เจ้าบ่าวค้างสต็อก by สลิลา

Tags: เจ้าบ่าว ,สต็อก ,โรแมนติก

ตอน: บทที่ 16 (ประกาศเรียกผู้โชคดีมารับรางวัลค่า)

คุณ Hibara และคุณประทับใจ ค้า รบกวนส่งที่อยู่หลังไมค์ด้วยนะค้า คนเขียนอยากแจกหนังสือแย่แล้ว 55555

คุยกันก่อนค่ะ

อ้อม...โอ เค จ้า จัดไป อิอิ
คุณPampam...เตรียมหัวเราะเยาะได้เลยค่ะ 55555555
คุณNB...คาดว่าเรื่องนี้จะน้อยหน่อยนะคะ ก็พ่อพระเอกเขาดันเกลียดเมียน้อยเสียนี่ อิอิ แต่จะพยายามเติมฉากหวานนะคะ
คุณgoldensun...รอลุ้นไปพร้อมกันค่ะ
คุณPat...ได้รับข้อความแล้วค่า
คุณลิลลี่...มาค่ะ มาดูกัน หน้าแตกหมอรับเย็บหรือเปล่า อิอิ

+ + + + + + + + + +

บทที่ 16


นวินไล่สายตามองเฟอร์นิเจอร์สามชิ้นตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา อันได้แก่เตียงไม้จากต้นยางพาราที่ขาหักข้างหนึ่ง ต่อด้วยเก้าอี้ไม้หนาเทอะทะรูปทรงล้าสมัย และตู้เสื้อผ้าซึ่งสร้างไม่ได้มาตรฐานกล่าวคือ ประตูปิดได้ไม่สนิท จำได้ว่าให้ช่างหาไม้มาเปลี่ยนประตูก็ปรากฏว่าหาไม้สีเดียวกันยาก เขาจึงปล่อยเอาไว้ก่อนแล้วก็ลืมมันไปเลย

บัดนี้ ของทั้งสามอย่างนั้นมีการเปลี่ยนแปลงจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม เตียงนั้นมีสภาพขาที่สมบูรณ์ เพียงแต่เตี้ยลงกว่าเดิม หัวเตียงมีภาพวาดดอกไม้เล็กๆ สีเหลืองสลับสีชมพูเลื้อยระดะ ส่วนเก้าอี้ก็มีภาพวาดเป็ดน้อยทั้งตัวสีเหลืองสดใสพาดทับอยู่ตั้งแต่พนักจนถึงที่นั่ง และสุดท้ายตู้เสื้อผ้า จากสีไม้ธรรมดากลายเป็นสีเขียวสดตัดขอบด้วยสีขาว ประตูถูกงัดออกทั้งสองบาน แล้วตีไม้ระแนงพาดขวางทำเป็นชั้นวางของใช้กระจุกกระจิก

ทั้งสามอย่างนั้นกลายเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ดูเก๋ มีสไตล์และดูมีราคาขึ้นมาทันที

ทั้งหมดนี้คือฝีมือวาณีซึ่งแอบเข้ามาทำเวลาว่างและเวลาที่นวินไม่อยู่ โดยมีรัฐภูมิคอยช่วยอำนวยความสะดวกให้ และนี่คือเหตุผลที่ว่า ทำไมทั้งสองจึงต้องเข้ามาในห้องนี้ด้วยกันบ่อยๆ!

“ฉันจำได้ว่าสั่งห้ามเธอไม่ให้มายุ่งกับของพวกนี้ไม่ใช่รึ” นวินกอดอกทอดสายตามองหญิงสาวอย่างคาดโทษ “คำสั่งของฉันมันไม่มีความหมายเลยใช่มั้ย”

“ผมเองก็มีส่วนผิดครับคุณวิน” รัฐภูมิยืดอกรับผิดร่วม “วันนั้นผมเห็นน้ำเพชรเดินร้องไห้ออกมาจากห้องคุณ สอบถามก็รู้ว่าเธออยากลองดีไซน์ของพวกนี้ ผมก็เลยถือวิสาสะอนุญาตให้เธอทำครับ”

“อ้อ ฉันไม่ยักรู้ว่านายเป็นเจ้าของที่นี่ด้วย ถึงได้สั่งให้ใครทำอะไรก็ได้” เขาหันมาดุลูกน้องอย่างไม่พอใจ รัฐภูมิหน้าเสียไป แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ถ้าหากเจ้านายยังปล่อยให้ยืนคุยด้วยได้ แปลว่าไม่โกรธมากเท่าไร ที่สำคัญ เขาว่าเขามองเห็นความพึงพอใจบางอย่างในดวงตาคู่นั้นด้วยนะ

“อย่าดุคุณรัฐเลยค่ะ คุณรัฐเขาฟังไอเดียของหนูแล้วเก็ท คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อโรงงาน ก็เลยบอกให้หนูลองทำดูก่อน”

“นี่เธอกำลังด่าว่าฉันไม่เก็ทไอเดียเธองั้นเหรอ” เขาถามเสียงดัง อีกนิดเดียวก็จะเป็นตะคอกแล้ว แต่วาณีก็คือวาณีที่ไม่มีสักนิดที่จะเกรงกลัวกัน

“ก็ใช่มั้ยล่ะคะ” หล่อนย้อนถามด้วยท่าทีกวนๆ ปนดูถูกเล็กๆ ประมาณว่าคนอย่างเขาไร้หัวทางศิลปะ จึงมองภาพที่หล่อนบอกไม่ออก ถึงสั่งห้ามหล่อนแตะต้องของพวกนี้

“ไม่ใช่” หนุ่มใหญ่ปฏิเสธทันควัน “ที่ฉันไม่อนุญาตให้เธอทำ เพราะเธอเดินเข้ามาบอกฉันว่า เผื่อมันจะสวยขึ้น น่าใช้ขึ้น บางทีมันอาจจะขายได้...ฉันเป็นเจ้าของเงิน เจ้าของของ วันหนึ่งลูกน้องเดินมาขอฉันทำโปรเจ็กต์ด้วยคำว่า เผื่อหรือบางที ฉันจะไม่มีวันอนุมัติ”

วาณีนิ่งฟังแล้วคิดตามคำพูดเขา สักพักก็ทำหน้าเข้าใจ

“อ๋อ...เข้าใจแล้วค่ะ คุณอาหมายความว่า หนูต้องมั่นใจว่าสิ่งที่หนูทำมันจะดีจริงๆ ให้ประโยชน์กับโรงงานจริงๆ ใช่มั้ยคะ”

นวินผงกศีรษะแทนคำพูด วาณียิ้มกว้างมองเขาด้วยความชื่นชมในวิสัยทัศน์แบบผู้บริหารของเขา ทำเอาคนถูกมองรู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองพองโตขึ้นมาเสียดื้อๆ

“หนูไม่เคยนึกประเด็นนี้มาก่อนเลย”

“นายเองก็เหมือนกันนะ รัฐ ถ้าวันหนึ่งนายได้เป็นเจ้าของกิจการ นายจะเข้าใจฉันสิ่งที่ฉันทำมากขึ้น”

“ครับ ผมคิดว่าผมเข้าใจครับ” รัฐภูมิก้มศีรษะรับคำสอนและแนวทางนั้นไว้อย่างเต็มใจ

“แต่งานนี้ ยังไงฉันก็ต้องดุนาย ที่ถือวิสาสะ...นี่โชคดีที่สิ่งน้ำเพชรขอเป็นเรื่องดี ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ดีและเกิดผลเสียกับโรงงานล่ะ”

“ผมขอโทษครับ ผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วครับ”

“แต่ฉันก็ต้องขอบใจนายด้วย เพราะทำให้ฉันเห็นทางออกสำหรับสินค้าที่ค้างสต็อกทั้งหลายนี่แล้ว...” หนุ่มใหญ่เว้นช่วงนิดหนึ่งเพื่อหันมาทางวาณี “งานแฟร์ที่บางนารอบหน้า ฉันจะเอางานที่เธอดัดแปลงไปวางโชว์ด้วย แต่จะไม่ขายนะ เพราะของมันเก่ามากแล้ว ไม่อยากย้อมแมวขาย แต่ถ้าลูกค้าสนใจแนวนี้ ฉันจะให้จองก่อน แล้วเธอค่อยทำตามออร์เดอร์”

วาณีเบิกตากว้าง มองเขาตาโตอย่างต้องการย้ำให้แน่ใจว่าตนเองฟังไม่ผิด ครั้นเห็นเขาพยักหน้า หล่อนก็กระโดดตัวลอย

“เย้!”

นวินมองภาพนั้นด้วยความเอ็นดูระคนชื่นชม แต่ครั้นเห็นหล่อนหันไปเขย่ามือกับรัฐภูมิ ความเอื้อเอ็นดูก็ชักจะฮวบลง จึงเผลอกระแอมออกมา

“แฮ่ม...แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว”

สองหนุ่มสาวปล่อยมือจากกัน แล้วกระวีกระวาดทำตามคำสั่งนั้นทันที โดยรัฐภูมิวิ่งไปหยิบผ้าคลุมเก้าอี้กับเอาพลาสติกด้านๆ มาคลุมโต๊ะเอาไว้ ส่วนวาณีที่อยู่ใกล้เตียง ก็หันไปฉวยผ้าคลุมมาคลี่ออก ครั้นเห็นว่าหล่อนคลุมอย่างทุลักทุเล นวินก็เข้าไปช่วย

“ฉันยกของค้างสต็อกพวกนี้ให้เธอทั้งหมด อันไหนที่เก่ามากจริงๆ ไม่ต้องเอา เลือกไอ้ที่พอจะขายได้ก็แล้วกัน...เอ...แต่ดูเหมือนเธอจะตกแต่งมันให้กลายเป็นของใช้ที่เหมาะกับเด็กใช่มั้ย” ตอนท้ายชายหนุ่มทักเมื่อนึกถึงดอกไม้หัวเตียงกับเก้าอี้ลายการ์ตูน

“ส่วนมากค่ะ” วาณีพยักหน้ารับ “อย่างเตียงน่ะ ความที่ขามันเสียข้างหนึ่ง การซ่อมขามันยากกว่า หนูเลยตัดให้มันเตี้ยลงซะ จะได้เหมาะกับเด็กโตหน่อย...” วาณีส่งยิ้มแบบไม่เห็นฟันให้เขา

“อืม...” นวินพยักหน้าด้วยท่าทีครุ่นคิด “ถ้าอย่างนั้น เธอช่วยทำให้มันเป็นของเด็กทั้งหมดเลยได้มั้ย”

“ได้สิคะ ไม่มีปัญหาอะไร...คุณอาจะจับตลาดเด็กเพิ่มเหรอคะ” รับคำเขาด้วยความกระตือรือร้นแล้ว หล่อนก็ถามต่อ มือก็สาละวนอยู่กับการปูผ้า

“อาจจะ...ฉันขอสำรวจตลาดดูก่อน...” ชายหนุ่มแบ่งรับแบ่งสู้ “แต่ตอนนี้ ขอให้เธอทำของพวกนี้ให้เสร็จก็แล้วกัน แต่ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันจะยังไม่เอาไปโชว์ทั้งหมด”

“เอ๊ะ แต่เมื่อกี้คุณอาเพิ่งบอกว่ายกให้หนู และให้หนูทำแล้วนี่คะ” วาณีหน้าตาตื่น แววตาผิดหวัง

“ฉันยังยืนยันคำพูดนั้น วาณี...ฉันตั้งใจจะเอาไปบริจาค...ฉันเชื่อว่ายังมีเด็กอีกมากมายที่ขาดแคลนของใช้เหล่านี้...ส่วนของที่จะเอาไปโชว์น่ะ ก็ใช้ของใหม่ไปเลยดีกว่า”

วาณีมองเขาด้วยความชื่นชมเต็มสองตา เต็มหัวใจ “คุณอาใจดีจังเลย ตกลงค่ะ...หนูสัญญา ว่าจะตั้งใจทำมันให้ดีที่สุด”

นวินยิ้มชื่น พร้อมกันนั้นก็พยักหน้าอย่างเชื่อมั่นในฝีมือและความตั้งใจมั่นของหล่อน

เหตุการณ์ทั้งหมดนั้น รัฐภูมิเห็นและกำลังวิเคราะห์อย่างหนักหน่วง...ทั้งสองคนไม่เหมือนอาหลานกันสักนิด สายตาที่ทอดมองกันไม่มีสายสัมพันธ์ฉันญาติให้เห็น มีแต่ความรู้สึกจางๆ บางอย่างซุกซ่อนอยู่...ความรู้สึกซึ่งเจ้าตัวทั้งสองไม่ทันตระหนัก ไม่เคยสังเกต ทว่าคนนอกอย่างเขากลับมองได้ชัดเจนกว่า

อย่างน้อย การที่นวินหลอกเขาว่าจะออกไปข้างนอก แต่กลับย้อนกลับมาเพื่อจับผิดเรื่องเขากับน้ำเพชร ก็บ่งบอกอะไรบางอย่างได้เป็นอย่างดี...ถ้านวินห่วงน้ำเพชรในฐานะหลานสาวว่าอาจจะทำอะไรไม่ดีไม่งาม เขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลย แค่เรียกน้ำเพชรไปถามก็น่าจะได้คำตอบแล้ว

สงสัยต้องเร่งหาความจริงกันหน่อยแล้ว!

ตั้งมั่นกับตัวเองแล้ว รัฐภูมิก็เดินไปปิดไฟมุมห้อง ขณะที่นวินกับน้ำเพชรเดินออกจากห้องไปก่อนแล้วและหยุดยืนรอเขาตรงหน้าประตู พอเขาล็อกประตูเสร็จ ทั้งหมดก็กลับเข้าออฟฟิศ โดยนวินแยกไปขึ้นรถของตน ส่วนวาณีกับรัฐภูมิขึ้นรถกอล์ฟกลับด้วยกัน



“ฉันขอบคุณคุณรัฐมากนะคะ ที่ยุให้ฉันลองขัดคำสั่งคุณอา แล้วเดินหน้าทำไปเลย แถมยังช่วยซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ให้ฉันด้วย” วาณีเอ่ยเสียงใส ใบหน้าเบิกบานจนรัฐภูมิอดยิ้มไม่ได้

“ไม่เป็นไรครับ น้ำเพชร...ว่าแต่...คุณอาของคุณ เขาไม่รู้เหรอครับว่าคุณเรียนจบด้านออกแบบมา ผมเห็นเขาทำหน้าแปลกใจใหญ่เลยตอนเห็นผลงานของคุณน่ะ”

“ไม่รู้หรอกค่ะ ฉันไม่เคยเล่าให้ฟัง อืม...จริงๆ ต้องบอกว่า เขาไม่ได้อยากรู้เรื่องของฉันซักเท่าไหร่” หล่อนไหวไหล่น้อยๆ

“อยู่บ้านเดียวกัน แต่ไม่ค่อยคุยกันเหรอครับ”

“ก็คุยกันบ้างค่ะ แต่ไม่ได้คุยเรื่องนี้” วาณีชะงักกึกเมื่อนึกได้ว่ากำลังจะเผยความลับของตัวเองออกมา “คือ...ฉันหมายความว่า เราไม่ค่อยสนิทกันเท่าไรน่ะค่ะ เป็นแค่ญาติห่างๆ เท่านั้น” แล้วหญิงสาวก็รีบชวนเขาคุยเรื่องเฟอร์นิเจอร์ต่อ จนกระทั่งถึงหน้าออฟฟิศ หล่อนกระโดดลงจากรถ แล้วยืนรอเขาเพื่อจะเดินเข้าไปข้างในพร้อมกัน ระหว่างนั้นเอง ประตูออฟฟิศก็ถูกผลักออกจากคนที่อยู่ข้างใน

ออมเงินนั่นเอง

“สวัสดีค่ะคุณรัฐ คุณน้ำเพชร” ลูกสาวของกอบทรัพย์ทักทายทั้งคู่ด้วยรอยยิ้มสดใส เมื่อครู่นี้หล่อนได้คุยกับอาหนุ่มของตน และรู้ถึงสาเหตุแห่งความสนิทสนมของทั้งคู่แล้ว ความหวั่นระแวงจึงลดน้อยถอยลงจนเกือบไม่เหลือเลย เพราะไม่ว่าอย่างไร ในสายตาหล่อน น้ำเพชรก็ไม่ใช่คู่แข่งอยู่ดี

“สวัสดีค่ะ” วาณีทักทายกลับ ขณะที่รัฐภูมิแค่ส่งยิ้มไปให้เท่านั้น

“ออมมีเรื่องงานจะปรึกษาคุณรัฐน่ะค่ะ” หญิงสาวพุ่งเข้าประเด็นทันที

“เรื่องออฟฟิศที่จะรีโนเวทนะเหรอ...มีอะไรหรือครับ” ชายหนุ่มทำหน้างง เพราะล่าสุดที่คุยกันก็คือ ทุกอย่างจะระงับเอาไว้ก่อน จนกว่าโกยทองจะเคลียร์ปัญหาในบริษัทได้

“ออมมาคิดๆ ดูแล้ว ขืนรอให้เรื่องยุ่งยากนั่นจบลง ออมว่าชาตินี้อาจไม่ได้รีโนเวท ฉะนั้น...ก็ทำๆ ไปเลยเถอะค่ะ ออมเลยจะมาชวนคุณรัฐไปดูออฟฟิศว่าควรจะต่อเติมอะไรตรงไหนบ้างน่ะค่ะ”

“นั่นหน้าที่ของวิศวกรเขาครับ คุณออม ไม่ใช่ของผม” รัฐภูมิรีบเตือนความจำ

“รู้แล้วค่ะ วิศวกรไปด้วย คุณรัฐก็ไปด้วยได้นี่คะ ตอนนี้ออมไม่ได้ต้องการแค่คนสำรวจสภาพตึกเท่านั้น แต่ออมอยากได้ไอเดียในการคิดคอนเซ็ปท์ตกแต่งด้วย...นะคะ คุณรัฐ ช่วยออมหน่อย”

“วันนี้ ทั้งวิศวกรทั้งผม เรามีงานอื่นต้องทำอยู่แล้ว คุณออมน่าจะโทรฯเข้ามาก่อน เราจะได้วางแผนการทำงานกัน" น้ำเสียงนั้นมีร่องรอยตำหนิ ออมเงินหน้าชาวูบด้วยความน้อยใจ แต่ก็ยังฝืนยิ้ม

“ออมขอโทษค่ะ...ออมใจร้อนไปหน่อย เอ่อ...แสดงว่าช่วงเช้านี้คุณรัฐว่างใช่มั้ยคะ ถ้าอย่างนั้น เข้าไปคุยงานกันต่อข้างในนะคะ” พูดจบหล่อนก็ถือวิสาสะดึงแขนเขาเข้าไปในออฟฟิศ

“ถ้าคุณออมมาแบบไม่นัดก่อนแบบนี้ ผมไม่มีเวลาให้จริงๆ นะครับ เดี๋ยวผมต้องเตรียมตัวออกไปพบลูกค้าตอนบ่าย” รัฐภูมิขืนตัวไว้ แล้วก็ทำท่านึกอะไรออก “แต่ถ้าคุณออมรีบจริงๆ ลองคุยเรื่องคอนเซ็ปท์กับน้ำเพชรดูสิครับ เธอมีหัวในเรื่องออกแบบมากกว่าผมอีก”

ออมเงินหันมาทางหญิงสาวหน้าตาเปิ่นเชยด้วยท่าทีครุ่นคิด นวินเองก็บอกหล่อนอยู่เหมือนกันว่า น้ำเพชรเพิ่งแสดงให้เขาเห็นว่ามีความคิดสร้างสรรค์ที่น่าสนใจ ทว่า...สิ่งที่หล่อนต้องการยามนี้คือ ความใกล้ชิดกับชายหนุ่มผู้ที่ตนพึงใจ หาใช่ผลงานเลอเลิศที่ไหนไม่

“เอ่อ...แต่ออม...คุยกับคุณรัฐไว้ก่อนหน้านี้แล้วไงคะ ก็อยากให้คุณเป็นคนรันต่อ” หญิงสาวพยายามหาข้ออ้างที่คิดว่าเข้าท่าที่สุดที่นึกได้ตอนนี้

“แต่ตอนบ่ายผมต้องไปพบลูกค้านะครับ...” รัฐภูมิพยายามอธิบายอย่างใจเย็น “และผมก็อยากให้คุณออมมั่นใจในเทสต์ของน้ำเพชรด้วย ผมกับคุณวินเห็นฝีมือเธอแล้ว เราไว้ใจเธอ”

“โอ เค เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ” ที่สุดออมเงินก็พยักหน้า เพราะรู้ว่าขืนดึงดันจะเอาอย่างใจตนต้องการทุกอย่าง หล่อนจะยิ่งแย่ในสายตาของรัฐภูมิ

“เอ่อ แต่คุณอา...เอ่อ คุณวินไม่อยากให้ฉันออกไปข้างนอกนะคะ คุณรัฐ” วาณีรีบแย้ง

“เอ๊ะ ทำไมล่ะคะ” ออมเงินถามอย่างไม่เข้าใจ

“คือ...คือว่า เรื่องการออกแบบตกแต่งเนี่ย ไม่ใช่หน้าที่ของฉันโดยตรง คุณนวินไม่ชอบให้พวกเราก้าวก่ายงานกันน่ะค่ะ”

“อ๋อ เรื่องนี้เองเหรอคะ...อืม ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวออมจะจ้างคุณน้ำเพชรนอกเวลางานก็ได้ แค่นี้ก็ไม่น่าจะก้าวก่ายงานใครแล้วใช่มั้ยคะ” ออมเงินหาทางออกได้อย่างสวยงาม และวาณีก็มองอย่างทึ่งๆ ปนซึ้งใจ ถูกชะตาหญิงสาวตรงหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะเคยได้ยินรัฐภูมิเผลอบ่นบ้างว่า หญิงสาวเหมือนเด็กไม่รู้จักโต ชอบทำอะไรโดยไม่คิด ทว่าวันนี้ ออมเงินก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า หล่อนเป็นผู้ใหญ่และรู้จักคิดมากขึ้น

“คุณออมคิดแผนนี้ออกได้ยังไง เก่งจริงๆ ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณที่ไว้ใจฉันทั้งที่ยังไม่เคยเห็นผลงานฉันเลย”

“ใครบอกล่ะ ออมไว้ใจเทสต์ของอาวิน...แล้วก็ของคุณรัฐต่างหากล่ะ” ตอนท้ายออมเงินวางสายตาไปทางหนุ่มเดียวในที่นั้น ก็พบว่าเขามองหล่อนอยู่ก่อนแล้ว ด้วยแววตาที่ทำให้หล่อนอยากจะกรี๊ดดังๆ ขอบใจตัวเองที่ตัดสินใจแบบนี้

...ชื่นชม...พึงพอใจ...

เพียงเท่านี้ หล่อนก็ชื่นใจเหลือเกินแล้ว...ชื่นใจและมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง...




เมื่อตกลงกันได้อย่างนั้น ออมเงินที่แท้จริงแล้ว ต้องการเพียงมาเห็นหน้ารัฐภูมิก็ลากลับ โดยบอกว่า จะนัดกับน้ำเพชรอีกที

ตอนบ่าย รัฐภูมิออกไปพบลูกค้า ไม่นาน นวินก็โทรฯสายในเรียกวาณีให้เข้าไปพบ เมื่อหล่อนไปถึง เขาก็บอกให้นั่งลง แล้วหันหน้าจอคอมพิวเตอร์กระเป๋าหิ้วมาให้หล่อนดู หน้าจอนั้นมีภาพและข้อความบางอย่างแสดงอยู่ ส่วนตัวเขาลุกขึ้นยืนและมองไปนอกห้องด้วยท่าทีครุ่นคิด...และลุ้นไปเงียบๆ

วาณีกวาดตาอ่านครู่หนึ่งก็ส่งเสียงเรียกเขา ครั้นเขาหันมามอง หล่อนก็เอ่ยอย่างไม่แน่ใจนัก เนื่องจากข้อความส่วนมากเป็นภาษาไทย

“ดูเหมือนจะเป็นงานประกวดออกแบบเฟอร์นิเจอร์ใช่มั้ยคะ”

นวินพยักหน้า “เธอเป็นคนมีความสามารถ ถ้าเธอสนใจ ฉันยินดีจะให้ไม้และอุปกรณ์ต่างๆ แก่เธอ”

“จริงเหรอคะ” วาณีทวนคำอย่างไม่อยากเชื่อหู ครั้นเห็นเขาพยักหน้า หล่อนก็ยิ้มกว้าง พยักหน้าเร็วๆ “สนใจค่ะ หนูอยากลองดู...อืม แต่...ถ้าหนูประกวด ก็อาจจะไม่เวลาทำเฟอร์นิเจอร์ให้เด็กๆ นะสิคะ” หล่อนแสดงสีหน้ากังวล

“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ” ชายหนุ่มว่าอย่างใจดี มองหล่อนด้วยแววตาเมตตาอย่างผู้ใหญ่มองเด็ก “ทำงานประกวดให้เสร็จก่อนก็ได้”

วาณียิ้ม ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินไปใกล้เขา และทำในสิ่งที่นวินคาดไม่ถึง นั่นคือการกราบลงบนต้นแขนเขาด้วยกิริยานุ่มนวลน่ารัก ก่อนจะเงยหน้ามาสบตาเขาพร้อมหยาดน้ำหยดอุ่นคลอสองตา

“ขอบคุณมากนะคะ คุณอา ขอบคุณที่ดีกับคนเลวๆ อย่างหนู...” เสียงหญิงสาวเครือไปเล็กน้อย แววตามีความตื้นตัน ซาบซึ้งและศรัทธาเปี่ยมล้น จนคนถูกมองรู้สึกเหมือนมีดอกไม้ดอกกระจิริดกำลังขยายกลีบของมันอยู่ในโพรงอก จนเขาชักหายใจขัด

“วาณี...”

“หนูไม่ควรได้รับความเมตตาจากคุณอาหรือทุกคนในบ้านเลย แต่ทุกคนก็ดีกับหนูเหลือเกิน ทำให้หนูไม่รู้สึกโดดเดี่ยวหรือไร้ค่าอีกต่อไปแล้ว ขอบคุณนะคะ”

“ที่ผ่านมาฉันคงทำให้เธอรู้สึกแย่มากสินะ” สีหน้าหนุ่มใหญ่ย่ำแย่ รู้สึกเกลียดตัวเองขึ้นมาครามครัน ยิ่งเห็นน้ำตาหล่อนก็ยิ่งรู้สึกผิด วาณีเป็นคนอ่อนไหวภายใต้เกราะของความแข็งกระด้าง ทว่าไม่ใช่คนอ่อนแอเจ้าน้ำตา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหล่อนร้องไห้ ซึ่งนอกจากความซาบซึ้งใจอย่างที่หล่อนบอกแล้ว มันมีความน้อยใจจากวาจาเราะร้าย

“ค่ะ” หญิงสาวผงกศีรษะรับตรงๆ ก้าวห่างเขาเล็กน้อย เมื่อชักรู้สึกว่าตนอยู่ใกล้เขาจนเกินไป จนได้กระไออุ่นจากร่างสูงใหญ่นั่น อุ่นวาบ...อุ่นหวาน...จนหัวใจหล่อนเผลอเต้นผิดจังหวะไป “แต่หนูเข้าใจความรู้สึกของคุณอา”

“นอกจากเรื่องการพนันแล้ว ชีวิตครอบครัวของฉันต้องพังลงเพราะเมียน้อย ฉันไม่ได้โทษเขาฝ่ายเดียวนะ พ่อฉันเองก็ผิด แต่ฉันก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเขาไม่มายุ่งกับพ่อ สถานการณ์อาจไม่เลวร้ายอย่างที่มันเลวร้าย บวกกับชีวิตรักของตัวเองต้องพังเพราะผู้หญิงพวกนี้หลายต่อหลายครั้ง ฉันก็ยิ่งฝังใจเกลียด” ชายหนุ่มอธิบายเหตุผลในการกระทำของตนเพิ่ม แม้หล่อนจะบอกว่าเข้าใจแล้วก็ตาม “แต่เธอ...ต่างออกไปจากทุกคนที่ฉันเคยเจอ ฉันถึงเสียใจที่เคยพูดจาไม่ดีกับเธอ”

วาณียิ้มทั้งตาทั้งปาก ก่อนบอก “หนูเองก็ต้องขอโทษที่เคยทำกิริยาไม่เหมาะสมกับคุณอา”

นวินยิ้มตอบพลางพยักหน้ายอมรับคำขอโทษนั้น ก่อนจะปรับสีหน้าให้จริงจังเหมือนเดิม “มาถึงตอนนี้ เธอยังยืนยันว่าเธออยากจะเลิก ไม่อยากยุ่งกับกอบทรัพย์อยู่หรือเปล่า วาณี”

“ค่ะ” วาณีตอบรับโดยไม่แม้แต่เสียเวลาคิด

“ถ้าเผื่อว่าฉันพาเธอไปพบเขา เธอแน่ใจนะว่าจะไม่ลุกขึ้นมาประกาศว่าตัวเองเป็นใคร แล้วก็เรียกร้องสิทธิอันไม่ชอบธรรมน่ะ”

“หนูอยากให้คุณอาไว้ใจหนูในเรื่องนี้ค่ะ” หญิงสาวกล่าวเสียงหนักแน่น มองสบตาเขาแน่ว นวินนิ่งไปครู่หนึ่งก็พยักหน้า

“ฉันเชื่อเธอ”

เป็นอีกครั้งที่วาณียิ้มกว้างจนเห็นฟันซี่เล็กๆ ขาวสะอาดเรียงกันเป็นระเบียบ แล้วหล่อนก็ทำท่านึกอะไรได้

“จริงสิคะ เรื่องที่เพื่อนๆ คุณอาชอบเอา...ผู้หญิงอีกคนมา...” หญิงสาวขมวดคิ้วเพื่อคิดหาคำ

“ยัดเยียด” นวินต่อให้ขำๆ

“ค่ะ นั่นแหละค่ะ...หนูสัญญาว่า คราวนี้จะไม่มีเหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้นอีกแน่ๆ” หล่อนทำเสียงมั่นอกมั่นใจให้อีกคนทำหน้างง

“เธอจะทำอะไร”

“หนูก็จะคอยเป็นแม่ทัพจัดการให้นะสิคะ...วันไหนที่คุณอาจะขอพี่อุมาแต่งงาน ขอให้บอก หนูจะเฝ้าประตูให้เอง รับรอง ไม่ให้ใครเข้าไปทำลายช่วงเวลาดีๆ ของคุณอาได้แน่”

คิ้วเข้มของชายหนุ่มขมวดเข้าหากันด้วยยิ่งงงหนัก “ฉัน อุมา?”

“ค่ะ ก็คุณอากับพี่อุมาน่ะสิคะ เอ๊ะ อย่าบอกนะว่า คุณอาแอบมีคนอื่นนอกจากพี่อุมาน่ะ” ตอนท้ายหล่อนมองหน้าเขาเชิงคาดคั้นและตำหนิ

“ฉันกับอุมา เราไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วฉันจะไปขอเขาแต่งงานได้ยังไง”

วาณีทำหน้าเหลอ เหวอ และงงงวย “ไม่ได้เป็นแฟนงั้นเหรอคะ”

“ใช่ อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ในตอนนี้”

“ทำไมล่ะคะ พี่อุมาไม่ดีตรงไหน ออกจะเพอร์เฟ็กต์ สวยก็สวย น่ารักที่สุดในโลก นิสัยก็ดีมากด้วย” หญิงสาวถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจนคนมองนึกขัน

“พี่อุมาของเธอดีทุกอย่าง แต่ฉันไม่ได้รักเขา...เธอคงไม่คิดว่า ผู้หญิงผู้ชายจะสนิทกันได้แค่ในฐานะเดียวนะ”

“หนูรู้ค่ะ” หล่อนพยักหน้าหงึกหงักทั้งที่ยังนึกกังขาในความสัมพันธ์ของทั้งคู่

กังขาแล้วก็ชักผิดหวังด้วยสิ...ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ ออกไปทานข้าวด้วยกันเรื่อยๆ มีแววหวานจากแววตาส่งให้กันยามเผลอนะหรือไม่ใช่แฟน...

พอคิดอย่างนั้นก็อดห่วงความรู้สึกของอุมารังสีไม่ได้ หล่อนเห็นความชื่นชอบ ความหลงใหลชัดเจนอยู่ในแววตาของฝ่ายนั้น แล้วจู่ๆ นวินก็มาบอกว่า ไม่ได้เป็นอะไรกัน มันน่าเจ็บปวดสิ้นดี

เห็นสีหน้าของหล่อน นวินก็พอจะเดาความคิดของหล่อนออก

“ฉันสนิทกับพี่สาวเธอก็จริง แต่ยังไม่ได้จีบเขา...ฉันอายุมากกว่าเขาเกือบสองรอบ เขาคงมองฉันเป็นแค่ญาติผู้ใหญ่เท่านั้นแหละ” เขายอมสารภาพความกังวลใจในส่วนลึกให้หล่อนรับรู้

วาณีส่ายหน้าหวืออย่างไม่เห็นด้วย “ไม่ใช่เลยค่ะ พี่อุมาไม่มีทางคิดแบบนั้นแน่ พี่อุมาชอบผู้ชายอายุมากกว่า และก็ปลื้มคุณอามากด้วย อีกอย่าง คุณอาก็ไม่ได้ดูแก่ซักนิด ยังเท่ ยังหล่อและสมาร์ทมากค่ะ” ตอนท้ายหล่อนยกนิ้วโป้งประกอบคำพูดด้วย

“เธอจะมารู้ใจอุมาเขาได้ยังไง” ชายหนุ่มทำเสียงไม่มั่นใจ

“รู้สิคะ หนูกับพี่อุมาน่ะ ชอบอะไรหลายๆ อย่างคล้ายกัน ทั้งที่นิสัยเราแตกต่างกันมาก”

“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง...รวมทั้งเรื่องความรักด้วยหรือเปล่า” นวินชวนคุยเสียงเรียบเรื่อย เหมือนผู้ใหญ่ชวนเด็กคุย ทว่าหากวาณีจะสังเกตสักนิด คงเห็นว่ามีท่าทีตื่นเต้นและลุ้นแปลกๆ ในดวงตาและท่าทีของเขา

“ด้วยสิคะ เราชอบผู้ชายลักษณะคล้ายกัน แต่เราไม่เคยแย่งกันนะคะ เพราะส่วนมาก ผู้ชายจะชอบพี่อุมามากกว่าหนู” ตอนท้ายหล่อนหัวเราะร่วน ไร้ความน้อยเนื้อต่ำใจใดๆ และเพราะมัวแต่นึกขันเรื่องราวของตัวเอง จึงไม่ทันเห็นว่าอีกฝ่ายยิ้มพึงพอใจกับคำตอบนั้นมากแค่ไหน!

(จบบทที่ 16)

ขอประกาศว่า หลังจากนี้อาจเว้นช่วงสำหรับการลงนิยายหน่อยนะคะ อาจจะเป็นสามหรือสี่วันลงครั้งหนึ่ง ด้วยสาเหตุหลักว่า คนเขียนเขียนไม่ทัน อิอิ




วิรัตต์ยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 มี.ค. 2556, 02:06:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 มี.ค. 2556, 09:07:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 2292





<< บทที่ 15 (ประกาศรายชื่อผู้โชคดี)    บทที่ 17 >>
Sukhumvit66 4 มี.ค. 2556, 02:42:03 น.
คนแก่มีความหวังแล้วว้อย


ลิลลี่ 4 มี.ค. 2556, 02:52:46 น.
โอ้ย เมื่อไหร่คนแก่จะจีบเด็กซักที ลุ้นจนตัวโก่งแล้วม55


Pampam 4 มี.ค. 2556, 03:33:53 น.
นั่นสิคะเมื่อไหร่จะจีบซักที อย่ารอจน50นะ


Pat 4 มี.ค. 2556, 06:20:03 น.
ดูท่าแล้วคุณอาคงยังต้องหึงและหวงหนูวาณีอีกเยอะ. เด็กเค้ายังไม่รู้ตัวเล้ย


konhin 4 มี.ค. 2556, 08:00:58 น.
ฮ่าๆๆ โดนหลอกให้สารภาพรักแบบเนียนๆ หึๆๆ จะนึกออกตอนหลังมั้ยเนี่ยยยย


ตุ๊งแช่ 4 มี.ค. 2556, 11:18:14 น.
คนแก่เริ่มหลอกเด็กซะแล้ววว


NB 4 มี.ค. 2556, 15:01:12 น.
ขอหวานๆโหน่ยน๊าาาาาา คนเขียนจ๋าาาาาาาาาาาาา


ปอปู 5 มี.ค. 2556, 16:37:39 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account