กลร้าย สะใภ้นิรนาม
เมื่อปมการสูญหายอย่างลึกลับของลูกสาวเศรษฐีชื่อดังคือสาเหตุที่ทำให้‘เธอ’ต้องมาเยือนคฤหาสน์หลังนี้

หัวใจที่เข้มแข็งกลับต้องไหวเอนเมื่อได้พบกับ‘เขา’…ผู้ชายที่เธอตู่เอาอย่างหน้าด้านๆว่าเป็นสามี !

สามีกำมะลอที่กลับกลายมาเป็นสามีตัวจริง…และปมเงื่อนงำบางอย่างที่เริ่มคลี่คลายลง

เธอจะทำอย่างไรเมื่อความลับที่เธอได้มา…มันต้องแลกกับหัวใจของเธอที่อุตส่าห์รักษามานานร่วมยี่สิบสามปี



Tags: สืบสวน โรแมนติก ตลกๆ ตื่นเต้น

ตอน: เจอกันครั้งที่3... เธอก็บอกว่าเธอเป็นเมียผม

บทที่ 1
เจอกันครั้งที่3…เธอก็บอกว่าเธอเป็นเมียผม !!


ร่างสูงก้มหน้าก้มตาลงบันไดชั้นที่31เพื่อมาที่ชั้น30โดยไม่ทันสังเกตเห็นร่างบางๆของใครบางคนที่ยืนแกว่งพวงกุญแจรูปชินจังอยู่ที่ราวบันไดชั้นที่30

ทันทีที่หน้าเรียวเงยขึ้นมาเห็นเขา ร่างบางก็ปราดขึ้นบันไดมาอย่างรวดเร็วจนปะทะเข้าที่อกล่ำๆที่อยู่ภายใต้เสื้อสูทสีดำสนิทของชยากรเข้าเต็มแรงจนพวงกุญแจร่วงหล่นลงกระทบพื้นเสียงดังแผ่วๆ

กริ๊ก !

เสียงหล่นของสิ่งของชิ้นน้อยนั้นดูเบามาก เมื่อเทียบกับเสียงเจ้าของพวงกุญแจ

“ว้าย !” นอกจากจะอุทานออกมาเสียงแหลมปรี๊ดเหมือนนกหวีดแล้ว เจ้าหล่อนยังทำท่าเหมือนจะหงายหลังตกบันไดอยู่ร่อมร่อ ส่วนขนตาก็กระพือพึ่บพั่บเป็นการอ้อนวอนเป็นนัยๆให้เขา‘ช่วยจับตัวเธอเอาไว้ที’
ตาคมเบิกกว้างเล็กน้อย ก่อนที่มือใหญ่จะคว้าหมับเข้าที่คอเสื้อเมธาวีแล้วกระชากอย่างแรงจนร่างที่ทำท่าจะหงายหลังได้กลับมายืนตัวตรงแน่วเหมือนเดิม

แม้จะรู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยที่นอกจากเขาจะไม่คว้าร่างเธอมากอดแนบอกเหมือนในละครน้ำเน่าหลังข่าวที่เธอชอบดูแล้ว เขายังคว้าคอเสื้อเธอกระชากอีกต่างหาก…ผู้ชายอะไร ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลยสักนิด มากระชากคอเสื้อหญิงสาวที่แสนสวยและบอบบางอย่างเธอได้ยังไงกัน

“ขอบคุณค่ะ” ถึงจะนึกขุ่นเคืองใจ แต่ปากก็ยังอุตส่าห์กล่าวขอโทษตามบทบาทที่ฝึกฝนมาที่หน้ากระจกจนคล่องปรื๊ด แถมยังฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันทั้งสามสิบสองซี่ แต่ว่า…

“อือ” ชายหนุ่มเพียงรับคำสั้นๆในลำคอเท่านั้น พลางหลุบตาลงมองเธอจนทั่วตัว…เริ่มตั้งแต่พวงผมหยักศกสลวยสีดำสนิทที่ถูกมัดเป็นพวงไว้ด้านหลัง ใบหน้ารูปไข่ขาวผ่องแต่มันเยิ้มเหมือนไปวิ่งออกกำลังกายมาสักสิบกิโล ตากลมโตดูจะแฝงเลศนัยบางอย่าง ทำให้เขานึกเดาได้ทันทีว่าเธอคงจะเป็นคน‘กะล่อน’อยู่ไม่น้อย จมูกโด่งเล็ก ปากอิ่มสีชมพูสวย นับว่าเธอเป็นผู้หญิงที่หน้าตาดีอยู่ไม่น้อย แต่…ไม่ใช่สเปคของเขาอย่างแน่นอน !

ชายหนุ่มเลื่อนสายตาลงมาถึงหน้าอกอวบงามที่ดันเสื้อยืดขึ้นมาท้าทายสายตา เอวเล็กคอดกิ่ว และสะโพกผายตึงที่เห็นเด่นชัดเพราะเธอนุ่งกางเกงยีนส์

ถึงแม้ว่าจะสำรวจเธอจนครบทุกสัดส่วน แต่เขาก็ใช้สายตามองเธอเพียงแว่บเดียวเท่านั้นจนเธอแทบจะไม่รู้สึกว่าโดนเขามองแปลกๆเสียด้วยซ้ำ ก่อนที่ชายหนุ่มจะเมินหน้าหนี แล้วเดินเลยเธอลงบันไดหนีหายไปอย่างไม่ไยดี ทิ้งให้เมธาวียืนยิ้มค้างอยู่เพียงผู้เดียว

33วินาทีผ่านไป

ดวงตากลมโตเริ่มกระพริบปริบๆเมื่อสติเริ่มกลับมาดังเก่า เธอก้มลงหยิบพวงกุญแจบนพื้น ก่อนจะนำมันมาควงเล่นชั่วครู่ จากนั้นจึงยัดกุญแจใส่ลงในกระเป๋าสะพายย่ามที่สะพายไว้ข้างตัวพร้อมหยิบรูปถ่ายใบหนึ่งขึ้นมาดู

ผู้ชายในรูปที่เธอกำลังดูอยู่นั้น…กำลังยืนหันหน้าเข้าหากล้องเหมือนเต็มใจให้ถ่ายรูป หน้าของเขาคมสันได้รูปสมชายชาตรี คิ้วเข้มยาวพาดขนานดวงตาคมกริบสีน้ำตาล จมูกโด่งเป็นสันเหมือนเทพบุตรกรีก ริมฝีปากได้รูปเหยียดเป็นเส้นตรงอย่างไร้อารมณ์

ภาพหน้าตาที่แสนหล่อเหลาของคนในรูปช่างดูเหมือนกับผู้ชายที่เธอ‘จงใจ’ชนเมื่อครู่ไม่มีผิด และเธอก็ไม่คิดว่าจะเป็นคนละคนกันเสียด้วยสิ

ปากอิ่มเหยียดยิ้มออกมาอีกครั้งอย่างหมายมาด ดวงตาเป็นประกายวาววับ ยามที่เก็บรูปใบนั้นลงไว้ที่เดิมก่อนที่ขาเรียวจะก้าวเข้าลิฟต์ด้วยทีท่าที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจพร้อมกับประโยคหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในหัว

‘นับจากวันนี้เป็นต้นไป…คุณจะได้เจอกับฉันอีกนาน อยากรู้นักว่า…คุณจะทำหยิ่งเฉยชาเหมือนคนไร้ความรู้สึกแบบนี้ไปได้นานสักแค่ไหน !!’


บ่ายนี้ชยากรรู้สึกเหนื่อยๆอย่างบอกไม่ถูก ชายหนุ่มจึงสั่งให้เลขาช่วยชงกาแฟมาให้ที่ห้องทำงาน ระหว่างที่รอกาแฟอยู่นั้น มือใหญ่ก็วางปากกาที่จับลงบนโต๊ะก่อนจะลุกขึ้นไปหยุดอยู่ที่ริมหน้าต่าง

สะโพกสอบเพรียวพิงขอบหน้าต่าง ในขณะที่สายตามองเหม่อออกไปด้านนอก สีหน้าที่ไร้อารมณ์ดูจะไร้จุดหมายก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ

ระหว่างที่ยืนทอดอารมณ์เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าที่เกิดจากการทำงานอยู่นั้น สายตาเขาก็ไปสะดุดเข้าที่อะไรบางอย่าง…

ผู้หญิงตัวเล็กๆบางๆยืนอยู่ที่ข้างล่าง หน้าเรียวเงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาคมเข้มเข้าอย่างจัง แต่นอกจากเธอจะไม่รีบหลบสายตาแล้ว เธอยังฉีกยิ้มหวานให้เขาเสียอีก

ชายหนุ่มหรี่ตาลง เมื่อจดจำได้ว่า…ผู้หญิงคนนี้คือคนที่เคยเดินชนเขาเมื่อช่วงสายๆนั่นเอง

จะบอกว่าเธอสะดุดตาจนเขาจดจำได้ แม้ว่าจะเพิ่งเคยเจอกันเพียงครั้งเดียว…มันก็ไม่ถูก

แต่เป็นเพราะว่า…สมองของนักธุรกิจระดับพันล้านเช่นเขา จำเป็นที่จะต้องจดจำทุกสิ่งทุกอย่างให้ได้ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ รายละเอียดเล็กหรือไม่เล็ก เขาก็จะจำมันได้อย่างรวดเร็ว

และขณะนี้สมองของเขาก็กำลังประมวลความคิดอะไรบางอย่าง…ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน การแต่งกายก็ดูเหมือนชาวบ้านทั่วไป ไม่ได้สวมยูนิฟอร์มของทางบริษัท เพราะฉะนั้นตัดเรื่องที่เธออาจเป็นพนักงานของเขาออกไปได้เลย

ตากลมโตแต่แฝงแววเจ้าเล่ห์แบบนี้ มันทำให้เขาใคร่รู้อยู่ไม่น้อยว่าในดวงตาของเธอ…มันสื่อถึงอะไรอยู่
รอยยิ้มกว้างขวางเปิดขึ้นอีกครั้งจนหน้าเรียวที่ดูสวยแบบเรียบๆดูกระจ่างใสขึ้นทันตาเห็น ก่อนที่นิ้วชี้กับนิ้วกลางจะถูกชูขึ้นมาตรงหน้า

หลังจากชูสองนิ้วให้เขาเสร็จแล้ว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคำว่า‘สู้ตาย’ เธอก็เดินหนีจนพ้นสายตาเขาไปทันที เล่นเอาคนที่มองอยู่บนชั้นที่30ถึงกับงง

“อะไรวะ?” ชายหนุ่มถึงกับมึนตึ้บ ก่อนจะยกมือมาเกาท้ายทอยตัวเองอย่างงงๆ พร้อมเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ประตูห้องทำงานของเขาถูกเปิดออกเข้าพอดี

“เด็กบ้า!” ชายหนุ่มพึมพำ ทำเอาเลขาสาวที่ถือถ้วยกาแฟหอมกรุ่นเข้ามา ถึงกับชะงักกึก

“เอ่อ…”

ชยากรเงยหน้าขึ้นมองลลิสาก่อนจะปฏิเสธออกมาว่า “ผมไม่ได้ว่าคุณนะ”

“อ้อ ค่ะ กาแฟได้แล้วค่ะ” หญิงสาวขยับกาย นำกาแฟมาวางไว้บนโต๊ะให้เขา ก่อนจะยิ้มหวานหยดย้อย

“ครับ ขอบคุณ” แต่ดูเหมือนว่าผู้เป็นเจ้านายจะไม่ยอมรับรู้ถึงสะพานเสริมคอนกรีตที่เลขาพยายามทอดมาให้เลยสักนิด เพราะเขาเพียงกล่าวขอบคุณสั้นๆด้วยสีหน้าเฉยชาพลางหยิบถ้วยกาแฟมาจิบ เล่นเอารอยยิ้มหวานต้องหุบฉับลงทันควัน

“ค่ะ”

แล้วร่างระหงที่สวมส้นสูงร่วมหกนิ้วก็ก้าวฉับๆออกไปจากห้องทันทีด้วยอารมณ์ที่เคืองขุ่น…

ชยากร…หล่ออย่างที่จะหาใครมาเทียบด้วยได้ยาก

แต่ในขณะเดียวกัน เสน่ห์ของเขาก็ถูกบดบังด้วยสีหน้าที่แสนเฉยเมย

แม้ว่าผู้หญิงหลายๆคนจะมองว่าชยากรดูไร้อารมณ์ ไม่น่ารักเพราะไม่รู้จักยิ้ม

แต่สำหรับลลิสาแล้ว…เขาคือบุคคลที่น่าค้นหา และมีเสน่ห์ลึกลับอย่างบอกไม่ถูก

ที่สำคัญคือ…เขารวย เพราะฉะนั้น…เธอจะต้องจับเขาให้ได้ !!


หลังจากเลิกงาน ชายหนุ่มก็รีบตรงดิ่งกลับบ้านทันที วันนี้เขารู้สึกเพลียอย่างบอกไม่ถูก คิดอยากจะให้ถึงบ้านไวๆจะได้ล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มๆให้คลายจากความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้น

บ้านของเขาแม้จะใหญ่โตโออ่าเพราะราคานับร้อยล้าน แต่ก็ถูกสร้างห่างไกลชุมชนอยู่ไม่น้อย ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นเพราะพ่อของเขารักความสงบ และเบื่อชีวิตที่วุ่นวายนั่นเอง

ถึงจะเป็นเมืองหลวง แต่สองฟากทางที่จะไปบ้านเขากลับมีต้นหญ้าขึ้นรกครึ้ม แต่เขาก็ไม่ได้นึกกลัวอะไร อาจจะเป็นเพราะว่า…ชยากรคุ้นเคยเส้นทางนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วก็ได้กระมัง

ประตูรั้วอัลลอยด์สีทองสว่างถูกเลื่อนออกโดยอัตโนมัติก่อนที่รถยนต์คันหรูจะค่อยๆขับเคลื่อนเข้าไปอย่างช้าๆสู่ความโออ่าของตัวบ้านและบริเวณโดยรอบที่ถูกจัดแต่งไว้ด้วยน้ำพุ ต้นไม้ประดับราคาแพง และดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอมเย้ายวน

ชยากรเลี้ยวรถเข้าไปในโรงจอดรถขนาดใหญ่ที่มีรถยนต์ราคาแพงจอดสงบนิ่งอยู่อีกนับสิบคัน ก่อนที่เขาจะก้าวลงมาด้วยสีหน้าโรยๆ

ร่างสูงเดินเข้าไปภายในบ้าน คนรับใช้ชื่อ‘แหวว’ก็รีบนำน้ำมาเสิร์ฟอย่างรู้หน้าที่

“ขอบใจ” เขารับแก้วน้ำเย็นเฉียบมาจิบ ก่อนจะส่งแก้วคืนให้สาวใช้แล้วถามออกไปว่า “วันนี้พ่อฉันเป็นยังไงบ้าง”

แหววก้มหน้าลงต่ำก่อนจะตอบเสียงนอบน้อมว่า

“อาการยังทรงเหมือนเดิมค่ะ แต่ดูเหมือนวันนี้คุณท่านจะอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษ”

“อารมณ์ดี?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงทันทีพลางรูดเนคไทออก

“ค่ะ คุณชาไปดูเองเถอะค่ะ”

“อ้อ ตกลง” ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะโยนเนคไทไปทางโซฟาตัวใหญ่ แล้วเดินไปทางห้องของคุณวิศาลผู้เป็นบิดาทันที

พ่อของเขาอายุ65ปีแล้ว เจ็บป่วยออดๆแอดๆตามประสาโรคชราที่เริ่มมาเยือน ด้วยความที่ไร้เรี่ยวแรง เดินเหินไม่ค่อยสะดวก ชยากรจึงจัดห้องให้คุณวิศาลที่ชั้นล่างเพื่อจะได้ไม่ต้องขึ้นลงบันไดบ่อยๆให้ลำบาก

แต่ยิ่งนานวัน อาการของคุณวิศาลก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย เขาเคยคิดจะหาพยาบาลพิเศษมาดูแลพ่อ แต่คุณวิศาลไม่ยอม อ้างว่าตัวเองไม่ได้เจ็บป่วยหนักขนาดนั้น

แต่ก็ยังดีที่จิราผู้เป็นแม่บ้านคอยดูแลคุณวิศาลเป็นอย่างดี ทำให้ชายหนุ่มพลอยคลายความกังวลใจลงไปบ้าง

ความคิดของเขาได้สะดุดลงเมื่อผลักบานประตูห้องเข้าไป สิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือ…ภาพร่างกายผอมๆจนเห็นซี่โครงของบิดาที่นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงนอนขนาดคิงไซส์

สีหน้าของคุณวิศาลในตอนนี้ บอกได้คำเดียวว่า…แจ่มใสกว่าทุกๆวันที่ผ่านมา

ตาคมตวัดฉับไปข้างๆเตียงฝั่งขวา พบจิรายืนหน้าเผือดอยู่ไม่ห่าง

พอหันไปมองทางฝั่งซ้าย กลับพบผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่งนั่งอยู่ชิดติดขอบเตียง และตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นก็กำลังหันมาส่งรอยยิ้มน่ารักให้เขาอย่างเป็นมิตร

ร่างสูงถึงกับผงะถอยหลังไปหลายก้าว ตาสีน้ำตาลเบิกกว้าง…จะไม่ให้เขาตกใจได้อย่างไร ในเมื่อผู้หญิงคนนี้ก็คือคนเดียวกันกับคนที่ชนเขาเมื่อช่วงสายๆนั่นเอง !

“คุณ!” เสียงทุ้มๆเปล่งออกมาจากลำคออย่างยากลำบาก ในขณะที่หญิงสาวรีบลุกจากเก้าอี้มาเกาะแขนเขาด้วยท่าทีสนิทสนมทันทีโดยไม่อายต่อสายตาของใครในห้อง

“คุณสามีขา กลับบ้านแล้วเหรอคะ เหนื่อยหรือเปล่าเอ่ย? ท่าทางจะเหนื่อยมากสินะคะ…หน้าตาถึงได้ซีดเซียวซะขนาดนั้น”

“สามี?” เสียงแผ่วๆดังออกจากริมฝีปากหยักลึกได้รูป ตาคมเพ่งมองผู้หญิงข้างๆกายอย่างงุนงง

“แหมมม…” เมธาวีลากเสียงยาว ก่อนจะเอื้อมมือมาจับคางของเขาบีบเล่นอย่างสุดแสนจะเอ็นดู “หน้าตาตอนงงนี่น่ารักที่ซู้ดดดเลย ทำไมทำหน้าแบบนี้ล่ะคะคุณสามีขา จำเมธาวีคนนี้ไม่ได้เหรอ”

“เมธาวี ?” คิ้วเข้มขมวดมุ่น พยายามเค้นความจำออกมาสุดความสามารถ แต่ก็น่าแปลกเพราะ…ในสมองของเขาไม่เคยมีชื่อเมธาวีบันทึกอยู่เลยแม้แต่น้อย

“อ๊ะๆ ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าจำไม่ได้” เธอส่ายนิ้วจิ๊กๆไปมาตรงหน้าเขา ก่อนจะหมุนกายไปทรุดนั่งลงที่เดิมพร้อมทำตาปริบๆเรียกคะแนนความสงสารจากคุณวิศาล

“ดูสิคะ…พี่ชาจำเมไม่ได้”

“ไอ้ชา ทำไมแกเลวขนาดนี้วะ มีเมียกี่คนกันล่ะ ถึงขนาดจำไม่ได้เลยเนี่ย” คุณวิศาลเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง สายตาที่จับจ้องไปทางบุตรชายที่ยืนนิ่งอึ้งอยู่ตรงหน้าประตูเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

“ขอโทษหนูเมเขาเสียสิ” คุณวิศาลบังคับกลายๆ เล่นเอาชายหนุ่มต้องกระพริบตาถี่ๆก่อนจะปฏิเสธเสียงแข็ง

“ทำไมผมต้องขอโทษผู้หญิงคนนี้ ผมไม่เคยรู้จักคนที่ชื่อเมธาวีมาก่อน”

“ชา…พ่อบอกว่าให้แกขอโทษเมียแกเดี๋ยวนี้ไง”

“ผมไม่ขอโทษ ผมงงไปหมดแล้วนะ ผมไปมีเมียตอนไหน จำไม่ได้”

“ก็ตอนนั้นพี่ชาเมานี่คะ ปู้ยี้ปู้ยำเมยังไม่พอ ยังโยนเงินให้เมแค่ห้าร้อยบาท ดูถูกกันเกินไปแล้วนะ” ว่าพลาง หยาดน้ำตาก็หยดลงจากดวงตาคู่สวยของเมธาวี เล่นเอาคุณวิศาลสุดแสนจะเห็นใจยิ่งนัก จึงหันมาดุลูกชายอีกครั้ง

“นี่แกเลวถึงขนาดจำเมียตัวเองไม่ได้เชียวเรอะ!”

“แต่พ่อครับ…” เขาอ้าปากจะอธิบาย แต่โดนพ่อชี้นิ้วใส่หน้าเสียก่อน

“หยุด แกไม่ต้องพูดแก้ตัวอะไรอีกแล้ว ยังไงพ่อก็จะให้หนูเมอยู่ที่นี่ด้วย และพอหนูเมคุ้นเคยกับที่นี่แล้ว พ่อจะจัดงานแต่งงานให้ หลานของพ่อจะได้ไม่ต้องอายคนอื่นเขา”

“ไม่ได้นะพ่อ แต่งงานอะไรกัน ยัยนี่เป็นสิบแปดมงกุฎ จะให้ผมแต่งด้วยได้ไง”

“พ่อชักจะทนคำพูดของแกไม่ไหวแล้วนะ หนูเมกำลังมีหลานให้พ่อ เมื่อคลอดเด็กออกมา หนูเมยินดีจะพิสูจน์ดีเอ็นเอว่าใช่ลูกของแกแน่หรือเปล่า”

“แต่ว่า…กว่ายัยนี่จะคลอดลูก ผมคงต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ไปก่อน นี่พ่อคิดอะไรอยู่กันแน่ ทำไมถึงได้เชื่อคนอื่นมากกว่าลูกของตัวเอง”

“อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลยค่ะคุณชา” จิราเดินมาแตะที่แขนเขาเบาๆเพื่อให้ชายหนุ่มใจเย็นลง

“คุณจิราก็ดูพ่อผมสิครับ” เสียงห้าวๆส่อได้ชัดถึงความหงุดหงิด ก่อนที่ตาคมจะตวัดมาทางร่างระหงที่นั่งหน้าเศร้าอีกครั้งอย่างไม่พอใจ

ผู้หญิงคนนี้…คือสิบแปดมงกุฎชัดๆ เธอต้องการอะไรจากเขากันแน่ !

หัวสมองเขาเริ่มมึนตึ้บ ความเครียดที่สะสมมาจากงานในบริษัทรวมทั้งเหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ข้างขมับทั้งสองข้างพากันเต้นตุบๆราวจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ

“ทำไมทำหน้าดุอย่างนั้นล่ะตัวเอง” เมธาวีหันมาทำตาแป๋วใส่ชายหนุ่ม และนั่นก็ทำให้ความอดทนของเขาสิ้นสุดลง เท้าใหญ่ก้าวตรงไปหาร่างบางก่อนจะกระชากข้อมือเล็กอย่างแรง

“นั่นแกจะพาหนูเมไปไหน อย่ารุนแรงนักสิ เขาท้องอยู่นะ” คุณวิศาลร้องท้วงอย่างนึกเป็นห่วงหญิงสาว ในขณะที่ชยากรหลุบเปลือกตาลงมองหน้าท้องแบนราบของเธอชั่วแว่บหนึ่งก่อนจะพูดเสียงลอดไรฟันว่า

“ยัยนี่โกหก!” พูดจบ เขาก็ลากเธอออกไปจากห้องทันทีท่ามกลางสายตาที่แสดงออกได้ชัดถึงความเป็นห่วงของคุณวิศาลและจิรา !!




อังกฤษ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 มิ.ย. 2556, 00:35:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 มิ.ย. 2556, 00:35:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 805





เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account