มนต์รักท่าคา
รักต่างขั้วของคอลัมน์นิสชื่อดัง กับผู้พิทักษ์หิ่งห้อยและสายน้ำแห่งท่าคา
Tags: ตลาดน้ำท่าคา พายไข่ วาคิม

ตอน: ตอนที่2(ตำนานหิ่งห้อย กับ ต้นลำพู)


สวัสดีพค่ะ เสาร์ที่ 6 เมษยนมีใครไปงานหนังสือบ้าง อย่าลืมทักกันนะคะ นกจะไปที่บูธ ของปัณปุระ (Think Beyound) เป็นเพื่อนกับนกได้ทาง Facebook Chananchida Tumprasert ไปคอมเม้นต์ติชม ทักทายกันได้


ตอบคำถาม

คุณ Auuu ข้าวพันผักอร่อยมากค่ะไม่อ้วนด้วย แต่เขาว่าแถวอุตรดิตถ์เยอะ แถวสุโขทัยเคยไปเห็นแถวบ้านตึก แต่ที่นั่นมีน้ำใส่ให้ด้วยเหมือนก๋วยเตี๊ยวเลย

คุณ กรยุพา ขอบคุณที่ชมค่ะตัวเองก็เก่งเหมือนกัน (เขาชอบหาเรื่องเที่ยว เลยมีเรื่องเขียนน่ะตัวเอง)

คุณ kaelek อิจฉาคนได้กินข้าวพันสูตรดั้งเดิมจัง คุณปลัดใช่พระเอกไหมนะ อ่านตอนนี้แล้วน่าจะทราบ

คุณ HaDes ขอบคุณมากสำหรับกำลังใจ หนึ่งกำลังใจของคุณถึงทำให้เขียนตอนที่สองได้ อย่าลืมมาส่งกำลังใจให้กันอีกนะคะ

คุณ Lunamoon ขอบคุณที่ช่วยแก้คำผิดให้ (เห็นบอกว่าคิดถึงบ้านอยากกินข้าวพันผัก สงสัยเป็นสาวอุตรดิตถ์แน่ๆ เลยเนอะ)



++++++++



ตอนที่2 (ตำนานหิ่งห้อย กับ ต้นลำพู)

พายไข่ขอถ่ายรูปและขอสัมภาษณ์เรื่องราวประวัติของท่าคากับเจ้าของร้านอาหารอีกนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าเริ่มมีรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถกว้างหน้าตลาดมากขึ้นและลูกค้าเริ่มเข้าร้านพายไข่จึงกล่าวขอบคุณสำหรับข้อมูลและบอกลาเจ้าของร้าน

“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยให้ข้อมูลฉัน ค่าอาหารทั้งหมดเท่าไหร่คะ”

“ทั้งหมดห้าสิบบาทค่ะ แต่คุณไม่ต้องจ่ายมื้อนี้ฉันเลี้ยงค่ะ”

คอลัมนิสม์สาวหน้าสวยถึงกับอึ้งสองครั้งติดกันครั้งแรกกับราคาอาหารสองจานน้ำหนึ่งขวดแค่ห้าสิบอิ่มจนจุกก็ตกใจมากแล้ว อึ้งรอบสองเพราะเจ้าของร้านบอกให้กินฟรี

“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณขายถูกแล้วยังไม่เก็บเงินอีก”

“ของแค่นี้เองอย่างน้อยคุณจะได้มีอะไรที่ประทับใจในท่าคาบ้าง แล้วอย่าลืมนะคะคืนนี้คุณลองเข้ามาชมหิ่งห้อยที่นี่สิ คุณจะได้บรรยากาศบ้านสวนริมน้ำอย่างแท้จริง”

พายไข่อมยิ้มพยักหน้า แต่ก็ไม่คิดว่าจะกลับเข้ามาอีกหรือเปล่าดึกๆในตลาดน้ำกลางดงมะพร้าว

หลังจากขอบคุณและรู้สึกอิ่มเอมกับน้ำใจที่ได้รับพายไข่ก็เข้ามาในเขตตลาดน้ำริมคลองเพื่อจะได้ทำงานต่อ พื้นที่โล่งๆที่เป็นขนัดสวนติดกับลำคลองดูสะอาดตาแม่ค้าไม่มากจนหนาแน่นเหมือนตลาดน้ำทั่วไปแต่ก็ไม่น้อยจนโหลงเหลงบรรยากาศตลาดน้ำกลางสวนมะพร้าวที่นี่อากาศดีลมเย็นพัดโชยมาตลอด

“มีดนตรีกลางสวนมะพร้าวด้วย” พายไข่เหลือบไปเห็นนักร้องวัยรุ่นแต่งตัวเซอร์สามคนกำลังขึ้นเวทีเตี้ยๆกลางสวนและร้องเพลงทำนองเบาๆฟังแล้วสบายหู เด็กผู้ชายวัยขวบเศษกำลังโยกกายย่อเข่าเต้นอย่างเมามันในจังหวะเพลงช้าที่ด้านหน้าเวทีพายไข่หัวเราะและยกกล้องเก็บภาพนั้น
จากนั้นเธอจึงเดินชมร้านค้าขนมและอาหารทุกอย่างอยู่ในรูปแบบกระทงใบตองแถมราคาถูกมากๆ หน้าตาน่ารับประทานจนคนที่อิ่มจากข้าวพันมายังห้ามใจไม่ได้
“ขนมหวาน” สองเท้ารีบเข้าไปหาเพราะพายไข่ชอบทานขนมหวานเป็นที่สุด ขนมหวานไทยน่าตาน่ากินบางอย่างดูหายากมากในปัจจุบัน
“ข้าวเหนียวสังขยา กระทงเท่าไหร่คะยาย”
“สิบบาทจ้าหนู”
“อะไรนะสิบบาท ถูกมาก” ตาของพายไข่โตขึ้นกว่าเดิม เคยซื้อที่ร้านขนมไทยในห้างสรรพสินค้าชื่อดังแพงกว่านี้หลายเท่าตัว

ต่อจากนั้นขนมถ้วย ตะโก้ ขนมมัน จึงถูกจับใส่ถุงส่งให้สาวสวยที่มีสีหน้าประหลาดกับการซื้อขนมกระทงละสิบบาท มองไปตรงนั้นมองไปตรงนี้ก็มีแต่ขนมอาหารน่าอร่อย อาหารน่าทาน แถมกลิ่นก๋วยเตี๋ยวน้ำแดงเอกลักษณ์ของที่นี่ยังโชยกลิ่นมาเตะจมูกพายไข่อีก ดังนั้นที่ บก. ปราบสั่งให้พายไข่มาเขียนบทความท่องเที่ยวแต่ตอนนี้พายไข่กำลังทำตัวเป็นนักชิมมืออาชีพเรียกว่าลืมอ้วนกันเลย สาวสวยในชุดเสื้อผ้าทะมัดทะแมงแต่บ่งบอกถึงความหรูหราและราคาแพง เดินซื้อขนมชมผลไม้ยังอยู่ในสายตาของใครบางคนที่เห็นแล้วอดขำไม่ได้มือหนึ่งถือของกินมือหนึ่งถ่ายรูปปากยังเคี้ยวตุ้ยๆ

“ช่างแยกประสาตสัมผัสได้ดีจริงๆ ยัยพายไข่คนนี้” วาคิมอมยิ้ม

พายไข่ยกกล้องถ่ายรูปขึ้นถ่ายภาพ ลำคลองสะอาดที่มีเรือพายจากชาวบ้านนำสินค้าทางการเกษตรจำพวก มะม่วง ชมพู่ มะพร้าว หมากพลู มาขาย พร้อมระบายยิ้มออกมา งานในวันนี้แตกต่างกับงานที่เคยเขียนและทำมากเธออคติกับมันตั้งแต่ยังไม่ได้สัมผัส แต่ไม่อยากเชื่อเลยว่าเพียงชั่วโมงเดียวที่ได้เดินชมบรรยกาศของที่นี่ความสบายใจ ความรู้สึกปลอดโปร่งเกิดขึ้นมาอย่างประหลาดสิ่งแบบนี้หาไม่ได้ในเมืองหลวงอันวุ่นวาย แต่ทว่าพายไข่ก็ยังไม่รู้จะเขียนอะไรลงไปในบทความอยู่ดีเธอจะต้องรีบทำงานหาข้อมูลมาเขียนให้ได้ภายในวันนี้มิเช่นนั้นจะต้องพักที่นี่ ถึงแม้จะยอมรับว่าขนมของกินถิ่นนี้อร่อยจริง แต่ถ้าให้พักค้างคืนกลางสวนมะพร้าวคนหัวสูงจอมจินตนาการก็ส่ายหัวทันที

“แม่ครับๆ ผมอยากลงเรือ” เสียงเด็กชายวัยคงไม่เกินอนุบาลร้องให้คนเป็นแม่พาไปนั่งเรือพายท้ายๆ ตลาดซึ่งพายไข่เองก็ได้รับคำแนะนำจากเจ้าของร้านอาหารมาเหมือนกันว่าให้นั่งเรือไปชมวิถีชีวิตของชาวท่าคาเมื่อมองเห็นท่าขึ้นเรือและเห็นว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาตินั่งเรือชมคลอง ชมสวน พายไข่ก็พาหุ่นสวยในชุดหรูเข้าไปสอบถามทันที

“เรือจะพาไปที่ไหนบ้างคะและค่าบริการเท่าไหร่”

“เหมาลำสองร้อยครับแต่ถ้าคุณมาคนเดียวร้อยห้าสิบก็ได้ จะพาไปชมวิถีชีวิตริมฝั่งคลอง และไปดูการทำน้ำตาลมะพร้าวที่เตาตาล จากนั้นจะพายเรือไปชมบ้านที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่เคยเสด็จประพาส หรือคุณจะเหมาไปชมสวนผลไม้เพิ่มก็ได้”

“โอเคค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอเหมาลำขอฝีพายมือดีๆนะคะเพราะว่าฉันว่ายน้ำไม่เป็น” พายไข่แอบกระซิบ “ขอแบบไม่แก่มากก็ได้ค่ะกลัวลุงแกจะเป็นลมพายไม่ไหว”

คนจัดคิวเรือพายถึงกับหัวเราะ “โธ่! คุณครับยิ่งแก่ยิ่งมีฝีมือพาย คนละแวกนี้ไม่ว่าหนุ่มว่าแก่พายเรื่อกันเก่งครับไม่ต้องกลัวเรื่องเรือล่ม”

“เปล่าหรอกค่ะ ฉันแค่กลัวว่าให้คุณลุงอายุเยอะพายเรือไปเกิดแกเป็นลมกลางทางฉันจะพายกลับไม่ได้ว่ายน้ำก็ไม่เป็น”

“ได้ครับเดี๋ยวผมจัดให้” คนจัดคิวเรือกำลังหันไปหาเรือให้เธอก็พบว่านักท่องเที่ยวลงกันจนเต็มทุกลำ”

“อ้าว! เรือหมดเสียแล้วคุณรอหน่อยนะครับวันเสาร์เรื่อไม่ค่อยเยอะเท่าวันอาทิตย์”

พายไข่เบ้หน้ากลัวว่าสายกว่านี้แดดจะร้อนเดี๋ยวผิวจะเสีย “หาให้ฉันหน่อยไม่ได้เหรอคะฉันมาทำงานถ้าแดดแรงมากไปเดี๋ยวถ่ายภาพไม่สวย ที่สำคัญคือมันร้อนแล้วฉันจะดำ”
คนจัดคิวเรือกำลังมองหาว่าจะมีเรือพายเข้าท่ามาไหมและพายไข่เหลือบเห็นชายร่างสูงรูปร่างกำยำมีผ้าขาวม้าพันหน้าเว้นแค่รอบดวงตาสวมงอบอย่างชาวสวนแต่งกายเหมือนผู้ชายชาวสวนทั่วไปกำลังลงไปในเเรือลำหนึ่งที่จอดเทียบท่าไว้

“นี่ไงคะเรือกับคนพายฉันไปลำนี้ละกันค่ะ” พายไข่ก้าวลงเรือลำนั้นไปทันที

“เดี๋ยวคุณ ไม่ได้ครับ นั่นเอ่อ...”

แต่คนที่ลงไปนั่งในตำแหน่งคนพายส่ายส่งสัญญาณให้คนจัดคิวเรือพายไม่ต้องพูดอะไรอีก
“คุณผู้หญิงคนนี้จะไปที่ไหนเหรอครับลุงแดง”
พายไข่ชิงตอบแทน “คุณพายไปก่อนตามเส้นทางท่องเที่ยวปกติถ้าฉันอยากไปไหนอีกจะบอก ฉันจ่ายได้ไม่อั้นค่ะ แต่พายดีๆก็แล้วกันอย่าทำฉันตกน้ำ และก็ห้ามเป็นลมหมดแรงพายอย่างเด็ดขาดเพราะฉันพายเรื่อไม่ได้และว่ายน้ำไม่เป็น”
“ครับคุณนาย”เขารับคำเธอ พร้อมเสียงหัวเราะหึๆในลำคอแววตาคู่คมไหวระริกอย่างขบขัน
เรือที่พายไข่นั่งสวนกับเรือแม่ค้าก๋วยเตี๋ยว “อ้าว! จะไปไหนล่ะพ่อพาใครมาด้วย แฟนเหรอ”

เสียงทักของคุณยายที่ขายก๋วยเตี๋ยวโบราณทำให้พายไข่หน้าแดง “ตายล่ะสวยๆอย่างฉันถูกทักเป็นแฟนคนพายเรือ” เธอคิดว่าใต้ภายหน้าผ้าที่โพกศีรษะปิดหน้านั้นคงเป็นชายวัยกลางหน้าตามีอายุเหมือนคนพายเรื่อคนอื่นๆที่เห็นเมื่อครู่

“ไม่ใช่หรอกครับ ธอเป็นนักท่องเที่ยว คุณยายขายดีไหมครับวันนี้”

“ก็ขายได้เรื่อยๆค่ะ พอได้ๆค่ะคุณปลัด ว่าแต่คุณปลัดมารับจ็อบพายเรือพานักท่องเที่ยวชมคลองด้วยเหรอคะ”

คุณยายใส่เสื้อลายดอกหัวเราะปนยิ้ม

วาคิมตอบกลับเบาๆ “กรณีพิเศษครับ ผมขอตัวก่อนก็แล้วกันครับคุณยาย”

“ถามจริงๆเถอะอำกันเล่นหรือเปล่าพ่อคุณ ไม่ใช่แฟนจริงๆเหรอช่างสวยสมกันอย่างอะไรดี” คนสูงวัยแอบถามเบาๆตอนเรือเทียบกัน

ไม่รู้ว่าพ่อหนุ่มคนพายเรื่อตอบว่าอะไรไปและพายไข่ก็ไม่ได้สนใจฟังเรื่องที่ทั้งคู่คุยกันเพราะมัวแต่ถ่ายรูปแต่เห็นคุณยายคนนั้นหัวเราะเบาๆและเบนเรือเข้าฝั่งเพื่อไปหาลูกค้าที่กวักมือเรียก

พายไข่ได้ยินไม่ค่อยชัดและไม่ได้สนใจนักเพราะพอลงมานั่งอยู่ในเรือเธอก็เห็นวิวอีกแบบของตลาดน้ำแห่งนี้พายไข่รีบเก็บภาพแม่ค้าที่พายเรือสวนกันไปมามีทั้งเรือขายผลไม้สวนอย่างมะม่วง มะพร้าว ส้มโอ เหลือขายก๋วยเตี๋ยว กระเพาะปลา จนกระทั่งผ่านไปประมาณห้าร้อยเมตรภาพตลาดที่ค่าค่ำด้วยเรือพายขายของเริ่มหายไปเป็นสภาพสองฝั่งของที่มีต้นลำภู ต้นโกงกาง และต้นไม้ชายเลนอื่นขึ้นสลับกันสภาพเส้นทางที่ผ่านมาจะเป็นสวนมะพร้าวสวนผลไม้ สลับกับบ้านคนที่ปลูแบบเรียบง่ายปลูกอยุ่ริมน้ำห่างเป็นระยะห่าง

พายไข่เปิดกระเป๋าหาแว่นกันแดดแบรนด์ดังระดับไฮเอ็น

“ร้อนเหรอคุณ” วาคิมถามพลางจะหยิบร่มท้ายเรือส่งให้

“คุณคิดว่าเย็นหรือไง” ที่จริงแดดอ่อนแบบนี้ถือว่ากำลังดีแต่สำหรับสาวเมืองหลวงที่ไม่เคยออกมาตากแดดรับลมคิดว่าแดดเริ่มแรง

วาคิมจึงนึกหมั่นไส้พอดีกับเรือหางยาววิ่งผ่านมาทำให้เกิดลูกคลื่นวาคิมจึงแกล้งพายเรือให้โคลงเคลงคนไม่เคยนั่งเรือจึงตกใจ

“ว้าย! คุณระวังหน่อยสิพายดีๆได้ไหม ประเดี๋ยวแว่นตาฉันตกน้ำไปล่ะแย่เลย”
วาคิมส่ายหน้า แทนที่เธอจะห่วงตัวเองจะตกลงไปในน้ำแต่สาวเจ้ากับโวยวายกลัวแว่นตาตกน้ำ

“คุณผู้หญิงครับถ้าเกิดเรือล่มคุณจะให้ผมกระโดดไปช่วยคุณก่อน หรือไปงมแว่นให้คุณก่อนดีครับผมจะได้บริการได้ถูกใจ”

พายไข่หันหน้าสวยมามองคนขับตานี่ยังไง “ก็ต้องช่วยฉันก่อนสิคะ ชีวิตคนทั้งคนไม่น่าถาม”

“แหม...หากคุณไม่บอกผมคงคิดว่าคุณต้องการให้ผมไปงมแว่นก่อนเสียอีก ถ้าทางจะรักแว่นตาอันนี้มาก”

“ก็แว่นอันนี้มันไม่ใช่แว่นตาธรรมดานี่คะ อันหนึ่งต้องหลายหมื่นบาทตกน้ำไปเสียดายแย่ ที่สำคัญแฟนฉันซื้อให้”พายไข่ขยับแว่นตาให้เข้าที่ขาแว่นตามีอักษรตัวดีนำหน้าราคาของมันซื้อแว่นตาธรรมดาได้หลายสิบอัน
ประโยคหลังทำให้คนฟังเผลอขมวดคิ้วว่าเธอคงยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่ากำลังจะถูกทิ้ง

“แหม...ไอ้แว่นตาของคุณมันเป็นแว่นตาอินฟาเรดมองได้แบบทะลุทะลวงหรือเปล่านะ ถึงได้แพงขนาดนั้น คงเป็นบุญตาของผมที่เกิดมาได้เห็นแว่นตาอันละหลายหมื่น ชาวสวนบ้านเราทำงานกันครึ่งค่อนปียังไม่มีเงินพอจะซื้อแว่นอันนี้ได้เลยล่ะมั้ง”

พายไข่ขมวดคิ้วหันหน้ามามองคนพายเรื่ออย่างไม่เข้าใจ

“อย่ามองผมแบบนั้นนะครับแว่นของคุณมันไม่ใช่แว่นธรรมดา มันอาจจะมองทะลุเสื้อผ้าผมเอาก็ได้ ประเดี๋ยวได้เห็นผมล่อนจ้อน”

“บ้า! นี่มันก็แค่แว่นตากันแดดแบรนด์เนมเท่านั้น ไอ้แว่นที่ส่องทะลุไปถึงไหนๆแบบที่คุณว่ามันไม่มีหรอกนอกจากการ์ตูน”

วาคิมหัวเราะเบาๆ

“คุณคิดอย่างไรถึงมาเที่ยวท่าคาคนเดียวครับ”

ฉันจำเป็นต้องตอบไหมเนี่ยเพราะยังไม่หายหงุดหงิดที่ถูกเหน็บเรื่องแว่นตา แต่ด้วยมารยาทพายไข่ก็ตอบ

“มาทำงานค่ะ” คำตอบสั้นและห้วน

“นั่นน่ะสินะผมก็คิดว่าอย่างนั้น คุณไม่น่าจะชอบมาเที่ยวแบบนี้”

“ทำไม”

“ก็ที่นี่ไม่เหมาะกับคุณ”

“ไม่เหมาะยังไง ไม่ทราบ”

“ที่นี่สวยในแบบธรรมชาติ ไม่ต้องเติมแต่ง เป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องตามเทรนส์ใคร”

พายไข่รู้สึกหน้าฉาเหมือนถูกหลอกด่าอย่างไรพิกล เพราะรู้ตัวว่าเมคอัพจัดเต็มมาไม่น้อยต่างจากคนถิ่นนี้ ขนตาปลอมที่เลียนแบบธรรมชาติได้เหมือนมากหลุบต่ำลงหลับตานิ่งสักสองสามวินาทีก่อนจะลืมตาโตขึ้นมา

“นี่คุณกำลังจะหลอกด่าว่าฉันโบะหน้าหนาเกินมาเที่ยวตลาดใช่ไหม”

“เปล่าเลยผมไม่ได้พูดนะคุณคิดไปเองหรือเปล่า”

“แต่ความหมายมันบ่งบอกว่าคุณคิดแบบนั้น ฉันจ้างคุณมาพายเรือนำเที่ยวไม่ได้ให้มาวิจารณ์การแต่งตัวแต่งหน้าของฉันเสียหน่อย ไม่มีมารยาท”

“ก็ได้ครับ ในเวลาหนึ่งชั่วโมงนี้คุณเป็นนายผมเป็นลูกจ้างผมจะพายเรือให้คุณไปเงียบๆ”

“ดีมาก” จากนั้นคนสวยก็นั่งหน้าเชิ่ด ถ่ายภาพบรรยากาศสองฝั่งของ
“นั่นมันต้นอะไรเหรอคะ ฉันเห็นมันขึ้นอยู่ทุกที่ริมคลอง”
วาคิมอยากจะหัวเราะแม่สาวชาวกรุงที่ไม่รู้จักต้นลำพู แต่เขากลับเงียบ

จนได้ยินน้ำเสียงหวานแต่ออกแนวสั่งการ “ฉันถามทำไมคุณไม่ตอบล่ะ”

“คุณจะเอายังไงกันแน่เมื่อครู่ผมบอกว่าจะพายเรือไปเงียบๆ คุณยังบอกว่าดีมาก”
“โอ้ย...คนอะไรกวนประสาต เอาแบบนี้นะคุณตอบคำถามในสิ่งที่ฉันถาม ถ้าฉันไม่ถามก็ไม่ต้องพูดโอเคไหม”

“ได้ครับคุณผู้หญิง หนึ่งชั่วโมงนี้คุณเป็นนายจ้างผมเป็นลูกจ้างคุณมีสิทธิ์”
“ตกลงจะบอกได้หรือยังว่ามันคือต้นอะไร”
“ถามจริงๆ คุณไม่เคยดูหนังดังเรื่องคู่กรรม หรือเคยนั่งเรื่อชมหิ่งห้อยกับแฟนบ้างหรือถึงไม่รู้จักต้นลำพู”
“ไม่เคย” พายไข่ตอบแบบไม่ต้องคิด เธอไม่เคยคิดจะเอาตัวเองนั่งตากลม ตากยุงไปชมอะไรแบบนั้นหรอกแม้ว่าช่วงหนึ่งจะฟีเวอเป็นโปรแกรมเที่ยวยอดนิยม

“คุณนี่ชีวิตช่างไม่มีความโรแมนติกเอาเสียเลย” คนที่กำลังขะมักขะเม้นพายเรือพูด

“เรื่องอะไรมาว่าฉันว่าไม่โรแมนติก แต่ตรงไหนกันที่ว่าล่องเรือชมหิ่งห้อยแล้วมันโรแมนติกทั้งตากยุง ทั้งโดนลม เผลอๆนั่งไม่ดีตกน้ำอีกต่างหาก”

“คุณยังไม่เคยลองก็ถึกถักแล้วว่ามันไม่น่าสนใจ”

“ไม่ต้องนอกเรื่องหรอก แต่คุณช่วยตอบหน่อยได้ไหมทำไมหิ่งห้อยมันถึงชอบต้นลำพูล่ะ”

“หิ่งห้อยกับต้นลำพูเป็นของคู่กันมันมีตำนานด้วยคุณอยากลองฟังไหมล่ะ”

“ตำนานของหิ่งห้อยกับต้นลำพู อย่างนั้นเหรอ น่าสนใจดี เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ”

“ก็ได้ถ้าคุณจะให้ทริปผม”

“งก” แต่เธอก็ควักธนบัตรใบละยี่สิบส่งให้เขา

“งกกว่าจะฟังตำนานทั้งที่ให้แค่ยี่สิบ” พายไข่ทำท่าจะดึงมือกลับ

“ไม่เอาใช่ไหม” วาคิมรีบยื้อเอาไว้

“พอซื้อน้ำแก้กระหายได้สักขวดสองขวด”เขารับเงินไปเก็บเอาไว้ในกระเป๋า

คราวนี้พายไข่เป็นฝ่ายพูดขึ้นบ้าง “งกจริง”

วาคิมได้แต่นึกขัน
“ทริปก็รับไปแล้วที่นี้จะเล่าได้หรือยังล่ะ เผื่อฉันจะได้มีอะไรไปเขียนได้บ้าง”

“ตกลง เรื่องมันมีอยู่ว่า ณ หมู่บ้านหนึ่ง มีชายรูปหล่อหน้าตาดีชื่อนายลำพูสมมุติว่าหล่อเหมือนผมก็แล้วกัน”
พายไข่หัวเราะ แม้ยังไม่ทันได้เห็นใต้ผ้าที่ปิดหน้าเพื่อบังแดดนั้น
“คุณขำอะไร”

“เปล่าเล่าต่อเถอะ”
“และมีสาวสวยคนหนึ่งสมมุตว่าสวยเหมือนคุณก็แล้วกัน”

“ทำไมจะต้องเหมือนฉันด้วยล่ะ”

“ผมเล่าแล้วคุณก็แย้งตกลงคุณจะฟังไหมครับคุณผู้หญิง”

“แหม...อย่าน้อยใจน่าเราดีๆเดี๋ยวให้อีกยี่สิบ”

ปลัดหนุ่มนึกขำวันนี้เขามีค่าตัวถูกเป็นบ้า “เอาเป็นว่าสองคนนั้นรักกันมาก นายลำพูเป็นคนขยันและหล่อมากทำสวนเก่งจนมีลูกสาวเศรษฐีชื่อกิ่งก้านมาชอบพอ กิ่งก้านเป็นผู้หญิงเด็ดเดี่ยวอยากได้อะไรต้องได้” “รักสามเศร้า”

“ใช่ แล้วครับนายลำพูยังคงรักสาวหิ่งห้อยไม่เสื่อมคลาย แม้ว่าจะมีลูกสาวเศรษฐีอย่างกิ่งก้านมาปลื้มและลุกนักมากจนลำพูคิดจะชวนหิ่งห้อยหนีไปอยู่ที่หมู่บ้านอื่นเพื่อไปครองรักกัน แต่ทว่าสาวกิ่งก้านก็หูตาไวได้ยินข่าวว่าคืนเดือนมืดลำพูจะพาหิ่งห้อยหนีและเมื่อคืนนั้นมาถึง ลำพู พาหิ่งห้อยหนีไปและกิ่งก้านก็ตามไปขัดขวาง

และไม่มีใครได้เห็นพวกเขาอีกเลยภาพสุดท้ายที่ทุกคนเห็นก็คือกิ่งก้านเอาแขนรั้งขาลำพูเอาไว้ พอรุ่งเช้าชาวบ้านก็พบเห็นต้นไม้ต้นหนึ่งผุดขึ้นมาข้างลำคลองและต้นไม้ต้นนี้ก็จะมีแมลงตัวเล็กๆที่เรืองแสงได้มาบินวนรอบๆไม่ยอมไปไหน และตรงไหนที่มีต้นลำพูก็จะมีต้นโกงกามขึ้นเอารากมาไคว่คว้าเกี่ยวไว้กับต้นลำพู”

วาคิมเล่าจบก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ “นี่มันตำนานหรือคุณแต่งเองคะ คุณจะบอกว่าชายหนุ่มที่หายไปในคืนเดือนมืดก็คือนายลำพู หิ่งห้อยก็คือหญิงสาวที่ลำพูหลงรักและอาจจะตายกลายมาเป็นหิ่งห้อย ส่วนกิ่งก้านนี่แล้วใหญ่เกิดมาเป็นต้นโกงกางคอยขึ้นกีดกวางต้นลำพูอย่างนั้นเหรอคะ


“ก็ตำนานเขาว่าอย่างนั้น ไม่เชื่อคุณมองนั้นสิ”เขาชี้ไปที่ต้นโกงกางที่รากของมันงอกขึ้นจากพื้นแล้วรากยังไปเกี่ยวพันระเกะระกะกับต้นลำพู
“จริงด้วยเนอะ”พายไข่พูดและถ่ายภาพคิดจะเอาเรื่องเล่าสนุกๆนี้ไปเขียนในคอลัมภ์

“ฉันคิดว่าตำนานของหิ่งห้อยและต้นลำพูมันจะซึ้งกว่านี้เสียอีก”

“ที่จริงมันมีอีกตำนาน”

“จริงเหรอถ้าอย่างนั้นเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ”

“ไม่ได้หรอก”
“ทำไมล่ะ”

“เอาไว้คุณมาชมหิ่งห้อยคืนนี้สิแล้วผมจะเล่าให้ฟัง”

“ไม่หรอก กลางคืนยุงเยอะจะตายไป บรรยากาศคงจะน่ากลัวพายเรือไปในคลองท่ามกลางความมืดดีไม่ดีเจออะไรบรื้ออออ”พายไข่ส่ายหน้า

“ผมคิดว่าคุณต้องมา”
“ก็ฉันบอกว่าฉันไม่มาแล้ว เสร็จจากนี้ฉันก็จะกลับกรุงเทพฯ”
“พนันกันไหมล่ะ คุณต้องกลับมาที่นี่อีก”
พายไข่รู้สึกแปลกใจทำไมคนพายเรือถึงพูดเหมือนมั่นใจนัก
“ทำไมฉันต้องกลับมาที่นี่ด้วย”

“เพราะว่า....ถ้ามาถึงท่าคาแล้วไม่นั่งเรือชมหิ่งห้อยก็เหมือนยังมาไม่ถึง”

“ช่างปะไร ฉันจินตนาการเอาก็ได้”

“ไม่เหมือนกับสัมผัสจริงหรอก”

“อ้อ...พวกนักเขียนเขานั่งเทียนเขียนบทความกันด้วยเหรอ ผมเพิ่งจะรู้”

พายไข่หันกลับมามองคนพายเรือ “คุณรู้ได้อย่างไรว่าฉันเป็นนักเขียน” สายตาสำรวจความผิดปกติ

“เอ่อ...คุณผู้หญิงครับเมื่อครู่คุณยังบอกผมอยู่เลยว่าคุณมาทำงาน”

“ก็นั่นแหละ แต่ฉันไม่ได้บอกว่าฉันเป็นนักเขียน”

“มันเดายากเสียที่ไหน มีกี่อาชีพกันที่ถือกล้องถ่ายรูปและผมก็เห็นคุณเอาสมุดมาจนอะไรยิกๆอยู่นั่นจะให้ผมเดาเป็นอย่างอื่นไปได้ไง”

ก็จริงอย่างเขาว่าพายไข่จึงเลิกสนใจคนพายเรือท่าทางรู้มากของเธอและหันไปสนใจที่สองฝากฝั่งคลองเขาพายเรือผ่านบ้านหลังหนึ่งริมคลองใหญ่โตอลังการมากจนพายไข่เผลออุทาน
“ว้าว! นี่คุณแถวนี้มี่บ้านใหญ่โตขนาดนี้ด้วยเหรอเนี่ย เจ้าของคงรวยน่าดูคุณคงรู้จักเขาล่ะสิ”

“อ้อ! รู้สิครับ”

“บ้านใครเหรอคะ” เธอไม่ได้สนใจนักก็แค่ถามไปตามเรื่อง
“บ้านปลัดวาคิม”

“ข้าราชการรวยขนาดนี้เชียวเหรอ คอรัปชั่นหรือเปล่า”

วาคิมคิดอยู่ในใจจู่ๆก็ถูกกล่าวหาร้ายแรงด้วยการเป็นข้าราชการที่คอรัปชั่นเพราะมีบ้านหลังใหญ่ ทั้งที่เขาไม่เคยรับสินบนสักครั้ง


“คุณไม่คิดว่าบางทีเขาอาจจะรวยเป็นทุนอยู่แล้วบ้างละครับ”

“ก็ยุคสมัยนี้มันทำให้ฉันไม่คิดแบบนั้นน่ะสิ คุณรู้จักเขาใช่ไหม”
ที่จริงรู้จักดีเชียวล่ะรู้จักมากกว่าใครในโลก “ก็พอจะรู้จัก”

“ดีล่ะอย่าไปฟ้องเขาก็แล้วกัน เดี๋ยวเขาฟ้องฉันข้อหาหมิ่นประมาท” พายไข่หัวเราะเบาๆและยังเหลียวหลังมองบ้านทรงยุโรปหลังใหญ่มโหฬารที่มีต้นมะม่วงหาว มะนาวโห่ ออกลูกสีชมพูอ่อนบ้างเข้มบ้างเต็มต้นริมท่าน้ำ

วาคิมหัวเราะ “นึกว่าจะแน่”
“คุณว่าอะไรนะ”
“แต่บ้านเขาสวยดีนะ ร่มรื่นและก็น่าอยู่มาก บ้านเขาหลังใหญ่จนไม่น่าเชื่อว่าจะมาอยู่ในนี้เลย”

“บ้านเขามีรีสอร์ทอยู่ด้านหลังคุณไม่สนใจไปพักได้นะ ผมพอรู้จักคนบ้านนั้น”

“ไม่ล่ะบอกแล้วว่าเดี๋ยวเสร็จจากนี่ฉันก็จะกลับ”

วาคิมไม่ตอบได้แต่หัวเราะหึๆๆในลำคอ

++++++++++++++

กรุงเทพ ฯ


ปราบมีสีหน้าคร่ำเครียดหากพายไข่รู้เรื่องเข้าน้องสาวคนสวยไม่วายมาแหวกอกเขาแน่ แต่เขาต้องทำไม่มีทางอื่นดีกว่านี้อีกคนก็เพื่อน อีกคนก็น้องงานนี้ทำให้เขาหนักอกหนักใจแทบบ้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูก น้ำท่วมปาก ทางเดียวคือปล่อยให้เรื่องมันผ่านไปก่อนเมื่ออะไรลงเอยแล้วเขาจะค่อยๆ อธิบายให้พายไข่เข้าใจ

“วาคิม นายจะต้องรั้งยัยพายไข่เอาไว้ให้ได้นะเรื่องแตกล่ะตายกันทั้งหมด สาธุ สาธุ”

ปราบถึงกับเครียดจัดไม่คาดคิดว่า บดินทร์ เพื่อนรักของเขาจะกล้าทรยศความรักของพายไข่น้องสาว ด้วยการเลยเถิดถึงทำผู้หญิงท้อง แต่หมอนั่นก็ยังไม่เลวขนาดไล่ผู้หญิงไปทำแท้ง เมื่อสองเดือนก่อนบดินทร์นัดเขาออกไปข้างนอกและสารภาพกับเขาอย่างหมดเปลือกว่าในระหว่างที่ไปทำงานที่เชียงใหม่ หมอนั่นอยู่ไกลน้องสาวเขาอารมณ์เปล่าเปลี่ยวของชายหนุ่มทำให้เผลอใจให้กับสาวเหนือหน้าสวยคนหนึ่ง ชื่อ พิมพา ทั้งคู่เลยเถิดกันบดินทร์ไม่ได้คิดจริงจังกับพิมพา แต่พอรู้ว่าผู้หญิงท้องเขาก็ทำอะไรไม่ถูกจะทิ้งมาก็กลัวว่าผู้หญิงจะหันไปทำร้ายเด็กในท้อง แต่อีกใจก็ยังรักน้องสาวเขาอยู่บดินทร์คบกับพายไข่มาได้เกือบสามปี แต่ปราบเชื่อว่าทั้งคู่ยังไม่ไปไกลเกินกว่าคู่รักเพราะพายไข่มีนิสัยบางอย่างที่ปราบและบดินทร์เท่านั้นที่รู้ ปราบจึงเป็นคนวางแผนการทั้งหมดทั้งนี้ก็เพื่อให้ทุกฝ่ายเจ็บปวดน้อยที่สุดและวันนี้ก็เป็นวันแต่งงานของบดินทร์ ทุกคนที่รู้เรื่องถูกสั่งปิดปากเงียบ พายไข่เองก็ไม่มีวี่แววว่าจะรู้อะไร แต่หลังจากวันนี้เมื่อความจริงเปิดเผยเขาเชื่อว่าพายไข่คงกลายเป็นระเบิดลูกใหญ่ซึ่งเขาเองก็คงถูกสะเก็ดระเบิดไม่มากก็น้อยแต่เตรียมทำใจเอาไว้แล้ว

เสียงโทรศัพท์ปลุกให้ปราบรับรู้ถึงสภาวะในปัจจุบัน “สวัสดีครับปราบพูด”
“ทางนั้นเป็นอย่างไรบ้างเพื่อน พายไข่เป็นยังไงบ้าง”
“แกไอ้บดินทร์ไอ้ตัวดี เพราะแกคนเดียวฉันเครียดจนหัวแทบแตก ถ้ายัยพายไข่รู้ความจริงเข้า พ่อไม่อยากจะคิดน้องสาวฉันรักแกมากแค่ไหนแกก็น่าจะรู้ ไอ้หนุ่มไฮโซทั้งหลายที่ดาหน้าเข้ามาจีบกันไม่รู้กี่คนต่อกี่คนยัยพายไข่ก็ไม่เคยชายตามอง”

“ฉันเองก็รักพายไข่มาก มากกว่าผู้หญิงคนไหนรวมถึงผู้หญิงที่ฉันกำลังเข้าพิธีแต่งงานด้วยก็เถอะ แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อฉันพลาดเอง”

ปราบอึดอัดอยากจะด่าแต่ก็ด่าไม่ออกถือสุภาษิตที่ว่าคนล้มอย่าข้าม

“พูดแบบนี้เจ้าสาวแกมาได้ยินเขาคงจะเสียใจ คิดเสียว่าแกไม่มีวาสนากับพายไข่ก็แล้วกัน”

“แต่ฉันรักพายไข่จริงๆ ฉันสาบานได้”

“ฉันเชื่อว่าแกรักน้องฉันจริง แต่ไม่รักพอจะเป็นสามีที่ดีของพายไข่ได้ เพราะฉะนั้นแบบที่ทำอยู่นี่ดีแล้ว แกต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่แกทำลงไปเพราะเด็กคนนั้นไม่ได้มีความผิด”

“ฉันห่วงพายไข่มาก ฉันไม่อยากให้พายไข่โกรธเกลียดฉัน ฉันไม่อยากให้พายไข่ร้องไห้”

“แกเลิกคิดถึงน้องสาวฉันได้แล้วไอ้บดินทร์ ตอนนี้แกมีเมียมีลูกที่ต้องดูแล แกไม่มีสิทธิ์จะคิดถึงพายไข่อีก”
“ถ้าพายไข่รู้เมื่อไหร่เธอไม่มีทางอภัยให้ฉันแน่”

“แกก็คงต้องยอมรับเพราะแกไม่หนักแน่นในความรักพอไอ้บดินทร์”

ปราบกดตัดสายอย่างหัวเสียโกรธก็โกรธ แต่จะตัดเป็นตัดตายกับเพื่อนซี้ที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ชั้นประถมและไม่มีเรื่องใดหมางใจกันมาก่อนก็คงทำไม่ได้ และบดินทร์เองก็เข้ามาสารภาพในสิ่งที่ผิดอย่างลูกผู้ชาย

“วาคิม นายเป็นความหวังเดียวของฉันแล้วนะโว้ยเพื่อน ถ้ารู้วันนี้งานแต่งงานได้เปลี่ยนเป็นงานศพของไอ้บดินทร์แน่ๆ

+++++++++++++++++++++++++++++++

“นี่ๆ พายให้มันเร็วหน่อยไม่ได้หรือไง แดดเริ่มแรงแล้วนะเดียวฉันก็ดำพอดี”

“นี่มันเรือพายนะครับคุณไม่ใช่เรื่อติดเครื่อง”

“แล้วทำไมไม่ติดเครื่องล่ะเร็วกว่าตั้งเยอะ”

“คุณเข้าใจคำว่าความสงบสุขบ้างไหมครับ เรือติดเครื่องวิ่งกันดังสนั่นไปทั่วท้องน้ำคนที่มีบ้านชายน้ำพากันนอนไม่หลับพอดี ยิ่งถ้านักท่องเที่ยวมากันเยอะขึ้นเรืองหางยาววิ่งกันทั้งวันคงมันพิลึก”

“ก็จริงเนอะ แต่ยังไงก็ช่วยพายให้เร็วๆหน่อยฉันร้อน”
“บ่นอยู่ได้เดี๋ยวให้มาพายเองเลย”

พายไข่หันมามองตาเขียวควับ
“ใกล้ถึงแล้วครับบ้านที่ทำน้ำตาลมะพร้าวคุณจะลงดูไหม”
“ดูสิ ไม่อย่างนั้นฉันจะเอาอะไรไปเขียนที่ทนร้อน ทนเมื่อย นั่งเรื่อมาเนี่ยก็เพราะจะมาหาข้อมูลไปเขียน”
“ขี้บน ขี้วีน เอาแต่ใจแบบนี้ล่ะสิ ผู้ชายเขาถึงได้หนีไปแต่งงาน” วาคิมพึมพำและพยายามเทียบเรือเข้าท่า
“คุณพูดอะไร” พายไข่หันไปถามได้ยินเขาพูดว่าอะไรวีน วีน

“ไม่มีอะไรครับ ผมแค่บอกว่าโชคดีที่วันนี้ไม่ค่อยมีแมลงหวี่ แมลงวัน”

“แล้วไป”

+++++++++++++++++++++++++++++++++++



อัปสรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 เม.ย. 2556, 15:18:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 เม.ย. 2556, 15:46:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1621





<< ตอนที่ 1   
jink 5 เม.ย. 2556, 15:46:07 น.
ว่าจะไม่อ่านแล้วเชียว อิอิ เพราะกลัวคิดถึงบ้าน ในที่สุดก็น้ำตานอง บรรยายได้เห็นภาพมากๆ เลยค่ะ ยิ่งคิดถึงบ้านเข้าไปใหญ่เลย


อัปสรา 5 เม.ย. 2556, 15:48:11 น.
เย้ เจอสาวสมุทรสงครามแล้ว อิจฉามากค่ะ บรรยากาศที่นั่น คล้ายๆกับบางน้ำผึ้งในอดีตที่บ้านนกมากๆ แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปเยอะบางน้ำผึ้งไม่มีหิ่งห้อยเหมือนตอนนกเป็นเด็กแล้ว อยากให้ท่าคาดูเป็นแบบท่าคาไม่ต้องถูกเติมแต่งมากแบบนี้ตลอดไปเนอะ อิจฉาคุณ Jimk ได้อยู่ในที่อากาศดี น้ำดี


jink 5 เม.ย. 2556, 15:52:18 น.
แอบขอท้วงติงนิดนึงค่ะ คือ ไปนั่งเรือที่ไหนมาคะลำละ 200 อ้ะ ไม่เคยนั่งเลย ปกตินั่งแค่คนละ 20 บาทเองค่ะ เป็นเรือพายของกลุ่มแม่บ้าน ชาวสวนอะไรประมาณนี้อ้ะค่ะ แต่เราก็ไม่ได้อยู่ไทยมาปีกว่าแล้ว เลยไม่แน่ใจ เดี๋ยวจะถามเรื่องราคาเรือกับเพื่อนอีกทีนะคะ


อัปสรา 5 เม.ย. 2556, 15:56:39 น.
อ้อที่เราไปมานี่เหมาลำค่ะนั่งคนเดียว ท่าเรือตรงท้ายตลาดเลยค่ะ รู้สึกจะเป็นชาวสวนละแวกนั้นนะคะ ถ้าเป็นรายบุคคลคงไม่ถึงแต่พอดีเหมาลำก็ราคานี้จ้ะเพราะนั่งคนเดียว แต่ลดให้เหลือ 150 บาทใจดีมากเลย กว่าจะพายไปพายกับคงเหนื่อยมากราคานี้เราก็โอเคจ้า (ถ้ามีอะไรที่ผิดไปท้วงติงได้เลยนะจ้ะ ใครจะเข้าใจดีกว่าเจ้าของพื้นที่เนอะ 555)


ยุพากร 5 เม.ย. 2556, 18:11:53 น.
มาเร็วมากๆ ค่ะ คุณพ่อเป็นคนสมุทรสงครามเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ได้ไม่ได้ไปมานานมากๆ แล้ว บ้านเก่าพ่อก็อยู่ริมแม่น้ำแม่กรอง...ขอบคุณ คุณอัปสราค่ะ ที่ทำให้ได้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ


Auuuu 5 เม.ย. 2556, 18:25:47 น.
อยากลองไปดูจังงง


jink 5 เม.ย. 2556, 18:39:57 น.
สวยและสงบมากค่ะ เราชอบท่าคามากๆ เสาร์-อาทิตย์ว่างๆ ตื่นเช้าๆ บึ่งมอเตอร์ไซด์ไปท่าคาตลอดเลยค่ะ บรรยากาศดีสุดๆ


อัปสรา 5 เม.ย. 2556, 19:19:53 น.
ขอบคุณค่ะคุณยุพากรที่เขามาให้กำลังใจกัน คุณ Auuu ลองหาเวลาไปดูแล้วจะหลงรักท่าคาค่ะการรันตีได้จากเจ้าถิ่นอย่างคุณ jink เนอะว่าท่าคามีดีจริงค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account