ปริศนามายารัก
นิชดา นางแบบสาวที่มีอนาคตสดใส เธอกำลังจะแต่งงานกับทนายหนุ่มหน้าตาดี ฐานะดี แต่แล้ว เธอก้ได้พบเหตุการณ์ประหลาด และผู้ชายอีกคน ที่ดูเหมือนจะมีเบื้องหลังอันมีดมน ....พร้อมเปลี่ยนวิถีชีวิตของเธอไปตลอดกาล
Tags: สิรินดา, มายามนตรารัก
ตอน: 22 : ปาฎิหาริย์ - ตอนจบ
อรจิรารับอาสาขับรถให้เพื่อนในวันรุ่งขึ้น เธอจับเพื่อนแต่งหน้าแต่งตาเสียใหม่ เพราะอีกฝ่ายดูไม่มีแก่ใจจะทำอะไรทั้งสิ้น นอกจากนั้นยังขอให้เปลี่ยนชุดจากชุดสีดำเป็นเสื้อเชิ้ตขาวกระโปรงยีนยาวกรอมเท้าแทน
“ชุดนี้ดีกว่า เชื่อเราเถอะ คุณวัชคงไม่อยากเห็นบีใส่ชุดทึมๆ แบบนี้หรอก”
นิชดาเห็นด้วยกับเพื่อน ภวัชมักพูดเสมอไม่ให้เธอเสียใจกับการจากไปของเขา จึงยอมเปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่เพื่อนบอก
นิชดาไม่ได้เอะใจว่าทำไมอรจิราจึงพาเธอมาโรงพยาบาลแทนที่จะไปวัด ระหว่างนั้นหญิงสาวต้องโทรศัพท์ไปเลื่อนนัดสองสามนัด เพื่อเคลียร์คิวให้ว่างตลอดวัน จึงละคำถามนั้นไว้ก่อน
“เลื่อนนัดสำเร็จไหม”
นิชดาพยักหน้า “จริงๆ ก็ไม่อยากลางานหรอกนะ แต่กลัวทำแล้วไม่ดี วันนี้เป็นซ้อมเดินแบบ ก็เลยพอลาได้”
“ช่วงนี้งานยุ่งไหมบี”
หญิงสาวพยักหน้า “ยุ่งมากเลยล่ะ งานเข้าพร้อมๆ กันจนต้องปฏิเสธบางงานไปแน่ะ”
“ดีแล้วล่ะ จะได้ไม่มีเวลาคิดมาก เอ้าถึงแล้ว ห้องนี้ละ” อรจิราพาเพื่อนสาวมาที่ห้องพักคนใข้ ที่นั่น กันตชาติรออยู่ที่หน้าห้องก่อนแล้ว
หญิงสาวทำความเคารพผู้สูงวัยกว่า
“คุณบีหลับสบายดีไหมครับเมื่อคืน”
“ก็..ค่ะ เอ่อ คุณวัชละคะ หมอยังไม่ให้เอาศพออกจากโรงพยาบาลหรือคะ”
“ก็ครับมีอะไรต้องจัดการอีกนิดหน่อย” กันตชาติเหมือนจะหลบตาคนถาม “เชิญทางนี้ครับ” ชายหนุ่มเปิดประตูห้องปล่อยให้นิชดาเดินเข้าไปก่อน และตนเองเดินตามเข้าไปภายหลัง
......
ห้องที่นิชดาเดินเข้าไปไม่ใช่ห้องพักคนป่วย มันเหมือนเป็นห้องรับรองแขกมากกว่า นิชดาขมวดคิ้วเมื่อเห็นคุณนารีนั่งรออยู่ที่โต๊ะกลางห้อง เหมือนโต๊ะรับแขก
“หนูบีมาแล้วหรือจ้ะ”
เสียงคุณนารีลุกขึ้น หญิงสาวรีบทำความเคารพ
“มานั่งนี่ก่อนสิ ฉันมีอะไรจะคุยกับหนู” ผู้สูงวัยกว่าสบตากับกันตชาตินิดหนึ่ง ก่อนเดินนำทุกคนไปยังที่นั่ง อรจิรานั่งลงข้างเพื่อน ในขณะที่กันตชาตินั่งข้างคุณนารี
“หนูคงสงสัยล่ะสิว่าเพื่อนของหนูพามาที่นี่ทำไม แล้วภวัชอยู่ที่ไหน”
หญิงสาวพยักหน้า
คุณนารียิ้มก่อนจะยื่นมือไปแตะปลายแขนของกันตชาติ “ฉันมีเรื่องจะต้องขอโทษหนูก่อนที่หนูจะพบลูกชายของฉัน”
นิชดาเลื่อนสายตาไปหาชายร่างสูงซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของภวัช “หมายความว่ายังไงคะ”
“ผมคงต้องเล่าย้อนหลังไปนับแต่คุณพบกับผมครั้งสุดท้าย และเราตกลงกันว่าจะหาทางช่วยภวัชด้วยกัน จำได้ไหมครับ”
หญิงสาวพยักหน้า
“และนั่น ทำให้คุณกันชาติโทรมาคุยกับเรา แล้วเรากับคุณกันต์ก็หาข้อมูลเกี่ยวกับนาฬิกาเรือนนั้นด้วยกัน” อรจิราเสริม “เราได้ข้อมูลมามากมาย ในนั้น ส่วนหนึ่งเธอได้อ่านไปแล้ว”
“หมายความว่ายังไง ส่วนหนึ่ง…”
“หนูได้อ่านข้อมูลไม่หมดจ้ะ กันต์ตัดสินใจปิดบังบางส่วนไว้ หลังจากมาหารือกับฉันแล้ว”
“…” นิชดาส่ายหน้า ไม่เข้าใจอะไรเลย
“ตามเอกสารที่เราพบ ภวัชถูกสาปด้วยคำสาปประหลาด ที่เขาจะต้องตายในที่สุดหากแก้คำสาปไม่ทันเวลา ซึ่งก็ตรงกับอาการของภวัชที่ทรุดหนักลงเรื่อยๆ พอดี” คุณนารีเสริม “สิ่งที่กันต์ไม่ได้เล่าให้หนูฟังก็คือวิธีการที่เชื่อว่าเป็นการแก้คำสาป”
“แก้คำสาปหรือคะ”
“ใช่จ้ะ” อรจิราเสริม “สิ่งที่แก้คำสาปก็คือ ต้องมีคนที่มีใจตรงกัน บอกรักในเวลาก่อนเที่ยงคืนของวันสุดท้ายที่เขาจะมีชีวิตอยู่เท่านั้น เขาจึงจะรอดชีวิต”
“ตอนแรกผมก็ไม่ค่อยเชื่อ เพราะในบันทึกที่คุณเอมได้มา บอกแต่ว่า เชื่อกันว่ามันจะช่วยคนที่ถูกสาปได้” กันตชาติยิ้มแห้งๆ “ใครจะไปเชื่อล่ะครับ ผมตั้งใจจะปล่อยเรื่องนี้ไป จนเมื่อวานหมอเพิ่งอาการเลือดคั่งในสมอง หลังจากตรวจพบจะต้องผ่าตัดด่วน เป็นตายเท่ากัน ผมปรึกษากับคุณป้าเราตัดสินใจทำทุกทางที่จะช่วยเขาได้ ก็เลยให้ผ่าตัด แต่หลังจากออกจากห้องผ่าตัดเมื่อวาน เขายังโคม่าและหยุดหายใจไปหลายครั้ง ผมก็เลยตัดสินใจคุยกันกับคุณเอม คุณป้าเพื่อลองแผนสอง โทรไปหาคุณบอกคุณว่าภวัชตายแล้ว” กันตชาติเอ่ยขึ้น “พวกเราหวังแค่ปาฏิหารย์ ถ้าเป็นไปตามคำสาปจริงๆ และคุณมีใจให้เขา ภวัชก็จะ…รอด”
“น้าขอโทษ ที่ต้องให้กันตชาติทำแบบนั้น น้าไม่เห็นทางออกจริงๆ หนูเข้าใจน้านะ”
มิน่าเล่า เมื่อคืนอรจิราถึงคะยั้นคะยอถามเรื่องภวัชเสียมากมาย หญิงสาวคิด
“แล้วมันสำเร็จไหมคะ”
กันตชาติไม่ตอบ หญิงสาวหันไปหาคุณนารี
“คุณน้าคะ” หญิงสาวถามอย่างกระวนกระวาย “เขา…เขา ยังไม่ตายใช่ไหมคะ”
ทุกคนเงียบ
“คุณต้องไปดูเองครับ” กันตชาติตอบ
......
“การผ่าตัดผ่านไปอย่างเรียบร้อย แต่หมอบอกว่านายวัชยังหายใจเองไม่ได้ ทุกวินาทีของการมีชีวิตอยู่ของเขายังวิกฤตครับ” กันตชาติบอกหญิงสาวก่อนเปิดประตูห้องคนป่วย และปล่อยให้เธอเข้าไปข้างในเพียงคนเดียว “ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมทำสำเร็จหรือเปล่า ถ้าคุณอยากรู้ก็ต้องไปพิสูจน์เอาเองนะครับ หมอให้เวลาเยี่ยมไข้ได้ประมาณสิบนาที” เขาพูดก่อนจะปิดประตูตามหลัง
ภายในห้องพักคนป่วยค่อนข้างเย็น กลางห้องมีเตียงคนไข้ พร้อพร้อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากมาย หญิงสาวถูกปล่อยให้เดินเข้าไปในห้องคนเดียว เธอค่อยๆ เดินตรงเข้าไปที่เตียง ร่างสูงของภวัชนอนหลับตานิ่งอยู่ที่นั่น ศีรษะพันด้วยผ้าพันแผล หน้าตาซีดเซียว ส่งเสียงเครื่องช่วยหายใจข้างเตียงดังเบาๆ บอกว่าเขายังมีชีวิตอยู่
…กันตชาติบอกว่า เพียงเอาเครื่องช่วยหายใจออก ผู้ชายตรงหน้าก็จะกลายเป็นคนไร้ชีวิต…เหลือเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้นที่จะช่วยเขาได้
น้ำตาเอ่อล้นขอบตาอย่างช่วยไม่ได้ หญิงสาวกระพริบตาปล่อยให้มันไหลย้อนกลับไป
‘อย่าร้องให้ กับการจากไปของผม อย่าเสียใจ เพราะ…ผมไม่เคยเสียใจ แค่เราได้รู้จักกัน แค่นั้นก็ดีมากพอแล้ว…นะครับ’
คำพูดเก่าๆ ของภวัชย้อนเข้ามาในความคิดของหญิงสาว คนคิดยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะค่อยๆ ยกปลายนิ้วขึ้นแตะปลายแขนของคนป่วย ผิวเนื้อที่นิชดาสัมผัสได้เย็นเฉียบ ไรร่องรอยของการมีชีวิตอยู่
“คุณภวัชคะ” คนพูดไล่นิ้วลงมาจนถึงมือของคนป่วย จึงรวบมันไว้และยกขึ้นแตะที่ข้างแก้มของตนเอง “ฉันมาแล้ว ฟื้นขึ้นมาคุยกันสิคะ คุยกันแบบทุกคืนไงคะ”
เงียบ ไร้ปฏิกริยาตอบสนอง
“ฉันมาแล้ว…ได้โปรด…”
เงียบ…คนที่เฝ้ารออยู่หลายวินาทีเริ่มไหล่สั่น กวาดสายตาไปทั่วร่างนิ่งนั้น
“คุณจะมาห้ามไม่ให้ฉันร้องให้ไม่ได้หรอกนะคะ เหมือนกับที่..คุณห้ามตัวเองไม่ให้รักฉันไม่ได้” เสียงของคนพูดไม่ดังกว่าเสียงกระซิบ หางเสียงสั่นอย่างเห็นได้ชัด “ถึงแม้คุณจะบอกว่าไม่เสียใจที่จะจากไป เพราะเราแค่ได้รู้จักกันก็มากพอ แต่สำหรับฉัน ต้องการมากกว่านั้นค่ะ ฉันต้องการให้คุณมีชีวิตอยู่ อยากให้คุณพิสูจน์ว่า รักแท้ ในความหมายของคุณน่ะ มันเป็นยังไง”
ไม่มีปฏิกริยาจากร่างที่นอนนิ่งอยู่ หญิงสาวค่อยๆ วางมือนั้นอย่างช้าๆ ไว้ข้างตัวของเจ้าของเช่นเดิม เธอไม่ได้ดึงมือออก ตั้งใจจะใช้เวลาสัมผัสร่างกายของเขาให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
ก่อนที่เราจะจากกัน…ตลอดไป
“ปาฏิหาริย์ไม่มีจริงใช่ไหมคะ” เธอบอก “หรือมันมีไปแล้ว ตอนที่เราพบกัน” คนพูดถอนหายใจบางเบา “ไม่เป็นไรค่ะ ถึงอย่างไร คุณจะอยู่ในใจฉันเสมอ…คุณวัช” คนพูดปาดน้ำตาที่ข้างแก้ม
เวลาผ่านไปกว่าสิบนาที กันตชาติแอบหวังให้เกิดปาฏิหาริย์ แต่เมื่อเขาเข้าไปในห้องคนป่วยพร้อมนายแพทย์เจ้าของไข้ ภวัชก็ยังคงนอนนิ่ง
เขาคิดเหมือนนิชดา ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง ข้อมูลที่ได้มาเป็นเพียงตำนาน เรื่องเล่า ความเชื่อลอยๆ เท่านั้น
ตามที่นายแพทย์เจ้าของไข้ให้ข้อมูลไว้ก่อนหน้านี้ ถึงแม้คนไข้จะหายใจได้เป็นปกติแล้ว แต่ดูเหมือนจะอยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจเท่านั้น และตามคำสั่งของภวัชก่อนหน้านี้ หากเขาต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ภายในสามวัน ขอให้ถอดมันออก เพราะเขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แบบนั้น
นั่นหมายถึงมีเวลาไม่นานนัก สำหรับร่างที่นอนอยู่นี่
“คุณบีครับ” กันตชาติจับไหล่ของหญิงสาวที่ซบอยู่กับมือของคนป่วย “คุณหมออนุญาตให้อยู่ได้แค่นี้ครับ”
นิชดาเงยหน้าขึ้น เช็ดน้ำตาอีกรอบ “ค่ะ…”
“คุณต้องออกแล้วล่ะ”
หญิงสาวลุกขึ้น ทั้งๆ ที่ยังกุมมือของคนป่วยเอาไว้ “ฉันขอเวลาอีกสักนาทีได้ไหมคะ”
“ร่างกายคนไข้อ่อนแอมากครับ” นายแพทย์เสริมเหมือนจะบอกปฏิเสธกลายๆ
“ถ้าอย่างนั้น ขอให้ฉันได้ลาเขา…สักหน่อย” หญิงสาวขยับไปหัวเตียง มองใบหน้าหลับสนิทนั้นเป็นครั้งสุดท้าย และก่อนที่จะผละจากมา เธอตัดสินใจก้มลงกระซิบข้อความสุดท้ายที่ข้างหูของภวัช
ไม่มีใครได้ยินประโยคที่หญิงสาวพูด เธอปล่อยให้กันตชาติเดินนำออกมาจากห้องคนป่วยทันทีที่กล่าวประโยคนั้นจบ หญิงสาวผวาเข้าหาอรจิราซึ่งยืนรออยู่หน้าห้องอยู่แล้ว เพื่อนรักทั้งสองกอดกันกลม โดยไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา
“คุณกันตชาติครับ” นายแพทย์เจ้าของไข้เปิดประตูออกมา นั่นทำให้กันตชาติ นิชดา และอรจิราหันไปพร้อมกัน
นายแพทย์เจ้าของไข้ยิ้มกว้าง “คนไข้ฟื้นแล้วครับ”
......
หกเดือนต่อมา…
“อย่าบอกนะว่า คุณ…เอ่อ จะทำให้ผมหน้าแตกกลางห้องรับแขกบ้านของคุณเองน่ะ” ร่างสูงของภวัช ซึ่งตอนนี้อยู่ในชุดลำลองสบายๆ ผิดกับมาดนักธุรกิจพันล้านที่เริ่มเป็นรู้จักกันดีในวงการธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ของโลก ร่างสูงก้มลงพูดติดตลกกับผู้หญิงร่างเล็กที่ตนเองจูงมืออยู่ที่สวนหน้าบ้านของเธอ แต่ในน้ำเสียงก็แฝงความหวั่นใจไว้ไม่น้อย
วันนี้ชายหนุ่มนัดผู้ใหญ่มาหลายท่าน ตั้งใจจะมาสู่ขอนิชดากับแม่ของเธอโดยไม่บอกเจ้าตัวล่วงหน้า เขารอให้เธอเป็นอิสระจากภานุ คู่หมั้นคนก่อนมาระยะหนึ่งแล้ว รอให้อีกฝ่ายมั่นใจว่าเขาเป็นคนจริงจัง ไม่ได้หลอกลวงอย่างที่เธอต้องการ และต่อไปนี้ชายหนุ่มไม่อยากจะรออีกต่อไป
นิชดาทำหน้าบึ้งนิดๆ เมื่อรู้ว่าโดนหลอก...การพบกันที่บ้านของคุณกัญญาเป็นมากกว่าการ 'ไปกินข้าวเย็นกับคุณแม่ของคุณ' อย่างที่ภวัชบอก
“เปล่าค่ะ แต่ว่า…”
คราวนี้คนฟังเลิกคิ้ว
“อย่าบอกนะว่าไม่…ผมเป็นภวัชคนใหม่ แต่สิ่งที่เหมือนเดิมก็คือรับคำปฏิเสธไม่ค่อยได้นะ” น้ำเสียงคนพูดไม่ได้จริงจังนัก
“เวลาที่ผู้ชายเขาจะขอแต่งงานนี่ เขาบอกแต่ผู้ใหญ่ก่อนหรือคะ” นิชดาทำหน้าง้ำ “คิดดูสิตั้งแต่รู้จักกับคุณมา ฉันได้ยินแต่คำขู่เข็ญสารพัด อย่างดีก็คำว่า ผมขอโทษๆๆ ไม่เห็นมีคำว่า…เอ่อ…” คนพูดเกิดอาการพูดไม่ออกซะอย่างนั้นเมื่อจะต้องเอ่ยคำนั้นออกมา
ภวัชต้องใช้เวลาคิดหลายวินาที กว่าจะเข้าใจว่าหญิงสาวตรงหน้าของตนเองหมายความว่าอะไร…
ในที่สุดชายหนุ่มก็อมยิ้ม
“ผมบอกแล้วนี่ ว่าสนใจคุณ”
“ตอนไหน”
“ตอนที่ผมไปหาคุณทุกคืนไง”
“…ก็แค่ สนใจ”
ชายหนุ่มกรอกตา เพราะสำหรับเขา คำนั้นมันตรงไปตรงมาที่สุดแล้ว
“แล้วดอกไม้ตั้งหลายสิบช่อ นั่นยังไม่บอกอีกเหรอ” คนร่างสูงทำตาวิบๆ
เขาฟื้นขึ้นมาจากอาการโคม่าเหมือนปาฏิหาริย์ ซึ่งตอนนี้ก็ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเกิดจากการผ่าตัดฝีมือดีของนายแพทย์ชื่อดัง หรือเกิดจากความรู้สึกจากใจของนิชดาที่ส่งถึงเขา แต่นับแต่ฟื้นขึ้นมา เขาก็ใช้เวลาแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่าง และทำทุกวันของเขาให้ดีขึ้น ดีขึ้น ตามลำดับ
“นี่ถ้าคุณไม่บอกให้ผมส่งให้อาทิตย์ละช่อ ที่คอนโดใหม่ของคุณคงไม่มีที่เก็บ”
นิชดาส่ายหน้า “ไม่พอค่ะ หลายเดือนแล้วนะคะ ที่ฉันรอคำนั้นน่ะ” คนพูดบอกอย่างงอนๆ นับแต่ชายหนุ่มตรงหน้าฟื้นขึ้นมาจากอาการป่วยหนัก เขาก็ทำเหมือนเธอรู้อยู่แก่ใจว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเธอ และไม่เคยเอ่ยอะไรหวานๆ แบบนั้นกับเธอสักครั้ง
“ยอมถูกตบกลางผับ ยอมถูกเจ้าภานุด่าเอาซึ่งๆ หน้า ยอมไปจากชีวิตของคุณ เพราะคิดว่าคุณไม่สนใจผมนั่นล่ะ”
หญิงสาวส่ายหน้าอีก “ไม่ทราบค่ะ…ฉันไม่อยากเข้าข้างตัวเองด้วย” เธอจำได้ว่าเขาเคยแต่เอ่ยประโยคตรงไปตรงมา ว่าเขาสนใจเธอ แต่ไม่ได้เอ่ยคำว่า…รัก สักครั้งเดียว
“แล้วคอนโดที่ซื้อให้ใหม่ และตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ครบชุดของบริษัทของผมล่ะ”
“นั่นเพราะฉันเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของของสินค้าของบริษัท … ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนั้นสักหน่อย อย่ามาอ้างเลย”
เขาลงทุนไปควบคุมการตกแต่งเองทั้งหมดนี่นะ...จ้าของบริษัทที่ไหนเขาทำให้แบรนด์แอมบาสเดอร์กันล่ะ
“คุณคิดว่าฉันเห็นแก่สิ่งของราคาแพงพวกนั้นหรือไง”
ร่างบางยังกอดอก หน้าง้ำ บอกได้ว่าหากไม่ได้ยินคำนั้น เธอจะไม่ยอมตกลงกับเขาง่ายๆ แน่ๆ คราวนี้ร่างสูงจนใจ ถอนใจยาว ก่อนจะรั้งร่างบางมากอดแบบไม่อายสายตาของผู้ใหญ่ที่คอยลุ้นอยู่ในบ้าน ก่อนโน้มหน้าลงมาจนชิดแก้มของอีกฝ่าย
“เปล่าเลย เอ้า บอกก็ได้…ผมสนใจบี ตั้งแต่เห็นบีใส่นาฬิกาเรือนนั้น” นาฬิกาที่นิชดาใส่อยู่เป็นของภวัช มันทำให้เขาสืบจนรู้ได้ว่าใครเป็นคนต้องการฆ่าเขา
นิชดาหน้านิ่ว เหตุผลแค่นี้น่ะเหรอ
“เพราะว่าบีเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ยอมผมง่ายๆ ทำให้ผมโกรธหลายครั้ง”
“แสดงว่าชอบคนยากๆ งั้นสิ”
“มันทำให้ผมค้นพบสัจธรรมว่าความรักไม่ใช่การใช้อำนาจข่มขู่เอามาจึงได้มา ความรักไม่ใช่ทรัพย์สินความร่ำรวย แต่ความรักคือ…”
“คืออะไรคะ”
“คืออะไรก็ไม่รู้…รู้แต่ว่ารักเข้าไปแล้ว”
“โธ่”
“ก็ผมไม่รู้จริงๆ นี่ ความรักก็คือความรัก ผมเห็นคุณ ก็รู้โดยไม่ต้องมีคนบอกว่าคุณคือคนนั้น” น้ำเสียงสุดท้ายทุ้มนุ่ม “คนที่ใช่ของผม ตกลงเราแต่งงานกันนะ” คนพูดเชยคางของนิชดาขึ้น แล้วกดริมฝีปากของตนเองลงมาหาริมฝีปากนุ่มของอีกฝ่าย เพื่อพิสูจน์ความรู้สึกทั้งมวล
จูบนั้นแฝงทั้งความอ่อนหวาน ร้อนแรง ตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อมกันเลยทีเดียว
คราวนี้นิชดาหน้าแดงก่ำ มีเวลาคิดเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น เมื่อร่างสูงผละจากเธอ แล้วดึงมือของหญิงสาวให้ตามเข้าตัวบ้าน ร่างบางเซหลุนๆ ตามแรงมือของอีกฝ่ายจนมาถึงห้องโถงที่จัดไว้รับแขกสำคัญ
แขกทุกคนมาพร้อมกันแล้ว
คุณนารีแม่ของภานุ คุณบัว กันตชาติ เนตรดาว อรจิราและเพื่อนสนิทของนิชดาอีกสองคน และสุดท้าย ผู้จัดการสวนกล้วยไม้ของคุณบัว ที่ถูกลากตัวมาเป็นสารถีให้ผู้สูงวัย
คุณบัวถูกขอให้มาเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายชายในการสู่ขอนิชดาอย่างป็นทางการ ภวัชให้เหตุผลว่า เป็นเพราะเธอคือผู้ให้กำเนิดชีวิต และการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างกับเขา จึงเท่ากับเป็นเสมือนแม่อีกคนของเขา คุณนารีเห็นด้วย
พิธีสู่ขอทำง่ายๆ แต่อบอุ่นในความรู้สึกของคู่หนุ่มสาวเพราะล้วนแต่มีคนสนิทใกล้ชิดอยู่เป็นพยาน พิธีจบด้วยการที่ชายหนุ่มเอื้อมมือมาจับมือของนิชดาเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“บีครับ ต่อจากนี้ไป จะให้เกียรติเป็นภรรยาผมไหม”
นิชดาก้มลงมองมือหนาของอีกฝ่าย ซึ่งตอนนี้ข้อมือนั้นยังสวมนาฬิกาเรือนที่นำพาทั้งคู่ให้มาพบกัน ร่างสูงก้มลงมาในขณะที่นิชดาค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ตาสบตา หญิงสาวพยักหน้า
“ค่ะ”
เธอตอบรับ ด้วยคำพูดและด้วยหัวใจทั้งดวง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผู้ชายคนนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า การพบกันของเธอและเขาไม่ใช่ปาฏิหารย์อย่างเดียวเท่านั้นที่ทำให้ใจสองใจผูกพันกัน ความรักความเอาใจใส่ของเขาต่อเธอและคนรอบข้างเป็นพรอันวิเศษที่สร้างมนตราทำให้หัวใจของเธอยิ่งผูกพันกับเขามากขึ้นทุกวัน
นับแต่นี้ ชีวิตของเธอจะวางอยู่ในอุ้งมืออุ่นๆ เข้มแข็งคู่นี้…ตลอดไป
มีแต่หัวใจสองดวง ซึ่งสื่อถึงกันด้วยความจริงใจ เท่านั้น….ไม่มีมายา ไม่มีมนตรา มีแต่หัวใจรักจริงเท่านั้น…นิรันดร์
จบ… แล้วจ้าาาา
-----
เรื่องนี้อยู่ระหว่าง re-write ค่ะ พิมพ์ รวมเล่มเร็วๆ นี้ :)
“ชุดนี้ดีกว่า เชื่อเราเถอะ คุณวัชคงไม่อยากเห็นบีใส่ชุดทึมๆ แบบนี้หรอก”
นิชดาเห็นด้วยกับเพื่อน ภวัชมักพูดเสมอไม่ให้เธอเสียใจกับการจากไปของเขา จึงยอมเปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่เพื่อนบอก
นิชดาไม่ได้เอะใจว่าทำไมอรจิราจึงพาเธอมาโรงพยาบาลแทนที่จะไปวัด ระหว่างนั้นหญิงสาวต้องโทรศัพท์ไปเลื่อนนัดสองสามนัด เพื่อเคลียร์คิวให้ว่างตลอดวัน จึงละคำถามนั้นไว้ก่อน
“เลื่อนนัดสำเร็จไหม”
นิชดาพยักหน้า “จริงๆ ก็ไม่อยากลางานหรอกนะ แต่กลัวทำแล้วไม่ดี วันนี้เป็นซ้อมเดินแบบ ก็เลยพอลาได้”
“ช่วงนี้งานยุ่งไหมบี”
หญิงสาวพยักหน้า “ยุ่งมากเลยล่ะ งานเข้าพร้อมๆ กันจนต้องปฏิเสธบางงานไปแน่ะ”
“ดีแล้วล่ะ จะได้ไม่มีเวลาคิดมาก เอ้าถึงแล้ว ห้องนี้ละ” อรจิราพาเพื่อนสาวมาที่ห้องพักคนใข้ ที่นั่น กันตชาติรออยู่ที่หน้าห้องก่อนแล้ว
หญิงสาวทำความเคารพผู้สูงวัยกว่า
“คุณบีหลับสบายดีไหมครับเมื่อคืน”
“ก็..ค่ะ เอ่อ คุณวัชละคะ หมอยังไม่ให้เอาศพออกจากโรงพยาบาลหรือคะ”
“ก็ครับมีอะไรต้องจัดการอีกนิดหน่อย” กันตชาติเหมือนจะหลบตาคนถาม “เชิญทางนี้ครับ” ชายหนุ่มเปิดประตูห้องปล่อยให้นิชดาเดินเข้าไปก่อน และตนเองเดินตามเข้าไปภายหลัง
......
ห้องที่นิชดาเดินเข้าไปไม่ใช่ห้องพักคนป่วย มันเหมือนเป็นห้องรับรองแขกมากกว่า นิชดาขมวดคิ้วเมื่อเห็นคุณนารีนั่งรออยู่ที่โต๊ะกลางห้อง เหมือนโต๊ะรับแขก
“หนูบีมาแล้วหรือจ้ะ”
เสียงคุณนารีลุกขึ้น หญิงสาวรีบทำความเคารพ
“มานั่งนี่ก่อนสิ ฉันมีอะไรจะคุยกับหนู” ผู้สูงวัยกว่าสบตากับกันตชาตินิดหนึ่ง ก่อนเดินนำทุกคนไปยังที่นั่ง อรจิรานั่งลงข้างเพื่อน ในขณะที่กันตชาตินั่งข้างคุณนารี
“หนูคงสงสัยล่ะสิว่าเพื่อนของหนูพามาที่นี่ทำไม แล้วภวัชอยู่ที่ไหน”
หญิงสาวพยักหน้า
คุณนารียิ้มก่อนจะยื่นมือไปแตะปลายแขนของกันตชาติ “ฉันมีเรื่องจะต้องขอโทษหนูก่อนที่หนูจะพบลูกชายของฉัน”
นิชดาเลื่อนสายตาไปหาชายร่างสูงซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของภวัช “หมายความว่ายังไงคะ”
“ผมคงต้องเล่าย้อนหลังไปนับแต่คุณพบกับผมครั้งสุดท้าย และเราตกลงกันว่าจะหาทางช่วยภวัชด้วยกัน จำได้ไหมครับ”
หญิงสาวพยักหน้า
“และนั่น ทำให้คุณกันชาติโทรมาคุยกับเรา แล้วเรากับคุณกันต์ก็หาข้อมูลเกี่ยวกับนาฬิกาเรือนนั้นด้วยกัน” อรจิราเสริม “เราได้ข้อมูลมามากมาย ในนั้น ส่วนหนึ่งเธอได้อ่านไปแล้ว”
“หมายความว่ายังไง ส่วนหนึ่ง…”
“หนูได้อ่านข้อมูลไม่หมดจ้ะ กันต์ตัดสินใจปิดบังบางส่วนไว้ หลังจากมาหารือกับฉันแล้ว”
“…” นิชดาส่ายหน้า ไม่เข้าใจอะไรเลย
“ตามเอกสารที่เราพบ ภวัชถูกสาปด้วยคำสาปประหลาด ที่เขาจะต้องตายในที่สุดหากแก้คำสาปไม่ทันเวลา ซึ่งก็ตรงกับอาการของภวัชที่ทรุดหนักลงเรื่อยๆ พอดี” คุณนารีเสริม “สิ่งที่กันต์ไม่ได้เล่าให้หนูฟังก็คือวิธีการที่เชื่อว่าเป็นการแก้คำสาป”
“แก้คำสาปหรือคะ”
“ใช่จ้ะ” อรจิราเสริม “สิ่งที่แก้คำสาปก็คือ ต้องมีคนที่มีใจตรงกัน บอกรักในเวลาก่อนเที่ยงคืนของวันสุดท้ายที่เขาจะมีชีวิตอยู่เท่านั้น เขาจึงจะรอดชีวิต”
“ตอนแรกผมก็ไม่ค่อยเชื่อ เพราะในบันทึกที่คุณเอมได้มา บอกแต่ว่า เชื่อกันว่ามันจะช่วยคนที่ถูกสาปได้” กันตชาติยิ้มแห้งๆ “ใครจะไปเชื่อล่ะครับ ผมตั้งใจจะปล่อยเรื่องนี้ไป จนเมื่อวานหมอเพิ่งอาการเลือดคั่งในสมอง หลังจากตรวจพบจะต้องผ่าตัดด่วน เป็นตายเท่ากัน ผมปรึกษากับคุณป้าเราตัดสินใจทำทุกทางที่จะช่วยเขาได้ ก็เลยให้ผ่าตัด แต่หลังจากออกจากห้องผ่าตัดเมื่อวาน เขายังโคม่าและหยุดหายใจไปหลายครั้ง ผมก็เลยตัดสินใจคุยกันกับคุณเอม คุณป้าเพื่อลองแผนสอง โทรไปหาคุณบอกคุณว่าภวัชตายแล้ว” กันตชาติเอ่ยขึ้น “พวกเราหวังแค่ปาฏิหารย์ ถ้าเป็นไปตามคำสาปจริงๆ และคุณมีใจให้เขา ภวัชก็จะ…รอด”
“น้าขอโทษ ที่ต้องให้กันตชาติทำแบบนั้น น้าไม่เห็นทางออกจริงๆ หนูเข้าใจน้านะ”
มิน่าเล่า เมื่อคืนอรจิราถึงคะยั้นคะยอถามเรื่องภวัชเสียมากมาย หญิงสาวคิด
“แล้วมันสำเร็จไหมคะ”
กันตชาติไม่ตอบ หญิงสาวหันไปหาคุณนารี
“คุณน้าคะ” หญิงสาวถามอย่างกระวนกระวาย “เขา…เขา ยังไม่ตายใช่ไหมคะ”
ทุกคนเงียบ
“คุณต้องไปดูเองครับ” กันตชาติตอบ
......
“การผ่าตัดผ่านไปอย่างเรียบร้อย แต่หมอบอกว่านายวัชยังหายใจเองไม่ได้ ทุกวินาทีของการมีชีวิตอยู่ของเขายังวิกฤตครับ” กันตชาติบอกหญิงสาวก่อนเปิดประตูห้องคนป่วย และปล่อยให้เธอเข้าไปข้างในเพียงคนเดียว “ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมทำสำเร็จหรือเปล่า ถ้าคุณอยากรู้ก็ต้องไปพิสูจน์เอาเองนะครับ หมอให้เวลาเยี่ยมไข้ได้ประมาณสิบนาที” เขาพูดก่อนจะปิดประตูตามหลัง
ภายในห้องพักคนป่วยค่อนข้างเย็น กลางห้องมีเตียงคนไข้ พร้อพร้อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากมาย หญิงสาวถูกปล่อยให้เดินเข้าไปในห้องคนเดียว เธอค่อยๆ เดินตรงเข้าไปที่เตียง ร่างสูงของภวัชนอนหลับตานิ่งอยู่ที่นั่น ศีรษะพันด้วยผ้าพันแผล หน้าตาซีดเซียว ส่งเสียงเครื่องช่วยหายใจข้างเตียงดังเบาๆ บอกว่าเขายังมีชีวิตอยู่
…กันตชาติบอกว่า เพียงเอาเครื่องช่วยหายใจออก ผู้ชายตรงหน้าก็จะกลายเป็นคนไร้ชีวิต…เหลือเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้นที่จะช่วยเขาได้
น้ำตาเอ่อล้นขอบตาอย่างช่วยไม่ได้ หญิงสาวกระพริบตาปล่อยให้มันไหลย้อนกลับไป
‘อย่าร้องให้ กับการจากไปของผม อย่าเสียใจ เพราะ…ผมไม่เคยเสียใจ แค่เราได้รู้จักกัน แค่นั้นก็ดีมากพอแล้ว…นะครับ’
คำพูดเก่าๆ ของภวัชย้อนเข้ามาในความคิดของหญิงสาว คนคิดยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะค่อยๆ ยกปลายนิ้วขึ้นแตะปลายแขนของคนป่วย ผิวเนื้อที่นิชดาสัมผัสได้เย็นเฉียบ ไรร่องรอยของการมีชีวิตอยู่
“คุณภวัชคะ” คนพูดไล่นิ้วลงมาจนถึงมือของคนป่วย จึงรวบมันไว้และยกขึ้นแตะที่ข้างแก้มของตนเอง “ฉันมาแล้ว ฟื้นขึ้นมาคุยกันสิคะ คุยกันแบบทุกคืนไงคะ”
เงียบ ไร้ปฏิกริยาตอบสนอง
“ฉันมาแล้ว…ได้โปรด…”
เงียบ…คนที่เฝ้ารออยู่หลายวินาทีเริ่มไหล่สั่น กวาดสายตาไปทั่วร่างนิ่งนั้น
“คุณจะมาห้ามไม่ให้ฉันร้องให้ไม่ได้หรอกนะคะ เหมือนกับที่..คุณห้ามตัวเองไม่ให้รักฉันไม่ได้” เสียงของคนพูดไม่ดังกว่าเสียงกระซิบ หางเสียงสั่นอย่างเห็นได้ชัด “ถึงแม้คุณจะบอกว่าไม่เสียใจที่จะจากไป เพราะเราแค่ได้รู้จักกันก็มากพอ แต่สำหรับฉัน ต้องการมากกว่านั้นค่ะ ฉันต้องการให้คุณมีชีวิตอยู่ อยากให้คุณพิสูจน์ว่า รักแท้ ในความหมายของคุณน่ะ มันเป็นยังไง”
ไม่มีปฏิกริยาจากร่างที่นอนนิ่งอยู่ หญิงสาวค่อยๆ วางมือนั้นอย่างช้าๆ ไว้ข้างตัวของเจ้าของเช่นเดิม เธอไม่ได้ดึงมือออก ตั้งใจจะใช้เวลาสัมผัสร่างกายของเขาให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
ก่อนที่เราจะจากกัน…ตลอดไป
“ปาฏิหาริย์ไม่มีจริงใช่ไหมคะ” เธอบอก “หรือมันมีไปแล้ว ตอนที่เราพบกัน” คนพูดถอนหายใจบางเบา “ไม่เป็นไรค่ะ ถึงอย่างไร คุณจะอยู่ในใจฉันเสมอ…คุณวัช” คนพูดปาดน้ำตาที่ข้างแก้ม
เวลาผ่านไปกว่าสิบนาที กันตชาติแอบหวังให้เกิดปาฏิหาริย์ แต่เมื่อเขาเข้าไปในห้องคนป่วยพร้อมนายแพทย์เจ้าของไข้ ภวัชก็ยังคงนอนนิ่ง
เขาคิดเหมือนนิชดา ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง ข้อมูลที่ได้มาเป็นเพียงตำนาน เรื่องเล่า ความเชื่อลอยๆ เท่านั้น
ตามที่นายแพทย์เจ้าของไข้ให้ข้อมูลไว้ก่อนหน้านี้ ถึงแม้คนไข้จะหายใจได้เป็นปกติแล้ว แต่ดูเหมือนจะอยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจเท่านั้น และตามคำสั่งของภวัชก่อนหน้านี้ หากเขาต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ภายในสามวัน ขอให้ถอดมันออก เพราะเขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แบบนั้น
นั่นหมายถึงมีเวลาไม่นานนัก สำหรับร่างที่นอนอยู่นี่
“คุณบีครับ” กันตชาติจับไหล่ของหญิงสาวที่ซบอยู่กับมือของคนป่วย “คุณหมออนุญาตให้อยู่ได้แค่นี้ครับ”
นิชดาเงยหน้าขึ้น เช็ดน้ำตาอีกรอบ “ค่ะ…”
“คุณต้องออกแล้วล่ะ”
หญิงสาวลุกขึ้น ทั้งๆ ที่ยังกุมมือของคนป่วยเอาไว้ “ฉันขอเวลาอีกสักนาทีได้ไหมคะ”
“ร่างกายคนไข้อ่อนแอมากครับ” นายแพทย์เสริมเหมือนจะบอกปฏิเสธกลายๆ
“ถ้าอย่างนั้น ขอให้ฉันได้ลาเขา…สักหน่อย” หญิงสาวขยับไปหัวเตียง มองใบหน้าหลับสนิทนั้นเป็นครั้งสุดท้าย และก่อนที่จะผละจากมา เธอตัดสินใจก้มลงกระซิบข้อความสุดท้ายที่ข้างหูของภวัช
ไม่มีใครได้ยินประโยคที่หญิงสาวพูด เธอปล่อยให้กันตชาติเดินนำออกมาจากห้องคนป่วยทันทีที่กล่าวประโยคนั้นจบ หญิงสาวผวาเข้าหาอรจิราซึ่งยืนรออยู่หน้าห้องอยู่แล้ว เพื่อนรักทั้งสองกอดกันกลม โดยไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา
“คุณกันตชาติครับ” นายแพทย์เจ้าของไข้เปิดประตูออกมา นั่นทำให้กันตชาติ นิชดา และอรจิราหันไปพร้อมกัน
นายแพทย์เจ้าของไข้ยิ้มกว้าง “คนไข้ฟื้นแล้วครับ”
......
หกเดือนต่อมา…
“อย่าบอกนะว่า คุณ…เอ่อ จะทำให้ผมหน้าแตกกลางห้องรับแขกบ้านของคุณเองน่ะ” ร่างสูงของภวัช ซึ่งตอนนี้อยู่ในชุดลำลองสบายๆ ผิดกับมาดนักธุรกิจพันล้านที่เริ่มเป็นรู้จักกันดีในวงการธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ของโลก ร่างสูงก้มลงพูดติดตลกกับผู้หญิงร่างเล็กที่ตนเองจูงมืออยู่ที่สวนหน้าบ้านของเธอ แต่ในน้ำเสียงก็แฝงความหวั่นใจไว้ไม่น้อย
วันนี้ชายหนุ่มนัดผู้ใหญ่มาหลายท่าน ตั้งใจจะมาสู่ขอนิชดากับแม่ของเธอโดยไม่บอกเจ้าตัวล่วงหน้า เขารอให้เธอเป็นอิสระจากภานุ คู่หมั้นคนก่อนมาระยะหนึ่งแล้ว รอให้อีกฝ่ายมั่นใจว่าเขาเป็นคนจริงจัง ไม่ได้หลอกลวงอย่างที่เธอต้องการ และต่อไปนี้ชายหนุ่มไม่อยากจะรออีกต่อไป
นิชดาทำหน้าบึ้งนิดๆ เมื่อรู้ว่าโดนหลอก...การพบกันที่บ้านของคุณกัญญาเป็นมากกว่าการ 'ไปกินข้าวเย็นกับคุณแม่ของคุณ' อย่างที่ภวัชบอก
“เปล่าค่ะ แต่ว่า…”
คราวนี้คนฟังเลิกคิ้ว
“อย่าบอกนะว่าไม่…ผมเป็นภวัชคนใหม่ แต่สิ่งที่เหมือนเดิมก็คือรับคำปฏิเสธไม่ค่อยได้นะ” น้ำเสียงคนพูดไม่ได้จริงจังนัก
“เวลาที่ผู้ชายเขาจะขอแต่งงานนี่ เขาบอกแต่ผู้ใหญ่ก่อนหรือคะ” นิชดาทำหน้าง้ำ “คิดดูสิตั้งแต่รู้จักกับคุณมา ฉันได้ยินแต่คำขู่เข็ญสารพัด อย่างดีก็คำว่า ผมขอโทษๆๆ ไม่เห็นมีคำว่า…เอ่อ…” คนพูดเกิดอาการพูดไม่ออกซะอย่างนั้นเมื่อจะต้องเอ่ยคำนั้นออกมา
ภวัชต้องใช้เวลาคิดหลายวินาที กว่าจะเข้าใจว่าหญิงสาวตรงหน้าของตนเองหมายความว่าอะไร…
ในที่สุดชายหนุ่มก็อมยิ้ม
“ผมบอกแล้วนี่ ว่าสนใจคุณ”
“ตอนไหน”
“ตอนที่ผมไปหาคุณทุกคืนไง”
“…ก็แค่ สนใจ”
ชายหนุ่มกรอกตา เพราะสำหรับเขา คำนั้นมันตรงไปตรงมาที่สุดแล้ว
“แล้วดอกไม้ตั้งหลายสิบช่อ นั่นยังไม่บอกอีกเหรอ” คนร่างสูงทำตาวิบๆ
เขาฟื้นขึ้นมาจากอาการโคม่าเหมือนปาฏิหาริย์ ซึ่งตอนนี้ก็ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเกิดจากการผ่าตัดฝีมือดีของนายแพทย์ชื่อดัง หรือเกิดจากความรู้สึกจากใจของนิชดาที่ส่งถึงเขา แต่นับแต่ฟื้นขึ้นมา เขาก็ใช้เวลาแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่าง และทำทุกวันของเขาให้ดีขึ้น ดีขึ้น ตามลำดับ
“นี่ถ้าคุณไม่บอกให้ผมส่งให้อาทิตย์ละช่อ ที่คอนโดใหม่ของคุณคงไม่มีที่เก็บ”
นิชดาส่ายหน้า “ไม่พอค่ะ หลายเดือนแล้วนะคะ ที่ฉันรอคำนั้นน่ะ” คนพูดบอกอย่างงอนๆ นับแต่ชายหนุ่มตรงหน้าฟื้นขึ้นมาจากอาการป่วยหนัก เขาก็ทำเหมือนเธอรู้อยู่แก่ใจว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเธอ และไม่เคยเอ่ยอะไรหวานๆ แบบนั้นกับเธอสักครั้ง
“ยอมถูกตบกลางผับ ยอมถูกเจ้าภานุด่าเอาซึ่งๆ หน้า ยอมไปจากชีวิตของคุณ เพราะคิดว่าคุณไม่สนใจผมนั่นล่ะ”
หญิงสาวส่ายหน้าอีก “ไม่ทราบค่ะ…ฉันไม่อยากเข้าข้างตัวเองด้วย” เธอจำได้ว่าเขาเคยแต่เอ่ยประโยคตรงไปตรงมา ว่าเขาสนใจเธอ แต่ไม่ได้เอ่ยคำว่า…รัก สักครั้งเดียว
“แล้วคอนโดที่ซื้อให้ใหม่ และตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ครบชุดของบริษัทของผมล่ะ”
“นั่นเพราะฉันเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของของสินค้าของบริษัท … ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนั้นสักหน่อย อย่ามาอ้างเลย”
เขาลงทุนไปควบคุมการตกแต่งเองทั้งหมดนี่นะ...จ้าของบริษัทที่ไหนเขาทำให้แบรนด์แอมบาสเดอร์กันล่ะ
“คุณคิดว่าฉันเห็นแก่สิ่งของราคาแพงพวกนั้นหรือไง”
ร่างบางยังกอดอก หน้าง้ำ บอกได้ว่าหากไม่ได้ยินคำนั้น เธอจะไม่ยอมตกลงกับเขาง่ายๆ แน่ๆ คราวนี้ร่างสูงจนใจ ถอนใจยาว ก่อนจะรั้งร่างบางมากอดแบบไม่อายสายตาของผู้ใหญ่ที่คอยลุ้นอยู่ในบ้าน ก่อนโน้มหน้าลงมาจนชิดแก้มของอีกฝ่าย
“เปล่าเลย เอ้า บอกก็ได้…ผมสนใจบี ตั้งแต่เห็นบีใส่นาฬิกาเรือนนั้น” นาฬิกาที่นิชดาใส่อยู่เป็นของภวัช มันทำให้เขาสืบจนรู้ได้ว่าใครเป็นคนต้องการฆ่าเขา
นิชดาหน้านิ่ว เหตุผลแค่นี้น่ะเหรอ
“เพราะว่าบีเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ยอมผมง่ายๆ ทำให้ผมโกรธหลายครั้ง”
“แสดงว่าชอบคนยากๆ งั้นสิ”
“มันทำให้ผมค้นพบสัจธรรมว่าความรักไม่ใช่การใช้อำนาจข่มขู่เอามาจึงได้มา ความรักไม่ใช่ทรัพย์สินความร่ำรวย แต่ความรักคือ…”
“คืออะไรคะ”
“คืออะไรก็ไม่รู้…รู้แต่ว่ารักเข้าไปแล้ว”
“โธ่”
“ก็ผมไม่รู้จริงๆ นี่ ความรักก็คือความรัก ผมเห็นคุณ ก็รู้โดยไม่ต้องมีคนบอกว่าคุณคือคนนั้น” น้ำเสียงสุดท้ายทุ้มนุ่ม “คนที่ใช่ของผม ตกลงเราแต่งงานกันนะ” คนพูดเชยคางของนิชดาขึ้น แล้วกดริมฝีปากของตนเองลงมาหาริมฝีปากนุ่มของอีกฝ่าย เพื่อพิสูจน์ความรู้สึกทั้งมวล
จูบนั้นแฝงทั้งความอ่อนหวาน ร้อนแรง ตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อมกันเลยทีเดียว
คราวนี้นิชดาหน้าแดงก่ำ มีเวลาคิดเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น เมื่อร่างสูงผละจากเธอ แล้วดึงมือของหญิงสาวให้ตามเข้าตัวบ้าน ร่างบางเซหลุนๆ ตามแรงมือของอีกฝ่ายจนมาถึงห้องโถงที่จัดไว้รับแขกสำคัญ
แขกทุกคนมาพร้อมกันแล้ว
คุณนารีแม่ของภานุ คุณบัว กันตชาติ เนตรดาว อรจิราและเพื่อนสนิทของนิชดาอีกสองคน และสุดท้าย ผู้จัดการสวนกล้วยไม้ของคุณบัว ที่ถูกลากตัวมาเป็นสารถีให้ผู้สูงวัย
คุณบัวถูกขอให้มาเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายชายในการสู่ขอนิชดาอย่างป็นทางการ ภวัชให้เหตุผลว่า เป็นเพราะเธอคือผู้ให้กำเนิดชีวิต และการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างกับเขา จึงเท่ากับเป็นเสมือนแม่อีกคนของเขา คุณนารีเห็นด้วย
พิธีสู่ขอทำง่ายๆ แต่อบอุ่นในความรู้สึกของคู่หนุ่มสาวเพราะล้วนแต่มีคนสนิทใกล้ชิดอยู่เป็นพยาน พิธีจบด้วยการที่ชายหนุ่มเอื้อมมือมาจับมือของนิชดาเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“บีครับ ต่อจากนี้ไป จะให้เกียรติเป็นภรรยาผมไหม”
นิชดาก้มลงมองมือหนาของอีกฝ่าย ซึ่งตอนนี้ข้อมือนั้นยังสวมนาฬิกาเรือนที่นำพาทั้งคู่ให้มาพบกัน ร่างสูงก้มลงมาในขณะที่นิชดาค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ตาสบตา หญิงสาวพยักหน้า
“ค่ะ”
เธอตอบรับ ด้วยคำพูดและด้วยหัวใจทั้งดวง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผู้ชายคนนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า การพบกันของเธอและเขาไม่ใช่ปาฏิหารย์อย่างเดียวเท่านั้นที่ทำให้ใจสองใจผูกพันกัน ความรักความเอาใจใส่ของเขาต่อเธอและคนรอบข้างเป็นพรอันวิเศษที่สร้างมนตราทำให้หัวใจของเธอยิ่งผูกพันกับเขามากขึ้นทุกวัน
นับแต่นี้ ชีวิตของเธอจะวางอยู่ในอุ้งมืออุ่นๆ เข้มแข็งคู่นี้…ตลอดไป
มีแต่หัวใจสองดวง ซึ่งสื่อถึงกันด้วยความจริงใจ เท่านั้น….ไม่มีมายา ไม่มีมนตรา มีแต่หัวใจรักจริงเท่านั้น…นิรันดร์
จบ… แล้วจ้าาาา
-----
เรื่องนี้อยู่ระหว่าง re-write ค่ะ พิมพ์ รวมเล่มเร็วๆ นี้ :)
สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 เม.ย. 2556, 20:57:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 พ.ค. 2556, 09:35:23 น.
จำนวนการเข้าชม : 4564
konhin 16 เม.ย. 2556, 21:28:19 น.
oh wow.. จบได้สวยงามค่ะ ว่าแต่ กระซิบบอกอะไรกันน้อออ
oh wow.. จบได้สวยงามค่ะ ว่าแต่ กระซิบบอกอะไรกันน้อออ
เด็กหญิงม่อน 16 เม.ย. 2556, 21:29:08 น.
สนุกมากค่ะ อ่านทีเดียว 22 ตอนรวด
สนุกมากค่ะ อ่านทีเดียว 22 ตอนรวด
คิมหันตุ์ 16 เม.ย. 2556, 22:25:18 น.
ลุ้นมากกกๆ ค่า จบได้สวยงามจ่ะ ^^
ลุ้นมากกกๆ ค่า จบได้สวยงามจ่ะ ^^
จิงโกะ 16 เม.ย. 2556, 22:35:50 น.
ree 16 เม.ย. 2556, 23:32:47 น.
ดีใจที่มีปาฏิหารย์ จบได้น่ารักมาก
ดีใจที่มีปาฏิหารย์ จบได้น่ารักมาก
goldensun 16 เม.ย. 2556, 23:38:03 น.
ดีจัง ที่ปาฏิหาริย์มีจริง ลุ้นแทบแย่ อยากรู้จัง บีกระซิบอะไรข้างหูภวัชก่อนออกจากห้อง
แต่ก็ชอบค่ะ ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกอีกเรื่อง
ดีจัง ที่ปาฏิหาริย์มีจริง ลุ้นแทบแย่ อยากรู้จัง บีกระซิบอะไรข้างหูภวัชก่อนออกจากห้อง
แต่ก็ชอบค่ะ ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกอีกเรื่อง
หนอนฮับ 17 เม.ย. 2556, 00:51:15 น.
>< ขออีกได้ไหมค่าาาา อิอิ
>< ขออีกได้ไหมค่าาาา อิอิ
ไรน้ำ 17 เม.ย. 2556, 09:27:27 น.
ขอบคุณค่ะ ลุ้นมากๆ นึกว่าไรเตอร์จะจบแบบซีรีส์เกาะหลีซะแล้ว
ขอบคุณค่ะ ลุ้นมากๆ นึกว่าไรเตอร์จะจบแบบซีรีส์เกาะหลีซะแล้ว
สิรินดา 17 เม.ย. 2556, 10:14:47 น.
อยากรู้ว่า นิชดา กระซิบอะไร รออ่านในฉบับรวมเล่มนะคะ
อยากรู้ว่า นิชดา กระซิบอะไร รออ่านในฉบับรวมเล่มนะคะ
mhengjhy 17 เม.ย. 2556, 10:20:32 น.
คาใจค่าาา อยากรู้ว่าบีกระซิบอะไร จนทำให้คุณวัชฟื้นเลย 555
คาใจค่าาา อยากรู้ว่าบีกระซิบอะไร จนทำให้คุณวัชฟื้นเลย 555
ลิลลี่ 17 เม.ย. 2556, 14:01:56 น.
กลัวบีจะไม่ได้กระซิบน่ะสิ บีอาจจะด่าก็ได้นะ ฮี่ๆๆๆๆๆ
ในที่สุดปาฏิหารย์ก็มีจริง จบได้น่ารักค่ะ
กลัวบีจะไม่ได้กระซิบน่ะสิ บีอาจจะด่าก็ได้นะ ฮี่ๆๆๆๆๆ
ในที่สุดปาฏิหารย์ก็มีจริง จบได้น่ารักค่ะ
ตุ๊งแช่ 17 เม.ย. 2556, 15:32:46 น.
จบแล้ววว ท่ามากจริงๆพระเอกเรา
จบแล้ววว ท่ามากจริงๆพระเอกเรา
Zephyr 18 เม.ย. 2556, 21:36:07 น.
เค้าอยากรู้ บีกระซิบ อะไร!!!!!
อ๊ากกกกกกกกกก อยากรู้ๆๆๆๆๆ
แล้วก็ ใคร อยาก ฆ่า ภวัช คะ
อยากรู้อีกแล้วววววววววว
ฮืออออออ ต้องรอรวมเล่ม ตั้งนานอ่า แงๆๆๆ
จบน่ารักที่สุดเลย มีงอน ง๊องแง๊งกันด้วย อิอิ
และแล้วก็ได้รักกันจริงๆ กรี๊ดดดดดดด
เค้าอยากรู้ บีกระซิบ อะไร!!!!!
อ๊ากกกกกกกกกก อยากรู้ๆๆๆๆๆ
แล้วก็ ใคร อยาก ฆ่า ภวัช คะ
อยากรู้อีกแล้วววววววววว
ฮืออออออ ต้องรอรวมเล่ม ตั้งนานอ่า แงๆๆๆ
จบน่ารักที่สุดเลย มีงอน ง๊องแง๊งกันด้วย อิอิ
และแล้วก็ได้รักกันจริงๆ กรี๊ดดดดดดด
saruko 23 เม.ย. 2556, 22:53:22 น.
หนังสือจะออกเมื่อไหร่คะพี่ตา
หนังสือจะออกเมื่อไหร่คะพี่ตา
สิรินดา 24 เม.ย. 2556, 10:52:53 น.
แง นานหน่อยนะคะ
แง นานหน่อยนะคะ
น้ำค้าง 6 พ.ค. 2556, 01:37:12 น.
สนุกจริงๆ อ่านรวดเดียวจบ แอบน้ำตาซึมด้วย เศร้าเป็นช่วงๆ แต่สุดท้ายจบสวยมากคะ
สนุกจริงๆ อ่านรวดเดียวจบ แอบน้ำตาซึมด้วย เศร้าเป็นช่วงๆ แต่สุดท้ายจบสวยมากคะ