กลร้ายร้อยรัก ตอนที่7
เรื่อง:กลร้ายร้อยรัก ชื่อเดิมแผนรักกับดักใจ ซ้ำหรือคล้ายกันมากมายไรเตอร์เลยขอเปลี่ยนจ้า
แนว:โรแมนติก คอมาดี้
เรื่องย่อ:ชวินทร์รัฐ หมอผิวหนังหนุ่มเซอร์ เจ้าของฉายา วาจาผ่าซาก เกิดอาการปิ้งรักสาวสวยเรียบ
อย่าง เพรียงพรรณ ผู้รับเหมาสาวรับสร้างบ้าน แต่โชคชะตากลับดลให้เขาและเธอต้องมาเป็นคู่วีน
คู่เหวี่ยงกันตั้งแต่แรกเจอ ยิ่งไม่ชอบหน้าก็ยิ่งพบกันบ่อยครั้ง จนกลายเป็นความรักแบบปากพาเจ็บที่ดู
จะลงเอยกันได้ด้วยดี แต่มันกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อรักเก่าที่ยังคงฝังใจของหญิงสาว
กลับมาวนเวียนอีกครั้งให้หัวใจว้าวุ่น แล้วแบบนี้ คุณหมอหนุ่มจะมีหมัดเด็ดไม้ตายแบบไหน
ที่จะพิชิตใจเจ้าหล่อน...
ประกาศกร้าวให้แผดกล้า ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ โว้ยยยยยย
“ลองด่าอีกทีสิ คราวนี้ไม่ใช่แค่มือแน่ ฮึฮึ” ชายหนุ่มยิ้มกวน ก่อนจะใช้ฝ่ามือแกล้งลูบหน้าตัวเอง
“ตกลงคุณจะรับงานนี้หรือเปล่า ถ้าไม่ ผมก็ยืนยันคำเดิมว่าคุณดีแต่ปาก แต่เอ…ยังไม่เคย
ได้ลองปากของคุณเลยจะรู้ได้ไงว่าดีจริงหรือเปล่า” เขาปั่นประสาทหญิงสาวไม่เลิก พร้อม
กับไล้นิ้วมือไปมาที่ริมฝีปากหยัก ดวงตาโตจดจ้องหญิงสาวอย่างมีเลศนัย
คราวนี้หล่อนแพ้งั้นเหรอ ไม่มีทาง ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้หมอปากเสีย เพรียงพรรณเจ็บใจสุดๆได้แต่หลบหน้าหลบตา ขณะที่คุณหมอหนุ่มก็ยียวน ท้าทายหญิงสาวไม่เลิกรา
แนว:โรแมนติก คอมาดี้
เรื่องย่อ:ชวินทร์รัฐ หมอผิวหนังหนุ่มเซอร์ เจ้าของฉายา วาจาผ่าซาก เกิดอาการปิ้งรักสาวสวยเรียบ
อย่าง เพรียงพรรณ ผู้รับเหมาสาวรับสร้างบ้าน แต่โชคชะตากลับดลให้เขาและเธอต้องมาเป็นคู่วีน
คู่เหวี่ยงกันตั้งแต่แรกเจอ ยิ่งไม่ชอบหน้าก็ยิ่งพบกันบ่อยครั้ง จนกลายเป็นความรักแบบปากพาเจ็บที่ดู
จะลงเอยกันได้ด้วยดี แต่มันกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อรักเก่าที่ยังคงฝังใจของหญิงสาว
กลับมาวนเวียนอีกครั้งให้หัวใจว้าวุ่น แล้วแบบนี้ คุณหมอหนุ่มจะมีหมัดเด็ดไม้ตายแบบไหน
ที่จะพิชิตใจเจ้าหล่อน...
ประกาศกร้าวให้แผดกล้า ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ โว้ยยยยยย
“ลองด่าอีกทีสิ คราวนี้ไม่ใช่แค่มือแน่ ฮึฮึ” ชายหนุ่มยิ้มกวน ก่อนจะใช้ฝ่ามือแกล้งลูบหน้าตัวเอง
“ตกลงคุณจะรับงานนี้หรือเปล่า ถ้าไม่ ผมก็ยืนยันคำเดิมว่าคุณดีแต่ปาก แต่เอ…ยังไม่เคย
ได้ลองปากของคุณเลยจะรู้ได้ไงว่าดีจริงหรือเปล่า” เขาปั่นประสาทหญิงสาวไม่เลิก พร้อม
กับไล้นิ้วมือไปมาที่ริมฝีปากหยัก ดวงตาโตจดจ้องหญิงสาวอย่างมีเลศนัย
คราวนี้หล่อนแพ้งั้นเหรอ ไม่มีทาง ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้หมอปากเสีย เพรียงพรรณเจ็บใจสุดๆได้แต่หลบหน้าหลบตา ขณะที่คุณหมอหนุ่มก็ยียวน ท้าทายหญิงสาวไม่เลิกรา
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ลิขิตร้ายนายวิม
บ่ายแก่ๆในยามที่แดดยังคงส่งผ่านไอร้อนระอุ เพรียงพรรณมาตามนัดของแพทย์ เพราะลุงแสงจะออกจากโรงพยาบาล ขณะที่หล่อนกำลังรอลิฟต์แล้วประตูบานเลื่อนถูกเปิดออก หญิงสาวก็ถึงกับชะงักเท้าไปเสียดื้อๆ
“คุณ!!”
“กดลิฟต์แล้วไม่เข้ามามันเปลืองไฟนะ” คุณหมอในชุดคลุมกาวน์สีขาว เอ่ยถามพลางเลิกคิ้วยั่วโทสะ
ไม่มีเวลาที่หล่อนจะมาคิดหาเรื่องต่อกรกับผู้ชายอย่างนายหมอปากมากอีกแล้ว เพรียงพรรณเข้ามาในลิฟต์อย่างว่าง่าย ก่อนจะกดหมายเลขชั้น หล่อนจงใจเปิดลิฟต์ค้างไว้เมื่ออีกฝ่ายยังคงยืนนิ่ง
“กดลงมาไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ออกสักที”
“พอดีผมลืมของน่ะว่าจะขึ้นไปเอา แหมชั้นห้าพอดีเลย” ชวินทร์รัฐยิ้มกวนๆ ก่อนจะยืนนิ่งวางฟอร์ม
โชคชะตามักเล่นตลกให้คนไม่ชอบขี้หน้าได้เจอะเจอกันอยู่เสมอหล่อนคิด แต่สำหรับเขามันเป็นแผนการประหนึ่งเริ่มต้น ในโชคชะตาของหญิงสาวที่เขาลิขิตไว้แล้วนั่นเอง
“โอ๊ยๆ เบาๆหน่อยสิข้าเจ็บนะโว้ย” ลุงแสงบ่นเหน็บคนที่กำลังสอดแขนตนใส่เสื้อเชิ้ต
“บ่นอะไรนักหนาเนี่ยลุง สำออยเป็นเด็กๆไปได้” กติกานต์แขวะใส่
เพรียงพรรณยืนอมยิ้มมองดูคนทั้งคู่ที่เถียงกันไปมา ก่อนจะเจรจาเป็นผู้ไกล่เกลี่ย
“พอกันทั้งคู่แหละค่ะ จะมีสักวันมั้ยเนี่ยที่จะไม่หาเรื่องทะเลาะกัน”
“สงสัยจะยากค่ะคุณแอล” กติกานต์ว่า พลางเบ้ปากใส่ชายสูงวัยที่นั่งหลังคร่อมอยู่บนเตียงผู้ป่วย
“ออกจากโรงพยาบาลทั้งทีขอกลับไปทำงานเลยละกัน”
“ไม่ได้หรอกค่ะลุง ยังไงก็กลับไปพักฟื้นที่บ้านก่อน เรื่องงานก็ใกล้จะเสร็จเรียบร้อยแล้วไม่ต้องห่วง”
“แต่...” ลุงแสงแย้ง
เพรียงพรรณตัดบท “มันเป็นคำสั่งของคุณพ่อน่ะค่ะ ถ้าลุงแสงจะขัดก็ต้องไปคุยกับคุณพ่อเอาเองนะคะ” หญิงสาวว่าส่งยิ้มกวนๆให้
ลุงแสงได้แต่นั่งนิ่ง จะปฏิเสธออกไปก็ไม่กล้า
“งั้นเอาเป็นว่าลุงแสงไปดูไซด์งานเป็นเพื่อนแอลก็แล้วกัน แต่มีข้อแม้ว่าห้ามทำงานเด็ดขาด” เพรียงพรรณเสนอหนทางแก่ชายสูงวัย ลุงแสงหันกลับมามองด้วยใบหน้าแช่มชื้น ดีอกดีใจยกใหญ่
“ดีครับคุณแอลขืนคุดคู้อยู่แต่บ้านลุงอึดอัดตายพอดี”
“ตายก็เผาสิไม่เห็นจะยาก” กติกานต์แหวกลับ คนทั้งสองถึงกลับหันมามองเป็นตาเดียว
“พี่ตุ๊ก!!” เพรียงพรรณปราม คนถูกทักมีสีหน้าและแววตาสลดลง
ระหว่างที่ทั้งสามกุลีกุจอเตรียมขนข้าวของเครื่องใช้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัวลุงแสงกำลังจะออกจากห้องพักฟื้น จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ทั้งสามหันไปตามเสียงที่มา ก่อนจะเผยบุคคลหนึ่งที่ไม่คิดจะรับเชิญ โดยเฉพาะเพรียงพรรณ
ชายหนุ่มร่างสันทัด ไหล่กว้าง ไว้ผมยาวซอยประบ่า ใบหน้าเกลี้ยงเกลาหมดจด เดินย่างสามขุมมาด้วยมาดนิ่งตามแบบฉบับเดิม เขาเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งให้หญิงสาวที่ยืนเม้มปากแน่น
“มีธุระอะไรไม่ทราบคะ…คุณหมอ” หญิงสาวกระแทกเสียงก่อนจะหยุดจังหวะแล้วต่อท้ายอย่างมีจริต
“สงสัยเข้าผิดห้องน่ะครับต้องขอโทษที” ชวินทร์รัฐเกาศีรษะแก้เก้อเขิน
“แต่ไหนๆก็เข้าผิดแล้ว ผมขออาสาไปส่งผู้ป่วยด้วยตัวเองแล้วกัน”
“ไม่จำเป็น ถึงคุณจะเป็นหมอแต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับแผนกนี้ด้วยซ้ำ” เพรียงพรรณปฏิเสธความหวังดีของหมอหนุ่ม พลางจ้องหน้าหาเรื่อง
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณแอล คุณหมอสุดหล่ออุตส่าห์มีน้ำใจ” กติกานต์ทำตาหวานใส่ เห็นดีเห็นงามกับชายสวมชุดกาวน์ ลุงแสงก็เห็นด้วยเช่นกันจึงพยักหน้าเออออห่อหมก
สามรุมหนึ่ง หล่อนเห็นว่าขืนดันทุรังต่อไป หนึ่งเสียงยังไงก็ไม่มีทางสู้ได้แน่ๆ จึงยอมโอนอ่อนผ่อนตามลูกน้องมากประสบการณ์สองคนอย่างขัดไม่ได้
ทั้งสี่ลงมาถึงยังลานจอดรถ ขณะที่กติกานต์ยกกระเป๋าเสื้อผ้าลุงแสงวางไว้หลังกระบะรถยนต์สีขาวคันใหญ่ ตามมาด้วยข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว ที่ชวินทร์รัฐอาสายกหิ้วมาด้วยความเต็มใจ
ชายหนุ่มยื่นมือส่งของให้กติกานต์ หล่อนยิ้มรับขอบคุณ ก่อนจะยกของขึ้นหลังกระบะอีกครั้ง
“ต้องขอบคุณ คุณหมอมากๆเลยนะครับที่อุตส่าห์หิ้วของมาส่งถึงที่” ลุงแสงเอ่ยขอบคุณ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ยังไงอนาคตเราอาจจะต้องทำธุรกิจร่วมกัน” ชายหนุ่มว่าอย่างมีเลศนัย ก่อนจะปรายตามองไปยังหญิงสาวหุ่นมาดมั่น “ผมขอตัวก่อนนะครับ” แล้วเดินหันหลังกลับไปอย่างสบายอารมณ์
“ธุรกิจร่วมกัน” หญิงสาวทวนคำถามซ้ำ ก่อนจะหันไปหาลุงแสง แต่ก็พบว่าเจ้าตัวได้ขึ้นรถเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว เพรียงพรรณหยุดสงสัยก่อนจะเดินอ้อมไปอีกทางเพื่อทำหน้าที่เป็นสารถี แล้วบึ่งรถออกจากโรงพยาบาลทันที
เมื่อรถยนต์ขับเคลื่อนออกไปได้ชั่วครู่ ชายหนุ่มที่ซ่อนตัวหลังมุมเสาใหญ่ต้นหนึ่ง ค่อยๆเผยตัวออกมา ใบหน้าดูสดชื่นมีชีวิตชีวา เขาลอบยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้ยั่วโมโหผู้หญิงคนนั้น ‘ผมไม่มีทางปล่อยคุณให้หลุดมือไปแน่ๆ’
ร้านจิวเวลรี่ชื่อดังที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าย่านใจกลางเมือง ลูกค้าที่นี่ส่วนใหญ่เป็นสาวไฮโซหรือไม่ก็นักธุรกิจหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่ต่างหาซื้อเป็นของขวัญของกำนัล เครื่องประดับราคาแพงส่องแสงระยิบระยับเมื่อต้องกับแสงไฟนีออนบนเพดาน ยิ่งบ่งบอกถึงรสนิยมความหรูหราของผู้ที่ได้ครอบครองเป็นเจ้าของ
สุธางค์ชูชุดเครื่องประดับที่เป็นสร้อยคอเรียงร้อยด้วยไข่มุกแท้จากอันดามันอย่างออกหน้าออกตา จุดเด่นเห็นจะเป็นจี้รูปหงส์ที่ทำจากเพชรสามกะรัตแพรวพราวสวยงาม จนคนถือไม่อยากปล่อยวางลงจากมือ
“ชอบหรือเปล่าคะคุณแม่” รันลณาเอ่ยถามอย่างสนิทชิดเชื้อ
“แหม เพชรน้ำงามแบบนี้ใครไม่ชอบก็แปลก”
“แต่เสียดายนะคะที่มีคนจองไปก่อนหน้าแล้ว”
เมื่อได้ยินคำตอบสีหน้าของนางก็สลดลง คล้ายกับอาลัยเครื่องประดับตรงหน้า
“แต่ถ้าคุณแม่อยากได้จริงๆล่ะก็ รันมีอีกหนึ่งชุดเป็นชุดต้นแบบ รันคิดราคาพิเศษให้เลยค่ะ”
“จริงเหรอจ๊ะ” สุธางค์ตาโตลุกวาว
“แต่มีข้อแม้เล็กน้อย”
“ข้อแม้” สุธางค์ทวนคำถามนั้นอีกครั้ง
สาวสวยหุ่นดี ยืนยิ้มกริ่มอย่างมีเค้าเลศนัย ดวงตาคมสวยบาดลึก มองทอดผ่านไปเบื้องหน้าอย่างมีแผนอะไรบางอย่าง
“คุณ!!”
“กดลิฟต์แล้วไม่เข้ามามันเปลืองไฟนะ” คุณหมอในชุดคลุมกาวน์สีขาว เอ่ยถามพลางเลิกคิ้วยั่วโทสะ
ไม่มีเวลาที่หล่อนจะมาคิดหาเรื่องต่อกรกับผู้ชายอย่างนายหมอปากมากอีกแล้ว เพรียงพรรณเข้ามาในลิฟต์อย่างว่าง่าย ก่อนจะกดหมายเลขชั้น หล่อนจงใจเปิดลิฟต์ค้างไว้เมื่ออีกฝ่ายยังคงยืนนิ่ง
“กดลงมาไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ออกสักที”
“พอดีผมลืมของน่ะว่าจะขึ้นไปเอา แหมชั้นห้าพอดีเลย” ชวินทร์รัฐยิ้มกวนๆ ก่อนจะยืนนิ่งวางฟอร์ม
โชคชะตามักเล่นตลกให้คนไม่ชอบขี้หน้าได้เจอะเจอกันอยู่เสมอหล่อนคิด แต่สำหรับเขามันเป็นแผนการประหนึ่งเริ่มต้น ในโชคชะตาของหญิงสาวที่เขาลิขิตไว้แล้วนั่นเอง
“โอ๊ยๆ เบาๆหน่อยสิข้าเจ็บนะโว้ย” ลุงแสงบ่นเหน็บคนที่กำลังสอดแขนตนใส่เสื้อเชิ้ต
“บ่นอะไรนักหนาเนี่ยลุง สำออยเป็นเด็กๆไปได้” กติกานต์แขวะใส่
เพรียงพรรณยืนอมยิ้มมองดูคนทั้งคู่ที่เถียงกันไปมา ก่อนจะเจรจาเป็นผู้ไกล่เกลี่ย
“พอกันทั้งคู่แหละค่ะ จะมีสักวันมั้ยเนี่ยที่จะไม่หาเรื่องทะเลาะกัน”
“สงสัยจะยากค่ะคุณแอล” กติกานต์ว่า พลางเบ้ปากใส่ชายสูงวัยที่นั่งหลังคร่อมอยู่บนเตียงผู้ป่วย
“ออกจากโรงพยาบาลทั้งทีขอกลับไปทำงานเลยละกัน”
“ไม่ได้หรอกค่ะลุง ยังไงก็กลับไปพักฟื้นที่บ้านก่อน เรื่องงานก็ใกล้จะเสร็จเรียบร้อยแล้วไม่ต้องห่วง”
“แต่...” ลุงแสงแย้ง
เพรียงพรรณตัดบท “มันเป็นคำสั่งของคุณพ่อน่ะค่ะ ถ้าลุงแสงจะขัดก็ต้องไปคุยกับคุณพ่อเอาเองนะคะ” หญิงสาวว่าส่งยิ้มกวนๆให้
ลุงแสงได้แต่นั่งนิ่ง จะปฏิเสธออกไปก็ไม่กล้า
“งั้นเอาเป็นว่าลุงแสงไปดูไซด์งานเป็นเพื่อนแอลก็แล้วกัน แต่มีข้อแม้ว่าห้ามทำงานเด็ดขาด” เพรียงพรรณเสนอหนทางแก่ชายสูงวัย ลุงแสงหันกลับมามองด้วยใบหน้าแช่มชื้น ดีอกดีใจยกใหญ่
“ดีครับคุณแอลขืนคุดคู้อยู่แต่บ้านลุงอึดอัดตายพอดี”
“ตายก็เผาสิไม่เห็นจะยาก” กติกานต์แหวกลับ คนทั้งสองถึงกลับหันมามองเป็นตาเดียว
“พี่ตุ๊ก!!” เพรียงพรรณปราม คนถูกทักมีสีหน้าและแววตาสลดลง
ระหว่างที่ทั้งสามกุลีกุจอเตรียมขนข้าวของเครื่องใช้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัวลุงแสงกำลังจะออกจากห้องพักฟื้น จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ทั้งสามหันไปตามเสียงที่มา ก่อนจะเผยบุคคลหนึ่งที่ไม่คิดจะรับเชิญ โดยเฉพาะเพรียงพรรณ
ชายหนุ่มร่างสันทัด ไหล่กว้าง ไว้ผมยาวซอยประบ่า ใบหน้าเกลี้ยงเกลาหมดจด เดินย่างสามขุมมาด้วยมาดนิ่งตามแบบฉบับเดิม เขาเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งให้หญิงสาวที่ยืนเม้มปากแน่น
“มีธุระอะไรไม่ทราบคะ…คุณหมอ” หญิงสาวกระแทกเสียงก่อนจะหยุดจังหวะแล้วต่อท้ายอย่างมีจริต
“สงสัยเข้าผิดห้องน่ะครับต้องขอโทษที” ชวินทร์รัฐเกาศีรษะแก้เก้อเขิน
“แต่ไหนๆก็เข้าผิดแล้ว ผมขออาสาไปส่งผู้ป่วยด้วยตัวเองแล้วกัน”
“ไม่จำเป็น ถึงคุณจะเป็นหมอแต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับแผนกนี้ด้วยซ้ำ” เพรียงพรรณปฏิเสธความหวังดีของหมอหนุ่ม พลางจ้องหน้าหาเรื่อง
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณแอล คุณหมอสุดหล่ออุตส่าห์มีน้ำใจ” กติกานต์ทำตาหวานใส่ เห็นดีเห็นงามกับชายสวมชุดกาวน์ ลุงแสงก็เห็นด้วยเช่นกันจึงพยักหน้าเออออห่อหมก
สามรุมหนึ่ง หล่อนเห็นว่าขืนดันทุรังต่อไป หนึ่งเสียงยังไงก็ไม่มีทางสู้ได้แน่ๆ จึงยอมโอนอ่อนผ่อนตามลูกน้องมากประสบการณ์สองคนอย่างขัดไม่ได้
ทั้งสี่ลงมาถึงยังลานจอดรถ ขณะที่กติกานต์ยกกระเป๋าเสื้อผ้าลุงแสงวางไว้หลังกระบะรถยนต์สีขาวคันใหญ่ ตามมาด้วยข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว ที่ชวินทร์รัฐอาสายกหิ้วมาด้วยความเต็มใจ
ชายหนุ่มยื่นมือส่งของให้กติกานต์ หล่อนยิ้มรับขอบคุณ ก่อนจะยกของขึ้นหลังกระบะอีกครั้ง
“ต้องขอบคุณ คุณหมอมากๆเลยนะครับที่อุตส่าห์หิ้วของมาส่งถึงที่” ลุงแสงเอ่ยขอบคุณ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ยังไงอนาคตเราอาจจะต้องทำธุรกิจร่วมกัน” ชายหนุ่มว่าอย่างมีเลศนัย ก่อนจะปรายตามองไปยังหญิงสาวหุ่นมาดมั่น “ผมขอตัวก่อนนะครับ” แล้วเดินหันหลังกลับไปอย่างสบายอารมณ์
“ธุรกิจร่วมกัน” หญิงสาวทวนคำถามซ้ำ ก่อนจะหันไปหาลุงแสง แต่ก็พบว่าเจ้าตัวได้ขึ้นรถเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว เพรียงพรรณหยุดสงสัยก่อนจะเดินอ้อมไปอีกทางเพื่อทำหน้าที่เป็นสารถี แล้วบึ่งรถออกจากโรงพยาบาลทันที
เมื่อรถยนต์ขับเคลื่อนออกไปได้ชั่วครู่ ชายหนุ่มที่ซ่อนตัวหลังมุมเสาใหญ่ต้นหนึ่ง ค่อยๆเผยตัวออกมา ใบหน้าดูสดชื่นมีชีวิตชีวา เขาลอบยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้ยั่วโมโหผู้หญิงคนนั้น ‘ผมไม่มีทางปล่อยคุณให้หลุดมือไปแน่ๆ’
ร้านจิวเวลรี่ชื่อดังที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าย่านใจกลางเมือง ลูกค้าที่นี่ส่วนใหญ่เป็นสาวไฮโซหรือไม่ก็นักธุรกิจหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่ต่างหาซื้อเป็นของขวัญของกำนัล เครื่องประดับราคาแพงส่องแสงระยิบระยับเมื่อต้องกับแสงไฟนีออนบนเพดาน ยิ่งบ่งบอกถึงรสนิยมความหรูหราของผู้ที่ได้ครอบครองเป็นเจ้าของ
สุธางค์ชูชุดเครื่องประดับที่เป็นสร้อยคอเรียงร้อยด้วยไข่มุกแท้จากอันดามันอย่างออกหน้าออกตา จุดเด่นเห็นจะเป็นจี้รูปหงส์ที่ทำจากเพชรสามกะรัตแพรวพราวสวยงาม จนคนถือไม่อยากปล่อยวางลงจากมือ
“ชอบหรือเปล่าคะคุณแม่” รันลณาเอ่ยถามอย่างสนิทชิดเชื้อ
“แหม เพชรน้ำงามแบบนี้ใครไม่ชอบก็แปลก”
“แต่เสียดายนะคะที่มีคนจองไปก่อนหน้าแล้ว”
เมื่อได้ยินคำตอบสีหน้าของนางก็สลดลง คล้ายกับอาลัยเครื่องประดับตรงหน้า
“แต่ถ้าคุณแม่อยากได้จริงๆล่ะก็ รันมีอีกหนึ่งชุดเป็นชุดต้นแบบ รันคิดราคาพิเศษให้เลยค่ะ”
“จริงเหรอจ๊ะ” สุธางค์ตาโตลุกวาว
“แต่มีข้อแม้เล็กน้อย”
“ข้อแม้” สุธางค์ทวนคำถามนั้นอีกครั้ง
สาวสวยหุ่นดี ยืนยิ้มกริ่มอย่างมีเค้าเลศนัย ดวงตาคมสวยบาดลึก มองทอดผ่านไปเบื้องหน้าอย่างมีแผนอะไรบางอย่าง
สร้อยเอื้อ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 เม.ย. 2556, 10:04:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 เม.ย. 2556, 10:04:21 น.
จำนวนการเข้าชม : 791
<< กลับคืนสู่บ้าน | ความรู้สึกดีๆ >> |