยหรือ ขอล่ะ...ผมขอเวลาส่วนตัวบ้างได้มั้ย นุชเองก็เหมือนกัน มีเวลาว่างก็หัดใช้ให้เป็นประโยชน์หน่อย อย่าเอาแต่โทร.ตามหาผมหน่อยเลยน่า’

ผู้ชายที่เคยอ่อนโยน อ่อนหวานเปลี่ยนไปพร้อมกับหัวใจของฉันที่เริ่มอ่อนแอและสั่นไหว ความหวาดกลัวและเจ็บปวดเริ่มคืบคลาน น้ำตาที่ไม่ค่อยไหลได้ไหลออกมาไม่ขาดสาย...เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า ทำไมคนเราถึงได้เสียน้ำตาให้กับความรักได้ง่ายนัก หรือหัวใจจะเหมือนเขื่อนที่กักเก็บหยาดหยดเหล่านี้ไว้และพอถึงเวลาที่สมควรมันก็ถูกปลดปล่อยออกมา..จนกว่าจะถึงวันที่แห้งหายและเริ่มต้นเก็บกักกันใหม่อีกครั้ง

และในที่สุด วันนั้นก็มาถึง...เขาหายไปในวันหนึ่ง ไม่มีคำลา ไม่การบอกกล่าว ไม่มีแม้แต่เงาที่บ้านของเขา คำตอบที่ได้รับกลับมาจากคนรอบข้างคือ ครอบครัวของเขาย้ายไปอยู่ที่อื่น ที่ที่ฉันไม่รู้ว่าที่ไหน เขาจากไปโดยเหลือทิ้งเพียงแค่เงาของความทรงจำที่แสนเจ็บปวดไว้ให้ พร้อมกับเรื่องสำคัญที่เขาไม่เคยได้รับรู้ ทิ้งให้ฉันจมอยู่กับความทรงจำมากมายนั้น และความรัก...ที่ทำให้เจ็บปวดไม่สร่างซา

เลือดเนื้อเชื้อไขของเราสองคน เด็กน้อย...ที่ต่อแต่นี้ไปจะมีเพียงแม่ โดยไร้พ่อ ชีวิตเล็กๆที่แสนสำคัญกับฉัน ความหวังความสุขเพียงน้อยนิดที่ทำให้ฉันมีลมหายใจอยู่ได้ต่อมา

และถึงแม้จะเจ็บปวดเจียนตาย อับอาย...กับสายตาที่ประณาม

แต่สุดท้ายแล้วตัวฉันก็คือตัวฉัน เมื่อก่อนตอนที่ไม่มีเขาฉันยังอยู่ได้ ตอนนี้ก็แค่ไม่มีเขาเหมือนเดิมเท่านั้น ไม่มีอะไรเปลี่ยน ถึงอย่างไรเสียฉันก็ต้องอยู่ได้...ที่ต้องทำในตอนนี้ก็แค่ตัด..เขาออกไปจากใจเท่านั้น

จริงอยู่ความรักที่ได้เรียนรู้เป็นบทเรียนที่ล้ำค่าเมื่อมันให้ทั้งความสุข...ที่แสนสั้น และความทุกข์ที่ดูจะยืดเยื้อยาวนาน แต่ที่มากกว่านั้นคือของขวัญที่แสนสำคัญ ถึงแม้ว่าการได้มาจะแลกกับความเจ็บปวดมากมายเพียงใดก็ตาม...

แต่ฉันก็ยินดีที่จะแลกกับการที่ครั้งหนึ่งเคยรักอย่างเป็นสุข...ถึงแม้จะทุกข์ต่อจากวันนี้และตลอดไป



ตราบนานกับการทำใจ เวลาผ่านไป... ฉันเรียกตัวเองกลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง แม้ภาพของเขาจะยังคงแจ่มชัด หากแต่ชีวิตยังคงอยู่ต่อไป
ฉันได้แต่เฝ้าบอกตัวเองว่าตัดเขาได้ เขาจะไม่มีอิทธิพลต่อฉันอีกต่อไป

ชยุต...ผู้ชายคนนั้นจะเป็นเพียงคนที่ผ่านเข้ามา และผ่านออกไป ไม่มีความสำคัญใดๆ ต่อชีวิตและหัวใจ ฉันเหมือนจะทำได้ และคิดว่า...ทำได้...จนกระทั่งวันนั้นได้เดินทางมาถึง

วันที่ ‘สมอง’ โกหกตัวเองว่า ‘หัวใจ’ ไม่เป็นอะไร ‘ไม่ได้’ อีกต่อไป

มีจดหมายส่งมาถึงฉันในเช้าวันหนึ่ง...ฉันจำลายมือนั้นได้...จึงเพิกเฉยกับมันเพราะความเจ็บยังแผ่ซ่านอยู่ทุกอณูใจ แต่วันต่อมาและทุกๆวัน จดหมายก็ยังคงถูกส่งมาถึงฉัน

ที่สุด ความโหยหาความคิดถึงที่เร้นตัวอยู่ในส่วนลึกของหัวใจก็สั่งให้ฉันเปิดมันออกอ่าน...ในนั้นไม่มีกระดาษจดหมาย มีเพียงรูปถ่ายหนึ่งใบในทุกๆหนึ่งซอง พร้อมข้อความเขียนด้วยลายมือโย้เย้ที่หลังรูป

สามคำสั้นๆแต่ความหมายมากมาย...“ผมรักคุณ”...

รูปถ่ายเก้าสิบเก้าใบ ข้อความเดิมๆ เก้าสิบเก้าข้อความและวันที่ต้องจากกัน ‘ไกล’ เก้าสิบเก้าวัน...

น้ำตาหลั่งไหลรินรดเมื่อได้รู้ความจริง...เขาจากไปแล้ว...จากไปไกล ที่ทำร้าย ที่เหินห่างเย็นชา ที่หลบหลีกไม่เจอหน้าก็เพียงเพราะว่า ‘รัก’ จนไม่อยากเห็นฉันเสียใจ

แต่เขาจะรู้มั้ย ว่าการที่เขาทำแบบนี้ ฉันจะยิ่งเจ็บปวดและเสียใจ...

เจ็บปวด...ที่เขาช่างไม่รู้ใจฉันเลยว่า ฉันอยากอยู่ใกล้ๆเขาในทุกโมงยามของชีวิตเขา

เสียใจ...ที่นาทีสุดท้ายของลมหายใจ ฉันไม่ได้อยู่ข้างๆ ไม่ได้กุมมือเขาไว้อย่างที่ควรจะเป็น

ใช่...เขาเสียชีวิตด้วยโรคร้าย...ที่อยู่ดีๆก็โผล่มาพรากเขาไปจากฉัน...

ผู้ชายหน้าตาธรรมดาหากแต่ในใจเต็มไปด้วยความรัก...ยุติธรรมแล้วหรือที่ฟ้าได้พาเขาไปยังที่แสนไกล จนอีกคนที่เหลือติดตามไปไม่ถึง
และวันนี้ใบที่หนึ่งร้อยก็มาถึง พร้อมๆ กับครบรอบร้อยวันการจากไปสู่นิรันดร์ของเขา

ก่อนหน้านี้ทุกภาพที่ส่งมาลักษณะคล้ายคลึงกันแทบจะทั้งนั้น มันเป็นภาพของฉันในทุกอิริยาบถที่เขาเป็นคนถ่ายเก็บไว้ในยามที่ฉันเผลอ และเขาเองนั่นแหละเคยเอาให้ฉันดูพร้อมกับรอยยิ้มขำๆ เมื่อฉันหน้าง้ำพร้อมกับบ่นซ้ำๆด้วยประโยคเดิมๆ ว่าไม่สวยเลย ทั้งๆที่รู้ดีเพราะสายตาของเขามักบอกเสมอว่าภาพเหล่านี้ฉันสวยยิ่งกว่าภาพใดๆที่เขาเคยเห็น

แต่วันนี้ภาพใบนี้กลับต่างไปจากภาพถ่ายที่ถูกส่งมาให้ในวันก่อนๆ......

เพราะมันคือภาพของเราสองที่ยืนอยู่แนบชิดเป็นภาพถ่ายใบแรกที่เขาได้รับคำตอบจากฉันว่าจากนี้ไปเราจะไม่เป็นเพียงแค่คนรู้จักกันอีกแล้ว ใบหน้าคมเข้มค่อนข้างเขินอายเมื่อยามโอบบ่าฉันไว้ นัยน์ตาสีน้ำตาลแก่แสดงชัดว่ามีความสุขมากมายเพียงใด...ในขณะที่ผู้หญิงในรูปถ่ายตอนนั้นหน้าตาบึ้งตึงเหตุก็เพราะแกล้งกลบเกลื่อนที่โดนคนรอบข้างเย้าแหย่จนไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไรในสถานการณ์นั้น รอยสลักความรู้สึกสุดท้ายยังแต่งแต้มอยู่ด้านหลังเหมือนเคย...ยาวกว่าและเศร้ายิ่งกว่าครั้งใดๆ

“รูปนี้คือรูปที่ผมรักมากที่สุด...ผมไม่เคยกลัวแม้เมื่อรู้ว่ามัจจุราชกำลังมาทักทาย ความกลัวหนึ่งเดียวที่เกิดขึ้นในหัวใจนี้ก็คือ กลัวคุณจะเสียใจ ผมไม่อยากจะเห็นคุณร้องไห้ ช่วงเวลาสั้นๆในการพบกันและรักกัน ผมไม่รู้หรอกว่าผมรักคุณตรงไหน...หากแต่เพราะผมรู้สึกว่ารัก...รักคุณมากเหลือเกิน...แม้เมื่อผมจะจากคุณไป ผมอยากขอให้คุณรับรู้คำนี้ไว้ ‘ผมรักคุณ’ ผมจะไม่มีวันไปไหนไกลจากคุณ ผมจะอยู่ในทุกที่ที่คุณไป อยู่ในลมหายใจของคุณ และผมจะรออยู่ในใจของคุณ รอว่าเมื่อไหร่คุณจะพร้อมและไปกับผมได้เสียที ผมยังอยู่ตรงนี้ ยังอยู่เสมอ อยู่เพราะผมรักคุณ”

น้ำตารินไหลเปรอะเปื้อนจนตัวหนังสือเลอะเทอะ

ฉันกรีดน้ำตาทิ้ง แล้วหันไปมอง ‘ตัวแทนความรักของเรา’ ที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ไม่ห่าง ตัวแทน ที่พ่อของเขาไม่เคยได้รู้เลยว่าตอนนี้เรามีเขาแล้ว...
ถ้าลูกโตขึ้นและถามหาพ่อ ฉันคิดว่า ฉันมีคำตอบให้ลูกแล้วละ...



...หลายปีผ่านไปกับหัวใจที่บอบช้ำ เหน็บหนาว เงียบเหงาและเศร้าซึม จนมาบัดนี้เวลาล่วงเลยผันผ่านและเปลี่ยนเวียน

รูปถ่ายสีซีดเซียวตามกาลเวลา จดหมายที่เปื้อนคราบน้ำตาตอนนี้อ่านไม่ออกเสียแล้ว..แต่ทุกคำฉันยังจำได้ขึ้นใจ

“ผมรักคุณ”

ฉันค่อยๆเอนร่างนอนลงยังเก้าอี้ไม้ตัวเดิม แนบจดหมายเข้ากับหัวใจที่เต้นช้าลง ดวงตาที่เปิดกว้างค่อยหรี่ลงพร้อมกับรอยยิ้มที่แต่งแต้มในหน้า เสียงจ้อกแจ้กของลูกหลานยังดังอยู่แว่วๆ ที่ชัดเหลือเกินในความรู้สึกคือเสียงนุ่มเปี่ยมด้วยความห่วงใยที่เอ่ยถามพร้อมกับร่างของเขาที่เข้ามาทรุดนั่งลงใกล้ๆ

“คุณแน่ใจแล้วหรือ?”

ฉันยิ้ม...ยิ้มอย่างมั่นใจเมื่อเอ่ยตอบเขาไป

“แน่ใจแล้วค่ะ..ฉันปล่อยให้คุณรอฉันมานานเหลือเกินแล้ว ต่อแต่นี้คุณจะไม่ต้องทนเหงารอฉันอีกแล้ว”

ฉันเห็นเขายิ้ม เจ้าชายของฉันก้มลงจุมพิตที่หน้าผากของฉัน เขากุมมือฉันไว้และฉันยังคงยิ้มอยู่แบบนั้นด้วยความสุขใจแม้นเมื่อตอนนี้ได้ลุกขึ้นมายืนดูอาการแตกตื่นวุ่นวายของลูกหลาน...พวกเขาร้องไห้..ร้องไห้เพื่อฉันนั่นเอง

“ลูกของเราคงเสียใจที่คุณจากเขามาเร็วเกิน” เจ้าชายของฉันที่เกาะกุมมือของฉันไว้เอ่ยขึ้นเบาๆ “ผมเหมือนคนเห็นแก่ตัวมากเกินไปหรือเปล่า ที่ตอนนี้จะยึดคุณไว้เพียงลำพัง”

“ไม่หรอกค่ะ” ฉันกุมมือใหญ่นั้นไว้มั่น ส่งยิ้มหนักแน่นจนทำให้คนที่สีหน้าเป็นกังวลผ่อนลงจนกลายเป็นยิ้มยามฉันย้ำว่า “สักวันมันก็ต้องเกิด..พวกเขาอยู่ได้อยู่แล้ว เขาเข้มแข็ง ฉันรู้”

เป็นครั้งแรกที่มือของฉันได้แตะที่ใบหน้าของเขาอย่างใจ โดยที่ไม่ต้องอาศัยความฝันให้เราได้อยู่ใกล้กัน

“ลูกของเราเหมือนคุณไงคะ ยุทธ...และหลานของเราก็ไม่ต่างกัน พวกเขาได้หัวใจรักที่มั่นคง และความเข้มแข็งมาจากคุณ และฉันเชื่อ...ในความทรงจำของเขา คุณคือพ่อที่แสนดี”

ฉันบอกเขาไปเมื่อเอนเข้าซบกับบ่าที่คุ้นเคย

“เพราะคุณนะที่รัก เพราะคุณ...พวกเขาถึงได้รู้สึกเช่นนั้น”

ฉันยิ้มรับในคำนั้น ไม่ปฏิเสธเลยว่าในความทรงจำของฉันมีเพียงภาพของเขาเท่านั้นที่ไม่เคยลบเลือน แม้ว่าจะผ่านไปนานกี่วัน กี่เดือน กี่ปี ชยุต ผู้ชายคนนั้น สามีของฉัน พ่อและปู่ของพวกเขาคือผู้ชายคนเดียวที่แสนจะสมบูรณ์แบบที่สุด เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่ได้หัวใจของพวกเราไป
เราสองคนค่อยๆเดินห่างออกมาจากบ้านหลังนั้น หลังจากหยุดยืนมองภาพโกลาหลวุ่นวายนั้นอยู่อีกอึดใจก่อนจะมาหยุดลงใต้ต้นไม้ใหญ่ที่เมื่อก่อน...ตอนนั้นที่เรามีกันมันยังเล็กแค่นิดเดียว

“รอนานเกินไปหรือเปล่าคะ?”

ฉันเห็นเขายิ้ม..ดวงตาเป็นประกายสุกใสยิ่งกว่าที่ฉันเคยเจอเขาในฝัน...

“ผมรอนุชได้..ผมพอใจที่จะได้เฝ้าดูคุณอยู่แบบนี้...ไม่ว่าจะตอนไหนไม่ว่าจะเมื่อไหร่”

ฉันยิ้มให้เขา ตอนนี้เราสองคนเหมือนย้อนกลับไปยังเวลานั้นอีกครั้ง...เวลาที่มีแค่เราสองคน เขาโอบฉันไว้หลวมๆ ในขณะที่สายตาของเรามองตรงไปยังข้างหน้าที่มีแสงสว่างสีทองอบอุ่นกำลังทอลอดลงมาจากฟ้า...ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

“ผมรักคุณ”

ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่นั้น มือของฉันที่โหยหาฝ่ามืออบอุ่นที่เคยเกาะกุมยกขึ้นแตะกับใบหน้าคมคาย ก่อนจะไล้ผ่านเพื่อสำรวจอย่างแผ่วเบา

ใบหน้าคมคายโน้มลงมาหาใกล้ขึ้นเพื่อให้ฉันได้เห็นเขาชัดๆ

เขาคงรู้...ว่าตลอดเวลาที่ผ่านนั้นในช่วงก่อนที่จะรู้ความจริง ฉันไม่เคยเกลียดเขาเลย

มีแต่จะรักเขามากขึ้นทุกวัน...ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเขาฉันไม่เคยเลยที่จะทิ้งมันไปได้อย่างที่ทิฐิอันมากมายกระตุ้นเร้าให้ฉันทำ หัวใจของฉันที่ยังเป็นของเขาเสมอคอยห้ามและบังคับให้มือคอยเก็บรักษาทุกอย่างเอาไว้...รวมทั้งภาพถ่ายสีซีดจาง ที่ฉันหยิบมาดูทุกวัน...ผ่านม่านน้ำตา...

รักเขา คิดถึงเขา โหยหาอ้อมแขนที่เคยกอดรัด ไขว่คว้าหาสัมผัสที่ทำให้อุ่นใจในทุกค่ำคืน แต่ที่ทำได้กลับมีเพียงแค่ไล้ปลายนิ้วไปบนแผ่นกระดาษที่เย็นชืด แตะลงไปยังภาพแทนตัวและร้องไห้ในอกอยู่อย่างนั้น

แต่บัดนี้เขามาอยู่ตรงหน้ามีตัวตน สัมผัสได้ ไม่ได้เป็นแค่ภาพถ่าย ไม่ได้เป็นแค่เงาในฝันที่เวลาเราพบกัน แล้วทำได้แค่ยืนมองกันและกันจากฟากฝั่งที่ถูกแยกห่างโดยสายน้ำอันเย็นเยียบ

นิ้วมือค่อนข้างสั่น เมื่อแตะผ่านรายละเอียดบนใบหน้าที่จำได้ขึ้นใจ หยดน้ำตาเริ่มเอ่อคลอดวงตา

นานแล้ว นานมากเหลือเกินที่ไม่ได้แตะต้องเขาเช่นนี้ ในความฝันที่เบาบางเหมือนหมอกจางๆในยามเช้า ทำได้แค่ให้ฉันไม่ต้องทรมานมากนักในยามตื่นขึ้นมารับรู้กับความจริงทั้งหลายทั้งแหล่ที่ว่า...

เขามีตัวตนแค่ในฝัน ในความทรงจำของฉันเท่านั้นเอง

แต่วันนี้ ตอนนี้ หลังจากที่รอคอยมาเนิ่นนาน...สิ่งที่ฉันได้แต่หวัง และฝันถึงก็เป็นจริงเสียที

“คิดถึงผมมั้ย” มือใหญ่อบอุ่นกุมมือฉันไว้ ก่อนที่รอยจุมพิตที่เคยสลักเสลาความรักของเราให้สวยงามจะแตะแต้มลงที่หลังมือนั้นอีกครั้ง " ผมคิดถึงคุณมากนะนุช ถึงจะอยู่ใกล้คุณเพียงนี้ แต่ผมไม่มีโอกาสเลยที่จะได้กอดคุณไว้เหมือนอย่างเมื่อก่อนนั้น แม้แต่ในฝันของคุณ...ผมก็ยังไม่มีโอกาสได้ทำ”

ความอบอุ่นจากอ้อมแขนที่เอื้อมมาโอบกอดทำให้น้ำตายิ่งไหล ริมฝีปากฉันทำได้แค่ขยับ แต่ไม่มีเสียงเมื่อเอ่ยซ้ำๆว่าคิดถึงเขามาก คิดถึง...มากเหลือเกิน

“ที่รัก...ตอนนี้ผมไม่ปฏิเสธเลยว่า ผมดีใจที่เราจะได้อยู่ด้วยกันเสียที”

รอยจุมพิตจูบซับหยดน้ำทั้งหลายนั้นไว้ หัวใจฉันเต็มตื้นขึ้นมาอีกครั้ง ส่วนที่แหว่งวิ่นไปเมื่อในครั้งอดีตบัดนี้ถูกเติมเต็ม ฉันผละออกจากกอ้อมกอดอบอุ่นที่แสนโหยหานั้นเล็กน้อย ประสานสายตาที่รู้สึกเช่นเดียวกันกับเขานิ่ง ใช้ปลายนิ้วสัมผัสกับดวงหน้าที่อยู่ชิดใกล้อีกครั้งด้วยความอิ่มเอม กระทั่งโน้มเขาลงมาประทับตราดังเช่นที่เขาเคยทำ

ตราของความรักที่ประทับโดยฉัน...ซึ่งในอดีตนั้นไม่เคยทำ

นี่คือการแสดงความรักของฉันที่มีต่อเขาอย่างเปิดเผยโดยไม่ต้องทำเป็นนิ่งเฉย หรือ รำคาญ เพื่อกลบเกลื่อนอีกต่อไป บอกเขาด้วยสัมผัส ด้วยหัวใจ...ว่าที่ผ่านมาใช่เพียงแค่เขาที่ทรมานกับการเฝ้ารอ

ฉันเองก็เช่นกัน เวลาที่ผ่านมานั้น...ฉันก็รู้สึกไม่ได้ต่างไปจากเขาเลย

“นุช...” เสียงเขาสั่นพร่า ตอนนี้เขานั่นเองแหละที่ทำหน้าคล้ายจะร้องไห้ ดวงตาของเขาฉายแววดีใจอย่างสุดซึ้ง เมื่อพบว่าสายตาของฉันมีเพียงแค่เขา และคำว่ารักของฉันอัดเต็มอยู่ในดวงตาคู่นี้

“นุช...ผมรักคุณที่รัก รักคุณเหลือเกิน”

เขาโอบฉันไว้แน่น ในขณะที่ฉันยิ้ม..ยิ้มอย่างอยากที่จะยิ้มให้เขามานาน แล้วบอกคำคำหนึ่งที่ฉันเก็บไว้ไม่ได้บอกเขามานานแล้วเช่นกันว่า

“เราจะไม่แยกจากกันอีกแล้วนะคะ...ต่อจากนี้และตลอดไป”

เขากอดฉันแนบแน่นยิ่งกว่าครั้งใดๆ สีหน้าของเขาแสดงชัดเหลือเกินว่าดีใจมากมายเพียงใดที่ได้ยินคำนั้นจากปากของฉัน คำรักเบาๆของฉันยังกระซิบอยู่ที่ริมหูของเขา แม้เมื่อสองเราได้ล่องลอยจากโลกที่ทรมานด้วยการรอคอย และเฝ้ารอเพียงลำพังไปยังดินแดนแห่งนิรันดร์ ดินแดนที่เราสองคนจะไม่มีวันแยกจากกันอีกตลอดกาล...

======>>>>> เขียนไปตอนนั้นก้ไม่รู้เครียดอะไร แต่แหม....ชะรอยจะรู้ทางตัวเองว่าเหมาะกะซาดิสต์ เอ๊ย ดราม่า 555+

ฝากด้วยนะคะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้กับพี่ป๊อกของน้องลีค่ะ เอ้าๆๆๆ ฮึดๆๆ....จะไปปั่นลั้นล้าฟีลกู้ดได้มั้ยหนอ อิๆ

ปล. ขอกำลังใจหน่อยจร้าาาาาาาาาาาาาาา 55555+



ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ก.พ. 2556, 17:56:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 มี.ค. 2556, 23:11:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 1995





<< ทอรักห่มใจ บทที่ 28 ความรู้สึกที่ตกค้าง DL.   ทอรักห่มใจ บทที่ 30 ปม DL. >>
หมีสีชมพู 9 ก.พ. 2556, 18:04:55 น.
ชินีกับทิพรเริ่มก่อนนี่


evelover 9 ก.พ. 2556, 19:52:59 น.
แล้วพี่ช้างล่ะคะ ไรเตอร์ลืมพี่ช้างแล้วหรือ แบบว่า... รออ่านตอนต่อไปคร่า


konhin 9 ก.พ. 2556, 20:12:07 น.
เศร้าาาาแล้วอ่ะ กระซิกๆ


goldensun 9 ก.พ. 2556, 20:56:13 น.
ชินีทำตัวเองเศร้าเองแท้ๆ สงสัยก็ถามตรงๆ หรือคิดว่าพี่ธรรมจะโกหก
แล้วอยู่ดีๆ ไปทำตามเพื่อนยุ ก็รู้อยู่แล้วว่ารัตเจ้าชู้


ดังปัณณ์ 9 ก.พ. 2556, 21:22:08 น.
พี่ป๊อก ไอ้ช้างมาพร้อมกันพรุ่งนี้คร่าาาาาาาาาาาาา (สารภาพ ....ติดลมจากพี่ป๊อกอ่ะคร้า ดันทิ้งดราม่าไอ้ช้างไว้พอดี แหะๆ)


Padawan 9 ก.พ. 2556, 23:31:14 น.
ชินีนี่ก็ออกจะหลอนๆนะคิดมากจ๊นนนนนนนนนนน อดสงสารพี่ธรรมไม่ได้เลยนะเนี่ย


คิมหันตุ์ 10 ก.พ. 2556, 02:42:41 น.
เรื่องสั้นไม่ไหวจะเคลียร์ เศร้าแต่ก็ซื้งได้อีก T________T


ใบบัวน่ารัก 10 ก.พ. 2556, 09:21:40 น.
เศร้าอ่ะ


supayalak 11 ก.พ. 2556, 19:04:31 น.
อากาศอึมครึมมืดๆ ยังไงไม่รุ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account