Pâtissier หัวใจปรุงรัก [สนพ.อรุณ]
เรื่องรักระหว่างเชฟขนมหวานกับสถาปนิกปากหมาน...
ที่จะทำให้หัวใจกระชุ่มกระชวยเหมือนได้ละเลียดขนมฝรั่งเศส

นวนิยายในชุด My Beloved...เธอที่รัก เป็นนวนิยายชุดของเนตรนภัสเอง ไม่ได้เขียนกับนักเขียนท่านอื่นนะคะ และเรื่องทั้ง 2 เรื่องในชุดก็เป็นเรื่องที่แยกกัน เพียงแต่เป็นเรื่องของหนุ่มๆ ตระกูลก. คือกานต์และกันต์

เนื้อเรื่องไม่ต่อกัน อ่านเรื่องไหนก็รู้เรื่องค่ะ...โดยเขียนเรื่องของแฝดผู้น้องก่อนซึ่งวางแผงแล้วในชื่อ "เล่หรักถักใจ"
Tags: หัวใจปรุงรัก, เนตรนภัส, ช่อชมพู, กันต์, เชฟขนมหวาน, รักโรแมนติก, อรุณ

ตอน: เมนูที่ 1

ห่างหายจากการโพสนิยายไปนาน เพราะช่วงที่ผ่านมาเนตรนภัสยุ่งๆ จนไม่ได้เขียนนิยายเลยค่ะ ยุ่งชนิดที่ว่าพอลองนับวันแล้วตั้งแต่ต้นปีอยู่กทม. ยังไม่ถึง 30 วันเลย

ตอนนี้กลับมานั่งทำงานอย่างจริงจังแล้วค่ะ (คือโดนบ.ก.ทวงงานแล้วด้วย แต่เราต้องดีใจเนอะพี่บ.ก.ยังทวง ถ้าไม่ทวงนี้คิดหนัก ฮ่า) เลยเอานิยายมาลงให้อ่านกันค่ะ เป็นอีกเรื่องในชุด My Beloved...เธอที่รัก คราวนี้พี่กันต์ได้เป็นพระเอกกับเขาสักทีค่ะ ฮิฮิ

แจ้งกันก่อนนะคะ เนตรนภัสเคยบอกไว้แล้วว่าจะลงนิยายให้จบเรื่อง โดยที่ไม่ลงตอนพิเศษ เรื่องนี้ก็เป็นเช่นนั้นอยู่ค่ะ เพียงแต่ว่าจะลงที่เว็บเลิฟนี้แค่ 50-70% เท่านั้นแล้วไปลงต่อใน www.inenjoy.com เพราะอะไร เพราะตอนนี้มีคนนิสัยไม่ดี ก๊อปนิยายของนักเขียนไปทำ ebook แจกให้อ่านกันฟรีๆ แล้วตัวเองก็รับเงินค่าโฆษณาในเว็บไป เนตรนภัสถือว่าเป็นการกระทำที่เลวมาก

มีนักเขียนหลายท่านประกาศแล้วว่าจะลงนิยายในเน็ตไม่จบ แต่เนตรนภัสเคยเป็นคนอ่านนิยายมาก่อนเข้าใจค่ะว่าลงไม่จบมันค้างคา แถมบางคนอยู่ต่างประเทศก็หาซื้อไม่ได้ มันจะยิ่งค้างเติ่งหนักแล้วความรู้สึกที่มีต่อกันจะไม่ดี เพราะงั้นขอลงจนจบเหมือนเดิมแต่ช่วงท้ายๆ จะไปลงที่ inenjoy เท่านั้นนะคะ เพราะที่นั่นถ้าไม่ใช่สมาชิกก็คือเปิดกระทู้ไม่ได้เลย

เห็นใจคนเขียนงานตาดำๆ กันหน่อยนะคะ

เรื่องนี้อาจจะยังไม่มาถี่ๆ เหมือนพี่กานต์ แต่ถ้าเมื่อไรที่มีสต๊อกเยอะแล้ว จะมาลงให้อ่านกันรัวๆ เช่นเคยค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

------------------------------------------------------------------------------------




Patissier หัวใจปรุงรัก




“ว่าไงนะครับแม่ ใครนะครับ”

“น้องช่อไงลูก กันต์จำไม่ได้หรือ”

คำเรียกขานติดเอ็นดู เล่นเอาพ่อลูกชายถึงกับออกอาการหมั่นไส้ เสียงทวนชื่อคนที่มารดาพูดถึงจึงติดห้วน จนกานต์น้องชายฝาแฝดผู้กำลังนั่งเอาเบ็ดผูกของเล่นแหย่แมวอยู่ถึงกับหันมามองด้วยความสนใจว่าสองคนกำลังสนทนาอะไรกัน กันต์ถึงได้ออกคล้ายหมั่นไส้เจ้าของชื่อเสียเต็มประดา ทั้งๆ ที่กันต์และช่อชมพูไม่ได้เจอหน้ากันมาตั้งหลายปีแล้วด้วยซ้ำ

“น้องช่อ” ทำไมเขาจะจำไม่ได้ ถึงตัวจะไม่มาแต่มารดาก็เคยเอ่ยชื่อให้ได้ยินบ่อยๆ

ภาพในความทรงจำของกันต์ที่มีต่อเจ้าของชื่อนั้นห่างไกลความเอ็นดูเยอะ วีรกรรมของเด็กหญิงที่เคยเดินตามหลังเข้าต้อยๆ เข้าขั้นน่ารำคาญและไม่น่าจดจำทั้งนั้น มิหนำซ้ำการเจอกันครั้งล่าสุดแม่ตัวดียังเป็นต้นเหตุให้เขาถูกบิดาและมารดาดุเสียยกใหญ่

ฮึ! น้องช่อหรือ... ยายตัวตันฟันจอบสิถึงจะเหมาะสมกว่า

“ทำเสียงให้ดีๆ หน่อยกันต์”

“ก็ได้ครับ น้องช่อ” สุดท้ายก็ยังไม่วายกระแนะกระแหนอีกนิดหน่อยให้ได้สะใจเล็กๆ “ไม่ได้เจอกันมาเป็นสิบปี ไปรับแล้วจะจำกันได้ยังไงล่ะครับ” ตอนนี้อะไรก็ตามที่สามารถใช้เป็นข้ออ้างได้เขาจะหยิบมันมาอ้างให้หมด

“เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลเลย กันต์จำน้องได้แน่ๆ”

อะไรทำให้มารดาแน่ใจขนาดนั้น คนไม่เคยเจอหน้ากันตั้งนานจะจดจำกันง่ายๆ ได้อย่างไร สงสัยไม่เปลี่ยนไปจากตอนเด็กเลยสินะ

ถ้าอย่างนั้นคงหาไม่ยาก

“อย่าบอกนะครับว่ายายนั่นตัวยังดำเหมือนเหนียง ผมหยิก แล้วอ้วนเป็นตุ่มเหมือนเดิม” ที่กันต์บรรยายมานี่เรียกได้ว่ารวมความน่าเกลียดเอาไว้ในคนเดียวกันเลยเชียวล่ะ

“ฮ้าย ไปว่าน้องแบบนั้นได้ยังไง” กมลาดุไม่จริงจังนักก่อนตัดบท “ไม่เอาแล้ว ไม่เถียงกับเราแล้ว เปล่าประโยชน์ แม่สั่งให้เราไปรับน้องที่สนามบินวันอังคารนี้ ก็ต้องทำเพราะนี่คือคำสั่งไม่ใช่ขอร้อง”

“แต่แม่ครับ วันอังคารผมต้องทำงานนะ จะไปได้ยังไง” กันต์หาเหตุผลมาอธิบาย หวังให้มารดาเปลี่ยนใจแต่ก็ไม่ได้ผล

“บริษัทก็ของเราเอง ออกไปรับน้องแค่ชั่วโมงสองชั่วโมงจะเสียงานอะไรนักหนา หรือต้องขนาดให้แม่จ่ายค่าตัวด้วย”

เจอมารดาเล่นไม้นี้กันต์ถึงอึ้ง ดูเหมือนไปอยู่ใต้แค่ไม่กี่เดือนท่าทางลูกรักอันดับต้นๆ อย่างเขาจะตกกระป๋อง กลายเป็นหมาหัวเน่า

ใช่สิ มารดาใฝ่ฝันอยากมีลูกสาวมาตลอด แต่ก็ไม่สมหวัง เพราะหลังจากลูกชายควงกันมาแบบแพ็กคู่ หลังจากนั้นก็ไม่มีเด็กคนไหนมาเกิดอีกเลย จนเคยถูกแซวอยู่บ่อยครั้งว่าคงกลัวฤทธิ์ขี้หวงของแฝดเป็นแน่เลยไม่กล้า นานเข้า พอวัยเพิ่มขึ้น มารดาของเขาก็เลิกหวังที่จะมีลูกสาวไว้เชยชม

นี่คงไปเจอยายตัวตันนั่นออดอ้อนเข้าหน่อยจนตกหลุมพราง หลงรักกันหัวปักหัวปำสินะ

“โธ่ แม่ครับ ไม่ใช่อย่างนั้น ผมต้องทำงานจริงๆ ยายตัวตัน” พอได้ยินเสียงเอ็ดมาจากปลายสายกันต์ก็กรอกตาด้วยความเซ็ง แต่ก็ยอมเปลี่ยนสรรพนาม “ช่อเขาก็โตแล้ว เดี๋ยวผมส่งแผนที่ให้ เอาให้แท็กซี่ดู โตแล้ว ดูแลตัวเองได้ เรื่องแค่นี้จิ๊บๆ”

“กันต์แม่ไม่ได้สอนให้ลูกเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้นะ อะไร ไปรับน้องแค่นี้ลำบากอะไรกันนักหนา”

ลำบากใจ...กันต์ต่อให้ในใจ แต่ไม่กล้าขัดเมื่อถูกตำหนิด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด บ่งบอกว่ากำลังไม่พอใจเต็มที่ ขืนขัดใจมีหวังถูกบ่นสามวันห้าวันไม่จบ

ดูเอาเถอะ ตัวยังไม่มาก็สร้างความเดือดร้อนให้เขาแล้ว ยายคนนี้ช่างไม่ถูกโฉลกกับเขาเสียจริง อยู่ใกล้ๆ แล้วมีแต่เรื่องปวดหัวกวนใจ นี่ถ้ามาอยู่ใกล้ๆ มีหวังสติเขาแตกแน่

“แล้วน้องก็เป็นผู้หญิง ถนนหนทางก็ไม่รู้จัก จะให้นั่งแท็กซี่ไปเองคนเดียวได้ยังไง ไม่ห่วงน้องเลยหรือไง”

ทางมารดาคงคิดว่าอาการเงียบไปของกันต์เพราะเจ้าตัวกำลังรู้สึกผิดที่คิดเห็นแก่ตัวแบบนั้น ทว่ากานต์ซึ่งนั่งมองพี่ชายอยู่อย่างสนใจเห็นเต็มตาว่ากันต์ส่ายหน้าหวือ เพียงแต่ไม่เข้าใจว่าส่ายหน้าด้วยเหตุผลอะไรเท่านั้น

“ให้ไอ้กานต์ไปรับก็ได้นี่ครับ”

“ไม่ได้ เรานั่นแหละดีที่สุดแล้ว เอาล่ะ พอ จบแค่นี้ ไม่มีการต่อรองอะไรทั้งสิ้นเพราะนี่ไม่ใช่การขอร้อง แต่มันเป็นคำสั่ง แล้วแม่จะส่งเที่ยวบิน เวลา แล้วก็เบอร์โทรศัพท์น้องให้ลูกทางข้อความ ตรงเวลาด้วยนะกันต์ อย่าลืมเด็ดขาด ถ้าแม่รู้ว่ากันต์ทิ้งน้องมีเรื่องแน่”

“ครับ” แม้ใจต่อต้านแค่ไหนสุดท้ายกันต์ก็ต้องรับปากมารดาอยู่ดี

“ดีมาก” พอสมใจสายทางไกลจากต่างจังหวัดก็ตัดการติดต่อทันที เล่นเอากันต์ถึงกับทำหน้าเมื่อย บ่นอุบอิบ ทิ้งหลังกับพนักโซฟาอย่างไม่ออมแรง

“แม่นะแม่”

“มีอะไร” กานต์ซึ่งนั่งสังเกตแฝดพี่คุยโทรศัพท์อยู่นานได้โอกาสถามขึ้น ท่าทางไม่สบอารมณ์นั้นทำให้เขาสงสัยว่าแม่ลูกคุยอะไรกันถึงทำให้กันต์ออกอาการฮึดฮัดได้ขนาดนี้

“แม่ให้ไปรับยายช่อที่สนามบิน”

“ช่อ...ช่อชมพู ลูกน้านาด” กานต์ถามย้ำเพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้พูดถึงคนละช่อกับกันต์

“อือ”

“แล้วทำไมต้องหงุดหงิดด้วยวะ ก็แค่ไปรับน้อง” เขาไม่เห็นว่าการต้องไปรับช่อชมพูไปส่งที่ไหนก็ตามที่หญิงสาวต้องการไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรมากมายถึงขนาดที่กันต์ต้องมาโวยวายอยู่แบบนี้

“ถ้ารับไปส่งที่ไหนสักที่ก็เรื่องนึง แต่นี่ยายตัวตันนั่นจะมาอยู่บ้านเรา”

“ห๊า” แฝดน้องอุทานอย่างแปลกใจ

ทำไมเขาไม่ระแคะระคายเรื่องนี้เลย ในเมื่อเขาก็ช่อชมพูก็ติดต่อกันอยู่บ่อยๆ ไม่ได้ขาดการติดต่อกันเหมือนกันต์ ล่าสุดก็เพิ่งคุยกันเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนนี้เอง หรืออยากให้แปลกใจ ก็อาจเป็นได้เพราะช่อชมพูนั้นเป็นคนขี้เล่นพอตัว

พอมานึกดูก็เริ่มเข้าใจเลาๆ ว่าทำไมพี่ชายถึงได้ออกอาการหงุดหงิดได้ขนาดนี้ ในเมื่อกันต์ตั้งให้ช่อชมพูเป็นศัตรูตัวร้ายเลยเชียวล่ะ

ตอนเป็นเด็กเขาและกันต์มักติดสอยห้อยตามบิดาและมารดาไปเยี่ยมน้าชมนาดที่จังหวัดทางใต้อยู่บ่อยๆ ไปทีก็พักอยู่เป็นเวลานาน หรือบางครั้งช่วงปิดเทอมใหญ่ แทนที่จะได้ไปเรียนต่างประเทศเหมือนเพื่อนๆ คนอื่น แต่เขาทั้งคู่กลับถูกส่งไปละลายพฤติกรรมที่บ้านน้านาด เพื่อให้เป็นเด็กที่ปรับตัวได้ ไม่เหมือนเด็กเมืองมากเกินไป ได้สัมผัสธรรมชาติ ได้เรียนรู้วิถีการดำรงชีวิตแบบที่เห็นคุณค่าทางจิตใจมากกว่าวัตถุ และที่นั่นเองทำให้เขาทั้งคู่ได้พบกับช่อชมพู ลูกพี่ลูกน้องที่อายุห่างจากพวกเขาหลายปี

ช่อชมพูเป็นลูกสาวของชมนาดกับประกาศิตแต่ไม่ใช่ลูกแท้ๆ แม้แท้ๆ ของช่อชมพูเป็นน้องสาวประกาศิต ทว่าตอนเด็กหญิงอายุแค่ ๓ ขวบ เธอก็เสียพ่อและแม่แท้ๆ ไปจากอุบัติเหตุรถทัวร์ตกเหวที่จังหวัดหนึ่งทางใต้ หลังจากนั้นเด็กหญิงก็ได้รับการเลี้ยงดูมาเหมือนลูกสาวแท้ๆ ของลุงกับป้าสะใภ้ ครอบครัวนั้นรักช่อชมพูมากโดยเฉพาะชมนาดน้าสาวของเขา ท่านอยากมีลูกมานานแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะน้าเขยเป็นหมัน พอได้ลูกสาวแบบไม่ต้องตั้งท้องเองเช่นนี้ก็รักกันปานแก้วตาดวงใจ

ช่อชมพูไม่ใช่เด็กขาดรัก เธอได้รับความรักจนเกินไปด้วยซ้ำ ทว่าสิ่งหนึ่งที่เด็กหญิงไม่มีก็คือพี่น้อง ดังนั้นพอเขาและกันต์ไปใต้คราวใด เด็กหญิงก็มักติดพวกเขาแจ เดินตามหลังต้อยๆ เหมือนเหาฉลามก็ไม่ปาน

เขาน่ะไม่เท่าไรหรอก มีน้องสาวตัวน้อยคอยมาออดอ้อนก็น่ารักดี แต่ไม่ใช่สำหรับกันต์

ในวัยรุ่น กำลังทะโมน โลกส่วนตัวสูง พอมีเด็กผู้หญิงผมหยิก ตัวดำๆ มาเดินตามหลังคอยพูดเจื้อยแจ้วเหมือนนกแก้วนกขุนทองแบบนั้น ก็รำคาญเป็นธรรมดาจึงมีการแกล้งกันบ้างตามประสาเด็ก ทว่าครั้งที่หนักข้อที่สุดคงเป็นครั้งสุดท้าย คราวนั้นช่อชมพูเกือบตายและนายกันต์ก็ถูกผู้ใหญ่ลงโทษหนัก เรียกได้ว่าแฝดพี่ของเขาหงอยไปเหมือนกัน

หลังจากนั้นเพราะวัยที่โตขึ้น พวกเขาก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยจึงไม่ได้ไปละลายพฤติกรรมที่บ้านน้านาดอีก มีแต่เขาที่ตอบจดหมายเด็กหญิงบ้าง โตขึ้นมาหน่อยมีโทรศัพท์มือถือก็ติดต่อกันง่ายขึ้น ยังมีโอกาสได้พูดสายกันอยู่เนืองๆ แต่เท่าที่รู้จากปากช่อชมพู เธอไม่ได้คุยกับกันต์อีกเลย

“ไม่หาล่ะ เรื่องจริงล้วนๆ ไม่รู้จะมาทำไม” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหงุดหงิด

“แล้วแกไม่ได้ถามหรือ เห็นคุยกับแม่ตั้งนานสองนาน”

“มัวแต่หงุดหงิดเลยลืมว่ะ”

กานต์มองหน้าแฝดพี่แล้วได้แต่หัวเราะหึๆ เป็นเอามาก

“แล้วเอาไง”

“ก็ต้องไปรับสิวะ ขืนไม่ทำมีหวังแม่เฉ่งตายเลย”

ดีหน่อย ที่มันยังรู้ว่าควรทำยังไง กานต์คิดอย่างขำๆ ทว่าดวงตาที่มองมาทางเขาเขม็งก่อนกระโดดข้ามโซฟามานั่งปุลงข้างๆ มือใหญ่คว้าหมับตรงท่อนแขน แล้วช้อนตาขึ้นมองกันอย่างเว้าวอนชวนขนลุกนั่นทำให้กานต์ต้องสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมอย่างสยอง

“เฮ้ย ปล่อย ขนลุก”

“ไม่ปล่อย จนกว่าแกจะรับปากฉัน”

กานต์มองตาพี่ชายก็รู้แล้วว่าเจ้าตัวกำลังขอร้องให้เขาไปรับช่อชมพูแทน ในฐานะน้องที่ดีจึงตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ไม่!”

“อะไรวะ แค่นี้ช่วยไม่ได้หรือไง”

“แม่สั่งใคร คนนั้นก็ทำ หรือจะให้ฉันโทร.ไปฟ้องแม่ว่าแกกะจะเบี้ยว” กานต์ขู่และก็ได้ผล มือที่เกาะแขนเขาอยู่สะบัดออกอย่างแสนงอน แบบที่ชวนขนหัวลุกมากกว่าน่ารัก

“เออๆ จำไว้เลย อย่าให้ถึงคราวฉันบ้างก็แล้วกัน”

“ทำไม” กานต์เลิกคิ้วถาม อยากรู้นักว่ากันต์จะขู่เขาด้วยเรื่องอะไร ซึ่งอีกฝ่ายก็นิ่งไปนานทำให้กานต์กระหยิ่มว่าพี่คงหาอะไรมาเล่นงานเขาไม่ได้แน่

“ไม่รู้ ตอนนี้ยังคิดไม่ออก แต่ถ้ามีโอกาสแกแย่แน่ไอ้กานต์” พูดจบกันต์ก็เดินหายขึ้นชั้นบนไป




“อ้าว...ไปไหนซะแล้วล่ะ”

เสียงบ่นอบอุบของผู้ช่วยสาวทำให้กานต์ซึ่งก้มหน้าก้มตาวิเคราะห์งบการเงินของเดือนที่แล้วอยู่อย่างมีสมาธิต้องละสายตาจากกองงานไปมองลูกน้อง

“หาอะไรน่ะนิว ให้พี่ช่วยหาไหม”

“เห็นพี่กันต์ไหมคะ”

กานต์เลิกคิ้ว มองไปยังโต๊ะทำงานของพี่ชายซึ่งเมื่อครู่ยังเห็นนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์แต่ตอนนี้ไร้แม้แต่เงา มีเพียงดลกับชนะรื้อเอกสารอยู่แถวๆ นั้นก็ชักสังหรณ์ใจไม่ดี

“วันนี้มีนัดลูกค้าหรือเปล่านิว”

“ไม่นี่คะ พี่กันต์ไม่มีนัดที่ไหนเพราะคุณนายแม่” หญิงสาวเรียกมารดาของฝาแฝดอย่างสนิทสนมเพราะบริษัทนี้อยู่กันเหมือนครอบครัวมากกว่านายจ้างและลูกจ้าง “ให้นิวล็อกคิวพี่กันต์ไว้ วันนี้ต้องไปรับคุณช่อที่สนามบินค่ะ นี่นิวก็กำลังจะมาเตือนพี่กันต์ว่าใกล้ถึงเวลานัดแล้ว”

คำบอกเล่าของนิวทำให้กานต์เริ่มย่นคิ้ว รู้สึกสังหรณ์ใจว่าการหายไปแบบไร้เงา ไม่มีเสียงตะโกนบอกคนในสำนักงานรู้ว่าไม่อยู่ ไม่ใช่หายไปแบบไร้ร่องรอยอย่างนี้ บางทีพี่ชายตัวแสบของเขาอาจกำลัง ‘ชิ่ง’ ก็เป็นได้

“อืม...นิวมีอะไรอย่างอื่นทำก็ไปทำเถอะ เรื่องกันต์เดี๋ยวพี่จัดการเอง”

“ค่ะ”

คล้อยหลังผู้ช่วยสาว กานต์ก็ใช้โทรศัพท์ต่อสายไปหาพี่ชายของตนทันที เสียงรอสายดังอยู่หลายครั้งทว่าไม่มีคนรับสายจนกระทั่งถูกโอนเข้าระบบฝากข้อความ นั่นยิ่งทำให้กานต์มั่นใจในความคิดของตนเอง ทว่าถ้ากันต์คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะทำให้เขาหมดความพยายามก็คิดผิด

ลองคิดถึงผลลัพธ์หากพี่ชายชิ่งจริงๆ นั่นหมายความว่าช่อชมพูต้องเคว้งอยู่สนามบินลำพัง เขาจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่หญิงสาวมาเมืองกรุงก็ยังเด็กมาก ไม่มีทางที่เจ้าตัวจะมาถูกอย่างแน่นอน แล้วเขาก็ไม่มีเที่ยวบินของหญิงสาวด้วย เขามีทางเลือกสองทางคือติดต่อกันต์ให้ได้กับโทร.หามารดา ซึ่งถ้าเป็นไปได้เขาอยากให้เป็นทางเลือกสุดท้าย กานต์ต่อสายอีกครั้งและอีกครั้งอย่างอดทน

ถ้าหากกันต์ไม่รำคาญเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังไม่หยุดดูเหมือนความพยายามของเขาเป็นผล เมื่อเสียงห้วนดั่งมะนาวหน้าแล้งดังขึ้น

“มีอะไร”

“ก็น่าจะรู้ว่าโทร.มาทำไม” ไม่เช่นนั้นแล้วกันต์คงไม่รับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงติดรำคาญแบบนี้แน่

“เออ...แล้วไง”

“แกออกไปรับน้องใช่ไหม” กานต์ก็ยังหวังว่าพี่ชายไม่น่าใจร้ายใจดำลอยแพช่อชมพูได้ลงคอ

“ลืม ขอโทษที ตอนนี้คงไปไม่ได้แล้ว พอดีติดลูกค้า” น้ำเสียงคนพูดไม่มีแววรู้สึกผิดสักนิด

“นิวบอกว่าวันนี้นายไม่มีนัดที่ไหนนอกจากไปรับช่อ” กานต์ค้าน

“นี่ยายนิวรู้เรื่องนี้ด้วยหรือ” กันต์ร้องถามเสียงหลง

“เออสิ แม่กำชับนิวหนักหนาว่าให้เตือนแกด้วย อย่าลืม เผลอหน่อยเดียวหายหัวเลยนะ นี่ติดลูกค้าจริงหรือเปล่า” ตอนท้ายกานต์ถามเสียงจริงจัง “ถ้าแกเล่นๆ แค่อยากชิ่งก็อย่าเลย ฉันขอร้องล่ะ”

“ช่วยไม่ได้ มันกะทันหัน ลูกค้าเขาโทร.มาเมื่อวันก่อนแต่ฉันลืมบอกยายนิวไป โทษทีว่ะ คงไปไม่ได้แล้ว เอาไงดีละเนี่ย ยกเลิกลูกค้าไม่ได้เสียด้วยสิ”

กานต์ถึงกับถอนใจ นึกรู้ในทันทีว่าคนพูดไม่ได้รู้สึกสลดหรือเสียใจเหมือนน้ำเสียงที่แสดงออกเลยสักนิด ตอนนี้กันต์คงกำลังกระหยิ่มที่หักหลังมารดาได้สำเร็จ ขนาดโทร.มาสั่งให้ผู้ช่วยส่วนตัวพ่วงตำแหน่งเลขานุการประจำบริษัทล็อกคิวไว้แล้วยังพลาด กันต์คงกำลังหัวเราะอยู่แน่ๆ

“นั่นสิ จะเอายังไง”

อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่งคล้ายกำลังคิดหาทางออกว่าควรทำอย่างไรกับเรื่องที่เกิด

“เอางี้สิ แกไปรับช่อให้หน่อย เดี๋ยวฉันส่งเวลาและเที่ยวบินให้ ออกจากบ้านตอนนี้ทันอยู่แล้วฉันรับรอง”

“นี่เตรียมการทุกอย่างเอาไว้หมดแล้วใช่ไหม”

เพราะกานต์ไม่ได้วิดีโอคอลจึงไม่เห็นว่ากันต์กำลังยักคิ้วหลิ่วตาอยู่อย่างได้ใจ กระนั้นเขาก็นึกภาพออกทีเดียวว่าตอนนี้พี่ชายกำลังอารมณ์ดีมาก ก่อนหน้านี้ที่รับปากมารดาไปก็เพียงเพื่อให้อีกฝ่ายตายใจ หลังจากนั้นก็รับนัดลูกค้าโดยไม่แจ้งให้เลขานุการบริษัททราบ เพราะรู้ทันว่ามารดาคงสั่งนิวไม่ให้รับนัดอื่นในวันนี้ สุดท้ายก็ย่องหนีออกมาก่อนที่ทุกคนจะรู้ตัวและโยนภาระดังกล่าวเอาไว้ที่เขา

“ตอนเที่ยงฉันมีนัดกับปิ่น[1]” กานต์บอกเสียงเย็น เป็นการเตือนกลายๆ ว่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน หวังว่าพี่ชายจะรู้สึกผิดบ้าง แต่ดูเหมือนเขาคงหวังมากเกินไป

“ดีเลย เครื่องลงเกือบๆ เที่ยง กว่าจะได้กระเป๋าก็พอดีมื้อเที่ยง แกก็พาช่อไปกินข้าวก่อนแล้วค่อยเข้าบ้าน เอางี้แหละ เหมาะแล้ว” กันต์วางแผนให้เสร็จสรรพชนิดคนฟังถึงกับเพลียเลยทีเดียว

“สรุปแกไม่ไปแน่ใช่ไหม”

“เออ”

“แม่ล่ะ ทำแบบนี้คิดว่าจะรอดหรือไง”

“โธ่...แม่อยู่ใต้โน่น อย่างดีก็แค่โทร.มาบ่น ทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้หรอก อีกอย่างแค่ยายช่อถึงบ้านปลอดภัยไม่ถูกลอยแพอยู่สนามบิน ใครไปรับก็เหมือนกันล่ะน่า”

ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี กลัวจะไม่ใช่นะสิ

“คนถูกด่าไม่ใช่แกซะหน่อย อย่าคิดมาก เอาตามนี้ล่ะ”

“เฮ้ย แล้วฉันจะจำน้องได้ยังไง รูปก็ไม่มี” แม้กานต์คุยโทรศัพท์กับคนทางโน้นอยู่เนืองๆ ทว่าเจ้าตัวก็ไม่เคยส่งรูปมาให้ดูเลยสักครั้ง เหตุผลง่ายๆ เพราะโทรศัพท์มือถือของช่อชมพูเทียบได้กับสากกะเบือ ยังเป็นรุ่นจอดำอยู่เลย โทรออกรับสายได้ก็ดีแล้ว อย่าหวังว่าจะส่งรูปหากันได้

เขาพอเข้าใจการใช้ชีวิตในต่างจังหวัด เทคโนโลยีบางชนิดก็ไม่จำเป็นนัก สมัยก่อนมารดาของเขายังติดต่อน้าด้วยโทรเลขอยู่เลย มาสะดวกหน่อยก็ระยะหลังเมื่อโทรศัพท์พื้นฐานเข้าถึงบ้านของช่อชมพู และนั่นก็หลังโทรศัพท์ระบบเคลื่อนที่เสียอีก อินเตอร์เน็ตก็ความเร็วเรี่ยดิน ชนิดหายใจแรงหน่อยก็หลุด ดังนั้นการติดต่อกันผ่านมือถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วสำหรับที่นั่น

“ฉันก็ไม่มี ไม่รู้ว่ะ แม่บอกว่าไม่ต้องห่วง ถ้าแกไม่ลืมหน้ายายตัวตันฟันจอบ แกก็รู้เองว่าคนไหน แค่นี้แหละ”

“เดี๋ยว” ไม่ทันเสียแล้วเพราะสัญญาณขาดหายไปทันทีหลังกันต์พูดจบ เล่นเอาคนถูกโบ้ยเรื่องชวนปวดหัวมาให้ถึงกับปล่อยลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด

การต้องไปรับช่อชมพูไม่ใช่เรื่องที่ไม่เต็มใจทำ แต่นั่นต้องตกลงกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขาจะได้ไม่ต้องนัดกับปิ่นปัก ทำแบบนี้มันมัดมือชกกันชัดๆ

ไอ้กันต์นะไอ้กันต์ อย่าให้ถึงทีเขาบ้างก็แล้วกัน

ได้อาฆาตพี่ชายที่แก่กว่ากันไม่กี่นาทีกานต์ก็พอใจแล้ว เขาเปิดข้อความที่กันต์ส่งมาให้เมื่อสักครู่ ตรวจสอบเวลา สถานที่ คำนวนเวลาที่ต้องใช้เพื่อเดินทางไปรับหญิงสาวให้ทันตามกำหนด แล้วจัดแจงโทรศัพท์ไปบอกให้ปิ่นปักรู้แผนการที่ต้องเปลี่ยนอย่างกะทันหัน ความเข้าอกเข้าใจของปิ่นปักเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขารักผู้หญิงคนนี้




ความวุ่นวายเกิดขึ้นทันทีเครื่องบินลำใหญ่จอดเทียบหลุมจอด ผู้โดยสายที่เดินทางมาด้วยเที่ยวบินนี้ต่างลุกขึ้นกันพรึบพรับ เปิดช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะเพื่อหยิบของเตรียมออกจากตัวเครื่อง ขณะนี้ทางเดินจึงเต็มไปด้วยผู้คนที่เตรียมพร้อม รอแค่พนักงานเปิดประตูเท่านั้น แต่ไม่ทุกคน ในนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ยังคงนั่งนิ่งไม่สนใจกับความวุ่นวายรอบตัว

เธอเป็นผู้หญิงผิวสีน้ำผึ้ง ผมหยักศกยาวถึงกลางหลังถูกรวบไว้ง่ายๆ ด้วยยางรัดผมสีดำ คิ้วเข้มบนใบหน้ารูปไข่นั้นรับกับดวงตาคม จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากสีแดงระเรื่อนั้นมีขนาดกำลังพอดี ไม่บางหรือหนาจนเกินไป จังหวะหนึ่งที่เจ้าตัวเผลอคิดอะไรบางอย่างทำให้ยิ้มออกมาจนเห็นฟันหน้าคู่โตเหมือนกระต่าย ดูน่ารักมากกว่าน่าเกลียด

ในที่สุดก็ถึงสักที

ขณะนึก ดวงตาคมก็ยังไม่ละจากภาพท้องฟ้านอกหน้าต่าง เธอจำเสียงบอกกล่าวของกัปตันขณะเครื่องลอยอยู่บนฟากฟ้าสูงได้ วันนี้อากาศเมืองหลวงค่อนข้างร้อนและนั่นก็มาพร้อมกับท้องฟ้าสดใส ไร้เมฆหมอก ต่างจากจังหวัดที่เธอจากมาซึ่งตอนนี้หยาดน้ำคงกำลังพร่างพรมลงสู่ผืนดิน ไม่น่าเชื่อว่าแผ่นดินเดียวกัน ห่างกันเพียงเกือบพันกิโลเมตรทว่าอากาศกลับต่างกันขนาดนี้

ท้องฟ้าวันนี้เหมือนกับวันนั้นไม่มีผิด...




ในวันที่อากาศร้อนระอุ ร่มเงาจากไม้ใหญ่ยืนต้นรอบบ้านรวมไปถึงสายลมโชยเอื่อยไม่สามารถคลายความร้อนให้เบาลงได้ อย่างน้อยก็ไม่พอสำหรับเด็กชายสองคนที่นั่งแบ่งปันพัดลมกันอยู่ในห้องโถงบ้าน ผิดกับเด็กหญิงที่คุ้นเคยกับสภาพอากาศมากกว่า สายตาของเด็กน้อยจึงจดจ้องอยู่แค่จอสี่เหลี่ยมของทีวีเท่านั้น จนกระทั่งเสียงเคลื่อนไหวของคนข้างๆ ทำให้การ์ตูนตรงหน้าหมดความน่าสนใจ เด็กน้อยหันขวับถามรัวเร็ว

“พี่กันต์กับพี่กานต์จะไปไหนน่ะ”

หนึ่งในสองคนที่กำลังย่องออกจากบ้านทำหน้าเซ็ง ผิดกับอีกคนที่หันมายิ้มอ่อนๆ ตามแบบฉบับของตัวเอง กระนั้นอาการสะกิดยิกๆ ของอีกคนก็ทำให้ไม่มีคำใดหลุดลอดออกมาจากริมฝีปากนั้น

ดวงคาคมตามแบบฉบับของเด็กใต้หรี่ลงอย่างจับผิดเมื่อเห็นพิรุธหลายๆ อย่าง เพราะถูกทิ้งให้เล่นคนเดียวอยู่บ่อยๆ จึงรู้แกวว่าท่าทางแบบนี้คงหนีเธอไปหาอะไรสนุกๆ เล่นกันแน่ๆ

“หนีช่อใช่ไหม” เด็กหญิงยื่นปากพูด

“ไม่ได้หนี แค่จะไปตรงนี้หน่อยเดียวเอง” เด็กหนุ่มที่ใจดีกว่าอีกคนกล่าวประนีประนอมกระนั้นก็ปิดบังเป้าหมายที่แท้จริงเอาไว้ไม่ยอมบอกอยู่ดี

เด็กหญิงเห็นดังนั้นก็ชักอารมณ์ไม่ดี ตามประสาคนที่ได้รับการตามใจจนเคย น้ำเสียงหลังจากนั้นจึงขึ้นจมูก

“ไม่เชื่อหรอก ต้องหนีช่อไปหาอะไรสนุกๆ ทำอีกแล้วใช่ไหม”

“รู้แล้วก็ดี ไปเถอะกานต์”

คำตอบห้วนแบบนั้นเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่กันต์ เด็กหญิงตัวเล็กกว่าตวัดสายตาไปมองอย่างโกรธๆ ไม่ได้สำนึกเลยว่าตัวเองนั้นตัวเล็กกว่าเขาตั้งมาก

“ช่อจะฟ้องป้าบัวว่าพวกพี่หนีไปเล่นสนุกคนเดียว ไม่ชวนช่อ” แม้ไม่รู้ว่าเป้าหมายของทั้งคู่คืออะไรแต่เด็กหญิงเชื่อว่าต้องเป็นเรื่องสนุกๆ แน่ๆ ก็เธอไม่เคยเห็นกิจกรรมของสองหนุ่มไม่มีอะไรไม่สนุกเลยสักอย่าง มีแต่เรื่องน่าเล่นทั้งนั้น แล้วเธอก็ชอบมากๆ ด้วย

“ใครสน ไปกันเถอะกานต์”

เด็กหญิงแทบกระทืบเท้าเร่าๆ เมื่อไม่ได้ดั่งใจ แต่ก็ยังไม่ได้ทำเพราะเพียงสิ้นประโยคนั้นร่างสูงเก้งก้างทั้งคู่ก็หมุนตัวออกไปทันที เห็นท่าไม่ดีเด็กหญิงจึงวิ่งไปดักหน้า กางแขนขวางประตูไว้เสียอย่างนั้น

“ไม่รู้ล่ะ ถ้าไม่ให้ช่อไปด้วย ก็อย่าหวังว่าจะได้ออกจากบ้านเลย” ช่อชมพู่ขู่เสียงเข้มแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่กลัวเธอเลยสักนิด อาการหรี่ตาของอีกฝ่ายดูเจ้าเล่ห์จนใจเสีย แต่ก็พยายามฮึด ยืดตัวเต็มความสูงเพื่อข่มขู่อีกฝ่ายอย่างเต็มความสามารถ

กระนั้นก็ไม่ได้ผลเท่าไร เพียงเด็กหนุ่มใช้มือข้างเดียวดันศีรษะทุยนั้น ร่างเล็กๆ ก็ปลิวหวือออกจากประตูไปเรียบร้อย

แม้ถูกกระทำขนาดนั้นแต่เด็กหญิงก็ไม่ละความพยายาม สายตาคมมองแผ่นหลังที่เดินลงจากบ้านไปด้วยอาการฮึดฮัด

เธอเป็นลูกสาวคนเดียว มีอะไรก็ต้องเล่นลำพังมาตลอด ปีหนึ่งๆ วันที่เธอรอคอยก็คือช่วงปิดเทอมใหญ่ที่พี่ชายจากเมืองกรุงจะถูกส่งมาอยู่ด้วยกัน เธอจึงยึดทั้งคู่เอาไว้เป็นเพื่อนเล่นอย่างหวงแหน ชนิดพี่ๆ ไปไหนเธอไปด้วย เรียกว่าตามกันทุกฝีก้าวเลยทีเดียว แล้วมีอย่างที่ไหนจู่ๆ มาลอยแพกันแบบนี้

ช่อชมพูรีบสวมรองเท้าแล้ววิ่งเต็มกำลังเท่าที่ขาสั้นป้อมของตัวเองทำได้ มาทันสองคนที่เดินลิ่วๆ ออกไปก่อนตรงต้นมะขามใหญ่

“พี่ๆ จะไปไหนน่ะ ให้ช่อเล่นด้วย นะ นะ” รู้ว่าไม้แข็งใช้ไม่ได้ผล เด็กหญิงก็เริ่มใช้ไม้อ่อนแทน เผื่อว่าจะได้รับการเห็นใจ ซึ่งอาการหันไปมองหน้าพี่ชายของกานต์ก็ทำให้ใจมา

“เอาไงดี”

“ไม่เอาไง และก็ไม่เอายายนี่ด้วย” คนถูกถามสรุปอย่างแล้งน้ำใจ แถมยังผลักศีรษะทุยนั้นให้เลิกขวางทางอีกด้วย

“ใจดำ” ยอมที่ไหน เด็กหญิงสวนทันที ขณะมือก็ลูบศีรษะตัวเองป้อยๆ

“เออ...ใจดำ ก็อย่ามาเล่นกับคนใจดำสิ”

“ตัวก็อย่ามาบ้านเค้าสิ”

“นี่ลำเลิกหรือ” คราวนี้ร่างที่สูงกว่ามากโน้มตัวลงไปถามอย่างคุกคาม เล่นเอาคนตัวเล็กกว่าชักหงอ แต่ก็ยังไม่หยุดปากดี

“ใช่”

ดวงตาสองคู่จ้องกันอย่างไม่ลดละ ไม่มีใครยอมใครจนกานต์ถึงกับเกาหัวแกรก ชักรู้สึกว่าการหนีมาหากิจกรรมทำคลายร้อนเป็นเรื่องผิดถนัด แล้วตอนนี้ก็ชักบานปลายไปใหญ่ เขาอยากเล่นแบบสงบๆ ไม่ใช่เสี่ยงไม้เรียวแบบนี้

“เฮ้ย...กันต์ พอเถอะน่า นั่นน้องนะ”

“ฉันมีน้องคนเดียวโว้ย” คนมีน้องสาวโดยไม่รู้ตัวหันมาโวยทันควัน เล่นเอากานต์ถึงกับหลุดยิ้ม

ปกติเคยยอมรับเป็นพี่เสียที่ไหน เอาแต่ลำเลิกว่าที่คลอดก่อนนั่นเพราะคนเป็นพี่ยอมให้น้องออกมาก่อน ดังนั้นคนเกิดหลังเป็นพี่ แต่คราวนี้กลับยอมรับเสียอย่างนั้น

“ยายตัวตันฟันจอบนี่ไม่ใช่”

“ไอ้พี่กันต์”

เสียงเล็กๆ นั้นบ่งบอกว่าไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่ไหนแต่ไรแล้วช่อชมพูไม่เคยชอบฉายาที่กันต์ตั้งให้เลยสักนิด แม้ใครๆ ก็คิดว่าสมตัวอยู่ ลองขึ้น ‘ไอ้’ แบบนี้ท่าทางจะเรื่องใหญ่

“จะให้ช่อฟ้องป้าใช่ไหม ด้ายยยย” คำหลังนั้นยืดยาวเหมือนปากเล็กๆ ที่ยื่นออกอย่างขัดใจ พร้อมๆ กับเสียงตะโกนดังลั่น “ป้าบัว แม่ขา พ่อขา ไอ้พี่กันต์แกล้งช่อ ป้าบัวขา”

ไม่รอให้มีขาต่อมามือแข็งแรงก็ตะปบปิดปากเล็กๆ นั้นทันควัน พร้อมๆ กับร่างสูงเก้งก้างของเด็กหนุ่มเข้ามาซ้อนด้านหลัง ล็อกเอาไว้ อย่าว่าแต่ส่งเสียงเลย ช่วยเหลือตัวเองยังไม่ได้ แค่ทำให้ตัวเองตัวเหยียบพื้นยังยากเลยเพราะอีกฝ่ายเล่นรัดจนขาลอยจากพื้น

“เงียบ”

“ไอ้เอี้ยบ” กระนั้นเจ้าตัวก็ยังพยายามส่งเสียงอู้อี้ประท้วง

“ถ้าเงียบจะให้ไปเล่นด้วย”

ทางฝ่ายนั้นคงรู้แล้วว่าหากปล่อยให้ช่อชมพูแจ้นไปฟ้องแม่แผนการที่วางไว้ทั้งหมดคงเป็นอันได้ยกเลิก ดังนั้นการประนีประนอมจึงเป็นทางเลือกที่ดี

“แอ้อะ” หน้าเล็กๆ นั้นแหงนเงยขึ้นถามย้ำเพื่อความแน่ใจว่าตนเองไม่โดนหลอกอีกครั้ง พอเห็นเจ้าของมือพยักหน้าเบาๆ ร่างเล็กนั้นจึงคลายอาการดิ้นรน เป็นการยืนยันว่ายอมรับข้อเสนอ ดังนั้นเท้าของเด็กหญิงจึงได้แตะพื้นอีกครั้ง เป็นจังหวะเดียวกับที่เด็กหนุ่มผละออกมายืนห่างๆ

“ว่ายน้ำเป็นหรือเปล่า”

“ไม่เป็น” ศีรษะทุยส่ายหวือจนผมปลิว เรียกเสียงอุทานตกใจได้เป็นอย่างดี

“แล้วแบบนี้จะไปเล่นน้ำได้ยังไง” กานต์เป็นฝ่ายท้วงขึ้น มองเด็กหญิงที่อายุไม่เต็มสิบขวบดีอย่างประเมิน แล้วหันไปทางกันต์ ขอความเห็น “ไม่ไหวนะกันต์ ขืนให้ช่อลงน้ำ เกิดเป็นอะไรขึ้นมาละเรื่องใหญ่”

ท่าทางเงียบไปของกันต์ทำให้เด็กหญิงใจเสีย กลัวว่าอีกฝ่ายจะกลับคำ ปฏิเสธไม่ให้ร่วมก๊วนด้วย ดังนั้นหัวน้อยๆ จึงใช้ความคิดแล้วก็นึกถึงห่วงยางสีดำแถวโรงเก็บของขึ้นมาได้

ของใครก็ไม่รู้เอามาวางลืมไว้ คงเป็นลูกคนงานคนใดคนหนึ่งเอามาเล่นแล้วไม่ได้เอากลับ ยืมมาเล่นก่อนคงไม่โกรธหรอก

“ช่อมีห่วงยาง”

จะเพราะความอยากเล่นน้ำหรือเบื่อต้องรบรากับเด็กหญิงก็สุดรู้ สุดท้ายแล้วกันต์ก็ยอมให้ช่อชมพูร่วมวงในกิจกรรมคลายร้อนนี้ด้วย

ถ้าหากเด็กหนุ่มทั้งสองมองเห็นอนาคตแล้วละก็ ในวันนั้นทั้งกันต์และกานต์คงไม่ยอมให้เด็กหญิงลงเล่นน้ำด้วยแน่




ร่างที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้เป็นคนเกือบสุดท้ายทำให้พนักงานต้อนรับที่ยืนอยู่ส่วนท้ายเครื่องเห็นว่าผู้โดยสารคนดังกล่าวนอกจากมีใบหน้าคมคายแล้ว รูปร่างยังดีอีกด้วย แม้ไม่ได้สูงชะลูด ผอมสูงเหมือนสมัยนิยมกลับมีเนื้อมีหนัง เรียกได้ว่าสมส่วนและสมตัวเลยทีเดียว

พอคว้ากระเป๋าเป้จากช่วงเก็บของได้แล้วก็โยนขึ้นสะพายไหล่ จัดจนกระชับแล้วเดินไปตามทางเดินจนกระทั่งถึงประตูซึ่งเชื่อมกับงวงช้าง หญิงสาวหยุด สูดหายใจเข้าเต็มปอดลึกๆ ราวกับต้องการเติมพลังให้กับตัวเอง

อีกนิดนะ...นิดเดียว คนไม่รับผิดชอบ เจอกันแน่!





------------------------

[1] ปิ่นปัก ตัวละครจากเรื่อง เล่ห์รักถักใจ (นวนิยายเล่มแรกจากชุด My Beloved...เธอที่รัก)




--------------------------------------------------


โปรดติดตามตอนต่อไป เร็วๆ นี้ค่ะ



เนตรนภัส
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 พ.ค. 2556, 13:42:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 พ.ค. 2556, 13:42:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 3412





mhengjhy 30 พ.ค. 2556, 14:38:05 น.
รอค่ะรอ เดี๋ยวต้องไปสมัครเป็นลูกบ้านเว็บนู้นซะแล้วววว


Sukhumvit66 30 พ.ค. 2556, 19:10:28 น.
มาลงชื่อจร้า มาเร็วๆน่ะ


Auuuu 30 พ.ค. 2556, 19:16:38 น.
ไอ้หย่ะะะะ พี่กานต์พี่กันต์มาแล้ววว


ปลายสี 30 พ.ค. 2556, 22:41:28 น.
มารออ่านค้า ^^


นมเย็นน้ำเขียว 31 พ.ค. 2556, 15:35:54 น.
หนุ่มคนต่อไปมาเเว้ววววว ^^


nasa 31 พ.ค. 2556, 19:41:03 น.
แค่ชื่อก็น่ากินแล้วค่ะ จะมีใครทำขนมเก่งมั้ย


อุ้มสม 1 มิ.ย. 2556, 22:40:40 น.
แวะมาส่งกำลังใจให้พี่สาววว


ของขวัญ 9 มิ.ย. 2556, 18:54:01 น.
น่าติดตามมากๆค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account