เสน่ห์นางร้าย
เธอไม่สวย เธอผิวคล้ำ เธอกรี๊ดเก่ง เธอคือ..."นกกา" นางร้ายตัวแม่ที่ตีบทแตกกระจุย
น้องสาวเธอสวย ขาวราวหิมะ อ่อนหวาน มีชื่อว่า..."หงส์" เป็นดาราที่ได้รับบทบาทเป็นนางเอกตลอดกาล
และเมื่อนกกาต้องตกงาน เขาจึงได้ก้าวเข้ามาในชีวิต... ผู้ชายจอมเจ้าชู้แต่แสนดีอย่างนาย"ศิวา"
งานนี้นางร้ายอย่างเธอจะทำอย่างไร ในเมื่อหัวใจดันไปตกหลุมรักเขาเข้าแล้วอย่างเต็มเปา
***เรื่องนี้ผ่านการพิจารณาจากสำนักพิมพ์แล้วนะ ^^***
น้องสาวเธอสวย ขาวราวหิมะ อ่อนหวาน มีชื่อว่า..."หงส์" เป็นดาราที่ได้รับบทบาทเป็นนางเอกตลอดกาล
และเมื่อนกกาต้องตกงาน เขาจึงได้ก้าวเข้ามาในชีวิต... ผู้ชายจอมเจ้าชู้แต่แสนดีอย่างนาย"ศิวา"
งานนี้นางร้ายอย่างเธอจะทำอย่างไร ในเมื่อหัวใจดันไปตกหลุมรักเขาเข้าแล้วอย่างเต็มเปา
***เรื่องนี้ผ่านการพิจารณาจากสำนักพิมพ์แล้วนะ ^^***
Tags: ดารา นางร้าย ตื่นเต้น ฮากระจาย สะใจสุดๆ
ตอน: เพียงแรกเจอก็เกิดเรื่อง
บทที่ 1
เพียงแรกเจอก็เกิดเรื่อง
แสงไฟกระพริบวับแวม เสียงดนตรีดังกระหึ่มเป็นจังหวะร็อค ทำให้เหล่านักท่องราตรีทั้งหลายอดใจไม่ไหวต้องขยับตัวตามท่วงทำนองเพลงที่เร้าใจ
แสงสี แอลกอฮอล์ ทุกอย่างปลุกเร้าให้ผู้คนเกิดความคึกคัก เต้นสะบัด ส่ายสะโพกโยกเอว บางคนก็จับกันเป็นคู่ๆทั้งกอดทั้งจูบกันโดยไม่อายสายตาใคร
ใครบางคนก็ว่ามันคือแหล่งบันเทิง แต่คนบางคนกลับมองว่ามันเป็นแหล่งอโคจรที่สาวใจแตกทั้งหลายชอบมาเที่ยวกัน
ศิวานั่งเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะ สายตาเหลือบแลไปทั่วงานทั้งๆที่ข้างกายของเขามีผู้หญิงอวบอึ๋มนั่งเบียดอยู่ใกล้ๆ
“ซีคะ ไม่สนใจ…” หญิงสาวยังท้วงไม่ทันจบ ริมฝีปากก็ถูกบดขยี้ด้วยปากร้อนๆของชายหนุ่มเข้าเสียก่อน จุมพิตที่ดูดดื่มแทบจะทำให้เธอลืมความน้อยใจไปหมดสิ้น ยกแขนขึ้นรัดรอบคอแกร่ง สนองจูบของเขาอย่างเร่าร้อนด้วยความชำนาญ
ยังจูบไม่ทันจะเสร็จ เสียงกระแอมกระไอของใครบางคนก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
“อะแฮ่มๆๆ” ทั้งอินอรและศิวาต่างพากันผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว ก่อนที่คิ้วเข้มๆของชายหนุ่มจะขมวดเข้าหากันแน่นเมื่อถามออกมาอย่างไม่พอใจ
“ขัดจังหวะทำไม”
“แหมมมมมมมมมม” หญิงสาวผู้ที่มาทีหลัง ยืนเท้าเอวด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็สะบัดไปมาอย่างมีจริต “ขอโทษด้วยนะคะที่ขัดจังหวะ แต่ฉันแค่อยากจะถามคุณว่า…จะรับเครื่องดื่มอะไรดี พอคุณสั่งเสร็จ คุณก็เชิญจูจุ๊บกับแฟนของคุณต่อได้เลยค่ะ”
ศิวาถลึงตาใส่นาวิกาอย่างไม่พอใจ ตาคู่คมกวาดมองไปทั่วร่างบางเป็นเชิงดูถูก
ร่างระหงสวมเสื้อเกาะอก โชว์หน้าท้องแบนราบและหน้าอกอวบอิ่มที่แทบจะทะลักออกมานอกตัวเสื้อ ที่สะดือของเธอถูกเจาะเอาไว้แล้วใส่เพชรเม็ดเล็กๆเป็นประกายวิบวาม ช่วงล่างสวมกางเกงขาสั้นแค่คืบ เน้นสะโพกผายตึงและช่วงขาเรียวยาวสวยเหมือนขานางแบบ
ดวงตาคู่เข้มเลื่อนขึ้นมาพิศใบหน้าของเธอบ้างอย่างรวดเร็ว
ผมของเธอถูกตัดออกซอยสไลด์ยาวถึงกลางหลัง รับกับใบหน้าเรียวมน คิ้วโก่งราวเสี้ยวจันทร์ ตากลมโตดำขลับ จมูกโด่งรั้น ปากอิ่มสีชมพูระเรื่อถูกทาด้วยลิปกลอสจนแวววาว เธอเป็นคนผิวสีน้ำผึ้ง ไม่ได้สวยผุดผาดบาดตาเหมือนผู้หญิงผิวขาว แต่เธอนั้นจัดอยู่ในประเภท…งามพิศ ยิ่งมองก็ยิ่งสวย ไม่เบื่อ
เมื่อรู้สึกตัวว่าจะมองเธอนานเกินไป เขาจึงกระพริบตาถี่ๆแล้วพูดออกมาว่า “ขอเหล้าที่ราคาแพงที่สุดในผับนี้”
“ค่ะ” นาวิการับคำ ก่อนจะเดินตัวปลิวผละออกไป โดยไม่รู้เลยว่ามีลูกตาคมๆของใครบางคนลอบมองช่วงเอวเล็กคอดกิ่วและสะโพกผายตึงของเธอจนลับสายตา
“มองตาค้างเชียวนะคะ” อินอรแขวะอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นผู้ชายที่เธอหมายตาเอาไว้เอาแต่มองนาวิกาชนิดที่ไม่ยอมสนใจเธอเลยสักนิด
“แล้วไง…” แทนที่ศิวาจะปฏิเสธ เขากลับหันมาย้อนถามเธอ เล่นเอาความโกรธของหญิงสาวพุ่งปรี๊ดขึ้นจนทะลุองศาเดือด
“พูดแบบนี้หมายความว่าไงกันคะซี นังนั่นสวยก็ไม่เห็นสวย ตัวก็ดำ”
ศิวายิ้มนิดๆที่มุมปาก ยามที่หันมากระซิบบอกที่ข้างๆหูอินอรอย่างไม่เกรงใจเลยว่า
“ผมไม่ได้ชอบคนสวย ผมชอบคน…เซ็กซี่”
“อ๊ายยย ทำไมพูดแบบนี้คะซี” ต่อให้อินอรจะกรี๊ดจนคอแทบแตกแต่เสียงเครื่องดนตรีที่ดังกระหึ่มอยู่ในขณะนี้ก็แทบจะกลบเสียงเธอไปได้จนหมด
ศิวาปรายตามองอินอรเล็กน้อยอย่างรำคาญ ก่อนจะถอนใจเฮือกแล้วเอนหลังขึ้นพิงพนักเก้าอี้ ความจริงแล้วเขาเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยในระดับพันล้าน ชีวิตของเขาคืองานและเงินเท่านั้น ส่วนเรื่องความรักน่ะตัดออกไปได้เลย เขาไม่ชอบเที่ยว แต่คืนนี้เขารู้สึกเครียดจากงานที่สะสมมานาน จึงคิดอยากจะมาผ่อนคลายในสถานเริงรมย์บ้าง โดยไม่ลืมที่จะหนีบคู่นอนอย่างอิงอรมาด้วย
ใช่! เขาจัดอินอรให้อยู่ในประเภท‘คู่นอน’เท่านั้น ก่อนที่จะเริ่มคบหากัน เขาเคยบอกเธอแล้วว่า…จะไม่มีข้อผูกมัดใดๆทั้งสิ้น ซึ่งเธอก็ยอมตกลงแต่โดยดี
แต่พอนานวันเข้า อินอรก็ชักจะไม่เป็นอย่างที่เธอเคยรับปากกับเขาเอาไว้ เธอชอบทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของของเขาจนน่าอึดอัด ถ้าไม่ใช่เพราะว่ายังเสียดายเธออยู่ เขาคงสลัดรักเธอไปนานแล้วล่ะ
เพียงมองตาเธอ เขาก็รู้แล้วล่ะว่า…เธอต้องการเพียงเงินของเขาเท่านั้น ไม่ได้รักเขาที่หัวใจบริสุทธิ์ เมื่อเธอมองเห็นคุณค่าของเขาที่จำนวนเงินทองในธนาคาร เขาก็จะตีค่าเธอให้เป็นเพียงแค่คู่ขา ไม่ใช่คู่ชีวิต
“มาแล้วค่ะ” เสียงใสๆดังขึ้น ฉุดดึงให้เขาตื่นจากภวังค์ความคิด ชายหนุ่มกระพริบตาปริบๆเพื่อจูนสมองให้อยู่กับเหตุการณ์ปัจจุบัน
นาวิกาวางแก้วเหล้าสองแก้วลงบนโต๊ะก่อนจะเตรียมเดินหันหลังกลับ แต่ได้ยินเสียงห้วนๆเรียกเอาไว้เสียก่อน เธอจึงชะงักเท้าลง ก่อนจะหันมามองอย่างสงสัย
“เดี๋ยว”
“มีอะไรคะ” นาวิกาถาม พลางมองผู้หญิงแต่งหน้าจัดจ้านที่นั่งคู่กับศิวาและกำลังลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับเธออย่างสงสัย
“ฉันหมั่นไส้หล่อนน่ะสิ” อินอรเปิดฉากหาเรื่องก่อน ความหึงความหวงมันทำให้เธอมองไม่เห็นความถูกผิด ตอนนี้เธอรู้สึกแค่ว่า เธอเกลียดยัยคนตัวดำ หุ่นเอ็กซ์คนนี้ที่สุด
“จะตบฉันงั้นเหรอคะ” นาวิกาถาม
“ก็ใช่น่ะสิ” อินอรตะคอกใส่ ในขณะที่นาวิกาขยับยิ้มเยือกเย็นเมื่อพูดออกมาว่า
“ข้อหาอะไรคะ”
“เกลียดหล่อน” พูดจบ อินอรก็ยกฝ่ามือขึ้นสูง ทำท่าจะตบลงมา แต่ศิวาห้ามเอาไว้เสียงดัง
“เฮ้ย! อรจะทำแบบนี้ทำไม กลับไปเลยไป” ชายหนุ่มออกปากไล่ตรงๆพร้อมกับลุกขึ้นมายืนข้างๆอินอรเพื่อห้ามปราม แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะฝ่ามือของอินอรถูกฟาดใส่แก้มใสของนาวิกาอย่างแรงจนเธอหน้าหัน
เพี๊ยะ!
เสียงตบ ถึงจะไม่ดัง แต่ก็ทำให้ทุกคนหยุดการเคลื่อนไหวทันที พร้อมกับหันมามองทางสองสาวด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น
“ตบฉันเรอะ” นาวิกาขึ้นเสียงสูง ตาโตๆวาววับเหมือนแม่เสือก่อนจะโผนร่างเข้าใส่อินอรแล้วจิกผมยาวสลวยที่ถูกจัดแต่งไว้อย่างดีอย่างแรง แล้วเขย่าไปมา
“ยัยโบ๊ะหน้าขาวโบ๊ะ ยัยผีจูออนเรียกป้า ฉันอยู่ของฉันดีๆ เธอมาตบฉันทำไม” ไม่พูดเปล่า นาวิกายังถีบหน้าท้องของอินอรอย่างแรงจนเธอกระเด็นไปกองอยู่ที่พื้น
นาวิกายกมือขึ้นเสยผมซอยๆของตัวเอง ก่อนจะก้าวเข้าไปจิกผมอินอรขึ้นมาอีกครั้ง
“เธอเกลียดฉันมากนักใช่มั้ย” สิ้นคำถาม เสียงฝ่ามือก็กระทบเข้าที่ใบหน้าซีกซ้ายของอินอรอย่างแรงจนหน้าสวยหันคว้างไปตามแรงมือ
เพี๊ยะ!
“ว้ายยย” อินอรได้แต่หวีดร้องครั้งแล้วครั้งเล่า ในขณะที่ศิวาที่เพิ่งได้สติรีบเข้ามาห้ามทันที
“เฮ้ย หยุดนะ พอได้แล้ว”
แต่เมื่อเห็นว่านาวิกายังคงตบอินอรไม่ยั้ง เขาจึงต้องใช้ไม้เด็ด นั่นก็คือ…เข้ากอดนาวิกาจากทางด้านหลัง เพื่อให้เธอหยุดตบตีอินอรเสียที!!
“กรี๊ดดดด อีตาบ้า ปล่อยนะ” นาวิกากรีดร้องโหยหวนอย่างตกใจ ในขณะที่ศิวาชะงักงัน ทันทีที่แขนแกร่งสอดรัดเอวเล็ก กลิ่นหอมอ่อนๆจากเรือนผมสลวยและเนื้อตัวนุ่มนิ่มของเธอ ทำให้ศิวารู้สึกประหลาดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ให้ตายเถอะ ! เขาอยากบันดาลให้คนทั้งผับหายไปให้หมดเลยจริงๆ เพื่อที่เขาและเธอจะได้อยู่กันสองต่อสอง
“เอะอะอะไรกัน” เสียงดุๆดังขึ้น ก่อนที่ร่างอวบท้วมของเจ้าของสถานเริงรมย์แห่งนี้จะแหวกไทยมุงโผล่หน้าเข้ามา สายตาคมเค็มมองอินอรแล้วก็มองนาวิกาที่ถูกศิวากอดจากทางด้านหลังอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะเอื้อนเอ่ยคำพูดที่ร้ายกาจออกมาชนิดที่คนได้ฟังเป็นต้องอึ้งทุกคน โดยเฉพาะนาวิกาที่หน้าซีดเผือดจนแทบจะไม่มีสีเลือด
“หล่อนก่อเรื่องอีกแล้วนะ เมื่อวานก็ทีนึงแล้วที่ไปตบหัวล้านๆของลูกค้าแถมด่าเขาเสียชุดใหญ่ คราวนี้ยังจะมีเรื่องตบตีกับลูกค้าผู้หญิงอีก คราวนี้ฉันเห็นทีว่าจะต้องลงโทษหล่อนเสียบ้างแล้ว”
“ละ…ลงโทษ” นาวิกากลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก เหงื่อเม็ดเล็กๆเริ่มผุดขึ้นตามข้างขมับทั้งๆที่อากาศก็ไม่ได้ร้อนอะไร
“ใช่” สาวใหญ่ผู้ที่เป็นเจ้าของผับพยักหน้าน้อยๆก่อนจะหันไปยิ้มให้อินอรที่พยุงตัวลุกขึ้นมาแล้วด้วยท่าทางสะบักสะบอม
“ต้องขอโทษแทนเด็กของฉันด้วยนะคะ”
อินอรไม่ตอบอะไรออกมา เธอสะบัดหน้ามามองนาวิกาอย่างเคียดแค้น กรามถูกบดเข้าหากันเป็นสันนูน ในขณะที่นาวิกาเองก็ไม่ยอมหลบตา
“จำไว้ว่าเธอกับฉันมันคนละชั้นกัน”
“ค่ะ ฉันกับคุณมันต่างกันที่ฐานะแต่…ระดับการศึกษาของคุณมันก็ต่ำพอๆกับฉันนั่นแหละ” นาวิกาโต้กลับ ก่อนจะหันมองคนที่ยืนซ้อนอยู่เบื้องหลัง
“ปล่อยฉันได้แล้วค่ะคุณศิวา”
“รู้จักผมด้วยเหรอ” ชายหนุ่มทำหน้าเหรอหราก่อนจะยอมปล่อยมือออกจากเอวเล็กแต่โดยดี
“ทำไมจะไม่รู้จักคะ ฉันเห็นหน้าของคุณในหนังสือพิมพ์บ่อยๆ” หญิงสาวตอบเสียงเฉยเมย ไม่รู้สึกยินดีเลยสักนิดที่ได้รู้จัก‘คนดัง’อย่างเขา
อินอรเม้มปากเข้าหากันอย่างขุ่นเคือง ยิ่งเห็นศิวามองนาวิกาอย่างพอใจ เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบนาวิกามากยิ่งขึ้น
“ฉันเรียนจบปริญญาโทจากออสเตรเลีย การศึกษาดีกว่าคนอย่างเธอแน่นอน”
“อ้อ เหรอคะ… แต่คุณเคยได้ยินไหมคะ ที่คนโบราณเขาว่าเอาไว้ว่า…สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล จำไว้ว่า ถ้าคุณทำตัวไร้การศึกษากับฉันเมื่อไหร่ ฉันก็จะโต้ตอบในกิริยาที่เหมือนคุณ อย่าคิดว่าเป็นผู้ดีแล้วฉันจะไม่กล้าตบ” นาวิกาพูดพลางยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่งเล่นเอาอินอรเลือดขึ้นหน้า
“นี่แก!!” อินอรยกฝ่ามือขึ้น หวังจะตบหน้าเรียวๆนั่นสักทีให้หายแค้น แต่มือใหญ่เอื้อมมาจับข้อมือเธอไว้ได้ทัน
“กลับกันเถอะอร ผมหมดสนุกแล้ว” ศิวาพูดเสียงขรึมๆก่อนจะลากอินอรออกไปจากผับทันทีท่ามกลางสายตาของใครหลายคู่ที่มองตามหลังมาอย่างให้ความสนใจ
พอลับร่างของทั้งสองแล้ว นาวิกาก็ถอนหายใจเฮือก ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อสายตาเหลือบแลมาเห็นท่าทางดุดันของเจ้าของผับเข้าพอดี
“นกกา ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ ไปคุยกันที่ห้อง!!”
“คุณพูดว่าไงนะคะ” อินอรถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหู เมื่อโดนลากออกมาจนถึงรถที่จอดอยู่ในโรงรถข้างๆสถานเริงรมย์
“ผมว่าผมพูดดังแล้วนะ คุณยังไม่ได้ยินอีกเหรอ”
“คุณหาว่าอรผิดงั้นเหรอคะ”
“ใช่ คุณเป็นคนไปหาเรื่องผู้หญิงคนนั้นก่อน”
“แต่แม่นั่นมันยั่วคุณ”
“ผมไม่เห็นว่าเขาจะยั่วผมตรงไหนเลยนะ”
“แต่ฉันเห็น”
“สายตาคุณมันหาเรื่อง” ศิวาส่ายหน้าพร้อมกับเปิดประตูรถก้าวเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ ในขณะที่อินอรรีบวิ่งอ้อมไปเปิดประตูด้านข้างๆแล้วก้าวขึ้นนั่งด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด
“อรไม่ชอบสายตาที่คุณใช้มองแม่นั่น” อินอรบอกความรู้สึกของตัวเองไปพร้อมกับยกมือขึ้นลูบแก้มที่บวมช้ำของตัวเองไปด้วย
ศิวายกมุมปากขึ้นข้างหนึ่งพลางหรี่สายตามองคนข้างๆตัวอย่างหงุดหงิด
“คุณมีสิทธิ์หวงด้วยเหรอไง”
“คุณศิวา!!” อินอรตะเบ็งเสียงลั่น แต่เขากลับสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยท่าทางเฉยชา
“เราเคยตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือไงว่าจะไม่ผูกพันกัน”
“แต่ว่าอร…”
“หยุดพูดเถอะ ผมรู้ว่าคุณคิดอะไร และผมก็ไม่อยากฟัง เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณที่บ้าน”
“เอ๊ะ แล้วไม่ไปต่อเหรอคะ”
ศิวาปรายตามองอินอรเล็กน้อยก่อนจะส่ายหัวไปมาอย่างเอือมระอา แล้วพูดออกมาว่า
“สภาพอย่างคุณตอนนี้เนี่ยนะ… ผมว่าคุณกลับไปนอนพักที่บ้านน่ะดีที่สุดแล้ว”
รุ่งเช้าของวันใหม่
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” เสียงกรีดร้องดังลั่นขึ้นทั่วบ้านหลังเล็กก่อนจะเงียบเสียงลงไป ซึ่งเจ้าของเสียงก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็น….นาวิกานั่นเอง
ก็จะไม่ให้เธออึดอัดใจและเครียดจนต้องระบายออกมาเป็นเสียงกรี๊ดได้อย่างไรกันล่ะ ในเมื่อเมื่อคืนนี้เธอโดนยัยเจ๊มหาภัยเรียกไปด่าซะหูชา
นอกจากจะด่าแล้ว เธอยังโดนภาคทัณฑ์อีกต่างหาก
เจ๊ปากบานเจ้าของผับบอกกับเธอไว้ว่า…หากเธอก่อเรื่องอีกเป็นครั้งที่สาม เธอจะโดนไล่ออกจากงาน
ทำไม…ทำไม และก็ทำไม…ทำไมเธอต้องเป็นฝ่ายผิดแบบนี้ด้วย ทั้งๆที่ความจริงแล้วเธอไม่ได้เป็นฝ่ายหาเรื่องก่อนแท้ๆ
เมื่อคืนนี้กว่าจะได้กลับจากผับก็เป็นเวลาตีสองแล้ว เมื่อมาถึงบ้าน เธอก็เหนื่อยเกินกว่าจะมามัวนั่งคิดมาก พอล้มตัวลงนอนได้ก็หลับปุ๋ยไปเสียสนิท
พอตื่นขึ้นมาตอนเช้า เรื่องราวความเครียดจากเรื่องเมื่อคืนก็ประดังประเดเข้ามาไม่หยุด เธอจึงต้องกรี๊ดๆๆๆๆเพื่อความโล่งใจของตัวเอง
คิดได้แบบนี้แล้ว เธอจึงขอกรี๊ดอีกสักรอบ
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
พอเริ่มจะเจ็บคอ เธอก็หยุดโวยวายอย่างคลุ้มคลั่งแล้วลุกจากเตียงไปล้างหน้าในห้องน้ำ ยังล้างไม่ทันเสร็จดี เธอก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงผู้คนดังจ๊อกแจขึ้นที่หน้าบ้านของเธอ แถมยังมีเสียงตะโกนดังเข้ามาว่า
“คุณครับ คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
นาวิกาหยิบผ้ามาซับน้ำออกจากใบหน้าแล้วเดินไปเปิดประตูบ้านออกกว้าง และก็ได้พบกับผู้คนมากมายที่มายืนอออยู่
“มีอะไรกันเหรอคะ” หญิงสาวถามอย่างงงๆพลางเกาหัวแกรกๆ ในขณะที่ชายหนุ่มหนวดดกเป็นฝ่ายตอบออกมาว่า
“พวกผมได้ยินเสียงกรี๊ดของคุณ เลยนึกว่ามีขโมยเข้าบ้าน หรือไม่ก็…คุณกำลังจะถูกข่มขืน ผมกับชาวบ้านเลยวิ่งมาดูนี่แหละ”
ได้ฟังคำตอบแบบนี้แล้ว นาวิกาก็อ้าปากพะงาบๆทันที ก่อนที่หญิงสาวจะแหกปากโวยวายลั่นจนชาวบ้านพากันกระเจิดกระเจิงกลับบ้านตัวเองแทบจะไม่ทัน
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรโว้ยยยยยยย ฉันแค่กรี๊ดระบายความทุกข์เฉยๆ!!”
เพียงแรกเจอก็เกิดเรื่อง
แสงไฟกระพริบวับแวม เสียงดนตรีดังกระหึ่มเป็นจังหวะร็อค ทำให้เหล่านักท่องราตรีทั้งหลายอดใจไม่ไหวต้องขยับตัวตามท่วงทำนองเพลงที่เร้าใจ
แสงสี แอลกอฮอล์ ทุกอย่างปลุกเร้าให้ผู้คนเกิดความคึกคัก เต้นสะบัด ส่ายสะโพกโยกเอว บางคนก็จับกันเป็นคู่ๆทั้งกอดทั้งจูบกันโดยไม่อายสายตาใคร
ใครบางคนก็ว่ามันคือแหล่งบันเทิง แต่คนบางคนกลับมองว่ามันเป็นแหล่งอโคจรที่สาวใจแตกทั้งหลายชอบมาเที่ยวกัน
ศิวานั่งเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะ สายตาเหลือบแลไปทั่วงานทั้งๆที่ข้างกายของเขามีผู้หญิงอวบอึ๋มนั่งเบียดอยู่ใกล้ๆ
“ซีคะ ไม่สนใจ…” หญิงสาวยังท้วงไม่ทันจบ ริมฝีปากก็ถูกบดขยี้ด้วยปากร้อนๆของชายหนุ่มเข้าเสียก่อน จุมพิตที่ดูดดื่มแทบจะทำให้เธอลืมความน้อยใจไปหมดสิ้น ยกแขนขึ้นรัดรอบคอแกร่ง สนองจูบของเขาอย่างเร่าร้อนด้วยความชำนาญ
ยังจูบไม่ทันจะเสร็จ เสียงกระแอมกระไอของใครบางคนก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
“อะแฮ่มๆๆ” ทั้งอินอรและศิวาต่างพากันผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว ก่อนที่คิ้วเข้มๆของชายหนุ่มจะขมวดเข้าหากันแน่นเมื่อถามออกมาอย่างไม่พอใจ
“ขัดจังหวะทำไม”
“แหมมมมมมมมมม” หญิงสาวผู้ที่มาทีหลัง ยืนเท้าเอวด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็สะบัดไปมาอย่างมีจริต “ขอโทษด้วยนะคะที่ขัดจังหวะ แต่ฉันแค่อยากจะถามคุณว่า…จะรับเครื่องดื่มอะไรดี พอคุณสั่งเสร็จ คุณก็เชิญจูจุ๊บกับแฟนของคุณต่อได้เลยค่ะ”
ศิวาถลึงตาใส่นาวิกาอย่างไม่พอใจ ตาคู่คมกวาดมองไปทั่วร่างบางเป็นเชิงดูถูก
ร่างระหงสวมเสื้อเกาะอก โชว์หน้าท้องแบนราบและหน้าอกอวบอิ่มที่แทบจะทะลักออกมานอกตัวเสื้อ ที่สะดือของเธอถูกเจาะเอาไว้แล้วใส่เพชรเม็ดเล็กๆเป็นประกายวิบวาม ช่วงล่างสวมกางเกงขาสั้นแค่คืบ เน้นสะโพกผายตึงและช่วงขาเรียวยาวสวยเหมือนขานางแบบ
ดวงตาคู่เข้มเลื่อนขึ้นมาพิศใบหน้าของเธอบ้างอย่างรวดเร็ว
ผมของเธอถูกตัดออกซอยสไลด์ยาวถึงกลางหลัง รับกับใบหน้าเรียวมน คิ้วโก่งราวเสี้ยวจันทร์ ตากลมโตดำขลับ จมูกโด่งรั้น ปากอิ่มสีชมพูระเรื่อถูกทาด้วยลิปกลอสจนแวววาว เธอเป็นคนผิวสีน้ำผึ้ง ไม่ได้สวยผุดผาดบาดตาเหมือนผู้หญิงผิวขาว แต่เธอนั้นจัดอยู่ในประเภท…งามพิศ ยิ่งมองก็ยิ่งสวย ไม่เบื่อ
เมื่อรู้สึกตัวว่าจะมองเธอนานเกินไป เขาจึงกระพริบตาถี่ๆแล้วพูดออกมาว่า “ขอเหล้าที่ราคาแพงที่สุดในผับนี้”
“ค่ะ” นาวิการับคำ ก่อนจะเดินตัวปลิวผละออกไป โดยไม่รู้เลยว่ามีลูกตาคมๆของใครบางคนลอบมองช่วงเอวเล็กคอดกิ่วและสะโพกผายตึงของเธอจนลับสายตา
“มองตาค้างเชียวนะคะ” อินอรแขวะอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นผู้ชายที่เธอหมายตาเอาไว้เอาแต่มองนาวิกาชนิดที่ไม่ยอมสนใจเธอเลยสักนิด
“แล้วไง…” แทนที่ศิวาจะปฏิเสธ เขากลับหันมาย้อนถามเธอ เล่นเอาความโกรธของหญิงสาวพุ่งปรี๊ดขึ้นจนทะลุองศาเดือด
“พูดแบบนี้หมายความว่าไงกันคะซี นังนั่นสวยก็ไม่เห็นสวย ตัวก็ดำ”
ศิวายิ้มนิดๆที่มุมปาก ยามที่หันมากระซิบบอกที่ข้างๆหูอินอรอย่างไม่เกรงใจเลยว่า
“ผมไม่ได้ชอบคนสวย ผมชอบคน…เซ็กซี่”
“อ๊ายยย ทำไมพูดแบบนี้คะซี” ต่อให้อินอรจะกรี๊ดจนคอแทบแตกแต่เสียงเครื่องดนตรีที่ดังกระหึ่มอยู่ในขณะนี้ก็แทบจะกลบเสียงเธอไปได้จนหมด
ศิวาปรายตามองอินอรเล็กน้อยอย่างรำคาญ ก่อนจะถอนใจเฮือกแล้วเอนหลังขึ้นพิงพนักเก้าอี้ ความจริงแล้วเขาเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยในระดับพันล้าน ชีวิตของเขาคืองานและเงินเท่านั้น ส่วนเรื่องความรักน่ะตัดออกไปได้เลย เขาไม่ชอบเที่ยว แต่คืนนี้เขารู้สึกเครียดจากงานที่สะสมมานาน จึงคิดอยากจะมาผ่อนคลายในสถานเริงรมย์บ้าง โดยไม่ลืมที่จะหนีบคู่นอนอย่างอิงอรมาด้วย
ใช่! เขาจัดอินอรให้อยู่ในประเภท‘คู่นอน’เท่านั้น ก่อนที่จะเริ่มคบหากัน เขาเคยบอกเธอแล้วว่า…จะไม่มีข้อผูกมัดใดๆทั้งสิ้น ซึ่งเธอก็ยอมตกลงแต่โดยดี
แต่พอนานวันเข้า อินอรก็ชักจะไม่เป็นอย่างที่เธอเคยรับปากกับเขาเอาไว้ เธอชอบทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของของเขาจนน่าอึดอัด ถ้าไม่ใช่เพราะว่ายังเสียดายเธออยู่ เขาคงสลัดรักเธอไปนานแล้วล่ะ
เพียงมองตาเธอ เขาก็รู้แล้วล่ะว่า…เธอต้องการเพียงเงินของเขาเท่านั้น ไม่ได้รักเขาที่หัวใจบริสุทธิ์ เมื่อเธอมองเห็นคุณค่าของเขาที่จำนวนเงินทองในธนาคาร เขาก็จะตีค่าเธอให้เป็นเพียงแค่คู่ขา ไม่ใช่คู่ชีวิต
“มาแล้วค่ะ” เสียงใสๆดังขึ้น ฉุดดึงให้เขาตื่นจากภวังค์ความคิด ชายหนุ่มกระพริบตาปริบๆเพื่อจูนสมองให้อยู่กับเหตุการณ์ปัจจุบัน
นาวิกาวางแก้วเหล้าสองแก้วลงบนโต๊ะก่อนจะเตรียมเดินหันหลังกลับ แต่ได้ยินเสียงห้วนๆเรียกเอาไว้เสียก่อน เธอจึงชะงักเท้าลง ก่อนจะหันมามองอย่างสงสัย
“เดี๋ยว”
“มีอะไรคะ” นาวิกาถาม พลางมองผู้หญิงแต่งหน้าจัดจ้านที่นั่งคู่กับศิวาและกำลังลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับเธออย่างสงสัย
“ฉันหมั่นไส้หล่อนน่ะสิ” อินอรเปิดฉากหาเรื่องก่อน ความหึงความหวงมันทำให้เธอมองไม่เห็นความถูกผิด ตอนนี้เธอรู้สึกแค่ว่า เธอเกลียดยัยคนตัวดำ หุ่นเอ็กซ์คนนี้ที่สุด
“จะตบฉันงั้นเหรอคะ” นาวิกาถาม
“ก็ใช่น่ะสิ” อินอรตะคอกใส่ ในขณะที่นาวิกาขยับยิ้มเยือกเย็นเมื่อพูดออกมาว่า
“ข้อหาอะไรคะ”
“เกลียดหล่อน” พูดจบ อินอรก็ยกฝ่ามือขึ้นสูง ทำท่าจะตบลงมา แต่ศิวาห้ามเอาไว้เสียงดัง
“เฮ้ย! อรจะทำแบบนี้ทำไม กลับไปเลยไป” ชายหนุ่มออกปากไล่ตรงๆพร้อมกับลุกขึ้นมายืนข้างๆอินอรเพื่อห้ามปราม แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะฝ่ามือของอินอรถูกฟาดใส่แก้มใสของนาวิกาอย่างแรงจนเธอหน้าหัน
เพี๊ยะ!
เสียงตบ ถึงจะไม่ดัง แต่ก็ทำให้ทุกคนหยุดการเคลื่อนไหวทันที พร้อมกับหันมามองทางสองสาวด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น
“ตบฉันเรอะ” นาวิกาขึ้นเสียงสูง ตาโตๆวาววับเหมือนแม่เสือก่อนจะโผนร่างเข้าใส่อินอรแล้วจิกผมยาวสลวยที่ถูกจัดแต่งไว้อย่างดีอย่างแรง แล้วเขย่าไปมา
“ยัยโบ๊ะหน้าขาวโบ๊ะ ยัยผีจูออนเรียกป้า ฉันอยู่ของฉันดีๆ เธอมาตบฉันทำไม” ไม่พูดเปล่า นาวิกายังถีบหน้าท้องของอินอรอย่างแรงจนเธอกระเด็นไปกองอยู่ที่พื้น
นาวิกายกมือขึ้นเสยผมซอยๆของตัวเอง ก่อนจะก้าวเข้าไปจิกผมอินอรขึ้นมาอีกครั้ง
“เธอเกลียดฉันมากนักใช่มั้ย” สิ้นคำถาม เสียงฝ่ามือก็กระทบเข้าที่ใบหน้าซีกซ้ายของอินอรอย่างแรงจนหน้าสวยหันคว้างไปตามแรงมือ
เพี๊ยะ!
“ว้ายยย” อินอรได้แต่หวีดร้องครั้งแล้วครั้งเล่า ในขณะที่ศิวาที่เพิ่งได้สติรีบเข้ามาห้ามทันที
“เฮ้ย หยุดนะ พอได้แล้ว”
แต่เมื่อเห็นว่านาวิกายังคงตบอินอรไม่ยั้ง เขาจึงต้องใช้ไม้เด็ด นั่นก็คือ…เข้ากอดนาวิกาจากทางด้านหลัง เพื่อให้เธอหยุดตบตีอินอรเสียที!!
“กรี๊ดดดด อีตาบ้า ปล่อยนะ” นาวิกากรีดร้องโหยหวนอย่างตกใจ ในขณะที่ศิวาชะงักงัน ทันทีที่แขนแกร่งสอดรัดเอวเล็ก กลิ่นหอมอ่อนๆจากเรือนผมสลวยและเนื้อตัวนุ่มนิ่มของเธอ ทำให้ศิวารู้สึกประหลาดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ให้ตายเถอะ ! เขาอยากบันดาลให้คนทั้งผับหายไปให้หมดเลยจริงๆ เพื่อที่เขาและเธอจะได้อยู่กันสองต่อสอง
“เอะอะอะไรกัน” เสียงดุๆดังขึ้น ก่อนที่ร่างอวบท้วมของเจ้าของสถานเริงรมย์แห่งนี้จะแหวกไทยมุงโผล่หน้าเข้ามา สายตาคมเค็มมองอินอรแล้วก็มองนาวิกาที่ถูกศิวากอดจากทางด้านหลังอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะเอื้อนเอ่ยคำพูดที่ร้ายกาจออกมาชนิดที่คนได้ฟังเป็นต้องอึ้งทุกคน โดยเฉพาะนาวิกาที่หน้าซีดเผือดจนแทบจะไม่มีสีเลือด
“หล่อนก่อเรื่องอีกแล้วนะ เมื่อวานก็ทีนึงแล้วที่ไปตบหัวล้านๆของลูกค้าแถมด่าเขาเสียชุดใหญ่ คราวนี้ยังจะมีเรื่องตบตีกับลูกค้าผู้หญิงอีก คราวนี้ฉันเห็นทีว่าจะต้องลงโทษหล่อนเสียบ้างแล้ว”
“ละ…ลงโทษ” นาวิกากลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก เหงื่อเม็ดเล็กๆเริ่มผุดขึ้นตามข้างขมับทั้งๆที่อากาศก็ไม่ได้ร้อนอะไร
“ใช่” สาวใหญ่ผู้ที่เป็นเจ้าของผับพยักหน้าน้อยๆก่อนจะหันไปยิ้มให้อินอรที่พยุงตัวลุกขึ้นมาแล้วด้วยท่าทางสะบักสะบอม
“ต้องขอโทษแทนเด็กของฉันด้วยนะคะ”
อินอรไม่ตอบอะไรออกมา เธอสะบัดหน้ามามองนาวิกาอย่างเคียดแค้น กรามถูกบดเข้าหากันเป็นสันนูน ในขณะที่นาวิกาเองก็ไม่ยอมหลบตา
“จำไว้ว่าเธอกับฉันมันคนละชั้นกัน”
“ค่ะ ฉันกับคุณมันต่างกันที่ฐานะแต่…ระดับการศึกษาของคุณมันก็ต่ำพอๆกับฉันนั่นแหละ” นาวิกาโต้กลับ ก่อนจะหันมองคนที่ยืนซ้อนอยู่เบื้องหลัง
“ปล่อยฉันได้แล้วค่ะคุณศิวา”
“รู้จักผมด้วยเหรอ” ชายหนุ่มทำหน้าเหรอหราก่อนจะยอมปล่อยมือออกจากเอวเล็กแต่โดยดี
“ทำไมจะไม่รู้จักคะ ฉันเห็นหน้าของคุณในหนังสือพิมพ์บ่อยๆ” หญิงสาวตอบเสียงเฉยเมย ไม่รู้สึกยินดีเลยสักนิดที่ได้รู้จัก‘คนดัง’อย่างเขา
อินอรเม้มปากเข้าหากันอย่างขุ่นเคือง ยิ่งเห็นศิวามองนาวิกาอย่างพอใจ เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบนาวิกามากยิ่งขึ้น
“ฉันเรียนจบปริญญาโทจากออสเตรเลีย การศึกษาดีกว่าคนอย่างเธอแน่นอน”
“อ้อ เหรอคะ… แต่คุณเคยได้ยินไหมคะ ที่คนโบราณเขาว่าเอาไว้ว่า…สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล จำไว้ว่า ถ้าคุณทำตัวไร้การศึกษากับฉันเมื่อไหร่ ฉันก็จะโต้ตอบในกิริยาที่เหมือนคุณ อย่าคิดว่าเป็นผู้ดีแล้วฉันจะไม่กล้าตบ” นาวิกาพูดพลางยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่งเล่นเอาอินอรเลือดขึ้นหน้า
“นี่แก!!” อินอรยกฝ่ามือขึ้น หวังจะตบหน้าเรียวๆนั่นสักทีให้หายแค้น แต่มือใหญ่เอื้อมมาจับข้อมือเธอไว้ได้ทัน
“กลับกันเถอะอร ผมหมดสนุกแล้ว” ศิวาพูดเสียงขรึมๆก่อนจะลากอินอรออกไปจากผับทันทีท่ามกลางสายตาของใครหลายคู่ที่มองตามหลังมาอย่างให้ความสนใจ
พอลับร่างของทั้งสองแล้ว นาวิกาก็ถอนหายใจเฮือก ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อสายตาเหลือบแลมาเห็นท่าทางดุดันของเจ้าของผับเข้าพอดี
“นกกา ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ ไปคุยกันที่ห้อง!!”
“คุณพูดว่าไงนะคะ” อินอรถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหู เมื่อโดนลากออกมาจนถึงรถที่จอดอยู่ในโรงรถข้างๆสถานเริงรมย์
“ผมว่าผมพูดดังแล้วนะ คุณยังไม่ได้ยินอีกเหรอ”
“คุณหาว่าอรผิดงั้นเหรอคะ”
“ใช่ คุณเป็นคนไปหาเรื่องผู้หญิงคนนั้นก่อน”
“แต่แม่นั่นมันยั่วคุณ”
“ผมไม่เห็นว่าเขาจะยั่วผมตรงไหนเลยนะ”
“แต่ฉันเห็น”
“สายตาคุณมันหาเรื่อง” ศิวาส่ายหน้าพร้อมกับเปิดประตูรถก้าวเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ ในขณะที่อินอรรีบวิ่งอ้อมไปเปิดประตูด้านข้างๆแล้วก้าวขึ้นนั่งด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด
“อรไม่ชอบสายตาที่คุณใช้มองแม่นั่น” อินอรบอกความรู้สึกของตัวเองไปพร้อมกับยกมือขึ้นลูบแก้มที่บวมช้ำของตัวเองไปด้วย
ศิวายกมุมปากขึ้นข้างหนึ่งพลางหรี่สายตามองคนข้างๆตัวอย่างหงุดหงิด
“คุณมีสิทธิ์หวงด้วยเหรอไง”
“คุณศิวา!!” อินอรตะเบ็งเสียงลั่น แต่เขากลับสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยท่าทางเฉยชา
“เราเคยตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือไงว่าจะไม่ผูกพันกัน”
“แต่ว่าอร…”
“หยุดพูดเถอะ ผมรู้ว่าคุณคิดอะไร และผมก็ไม่อยากฟัง เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณที่บ้าน”
“เอ๊ะ แล้วไม่ไปต่อเหรอคะ”
ศิวาปรายตามองอินอรเล็กน้อยก่อนจะส่ายหัวไปมาอย่างเอือมระอา แล้วพูดออกมาว่า
“สภาพอย่างคุณตอนนี้เนี่ยนะ… ผมว่าคุณกลับไปนอนพักที่บ้านน่ะดีที่สุดแล้ว”
รุ่งเช้าของวันใหม่
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” เสียงกรีดร้องดังลั่นขึ้นทั่วบ้านหลังเล็กก่อนจะเงียบเสียงลงไป ซึ่งเจ้าของเสียงก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็น….นาวิกานั่นเอง
ก็จะไม่ให้เธออึดอัดใจและเครียดจนต้องระบายออกมาเป็นเสียงกรี๊ดได้อย่างไรกันล่ะ ในเมื่อเมื่อคืนนี้เธอโดนยัยเจ๊มหาภัยเรียกไปด่าซะหูชา
นอกจากจะด่าแล้ว เธอยังโดนภาคทัณฑ์อีกต่างหาก
เจ๊ปากบานเจ้าของผับบอกกับเธอไว้ว่า…หากเธอก่อเรื่องอีกเป็นครั้งที่สาม เธอจะโดนไล่ออกจากงาน
ทำไม…ทำไม และก็ทำไม…ทำไมเธอต้องเป็นฝ่ายผิดแบบนี้ด้วย ทั้งๆที่ความจริงแล้วเธอไม่ได้เป็นฝ่ายหาเรื่องก่อนแท้ๆ
เมื่อคืนนี้กว่าจะได้กลับจากผับก็เป็นเวลาตีสองแล้ว เมื่อมาถึงบ้าน เธอก็เหนื่อยเกินกว่าจะมามัวนั่งคิดมาก พอล้มตัวลงนอนได้ก็หลับปุ๋ยไปเสียสนิท
พอตื่นขึ้นมาตอนเช้า เรื่องราวความเครียดจากเรื่องเมื่อคืนก็ประดังประเดเข้ามาไม่หยุด เธอจึงต้องกรี๊ดๆๆๆๆเพื่อความโล่งใจของตัวเอง
คิดได้แบบนี้แล้ว เธอจึงขอกรี๊ดอีกสักรอบ
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
พอเริ่มจะเจ็บคอ เธอก็หยุดโวยวายอย่างคลุ้มคลั่งแล้วลุกจากเตียงไปล้างหน้าในห้องน้ำ ยังล้างไม่ทันเสร็จดี เธอก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงผู้คนดังจ๊อกแจขึ้นที่หน้าบ้านของเธอ แถมยังมีเสียงตะโกนดังเข้ามาว่า
“คุณครับ คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
นาวิกาหยิบผ้ามาซับน้ำออกจากใบหน้าแล้วเดินไปเปิดประตูบ้านออกกว้าง และก็ได้พบกับผู้คนมากมายที่มายืนอออยู่
“มีอะไรกันเหรอคะ” หญิงสาวถามอย่างงงๆพลางเกาหัวแกรกๆ ในขณะที่ชายหนุ่มหนวดดกเป็นฝ่ายตอบออกมาว่า
“พวกผมได้ยินเสียงกรี๊ดของคุณ เลยนึกว่ามีขโมยเข้าบ้าน หรือไม่ก็…คุณกำลังจะถูกข่มขืน ผมกับชาวบ้านเลยวิ่งมาดูนี่แหละ”
ได้ฟังคำตอบแบบนี้แล้ว นาวิกาก็อ้าปากพะงาบๆทันที ก่อนที่หญิงสาวจะแหกปากโวยวายลั่นจนชาวบ้านพากันกระเจิดกระเจิงกลับบ้านตัวเองแทบจะไม่ทัน
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรโว้ยยยยยยย ฉันแค่กรี๊ดระบายความทุกข์เฉยๆ!!”
อังกฤษ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 มิ.ย. 2556, 00:20:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ก.ค. 2556, 12:15:33 น.
จำนวนการเข้าชม : 924
ทองแท่งในกะลา >> |