SCI
ลีโอ ศาสดาแห่งลัทธิ SCI หากเขาเป็นซาตานที่ชั่วร้ายที่ต้องทำภารกิจครองโลก Katherine หญิงสาวที่ต่อต้านความเชื่อทุกรูปแบบ แล้วเขาจะทำอย่างไรต่อหากต้องพบเจอความรักบนโลกมนุษย์

Tags: Fancy

ตอน: Appear

Katherine--- Kate
ฉันก็สงสัยเหมือนคนอื่นๆ ว่าหนังสือเล่มหนึ่งสามารถเปลี่ยนชีวิตของคนนับล้านทั่วโลกไปตลอดกาลได้อย่างไร คนเหล่านี้ไม่เคยได้พบเจอกับบุคคลที่ถูกเชื่อว่าเป็น ผู้สร้างโลก แต่ก็ไม่แปลก ความจริงแล้วมนุษย์ก็เริ่มต้นชีวิตจากความเชื่อ ตั้งแต่สมัยบรรพกาล มนุษย์แสวงหาสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจตนเองเสมอ ไม่ว่าเริ่มต้นจากความเชื่อของชนเผ่าเล็กๆ จนเติบโตเป็นอาณาจักรยิ่งใหญ่ในอนาคต มนุษย์มักเคารพในสิ่งที่มองไม่เห็น ไม่มีตัวตน “เทพเจ้า เทวดา แม่มด ซาตาน และผู้เนรมิตจักวาลในศาสนาคริสต์” หลายต่อหลายคนที่เชื่อในสิ่งเหล่านี้มักกลายเป็นคนถูกล้างสมอง แปลก งมงาย ผู้กล่าวหามักงัดข้อโต้แย้ง หลักฐาน ข้อพิสูจน์ มาถกเถียงต่างๆนานา แต่หากมองในทางกลับกัน ใช่! สิ่งเหล่านี้ไม่มีตัวตน ยังพิสูจน์ไม่ได้ แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีอยู่จริง

ฉันเขียนมันลงในงานวิจัย จมปลักกับเรื่องราวนี้ตั้งแต่ตื่นยันพล่อยหลับคาโต๊ะกลมๆเล็กๆที่ฉันคิดว่าคงไม่ใช่โต๊ะนั่งทำงานเป็นแน่ เพราะเก้าอี้กับโต๊ะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันที่พอให้ผู้นั่งรู้สึกสบายกาย แต่กลับยิ่งทำให้ต้องก้มตัวจนหลังค่อมมากเกินไป ฉันต้องปวดหัวกับข้อสงสัยเหล่านี้ ฉันไม่ควรมาอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ต้องนั่งเครื่องจากวอชิงตัน ดีซี หลายชั่วโมง และต้องมาจบทริบด้วยการด้วยการพักผ่อนในห้องเช่าสี่เหลี่ยมจัตุรัสเล็กๆในกรุงโรม เหตุผลง่ายๆคือ ธุรกิจ คุณอาจถามต่อว่าธุรกิจประเภทใดถึงได้มาปวดหัวกับข้อโต้แย้งทางศาสนา ความจริงแล้ว การมาเยือนครั้งนี้ฉันมาในนามของธุรกิจแต่แฝงในเรื่องศาสนาและลัทธิ
ฉัน Katherine ผู้หญิงธรรมดาทั่วไปแต่อาจจะดูแปลกตาสักนิด เพราะ ฉันไม่ได้มีเชื้อสายคอเครซอยแท้ แต่กลับมีความเป็นเอเชียมาผสม บ่งบอกจากดวงตาและสีผมอันดำสนิท
ฉันได้หัวข้อในการวิจัยครั้งนี้ อันเนื่องมาจากความอยากรู้อยากเห็นของฉันเอง ศาสนาและลัทธิมีผลต่อจิตใจของมนุษย์ขนาดเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้อย่างไร ความจริงแล้วฉันไม่ใช่นักธุรกิจอะไรหรอก เป็นเพียงนักศึกษาทำงานพาทไทม์ให้กับมหาลัย เพียงแต่หากฉันพูดความจริงว่ามาเยือนกรุงโรมเพราะต้องมาทำงานวิจัยลัทธิที่คนที่นี้ศรัทธากันจนไม่ลืมหูลืมตา และเรื่องศาสนาที่กลายเป็นที่ชิงชังของคนที่นี้ เกรงว่าจุดประสงค์ดังกล่าวนี้จะทำให้ฉันถูกยึดวีซ่า ส่งฉันกลับบ้าน และถูกลงแบล็คลิสไม่ให้มาเหยียบที่นี้อีกเลย

_____________________________________________________

The Appearance of Leo

ความจริงแล้วนี้ไม่ใช่ฤดูฝน ไม่ควรมีฝนตกติดต่อกันนานเป็นอาทิตย์แบบนี้ ทั่วทุกที่ในกรุงโรมถูกปกคลุมด้วยเมฆฝน ไม่มีวี่แววว่าฟ้าจะเปิดให้แสงอาทิตย์ได้ส่องลงมา เช่นเดียวกับค่ำคืนนี้ฝนยังคงโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย พื้นถนนเปียกเฉอะแฉะ ทั่วทุกที่เต็มไปด้วยน้ำเจิ่งนอง ซอย เดอเพอริออง เป็นซอยเล็กๆเพียงไม่กี่ซอยที่ตั้งอยู่กลางเมืองกรุงโรม น้ำที่เจิ่งนองบนถนนสะท้อนภาพและแสงไฟจากมุมตึก แต่ภาพสะท้อนกลับเลือนลางเพราะถูกทำลายด้วยเม็ดฝนหนาที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ไร้วี่แววเสียงใดๆ นอกจากเสียงรถยนต์บนถนนใหญ่จากซอยถัดไปที่แล่นผ่านมาเพียงไม่กี่คัน ยิ่งดึกเท่าไรก็ดูเหมือนแสงไฟในซอยแห่งนี้ก็ยิ่งริบรี่ลงเรื่อยๆ ท่ามกลางสายฝนที่ยังคงเทลงมาไม่หยุด กลับปรากฏร่างชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินมุ่งหน้าจากถนนใหญ่ตรงมายังซอยเล็กๆแห่งนี้ เขาคงอาจลืมไปว่ากำลังเดินอยู่กลางสายฝนเม็ดใหญ่ เขาเดินอ่อยอิงตรงไปยังเป้าหมายเรื่อยๆ ไม่มีสิ่งบดบังเขาจากสายฝน ไม่มีร่ม ไม่มีเสื้อกันฝน เขาอาจคิดว่าเสื้อ sweater ที่ใส่นั้นมีเพียงแค่หมวกฮูดให้พอคลุมศีรษะก็เพียงพอ ไม่มีปฏิกิริยาว่าเขาจะรีบวิ่งไปยังเป้าหมายแต่กลับปล่อยให้เสื้อ sweater สีแดงเปียกชุ่ม เขาเดินอย่างช้าๆ ย่ำลงพื้นน้ำไปเรื่อยๆ เขารู้ว่าหากเขารีบจ้ำอ้าวอย่างรวดเร็ว จะใช้เวลาเพียงห้านาทีเท่านั้นที่จะมุ่งไปยังท้ายซอย เขารู้สึกว่ายิ่งเดินไปข้างหน้าเท่าไหร่ หนทางที่ใกล้กลับทอดยาวเป็นกิโลจนเขาไม่อยากที่จะเดินต่อไป เบื่อหน่ายที่จะก้าวขาเดินบนพื้นถนนที่เฉอะแฉะ เขาก็เหมือนคนอื่นๆ ไม่เคยชอบฤดูฝน แต่นี้กลับแย่ยิ่งกว่า นี้ไม่ใช่ฤดูที่ฝนต้องตกหนักแบบนี้ ฤดูร้อนต่างหากที่เขาและคนกรุงโรมแห่งนี้รอคอย
ตอนนี้ร่างกายเขาเริ่มเหนื่อยล้ากับภารกิจมากมายที่ทำมาตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา เขายังคงเดินก้มหน้าต่อไป มันช่างน่ารำคาญที่สายฝนหนาเสียจนมองภาพข้างหน้าไม่ชัดเจน เขายังไม่อยากทำตอนนี้ เขาบอกกับตัวเอง มันจะดูผิดธรรมชาติเกินไปที่เขาจะปล่อยให้ฟ้าเปิดเห็นดวงดาว ให้ฝนหยุดอย่างทันควัน ทั้งๆที่พยากรณ์อากาศได้แจ้งแถลงไขไปแล้วว่า กรุงโรมต้องต้อนรับมรสุมผิดฤดูเช่นนี้ไปจนถึงอาทิตย์หน้า แล้วถ้าเขาเลือกที่จะทำตามใจตนเองตอนนี้ เขาผู้นั้นก็คงไม่ยินดีกับความสามารถพิเศษแบบนี้สักเท่าไหร่ หลายอาทิตย์แล้วที่ต้องทนอยู่กับฝนหลงฤดูที่นี้ กรุงโรม อดีตอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่และรุ่งเรืองแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก ยังคงสง่างามจนเขาลุ่มหลงกับเสน่ห์ที่ตราตรึงนับตั้งแต่มาเยือนครั้งแรก แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว อารยธรรมที่พ่วงด้วยศาสนาได้ถูกทำลายจนดับสูญ และช่างน่าเศร้าที่ทุกอย่างพังพินาศด้วยน้ำมือของเขาเอง เขามาที่นี้เพื่อทำภารกิจหรือกล่าวได้ว่าต้องทำตามคำสั่ง สิ่งนี้ได้มัดตัวเขาแน่นหนา เขากลายเป็นวีรบุรุษของคนเบื้องล่างที่ทำภารกิจก่อนหน้านี้ได้สำเร็จ และภารกิจนี้จะเป็นภารกิจสุดท้ายที่จะจบทุกอย่างแต่จะเป็นจุดเริ่มต้นของความทะเยอทะยานของคนเบื้องล่างที่หวังจะครอบครองโลกมนุษย์ และสวรรค์
เขาหยุดเดิน ดึงหมวกฮูดที่คลุมศีรษะออก เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลา ขอบตาที่คล้ำยิ่งกลับเน้นให้ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลคู่นั้นดูเด่นชัดอย่างน่าประหลาด เขาเสยผมสีน้ำตาลเข้มขึ้นด้วยความรู้สึกนึกรำคาญเส้นผมที่เปียกแฉะ แต่น่าแปลกที่มันกลับตั้งขึ้นเป็นทรงอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขาแบมือซ้ายขึ้น แสงสีเขียวปรากฏบนมือของเขาพร้อมด้วยอักษรสีเขียวเข้ม “ศรัทธา Sci” ตัวอักษรเลือนหายไป กลายเป็นตัวเลข 11.48
“12 นาที” ชายหนุ่มกล่าวออกมา
เทคโนโลยีนี้เขาเป็นคนคิดขึ้น เทคโนโลยีของ sci สามารถสนองความต้องการได้ทุกอย่าง เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง อย่างใจนึก นี้คือสิ่งที่เขาบอกกับไซซ์ยชน คนเหล่านี้ไม่รู้เลยว่ามันเป็นเพียงแค่มนต์ดำและการเล่นกลอย่างที่มนุษย์โลกเรียกว่ามายากล สิ่งที่พวกเขาได้อย่างที่ร้องขอ หรือเห็นว่าเป็นสิ่งที่อัศจรรย์ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตนอยู่เลย เขาแค่อ้างด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไมโครชิพเล็กๆในมือข้างซ้ายที่สามารถเปลี่ยนชีวิตคุณ ไมโครชิพอันนั้นเป็นเพียงแค่วัตถุด้านมืดที่เป็นตัวกลางนำพาจิตใจมนุษย์ที่ไม่มั่นคงให้ออกห่างจากศาสนาหรือสิ่งยึดเหนี่ยวต่างๆเท่านั้น ส่วนสิ่งที่พวกเขาได้รับเป็นเพียงการเล่นกลกับจิตใจ หลอกผ่านทางศรัทธาให้เห็นสิ่งต่างๆเป็นเรื่องจริง คุณอาจสงสัยต่อว่าแล้วชายหนุ่มผู้นี้ใช้ประโยชน์อะไรจากไมโครชิพในมือซ้ายของเขา มันเป็นแค่เรื่องหลอกๆ เขาก็แค่ใส่ไว้เป็นเครื่องบอกเวลาเล่นๆเท่านั้น จะดูเป็นอย่างไรหากศาสดาแห่งไซซ์นไม่มีสิ่งอัศจรรย์สิ่งนี้
“นังนี่ บอกแล้วไงว่าเอาเงินมาให้หมด” เสียงหนึ่งดังแววมาจากท้ายซอย จากเป้าหมายที่เขาต้องไปให้ถึงก่อน เที่ยงคืน เขามองหาต้นเสียงผ่านสายฝนหนาที่ยังตกอยู่ต่อเนื่อง แล้วเขาก็เจอต้นตอของเสียง เด็กหนุ่มในชุดดำสนิทจนดูเหมือนจะกลมกลืนเหลือเกินกับความมืดในขณะนี้ แม้จะมืดเพียงใดแต่ก็ยังคงมีแสงสว่างลอดมาจากหัวมุมตึก แสงสะท้อนใบหน้าเด็กหนุ่ม ทำให้เขารู้ว่า เจ้าของเสียงนี้เด็กเกินไปที่จะถือมีดจ่อคอหญิงผิวหมึกที่ยืนตัวสั่นกุมกระเป๋าใบเล็กในอ้อมกอดของเธอเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ เธอส่ายหน้าเป็นการยืนยันว่าเขาจะไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ
“เฟเดโต้ เงินสำคัญกับฉันจริงๆ ฉันต้องใช้เงินไปรักษาแม่ที่โรงพยาบาล ได้โปรด แม่ช่วยเหลือครอบครัวนายมาเท่าไหร่แล้ว นายก็รู้” สาวผิวหมึกร้องขอเด็กหนุ่ม น้ำตาไหลปนคราบมาสคร่าเปรอะเปื้อนบนใบหน้า
ดูเหมือนคำร้องขอจะได้ผลในตอนแรก เด็กหนุ่มชะงัก เขาค่อยๆลดระดับมือที่ถือมีดลง แต่สายตาเขากลับเหลือบมองไปที่แผ่นปลิวที่ติดอยู่ตามกำแพงใกล้ๆ แผ่นปลิวดิจิตอล มีอักษรวิ่งไปมา “ศรัทธา SCI เทคโนโลยีใหม่” อักษรเลือนหายไป ปรากฏเป็นภาพไมโครชิพแผ่นเล็ก ลอยเคว้งคว้างอยู่ในแผ่นปลิว ก่อนจะปรากฏเป็นร่างชายสวมเสื้อคลุมสีแดง หน้าของเขาซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากาก ดวงตาสีฟ้าที่จ้องออกมาดูพิศวงอย่างน่าประหลาด มันสามารถสะกดคนดูได้อย่างไม่น่าแปลกใจ “ศาสดาแห่ง SCI” อักษรปรากฏเป็นข้อความเสริม แผ่นไมโครชิพลอยเข้าหาชายชุดคลุมสีแดงเพลิงในแผ่นปลิวก่อนจะลอยลงมือซ้ายของชายผู้นั้นอย่างว่าง่าย
“คุณจะได้ทุกอย่างที่ปรารถนา เพียงคุณเข้าร่วมและศรัทธาเรา” บทความดังกล่าวปรากฏก่อนจะหายแวบไป เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเด็กหนุ่มและหญิงสาว มีเพียงเสียงท้องฟ้าที่ร้องครืนๆอยู่ตลอดเวลา เด็กหนุ่มเปลี่ยนใจดึงมีดขึ้นมาอีกครั้ง
“เอาเงินมา กูจะเข้าร่วม SCI กูจะได้ทุกอย่าง” เด็กหนุ่มกระชากกระเป๋าแรงเสียจนกระเป๋าหลุดออกจากมือหญิงสาว เธอเสียหลักล้มลงกระแทกกับม้านั่ง
ช่างหอมเหลือเกิน เขาสูดกลิ่น ความโลภ ความกระหาย ของเด็กหนุ่มที่ฟุ้งลอยมาแตะจมูกเขา มันดึงดูดเขามากเสียจนเขาอยากจะลิ้มลองอาหารโอชะมื้อนี้ ยิ่งเขาลังเลที่จะเดินเข้าหา กลิ่นก็ยิ่งหอมจนต้านทานไม่อยู่ เขาไม่คิดอยากทำร้ายเด็กคนนี้สักนิดแต่เขาฝืนสัณชาตญานของตัวเองมาสองอาทิตย์แล้ว ที่เข้าไม่ได้ลิ้มรสอาหาร ด้านมืดและ วิญญาณของมนุษย์ ร่างกายเขากำลังอ่อนล้าลงเรื่อยๆ ดวงตาที่เคยเป็นสีฟ้าใสดั่งน้ำทะเล บัดนี้กลับกลายเป็นแดงกร่ำ ดั่งเลือด เขาต้านทานความหิวกระหายนี้ไม่ไหวอีกต่อไป เขาเดินตรงไปยังเด็กหนุ่มด้วยความหิวกับมื้ออาหารตรงหน้า เขาปัดมีดในมือของเด็กหนุ่มออก แรงเสียจนได้ยินเสียงดังกร๊อบของกระดูกข้อมือที่หัก เด็กหนุ่มร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด แต่ก่อนที่ร่างจะล่วงลงพื้น เขาก็คว้าคอเด็กหนุ่มไว้ ร่างเขาค่อยๆลอยขึ้นจากพื้น สาวผิวหมึกร้องเสียงดังด้วยความกลัวกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า
“ไปซะ” เขาตะคอกบอกเธอ แค่เพียงดวงวิญญาณเดียวเขาก็สามารถกลับมาแข็งแกร่งเช่นเดิม เขาไม่ได้ต้องการเธอ แม้กลิ่นความกลัวจะหอมฟุ้งมาล่อใจเขาก็ตาม หญิงสาวตกใจกลัว ก่อนวิ่งหายไปในความมืด
ตอนนี้ไม่ใช่แค่ความโลภ ความกระหายเท่านั้น กลิ่นความกลัวยังปรากฏอยู่รอบตัวเด็กหนุ่ม เขาเชิดหน้าเด็กหนุ่มขึ้น ค่อยๆบรรจงสูบมันอย่างหิวกระหาย เขารู้ดีว่าท้ายที่สุดแล้ว ไม่ใช่แค่สามสิ่งด้านมืดนี้เท่านั้นที่เขาต้องการ แต่สิ่งอันโอชะที่สุด คือ วิญญาณ ของมนุษย์
ขณะที่เขากำลังดื่มด่ำกับอาหารรสเลิศ ภาพความทรงจำของเด็กหนุ่มก็ค่อยๆปรากฏเสมือนกำลังฉายภาพจากแผ่นฟิล์มในหัวของเขา ภาพหญิงวัยชราใส่แว่นหนาเตอะ เธอนั่งอยู่บนโซฟาสีแดงอันอบอุ่นหน้าจอโทรทัศน์เล็กๆ รุ่นเก่าที่เขาเดาว่าคงอายุราวกว่าสิบปี เธอดูซูบซีด ผมขาวโพน แก้มตอบเสียจนเห็นโหนกแก้มอย่างชัดเจน เธอดูสุขภาพย่ำแย่ สังเกตได้จากมือที่สั่นเทาอยู่ตลอดขณะที่เธอยุ่งอยู่กับเข็ม ด้ายและเสื้อสีดำที่วางอยู่บนตัก เธอคงเป็นบุคคลที่เด็กหนุ่มรัก และห่วงที่สุดเพราะเธอคือความทรงจำแรกที่ปรากฏ ภาพความทรงจำขาดหายไป เขาชะงัก ดวงตาที่เคยเป็นสีแดงเลือดค่อยๆจางหายกลายเป็นดวงตาสีฟ้าที่น่าหลงใหลเช่นเดิม เขาปล่อยตัวเด็กหนุ่มลงพื้น แสงจากท้ายซอยส่องให้เห็นเสื้อดำที่เด็กหนุ่มใส่ มีรอยปะเย็บเป็นทางยาว ยังมียายที่แก่ชรารอเด็กหนุ่มผู้นี้อยู่ที่บ้าน เขายังไม่ชั่วร้ายพอที่จะพรากหลานรักของครอบครัวนี้ไป เด็กหนุ่มนั่งลงไปกองกับพื้น เขาดูงงงวยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“นายไปซะ ดูแลเธอให้ดี”
เมื่อเด็กหนุ่มตั้งสติได้ก็กลับร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เขาคว้าข้อมือที่หักพับไปอีกข้าง ก่อนจะวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตหายไปในม่านฝน
“เจ้าปล่อยมันไปรึ” ชายหนุ่มสะดุ้ง เสียงที่เปล่งออกมาทำให้ขนที่ท้ายทอยเข



LadacoRa
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 มี.ค. 2556, 18:39:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 มี.ค. 2556, 18:41:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 932





<< Intro   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account